"จาวหนิง ปู่ไม่ได้คิดจะตำหนิเจ้า" ผู้เฒ่าฟู่กวักวมือให้นางเข้ามาหา ยื่นมือลูบไปบนเส้นผมนาง "แค่กังวลว่าเจ้าท้ายสุดจะถูกเอาเปรียบ"เขามองไม่ออกเสียที่ไหน ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนคุ้นชินขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว เรื่องเช่นนี้ถ้ายิ่งมากขึ้นๆ หลังจากนี้นางก็อาจจะมองจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นเหมือนบ้านตนเองไปจริงๆ ก็ได้อ๋องเจวี้ยนคนนั้นเขาเคยพบมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยหาข่าวมาแล้ว เคยได้ยินมาแล้วหลายวันนี้ เขาเองก็ได้ยินเรื่องบางส่วนจากจงเจี้ยนมาไม่น้อย แล้วก็พวกของสืออีอีก บางครั้งที่ลองเลียบเคียงอ้อมๆ ก็ยังรู้ได้ว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นคนเช่นไรเสี่ยวเถาเคยพูดว่า พวกหญิงชั้นสูงภายนอกไม่น้อยที่ชื่นชอบตัวอ๋องเจวี้ยน ที่ขึ้นไปบนเขาเมฆนภาก็มีคนไม่น้อยที่หึงหวงแย่งชิงอ๋องเจวี้ยนกันดังนั้น อยู่ข้างกายผู้ชายแบบนี้ แล้วยังต้องแบกตัวตนฐานะภรรยาของเขาอีก หากนานวันเข้า จาวหนิงจะหวั่นไหวขึ้นมาบ้างมันก็เรื่องปกติถ้าเผื่อนางหวั่นไหวขึ้นมา แล้วท้ายสุดเขากลับทำร้ายนางขึ้นมาล่ะ ถ้าเสียใจขึ้นมาแล้วจะชดเชยกลับอย่างไร?"ท่านปู่" ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยกับเขาอย่างตั้งใจ "ท่านไม่ต้องกังวล
ถึงแม้ผู้เฒ่าฟู่จะพูดว่าตราหยกนั่นเกี่ยวข้องับฟู่หลินซื่อ แต่พวกกเขาไม่ใช่ว่ายังไม่ได้ยืนยันหรอกหรือ?ฟู่จาวหนิงคิดๆ จากนั้นจึงบอกกับเขาว่า "จะว่าไป อ๋องเจวี้ยนวันนั้นเห็นคนคนหนึ่ง บนเสื้อผ้าเขามีรูปที่อยู่บนตราหยกด้วย พวกเรากำลังจะไปพบเขา เจ้าจะไปด้วยกันไหม?"ผู้เฒ่าฟู่ตึงเครียดขึ้นมาหน่อยๆ "มีรูปที่เหมือนกับบนตราหยกหรือ? แล้วนั่นจะใช่แม่ของเจ้าไหม?""ท่านปู่ เป็นชายอายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งน่ะ"สี่สิบปี? "พ่อของเจ้าก็อายุยังไม่ถึงสี่สิบเลย เขาเป็นพ่อเจ้าตอนอายุสิบแปด""เขาสกุลเสิ่น ไม่ใช่สกุลฟู่ ท่านปู่ ท่านไม่ต้องร้อนใจ ถึงตอนนั้นข้าจะดูเอง อย่างน้อยก็น่าจะมีเบาะแสบ้าง"ผู้เฒ่าฟู่ส่ายศีรษะยิ้มๆ "จาวหนิง ข้ารู้ว่าอันที่จริงเจ้าไม่ได้อยากจะเจอพ่อกับแม่นักหรอก แต่ว่า เจ้าเชื่อปู่ พวกเขาไม่ใช่คนที่จะใจดำไร้ความรับผิดชอบขนาดนั้น ตอนนั้นพวกกเขาจะต้องไม่ได้จงใจทิ้งเจ้าไว้แน่ จะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างทำให้พวกเขาต้องออกไป""เรื่องนี้ถึงเวลาพอได้เจอแล้วค่อยว่ากันเถิด"ฟู่จาวหนิงไม่อยากจะเอาแต่คุยหัวข้อนี้ นางมองไปทางเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยเองก็ตื่นเต้น เขาอยากจะไป แต่พอมองขาตนเอง ค
