เซียวหลันยวนดึงนางไว้ ใช้กำลังภายในพานางกระโจนออกจากกำแพงเรือน ออกจากหอจันทร์หยาดไป ในนี้เขารู้สึกว่ามันสกปรก ดังนั้นจึงไม่อยากจะให้นางเอาแต่อยู่ในนี้พอคนด้านนอกเห็นพวกเขาออกมา ก็ล้วนเข้ามารรับอย่างยินดีปรีดา"ท่านอ๋อง พระชายา!""พระชายาท่านกลับมาแล้วหรือ?""คุณหนู!" เสี่ยวเถาเองก็รีบโถมตัวเข้ามา แต่พอวิ่งมาถึงด้านหน้าตอนที่เห็นมือของฟู่จาวหนิงถูกอ๋องเจวี้ยนจูงไว้นางก็รีบหยุดเท้าตัวโก่ง ไม่กล้าโถมเข้าไปแล้ว"เอ่อ ข้าไม่เป็นไร"พอเห็นพวกเขาเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกเขินหน่อยๆนางยังเห็นสืออีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วย สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กๆ "สืออี เจ้าทำอะไรน่ะ?""คุณหนู สืออีบกพร่องในหน้าที่ ทำให้ท่านตกอยู่ในอันตราย สืออีรู้ผิดแล้ว"สืออีคุกเข่าอยู่นานแล้ว ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย"ลุกขึ้นมา"ฟู่จาวหนิงเรียกให้เขาลุกขึ้น แต่สืออียังคงคุกเข่าอยู่"เจ้าบกพร่องในหน้าที่ตรงไหนกัน? เป็นข้าที่ให้เจ้าคุ้มกันน้องสาวข้าออกไป เจ้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น เจ้าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว เจ้าบกพร่องในหน้าที่ตรงไหนกัน?"ฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะลงโทษสืออีเช่นนี้ พอเห็นว่าเขายังนั่งนิ่
วันนี้วุ่นวายมาทั้งวัน พอมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน หงจั๋วเฝิ่นซิงทั้งสองคนก็ดีอกดีใจวุ่นวายกันขึ้นมา เตรียมน้ำให้นางอาบ เช็ดผมให้นาง จากนั้นก็เตรียมอาหารค่ำให้พวกเขารอจนฟู่จาวหนิงสวมเสื้อผ้าใหม่กินอาหารค่ำเลิศรสแล้ว ก็ถูกหงจั๋วคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งลงมาให้"พระชายา อ๋องเจวี้ยนอยู่ในเรือนรอท่านอยู่""รอข้าทำไมกัน?""ไปเดินเล่นย่อยอาหารกระมัง" หงจั๋วเม้มปากยิ้มขึ้นมา "สมัยก่อนท่านอ๋องล้วนเดินอยู่คนเดียว ตอนนี้พระชายาไปเดินเป็นเพื่อนท่านอ๋องด้วยกันได้แล้ว"ไม่สิ หน้าตามีความสุขของเด็กคนนี้มันอะไรกัน?นางแม้จะรู้ว่าการเดินหลังจากกินนั้นดีมาก แต่ว่านางวันนี้เหนื่อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นจะดูด้วยว่ารีบกลับไปบ้านตระกูลฟู่เพื่อถามเสี่ยวเถาเสียหน่อย ว่าวันนี้หลินอันห่าวกลับไปแล้วเป็นอย่างไรบ้างเซี่ยซื่อจะให้อันห่าวออกมาคนเดียวได้อย่างไรกัน?วันนี้ดูท่าเซี่ยซื่อคงตกอกตกใจมากกระมังแต่ว่านางก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ถูกหงจั๋วผลักออกมาจากเรือนแล้วหลังออกมาก็เห็นเซียวหลันยวนคลุมผ้าคลุมผืนหนึ่ง กำลังยืนอยู่ด้านนอก ท่าทางเหมือนกำลังรอนางอยู่จริงๆนางหันหน้ากลับมองหงจั๋วผาดหนึ่ง หงจั๋วเองก็ส่งสัญญาณม
