เสิ่นเสวียนรับกระดาษชิ้นนั้นมา มองภาพบนตราหยก หลังจากฟังคำพูดนางจบก็ใช้นิ้วชี้เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า "บนตราหยนกี้ไม่น่าจะใช้อักษรฟู่ แต่เป็นอักษรเชี่ยว""เชี่ยว?""ถูกต้อง น้องสาวที่หายไปมีชื่อว่าเสิ่นเชี่ยว ตราหยกชิ้นนั้น น่าจะใช้รูปภาพของนาง มีคนสลักตราหยกนี้ให้นางโดยใช้ชื่อของนาง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน"เสิ่นเชี่ยว"ฟู่จาวหนิงทวนชื่อนี้ซ้ำท่านปู่ก่อนหน้านี้เคยพูดไว้ ว่าอักษรฟู่บนตราหยกชิ้นนั้น คือสิ่งที่พ่อของนางสลักขึ้นมาใหม่ เพื่อทับอักษรเดิมลงไป บอกว่าเดิมทีบนนั้นไม่ใช่อักษรฟู่"ตราหยกแบบนี้ บนโลกนี้จะมีชิ้นอื่นอยู่ด้วยไหม?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีกครั้ง"น่าจะไม่มี หนึ่งคือ ภาพนี้มีแค่บ้านของข้าที่รู้จัก ไม่ได้ถ่ายทอดออกไปภายนอก สองคือ ชื่อขงน้องสาวที่สาบสูญไปอันที่จริงก็มีไม่กี่คนที่รู้จัก"หลังจาถามฟู่จาวหนิงชัดเจน คำพูดของเสิ่นเสวียนก็เปลี่ยนไป"เช่นนั้น ตอนนี้ก็คงจะวนมาถึงปัญหาที่ข้าจะถามพระชายาได้แล้วใช่หรือไม่?"ฟู่จาวหนิงถามไปตั้งมากมายก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกไม่ถูกต้องแน่ ดังนั้นนางจึงผายมือออก เอ่ยขึ้นว่า "ท่านปู่ของข้าพูดว่า ว่าตราหยกชิ้นน
ครั้งแรกที่ได้ยินใช่แล้วหมอที่เสิ่นเสวียนเคยพบก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนพูดว่าเขาป่วย ไม่ก็บอกว่าเขาติดพิษ แต่ที่ว่าป่วยอะไร ติดพิษได้อย่างไร แล้วติดพิษอะไร เหล่าหมอก็ล้วนพูดออกมาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ลองย้อนคิดไปถึงวันที่ข้าเริ่มป่วยจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่พบว่าใครมาวางพิษใส่ข้า แล้ววางพิษลงมาอย่างไรและเรื่องเช่นนี้ก็ทำให้เขาอนุมานถึงคนมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่ได้อะไร"เรื่องนี้ก็ปกติ หมอทั่วไปคงมองไม่ออกหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนที่พูดก็ไม่ได้มีเจตนาจะกดดันหมอคนอื่น และไม่ได้ดูถูกใครด้วย หลักๆ คือยุคสมัยแตกต่างกันการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ก็แตกต่างกัน ยุคนี้ยังไม่รู้จักรังสี การที่พวกหมอตรวจไม่พบสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นเรื่องปกติก็แค่พวกเขาไม่รู้จักเท่านั้นเองดังนั้นพอพูดขึ้นมา นางจึงดูกร่างขึ้นมาเสิ่นเสวียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ฟังออกว่าอาการป่วยของตนเองจะดูหนักหนาดูยุ่งยากนักก็ตาม แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมา"ถ้าพูดเช่นนี้ วิชาแพทย์ของพระชายก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ"ทหารที่อยู่ข้างๆ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน นายท่านของข้าป่วยเป็นอะไรหรือ?"พวกเขาเดินมาทาง