สถานที่ที่เสิ่นเสวียนพักห่างจากบ้านตระกูลฟู่ไม่ไกลเลยสถานที่นี้ฟู่จาวหนิงยังคุ้นเคยเป็นอย่างดี ที่นี่เป็นสระน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง สระน้ำนี้พอถึงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีบัวน้ำลอยขึ้นมาด้วยนางจำได้ว่าตอนเด็กๆ น่าจะตอนอายุสิบเอ็ดสิบสองปี มีพ่อค้ายาชั่วช้าหลอกนางมาก บอกว่าดอกบัวที่ลอยอยู่นี้ใช้ทำยาได้ นางเองก็เชื่อ ดังนั้นจึงคงไปหาดอกไม้ในสระน้ำนี้คนเดียว ผลคือตกลงไปในสระจนเกือบจะจมน้ำตายยังดีที่ลุงเฝ้ายามในเรือนเก่าข้างสระน้ำช่วยชีวิตนางเอาไว้ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เงียบสงบมาก ปกติไม่ค่อยมีร่องรอยของคนผลลัพธ์คือ เสิ่นเวียนก็พักอยู่ที่เรือนเก่าหลังนี้หรือ?"เรือนหลังนี้เป็นของใครกัน" ฟู่จาวหนิงถามครั้งนั้นหลังจากที่นางถูกช่วยขึ้นมาก็กลับไปที่บ้านแบบมึนๆ งงๆ คืนนั้นไข้ขึ้นด้วย พอผ่านไปหลายวันคิดจะส่งขนมมาขอบคุณลุงคนนั้น ประตูใหญ่ก็ถูกลงดาลไปแล้วฟู่จาวหนิงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเรือนนี้เป็นของใคร ต่อมานางยังมาอีกสองครั้งแต่ก็ไม่พบคน"ยังตรวจสอบไม่ได้" เซียวหลันยวนตอบฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาด ขนาดเขาก็ยังตรวจสอบไม่ได้?"นั่นสายตาอะไรของเจ้า?" เซียวหลันยวนถูกสายตาสงสัยของนางทำให้โมโ
"อยู่""ข้าพาพระชายามาตรวจอาการให้นาง"ฟู่จาวหนิงแทงเขาไปอีกที พูดแบบนี้มันไม่เกรงใจกันเลยนี่นา แต่ว่าพอนางมาคิดอีกทีแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเสิ่นหยางป่วยต้องการหมอ พวกเขาก็มาหาถึงประตูแล้ว แล้วถ้ายังใช้เสียงต่ำนอบน้อมเกรงใจ นั่นก็เท่ากับกดนางให้ต่ำไว้น่ะสิเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ น่าจะไม่ได้ทำเพื่อนางกระมัง?"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน เชิญ"ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงเงยหน้ามองออกไปจากในอ้อมกอดเซียวหลันยวน ทันใดนั้นก็ตกตะลึงไปทันที "ท่านลุง?"ลุงคนนี้ไม่ใช่ลุงคนที่เคยช่วยนางเอาไว้ในอดีตหรอกหรือ?แม้จะผ่านไปแล้วหลายปี แต่นางก็ยังจำได้พอเห็นฟู่จาวหนิง ลุงคนนั้นก็ตกตะลึง พอคิดแล้วจึงนึกออกขึ้นมา "ท่านคือเด็กสาวที่ตกไปในสระน้ำตอนนั้นหรือ?""ตกไปในสระน้ำ?"เซียวหลันยวนย้อนประโยคนี้ หันหน้าไปมองสระน้ำที่อยู่ไม่ห่างออกไปเบื้องหน้าอยู่ดีไม่ว่าดี ฟู่จาวหนิงก็วิ่งเล่นจนมาตกสระน้ำนี้หรือ?"ใช่แล้วข้าเอง ท่านลุง หลังจากนั้นข้าก็แวะมาหาท่าน อยากจะขอบคุณท่าน แต่ประตูนี้ก็ลงดาลอยู่ตลอด หาตัวท่านไม่พบเลย""ข้าบางครั้งก็ออกไปทำธุระน่ะ แต่ว่า มันก็แค่เป็นการช่วยแบบเสียมิได้เท่านั้น แม่นางอย่าเอ