"แต่ว่า เขาปฏิเสธหรือ?"เซียวหลันยวนพยักหน้า "ใช่ เขาปฏิเสธแล้ว""ฮองเฮาขายหน้าจนหมดจดต่อหน้าฮูหยินหรงเยว่ เพราะนางคิดว่าเรื่องนี้ถ้านางเอ่ยปากเองคือมั่นใจไปเก้าส่วนแล้ว ผลลัพธ์คือทำให้ฮูหยินหรงเยว่ก็ถูกฟู่จิ้นเชินปฏิเสธอีกครั้ง นางตอนนั้นก็อับอายจนแทบจะไปโขกเสาอยู่แล้ว""นี่มันอ่อนแอเสียจริง"และเพราะชายหนุ่มที่อยากออกเรือนด้วยไม่ยินยอมรับนางเป็นภรรยา ดังนั้นเลยอยากจะตายหรือ?แต่ดูฮูหยินหรงเยว่ก็ไม่เหมือนพวกที่จะยอมเป็นยอมตายง่ายแบบนั้นเลยนี่นา"ตอนนั้นเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายจนจัดการไม่ไหว องค์รัชทายาทก็น่าจะอณุญาตอะไรบางอย่างให้กับฮู่หยินหรงเยว่ ดังนั้นตอนที่องค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ หลังจากที่นางขึ้นเป็นฮองเฮา จึงให้ประโยชน์บางอย่างกับฮูหยินหรงเยว่ กลายมาเป็นเบื้องหลังของนาง"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้"แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้? แค่เพื่อหน้าตาเท่านั้นหรือ?""พวกเขาต่อมาจะต้องมีแผนชั่วอะไรอยู่แน่ๆ อย่างเช่นหอจันทร์หยาดของฮูหยินหรงเยว่นี้ อันที่จริงมีเงินของฮองเฮาอยู่ด้วย นี่อาจจะเป็นลู่ทางหาเงินให้ตนเองของฮองเฮาอีกทางก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นฮองเฮามีเรื่องอะ
ทั้งสองคนล้วนดิ่งสู่ความเงียบงันหลังจากคำพูดนี้ของเซียวหลันยวนและไม่รู้เพราะอะไรถึงรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองอย่างประหลาดเซียวหลันยวนคิดถึงความรู้สึกในใจที่ควบคุมไม่ได้อย่างหนัก ตอนที่พบว่าคนในศาลาทำเรื่องเช่นนั้นในวันนี้ช่วงบ่าย"ท่านกลัวว่าเป้าหมายที่แต่งงานกับข้ายังไม่สำเร็จ แล้วข้าเกิดเรื่องขึ้นมาก่อนสินะ" ฟู่จาวหนิงถามถึงอย่างไรเขาก็คิดจะรอให้พวกของฟู่หลินซื่อกลับมาอยู่แล้ว ตอนนี้ฟู่หลินซื่อยังไม่กลับมา ถ้าหากนางเกิดเรื่องอะไรขึ้นจนทำให้เขาจำใจต้องหย่าร้างกับนาง เช่นนั้นการแต่งงานนี้ก็จะสูญเปล่าสินะ?ถึงตอนนั้นยังทำให้เขาต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก อับอายขายขี้หน้า"ก่อนหน้านี้เจ้าก็ชอบไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งมายังหอจันทร์หยาด แล้วครั้งนี้เซียวเหยียนจิ่งนัดเจ้าออกมาหรือ?"เซียวหลันยวนพอพูดถึงเรื่องนี้ ในใจก็เจ็บจี๊ดเขามีความรู้สึกเช่นนี้เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องนี้น่ะ มันเกิดขึ้นเพราะตัวท่านเลยเถอะ!"เขาไม่พูดยังพอว่า แต่พอพูดออกมา ฟู่จาวหนิงก็เดือดดาล"ข้า?" เซียวหลันยวนชี้ตนเอง"ท่านนั่นล่ะ คนที่นัดข้าออกมาคือซ่งอวิ๋นเหยา ข้าไม่เชื่
