"เช่นนั้นข้าจะรีบไปอุ่นข้าวก่อนแล้วกัน" ป้าจงเองก็รีบไปทำงานเช่นกันลุงจงป้อนม้าตัวนั้นแล้วเรียบร้อย กำลังกวาดลานบ้าน พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงตื่นแล้วก็ยิ้มขึ้นมา ไม่รู้เพระาอะไร ตอนที่ฟู่จาวหนิงนอนหลับยังไม่ตื่น จิตใจของพวกเขาทั้งหมดก็เหมือนจะทั้งตึงทั้งเครียดตอนนี้พอได้ยินว่านางตื่นแล้ว พวกเขาก็วางใจลงมาทันทีฟู่จาวหนิงหลังจากล้างหน้าล้างตา ป้าจงก็ยกกับข้าวเข้ามาแล้ว"ท่านปู่ตื่นมาแล้วพูดอะไรหรือไม่?""ท่านผู้เฒ่าหลังจากตื่นมา พวกเราก็บอกว่าท่านนอนหลับอยู่ในห้อง เขาก็ไม่พูดอะไรอีก น่าจะรอให้ท่านตื่นก่อนแล้วค่อยพูดกระมัง" เสี่ยวเถาเอ่ยขึ้น"ท่านผู้เฒ่าดูแล้วเหมือนกำลังวังชาจะดีขึ้น พอกินยาลูกกลอนที่คุณหนูให้มาไปสองครั้ง ตอนกลางวันก็กินข้าวได้ และนอนหลับไปแล้ว"พวกของป้าจงล้วนรู้สึกว่ายาลูกกลอนขวดเล็กที่ฟู่จาวหนิงส่งมาให้เมื่อวานนี้มีประสิทธิภาพดีมาก ยอดเยี่ยมมาก เพราะว่าเมื่อคืนกับวันนี้ผู้เฒ่าฟู่หลังจากกินลงไปสองครั้งก็กินข้าวได้แล้วก่อนหน้านี้เขากินอะไรไม่ลงเลย"่ข้าไปดูท่านปู่ก่อน""คุณหนู ท่านเมื่อวานกลับมายังไม่ได้กินอะไรเลย รีบกินข้าวเสียก่อนเถิด ท่านผู้เฒ่ายังนอนหลับอย
ฟู่จาวหนิงยืนขึ้นมา โมโหจนหน้าเขียว"ตระกูลเจียงยังมีร้านอยู่นี่ แล้วร้านล่ะ?""ร้าน"ป้าจงกับเสี่ยวเถาสบตากัน รู้สึกลำบากใจมาก"คุณหนู ท่านช่วงนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องการทำธุรกิจ ฮูหยินรองฮูหยินสามก็เข้ามาหาท่านผู้เฒ่าอยู่ตลอด บอกว่าส่งร้านให้พวกนางดูแลเถอะ แล้วทุกปีจะแบ่งเงินส่งมาให้"ประหยัดคนแก่ป่วยกระเสาะกระแสอย่างท่านผู้เฒ่าไปคน แล้วก็ยังมีสาวน้อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างฟู่จาวหนิงอีกคน ทำเอาร้านพังป่นปี้ไปจนหมดแล้ว"ท่านผู้เฒ่านำสัญญาของร้านส่งเป็นสินสอดให้คุณหนูแล้ว วันนั้นคุณหนูก็กอดอยู่บนเกี้ยวนี่ คุณหนูไม่รู้หรือ?"เสี่ยวเถามองฟู่จาวหนิงอย่างประหลาดกล่องสินสอด?ในหัวสมองฟู่จาวหนิงเหมือนมีภาพหลายภาพแล่นปรากฎขึ้น แต่ว่าหัวของนางก็เจ็บปวดขึ้นมานางตอนนี้เพิ่งคิดออกถึงปัญหาหนึ่ง คุณหนูฟู่ออกจากบ้านวันนั้น ขึ้นเกี้ยว แล้วตายในเกี้ยวอย่างไรกัน ความทรงจำสั้นๆ ช่วงนี้เหมือนจะไม่มีอยู่เลยความทรงจำสุดท้าย ก็คือนางนั่งอยู่หน้าโต๊ะแต่งหน้าในห้องนี้ หยิบผ้าคลุมแดงลงมาคลุมด้วยตนเอง จากนั้นหลังจากที่ตื่นมา นางก็ข้ามมิติมาแล้ว"ข้าวันนั้นออกไปขึ้นเกี้ยวด้วยตนเองเลยหรือ" ฟู่จาวห