"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน"เสิ่นเสวียนหลังจากทักทายพวกเขาก็ให้คนนำใบชากล่องหนึ่งเข้ามา"ก่อนหน้านี้บอกว่าจะมอบใบชาให้กับอ๋องเจวี้ยน แต่เพราะอาการป่วยยังไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ได้ไปเยี่ยมถึงหน้าประตูเสียที ต้องลำบากอ๋องเจวี้ยนนำกลับไปเองเสียแล้ว""ขอบคุณมาก"เซียวหลันยวนเอ่ยกับฟู่จาวหนิงว่า "ชาของท่านเสิ่นรสชาติดีมาก"ฟู่จาวหนิงประหลาดใจเล็กๆ เพราะว่าอาจารย์ฟิสิกส์ของนางคนนั้นก็ชอบดื่มชามาก ยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่าชาของเขารสชาติดีมากด้วยนี่บังเอิญเกินไปแล้วอาจจะเพราะความบังเอิญนี้ ฟู่จาวหนิงจึงรู้สึกสนิทสนมกับเสิ่นเสวียนหน่อยๆ"หลังจากมาถึงเมืองหลวงได้ยินว่า วิชาแพทย์ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนยอดเยี่ยมมาก" เสิ่นเสวียนมองนางฟู่จาวหนิงพยักหน้า "วิชาแพทย์ของข้าก็ไม่เลวจริงๆ นั่นล่ะ"พอได้ยินคำตอบนาง เสิ่นเสวียนก็ตกตะลึงไป จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "เช่นนั้นพระชายาอ๋องเจวีย้นช่วยตรวจอาการให้ข้าหน่อยได้ไหม?""แน่นอน"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ชักช้า ขอน้ำมาล้างมือทันที จากนั้นก็เดินไปตรวจอาการให้เขาอย่างละเอียดชีพจรของเสิ่นเสวียน สับสนอย่างมากมองห่างๆ ยังพอไหว แต่พอมองใกล้
เสิ่นเสวียนรับกระดาษชิ้นนั้นมา มองภาพบนตราหยก หลังจากฟังคำพูดนางจบก็ใช้นิ้วชี้เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า "บนตราหยนกี้ไม่น่าจะใช้อักษรฟู่ แต่เป็นอักษรเชี่ยว""เชี่ยว?""ถูกต้อง น้องสาวที่หายไปมีชื่อว่าเสิ่นเชี่ยว ตราหยกชิ้นนั้น น่าจะใช้รูปภาพของนาง มีคนสลักตราหยกนี้ให้นางโดยใช้ชื่อของนาง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน"เสิ่นเชี่ยว"ฟู่จาวหนิงทวนชื่อนี้ซ้ำท่านปู่ก่อนหน้านี้เคยพูดไว้ ว่าอักษรฟู่บนตราหยกชิ้นนั้น คือสิ่งที่พ่อของนางสลักขึ้นมาใหม่ เพื่อทับอักษรเดิมลงไป บอกว่าเดิมทีบนนั้นไม่ใช่อักษรฟู่"ตราหยกแบบนี้ บนโลกนี้จะมีชิ้นอื่นอยู่ด้วยไหม?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีกครั้ง"น่าจะไม่มี หนึ่งคือ ภาพนี้มีแค่บ้านของข้าที่รู้จัก ไม่ได้ถ่ายทอดออกไปภายนอก สองคือ ชื่อขงน้องสาวที่สาบสูญไปอันที่จริงก็มีไม่กี่คนที่รู้จัก"หลังจาถามฟู่จาวหนิงชัดเจน คำพูดของเสิ่นเสวียนก็เปลี่ยนไป"เช่นนั้น ตอนนี้ก็คงจะวนมาถึงปัญหาที่ข้าจะถามพระชายาได้แล้วใช่หรือไม่?"ฟู่จาวหนิงถามไปตั้งมากมายก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกไม่ถูกต้องแน่ ดังนั้นนางจึงผายมือออก เอ่ยขึ้นว่า "ท่านปู่ของข้าพูดว่า ว่าตราหยกชิ้นน