เซียวหลันยวนได้ยินคำพูดของนางก็อยากจะขำ"ดังนั้น เจ้าเผ่นไปที่ไหนกัน? ขนาดองค์รักษ์เงามังกรยังหาเจ้าไม่พบเลย?" จุดนี้ทำให้เซียวหลันยวนแปลกใจอย่างที่สุด"ถึงอย่างไรท่านก็บอกว่าข้าเกิดปีหนูไม่ใช่หรือ ท่านก็มองข้ามุดไปซ่อนในรูเลยก็แล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว "แต่ว่าท่านใช้งานองครักษ์เงามังกรเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการงัดกับเบื้องหลังของฮูหยินหรงเยว่หรอกหรือ ไม่กลัวองค์จักรพรรดิกริ้วหรือไร?"หอจันทร์หยาดที่องค์จักรพรรดิฮองเฮาคิดจะปกป้อง ท่านคิดจะปิดก็ปิดเลยแบบนี้ มิน่าองค์จักรพรรดิถึงได้เอาแต่คอยระแวงเขา"กลัว?" เซียวหลันยวนมองนาง หัวเราะร่าขึ้นมา "ข้าเพราะกังวลพระชายา จึงไม่ได้คิดให้รอบคอบ ลนลานไปหมด เช่นนี้ก็น่าจะเข้าใจได้กระมัง? จะว่าไป องครักษ์เงามังกรอยู่ในมือข้า เขายังต้องมาวุ่นวายอีกหรือว่าข้าจะใช้งานอย่างไร?"มีฝีมือก็มาเอาองครักษ์เงากลับไปสิประโยคนี้เซียวหลันยวนไม่ได้พูด แต่ว่าฟู่จาวหนิงฟังออกแล้ว"เฮอะไ ตอนนี้องค์จักรพรรดิไม่ใช่ว่าคิดจะเก็บอำนาจในมือท่านหรือไรกัน? ท่านเองก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ถ้าวันไหนองครักษ์มังกรเงาถูกเก็บกลับไปล่ะก็ เช่นนั้นท่านก็ย่ำแย่แ
ฟู่จาวหนิงหลังจากถามออกมาก็ไม่รอให้เซียวหลันยวนตอบ เข้าใจขึ้นมาทันที "ท่านกำลังกังวลว่าจะข้าไปทำให้ซ่งอวิ๋นเหยาเดือดร้อนหรือ ดังนั้นจึงคิดจะมาขวางข้าที่นี่?"เซียวหลันยวนยกมือดีดไปที่หน้าผากนางทีหนึ่งเสียงดัง "เผียะ""คิดอะไรของเจ้า?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ข้าจู่ๆ เพิ่งนึกออกได้ว่าเคยเห็นตราหยกของเฮ่อเหลียนเฟยที่ไหน รูปภาพนั้นน่ะ""หา?ฟู่จาวหนิงงงงัน "ที่ไหนกัน?""จากบนตัวของคนที่มาจากต้าเฮ่อคนหนึ่ง" เซียวหลันยวนเอ่ยถึงท่านเสิ้น"เสิ่นเสวียน?"หลังจากที่ฟู่จาวหนิงได้ยินเรื่องราวของเสิ่นเสวียนจากตระกูลเสิ่นแห่งต้าเฮ่อจึงพบว่า ตนเองถูกเซียวหลันยวนพามายังโถงหน้าเพื่อกินข้าวเช้าอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเสียแล้ว"อืม เขาคือคนที่จากแคว้นเจาพร้อมกับซ่งอวิ๋นเหยา ซ่งอวิ๋นเหยาจะพาหมอเทวดาหลี่ไปรักษาเขา แต่เหมือนว่าต้องรออีกสามวัน เสิ่นเสวียนจึงต้องหยุดพักลงมาเสียก่อน""แล้วทำไมถึงเป็นสกุลเสิ่นกันล่ะ?"ฟู่จาวหนิงดูงงงัน เพราะบนตราหยกชิ้นนั้นสลักอักษรฟู่ไว้ตอนนี้บนเสื้อผ้าของคนสกุลเสิ่นมีภาพนั้นอยู่ รู้สึกว่าดูไม่ค่อยเข้าทีเลย"ตระกูลเสิ่น เป็นตระกูลเก่าแก่มีชื่อเสียงเลื่องชื่อแห่ง
