"อยู่""ข้าพาพระชายามาตรวจอาการให้นาง"ฟู่จาวหนิงแทงเขาไปอีกที พูดแบบนี้มันไม่เกรงใจกันเลยนี่นา แต่ว่าพอนางมาคิดอีกทีแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเสิ่นหยางป่วยต้องการหมอ พวกเขาก็มาหาถึงประตูแล้ว แล้วถ้ายังใช้เสียงต่ำนอบน้อมเกรงใจ นั่นก็เท่ากับกดนางให้ต่ำไว้น่ะสิเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ น่าจะไม่ได้ทำเพื่อนางกระมัง?"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน เชิญ"ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงเงยหน้ามองออกไปจากในอ้อมกอดเซียวหลันยวน ทันใดนั้นก็ตกตะลึงไปทันที "ท่านลุง?"ลุงคนนี้ไม่ใช่ลุงคนที่เคยช่วยนางเอาไว้ในอดีตหรอกหรือ?แม้จะผ่านไปแล้วหลายปี แต่นางก็ยังจำได้พอเห็นฟู่จาวหนิง ลุงคนนั้นก็ตกตะลึง พอคิดแล้วจึงนึกออกขึ้นมา "ท่านคือเด็กสาวที่ตกไปในสระน้ำตอนนั้นหรือ?""ตกไปในสระน้ำ?"เซียวหลันยวนย้อนประโยคนี้ หันหน้าไปมองสระน้ำที่อยู่ไม่ห่างออกไปเบื้องหน้าอยู่ดีไม่ว่าดี ฟู่จาวหนิงก็วิ่งเล่นจนมาตกสระน้ำนี้หรือ?"ใช่แล้วข้าเอง ท่านลุง หลังจากนั้นข้าก็แวะมาหาท่าน อยากจะขอบคุณท่าน แต่ประตูนี้ก็ลงดาลอยู่ตลอด หาตัวท่านไม่พบเลย""ข้าบางครั้งก็ออกไปทำธุระน่ะ แต่ว่า มันก็แค่เป็นการช่วยแบบเสียมิได้เท่านั้น แม่นางอย่าเอ
"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน"เสิ่นเสวียนหลังจากทักทายพวกเขาก็ให้คนนำใบชากล่องหนึ่งเข้ามา"ก่อนหน้านี้บอกว่าจะมอบใบชาให้กับอ๋องเจวี้ยน แต่เพราะอาการป่วยยังไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ได้ไปเยี่ยมถึงหน้าประตูเสียที ต้องลำบากอ๋องเจวี้ยนนำกลับไปเองเสียแล้ว""ขอบคุณมาก"เซียวหลันยวนเอ่ยกับฟู่จาวหนิงว่า "ชาของท่านเสิ่นรสชาติดีมาก"ฟู่จาวหนิงประหลาดใจเล็กๆ เพราะว่าอาจารย์ฟิสิกส์ของนางคนนั้นก็ชอบดื่มชามาก ยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่าชาของเขารสชาติดีมากด้วยนี่บังเอิญเกินไปแล้วอาจจะเพราะความบังเอิญนี้ ฟู่จาวหนิงจึงรู้สึกสนิทสนมกับเสิ่นเสวียนหน่อยๆ"หลังจากมาถึงเมืองหลวงได้ยินว่า วิชาแพทย์ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนยอดเยี่ยมมาก" เสิ่นเสวียนมองนางฟู่จาวหนิงพยักหน้า "วิชาแพทย์ของข้าก็ไม่เลวจริงๆ นั่นล่ะ"พอได้ยินคำตอบนาง เสิ่นเสวียนก็ตกตะลึงไป จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "เช่นนั้นพระชายาอ๋องเจวีย้นช่วยตรวจอาการให้ข้าหน่อยได้ไหม?""แน่นอน"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ชักช้า ขอน้ำมาล้างมือทันที จากนั้นก็เดินไปตรวจอาการให้เขาอย่างละเอียดชีพจรของเสิ่นเสวียน สับสนอย่างมากมองห่างๆ ยังพอไหว แต่พอมองใกล้