เสิ่นเสวียนพูดจบก็หมุนตัวไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยนไม่มีความเห็นใดกระมัง?""ข้า""เขาจะมีความเห็นอะไรได้? คนที่รักษาอาการป่วยให้เขาก็คือข้านะ" ฟู่จาวหนิงฮึดฮัด"ใช่แล้ว พระชายาของข้าพูดถูกต้อง" เซียวหลันยวนพยักหน้าแต่ว่าคำพูดของเขาก็เปลี่ยนไป "แต่ว่า ค่ารักษาของท่านเสิ่น""แน่นอนว่าจะไม่ให้ขาดตกบกพร่อง พระชายาอ๋องเจวี้ยนบอกมาเท่าไรก็คือเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่เกรงใจ "ข้าคิดเงินแพงอยู่นะ""ได้" เสิ่นเสวียนไม่ถามอะไรเลย"เช่นนั้นวันนี้จ่ายก่อนหนึ่งพันตำลึงแล้วกัน หลังจากนี้ทุกเดือนก็จ่ายมาหนึ่งครั้ง""อาลั่ว ไปเอาเงินมา" เสิ่นเสวียนเอ่ยกับลุงคนนั้นที่แท้ก็คือลุงลั่วนี่เองเงินหยิบมาแล้ว ฟู่จาวหนิงก็เก็บไปอย่างไม่เกรงใจ"เช่นนั้นตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต้องหาต้นกำเนิดของรังสี""อะไรคือต้นกำเนิดของรังสี?" ลุงลั่วถามเสิ่นเสวียนเข้าใจขึ้นมา "ท่านกำลังพูดถึงวัตถุที่ปล่อยรังสีจนทำให้ข้าเจ็บป่วยสินะ?""ถูกต้อง ในเมื่ออาการป่วยของท่านแย่ลงเรื่อยๆ ก็อธิบายได้ว่าของชิ้นนี้ยังอยู่ข้างกายท่านมาตลอด ถ้าหากช่วงนี้ท่านไม่ได้ออกไปที่ไหน เช่นนั้นสิ่งของก็น่าจะอยู่ในห้องนั้น
"นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อมอบให้ เขาเรียกมันว่าหินนภา หายากอย่างมาก""หินนภา"ฟู่จาวหนิงหยิบขึ้นมา "นี่เป็นสิ่งที่ท่านพกไว้ตลอดหรือ?""อืม ปตกิแล้วจะพกไว้ตลอด""เวลานายท่านครุ่นคิดก็มักจะหยิบหินนภาสองชิ้นนี้ไว้ในมือ""สิ่งนี้ต้องตรวจอย่างละเอียด ข้าต้องใช้น้ำยากับมัน ข้าสามารถนำกลับไปได้ไหม? สามวันให้หลังจะนำมาส่งคืน"แน่นอนว่านางไม่ได้ใช้น้ำยา แต่จะเอากลับไปใช้เครื่องมือในห้องเภสัชเพื่อตรวจสอบ แม้ว่านางจะยืนยันไปแล้วระดับหนึ่ง"ได้เลย"เสิ่นเสวียนรับคำทันทีรอจนฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนจากไป ทหารก็มองเสิ่นเสวียนอย่างกังวล"นายท่าน ถ้าหากหินนภาคู่นั้นมีปัญหาจริง เช่นนั้นท่านผู้เฒ่ารองจะ..."นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะหลังจากที่ร่างกายของนายท่านมีปัญหา เรื่องส่วนใหญ่ในตระกูลเสิ่น ก็ล้วนตกไปอยู่กับบ้านของท่านผู้เฒ่ารอง กระทั่งบ้านของนายท่าน ฮูหยินของนายท่านพวกเขาก็ยังต้องอยู่ด้วกันกับท่านผู้เฒ่ารองในบ้านตระกูลเสิ่นเลยแต่ว่า ท่านผู้เฒ่ารองนั้นเห็ฯนายท่านเติบโตมาเลยนะ นายท่านนับถือเขาเชื่อใจเขามาตลอด ถ้าหากเป็นปัญหาจากทางท่านผู้เฒ่ารองล่ะก็เขาเองก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่านายท่านจ
