นี่คือจะให้ฮู่โม่เข้าไปเองสินะ?ฮู่โม่นั่นอาจจะไม่รู้อะไรเลย ฮู่จิ้งเองก็ไม่รู้ว่าท่านปู่จะรู้ไหมว่าใครที่ทำร้ายเขา! ต่อให้รู้ ท่านปู่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่อยู่ดีฮู่โม่มองฮู่เจียไท่ จากนั้นก็มองไปที่ฮู่จิ้ง แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็รู้สึกอย่างประหลาดว่าตนเองถ้าตอนนี้เข้าไป พี่สามน่าจะเป็นอันตรายเพราะสายตาที่พี่สามมองเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยการอ้อนวอน"ท่านลุง ข้ากับพี่สามเข้าไปด้วยกันดีกว่า ถ้าหากพวกเราะจพาท่านพ่อกลับไป มีคนช่วยเหลือก็จะดีหน่อย ข้าคนเดียวน่าจะไม่ไหว"ฮู่โม่หลังจากพูดประโยคนี้จบก็ดึงฮู่จิ้งแฉลบผ่านข้างตัวฮู่เจียไท่ไปอย่างรวดเร็วฮู่เจียไท่ยื่นมือคว้า แต่ก็แตะได้เพียงแขนเสื้อฮู่จิ้ง ดึงตัวไว้ไม่ทัน ความเร็วของเขาห่างจากฮู่โม่อยู่เล็กน้อยและในชั่วพริบตานี้ ฮู่โม่ก็พาฮู่จิ้งแฉลบไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วผู้นำตระกูลฮู่สาเหตุที่ค่อนข้างลำเอียงไปทางฮู่โม่ คิดจะส่งบ้านตระกูลฮู่ให้กับเขา ก็เพราะฮู่โม่เรียนวิทยายุทธ์ได้ยอดเยี่ยม ทั้งตระกูลฮู่ ตอนนี้เขามีวรยุทธ์สูงที่สุด ไม่มีคนสามารถเทียบเขาได้"เสี่ยวโม่! เจ้ากลับมาแล้ว! พวกเร
เสี่ยวโม่คนนี้ คือหนึ่งในคนคุ้มครองเรือนใหม่ที่เศรษฐีฟางพามาให้นาง แต่ว่าพอเข้ามาในตระกูลฟู่แล้วก็ไม่ค่อยได้ไปทำความเข้าใจเท่าไรนักตอนนี้เขากลับปรากฎตัวขึ้นในกลุ่มคนตระกูลฮู่ ตัวตนฐานะของเขาคือ?"เสี่ยวโม่ เจ้ารู้จักพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?"ฮู่จิ้งเองก็ตะลึงไปเช่นกัน"เสี่ยวโม่? เรียกกันสนิทสนมขนาดนี้เชียว" เซียวหลันยวนเดินเข้ามา พอเห็นฟู่จาวหนิง ก็มองเห็นฮู่โม่ด้วยฮู่โม่ทำได้แค่ยิ้มแห้ง "เรื่องนั้น ข้าอธิบายได้นะ ตอนที่ข้ามาถึงเมืองหลวงพักหนึ่ง แต่พอเงินใช้หมด ก็อยากจะหางานมาเลี้ยงตนเองเสียหน่อย จากนั้นก็มาพบกับผู้เฒ่าฟาง ผู้เฒ่าฟางเองก็เป็นคนมีไมตรีมาก พอเห็นข้าวรยุทธ์ไม่เลว ก็หางานมาให้ข้างานหนึ่ง""ดังนั้น เจ้าจึงกลายมาเป็นคนคุ้มครองเรือนของบ้านข้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเหมือนกัน นางก่อนหน้านี้ยังพูดว่าเชื่อมั่นในสายตาของเศรษฐีฟางอยู่เลย ตอนนี้กลับปล่อยไก่เช่นนี้มาเสียแล้วแต่ว่า คนคุ้มครองเรือนเหล่านั้นของตระกูลฟู่ ปกตินางเดิมทีก็กำลังสังเกตอยู่ระยะหนึ่ง ให้พวกเฉินซานคอยจับตาเอาไว้ หากมีปัญหาขึ้นมาก็ให้ไล่ออกไป"เช่นนั้นข้าแนะนำตัวเองอีกครั้งดีไหม? ข้
"ท่านลุงกับท่านป้านั่นล่ะ!"ฮู่จิ้งข้างๆ กัดฟันเอ่ยขึ้นฮู่โม่ตกตะลึง "พี่สาม ท่านพูดอะไรน่ะ?""เจ้าเมื่อครู่ยังมองไม่ออกหรือ? ข้าได้ยินความลับของพวกเขา จึงรีบวิ่งออกมา ท่านลองคิดจะจับข้ากลับไปอยู่ตลอด ถ้าข้ากลับไป คงจะไม่ได้เจอกับเจ้าไปตลอดกาลแล้ว! เสี่ยวโม่ พวกเขากล้าลงมือกับท่านปู่ จะต้องไม่ละเว้นข้าแน่นอน!""