"ข้าได้ยินว่าพวกท่าน...""ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่บ้านตระกูลฟู่เปลี่ยนยาให้กับท่านปู่เสียก่อน แล้วเจ้าค่อยพิจารณาดูว่าจะพาเฮ่อเหลียนเฟยไปพบเสิ่นเสวียนด้วยกันไหม" เซียวหลันยวนพูดพลางดึงมือของนางเดินเขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินนางพูดถึงเรื่องของซ่งอวิ๋นเหยาก่อนหน้านี้มีรักเก่าอะไรที่ไหนกัน?นางไม่เข้าใจจิตใจของเขาเอาเสียเลยเมื่อวานเขายังกังวลว่านางจะเป็นอะไรอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้ยินนางถามไถ่เขาเลยสักคำฟู่จาวหนิงถูกเขาดึงไปเช่นนี้ พอมาถึงตระกูลฟู่ แล้วยังถูกเขาผลักเข้าประตูไปด้วย"ไปเถอะ ข้าให้เวลาเจ้าครึ่งชั่วยาม จะรออยู่ที่นี่"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูดอะไร เซียวหลันยวนก็กลับไปบนรถม้า รถม้าจอดนิ่งอยู่ที่ประตูหลังบ้านตระกูลฟู่ ชัดเจนว่าจะรออยู่ที่นี่ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเซียวหลันยวนตอนนี้หมายความว่าอะไรเขามีเวลาว่างขนาดนี้เสียที่ไหน?แล้วยังจะรอนางที่นี่อีกแต่ว่า เรื่องนี้นางก็ยังต้องเข้าไปบอกกับเฮ่อเหลียนเฟยเสียหน่อย เซียวหลันยวนยอมรอที่นี่ก็ให้เขารอไปแล้วกันมองฟู่จาวหนิงเข้าประตูไป เซียวหลันยวนก็ปล่อยม่านลง"คนเหล่านั้นของบ้านตระกูลฟู่ ช่วงนี้จับตา
"จาวหนิง ปู่ไม่ได้คิดจะตำหนิเจ้า" ผู้เฒ่าฟู่กวักวมือให้นางเข้ามาหา ยื่นมือลูบไปบนเส้นผมนาง "แค่กังวลว่าเจ้าท้ายสุดจะถูกเอาเปรียบ"เขามองไม่ออกเสียที่ไหน ว่าตอนนี้ฟู่จาวหนิงอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนคุ้นชินขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว เรื่องเช่นนี้ถ้ายิ่งมากขึ้นๆ หลังจากนี้นางก็อาจจะมองจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นเหมือนบ้านตนเองไปจริงๆ ก็ได้อ๋องเจวี้ยนคนนั้นเขาเคยพบมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยหาข่าวมาแล้ว เคยได้ยินมาแล้วหลายวันนี้ เขาเองก็ได้ยินเรื่องบางส่วนจากจงเจี้ยนมาไม่น้อย แล้วก็พวกของสืออีอีก บางครั้งที่ลองเลียบเคียงอ้อมๆ ก็ยังรู้ได้ว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นคนเช่นไรเสี่ยวเถาเคยพูดว่า พวกหญิงชั้นสูงภายนอกไม่น้อยที่ชื่นชอบตัวอ๋องเจวี้ยน ที่ขึ้นไปบนเขาเมฆนภาก็มีคนไม่น้อยที่หึงหวงแย่งชิงอ๋องเจวี้ยนกันดังนั้น อยู่ข้างกายผู้ชายแบบนี้ แล้วยังต้องแบกตัวตนฐานะภรรยาของเขาอีก หากนานวันเข้า จาวหนิงจะหวั่นไหวขึ้นมาบ้างมันก็เรื่องปกติถ้าเผื่อนางหวั่นไหวขึ้นมา แล้วท้ายสุดเขากลับทำร้ายนางขึ้นมาล่ะ ถ้าเสียใจขึ้นมาแล้วจะชดเชยกลับอย่างไร?"ท่านปู่" ฟู่จาวหนิงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยกับเขาอย่างตั้งใจ "ท่านไม่ต้องกังวล
ถึงแม้ผู้เฒ่าฟู่จะพูดว่าตราหยกนั่นเกี่ยวข้องับฟู่หลินซื่อ แต่พวกกเขาไม่ใช่ว่ายังไม่ได้ยืนยันหรอกหรือ?ฟู่จาวหนิงคิดๆ จากนั้นจึงบอกกับเขาว่า "จะว่าไป อ๋องเจวี้ยนวันนั้นเห็นคนคนหนึ่ง บนเสื้อผ้าเขามีรูปที่อยู่บนตราหยกด้วย พวกเรากำลังจะไปพบเขา เจ้าจะไปด้วยกันไหม?"ผู้เฒ่าฟู่ตึงเครียดขึ้นมาหน่อยๆ "มีรูปที่เหมือนกับบนตราหยกหรือ? แล้วนั่นจะใช่แม่ของเจ้าไหม?""ท่านปู่ เป็นชายอายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งน่ะ"สี่สิบปี? "พ่อของเจ้าก็อายุยังไม่ถึงสี่สิบเลย เขาเป็นพ่อเจ้าตอนอายุสิบแปด""เขาสกุลเสิ่น ไม่ใช่สกุลฟู่ ท่านปู่ ท่านไม่ต้องร้อนใจ ถึงตอนนั้นข้าจะดูเอง อย่างน้อยก็น่าจะมีเบาะแสบ้าง"ผู้เฒ่าฟู่ส่ายศีรษะยิ้มๆ "จาวหนิง ข้ารู้ว่าอันที่จริงเจ้าไม่ได้อยากจะเจอพ่อกับแม่นักหรอก แต่ว่า เจ้าเชื่อปู่ พวกเขาไม่ใช่คนที่จะใจดำไร้ความรับผิดชอบขนาดนั้น ตอนนั้นพวกกเขาจะต้องไม่ได้จงใจทิ้งเจ้าไว้แน่ จะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างทำให้พวกเขาต้องออกไป""เรื่องนี้ถึงเวลาพอได้เจอแล้วค่อยว่ากันเถิด"ฟู่จาวหนิงไม่อยากจะเอาแต่คุยหัวข้อนี้ นางมองไปทางเฮ่อเหลียนเฟยเฮ่อเหลียนเฟยเองก็ตื่นเต้น เขาอยากจะไป แต่พอมองขาตนเอง ค
สถานที่ที่เสิ่นเสวียนพักห่างจากบ้านตระกูลฟู่ไม่ไกลเลยสถานที่นี้ฟู่จาวหนิงยังคุ้นเคยเป็นอย่างดี ที่นี่เป็นสระน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง สระน้ำนี้พอถึงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีบัวน้ำลอยขึ้นมาด้วยนางจำได้ว่าตอนเด็กๆ น่าจะตอนอายุสิบเอ็ดสิบสองปี มีพ่อค้ายาชั่วช้าหลอกนางมาก บอกว่าดอกบัวที่ลอยอยู่นี้ใช้ทำยาได้ นางเองก็เชื่อ ดังนั้นจึงคงไปหาดอกไม้ในสระน้ำนี้คนเดียว ผลคือตกลงไปในสระจนเกือบจะจมน้ำตายยังดีที่ลุงเฝ้ายามในเรือนเก่าข้างสระน้ำช่วยชีวิตนางเอาไว้ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เงียบสงบมาก ปกติไม่ค่อยมีร่องรอยของคนผลลัพธ์คือ เสิ่นเวียนก็พักอยู่ที่เรือนเก่าหลังนี้หรือ?"เรือนหลังนี้เป็นของใครกัน" ฟู่จาวหนิงถามครั้งนั้นหลังจากที่นางถูกช่วยขึ้นมาก็กลับไปที่บ้านแบบมึนๆ งงๆ คืนนั้นไข้ขึ้นด้วย พอผ่านไปหลายวันคิดจะส่งขนมมาขอบคุณลุงคนนั้น ประตูใหญ่ก็ถูกลงดาลไปแล้วฟู่จาวหนิงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเรือนนี้เป็นของใคร ต่อมานางยังมาอีกสองครั้งแต่ก็ไม่พบคน"ยังตรวจสอบไม่ได้" เซียวหลันยวนตอบฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาด ขนาดเขาก็ยังตรวจสอบไม่ได้?"นั่นสายตาอะไรของเจ้า?" เซียวหลันยวนถูกสายตาสงสัยของนางทำให้โมโ
"อยู่""ข้าพาพระชายามาตรวจอาการให้นาง"ฟู่จาวหนิงแทงเขาไปอีกที พูดแบบนี้มันไม่เกรงใจกันเลยนี่นา แต่ว่าพอนางมาคิดอีกทีแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเสิ่นหยางป่วยต้องการหมอ พวกเขาก็มาหาถึงประตูแล้ว แล้วถ้ายังใช้เสียงต่ำนอบน้อมเกรงใจ นั่นก็เท่ากับกดนางให้ต่ำไว้น่ะสิเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ น่าจะไม่ได้ทำเพื่อนางกระมัง?"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน เชิญ"ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงเงยหน้ามองออกไปจากในอ้อมกอดเซียวหลันยวน ทันใดนั้นก็ตกตะลึงไปทันที "ท่านลุง?"ลุงคนนี้ไม่ใช่ลุงคนที่เคยช่วยนางเอาไว้ในอดีตหรอกหรือ?แม้จะผ่านไปแล้วหลายปี แต่นางก็ยังจำได้พอเห็นฟู่จาวหนิง ลุงคนนั้นก็ตกตะลึง พอคิดแล้วจึงนึกออกขึ้นมา "ท่านคือเด็กสาวที่ตกไปในสระน้ำตอนนั้นหรือ?""ตกไปในสระน้ำ?"เซียวหลันยวนย้อนประโยคนี้ หันหน้าไปมองสระน้ำที่อยู่ไม่ห่างออกไปเบื้องหน้าอยู่ดีไม่ว่าดี ฟู่จาวหนิงก็วิ่งเล่นจนมาตกสระน้ำนี้หรือ?"ใช่แล้วข้าเอง ท่านลุง หลังจากนั้นข้าก็แวะมาหาท่าน อยากจะขอบคุณท่าน แต่ประตูนี้ก็ลงดาลอยู่ตลอด หาตัวท่านไม่พบเลย""ข้าบางครั้งก็ออกไปทำธุระน่ะ แต่ว่า มันก็แค่เป็นการช่วยแบบเสียมิได้เท่านั้น แม่นางอย่าเอ
"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน"เสิ่นเสวียนหลังจากทักทายพวกเขาก็ให้คนนำใบชากล่องหนึ่งเข้ามา"ก่อนหน้านี้บอกว่าจะมอบใบชาให้กับอ๋องเจวี้ยน แต่เพราะอาการป่วยยังไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ได้ไปเยี่ยมถึงหน้าประตูเสียที ต้องลำบากอ๋องเจวี้ยนนำกลับไปเองเสียแล้ว""ขอบคุณมาก"เซียวหลันยวนเอ่ยกับฟู่จาวหนิงว่า "ชาของท่านเสิ่นรสชาติดีมาก"ฟู่จาวหนิงประหลาดใจเล็กๆ เพราะว่าอาจารย์ฟิสิกส์ของนางคนนั้นก็ชอบดื่มชามาก ยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่าชาของเขารสชาติดีมากด้วยนี่บังเอิญเกินไปแล้วอาจจะเพราะความบังเอิญนี้ ฟู่จาวหนิงจึงรู้สึกสนิทสนมกับเสิ่นเสวียนหน่อยๆ"หลังจากมาถึงเมืองหลวงได้ยินว่า วิชาแพทย์ของพระชายาอ๋องเจวี้ยนยอดเยี่ยมมาก" เสิ่นเสวียนมองนางฟู่จาวหนิงพยักหน้า "วิชาแพทย์ของข้าก็ไม่เลวจริงๆ นั่นล่ะ"พอได้ยินคำตอบนาง เสิ่นเสวียนก็ตกตะลึงไป จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ "เช่นนั้นพระชายาอ๋องเจวีย้นช่วยตรวจอาการให้ข้าหน่อยได้ไหม?""แน่นอน"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ชักช้า ขอน้ำมาล้างมือทันที จากนั้นก็เดินไปตรวจอาการให้เขาอย่างละเอียดชีพจรของเสิ่นเสวียน สับสนอย่างมากมองห่างๆ ยังพอไหว แต่พอมองใกล้
เสิ่นเสวียนรับกระดาษชิ้นนั้นมา มองภาพบนตราหยก หลังจากฟังคำพูดนางจบก็ใช้นิ้วชี้เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า "บนตราหยนกี้ไม่น่าจะใช้อักษรฟู่ แต่เป็นอักษรเชี่ยว""เชี่ยว?""ถูกต้อง น้องสาวที่หายไปมีชื่อว่าเสิ่นเชี่ยว ตราหยกชิ้นนั้น น่าจะใช้รูปภาพของนาง มีคนสลักตราหยกนี้ให้นางโดยใช้ชื่อของนาง" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน"เสิ่นเชี่ยว"ฟู่จาวหนิงทวนชื่อนี้ซ้ำท่านปู่ก่อนหน้านี้เคยพูดไว้ ว่าอักษรฟู่บนตราหยกชิ้นนั้น คือสิ่งที่พ่อของนางสลักขึ้นมาใหม่ เพื่อทับอักษรเดิมลงไป บอกว่าเดิมทีบนนั้นไม่ใช่อักษรฟู่"ตราหยกแบบนี้ บนโลกนี้จะมีชิ้นอื่นอยู่ด้วยไหม?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีกครั้ง"น่าจะไม่มี หนึ่งคือ ภาพนี้มีแค่บ้านของข้าที่รู้จัก ไม่ได้ถ่ายทอดออกไปภายนอก สองคือ ชื่อขงน้องสาวที่สาบสูญไปอันที่จริงก็มีไม่กี่คนที่รู้จัก"หลังจาถามฟู่จาวหนิงชัดเจน คำพูดของเสิ่นเสวียนก็เปลี่ยนไป"เช่นนั้น ตอนนี้ก็คงจะวนมาถึงปัญหาที่ข้าจะถามพระชายาได้แล้วใช่หรือไม่?"ฟู่จาวหนิงถามไปตั้งมากมายก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกไม่ถูกต้องแน่ ดังนั้นนางจึงผายมือออก เอ่ยขึ้นว่า "ท่านปู่ของข้าพูดว่า ว่าตราหยกชิ้นน
ครั้งแรกที่ได้ยินใช่แล้วหมอที่เสิ่นเสวียนเคยพบก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่ล้วนพูดว่าเขาป่วย ไม่ก็บอกว่าเขาติดพิษ แต่ที่ว่าป่วยอะไร ติดพิษได้อย่างไร แล้วติดพิษอะไร เหล่าหมอก็ล้วนพูดออกมาไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ลองย้อนคิดไปถึงวันที่ข้าเริ่มป่วยจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่พบว่าใครมาวางพิษใส่ข้า แล้ววางพิษลงมาอย่างไรและเรื่องเช่นนี้ก็ทำให้เขาอนุมานถึงคนมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่ได้อะไร"เรื่องนี้ก็ปกติ หมอทั่วไปคงมองไม่ออกหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนที่พูดก็ไม่ได้มีเจตนาจะกดดันหมอคนอื่น และไม่ได้ดูถูกใครด้วย หลักๆ คือยุคสมัยแตกต่างกันการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ก็แตกต่างกัน ยุคนี้ยังไม่รู้จักรังสี การที่พวกหมอตรวจไม่พบสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นเรื่องปกติก็แค่พวกเขาไม่รู้จักเท่านั้นเองดังนั้นพอพูดขึ้นมา นางจึงดูกร่างขึ้นมาเสิ่นเสวียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้ฟังออกว่าอาการป่วยของตนเองจะดูหนักหนาดูยุ่งยากนักก็ตาม แต่เขาก็ยังหัวเราะออกมา"ถ้าพูดเช่นนี้ วิชาแพทย์ของพระชายก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ"ทหารที่อยู่ข้างๆ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน นายท่านของข้าป่วยเป็นอะไรหรือ?"พวกเขาเดินมาทาง
ผู้อาวุโสจี้อยู่ในรถม้าด้านหลัง เขาเองก็เลิกม่านขึ้นมองด้านนอก พอเห็นร้านรวงสองฟากฝั่งถนนแขวนไว้ด้วยโคมแดงก็ถอนหายใจ"จะปีใหม่อีกแล้ว"ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีอีกหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในรถม้าก็มองออกไปด้านนอก พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็มองไปทางผู้อาวุโสจี้ ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสจี้ นี่จะปีใหม่อยู่แล้ว เจ้าพันธมิตรเรียกท่านกลับไปรวมตัวที่สาขาหลัก ท่านทำไมจึงปฏิเสธล่ะ?"ผู้อาวุโสจี้ไม่ได้กลับสาขาหลักไปช่วงปีใหม่หลายปีแล้ว"ไม่อยากไป วุ่นวายเกิน" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด"ผู้อาวุโสคนอื่นก็ล้วนอยู่ที่พันธมิตร แม้ว่าเวลาปกติจะไปที่นั่นที่นี่ แต่พอถึงช่วงไว้พระจันทร์กับปีใหม่ล้วนกลับไป ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันยังสามารถหารือเรื่องใหญ่ต่างๆ ในพันธมิตรได้ นอกจากนี้ทุกสิ้นปีฝ่ายบัญชีพันธมิตรโอสถก็จะตรวจสอบแบ่งปันเงิน ท่านไม่กลับไป เรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจัดการกันชัดเจนหรือไม่ชายคนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมาเป็นผู้ดูแลพันธมิตรคนใหม่ของเมืองหลวง ซูเหอซูเหอเองก็ถือเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสจี้ เดิมทีด้วยอายุและประสบการณ์ของเขา ควรจะถูกจัดไปอยู่ประจำที่สาขาของพันธมิตรโอ
"หวานจัง"องค์หญิงนานฉือกินไปคำหนึ่ง ตาก็เป็นประกายขึ้นมา"ลูกชิ้นนี่เหนียวหนึบหนับดี เด้งและอ่อนนุ่ม น้ำแกงก็หวาดดี อร่อยจัง""ลูกชิ้นนี้ต้องใช้น้ำอุ่นที่อุณหภูมิพอดีมานวด ส่วนเวลาและแรงตอนที่นวดก็ต้องพิถีพิถันด้วย ท่านพี่เองก็ชอบกิน พีสะใภ้กินเยอะหน่อยๆ"องค์หญิงหนานฉือชอบกิน อันชิงจึงดีใจมากนางนั่งอยู่ตรงข้ามมององค์หญิงหนานฉือ รู้สึกว่านางดุมีเสน่ห์กว่าก่อนที่แต่งงานเสียอีก สวยจับใจจริงๆ"พี่ชายของเจ้า..."องค์หญิงหนานฉือหน้าร้อนขึ้นมาเดิมทีนางก็เป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่พอเจอกับเรื่องนี้ก็อดเขินอายขึ้นมาไม่ได้เหมือนักนพูดพูดถึงผู้ตรวจการอันเหนียน องค์หญิงหนานฉือก็รู้สึกปากร้อนขึ้นมาหน่อยๆ นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ตรวจการอันที่มีหน้าตางดงามอ่อนโยนมีการศึกษา จะเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์หนักหน่วงคนหนึ่งแบบนี้!หลายวันนี้ ทุกวันตอนกลางคืนเขาก็จะมาทรมานนางสองครั้ง หลังจากเสร็จประชุมเช้า เขาก็ยังกลับมาทรมานนางอีกครั้งยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งก็ยังใช้เวลานาน นี่ทำเอานางหลายวันนี้มึนๆ งงๆ ร่างกายเมื่อยขบนอนไม่พอ ไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยทุกมื้อล้วนมีคนส่งอาหารเข้ามาในห้อง นางเองก็ขี
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนใจว่าองค์จักรพรรดิจะถามพวกอวิ๋นจูอย่างไรนางกลับมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนอีกครั้ง ครั้งนี้ย้ายของไปมากกว่าเดิม ถึงกับตกแต่งห้องขังนั้นขึ้นมาแล้วประตูห้องขังยังแขวนม่านเอาไว้ด้วย บนพื้นปูพรม บนเตียงยังมีฉากกั้นลมสูงครึ่งตัวคนอีก แล้วยังกั้นเป็นห้องเล็กๆ สามารถวางถังปลดทุกข์ใบหนึ่งได้ด้วยที่มุมยังมีแจกันดอกไม้ บนกำแพงติดเชิงเทียนเอาไว้ แล้วยังแขวนเครื่องหอมไว้อีกย้ายโต๊ะมาหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว แล้วยังมีเบาะรองนั่งอีกพู่กันหมึกกระดาษแท่นฝนหมึกก็ยังติดมา แล้วยังมีเตาเล็กสำหรับอุ่นชาอุ่นสุราอีกชุดหนึ่ง วางเครื่องลายครามที่ประณีตสวยงามเอาไว้องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนหลังจากย้ายของพวกนี้เข้ามาจัดวางแล้ว ห้องขังนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมากหัวหน้าคุกกับผู้คุมมองจนตาตั้งพวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้ห้ามปราม แต่ฟู่จาวหนิงพูดมาคำเดียวว่า "ข้าบอกกับองค์จักรพรรดิแล้วว่ามาอยู่เป็นเพื่อนท่านอ๋อง" พวกเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปหัวหน้าคุกรู้สึกว่าผิดปกติไปจริงๆ วิ่งไปรายงานกับหัวหน้า ตอนกลับมายังคิดจะรื้อของเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงออก"พระชายาอ๋องเจวี้ยน องค์จักรพรรดิให้อ๋องเจวี้ยนมาทบทวนตนเองให้
"ที่แท้การขังเอาไว้ในคุกใหญ่ก็ไม่เรียกว่าการลงโทษสินะ?""ฟู่จาวหนิง วันนี้เจ้าคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ข้ามีงานการอีกตั้งมาก ไม่มีเวลามาเสวนาไร้สาระกับเจ้านะ!" องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าแค่เห็นฟู่จาวหนิงเขาก็ปวดหัวเสียแล้วเขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรนางจริงๆวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงสูงส่งมาก! ในใจเขายังรู้สึกว่าโชคดีมาก ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของแคว้นเจา ถึงอย่างไรนางก็ยังมีญาติอยู่ที่เมืองหลวง ถึงอย่างไรตระกูลฟู่ก็ไม่ได้มีรากฐานอะไร ดังนั้นตอนที่เขาต้องการนางจริงๆ เขายังมั่นใจว่าตนเองจะบีบจุดอ่อนของนาง แล้วนำนางมาใช้ประโยชน์เพื่อตนเองได้ใครให้วิชาแพทย์ต้องมาเจอกับหายนะเข้าในใต้หล้านี้กัน ปัจจุบันพวกหมอเก่งๆ ล้ำค่าจะตายไปก่อนหน้านี้แคว้นเจามีหมอเทวดาหลี่ พวกเขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอยู่ แต่พอเทียบกับฟู่จาวหนิง วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่กลับห่างชั้นอยู่ไกลโขเลยทีเดียวเพื่อวิชาแพทย์ของนาง ขอแค่นางไม่มาเหยียบเส้นต่ำสุดที่ไม่ควรล้ำ องค์จักรพรรดิก็ยังมีความอ่อนข้อให้สูงลิบอยู่เพียงแต่ว่า นางนี่มันน่าโมโหเสียจริงองค์จักรพรรดิรู้สึกว่ายิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงมากแค่ไหนชีวิตเขาก็สั้นลงไปอีกหลายปี"แค่อยากจ
องค์จักรพรรดิพอได้ยินคำของฟู่จาวหนิง หน้าผากก็มีเส้นเลือดปูดตึงขึ้นมา"อายวนเขามีอะไรต้องทุกข์ใจกัน? ไม่พอใจข้าที่ให้เขาไปนั่งทบทวนตนเองในคุกหรือ?"ถ้านางกล้าบอกว่าไม่พอใจล่ะก็...ในใจองค์จักรพรรดิยังกำลังคิด ว่าตอนที่นางพูดว่าไม่พอใจแล้วจะตอกนางกลับไปอย่างไร ก็ได้ยินฟู่จาวหนิงใช้น้ำเสียงแปลกประหลาดออกมาคำหนึ่ง"องค์จักรพรรดิ ใครบ้างที่ยินดีจะอยู่ในคุก?"องค์จักรพรรดิ: นี่ยังจะย้อนถามมาอีกหรือ?"แต่ต่อให้ไม่ยินดีก็มิอาจขัดราชโองการได้" ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก ดูจำใจอย่างมาก "เขาเป็นทุกข์ก็คือพวกสาวงามที่องค์จักรพรรดิยัดเข้ไาปข้างกายนั่นมันน่าโมโหมาก องค์จักรพรรรดิให้พวกนางไปดูแลเขา ผลลัพธ์คือพวกนางทั้งหมดก็หนีไปกันเกลี้ยง!""หนีหรือ?"องค์จักรพรรดิเองก็เดินตามแนวคิดของนางโดยไม่รู้ตัว กระทั่งน้ำเสียงก็ยังเลียนเสียงนางขึ้นอย่างไม่รู้ตัวจากนั้นเขาจึงได้สติกลับมา อยากจะตบปากตัวเองเสียจริงๆ"ใช่ไหมล่ะ เกินไปจริงๆ องค์จักรพรรดิ อายวนอยู่ในคุำำใหญ่ออกมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเข้าวังมาบอกกับองค์จักรพรรดิ จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ต้อนรับสาวงามพวกนี้ แต่เจอเรื่องครั้งนี้เข้าไปก็ส่งผลกระทบกั
ฟู่จาวหนิงพยักหน้า เดินเข้าไปด้านใน ตอนที่ผ่านตัวพวกนาง น้ำเสียงก็ขรึมลง เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ดังนั้น ข้ากับพวกเจ้าตอนนี้จึงเป็นคู่แค้นกันแล้ว"พูดจบ นางก็เดินผ่านตัวพวกนางไปชิวอวิ๋นกับซือหรูสบตากันเอง เป็นสีหน้าที่ทั้งสับสนและตกตะลึง"องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนขอเข้าพบ!""ฟู่จาวหนิง? นางมาทำอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าไปทรมานตัวอยู่ในคุกใหญ่หรือ?"องค์จักรพรรดิเกือบจะกระโจนตัวขึ้นมาวันนี้ตอนประชุมเช้าเหล่าขุนนางยื่นหนังสือฏีกามาไม่น้อย มีหลายจุดเกิดภัยธรรมชาติ กระทรวงการคลังเริ่มร้องเรียนเรื่องความยากจนอีกครั้ง ที่ชายแดนก็บอกว่ามีพวกชนเผ่าป่าเถื่อนบางกลุ่มเริ่มแสดงท่าทีไม่สงบแล้วยังมีฐานที่มั่นทหารในสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มร้องขอเงินเดือนและเสบียงไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย ถึงอย่างไรพอฟังข้อความเหล่านั้น หัวของเขาก็แทบจะระเบิดแล้วหลังจากเสร็จการประชุมเขาก็ไปงีบมาพักหนึ่ง แต่ก็ยังฝันร้ายขึ้นมาอีก ในฝันมีมังกรสีม่วงทองตัวหนึ่งไล่กัดเขา ไล่จนกวานจักรพรรดิของเขาร่วงลงมา หลังจากเข้าสะดุ้งตื่นใจก็เต้นตุบๆ อย่างบ้าคลั่งฝันนี้ไม่ใช่ฝันดีอะไรอย่างแน่นอนตอนไปถึงห้องหนังสือหลวงเตรียมอนุมั
นั่นสิ ฟู่จาวหนิงทำไมจึงไม่กลัวเลย?อ๋องฉยงคิดถึงจุดนี้"ในเมื่อนางไม่กลัว ก็อธิบายได้ในคุกนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวสิ เจ้าวางใจเถอะ พ่อจะไปคุยกับหัวหน้าคุก ให้เขาคอยดูแลเจ้าด้านในนั้น""ท่านด่อ ท่านยังจะบีบให้ข้าเข้าไปที่คุกหรือ?" อวิ๋นจูมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ"ในเมื่อราชโองการสั่งลงมาแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาสหนึ่งนะ เจ้ารับราชโองการแล้ว แล้วยังได้ติดตามอ๋องเจวี้ยนอย่างใกล้ชิดอีก ทำให้อ๋องเจวี้ยนเห็นความเด็ดเดี่ยวของเจ้าได้พอดี เขาจะซาบซึ้ง รอให้ผ่านช่วงนีน้ไปก่อน ไม่แน่อ๋องเจวี้ยนอาจจะชอบเจ้าขึ้นมา ถึงตอนนั้นข้าก็ลงแรงอีกหน่อย ก็จะช่วงชิงให้เจ้าได้เป็นพระชายารองของอ๋องเจวี้ยน"ลูกสาวของเขาทั้งคน จะให้ไปเป็นอนุภรรยาได้อย่างไรกันเดิมทีเขาก็มีความคิดนี้ ให้นางเข้าไปจวนอ๋องเจวี้ยนก่อน พอลงเท้าได้มั่นคง จากนั้นค่อยหาโอกาสให้นางได้ขึ้นเป็นพระชายารองด้วยหน้าตาของอวิ๋นจู เขาไม่เชื่อว่าอ๋องเจวี้ยนจะไม่หวั่นไหวต่อให้มีแค่ความสงสารสักนิดก็พอแล้ว"ไม่ใช่ไม่กี่วัน อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ในคุกสองเดือน สองเดือนเลยนะ!" อวิ๋นจูร้องไห้ขึ้นมา "วันเดียวข้าก็จะป่วยแล้ว สองเดือนข้าจะไม่ตายเอาเลยหรือ?""
ฟู่จาวหนิงกอดเซียวหลันยวน ตบหลังเขาเพื่อปลอบโยน"คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะไม่สนใจพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ เพราะรังเกียจท่านขนาดนี้ ข้าเองก็สงสารท่านนะ ถ้าท่านเสียใจเพราะเรื่องนี้จะทำอย่างไร? ถ้าหลังจากนี้โดนงูกัดแล้วกลัวเชือกไปสิบปี ไม่กล้ารับสาวงามเข้ามาอีกจะทำอย่างไรกัน?"ผู้คุมได้ยินนางถามซ้ำๆ ว่า"ทำอย่างไรๆ" หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาคำพูดนี้ทำไมฟังแล้วแปลกๆ กัน?แต่สามงามสามคนนั้นก็เกินไปหน่อยไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่นี่มาวันหนึ่งไม่เห็นจะพูดอะไรเลย นางเองก็ยังดูดีอยู่ ปฏิกิริยาของพวกนางต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ?ผู้คุมที่พูดเรื่องโรคเพศสัมพันธ์เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอ๋องเจวี้ยนเองก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างไม่ให้ใครจับได้ เขาจึงถอยออกไปอวิ๋นจูกลับไปที่วังราชนิเวศน์ อ๋องฉยงพอรู้ข่าว ก็พาหมอเข้ามาดูนางทันที และถูกตุ่มแดงเหล่านั้นบนหน้านางทำเอาตกใจสะดุ้งโหยง"จูเอ๋อร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"อ๋องฉยงแม้จะอายุวัยกลางคนแล้ว แต่กรรมพันธุ์ทางราชวงศ์เองก็ถือว่าไม่เลวนัก อย่างน้อเขาก็ยังเป็นชายกลางคนที่ดูดีมีเสน่ห์อยู่พอควรสามารถให้กำเนิดลูกสาวอย่างอวิ๋นจูออกมาได้ หน้าตาของเขาเอง
อวิ๋นจูรู้สึกแย่มาก ออกแรงเการ่างกายของตนเองบนตัวนางคันจนไม่ไหวแล้วแต่ต่อนห้าคนมากขนาดนี้ โดยเฉพาะยังมีผู้คุมอีก นางที่เป็นหญิงสาวสูงศักดิ์มายืนเกาแบบนี้ มันดูเสียท่าทีไม่สุภาพเอาเสียเลยนางอยากจะทนไว้ แต่ว่า! มันทนไม่ไหวจริงๆ!คันมากเลย นางอยากจะแก้ผ้าตัวเองแล้วก็เกาๆ มันทั้งตัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!แค่ถูๆ ใบหน้า ตอนนี้จุดแดงบนหน้านางก็ยิ่งลามเป็นตุ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"คุณหนู หน้าของท่าน..." สาวใช้นางเหลือบมองผาดหนึ่ง สายตาก็สะพรึงขึ้นมาอวิ๋นจูพอเห็นสายตาของนาง ก็รีบกุมหน้าไว้ "หน้าของข้ามันทำไม? เป็นอะไรไป?""ในห้องขังนี้มันจะสะอาดแค่ไหนกัน โอ้ ข้านึกออกแล้ว ก่อนหน้าห้องขังพวกนั้นเหมือนจะขังนักโทษที่เคยเป็นโรคติดต่อเพศสัมพันธ์อยู่คนสองคน แต่ลืมไปแล้วว่าห้องไหน" ผู้คุมคนหนึ่งเหลือบมองนางผาดหนึ่ง จากนั้นจึงถอยห่างออกมาหลายก้าวทำเหมือนนางเป็นสิ่งสกปรกอย่างไรอย่างนั้น"อะไรนะ?!"ไม่ใช่แค่อวิ๋นจู กระทั่งชิวอวิ๋นกับซือหรูพวกนางก็ยังกระโดดเหยงขึ้นมาทันทีพอเห็นสภาพนี้ของอวิ๋นจู พวกนางก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้วอวิ๋นจูพังทลายไปแล้วนางร้องไห้ขึ้นมา "ข้าจะออกไป ข้าไม่อยากอยู่ท