ชิงอีเห็นท่าทางของเขาก็ไม่กล้าพูดมาก ดำเนินการทันทีส่วนทางเซียวเหยียนจิ่งพอตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปหนึ่งวันเต็ม คนก็ถูกชินอ๋องเซียวให้คนลากไปด้านนอก ใช้เท้าเตะไปที่ขาของเขาทีหนึ่งเซียวเหยียนจิ่งคุกเข่าลงไป เจ็บจนหูตาจมูกบนหน้าขมวดรวมกันเข้ามา"ท่านพ่อท่านทำอะไรน่ะ?""ทำอะไร? แล้วเจ้าทำไมไม่บอกว่าตัวเองไปทำอะไรมา?!"ชินอ๋องเซียวโมโหจนหน้าเขียวไปแล้ว ในมือถือแส้เล่มหนึ่ง อยากจะฟาดเจ้าทายาทไม่ได้เรื่องคนนี้ให้ตายไปทันทีเสียจริง"เจ้าวันนี้นอนกรนอยู่ทั้งวัน ไม่รู้ว่าทั้งเมืองหลวงกำลังขบขันจวนชินอ๋องเซียวของเราอยู่! หน้าของข้าถูกเจ้าทำลายไปจนป่นปี้แล้ว! ตอนนี้ ตอนนี้ หมอเทวดาหลี่นั่งนิ่งอยู่ที่โถงหน้าไม่ยอมไปไหนแล้ว!"เซียวเหยียนจิ่งยังไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น"ขบขันจวนอ๋องของพวกเรา?""มานี่ พวกเจ้าบอกกับเขาที บอกว่าคนข้างนอกกำลังลืออะไรกัน!"วันนี้ชินอ๋องเซียวเดิมทีต้องออกไปงานเลี้ยง ผลลัพธ์คือในงานเลี้ยงกลับถูกคนเย้ยหยันขบขันอยู่นานสองนาน แล้วยังมีคนพูดว่า ได้ยินว่ารัฐทายาทเซียวก็พอดูใช้ได้อยู่ แต่อันที่จริงก็ยาวแค่ไม่กี่ชุ่นเท่านั้น ชินอ๋องเซียว ท่านเป็นบิดาเขา ไม
ฮูหยินหรงเยว่เองก็ไม่บอกไม่ได้"ท่านหญิง ตอนนั้นท่านไม่ใช่ว่าเห็นฟู่จาวหนิงโดนยาจนหลับไปในศาลาแล้วหรอกหรือถึงได้ออกมากัน?"นางนั่นล่ะ!"ต่อมาทั้งหมดก็เดินไปตามแผนการ แต่นอกจากฟู่จาวหนิงที่อยู่ในศาลากลับไม่เห็นแล้ว""ท่านหญิง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้สำคัญที่สุดคือหอจันทร์หยาดของข้า อ๋องเจวี้ยนมาปิดไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไร?"ฮูหยินพรงเยว่ตอนนี้ก็ร้อนรนอยากจะแก้ไขเรื่องนี้ฮองเฮาตอนนั้นก็ให้ความสำคัญกับนางมาก ถ้าเรื่องครั้งนี้พังจนเสียหอจันทร์หยาดไปล่ะก็ นางก็ไม่มีคำอธิบายกับฮองเฮาแล้ว!"ข้าจะไปหาอ๋องเจวี้ยน"ซ่งอวิ๋นเหยากัดริมผีปากถ้านางครั้งนี้ทำให้หอจันทร์หยาดต้องปิดไป เช่นนั้นก็เท่ากับตัดขาดสถานที่ทำกินเอาตัวรอดของฮูหยินหรงเยว่ไป ฮูหยินหรงเยว่ไม่มีทางเลิกราแน่ตอนนี้นางเองก็จำใจต้องไปขอร้องฮองเฮาเพื่อเรื่องนี้ ถึงอย่างไรฮองเฮาก็เป็นที่พึ่งสุดท้ายของนาง"เช่นนั้นท่านหญิงคงต้องรีบไปแล้ว ถ้าเวลาปิดยิ่งนานเข้า ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าของข้า หลังจากนี้ใครจะกล้ามาช่วยเหลือกัน?"ฮูหยินหรงเยว่รู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้ารู้แต่แรกคงไม่ช่วยท่านหญิงอวิ๋นเหยาแล้วแต่ใครจ
"คุณหนู จับนกพิราบสื่อสารมาได้ตัวหนึ่ง"พิราบสื่อสาร?ฟู่จาวหนิงรีบเปิดประตูทันที สายตาตกไปอยู่บนพิราบสื่อสารตัวนั้นจงเจี้ยนหยิบจดหมายบนขาของพิราบสื่อสารยื่นส่งให้นางฟู่จาวหนิงรับมา ด้านในมีอักษรสี่ตัวเขียนไว้ว่า "สถานที่เดิม ให้ไว""สถานที่เดิม?""