นี่ท่านลุงเขา"ฮู่จิ้งเอาเรื่องที่ได้ยินก่อนหน้านี้พูดออกมา จากนั้นก็มองไปทางฟู่จาวหนิง "พระชายาอ๋องเจวี้ยนท่านต้องรีบหาวิธีขัดขวางพวกเขา ไม่เช่นนั้นท่านหลังจากนี้คงลำบากแน่!""คิดจะขุดหลุมใส่ข้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วมองออกนานแล้วว่าฮู่เจียไท่คนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่คาดไว้"แล้วแม่นางเจี๋ยคนนั้น?"เขาคิดไม่ถึงว่าตอนนั้นหญิงสาวที่อยู่ด้วยกันกับไห่ฉางจวิ้นจะเป็นภรรยาของฮู่เจียไท่"นางเป็นภรรยารองของท่านลุง หลังจากรับนางเข้าบ้าน ท่านลุงก็เปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่แต่ก่อนก็ฟังท่านปู่มาโดยตลอด และเป็นคนที่ทำเพื่อนตระกูลฮู่ด้วย ทว่าตอนนี้แตกต่างออกไปแล้ว""ทหาร"เซียวหลันยวนร้องเรียกคนขึ้นมาทันที กำชับเสียงต่ำมาคำหนึ่งองครักษ์เงามังกรเคลื่อนพล"วางใจเถอะ
เข้าไปในบ้านชาวบ้านขโมยเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง ทาหน้าด้วยฝุ่นเขม่า แล้วแอบเข้าไปที่บ้านของขุนนางซื่อหลางคนหนึ่งแม่นางเจี๋ยเคยบอกไว้ ถ้าหากจำเป็นขึ้นมา นายท่านหลิวคนนี้ใช้การได้จวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงเองก็ออกไปไม่ได้พักหนึ่งแล้วเรื่องทางนี้นางเองก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน และเรื่องยังเกี่ยวกับนางด้วย แน่นอนว่าต้องอยู่ต่อจนองครักษ์ลับจับแม่นางเจี๋ยกลับมา ฟู่จาวหนิงพอเห็นแม่นางเจี๋ยก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"พรวด ป้าเองก็หนีไม่พ้นจริงๆ ด้วยสินะ?"แม่นางเจี๋ยยังไม่ตื่นขึ้นมา ไม่เช่นนั้นถ้าได้ยินฟู่จาวหนิงเรียกว่าป้า คงได้โมโตัวสั่นแน่"พระชายา คนผู้นี้เหมือนจะเป็นวิชาดูดวิญญาณจากต่างถิ่นด้วย ท่ากับท่านอ๋องต้องระวังให้มากๆ"องครักษ์ลับเตือนขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ผลักสหายเมื่อครู่คนนั้นเข้ามา บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขายิ่งกังวลกับท่านอ๋องมากขึ้นถึงอย่างไรหญิงสาวคนนี้ ถ้าใช้วิชาดูดวิญญาณขึ้นมา สำหรับท่านอ๋องก็เหมือนจะอันตรายมากพวกเขาทั้งจวนอ๋องล้วนกังวลว่าท่านอ๋องจะทำเรื่องอะไรผิดพลาด แล้วทำให้พระชายาจากเขาไปมีพระชายาคนนี้แล้วพวกเขามีความสุขมาก"วิชาดูดวิญญาณ? ร้ายกา
คนทั้งหมดล้วนกลั้นหายใจมองการเคลื่อนไหวของฟู่จาวหนิงฟังคำพูดของนาง นางเก็บหยกพกลงไป จากนั้นก็ดีดนิ้วขึ้นแรงๆ ตรงหน้าองครักษ์ลับ"เพียะ!"เสียงดังแจ่มชัด แล้วยังกะทันหันอย่างมาก"ปึง"จากคำสั่งที่แจ่มชัดเสียงหนึ่งของฟู่จาวหนิง องครักษ์ลับคนนั้นสั่นไปทั้งตัว ดวงตาที่เหม่อลอยแต่เดิมกลับมารวมศูนย์ในพริบตา สีหน้าเองก็เปลี่ยนไป"พระชายา?"เซียวหลันยวนมองเห็นสิ่งนี้ ก็ออกคำสั่งขรึมลงทันที "วิชาหมัดร้อยสังหารหนึ่งรอบปฏิบัติ""ขอรับ!" องครักษ์ลับพอได้ยินคำสั่ง ก็ถอยออกไปยังลานกว้าง ใช้วิชาหมัดร้อยสังหารออกมากระบวนหนึ่งองครักษ์ลับท่วงท่าราบรื่น วิชาหมัดทรงภูมิฐาน ตอนออกหมัดเปี่ยมล้นด้วยพลัง หมัดซัดออกไปพร้อมแรงลมยังเหลือท่าทางอืดอาดเหมือนเมื่อครู่เสียที่ไหน?วิชาหมัดซัดออกไป ตอนที่เก็บหมัดก็ยังมีความดุดันอีกพอควร ท่าทางเหมือนพวกเขาในการฝึกซ้อมปกติ"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?"ชิงอีพอเห็นสภาพก็ถลึงตาโตเซียวหลันยวนถอนใจเบาออกมาพวกเขาล้วนมองไปทางฟู่จาวหนิง ในดวงตามีความทอดถอนใจอย่างตกตะลึง"เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว" ฟู่จาวหนิงนำหยกพกคืนให้เซียวหลันยวน"เจ้าทำได้อย่างไรกัน?"กระทั่งสายตาที่