"เจ้าค่ะ" ป้าจงก้มหน้าท้องของนางกับเสี่ยวเถาก็ร้องขึ้นมาพร้อมกัน"พวกเจ้ายังไม่กินข้าวหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าเย็นชาลงถ้าหากนางไม่กลับมา คนใช้บ้านตระกูลฟู่เหล่านี้ ไม่หิวตายกันหมดแล้วหรือ?"คุณหนู พวกเรากินกันแล้ว" เสียงของเสี่ยวเถาต่ำลงมาพวกเขากินกันแล้ว แต่พวกเขาก็แค่กินข้าวต้มจางๆ กับผักดองนิดหน่อย ไม่ได้อิ่มอะไรเลย ดังนั้นผ่านไปแค่ชั่วยามเดียวพวกนางก็หิวขึ้นมาอีก"ไป ไปข้างหน้ากัน!"ฟู่จาวหนิงโมโหกระฟัดกระเฟียดเดินออกประตูไป พอกำลังจะเดินไปยังบ้านสองกับบ้านสาม เตรียมไปหาฟู่เจียวเจียวกับฟู่เป่าเจิน ลุงจงก็เดินเข้ามา ด้านหลังมีจงเจี้ยนติดตามอยู่บนตัวจงเจี้ยนแบกของอยู่ไม่น้อย เพราะว่าไม่มีอะไรจะใส่ ดังนั้นจึงใช้เถาวัลย์กับเชือกฟางสานขึ้นมา เขาแบกมากองใหญ่ สองมือก็ถืออยู่ไม่น้อยเลย"คุณหนู เขาบอกว่ามาหาท่านน่ะ"ลุงจงตาขวางเล็กๆ เพราะบนตัวจงเจี้ยนนอกจากแบกหญ้าอยู่กองหนึ่งแล้ว ยังมีไก่ป่ากระต่ายป่า แล้วยังมีตะกร้าที่ถักจากหญ้า ด้านในใส่ไข่ไก่ป่าไว้เต็มฟู่จาวหนิงเห็นของเหล่านี้ก็เพิ่งคิดขึ้นมาได้"เจ้าทำไมกลับมาช้าเหลือเกิน?"นางคิดว่าจงเจี้ยนเมื่อวานก็กลับมาแล้วเสียอีก แ
"สถานการณ์ของผู้เฒ่าฟู่ไม่ค่อยดีนัก คุณหนูฟู่ ไม่สิ พระชายานางอาจจะวางใจไม่ลงกระมัง"จงเจี้ยนพูดแทนฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณ "ตอนอยู่ที่เขาจันทร์ลับฟ้า พระชายาหาวัตถุดิบยามาหลายชนิด นางบอกว่าสิ่งเหล่านั้นผู้เฒ่าฟู่จะได้ใช้ แต่ร่างกายท่านผู้เฒ่าร่างกายยังต้องทนต่อผลกระทบของยาให้ได้เสียก่อน จึงจะถือว่าผ่านด่านที่ยาก จากนั้นก็ค่อยๆ ชุบเลี้ยงเอา"อ๋องเจวี้ยนมองเขา "นางอยู่ในภูเขาแต่ก็ยังคุยกับเจ้าเสียมากมายเลยหรือ?"""เรียนท่านอ๋อง ไม่ได้คุยกันมากเท่าไรนัก เพียงแต่ข้าน้อยถามมากไปหน่อย พระชายาเองบางครั้งก็ตอบข้าอย่างไม่มีทางเลือกอ๋องเจวี้ยนหมุนตัว "ไปจัดการตัวเองแล้วมาหาข้าที่ห้องหนังสือ"เขาอยากจะฟังเสียหน่อยว่าหลายวันนี้ฟู่จาวหนิงหาวัตถุดิบยามาได้มากเท่าไร แล้วทำอะไรไปจงเจี้ยนถึงได้หันมาพูดแทนนางแล้ว"ขอรับ"จงเจี้ยนรีบจัดการตนเอง สามวันไม่ได้อาบน้ำในภูเขา เขาแทบจะรับตัวเองไม่ไหวแล้วพอเขาจัดการตัวเองเสร็จ ตอนที่ตามอ๋องเจวี้ยนเข้าไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนภูเขา ในวังก็ส่งคนเข้ามาแล้วหมอหลวงเฉินกับซุนมามาเดินเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนผู้ดูแลจงตอนเห็นพวกเขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาก่อนที
"รีบไปบอกท่านอ๋องเร็ว"อ๋องเจวี้ยนพอได้ยินเรื่องนี้ ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง "ให้นางไปเถอะ ข้าก็จะดูเสียหน่อย ว่าฟู่จาวหนิงจะรับมือยายเฒ่าที่มีนิสัยแปลกประหลาดเคร่งกฏและทื่อๆ จากในวังได้หรือไม่""ท่านอ๋อง ได้ยินมาว่า นักบุญหญิงจากเผ่าโม๋ลั่วเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นเจาแล้ว!" มีทหารลับรีบเดินตรงเข้ามา "นักบุญหญิงในเมื่อเข้ามาแล้ว จะต้องนำไหมใจโลหิตติดมาด้วยแน่นอน"พอได้ยินข่าวนี้ สีหน้าของอ๋องเจวี้ยนก็ผ่อนคลายลงมา เขาเคาะนิ้ว "ไหมใจโลหิต!"