พิราบสื่อสารตัวนี้บินไปทางไหน?" นางผูกจดหมายนี้กลับไปยังขาของพิราบสื่อสาร ทำตามร่องรอยเมื่อครู่นี้"น่าจะเป็นทางจวนผู้เฒ่าฟู่สี่" จงเจี้ยนอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ช่วงนี้จนจดจำทุกซอกมุมของบ้านตระกูลฟู่ได้แล้วอันที่จริงเข้าก็เคยเข้าไปสำรวจทางผู้เฒ่าฟู่สี่เช่นกัน แต่ว่าผู้เฒ่าฟู่สี่กับภรรยาก็ทำตัวสันโดษมาก ทุกวันก็แค่กินดื่มทำงานบ้านเล็กน้อย ไม่พูดจาด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรฮูหยินของผู้เฒ่าฟู่สี่ก็เป็นใบ้เขาตรวจสอบอะไรไม่ได้เลยตอนนี้พอเห็นนกพิราบสื่อสารบินไปทางนั้น ก็รู้สึกได้ทันทีว่าถึงเวลาที่จะไขปริศนาบนตัวพวกเขาแล้ว"ปล่อยมันบินไป"ฟู่จาวหนิงพอพูด จงเจี้ยนก็เข้าใจความหมายของนาง "ขอรับ"พิราบจดหมายบินออกไปอีกครั้ง จงเจี้ยนไล่ตามไปอย่างไร้ซุ่มเสียงทันทีเขาเห็นพิราบสื่อสารบินไปทางเรือนเล็กของผู้เฒ่าฟู่สี่ จากนั้นด้านในก็มีเสียงเคร้งดังข
จงเจี้ยนพอได้ยินก็ตกตะลึงขึ้นทันทีพวกนางกำลังพูดเรื่องอะไรกัน"นางไม่ใช่ฟู่จาวหนิงแล้วนางจะเป็นใครได้กัน? พวกเจ้าก่อนหน้าไม่ใช่บอกว่าตรวจสอบนางแล้วหรือ? จะรูปร่างภายนอกหรือน้ำเสียงนาง ก็เป็นตัวฟู่จาวหนิงชัดๆ""ถูกต้อง ความหมายของข้ากับอาหนงก็คือ นางคือฟู่จาวหนิง แต่ด้านในก็ไม่แน่ว่าจะใช่""พรึบ"ฮูหยินหรงเยว่ถลึงตาโต "เดี๋ยวก่อน เจ้าให้ข้าคิดหน่อย ข้าเริ่มงงแล้ว หมายความว่าอย่างไรนะ?""ครั้งที่แล้วที่ไห่ฉางจวิ้นเข้ามา ไหมใจโลหิตของนางกลับบินตรงไปทางฟู่จาวหนิงเอง ท่านเองก็รู้ ว่าไหมใจโลหิตมีจุดที่มหัศจรรย์อยู่จุดหนึ่ง นั่นก็คือจะถูกจิตวิญญาณดึงดูด ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้ากับอาหนงถึงได้สงสัยขึ้นมา?""เพราะเจ้าเองก็มีไหมใจโลหิตด้วย" ฮูหยินหรงเยว่พูดออกมา"ถูกต้อง ข้ามีไหมใจโลหิต แต่ว่าก่อนหน้านี้ไหมใจโลหิตของข้าตอนปล่อยอยู่ต่อหน้าฟู่จาวหนิง มันก็ไม่เคยบินไปทางฟู่จาวหนิงเลย ตอนนี้ฟู่จาวหนิงแตกต่างไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ไหมใจโลหิตของไห่ฉางจวิ้นก็ยังบินไปกับนาง นี่อธิบายได้ว่า ฟู่จาวหนิงในตอนนี้มีวิญญาณที่แตกต่างกับเมื่อก่อนอยู่""นี่เป็นไปได้อย่างไร?""ดังนั้น หลังจากข้ากับอาหนงหา
เซียวหลันยวนพูดพลางหัวเราะเสียงต่ำฟู่จาวหนิงเองก็ตกตะลึงไป "ผู้ตรวจการอันไปคุกคามองค์จักรพรรดิหรือ?"ถ้าหากผู้ประสบภัยทะลักเข้าเมืองหลวง เมืองหลวงก็จะวุ่นวาย องค์จักรพรรดิไม่อยากจะสนใจก็คงต้องสนใจแล้วแค่โรคระบาด องค์จักรพรรดิก็ยังกลัวจนไม่ประชุมเช้า ไม่ต้องพูดเรื่องผู้ประสบภัยนับหมื่นเลย? เขาได้ตกใจจนตายกันพอดี"ก็จริงนั่นล่ะ แต่นี่ก็เป็นเรื่องจริง แต่รายละเอียดด้านในที่นำไปปฏิบัติได้ก็มีเยอะมาก""แล้วองค์จักรพรรดิให้เงินบรรเทาภัยมาเท่าไร?""