ครั้งแรกที่ได้ยินใช่แล้วหมอที่เสิ่นเสวียนเคยพบก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนพูดว่าเขาป่วย ไม่ก็บอกว่าเขาติดพิษ แต่ที่ว่าป่วยอะไร ติดพิษได้อย่างไร แล้วติดพิษอะไร เหล่าหมอก็ล้วนพูดออกมาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ลองย้อนคิดไปถึงวันที่ข้าเริ่มป่วยจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่พบว่าใครมาวางพิษใส่ข้า แล้ววางพิษลงมาอย่างไรและเรื่องเช่นนี้ก็ทำให้เขาอนุมานถึงคนมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่ได้อะไร"เรื่องนี้ก็ปกติ หมอทั่วไปคงมองไม่ออกหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนที่พูดก็ไม่ได้มีเจตนาจะกดดันหมอคนอื่น และไม่ได้ดูถูกใครด้วย หลักๆ คือยุคสมัยแตกต่างกันการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ก็แตกต่างกัน ยุคนี้ยังไม่รู้จักรังสี การที่พวกหมอตรวจไม่พบสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นเรื่องปกติก็แค่พวกเขาไม่รู้จักเท่านั้นเองดังนั้นพอพูดขึ้นมา นางจึงดูกร่างขึ้นมาเสิ่นเสวียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ฟังออกว่าอาการป่วยของตนเองจะดูหนักหนาดูยุ่งยากนักก็ตาม แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมา"ถ้าพูดเช่นนี้ วิชาแพทย์ของพระชายก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ"ทหารที่อยู่ข้างๆ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน นายท่านของข้าป่วยเป็นอะไรหรือ?"พวกเขาเดินมาทาง
เสิ่นเสวียนพูดจบก็หมุนตัวไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยนไม่มีความเห็นใดกระมัง?""ข้า""เขาจะมีความเห็นอะไรได้? คนที่รักษาอาการป่วยให้เขาก็คือข้านะ" ฟู่จาวหนิงฮึดฮัด"ใช่แล้ว พระชายาของข้าพูดถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้าแต่ว่าคำพูดของเขาก็เปลี่ยนไป "แต่ว่า ค่ารักษาของท่านเสิ่น""แน่นอนว่าจะไม่ให้ขาดตกบกพร่อง พระชายาอ๋องเจวี้ยนบอกมาเท่าไรก็คือเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่เกรงใจ "ข้าคิดเงินแพงอยู่นะ""ได้" เสิ่นเสวียนไม่ถามอะไรเลย"เช่นนั้นวันนี้จ่ายก่อนหนึ่งพันตำลึงแล้วกัน หลังจากนี้ทุกเดือนก็จ่ายมาหนึ่งครั้ง""อาลั่ว ไปเอาเงินมา" เสิ่นเสวียนเอ่ยกับลุงคนนั้นที่แท้ก็คือลุงลั่วนี่เองเงินหยิบมาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็เก็บไปอย่างไม่เกรงใจ"เช่นนั้นตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต้องหาต้นกำเนิดของรังสี""อะไรคือต้นกำเนิดของรังสี?" ลุงลั่วถามเสิ่นเสวียนเข้าใจขึ้นมา "ท่านกำลังพูดถึงวัตถุที่ปล่อยรังสีจนทำให้ข้าเจ็บป่วยสินะ?""ถูกต้อง ในเมื่ออาการป่วยของท่านแย่ลงเรื่อยๆ ก็อธิบายได้ว่าของชิ้นนี้ยังอยู่ข้างกายท่านมาตลอด ถ้าหากช่วงนี้ท่านไม่ได้ออกไปที่ไหน เช่นนั้นสิ่งของก็น่าจะอยู่ในห้องนั้น