หากจะนำพิษที่ค้างอยู่ในตัวเขาออกมา รวมถึงในตัวยาที่รักษาอาการของเขามาหลายปีนี้ ไหมใจโลหิตคือหนึ่งในวัตถุดิบยาด้านในพวกเขาหาข่าวมาหลายปี จึงได้ยินว่าใต้หล้านี้มีชนเผ่าที่เร้นกายต่อโลกที่ชื่อว่าเผ่าโม๋ลั่ว ในเผ่าทุกๆ สิบปีจะเลือกนักบุญหญิงออกมาคนหนึ่ง นักบุญหญิงสามารถค้นหาไหมใจโลหิตได้ และเป็นหญิงสาวที่สามารถชุบเลี้ยงไหมใจโลหิตได้หลังจากชุบเลี้ยงไหมใจโลหิตก็จะถูกนักบุญหญิงพาติดตัวไปด้วย แต่ว่าคนของเผ่าโม๋ลั่วก็ออกจากเขาน้อยครั้งมาก นักบุญหญิงเองก็ตัวตนฐานะสูงส่งจนไม่ค่อยออกมาง่ายๆครั้งนี้กลับมาเมืองหลวง ก็เพราะได้รับข้อมูลมาว่า พิธีเดิมพันโอสถครั้ง
และพอดีว่ามีลมพัดเข้ามาจากทางฟู่จาวหนิงพอดีไห่ฉางจวิ้นจมูกฟุดฟิด ดวงตาเป็นประกาย จ้องเขม็งไปทางฟู่จาวหนิง"นางคือใครหรือ?"น้ำเสียงนางดูตื่นเต้นเล็กน้อยฮูหยินสามฟู่พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ตะลึงงันไป ก่อนหน้านี้ได้ยินพี่สะใภ้รองบอกว่าฟู่จาวหนิงเหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคน ดุร้ายขึ้นมา หลายวันนี้เพื่อรอไห่ฉางจวิ้น นางก็ไม่คิดจะปะทะกับฟู่จาวหนิง คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะมาเจอกันที่นี่"นางคือฟู่จาวหนิง เป็นหลานสาวคนโตของท่านผู้เฒ่าของตระกูลฟู่เรา" ฮูหยินสามฟู่พอเห้นท่าทางของฟู่จาวหนิงก็รู้สึกลางไม่ค่อยดี "ฉางจวิ้น พวกเราเดินทางอื่นเถิด จาวหนิงนางนิสัยไม่ค่อยดีนัก""ไม่ บนตัวนางมีกลิ่นของวัตถุดิบยาที่ข้าต้องการอยู่!"ไห่ฉางจวิ้นกลับรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาฟู่จาวหนิง"ฟู่จาวหนิง!""ใครน่ะเจ้า?"ในความทรงจำฟู่จาวหนิงไม่มีคนนี้อยู่ แต่หญิงสาวที่แต่งตัวชุดกระโปรงดำคนหนึ่งจู่ๆ ก็เรียกชื่อนางขึ้นมา สายตาที่มองนางเปล่งประกาย นางก็รู้สึกขนลุกเล็กๆคนผู้นี้โผล่มาจากไหนกันนะ?"ข้าชื่อว่าไห่ฉางจวิ้น บนตัวเจ้ามีกลิ่นของบุปผาล้างราตรีอยู่ เจ้ามีบุปผาล้างราตรีอยู่ใช่หรือไม่?" ไห่ฉางจวิ้นเองก็ตรงไปตรงมา
"นี่ก็จะเอาแต่บังคับซื้อบังคับขายหรือ?" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว "ข้าบอกว่าไม่มี พวกท่านฟังไม่ออกหรือไรกัน?""ข้าจะให้เจ้าหนึ่งพันตำลึง!" ไห่ฉางจวิ้นเอ่ยขึ้นกะทันหันดวงตาฮูหยินสามถลึงกลมโตขึ้นมาหนึ่งพันตำลึง?นั่นมันดอกไม้อะไรกัน มุลค่าตั้งหนึ่งพันตำลึง? นางเองก็หวั่นไหวขึ้นมาแล้ว!"