"ข้าได้ยินว่าพวกท่าน...""ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่บ้านตระกูลฟู่เปลี่ยนยาให้กับท่านปู่เสียก่อน แล้วเจ้าค่อยพิจารณาดูว่าจะพาเฮ่อเหลียนเฟยไปพบเสิ่นเสวียนด้วยกันไหม" เซียวหลันยวนพูดพลางดึงมือของนางเดินเขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินนางพูดถึงเรื่องของซ่งอวิ๋นเหยาก่อนหน้านี้มีรักเก่าอะไรที่ไหนกัน?นางไม่เข้าใจจิตใจของเขาเอาเสียเลยเมื่อวานเขายังกังวลว่านางจะเป็นอะไรอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้ยินนางถามไถ่เขาเลยสักคำฟู่จาวหนิงถูกเขาดึงไปเช่นนี้ พอมาถึงตระกูลฟู่ แล้วยังถูกเขาผลักเข้าประตูไปด้วย"ไปเถอะ ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งชั่วยาม จะรออยู่ที่นี่"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูดอะไร เซียวหลันยวนก็กลับไปบนรถม้า รถม้าจอดนิ่งอยู่ที่ประตูหลังบ้านตระกูลฟู่ ชัดเจนว่าจะรออยู่ที่นี่ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเซียวหลันยวนตอนนี้หมายความว่าอะไรเขามีเวลาว่างขนาดนี้เสียที่ไหน?แล้วยังจะรอนางที่นี่อีกแต่ว่า เรื่องนี้นางก็ยังต้องเข้าไปบอกกับเฮ่อเหลียนเฟยเสียหน่อย เซียวหลันยวนยอมรอที่นี่ก็ให้เขารอไปแล้วกันมองฟู่จาวหนิงเข้าประตูไป เซียวหลันยวนก็ปล่อยม่านลง"คนเหล่านั้นของบ้านตระกูลฟู่ ช่วงนี้จับตา
"จาวหนิง ปู่ไม่ได้คิดจะตำหนิเจ้า" ผู้เฒ่าฟู่กวักวมือให้นางเข้ามาหา ยื่นมือลูบไปบนเส้นผมนาง "แค่กังวลว่าเจ้าท้ายสุดจะถูกเอาเปรียบ"เขามองไม่ออกเสียที่ไหน ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนคุ้นชินขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว เรื่องเช่นนี้ถ้ายิ่งมากขึ้นๆ หลังจากนี้นางก็อาจจะมองจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นเหมือนบ้านตนเองไปจริงๆ ก็ได้อ๋องเจวี้ยนคนนั้นเขาเคยพบมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยหาข่าวมาแล้ว เคยได้ยินมาแล้วหลายวันนี้ เขาเองก็ได้ยินเรื่องบางส่วนจากจงเจี้ยนมาไม่น้อย แล้วก็พวกของสืออีอีก บางครั้งที่ลองเลียบเคียงอ้อมๆ ก็ยังรู้ได้ว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นคนเช่นไรเสี่ยวเถาเคยพูดว่า พวกหญิงชั้นสูงภายนอกไม่น้อยที่ชื่นชอบตัวอ๋องเจวี้ยน ที่ขึ้นไปบนเขาเมฆนภาก็มีคนไม่น้อยที่หึงหวงแย่งชิงอ๋องเจวี้ยนกันดังนั้น อยู่ข้างกายผู้ชายแบบนี้ แล้วยังต้องแบกตัวตนฐานะภรรยาของเขาอีก หากนานวันเข้า จาวหนิงจะหวั่นไหวขึ้นมาบ้างมันก็เรื่องปกติถ้าเผื่อนางหวั่นไหวขึ้นมา แล้วท้ายสุดเขากลับทำร้ายนางขึ้นมาล่ะ ถ้าเสียใจขึ้นมาแล้วจะชดเชยกลับอย่างไร?"ท่านปู่" ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยกับเขาอย่างตั้งใจ "ท่านไม่ต้องกังวล
