แต่ถ้าหากนั่งรถม้า ไปกันช้าหน่อย ก็น่าจะประมาณครึ่งเดือน"แล้วสิ่งยืนยันอีกสองชิ้นที่เหลือ อาจจะต้องไปถึงเขาอวี้ซานก่อนถึงจะรู้บทบาทของมัน" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "แต่ในเมื่อโสมพิษยังอยู่ที่นี่ ความลับที่เขาอวี้เหิงจะเกี่ยวข้องกับความจริงที่ท่านติดพิษในครั้งนั้นหรือเปล่า?"ถ้าหากเป็นเช่นนี้ นางเองก็จะไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตอนนี้เรื่องในตระกูลฟู่ก็คือเรื่องของนางแล้ว"เขาอวี้เหิงแน่นอนว่าต้องไปเสียรอบหนึ่ง" เซียวหลันยวนเหลือบมองม้วนหนังแกะอีกหลายครั้ง ดันไปไว้ด้านหน้านาง "เจ้าเก็บไว้เสีย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ แล้วก่อนหน้านี้ที่สิ่งยืนยันสามชิ้นยังรวบรวมไม่ครบ นำมาเก็บไว้กับนางก็ยังพอทำเนา ตอนนี้สิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นรวบรวมครบแล้ว ทำไมถึงยังมาวางไว้ที่นางทางนี้อีกล่ะ?"ตอนนี้ของอยู่กับข้า สถานที่ท่านก็บอกข้าแล้ว ไม่กล้วว่าข้าจะไปค้นหาก่อนหรอกหรือ?"เซียวหลันยวนโน้มตัวเล็กน้อยเข้าหานาง"เจ้าจะไปคนเดียวหรือ?"เขาถามอย่างตั้งใจฟู่จาวหนิงเม้มปาก "ไม่หรอก"เซียวหลันยวนนั่งกลับไป หัวเราะขึ้นมา "ข้ารู้สึกว่าเจ้าเชื่อใจได้""แต่ว่าที่นี่ก็เป็นถึงจวนอ๋องเจวี้ยนจะไม่มีที่เก็บขอ
วันต่อมา ข่าวเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนได้รับสิ่งยืนยันครบสามชิ้นแล้วก็ถูกส่งออกมาฮู่เจียไท่หลังจากได้ข่าวก็ตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี ไปหาแม่นางเจี๋ยที่กำลังแก้พิษอยู่ในห้อง"ทำอย่างไรดี? อ๋องเจวี้ยนได้สิ่งยืนยันไปแล้ว นั่นไม่ใช่บอกว่าท่านพ่อยังไม่ตายหรอกหรือ? แล้วเขาจะรู้ไหมว่าพวกเราวางยาพิษ?""ท่าน พิษน่ะข้าเป็นคนวาง ไม่ใช่ท่านเสียหน่อย ถ้าหากถูกตรวจสอบออกมาจริงๆ ท่านก็ผลักมาให้ข้าก็พอแล้ว"คำพูดแม่นางเจี๋ยทำให้ฮู่เจียไท่ค่อนข้างซาบซึ้ง"แม่นางเจี๋ย ถ้าไม่ได้แต่งเจ้าเข้ามา ข้าคงได้เป็นคนโง่ที่เอาแต่ฟังคำพูดของท่านพ่ออยู่ตลอดเวลา เขาพูดอะไรข้าก็ทำสิ่งนั้น พอถึงเวลาบ้านตระกูลฮู่ก็ไม่ได้ตกมาอยู่ในกำมือข้า ข้าก็เท่ากับทำงานให้กับพวกรุ่นหลังอย่างโง่เขลาเท่านั้น"แม่นางเจี๋ยเม้มปากยิ้ม"แล้วเจ้าคิดว่าชีวิตนี้ข้ายังจะมีความหมายอะไร? เจ้าพูดถูกต้อง ข้าต้องคิดเพื่อตนเอง ตระกูลฮู่เดิมทีก็ควรเป็นของข้า แต่ข้าจะไม่ผลักไสเจ้าออกไปหรอก เจ้าคือภรรยาผู้ชาญฉลาดของข้า แล้วข้างกายข้าจะไม่มีเจ้าได้อย่างไร?""แต่พิษที่ข้าติดนี่ก็ทำเอาน่ารำคาญเสียจริง และไม่รู้ว่าตอนไหนถึงจะถอนออกไปได้""เมืองหลวงไม่ใช่ม