"ท่านอ๋อง" ทหารรีบเดินเข้ามา"เอาคนผู้นี้ไปไว้ที่โถงด้านข้าง""ขอรับ"ทหารพาแม่นางเจี๋ยออกไป เซียวหลันยวนจูงมือฟู่จาวหนิง นางสะบัดๆ แต่ก็สะบัดไม่หลุด"พวกเราไปไต่สวนคนกัน"ฮู่จิ้งกับฮู่โม่เองก็ถูกเชิญมาด้วยพวกเขาพอเห็นแม่นางเจี๋ยถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก็เหลือบตามองกันเอง สีหน้าล้วนตกตะลึงและกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคนตระกูลฮู่ของพวกเขา ก่อนหน้าก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโสของพวกเขา แล้วยังเรียกว่าท่านป้าอีกด้วยท่านป้าถูกจับไว้เช่นนี้ พวกเขาอย่างน้อยก็ต้องหน้าเจื่อนกันบ้างแต่ว่าตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไต่สวนแม่นางเจี๋ยออกมาให้ได้ว่ามีปัญหาอะไร"ปลดจุดชีพจรนางเสีย" เซียวหลันยวนเพิ่งจะพลาดไปพลิกบัญชีเก่าออกมา ตอนนี้จึงไม่คิดจะเข้าไปปลดจุดชีพจรให้แม่นางเจี๋ยแล้วหลังจากทหารเข้าไปปลดให้กับแม่นางเจี๋ย นางก็ยังไม่ลืมตาขึ้น ไม่ขยับเขยื้อนเซียวหลันยวนเหลือบมองฟู่จาวหนิงคิดว่าไม่ลืมตาแล้วจะถือว่ายังไม่ตื่นหรือ?คิดอะไรกันฟู่จาวหนิงเอ่ยลอยๆ ขึ้นมาคำหนึ่ง "งูหลังทองของพวกเจ้า ข้าใช้เข็มแทงตายไปแล้วนะ"ควับ!แม่นางเจี๋ยทนไม่ไหวจริงๆ พอได้ยินเสียงของนาง และคำพูดของ
แม่นางเจี๋ยไม่มีแรงจะต่อต้าน ยอมให้ฟู่จาวหนิงค้นตัวไปรอบหนึ่งนางตอนหลังถึงสงบลงมาได้ แค่รู้สึกว่าถึงอย่างไรฟู่จาวหนิงก็หาไหมใจโลหิตของนางไม่เจอฟู่จาวหนิงค้นของออกมาจากตัวนางได้ไม่น้อยเลย รวมถึงอาวุธลับยาพิษบางส่วน แต่ก็หาไหมใจโลหิตไม่เจอตอนที่นางหยุดค้น แม่นางเจี๋ยก็ยืนยันใจใจแล้ว แล้วยังยกตาท้าทายไปทางนางผาดหนึ่งด้วย"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าแม้จะเป็นพระชายา แต่อายุก็ยังน้อยกว่าข้ามาก จะเป็นมนุษย์ก็ต้องรู้จักวางมารยาทให้เหมาะสม""โอ้ ข้าจะทำสุดกำลังแล้วกัน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็พิจารณามองนางมองๆ ปิ่นปักผมของนาง มองต่างหูนางในใจแม่นางเจี๋ยตึกตัก เอ่ยต่อว่า "อย่าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเอ็นดูเจ้าแล้วจะทำได้ทุกอย่าง นี่เป็นใต้หล้าขององค์จักรพรรดินะ ไม่ใช่ของอ๋องเจวี้ยน!""ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเขาเอ็นดูข้า?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น "ด้านนอกเขาไปลือกันอย่างไร?"เซียวหลันยวนหันหลังให้พวกเขา พอได้ยินบทสนทนานี้ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร"คนที่เป็นที่โดนโปรดปรานถูกเอ็นดูส่วนใหญ่มักมีจุดจบไม่ค่อยดีนัก" แม่นางเจี๋ยเอ่ยต่อ"อืม ขอบคุณที่เตือน"ฟู่จาวหนิงไม่เอาคำพูดนี้ไ