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า เดินเข้าไปด้านใน ตอนที่ผ่านตัวพวกนาง น้ำเสียงก็ขรึมลง เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ดังนั้น ข้ากับพวกเจ้าตอนนี้จึงเป็นคู่แค้นกันแล้ว"พูดจบ นางก็เดินผ่านตัวพวกนางไปชิวอวิ๋นกับซือหรูสบตากันเอง เป็นสีหน้าที่ทั้งสับสนและตกตะลึง"องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนขอเข้าพบ!""ฟู่จาวหนิง? นางมาทำอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าไปทรมานตัวอยู่ในคุกใหญ่หรือ?"องค์จักรพรรดิเกือบจะกระโจนตัวขึ้นมาวันนี้ตอนประชุมเช้าเหล่าขุนนางยื่นหนังสือฏีกามาไม่น้อย มีหลายจุดเกิดภัยธรรมชาติ กระทรวงการคลังเริ่มร้องเรียนเรื่องความยากจนอีกครั้ง ที่ชายแดนก็บอกว่ามีพวกชนเผ่าป่าเถื่อนบางกลุ่มเริ่มแสดงท่าทีไม่สงบแล้วยังมีฐานที่มั่นทหารในสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มร้องขอเงินเดือนและเสบียงไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย ถึงอย่างไรพอฟังข้อความเหล่านั้น หัวของเขาก็แทบจะระเบิดแล้วหลังจากเสร็จการประชุมเขาก็ไปงีบมาพักหนึ่ง แต่ก็ยังฝันร้ายขึ้นมาอีก ในฝันมีมังกรสีม่วงทองตัวหนึ่งไล่กัดเขา ไล่จนกวานจักรพรรดิของเขาร่วงลงมา หลังจากเข้าสะดุ้งตื่นใจก็เต้นตุบๆ อย่างบ้าคลั่งฝันนี้ไม่ใช่ฝันดีอะไรอย่างแน่นอนตอนไปถึงห้องหนังสือหลวงเตรียมอนุมั
นั่นสิ ฟู่จาวหนิงทำไมจึงไม่กลัวเลย?อ๋องฉยงคิดถึงจุดนี้"ในเมื่อนางไม่กลัว ก็อธิบายได้ในคุกนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวสิ เจ้าวางใจเถอะ พ่อจะไปคุยกับหัวหน้าคุก ให้เขาคอยดูแลเจ้าด้านในนั้น""ท่านด่อ ท่านยังจะบีบให้ข้าเข้าไปที่คุกหรือ?" อวิ๋นจูมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ"ในเมื่อราชโองการสั่งลงมาแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสหนึ่งนะ เจ้ารับราชโองการแล้ว แล้วยังได้ติดตามอ๋องเจวี้ยนอย่างใกล้ชิดอีก ทำให้อ๋องเจวี้ยนเห็นความเด็ดเดี่ยวของเจ้าได้พอดี เขาจะซาบซึ้ง รอให้ผ่านช่วงนีน้ไปก่อน ไม่แน่อ๋องเจวี้ยนอาจจะชอบเจ้าขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้าก็ลงแรงอีกหน่อย ก็จะช่วงชิงให้เจ้าได้เป็นพระชายารองของอ๋องเจวี้ยน"ลูกสาวของเขาทั้งคน จะให้ไปเป็นอนุภรรยาได้อย่างไรกันเดิมทีเขาก็มีความคิดนี้ ให้นางเข้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนก่อน พอลงเท้าได้มั่นคง จากนั้นค่อยหาโอกาสให้นางได้ขึ้นเป็นพระชายารองด้วยหน้าตาของอวิ๋นจู เขาไม่เชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนจะไม่หวั่นไหวต่อให้มีแค่ความสงสารสักนิดก็พอแล้ว"ไม่ใช่ไม่กี่วัน อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ในคุกสองเดือน สองเดือนเลยนะ!" อวิ๋นจูร้องไห้ขึ้นมา "วันเดียวข้าก็จะป่วยแล้ว สองเดือนข้าจะไม่ตายเอาเลยหรือ?""