จาวหนิง หนึ่งพันตำลึงนะ ท่านผู้เฒ่าไม่ใช่ต้องหาหมอต้องซื้อยาหรอกหรือ? เจ้ารับหนึ่งพันตำลึงมาไม่ดีหรือไร? รีบเอาดอกไม้นั่นให้ฉางจวิ้นเถอะ" ฮูหยินสามรีบเอ่ยขึ้น"ไม่มี ต่อให้เจ้าจะให้หมื่นตำลึงวันนี้ข้าก็ไม่มี" ฟู่จาวหนิงหมุนตัวจะเดินไป ฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวจะต้องคิดหลบหน้าช่วงนี้แน่ แอบหนีไปแล้วแต่ของเหล่านั้นพวกนางคงไม่มีทางใช้หมดในเวลาสั้นแๆ แน่ นางยังรอได้"เจ้ารอก่อน"ไห่ฉางจวิ้นไล่ตามฟู่จาวหนิงทันทีบุปผาล้างราตรีนางจะต้องได้ไป! คุณสมบัติร่างกายของนางไม่ใช่ปกติ คุณสมบัติร่างกายเช่นนี้สามารถดึงดูดไหมใจโลหิตได้ ชุบเลี้ยงไหมใจโลหิตได้ แต่ว่า ตอนที่ให้กำเนิดทายาทก็จะเลือดออกมากจนหัวใจหยุดเต้นได้ง่ายมีแค่บุปผาล้างราตรีเท่านั้นที่สามารถทำให้นางให้กำเนิดทายาทข้ามพ้นอันตรายนี้ไปได้นักบุญหญิงทุก
เสี่ยวเถาตอนนี้เพิ่งพบว่าบนหน้าของฟู่จาวหนิงมีรอยสีเขียวคล้ำอยุ่ปื้นหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูบอกว่าจะไปสกัดยา จึงจงใจเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดเก่าก่อนหน้านี้เสื้อผ้าเก่าชุดนี้คุณหนูก่อนหน้าสวมไปหายาที่ตีนเขา ดังนั้นจึงเลี่ยงการมีรอยเปื้อนที่ล้างไม่ออกไม่ได้ และบางจุดที่ถูกเกี่ยวจนขาดก็เย็บปะเอาไว้ฟู่จาวหนิงตอนอยู่ในบ้านไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการแต่งกายนัก ตอนนี้กลับทำให้ซุนมามาเข้าใจผิดเสียแล้วฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็เพิ่งขบคิดขึ้นได้ ว่าประโยคที่ซุนมามาพูดไว้หมายถึงอะไรนางจู่ๆ ก็รู้สึกน่าขัน"ได้ยินว่าซุนมามาเป็นคนข้างกายฮองเฮาเช่นนั้นหรือ" ฟู่จาวหนิงถามกลับซุนมามาเลิกหนังตาใส่นาง "ถูกต้อง""ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นมามาอบรมมารยาทด้วย สั่งสอนพวกองค์หญิงท่านหญิงต่างๆ ด้วยสินะ?""นั่นแน่นอน"ซุนมามาตอนที่พูดสามคำนี้ก็ยืดหลังตรงขึ้นมา สีหน้าหยิ่งทะนง นางไม่ใช่มามาธรรมดานะ! กระทั่งองค์หญิงเหล่านั้นเองพอเข้าวังก็ยังต้องมีนางคอยเสี้ยมสอน"เมื่อเป็นเช่นนี้ สายตาของซุนมามาก็น่าจะร้ายกาจถึงจะถูก แต่นี่ข้าทำไมถึงรู้สึกว่าท่านเหมือนจะตาบอดกันนะ?" ฟู่จาวหนิงเม้มปากยิ้มเอ่ยขึ้นในใจนางมีไฟโทสะอยู่
เศรษฐีฟางดีใจมาก ฟู่จิ้นเชินชมลูกสาวตนเองเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคนดี "คุณชายฟู่ พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็เป็นคนดีมาก ท่านกับฮูหยินฟู่หลังจากนี้ก็ดีกับนางหน่อยล่ะ เด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ""แน่นอน"ยังดีที่ฝนไม่ได้ตกนานมาก พวกเขาคุยกันครู่หนึ่ง ฝนก็หยุดแล้วพวกเขาจึงรีบเดินทางต่อหลังจากนั้นสองชั่วยาม ตอนที่ราตรีเข้ามาก็มาถึงจุดพักม้าแห่งหนึ่ง ใช้ค้างแรมได้"ก่อนหน้านี้ส่งคนเข้ามาแจ้งช่วงเวลาที่น่าจะมาถึง พวกเขาก็น่าจะเตรียมข้าวปลาอาหารไว้แล้ว คุณชายฟู่ พระชายา พวกท่านไปล้างหน้าล้างตากันก่อน อีกเดี๋ยวค่อยลงมาท่านข้าวเถอะ" อันเหนียนเอ่ยขึ้น"ได้" ฟู่จาวหนิงรับขึ้นมาเสียงหนึ่ง"คุณหนู" เสี่ยวเยว่ที่แต่งเป็นเชายเดินเข้ามา "ข้าไปเตรียมน้ำให้ท่านนะ""เสี่ยวเยว่?"