เสิ่นเสวียนรับกระดาษชิ้นนั้นมา มองภาพบนตราหยก หลังจากฟังคำพูดนางจบก็ใช้นิ้วชี้เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า "บนตราหยนกี้ไม่น่าจะใช้อักษรฟู่ แต่เป็นอักษรเชี่ยว""เชี่ยว?""ถูกต้อง น้องสาวที่หายไปมีชื่อว่าเสิ่นเชี่ยว ตราหยกชิ้นนั้น น่าจะใช้รูปภาพของนาง มีคนสลักตราหยกนี้ให้นางโดยใช้ชื่อของนาง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน"เสิ่นเชี่ยว"ฟู่จาวหนิงทวนชื่อนี้ซ้ำท่านปู่ก่อนหน้านี้เคยพูดไว้ ว่าอักษรฟู่บนตราหยกชิ้นนั้น คือสิ่งที่พ่อของนางสลักขึ้นมาใหม่ เพื่อทับอักษรเดิมลงไป บอกว่าเดิมทีบนนั้นไม่ใช่อักษรฟู่"ตราหยกแบบนี้ บนโลกนี้จะมีชิ้นอื่นอยู่ด้วยไหม?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีกครั้ง"น่าจะไม่มี หนึ่งคือ ภาพนี้มีแค่บ้านของข้าที่รู้จัก ไม่ได้ถ่ายทอดออกไปภายนอก สองคือ ชื่อขงน้องสาวที่สาบสูญไปอันที่จริงก็มีไม่กี่คนที่รู้จัก"หลังจาถามฟู่จาวหนิงชัดเจน คำพูดของเสิ่นเสวียนก็เปลี่ยนไป"เช่นนั้น ตอนนี้ก็คงจะวนมาถึงปัญหาที่ข้าจะถามพระชายาได้แล้วใช่หรือไม่?"ฟู่จาวหนิงถามไปตั้งมากมายก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกไม่ถูกต้องแน่ ดังนั้นนางจึงผายมือออก เอ่ยขึ้นว่า "ท่านปู่ของข้าพูดว่า ว่าตราหยกชิ้นน
ครั้งแรกที่ได้ยินใช่แล้วหมอที่เสิ่นเสวียนเคยพบก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนพูดว่าเขาป่วย ไม่ก็บอกว่าเขาติดพิษ แต่ที่ว่าป่วยอะไร ติดพิษได้อย่างไร แล้วติดพิษอะไร เหล่าหมอก็ล้วนพูดออกมาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ลองย้อนคิดไปถึงวันที่ข้าเริ่มป่วยจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่พบว่าใครมาวางพิษใส่ข้า แล้ววางพิษลงมาอย่างไรและเรื่องเช่นนี้ก็ทำให้เขาอนุมานถึงคนมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่ได้อะไร"เรื่องนี้ก็ปกติ หมอทั่วไปคงมองไม่ออกหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนที่พูดก็ไม่ได้มีเจตนาจะกดดันหมอคนอื่น และไม่ได้ดูถูกใครด้วย หลักๆ คือยุคสมัยแตกต่างกันการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ก็แตกต่างกัน ยุคนี้ยังไม่รู้จักรังสี การที่พวกหมอตรวจไม่พบสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นเรื่องปกติก็แค่พวกเขาไม่รู้จักเท่านั้นเองดังนั้นพอพูดขึ้นมา นางจึงดูกร่างขึ้นมาเสิ่นเสวียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ฟังออกว่าอาการป่วยของตนเองจะดูหนักหนาดูยุ่งยากนักก็ตาม แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมา"ถ้าพูดเช่นนี้ วิชาแพทย์ของพระชายก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ"ทหารที่อยู่ข้างๆ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน นายท่านของข้าป่วยเป็นอะไรหรือ?"พวกเขาเดินมาทาง