หนึ่งหมื่นตำลึง""ขี้เหนียว" ฟู่จาวหนิงเบ้ปากนางเองก็ยอมแล้ว ผู้ประสบภัยนับหมื่น แต่ให้เงินบรรเทาภัยมาหมื่นตำลึง? นางเค้นจากตัวพวกองค์หญิงเจ็ดยังได้มาตั้งสามหมื่นตำลึง"คลังหลวงว่างเปล่าแล้วจริงๆ""เอาเถะ พวกเราเองก็ลองไปเตรียมตัวดูก่อน ถ้าเงินไม่พอจริง ค่อยให้ผู้ตรวจการชิงกลับไปปล้นองค์จักรพรรดิอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นถ้ายังไม่เห็นสถานการณ์เมืองเจ้อกับตา ใต้เท้าอันหากคิดจะปล้นก็ปล้นลำบาก"อันเหนียนบอกว่าสามวันนั้นรีบไปหน่อย ขอเลื่อนไปวันหนึ่ง ข้าส่งคนไปดูลาดเลาก่อน ตอนพวกเจ้าไปถึงจะมีคนรอรับอยู่"เอาของไปด้วยตั้งมากมาย ตอนไปถึงต้อง
ผู้อาวุโสจี้รู้ว่า จะเตือนไม่ให้ฟู่จาวหนิงไปเมืองเจ้อนั้นเป็นไปไม่ได้การตัดสินใจที่นางพูดออกมา ไม่มีทางเปลี่ยนยิ่งไปวก่านั้น วิชาหมอของนางเองก็ดีขนาดนี้ ไปสถานที่แบบนั้นจะต้องช่วยเหลือชีวิตได้มากมายแน่นอน ผู้อาวุโสจี้ที่ทั้งใจเต็มไปด้วยความดีงามก็ไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่เขาเองก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เมืองเจ้อทางนั้นผู้ประสบภัยมากเกินไป จะต้องวุ่นวายแน่นอน เจ้าไปที่นั่นความปลอดภัยเป็นปัญหา ต้องระวังหน่อย แล้วอ๋องเจวี้ยนจัดแจงให้แล้วหรือยัง? เจ้าคงต้องพาองครักษ์ไปมากหน่อย"ถึงแม้ถ้าผู้ประสบภัยก่อจราจลขึ้นมา ต่อให้มีองครักษ์มากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่พาไปหน่อยก็ยังดีกว่าไม่พาไป"เจ้ามีของแปลกๆ ตอนสกัดยาเยอะไม่ใช่หรือ? ทำยาที่เอาไว้ทำให้คนล้มวงกว้างๆ ไว้เยอะหน่อย ถ้าถึงเวลาต้องใช้จริง เจ้าก็ไม่ต้องสนอะไร สาดยาออกไปเลย รักษาตัวเองไว้ก่อนเป็นสำคัญ""ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ สอนลูกศิษย์แบบนี้ได้เหรอ?"ฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ ผู้อาวุโสจี้สอนให้นางใช้ยาสลบกับผู้ประสบภัยเนี่ยนะผู้อาวุโสจี้ถลึงตา "แค่นี้จะเป็นอะไรไป? ทำอะไรก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด!""ข้าย
"ศิษย์น้องหญิงเจ้าไปงานรับบริจาคของฮ่าวปิงมาหรือ?" ต่งฮ่วนจือเงยหน้ามองนาง"เปล่า ข้าตบนางไปฉาดหนึ่งด้วยซ้ำ"ฟู่จาวหนิงไม่ไว้หน้าเขาเลย เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าออกมาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง"ดังนั้น ศิษย์พี่รอง ข้าตอนนี้ข้าจะเน้นกับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เข้าไม่ถูกกับเฉินฮ่าวปิง ถ้านางยังคิดจะมาทำอะไรต่อหน้าข้าอีกจะไม่จบแค่ตบหน้าแล้ว เรื่องที่นางทำมันโง่เง่ามาก ยิ่งไปกว่นั้นนางยังโกรธแค้นแล้วมองข้าเป็ฯศัตรูอีก"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ "ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่เป็นอะไรกับพวกนางข้าไม่สนใจ แต่หลังจากนี้ ถ้าหากศิษย์พี่ยังยืนยันจะยืนอยู่ฝั่งนางทางนั้น ยังคิดจะปกป้องนาง เช่นนั้นข้าก็จะขีดเส้นกั้นกับศิษย์พี่แล้ว"ผู้อาวุโสจี้มองต่งฮ่วนจือหน้าขรึม"หลายปีนี้เจ้าเอาแต่ปกป้องแม่ลูกอย่างพวกนาง