"ท่านพูดได้ถูกแล้ว"ฟู่จาวหนิงนำไหมใจโลหิตนั่นส่งให้เขา "นี่ คืนหนี้""ตามข้อตกลงเดิม เจ้าเก็บไว้ก่อน" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ต้องคิดฟู่จาวหนิงเองก็เหมือนจะไม่ค่อยอึดอัดแล้ว จัดการเก็บของลงมา ราวกับว่าตอนนี้นางเก็บของแทนเขาจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้วไหมใจโลหิตอยู่ในมือ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่าในใจผ่อนคลายลงอย่างมากเลยจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางคงได้เกิดความรู้สึกที่ว่าติดค้างหนี้ที่ใช้ไม่หมดแน่ๆถึงอย่างไรก่อนหน้านี้นางก็เอาไหมใจโลหิตไปให้จงเจี้ยนใช้เสียแล้ว"นางเองก็เป็นคนจากเผ่าโม๋ลั่วอะไรนั่นหรือ?" ฮู่โม่กับฮู่จิ้งตอนนี้ก็มีปฏิกิริยากลับมาแล้วเผ่าโม๋ลั่วพวกเขาเคยได้ยินมาแล้ว แต่ว่าพวกเขาเดิมทีก็คิดว่านี่เป็นชนเผ่าที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดกับพวกเขา คิดไม่ถึงว่าพวกเขาคนที่เขาเรียกท่านป้ามาตั้งนาน จะเป็นคนจากเผ่าโม๋ลั่ว"น่าจะใช่"ฟู่จาวหนิงพูดกับเซียวหลันยวน "ที่เหลือพวกเจ้าไปไต่สวนกันเถอะ นางไม่ใช่ว่าเกี่ยวข้องกับไห่ฉางจวิ้นหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นดูแล้วยังไม่ใช่แค่ไห่ฉางจวิ้นด้วย นางในเมื่อมีวิชาดูดวิญญาณจากต่างแดน เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไต่สวนจากด้านนี้แล้วกัน ก่อนหน้านี้นางน่าจะใช้
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม
ถ้าไม่ใช่ห้องขังรอบๆ ยังมีสภาพเดิมอยู่ เขาก็คงจะสงสัย ว่าฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนพักอยู่ในโรงเตี๊ยมอะไรกันคุกที่ไหนเขาจัดกันอบอุ่นแบบนี้บ้าง!"พระชายาอ๋องเจวี้ยน รบกวนออกมาหน่อย มีคนมาพบท่าน" ผู้คุมเปิดประตูยังต้องปรบมือเรียกคนม่านนั้นเลิกออก เซียวเหยียนจิ่งมองเข้าไปด้านใน และเห็นเซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ปูด้วยเบาะรองตัวหนึ่งพลิกเปิดอ่านหนังสือ บนโต๊ะข้างๆ ยังมีชาที่ร้อนกรุ่นอยู่อีกกาหนึ่งด้วยฟู่จาวหนิงยืนอยู่ข้างๆ เขา กำลังจรดพู่กันเขียนอักษรดูแล้วเหมือนกำลังใช้ชีวิตประจำวันอยู่เลย!เซียวหลันยวนมองออกมา สบเข้ากับสายตาของเซียวเหยียนจิ่งพอดีเซียวเหยียนจิ่งเดิมทีใจก็กระตุกวูบ เขาเกือบจะถอยหนีออกมาแล้ว แต่ตอนที่เห็นฟู่จาวหนิง ไฟริษยาก็ทำให้เขาลืมความกลัวไปไม่ได้เจอกันตั้งครึ่งค่อนปี ฟู่จาวหนิงกลับสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีกเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ความเขินอายแบบเด็กสาวก็หายไปใบหน้าเปล่งปลั่ง รูปร่างก็ได้สัดส่วน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ผมบาง แต่มีส่วนโค้งเว้าที่สวยเด่นแค่ชดกระโปรงสีเหลืองเรียบง่าย เห็นแล้วก็ยังรู้สึกเย้ายวนเป็นพิเศษหลี่จื่อเหยาเทียบกับนางได้เสียที่ไหน!