"ออกไปดูอีกหน่อย ว่ามีใครมีสีหน้าผิดปกติบ้าง""ได้"ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งอยู่บนถนน มีคนผู้หนึ่งเดินออกมา พอเห็นเขาดวงตาก็เป็นประกาย ยกมือเรียกเขาไว้"พี่สาม!"ชายหนุ่มพอเห็นเขา ก็สั่นระริกขึ้นมาทันที รีบร้อนตรงไปดึงเขาแล้ววิ่งไปด้วยกัน"ไม่สิ พี่สาม นี่ท่านจะทำอะไร?""เสี่ยวโม่ เจ้าหนีไปไหนมากันแน่? ไม่เจอเจ้าตั้งนานขนาดนี้เลย!"ตอนนี้จู่ๆ ก็โผล่ออกมา"ข้าออกไปกินของอร่อยที่ชายเมืองมา ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกดึงไปเป็นคนคุ้มครองเรือนด้วย เลยไปลองทำดูเผื่อจะสนุก พี่สาม ข้าเพิ่งจะได้งานคนคุ้มครองเรือนนะ ท่านไม่รู้สินะ ข้าใช้เงินหมดแล้ว นี่คนอื่นเก็บข้าเอาไว้ด้วยเถอะ""เรื่องของท่านปู่เจ้าไม่รู้เลยหรือ?""เรื่องอะไรของท่านปู่? หาข้าไม่เจอแล้วคิดจะหักข้าทิ้งหรือเปล่า? เขาบอกว่าข้าประสบการณ์น้อยเกินไป นี่ข้าก็ไม่ใช่ว่าหาประสบการณ์เพิ่มอยู่หรอกหรือ? ข้ารู้ว่าพวกท่านมาแล้ว แต่ว่าหลายวันก่อนนี้ไม่ว่างออกมา วันนี้ข้า""เอาไว้ก่อน รีบเดินเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง!"คนหนุ่มดึงตัวฮู่โม่รีบวิ่งออกไปฮู่โม่มองสภาพเขา ในใจก็ขรึมลง และไม่พูดอะไรอีก วิ่งตามไปด้วยกันเพียงแต่กว่าเขาจะรู้
นี่คือจะให้ฮู่โม่เข้าไปเองสินะ?ฮู่โม่นั่นอาจจะไม่รู้อะไรเลย ฮู่จิ้งเองก็ไม่รู้ว่าท่านปู่จะรู้ไหมว่าใครที่ทำร้ายเขา! ต่อให้รู้ ท่านปู่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่อยู่ดีฮู่โม่มองฮู่เจียไท่ จากนั้นก็มองไปที่ฮู่จิ้ง แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็รู้สึกอย่างประหลาดว่าตนเองถ้าตอนนี้เข้าไป พี่สามน่าจะเป็นอันตรายเพราะสายตาที่พี่สามมองเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยการอ้อนวอน"ท่านลุง ข้ากับพี่สามเข้าไปด้วยกันดีกว่า ถ้าหากพวกเราะจพาท่านพ่อกลับไป มีคนช่วยเหลือก็จะดีหน่อย ข้าคนเดียวน่าจะไม่ไหว"ฮู่โม่หลังจากพูดประโยคนี้จบก็ดึงฮู่จิ้งแฉลบผ่านข้างตัวฮู่เจียไท่ไปอย่างรวดเร็วฮู่เจียไท่ยื่นมือคว้า แต่ก็แตะได้เพียงแขนเสื้อฮู่จิ้ง ดึงตัวไว้ไม่ทัน ความเร็วของเขาห่างจากฮู่โม่อยู่เล็กน้อยและในชั่วพริบตานี้ ฮู่โม่ก็พาฮู่จิ้งแฉลบไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วผู้นำตระกูลฮู่สาเหตุที่ค่อนข้างลำเอียงไปทางฮู่โม่ คิดจะส่งบ้านตระกูลฮู่ให้กับเขา ก็เพราะฮู่โม่เรียนวิทยายุทธ์ได้ยอดเยี่ยม ทั้งตระกูลฮู่ ตอนนี้เขามีวรยุทธ์สูงที่สุด ไม่มีคนสามารถเทียบเขาได้"เสี่ยวโม่! เจ้ากลับมาแล้ว! พวกเร