แล้วมองไม่ออกถึงความใจร้ายของนังเด็กนั่นเลยหรือ? หลังจากนางถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงก็ไม่มาสนใจเจ้าอีก เจ้าคิดว่านางยังจำบุญคุณของเจ้าได้ไหม? เจ้าคิดว่าตนเองกับนางมีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัว แต่นางก็แค่หลอกใช้เจ้า""ถึงอย่างไรคนที่โง่แบบเจ้าก็มีไม่เยอะ! ต่งฮ่วนจือ ศิษย์น้องหญิงของเจ้าพู
ฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"ศิษย์พี่ พวกเราจะซื้อวัตถุดิบยาในราคาเดิม ไม่ต้องลดราคา แค่นี้ได้ไหม?""ถ้าอย่างนี้ก็ได้อยู่...""ต่ง ! ฮ่วน ! จือ!"ผู้อาวุโสจี้โกรธเป็นฟืนไฟแล้วจริงๆ"ท่านอาจารย์ สงบลงก่อน" ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้ รินน้ำชาให้กับเขา "ศิษย์พี่ทำงานอย่างเข้มงวด เข้าต้องทำตามกฏการทำงานของพันธมิตรโอสถ อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย""อาจารย์ เรื่องนี้ไม่ได้จะคุยกันลกบาก ข้าแค่ต้องใช้เวลาไปคำนวณต้นทุนของวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ หน่อย ถึงตอนนั้นก็จะคำนวณส่วนลดลงมาได้"ต่งฮ่วนจือลุกขึ้นยืน ไม่กล้านั่งลงมา"แต่ถ้าศิษย์น้องหญิงไม่ต้องการลดต้นทุนสี่ส่วนล่ะก็ ข้าทางนี้จะหักกำไรทั้งหมดออกได้ ยิ่งไปกว่นั้น พวกเรายังสามารถบริจาควัตถุดิบยาที่ค่อนข้างพิเศษบางอย่างได้นิดหน่อยด้วย ข้าทางนี้ยังมีส่วนที่เหลืออยู่ เพราะสาขาย่อยเมืองเจ้อทางนั้นไม่มีวัตถุดิบยาชนิดนี้ ดังนั้นสิ่งนี้ข้ามอบให้ได้..."ต่งฮ่วนจือพยายามจะอธิบาย"ตัวข้าเองก็ยังบริจาคเงินช่วยได้ เงินพวกนี้เอาไปเพิ่มกับเงินที่ซื้อวัตถุดิบยาก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวเสียหน่อย""เฮอะ" ผู้อาวุโสจี้โมโหจนหัวเราะ "
ต่งฮ่วนจือหลายวันนี้ดูผ่านไปแบบซึมเศร้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก พูดจาเองก็ยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเขาพยายามอธิบายจุดนี้"วัตถุดิบยาชุดใหญ่ที่อ๋องเจวี้ยนต้องการ ก็ล้วนเป็นวัตถุดิบยารักษาหวัดหรืออาการบาดเจ็บภายนอกทั้งนั้น เป็นของที่หาได้ทั่วไป แล้วก็เป็นพวกที่ราคาถูกำไรน้อยพวกนั้น หลายอย่างพวกเราเก็บกำไรแค่หนึ่งถึงสองส่วน รักษาไม่ให้พันธมิตรโอสถต้องขาดทุน ถ้าหากวัตถุดิบยาเหล่านี้ลดราคาต้นทุนไปสี่ส่วน บัญชีของพันธมิตรก็จะมีช่องว่างเบ้อเร่อเลย"ต่งฮ่วนจือบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างจนใจ "ศิษย์น้องหญิง ถ้าแบบนี้บัญชีที่ข้าต้องส่งให้พันธมิตรสาขาตอนครึ่งปีจะอธิบายลำบากเอา"เข้าใจ ก็คือ ขาดทุนนั่นล่ะฟู่จาวหนิงยังไม่ทันพูด ผู้อาวุโสจี้ก็ร้องเชอะขึ้นมา "นี่มีอะไรพูดลำบากกัน? ข้าบอกให้เจ้าโยนทั้งหมดมาที่ตัวข้าแล้ว""ท่านอาจารย์ นี่มันทำได้ที่ไหนกัน? ถึงอย่างไรข้าก็ดูแลสาขาของเมืองหลวงนะ เป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทำเรื่องอย่างการผลักภาระทุกอย่างไปให้อาจารย์หมดไม่ได้"เจ้าเอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ กล้าๆ กลัวๆ ก็แค่เพราะเจ้าเพิ่งมารับช่วงดูแลที่นี่ กลัวจะทำเรื่องโดดเด่นออกมาไม่ได้