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้
เรื่องนี้เจ้ากลับไปถามพ่อเจ้าดู พวกเจาจะเอาของออกมาได้แค่ไหน ข้าจะใช้เงินที่ได้มาจากพวกนาง แล้วข้าเองก็จะเติมเข้าไปส่วนหนึ่ง หลังจากซื้อกับเจ้าทางนั้นก็จะขนไปที่เมืองเจ้อถึงแม้นางจะไม่อยากถูกเฉินฮ่าวปิงชี้นิ้วสั่ง แต่แผนของเฉินฮ่าวปิง ก็มีบางส่วนที่ตรงกับแผนการของนางพอดี"พ่อของข้าอันที่จริงช่วงนี้ก็เตรียมของเอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง" ฟางซือฉิงรู้สึกเชิงขอโทษขึ้นมา "ก่อนหน้านี้ตอนที่สถานที่อื่นเกิดภัยพิบัติ พ่อแม่ข้าก็บริจาคสิ่งของกับเงินไป""ผู้เฒ่าฟางไม่เคยบอกมาก่อนหรือ?""ไม่เลย ท่านพ่อบอกข้าว่า ทำเรื่องเหล่านี้ต้องทำด้วยใจ ไม่จำเป็นต้องออกไปตะโกนร้องป่าว""คำพูดนี้ก็ถูกต้อง ผู้เฒ่าฟางเป็นคนดี แต่ว่า วันนี้เจ้าเองก็เห็นแล้ว ขนาดเฉินฮ่าวปิงที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงยังไม่ทันหยั่งเท้ามั่นคงดีก็จับจ้องตระกูลฟางเสียแล้ว นี่อธิบายอะไรได้ล่ะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกนับถือเศรษฐีฟาง เขาไม่ใช่คนที่ไร้ความเมตตาเพื่อความร่ำรวย"อธิบายได้ว่าอะไรหรือ?" ฟางซือฉิงงงงันไป"อธิบายได้ว่าบางครั้ง การทำบุญก็ควรจะพูดออกไปบ้าง"ฟู่จาวหนิงตบมือนางเบาๆ "ชื่อเสียงที่ดีบางครั้งก็เป็นเกราะคุ้มกันอย่างหนึ่ง"เพียงแต
นั่นสิ นางไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้ามาพูดจาไม่เกรงใจเขาแบบนี้?"แล้วก็ หลังจากอ๋องฉยงเข้าไปแล้วก็เตือนท่านหญิงปิงอวี้เสียหน่อย หลังจากนี้อย่ามาโผล่ตรงหน้าข้าอีก ข้าหมดความอดทนกับนางแล้ว"ฟู่จาวหนิงพูดจบคำนี้ ก็หมุนตัวขึ้นม้า "พวกเราไป"รถม้าแล่นออกไป สะบัดก้นรถให้อ๋องฉยงอ๋องฉยงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถลึงตาอ้าปากค้างมองรถม้าที่แล่นออกไปฟู่จาวหนิงเป็นคนแบบนี้หรือ!บนรถม้า ฟางซือฉิงถอนใจโล่งออกมา จากนั้นจึงระวังขึ้น"จาวหนิง วันนี้ผิดใจกับท่านหญิงปิงอวี้กับองค์หญิงเจ็ดเข้า แล้วยังพวกคุณหนูสี่หลี่นั่นอีก พวกนเางจะร่วมมือกันมารังแกเจ้าไหม?"ถ้าคนเหล่านี้กลับบ้านไปฟ้องผู้อาวุโส แล้วเกือบสิบตระกูลก็จับมือกัน นี่มันจะเรื่องใหญ่เอากระมัง?ยังมีองค์หญิงเจ็ดอีก องค์จักรพรรดิกับตระกูลฝ่ายแม่ขององค์หญิงเจ็ดก็ไม่รู้ว่าจะกดดันมาทางอ๋องเจวี้ยนหรือเปล่า"อ๋องเจวี้ยนเขา..."อ๋องเจวี้ยนก็ตามใจฟู่จาวหนิงจริงๆแต่ฟางซือฉิงเองก็กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะรำคาญที่ต้องมาช่วยฟู่จาวหนิงแก้ปัญหาต่างๆ น่ะสิ ถ้าหากฟู่จาวหนิงยังเอาแต่ผิดใจคนมากมายขนาดนี้ สำหรับอ๋องเจวี้ยนแล้วมันเป็นปัญหาใหญ่หรือเปล่า?"ไม