ฟู่จาวหนิงมองฟู่จิ้นเชิน เสี่ยวเยว่เดิมทีอยู่ที่บ้านตระกูลฟู่ นางเองก็ไม่ได้เอาสาวใช้มาที่เมืองเจ้อด้วย คิดไม่ถึงว่านางจะตามมาแล้ว"ให้นางติดตามไปเถิด ข้างกายเจ้ามีสาวใช้อยู่บ้างก็ดูสะดวกดี" ฟู่จิ้นเชินทักมาคนก็ตามมาแล้วด้วย จะทำอย่างไรได้อีกกัน?ฟู่จิ้นเชินเสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง "นี่เป็นความต้องการของอ๋องเจวี้ย
อันเหนียนยื่นมือไปประคองฟู่จาวหนิง แต่เขาเพิ่งยื่นมือออกไป ตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้ากับเสียงฟางซือฉิงด้านหลัง สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา หดมือกลับไปเขาเอียงตัว ให้ฟางซือฉิงผ่านเข้าไปจากนั้นก็ส่งสายตากับฟู่จิ้นเชิน"คุณชายฟู่ เข้าไปในวัดหลบฝนก่อนเถิด" อันเหนียนเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยน"เชิญท่านผู้ตรวจการอัน"ฟู่จิ้นเชินส่งร่มให้ฟู่จาวหนิง ส่วนตนเองก็เข้าไปในร่มของอันเหนียนฟู่จาวหนิงกางร่ม กระโดดลงมาจากรถม้า ยื่นร่มไปกางบนหัวฟางซือฉิง "ทำไมถึงวิ่งมาที่นี่ล่ะ? ระวังเปียก""จาวหนิง" ฟางซือฉิงใช้ศอกสะกิดนาง จากนั้นมองไปทางอันเหนียน ประชิดตัวนางเอ่ยขึ้นเบาๆ "ผู้ตรวจการชิงนี่อ่อนโยนดีจัง"ภาพที่อันเหนียนกางร่ม แล้วยื่นมือไปหาฟู่จาวหนิงนั่น น่าดูจริงๆแต่นางก็กล้าคิดแค่ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแค่คิดเช่นนั้นก็รู้สึกผิดต่ออ๋องเจวี้ยนแล้วฟู่จาวหนิงตีนาง "ผู้ตรวจการอันโอ่นโยนกับองค์หญิงหนานฉือมากกว่าอีก""อืมอืม"ฟางซือฉินเองก็ไม่กล้าพูดมากกว่านี้"พระชายา รีบเดินเร็ว" ฮูหยินฟางกวักมือหาพวกนาง "ซือฉิงเด็กคนนี้นี่ อายุตั้งเท่าไรแล้ว ยังจะกระโดดโลดเต้นแบบนี้อีก"ยืนรออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว จะวิ่งแจ
ด้านนอกรถม้าจู่ๆ มีเสียงเคาะเปาะแปะ และถี่มากฝนตกแล้วเม็ดฝนค่อนข้างใหญ่ แรงที่กระทบตัวรถม้าไม่เบาเลยเสียงพูดคุยด้านนอกก็ดังเพิ่มขึ้นมา พวกเขาล้วนตะโกนให้เร่งความเร็ว วิ่งตรงไปอีกหน่อย ลองดูว่าข้างหน้ามีจุดให้หลบฝนบ้างไหมสองฟากฝั่งถนนทางการก็โล่งโจ้ง ไม่มีต้นไม้ไม่มีเพิ่งน้ำชา ชั่วขณะหนึ่งยังหาที่หลบฝนไม่ได้หิมะแม้จะละลายไปมากแล้ว แต่ตอนนี้พอฝนตกถนนก็เป็นดินโคลนและยังเปียกลื่นด้วยพวกเขานำของมาไม่น้อย หากพลิกคว่ำไปจะสกปรกเอา"ตอนนี้ทำไมมีฝนตกได้เนี่ย?"สืออีที่ขี่ม้าอยู่ด้านนอกก็พูดกับสือซานขึ้นมา"อากาศช่วงครึ่งปีนี้เดิมทีก็ประหลาดอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะมีผู้ประสบภัยตั้งมากมายได้อย่างไร" สือซานถอนใจ "ไม่เช่นนั้นผู้คนจะพูดหรือว่าดวงชะตาของแคว้นเจาเดินมาถึงปลายทางแล้ว?"ดวงชะตาเดินถึงปลายทางแล้ว เช่นนั้นก็อาจจะเกิดภัยธรรมชาติหรือหายนะจากมนุษย์ได้สินะ?ถึงอย่างไรสถานที่ต่างๆ ก็ล้วนประสับภัยกัน พวกเขาทางนี้จู่ๆ ฝนตกหนักก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร"อย่าพูดจาไร้สาระ รีบเร่งเดินทางเถอะ เพิ่มความระมัดระวังด้วย" สืออีตะคอกขึ้นมาคนตระกูลฟางที่รออยู่ในวัดภูเขาแห่งหนึ่งด้าน