เสิ่นเสวียนพูดจบก็หมุนตัวไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยนไม่มีความเห็นใดกระมัง?""ข้า""เขาจะมีความเห็นอะไรได้? คนที่รักษาอาการป่วยให้เขาก็คือข้านะ" ฟู่จาวหนิงฮึดฮัด"ใช่แล้ว พระชายาของข้าพูดถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้าแต่ว่าคำพูดของเขาก็เปลี่ยนไป "แต่ว่า ค่ารักษาของท่านเสิ่น""แน่นอนว่าจะไม่ให้ขาดตกบกพร่อง พระชายาอ๋องเจวี้ยนบอกมาเท่าไรก็คือเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่เกรงใจ "ข้าคิดเงินแพงอยู่นะ""ได้" เสิ่นเสวียนไม่ถามอะไรเลย"เช่นนั้นวันนี้จ่ายก่อนหนึ่งพันตำลึงแล้วกัน หลังจากนี้ทุกเดือนก็จ่ายมาหนึ่งครั้ง""อาลั่ว ไปเอาเงินมา" เสิ่นเสวียนเอ่ยกับลุงคนนั้นที่แท้ก็คือลุงลั่วนี่เองเงินหยิบมาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็เก็บไปอย่างไม่เกรงใจ"เช่นนั้นตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต้องหาต้นกำเนิดของรังสี""อะไรคือต้นกำเนิดของรังสี?" ลุงลั่วถามเสิ่นเสวียนเข้าใจขึ้นมา "ท่านกำลังพูดถึงวัตถุที่ปล่อยรังสีจนทำให้ข้าเจ็บป่วยสินะ?""ถูกต้อง ในเมื่ออาการป่วยของท่านแย่ลงเรื่อยๆ ก็อธิบายได้ว่าของชิ้นนี้ยังอยู่ข้างกายท่านมาตลอด ถ้าหากช่วงนี้ท่านไม่ได้ออกไปที่ไหน เช่นนั้นสิ่งของก็น่าจะอยู่ในห้องนั้น
"นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อมอบให้ เขาเรียกมันว่าหินนภา หายากอย่างมาก""หินนภา"ฟู่จาวหนิงหยิบขึ้นมา "นี่เป็นสิ่งที่ท่านพกไว้ตลอดหรือ?""อืม ปตกิแล้วจะพกไว้ตลอด""เวลานายท่านครุ่นคิดก็มักจะหยิบหินนภาสองชิ้นนี้ไว้ในมือ""สิ่งนี้ต้องตรวจอย่างละเอียด ข้าต้องใช้น้ำยากับมัน ข้าสามารถนำกลับไปได้ไหม? สามวันให้หลังจะนำมาส่งคืน"แน่นอนว่านางไม่ได้ใช้น้ำยา แต่จะเอากลับไปใช้เครื่องมือในห้องเภสัชเพื่อตรวจสอบ แม้ว่านางจะยืนยันไปแล้วระดับหนึ่ง"ได้เลย"เสิ่นเสวียนรับคำทันทีรอจนฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนจากไป ทหารก็มองเสิ่นเสวียนอย่างกังวล"นายท่าน ถ้าหากหินนภาคู่นั้นมีปัญหาจริง เช่นนั้นท่านผู้เฒ่ารองจะ..."นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะหลังจากที่ร่างกายของนายท่านมีปัญหา เรื่องส่วนใหญ่ในตระกูลเสิ่น ก็ล้วนตกไปอยู่กับบ้านของท่านผู้เฒ่ารอง กระทั่งบ้านของนายท่าน ฮูหยินของนายท่านพวกเขาก็ยังต้องอยู่ด้วกันกับท่านผู้เฒ่ารองในบ้านตระกูลเสิ่นเลยแต่ว่า ท่านผู้เฒ่ารองนั้นเห็ฯนายท่านเติบโตมาเลยนะ นายท่านนับถือเขาเชื่อใจเขามาตลอด ถ้าหากเป็นปัญหาจากทางท่านผู้เฒ่ารองล่ะก็เขาเองก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่านายท่านจ