เสี่ยวโม่คนนี้ คือหนึ่งในคนคุ้มครองเรือนใหม่ที่เศรษฐีฟางพามาให้นาง แต่ว่าพอเข้ามาในตระกูลฟู่แล้วก็ไม่ค่อยได้ไปทำความเข้าใจเท่าไรนักตอนนี้เขากลับปรากฎตัวขึ้นในกลุ่มคนตระกูลฮู่ ตัวตนฐานะของเขาคือ?"เสี่ยวโม่ เจ้ารู้จักพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?"ฮู่จิ้งเองก็ตะลึงไปเช่นกัน"เสี่ยวโม่? เรียกกันสนิทสนมขนาดนี้เชียว" เซียวหลันยวนเดินเข้ามา พอเห็นฟู่จาวหนิง ก็มองเห็นฮู่โม่ด้วยฮู่โม่ทำได้แค่ยิ้มแห้ง "เรื่องนั้น ข้าอธิบายได้นะ ตอนที่ข้ามาถึงเมืองหลวงพักหนึ่ง แต่พอเงินใช้หมด ก็อยากจะหางานมาเลี้ยงตนเองเสียหน่อย จากนั้นก็มาพบกับผู้เฒ่าฟาง ผู้เฒ่าฟางเองก็เป็นคนมีไมตรีมาก พอเห็นข้าวรยุทธ์ไม่เลว ก็หางานมาให้ข้างานหนึ่ง""ดังนั้น เจ้าจึงกลายมาเป็นคนคุ้มครองเรือนของบ้านข้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเหมือนกัน นางก่อนหน้านี้ยังพูดว่าเชื่อมั่นในสายตาของเศรษฐีฟางอยู่เลย ตอนนี้กลับปล่อยไก่เช่นนี้มาเสียแล้วแต่ว่า คนคุ้มครองเรือนเหล่านั้นของตระกูลฟู่ ปกตินางเดิมทีก็กำลังสังเกตอยู่ระยะหนึ่ง ให้พวกเฉินซานคอยจับตาเอาไว้ หากมีปัญหาขึ้นมาก็ให้ไล่ออกไป"เช่นนั้นข้าแนะนำตัวเองอีกครั้งดีไหม? ข้
"ท่านลุงกับท่านป้านั่นล่ะ!"ฮู่จิ้งข้างๆ กัดฟันเอ่ยขึ้นฮู่โม่ตกตะลึง "พี่สาม ท่านพูดอะไรน่ะ?""เจ้าเมื่อครู่ยังมองไม่ออกหรือ? ข้าได้ยินความลับของพวกเขา จึงรีบวิ่งออกมา ท่านลองคิดจะจับข้ากลับไปอยู่ตลอด ถ้าข้ากลับไป คงจะไม่ได้เจอกับเจ้าไปตลอดกาลแล้ว! เสี่ยวโม่ พวกเขากล้าลงมือกับท่านปู่ จะต้องไม่ละเว้นข้าแน่นอน!""นี่ท่านลุงเขา"ฮู่จิ้งเอาเรื่องที่ได้ยินก่อนหน้านี้พูดออกมา จากนั้นก็มองไปทางฟู่จาวหนิง "พระชายาอ๋องเจวี้ยนท่านต้องรีบหาวิธีขัดขวางพวกเขา ไม่เช่นนั้นท่านหลังจากนี้คงลำบากแน่!""คิดจะขุดหลุมใส่ข้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วมองออกนานแล้วว่าฮู่เจียไท่คนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่คาดไว้"แล้วแม่นางเจี๋ยคนนั้น?"เขาคิดไม่ถึงว่าตอนนั้นหญิงสาวที่อยู่ด้วยกันกับไห่ฉางจวิ้นจะเป็นภรรยาของฮู่เจียไท่"นางเป็นภรรยารองของท่านลุง หลังจากรับนางเข้าบ้าน ท่านลุงก็เปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่แต่ก่อนก็ฟังท่านปู่มาโดยตลอด และเป็นคนที่ทำเพื่อนตระกูลฮู่ด้วย ทว่าตอนนี้แตกต่างออกไปแล้ว""ทหาร"เซียวหลันยวนร้องเรียกคนขึ้นมาทันที กำชับเสียงต่ำมาคำหนึ่งองครักษ์เงามังกรเคลื่อนพล"วางใจเถอะ