ฟู่จาวหนิงในเมื่อถามขึ้นมาแล้ว เขาจึงบอกกับนางอย่างตั้งใจ"ยังมีอีกเรื่อง ข้าอยากจะเปิดโรงศึกษา ไปเป็นอาจารย์"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเขาอยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้วย"อันที่จริงตอนนั้นถ้าหากข้าไม่ได้ออกไป ข้าก็เกือบได้เดินในสองเส้นทางนี้แล้ว ถ้าหากสอบติดขั้นสูง ก็เข้าวังเป็นข้าราชการ ถ้าหากสอบไม่ผ่าน ก็จะทำโรงศึกษาเพื่อสอนผู้คน"ฟู่จิ้นเชินยิ้มๆ นั่งลงให้สบายอีกหน่อยท่าทางของเขาดูมีรสนิยมอย่างเป็นธรรมชาติ แม้จะเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่ก็ยังดูดีมีเสน่ห์กว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก"แต่ว่า เรื่องเหล่านี้มันก็เป็นแค่ความฝัน"คำพูดฟู่จิ้นเชินหักเปลี่ยน มองฟู่จาวหนิง "ข้าไม่รีบร้อนตั้งเป้าหมายอะไรให้ตนเอง เพราะข้ายังรู้สึกได้รางๆ ว่าช่วงสองปีนี้สำหรับแคว้นเจาของพวกเราแล้ว อยู่ในจุดเปลี่ยนที่ยากจะคาดเดา""หมายความว่าอย่างไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงนั่งตัวตรง"องค์จักรพรรดิไม่ยอมรับอ๋องเจวี้ยน"นี่คือความจริง แต่ที่ทำให้ฟู่จิ้นเชินพูดออกมาตรงๆ ฟู่จาวหนิงเองก็ยังรู้สึกหดหู่ขึ้นมาบ้าง"ใช่ไหมล่ะ? ท่านว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้ใจแคบนักนะ? อันที่จริงเซียวหลันยวนไม่ได้คิดจะนั่งตำแหน่งนั้นด้วยซ้ำ แต่องค์
ในเดือนหนึ่ง แถบเมืองหลวงมีฝนตกน้อยมาก น่าจะต้องรอจนถึงเดือนสองแต่ว่าตอนนี้ฟ้าจู่ๆ ก็มืดลง หม่นๆ มืดครึ้ม เหมือนฝนจะตกกลุ่มนี้ของพวกขเายังไม่มีไปรวมกับขบวนพ่อค้าของตระกูลฟาง ยังต้องเดินอีกระยะหนึ่ง ขบวนพ่อค้าตระกูลฟางรอพวกเขาอยู่ที่ริมทางด้านหน้าหลังจากรวมกันต้องเร่งระยะทางอีกครึ่งวันจึงจะไปถึงสถานที่ที่เหมาะจะพักแรม แต่ถ้าถูกฝนนี้ทำให้ล่าช้า พวกเขาคืนนี้คงจะไปกันไม่ถึง แล้วต้องเดินทางกันตลอดทั้งคืน"ไปบอกพระชายาหน่อย พวกเราต้องเพิ่มความเร็ว"อันเหนียนกลัวว่าจู่ๆ ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้น ฟู่จาวหนิงจะสงสัย ดังนั้นจึงต้องให้คนไปแจ้งนางหน่อย"่ขอรับ"อันเหนียนครั้งนี้พาผู้ติดตามมาสองคน คนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจียง อีกคนหนึ่งชื่อเสี่ยวเจิ้งทั้งสองคนดูแล้วฉลาดเฉลียวคล่องแคล่ว เสียวเจียงพอได้ยินคำพูดของอันเนหียน ก็รีบวิ่งไปทางรถม้าของฟู่จาวหนิง เคาะๆ กำแพงรถม้าเสียก่อน"พระชายา ท้องฟ้าดูไม่ดีเลย เหมือนฝนกำลังจะตก ใต้เท้าของข้าบอกว่าต้องเร่งความเร็วเดินทาง รถม้าอาจจะเขย่าหน่อย พระชายาโปรดให้อภัยด้วย"ฟู่จาวหนิงเลิกม่านออก พอเห็นเสี่ยวเจียง ก็มองไปยังท้องฟ้า พยักหน้าให้"เข้าใจแล้ว"เสี่
"เซียวหลันยวนรับปากแล้วว่าจะปกป้องเสี่ยวเฟย เช่นนั้นเขาจะไม่เกิดเรื่องอะไร"ฟู่จิ้นเชินเทน้ำให้ตนเองบ้าง ดื่มลงไปสองอึก ถึงหัวเราะเบาๆ มองฟู่จาวหนิง"เชื่อเขาขนาดนั้นเลยหรือ?""เชื่อสิ""เล่าเรื่องพวกเจ้าให้ข้าฟังบ้างสิ" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นมาตามสถานการณ์ฟู่จาวหนิงชะงักไป "เล่าอะไรล่ะ?""ข้ารู้คร่าวๆ ว่าพวกเจ้าเจอกันได้อย่างไร แต่งงานกันอย่างไร แต่เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าเชื่อใจเขาขนาดนี้ พวกนี้ไม่รู้เลย"น่าจะเพราะน้ำเสียงฟู่จิ้นเชินดูจริงใจ อยากจะรู้เรื่องราวของนางจริงๆ และเพราะเนื่องจากเพิ่งจะพูดเรื่องเฉพาะทางไปมากมาย ทำให้นางอยากจะคุยเรื่องอื่นบ้าง ฟู่จาวหนิงก็เลยเล่าออกมาจริงๆนางกับเซียวหลันยวนเหมือนจะผ่านเรื่องมาไม่น้อยเลย แต่เวลาที่ทั้งสองคนได้เปิดใจคุยกันก็ไม่นานนักแต่พวกเขาก็ผ่านความเป็นความตายด้วยกันมาไปเขาอวี้เหิงครั้งนั้น เซียวหลันยวนเกือบจะตายไปแล้วตอนที่นางถูกผู้บัญชาการกองธงมู่ที่ถูกลัทธิเทพทำลายล้างส่งมาจากต้าชื่อพาขึ้นไปบนภูเขาหิมะ เซียวหลันยวนก็หานางเจอแล้วช่วยนางไว้"อ๋องเจวี้ยนมาเจอกับเจ้า ไม่ใช่ว่าเขาก็โชคดีด้วยหรือ? ข้าได้ยินลุงเจ้าบอกว่า ถ้าไม่ม
ห้องขังนั้น ก็จริง...เก๋อมู่กวงเองก็ไม่สงสังจะว่าป เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่สู้กับโป๋จี แขนของโป๋จีก็มีแผลอยู่จริงๆ"ดูแผลเขาหน่อย ถ้ามันหนักนักก็ให้ยาห้ามเลือดเสีย" ก่อนที่จะสอบสวนชัดเจน จะให้โป๋จีตายไม่ได้ยิ่งไปกว่นั้นยังต้องให้เขาตอบคำถามอีก"ขอรับ"ผู้คุมไปดูบาดแผลของโป๋จี จากนั้นจึงเห็นสิ่งแปลกปลอมชิ้นหนึ่งแหลมออกมาชิงอีดูถึงตรงนี้ก็วางใจ จดหมายนั่นถูกพบแล้ว"รองแม่ทัพเก๋อ! ในแผลนี้ยัดของเอาไว้!" ผู้คุมร้องขึ้นมาเก๋อมู่กวงตื่นเต้นขึ้นทันที รีบเดินเข้าไปดู ตรวจสอบด้วยตนเอง ดึงม้วนกระดาษนั่นออกมา"จดหมาย! ที่แท้เขาก็ซ่อนจดหมายไว้ในแผล! ฮ่าๆๆ! เจ้านี่มันใจหาญเสียจริง!"แต่จะมีประโยชน์อะไร? พระเจ้ายืนอยู่ข้างเขา นี่ไง เขาก็พบแล้วไม่ใช่เรอะ!เก๋อมู่กวงลิงโลดขึ้นมา แม้จดหมายนั่นจะชุ่มไปด้วยเลือด แต่เขาก็ยังดีอกดีใจถ้าหากบนจดหมายมีคำว่าเฮ่อเหลียนเฟยสามคำ ไม่ว่าจะเขียนอะไรไว้ ขอแค่มีชื่อนี้ เขาก็จะเข้าวังทันที!อ๋องเจวี้ยนก็จะกำเริบเสิบสานไม่ได้อีก!"ฮ่าๆๆ! คิดจะหลบรอดสายตาข้าเรอะ! อย่าหวัง!"เก๋อมกวงลิงโลดขึ้นมา กางจดหมายออกพอจดหมายกางออก ตาของเขาก็ปูดขึ้นมานี่