ชิงอีเห็นท่าทางของเขาก็ไม่กล้าพูดมาก ดำเนินการทันทีส่วนทางเซียวเหยียนจิ่งพอตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปหนึ่งวันเต็ม คนก็ถูกชินอ๋องเซียวให้คนลากไปด้านนอก ใช้เท้าเตะไปที่ขาของเขาทีหนึ่งเซียวเหยียนจิ่งคุกเข่าลงไป เจ็บจนหูตาจมูกบนหน้าขมวดรวมกันเข้ามา"ท่านพ่อท่านทำอะไรน่ะ?""ทำอะไร? แล้วเจ้าทำไมไม่บอกว่าตัวเองไปทำอะไรมา?!"ชินอ๋องเซียวโมโหจนหน้าเขียวไปแล้ว ในมือถือแส้เล่มหนึ่ง อยากจะฟาดเจ้าทายาทไม่ได้เรื่องคนนี้ให้ตายไปทันทีเสียจริง"เจ้าวันนี้นอนกรนอยู่ทั้งวัน ไม่รู้ว่าทั้งเมืองหลวงกำลังขบขันจวนชินอ๋องเซียวของเราอยู่! หน้าของข้าถูกเจ้าทำลายไปจนป่นปี้แล้ว! ตอนนี้ ตอนนี้ หมอเทวดาหลี่นั่งนิ่งอยู่ที่โถงหน้าไม่ยอมไปไหนแล้ว!"เซียวเหยียนจิ่งยังไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น"ขบขันจวนอ๋องของพวกเรา?""มานี่ พวกเจ้าบอกกับเขาที บอกว่าคนข้างนอกกำลังลืออะไรกัน!"วันนี้ชินอ๋องเซียวเดิมทีต้องออกไปงานเลี้ยง ผลลัพธ์คือในงานเลี้ยงกลับถูกคนเย้ยหยันขบขันอยู่นานสองนาน แล้วยังมีคนพูดว่า ได้ยินว่ารัฐทายาทเซียวก็พอดูใช้ได้อยู่ แต่อันที่จริงก็ยาวแค่ไม่กี่ชุ่นเท่านั้น ชินอ๋องเซียว ท่านเป็นบิดาเขา ไม
ฮูหยินหรงเยว่เองก็ไม่บอกไม่ได้"ท่านหญิง ตอนนั้นท่านไม่ใช่ว่าเห็นฟู่จาวหนิงโดนยาจนหลับไปในศาลาแล้วหรอกหรือถึงได้ออกมากัน?"นางนั่นล่ะ!"ต่อมาทั้งหมดก็เดินไปตามแผนการ แต่นอกจากฟู่จาวหนิงที่อยู่ในศาลากลับไม่เห็นแล้ว""ท่านหญิง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้สำคัญที่สุดคือหอจันทร์หยาดของข้า อ๋องเจวี้ยนมาปิดไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไร?"ฮูหยินพรงเยว่ตอนนี้ก็ร้อนรนอยากจะแก้ไขเรื่องนี้ฮองเฮาตอนนั้นก็ให้ความสำคัญกับนางมาก ถ้าเรื่องครั้งนี้พังจนเสียหอจันทร์หยาดไปล่ะก็ นางก็ไม่มีคำอธิบายกับฮองเฮาแล้ว!"ข้าจะไปหาอ๋องเจวี้ยน"ซ่งอวิ๋นเหยากัดริมผีปากถ้านางครั้งนี้ทำให้หอจันทร์หยาดต้องปิดไป เช่นนั้นก็เท่ากับตัดขาดสถานที่ทำกินเอาตัวรอดของฮูหยินหรงเยว่ไป ฮูหยินหรงเยว่ไม่มีทางเลิกราแน่ตอนนี้นางเองก็จำใจต้องไปขอร้องฮองเฮาเพื่อเรื่องนี้ ถึงอย่างไรฮองเฮาก็เป็นที่พึ่งสุดท้ายของนาง"เช่นนั้นท่านหญิงคงต้องรีบไปแล้ว ถ้าเวลาปิดยิ่งนานเข้า ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าของข้า หลังจากนี้ใครจะกล้ามาช่วยเหลือกัน?"ฮูหยินหรงเยว่รู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้ารู้แต่แรกคงไม่ช่วยท่านหญิงอวิ๋นเหยาแล้วแต่ใครจ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้