เรื่องนี้เจ้ากลับไปถามพ่อเจ้าดู พวกเจาจะเอาของออกมาได้แค่ไหน ข้าจะใช้เงินที่ได้มาจากพวกนาง แล้วข้าเองก็จะเติมเข้าไปส่วนหนึ่ง หลังจากซื้อกับเจ้าทางนั้นก็จะขนไปที่เมืองเจ้อถึงแม้นางจะไม่อยากถูกเฉินฮ่าวปิงชี้นิ้วสั่ง แต่แผนของเฉินฮ่าวปิง ก็มีบางส่วนที่ตรงกับแผนการของนางพอดี"พ่อของข้าอันที่จริงช่วงนี้ก็เตรียมของเอาไว้แล้วส่วนหนึ่ง" ฟางซือฉิงรู้สึกเชิงขอโทษขึ้นมา "ก่อนหน้านี้ตอนที่สถานที่อื่นเกิดภัยพิบัติ พ่อแม่ข้าก็บริจาคสิ่งของกับเงินไป""ผู้เฒ่าฟางไม่เคยบอกมาก่อนหรือ?""ไม่เลย ท่านพ่อบอกข้าว่า ทำเรื่องเหล่านี้ต้องทำด้วยใจ ไม่จำเป็นต้องออกไปตะโกนร้องป่าว""คำพูดนี้ก็ถูกต้อง ผู้เฒ่าฟางเป็นคนดี แต่ว่า วันนี้เจ้าเองก็เห็นแล้ว ขนาดเฉินฮ่าวปิงที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงยังไม่ทันหยั่งเท้ามั่นคงดีก็จับจ้องตระกูลฟางเสียแล้ว นี่อธิบายอะไรได้ล่ะ?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกนับถือเศรษฐีฟาง เขาไม่ใช่คนที่ไร้ความเมตตาเพื่อความร่ำรวย"อธิบายได้ว่าอะไรหรือ?" ฟางซือฉิงงงงันไป"อธิบายได้ว่าบางครั้ง การทำบุญก็ควรจะพูดออกไปบ้าง"ฟู่จาวหนิงตบมือนางเบาๆ "ชื่อเสียงที่ดีบางครั้งก็เป็นเกราะคุ้มกันอย่างหนึ่ง"เพียงแต
นั่นสิ นางไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้ามาพูดจาไม่เกรงใจเขาแบบนี้?"แล้วก็ หลังจากอ๋องฉยงเข้าไปแล้วก็เตือนท่านหญิงปิงอวี้เสียหน่อย หลังจากนี้อย่ามาโผล่ตรงหน้าข้าอีก ข้าหมดความอดทนกับนางแล้ว"ฟู่จาวหนิงพูดจบคำนี้ ก็หมุนตัวขึ้นม้า "พวกเราไป"รถม้าแล่นออกไป สะบัดก้นรถให้อ๋องฉยงอ๋องฉยงยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถลึงตาอ้าปากค้างมองรถม้าที่แล่นออกไปฟู่จาวหนิงเป็นคนแบบนี้หรือ!บนรถม้า ฟางซือฉิงถอนใจโล่งออกมา จากนั้นจึงระวังขึ้น"จาวหนิง วันนี้ผิดใจกับท่านหญิงปิงอวี้กับองค์หญิงเจ็ดเข้า แล้วยังพวกคุณหนูสี่หลี่นั่นอีก พวกนเางจะร่วมมือกันมารังแกเจ้าไหม?"ถ้าคนเหล่านี้กลับบ้านไปฟ้องผู้อาวุโส แล้วเกือบสิบตระกูลก็จับมือกัน นี่มันจะเรื่องใหญ่เอากระมัง?ยังมีองค์หญิงเจ็ดอีก องค์จักรพรรดิกับตระกูลฝ่ายแม่ขององค์หญิงเจ็ดก็ไม่รู้ว่าจะกดดันมาทางอ๋องเจวี้ยนหรือเปล่า"อ๋องเจวี้ยนเขา..."อ๋องเจวี้ยนก็ตามใจฟู่จาวหนิงจริงๆแต่ฟางซือฉิงเองก็กลัวว่าวันหนึ่งเขาจะรำคาญที่ต้องมาช่วยฟู่จาวหนิงแก้ปัญหาต่างๆ น่ะสิ ถ้าหากฟู่จาวหนิงยังเอาแต่ผิดใจคนมากมายขนาดนี้ สำหรับอ๋องเจวี้ยนแล้วมันเป็นปัญหาใหญ่หรือเปล่า?"ไม