เข้าไปในบ้านชาวบ้านขโมยเสื้อผ้าออกมาชุดหนึ่ง ทาหน้าด้วยฝุ่นเขม่า แล้วแอบเข้าไปที่บ้านของขุนนางซื่อหลางคนหนึ่งแม่นางเจี๋ยเคยบอกไว้ ถ้าหากจำเป็นขึ้นมา นายท่านหลิวคนนี้ใช้การได้จวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงเองก็ออกไปไม่ได้พักหนึ่งแล้วเรื่องทางนี้นางเองก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน และเรื่องยังเกี่ยวกับนางด้วย แน่นอนว่าต้องอยู่ต่อจนองครักษ์ลับจับแม่นางเจี๋ยกลับมา ฟู่จาวหนิงพอเห็นแม่นางเจี๋ยก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"พรวด ป้าเองก็หนีไม่พ้นจริงๆ ด้วยสินะ?"แม่นางเจี๋ยยังไม่ตื่นขึ้นมา ไม่เช่นนั้นถ้าได้ยินฟู่จาวหนิงเรียกว่าป้า คงได้โมโตัวสั่นแน่"พระชายา คนผู้นี้เหมือนจะเป็นวิชาดูดวิญญาณจากต่างถิ่นด้วย ท่ากับท่านอ๋องต้องระวังให้มากๆ"องครักษ์ลับเตือนขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ผลักสหายเมื่อครู่คนนั้นเข้ามา บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขายิ่งกังวลกับท่านอ๋องมากขึ้นถึงอย่างไรหญิงสาวคนนี้ ถ้าใช้วิชาดูดวิญญาณขึ้นมา สำหรับท่านอ๋องก็เหมือนจะอันตรายมากพวกเขาทั้งจวนอ๋องล้วนกังวลว่าท่านอ๋องจะทำเรื่องอะไรผิดพลาด แล้วทำให้พระชายาจากเขาไปมีพระชายาคนนี้แล้วพวกเขามีความสุขมาก"วิชาดูดวิญญาณ? ร้ายกา
คนทั้งหมดล้วนกลั้นหายใจมองการเคลื่อนไหวของฟู่จาวหนิงฟังคำพูดของนาง นางเก็บหยกพกลงไป จากนั้นก็ดีดนิ้วขึ้นแรงๆ ตรงหน้าองครักษ์ลับ"เพียะ!"เสียงดังแจ่มชัด แล้วยังกะทันหันอย่างมาก"ปึง"จากคำสั่งที่แจ่มชัดเสียงหนึ่งของฟู่จาวหนิง องครักษ์ลับคนนั้นสั่นไปทั้งตัว ดวงตาที่เหม่อลอยแต่เดิมกลับมารวมศูนย์ในพริบตา สีหน้าเองก็เปลี่ยนไป"พระชายา?"เซียวหลันยวนมองเห็นสิ่งนี้ ก็ออกคำสั่งขรึมลงทันที "วิชาหมัดร้อยสังหารหนึ่งรอบปฏิบัติ""ขอรับ!" องครักษ์ลับพอได้ยินคำสั่ง ก็ถอยออกไปยังลานกว้าง ใช้วิชาหมัดร้อยสังหารออกมากระบวนหนึ่งองครักษ์ลับท่วงท่าราบรื่น วิชาหมัดทรงภูมิฐาน ตอนออกหมัดเปี่ยมล้นด้วยพลัง หมัดซัดออกไปพร้อมแรงลมยังเหลือท่าทางอืดอาดเหมือนเมื่อครู่เสียที่ไหน?วิชาหมัดซัดออกไป ตอนที่เก็บหมัดก็ยังมีความดุดันอีกพอควร ท่าทางเหมือนพวกเขาในการฝึกซ้อมปกติ"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?"ชิงอีพอเห็นสภาพก็ถลึงตาโตเซียวหลันยวนถอนใจเบาออกมาพวกเขาล้วนมองไปทางฟู่จาวหนิง ในดวงตามีความทอดถอนใจอย่างตกตะลึง"เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว" ฟู่จาวหนิงนำหยกพกคืนให้เซียวหลันยวน"เจ้าทำได้อย่างไรกัน?"กระทั่งสายตาที่