เก๋อมู่กวงรู้สึกว่าต้องเรียกฟู่จาวหนิงออกมา เรื่องก็น่าจะง่ายขึ้นเขารู้สึกว่าด้วยท่วงท่าของตนเอง ทหารหยาบกร้านที่คุ้มครองชายแดนมาหลายปี จะทำให้ฟู่จาวหนิงต้องกลั้นหายใจไม่กล้าส่งเสียงดังได้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเช่นนี้ ดังั้นจึงตบลงที่ต้นขา พูดคำพูดในใจตนเองออกมาราชองครักษ์ในที่สุดก็ทนฟังต่อไม่ได้ ทำลายจินตนาการของเขาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"รองแม่ทัพเก๋อ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็กำเริบเสิบสานไม่แพ้กันเลย!""ชู่!"พอคนแรกร้องออกมา คนอื่นก็รีบชู่ใส่เขา เป็นสัญญาณว่าอย่าพูดเสียงดังนักถ้าอ๋องเจวี้ยนได้ยินเข้า ต้องมาหาเรื่องพวกเขาแน่"อ๋องเจวี้ยนปกป้องพระชายาแค่ไหนไม่รู้รึ?"เก๋อมู่กวงมองปฏิกิริยาพวกเขาแล้วก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ใช่สิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็แค่หญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง กล้ากำเริบเสิบสานขนาดนั้นเชียวหรือ?""หญิงสาวอ่อนแอ?""รองแม่ทัพเก๋ท่านเข้าใจอะไรผิดกับหญิงสาวอ่อนแอหรือเปล่า?""ใช่ ข้ารู้ว่านางเป็นหมอเทวดา วิชารักษาเก่งเกินใคร แต่นี่มันอาจจะมีส่วนที่เกินจริงหน่อยไหม? ถ้าหากคุยโม้ออกมาโดยอ้างชื่อเสียงของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ใช้วิธีการบางอย่างเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ เช่นนั้นกระทั่งวิชา
พวกเขารู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นสายเลือดแท้จริงของเผ่าเฮ่อเหลียน ดังนั้นคนที่มีดวงตาสีนี้ถึงจะได้รับความสำคัญและได้รับความเชื่อถือที่ราชาเฮ่อเหลียนก่อนหน้านี้ค่อนข้างปล่อยปละฟู่จาวเฟย ไม่ได้คิดจะชุบเขาให้มาสืบทอดต่อแต่เนิ่นๆ ก็เพราะฟู่จาวเฟยไม่มีดวงตาเช่นนี้เก๋อมู่กวงก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจุดนี้เลย จนเซียวหลันยวนทักขึ้นมา เขาจึงเพิ่งนึกออกเหมือนจะเป็นเช่นนี้จริง!เขาที่เขาสังเกตเห็นโป๋จีระหว่าง อันที่จริงก็เพราะดวงตาเขาไม่เช่นนั้นโป๋จีที่แตี่งตัวเป็นประชาชนแคว้นเจาธรรมดา เขาจะมองออกได้อย่างไร"ไม่มีอะไรพูดแล้วหรือ?"เก๋อมู่กวงปากขยับ หันกลับมาเหลือบมองราชองครักษ์ที่ไม่กล้าขึ้นหน้า ในใจจู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงขึ้นมาวันนี้ถ้าคิดจะดึงดันเอาตัวฟู่จาวเฟยกลับไป ดูท่านจะยากเสียแล้ว"แต่ไม่ว่าอย่างไร ฟู่จาวเฟยก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ ดังนั้นข้าต้องพาเขาไปสอบสวน ให้เขากับโป๋จีเผชิญหน้ากัน ถ้าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ข้าก็จะปล่อยคนทันที"เก๋อมู่กวงเจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน กัดเหงือก เอ่ยต่อว่า "ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยังไม่วางใจ จะส่งคนไปตรวจสอบตามไปตรวจสอบก้ได้ พวกเรา พวกเราไม่ลงโทษนอกกฏหมายอ