อ๋องฉยงเป็นคนแบบไหน?ฟู่จาวหนิงพอสบกับดวงตาที่สว่างวาวราวกับหลอดไฟของเขาก็รู้แล้วว่าตามหลักการ อ๋องฉยงกล้าทิ้งพระชายาอ๋องฉยงออกจากที่ดินศักดินา แจ้นกลับมาเจรจาธุรกิจกับองค์จักรพรรดิได้ ก็น่าจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราวเป็นหลัก รอบคอบมีการวางแผนเป็นอย่างดีถึงจะถูกแต่ตอนนี้พอเจอกับสายตาเช่นนี้ของอ๋องฉยง ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกว่า นางก่อนหน้านี้ประเมินอ๋องฉยงไว้สูงเกินไป?แต่ว่า ตอนที่ได้ยินนางบอกว่าต้องเรียกนางว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยน สายตาของอ๋องฉยงก็เก็บกลับไปไม่น้อย สีหน้าจริงจังขึ้นมาพอควรอย่างนี้สิถึงจะถูก?ไม่เช่นนั้นคนที่มองคนแต่รูปลักษณ์ภายนอก จะไปทำเรื่องใหญ่อะไรได้?"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เจ้าเห็นข้าแล้ว จะไม่ทักทายหน่อยหรือ? อ๋องเจวี้ยนไม่เคยพูดถึงข้าให้เจ้าฟังหรือ?"อ๋องฉยงตอนนี้จึงยกความอาวุโสเข้ามา"คารวะอ๋องฉยง"ฟู่จาวหนิงทักทายแบบขอไปทีอ๋องฉยงชะงักไป นี่จะบอกว่านางไม่มีมารยาทก็ไม่ใช่ ได้ยินว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนขนาดเข้าวังก็ยังไม่คารวะองค์จักรพรรดิด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงเขาเลย?"เจ้าเพิ่งออกมาจากวังราชนิเวศน์ เจอกับน้องฮาวปิงบ้างไหม? ข้าได้ยินว่า พวกเจ้ารู้จักกั
อ๋องฉยงอยากพบฟู่จาวหนิงมาตลอดสำหรับหญิงสาวที่อยู่ในใจเซียวหลันยวน เขารู้สึกสนใจมาก แล้วยังตัวตนฐานหมอเทวดาของฟู่จาวหนิงด้วย เขายิ่งรู้สึกปรารถนาแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนอาจจะติดโรคร้าย เขาเองก็ไม่กล้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วก็ การร่วมมือกับองค์จักรพรรดิที่เขาคุยไว้ ตอนนี้จำเป็นต้องให้องค์จักรพรรดิเชื่อมั่น ถ้าหากเขาไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนส่งเดช องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าจะคาดเดาอะไรไปอีกตอนนี้มาเจอกับฟู่จาวหนิงที่นี่พอดีเขาขอดูก่อนว่าฟู่จาวหนิงคนนี้งดงามแค่ไหน ถึงสามารถทำให้เซียวหลันยวนหลงจนถึงกับปล่อยวางความแค้นเคืองในอดีตไป"ฟู่จาวหนิง หันมาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงได้ยินคำสั่งอ๋องฉยง รู้สึกขำขึ้นมาทันที ทำไมถึงรู้สึกว่าคำสั่งของอ๋องฉยงตอนนี้ดูสุดโต่งเหลือเกิน?อีกด้าน องค์หญิงหนานฉือกับอันชิงก็ขึ้นรถม้าแล้ว แต่ยังกงวลสถานการณ์ทางนั้น พอเห็นอ๋องฉยงเรียกฟู่จาวหนิง อันชิงก็กังวลขึ้นมา"พี่สะใภ้ อ๋องฉยงจะสร้างความลำบากให้พี่หญิงจาวหนิงหรือเปล่า?""เข้าไม่ได้เข้าไปในวังราชนิเวศน์ ยังไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นมา น่าจะไม่หรอก" องค์หญิงหนานฉือตอบถ้าหากอ๋องฉยงรู้ว่าฟู่จาวหนิงตบลูกสาวตนเอง ก็น่าจะโมโ