พอเห็นสีหน้าเฉินฮ่าวปิง ใจของต่งฮ่วนจือก็เย็นลงมาทันทีทั้งที่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟู่จาวหนิงแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้ เฉินฮ่าวปิงก็ยังใช้ประโยชน์จากเขา คิดจะให้เขาขัดขวางศิษย์น้องหญิงต่อให้เป็นเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ นางก็ยังพูดออกมาโดยไม่หนักใจ แล้วขอให้เขาทำตามสิ่งที่นางต้องการต่งฮ่วนจือมองไปทางฮูหยินเฉิน เขายังดูคาดหวังอยู่ถึงอย่างไรฮูหยินเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะรู้จักขอบเขตบ้างกระมัง?"เจ้าเองก็คิดแบบนี้หรือ? จะให้ข้าเก็บวัตถุดิบยาไว้จนกว่าฮ่าวปิงจะรวมเงินได้?"ฟังเอาเถอะ เขาพูดซ้ำออกมาอีกรอบหนึ่งก็ยังรู้สึว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยฮูหยินเฉินขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเศร้าๆแต่ก่อนพอเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ต่งฮ่วนจือก็จะรู้สึกปวดใจ อยากจะปกป้องนางขึ้นมา เขารู้ ว่านางเป็นผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง มีลูกสาวติดหนึ่งคน คอยหนีคนตามล่าอยู่ตลอด มันลำบากแค่ไหนถ้าหากเป็นไปได้ เขาเองก็อยากจะยืนบังลมบังฝนให้นาง เพราะแรกสุดเขารู้สึกชื่นชมนาง ชื่นชมความแข็งแกร่งและความรักของแม่จากตัวนางแต่สีหน้าต่อตัวเขาของฮูหยินเฉินตอนนี้ ต่งฮ่วนจือจู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า อ๋องฉยงถึงอย่างไรก็หาพวกนางเจอแ
เฉินฮ่าวปิงมองต่งฮ่วนจือนางสามารถใช้วัตถุดิบยาของพันธมิตรโอสถทำการกุศลต่อได้ และยังพังแผนการของฟู่จาวหนิงได้อีก ทำให้นางไม่ได้รับวัตถุดิบยาหลังจากเฉินฮ่าวปิงกลับมาพูดเรื่องวันนี้กับฮูหยินเฉิน ฮูหยินเฉินโกรธมากดังนั้นนางจึงคิดวิธีนี้ออกมา รู้สึกว่าพวกนางตอนนี้รับมือฟู่จาวหนิงไม่ไหว แต่ถ้าลงแรงกับต่งฮ่วนจือทางนี้สักหน่อย สร้างความลำบากให้กับฟู่จาวหนิงได้บ้างก็ยังดีมีสิทธิ์อะไรที่จะยอมให้ฟู่จาวหนิงทำทุกอย่างได้ราบรื่นขนาดนั้น?ต่งฮ่วนจือถ้าหากขัดฟู่จาวหนิงได้ ไม่ใช่แค่ฟู่จาวหนิงจะไม่ชอบใจ แต่ผู้อาวุโสจี้ก็จะโกรธด้วย ถ้าผู้อาวุโสจี้โกรธ ฟู่จาวหนิงก็จะอารมณ์ไม่ดีดังนั้น ขอแค่กล่อมต่งฮ่วนจือ ก็จะทำได้ฟู่จาวหนิงอึดอัดได้ ดีจะตาย?ดังนั้น จึงได้เห็นเฉินฮ่าวปิงที่มาแสดงความอ่อนแอออดอ้อนต่งฮ่วนจือในตอนนี้นางรู้สึกว่า ความรักทีต่งฮ่วนจือมีให้นาง เรื่องนี้ไม่ใช่จะทำไม่สำเร็จแต่ตอนได้ยินคำพูดของนาง ต่งฮ่วนจือก็งงงันไปครู่หนึ่ง"ลุงต่ง..." เฉินฮ่าวปิงดึงแขนเสื้อของเขา "ได้ไหม?"ต่งฮ่วนจือดึงแขนเสื้อในมือนางกลับมา"เรื่องนี้ไม่ได้""ทำไมล่ะ?""อันดับแรก วัตถุดิบยาที่เจ้าคิดจะเอาไ
หลายปีก่อนที่เขาช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เฉินฮ่าวปิงยังเป็นเด็กสาวร่างผ่อนอ่อนแอ หลายปีนี้ยังถือว่าเขาเลี้ยงดูมาจนโต เขาแทบจะมองเฉินฮ่าวปิงเป็นลูกสาวตนเองไปแล้วแม้ตอนนี้นางเจอกับพ่อแท้ๆ แล้ว แต่พ่อแท้ๆ คนนั้นก็ไม่ใช่จะได้เรื่องกระมัง ต่งฮ่วนจือยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่เขาคิดคิด ยังคิดจะไปบ้านเล็กในซอยนั่นเพื่อหาเฉินฮ่าวปิงหลายวันนี้เฉินฮ่าวปิงก็ไม่ยอมพบเขา ทุกครั้งที่เขามา คนใช้ก็จะบอกว่าท่านหญิงไม่อยู่วันนี้เขามา แต่เฉินฮ่าวปิงกลับอยู่ และยังยอมพบเขาด้วยพอเข้ามาในบ้าน มาถึงเรือนหน้า ฮูหยินเฉินก็อยู่ด้วยแม่ลูกหันมามองนางพร้อมกัน สายตาของคนทั้งคู่ล้วนแดงก่ำ ดูแล้วน่าสงสารมาก เฉินฮ่าวปิงพอเห็นเขาก็ร้องไห้โฮออกมา"ลุงต่ง!"นางพุ่งเข้ามาหาต่งฮ่วนจือ สองมือดึงแขนเสื้อเขา ร้องไห้ตัวโยน "ท่านมาได้เสียที!"ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่ยอมออกมาเจอ ไม่ได้ว่าเขาไม่เคยมาเสียหน่อยแต่ต่งฮ่วนจือก็ไม่ได้พูดออกมา มองสภาพเฉินฮ่าวปิงแล้วเขาก็ยังคงปวดใจอยู่"ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น? อ๋อง อ๋องฉยงไม่ได้ช่วยเจ้าหรือ?"พอพูดถึงอ๋องฉยง เฉินฮ่าวปิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเพราะวันนี้อ๋อง
ก่อนค่ำวันเดียวกันฟู่จาวหนิงให้สืออีไปเก็บตั๋วเงินพวกนี้มาแล้วกระทั่งองค์หญิงเจ็ดก็ยังไม่กล้าที่จะไม่ให้หลังจากให้สามพันตำลึงมาแล้ว คนเหล่านี้ก็ล้วนรู้สึกเหมือนเสียปราณชี่ขนานใหญ่ไป ไม่มีทั้งหน้าไม่มีทั้งเงิน แล้วยังหวาดผวา ไม่รู้หลังจากนี้จะมีเรื่องอะไรอีกถ้าเผื่อพระชายาอ๋องเจวี้ยนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนมาหาเรื่องบ้านพวกเขาอีกจะทำอย่างไร?โดยเฉพาะคุณหนูสี่หลิน หลังจากกลับมาก็ได้ยินพี่สาวคนโตกับคนรองพูดถึงเฉินฮ่าวปิง จึงได้รู้ว่าพวกนางเดิมทีก็ดูถูกท่านหญิงปิงอวี้อยู่แล้วพ่อของนางกับพี่สาวนางเองก็กำลังเดาว่าอ๋องฉยงทำไมจึงยังอยู่ในเมืองหลวง ยังพูดอีกว่า ไม่ว่าจะเพราะเรื่องอะไร การที่องค์จักรพรรดิให้อ๋องฉยงอยู่ในเมืองต่อโดยไม่สนกฏ ต้องไม่ใช่เรื่องดี พวกเขากำลังพูดว่า หลังจากนี้จะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่อ๋องฉยงอาจจะก่อความวุ่นวายอะไรขึ้น ไม่ต้องพูดถึงลูกสาวบ้านน้อยของเขาคนนั้นเลย?ในคำพูด คืออ๋องฉยงทำเรื่องไม่ถูกต้อง ลูกสาวบ้านน้อย ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรดีดีเลย แต่ดันไปขอยศท่านหญิงมาองค์จักรพรรดิก็ยังรับปากอีก ดูจะเลอะเลือนหน่อยๆแน่นอน พวกเขาแอบคุยเรื่องน
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้