ฟู่จาวหนิงกอดเซียวหลันยวน ตบหลังเขาเพื่อปลอบโยน"คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะไม่สนใจพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ เพราะรังเกียจท่านขนาดนี้ ข้าเองก็สงสารท่านนะ ถ้าท่านเสียใจเพราะเรื่องนี้จะทำอย่างไร? ถ้าหลังจากนี้โดนงูกัดแล้วกลัวเชือกไปสิบปี ไม่กล้ารับสาวงามเข้ามาอีกจะทำอย่างไรกัน?"ผู้คุมได้ยินนางถามซ้ำๆ ว่า"ทำอย่างไรๆ" หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาคำพูดนี้ทำไมฟังแล้วแปลกๆ กัน?แต่สามงามสามคนนั้นก็เกินไปหน่อยไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่นี่มาวันหนึ่งไม่เห็นจะพูดอะไรเลย นางเองก็ยังดูดีอยู่ ปฏิกิริยาของพวกนางต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ?ผู้คุมที่พูดเรื่องโรคเพศสัมพันธ์เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอ๋องเจวี้ยนเองก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างไม่ให้ใครจับได้ เขาจึงถอยออกไปอวิ๋นจูกลับไปที่วังราชนิเวศน์ อ๋องฉยงพอรู้ข่าว ก็พาหมอเข้ามาดูนางทันที และถูกตุ่มแดงเหล่านั้นบนหน้านางทำเอาตกใจสะดุ้งโหยง"จูเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"อ๋องฉยงแม้จะอายุวัยกลางคนแล้ว แต่กรรมพันธุ์ทางราชวงศ์เองก็ถือว่าไม่เลวนัก อย่างน้อเขาก็ยังเป็นชายกลางคนที่ดูดีมีเสน่ห์อยู่พอควรสามารถให้กำเนิดลูกสาวอย่างอวิ๋นจูออกมาได้ หน้าตาของเขาเอง
อวิ๋นจูรู้สึกแย่มาก ออกแรงเการ่างกายของตนเองบนตัวนางคันจนไม่ไหวแล้วแต่ต่อนห้าคนมากขนาดนี้ โดยเฉพาะยังมีผู้คุมอีก นางที่เป็นหญิงสาวสูงศักดิ์มายืนเกาแบบนี้ มันดูเสียท่าทีไม่สุภาพเอาเสียเลยนางอยากจะทนไว้ แต่ว่า! มันทนไม่ไหวจริงๆ!คันมากเลย นางอยากจะแก้ผ้าตัวเองแล้วก็เกาๆ มันทั้งตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!แค่ถูๆ ใบหน้า ตอนนี้จุดแดงบนหน้านางก็ยิ่งลามเป็นตุ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"คุณหนู หน้าของท่าน..." สาวใช้นางเหลือบมองผาดหนึ่ง สายตาก็สะพรึงขึ้นมาอวิ๋นจูพอเห็นสายตาของนาง ก็รีบกุมหน้าไว้ "หน้าของข้ามันทำไม? เป็นอะไรไป?""ในห้องขังนี้มันจะสะอาดแค่ไหนกัน โอ้ ข้านึกออกแล้ว ก่อนหน้าห้องขังพวกนั้นเหมือนจะขังนักโทษที่เคยเป็นโรคติดต่อเพศสัมพันธ์อยู่คนสองคน แต่ลืมไปแล้วว่าห้องไหน" ผู้คุมคนหนึ่งเหลือบมองนางผาดหนึ่ง จากนั้นจึงถอยห่างออกมาหลายก้าวทำเหมือนนางเป็นสิ่งสกปรกอย่างไรอย่างนั้น"อะไรนะ?!"ไม่ใช่แค่อวิ๋นจู กระทั่งชิวอวิ๋นกับซือหรูพวกนางก็ยังกระโดดเหยงขึ้นมาทันทีพอเห็นสภาพนี้ของอวิ๋นจู พวกนางก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วอวิ๋นจูพังทลายไปแล้วนางร้องไห้ขึ้นมา "ข้าจะออกไป ข้าไม่อยากอยู่ท