อ๋องฉยงเป็นคนแบบไหน?ฟู่จาวหนิงพอสบกับดวงตาที่สว่างวาวราวกับหลอดไฟของเขาก็รู้แล้วว่าตามหลักการ อ๋องฉยงกล้าทิ้งพระชายาอ๋องฉยงออกจากที่ดินศักดินา แจ้นกลับมาเจรจาธุรกิจกับองค์จักรพรรดิได้ ก็น่าจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราวเป็นหลัก รอบคอบมีการวางแผนเป็นอย่างดีถึงจะถูกแต่ตอนนี้พอเจอกับสายตาเช่นนี้ของอ๋องฉยง ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่า นางก่อนหน้านี้ประเมินอ๋องฉยงไว้สูงเกินไป?แต่ว่า ตอนที่ได้ยินนางบอกว่าต้องเรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน สายตาของอ๋องฉยงก็เก็บกลับไปไม่น้อย สีหน้าจริงจังขึ้นมาพอควรอย่างนี้สิถึงจะถูก?ไม่เช่นนั้นคนที่มองคนแต่รูปลักษณ์ภายนอก จะไปทำเรื่องใหญ่อะไรได้?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าเห็นข้าแล้ว จะไม่ทักทายหน่อยหรือ? อ๋องเจวี้ยนไม่เคยพูดถึงข้าให้เจ้าฟังหรือ?"อ๋องฉยงตอนนี้จึงยกความอาวุโสเข้ามา"คารวะอ๋องฉยง"ฟู่จาวหนิงทักทายแบบขอไปทีอ๋องฉยงชะงักไป นี่จะบอกว่านางไม่มีมารยาทก็ไม่ใช่ ได้ยินว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนขนาดเข้าวังก็ยังไม่คารวะองค์จักรพรรดิด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงเขาเลย?"เจ้าเพิ่งออกมาจากวังราชนิเวศน์ เจอกับน้องฮาวปิงบ้างไหม? ข้าได้ยินว่า พวกเจ้ารู้จักกั
อ๋องฉยงอยากพบฟู่จาวหนิงมาตลอดสำหรับหญิงสาวที่อยู่ในใจเซียวหลันยวน เขารู้สึกสนใจมาก แล้วยังตัวตนฐานหมอเทวดาของฟู่จาวหนิงด้วย เขายิ่งรู้สึกปรารถนาแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนอาจจะติดโรคร้าย เขาเองก็ไม่กล้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วก็ การร่วมมือกับองค์จักรพรรดิที่เขาคุยไว้ ตอนนี้จำเป็นต้องให้องค์จักรพรรดิเชื่อมั่น ถ้าหากเขาไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนส่งเดช องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าจะคาดเดาอะไรไปอีกตอนนี้มาเจอกับฟู่จาวหนิงที่นี่พอดีเขาขอดูก่อนว่าฟู่จาวหนิงคนนี้งดงามแค่ไหน ถึงสามารถทำให้เซียวหลันยวนหลงจนถึงกับปล่อยวางความแค้นเคืองในอดีตไป"ฟู่จาวหนิง หันมาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำสั่งอ๋องฉยง รู้สึกขำขึ้นมาทันที ทำไมถึงรู้สึกว่าคำสั่งของอ๋องฉยงตอนนี้ดูสุดโต่งเหลือเกิน?อีกด้าน องค์หญิงหนานฉือกับอันชิงก็ขึ้นรถม้าแล้ว แต่ยังกงวลสถานการณ์ทางนั้น พอเห็นอ๋องฉยงเรียกฟู่จาวหนิง อันชิงก็กังวลขึ้นมา"พี่สะใภ้ อ๋องฉยงจะสร้างความลำบากให้พี่หญิงจาวหนิงหรือเปล่า?""เข้าไม่ได้เข้าไปในวังราชนิเวศน์ ยังไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นมา น่าจะไม่หรอก" องค์หญิงหนานฉือตอบถ้าหากอ๋องฉยงรู้ว่าฟู่จาวหนิงตบลูกสาวตนเอง ก็น่าจะโมโ