หมากก้าวแรกของพวกชินอ๋องเซียวในตอนนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปบอกเรื่องที่พวกเขารู้กับองค์จักรพรรดิ แม้จะช่วยจัดการพยานสองคนนั้นไปแล้ว แต่องค์จักรพรรดิก็อาจจะยังไม่ละเว้นพวกเขาอยู่ถึงอย่างไรปากของคนตายนี่ล่ะที่ปิดสนิทที่สุด"ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ของพวกเรากับองค์จักรพรรดิ จะไปเทียบกับตระกูลฟู่ได้อย่างไร?"เซียวเหยียนจิ่งไม่เห็นด้วยท่านพ่อกับองค์จักรพรรดิเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พวกเขาล้วนสกุลเซียว ยิ่งไปกว่านั้นชินอ๋องเซียวก็ยังคุกคามองค์จักรพรรดิไม่ได้ จวนชินอ๋องเซียวเองก็ไม่ได้มีอำนาจสักเท่าไร ก็แค่อาศัยแต่พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทไปเท่านั้นดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงเชื่อในความจริงใจที่พวกเขาส่งไปให้ เชื่อว่าพวกเขาต้องการแค่จะได้รับการให้ความสำคัญและการปกป้องจากฝ่าบาทเท่านั้น"ตระกูลฟู่จะไปมีอะไร? ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเห็นพวกตระกูลฟู่อยู่ในสายตาเลย ส่วนเซียวหลันยวนก็เป็นหนามในสายตาองค์จักรพรรดิอีก องค์จักรพรรดิคิดจะรับมือกับเซียวหลันยวน ตอนนี้เซียวหลันยวนเองก็มีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ นั่นก็คือฟู่จาวหนิง"พอพูดคำนี้ เซียวเหยียนจิ่งก็ดูไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาที่ต้องให้เขายอมรับว่าเซียวหลันย
ก่อนหน้านี้ฟู่จิ้นเชินชื่อเสียงระบือเมืองหลวง และเคยขี่ม้าไปตามถนนสายยาว เคยเข้าไปในโรงสุราประชันโคลงกลอนกับผุ้อื่น เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เหลือประมาณเพราะเขามีหน้าตาที่ไร้เทียมทาน คนที่ไปดูเขาโดยเฉพาะก็มีไม่น้อย ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ คนที่ยังจดจำหน้าตาเขาได้ก็มีอยู่ไม่น้อยด้วยเช่นกันโดยเฉพาะแม้จะผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เขาก็แทบไม่ได้ดูแก่ลงเลย มีแค่ความสุขุมที่มากขึ้น คนที่เคยเจอเขาในครั้งนั้น พอคิดว่าแค่เหลือบมองแล้วจำเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรกลับกันตัวฟู่หลินซื่อ คนที่พบเจอมีไม่มากนัก"ตอนนั้นคนที่ส่งข่าวให้พวกเราบอกว่า รอให้ฟู่หลินซื่อกลับเมืองหลวง จึงสามารถคิดหาวิธีให้เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเกิดขึ้นอีกครั้ง"ชินอ๋องเซียวกดเสียงต่ำ "สิบแปดปีก่อน เรื่องที่ฟู่หลินซื่อถูกใส่ร้ายว่าวางยาพิษเซียวหลันยวนสินะ ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จะมีคนยืมมือของนางลงมือวางยาพิษกับเซียวหลันยวนอีกครั้งหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งในใจมีความตื่นเต้นที่ยากจะพรรณนาออกมาเขาช่วงนี้เฝ้าคอยเรื่องนี้อยู่ตลอดก่อนหน้านี้เขาถอยห่างฟู่จาวหนิง อยากจะหนีนางไปให้ไกลๆ แต่ตอนนี้เขาเสียใจขึ้นมาเสียแล้วนับตั้งแต่
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั