"แน่นอนว่าต้องมาจากที่ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์มาน่ะสิ แต่ว่าอาจารย์ข้าเป็นพวกชีพจรลงเท้า แล้วยังเคยบอกกับข้าว่า ถ้ายังไม่ได้เป็นศิษย์อาจารย์กันจริงๆ ก็ห้ามให้ข้าเปิดเผยเรื่องที่รู้เรื่องแพทย์นี้"ฟู่จาวหนิงกลอกตา ปั้นเรื่องขึ้นมานางรู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไปตรวจสอบนาง แต่คงตรวจสอบมาไม่ได้หรอกว่านางเรียนแพทย์มาจากใคร ดังนั้นนางจึงพูดให้ลึกลับหน่อย เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้หรอก"ดังนั้นก่อนหน้านี้เจ้าคือเอาแต่เสแสร้งหรือ?""เสแสร้ง? บางส่วนใช่แต่บางส่วนก็ไม่ใช่""ก่อนหน้านี้ที่พูดไว้ในตำหนัก เป็นเรื่องจริงหรือ?""ท่านถามเรื่องไหนล่ะ?""ที่บอกว่าเจ้ารู้สึกดูถูกเรื่องของเซียวเหยียนจิ่ง" เซียวหลันยวนยังรู้สึกสนใจกับเรื่องที่นางก่อนหน้านี้ไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งเพื่อจะแต่งงานกับเขาเขารู้สึกว่า น่าจะเพราะเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าฟู่จาวหนิงสมัยก่อนสายตาย่ำแย่ขนาดนั้นตอนนี้ดูแล้ว ฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนที่จะลุ่มหลงในตัวเซียวเหยียนจิ่งเลยนี่ต่อให้นางชอบ ถึงอย่างไรก็ยังต้องชอบผู้ชายอย่างเขาสิถึงจะถูก"เรื่องนี้ต้องให้พูดอยู่ตลอดด้วยหรือ?"ฟู่จาวหนิงปิดปากหาว ขี้เกียจจนไม่อยากจะพูดคุยแล้ว นางง่วงส
"พวกเจ้ารู้ไหม? ว่าผ้าที่นำมาทอกระโปรงตัวนั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน คิดว่าเซียวหลันยวนจะต้องมอบให้คนในดวงใจเขาแน่ๆ หรือก็คือเตรียมไว้สำหรับพระชายาที่แท้จริงของพวกเจ้าหลังจากนี้"ฟู่จาวหนิงคิดถึงสายตาริษยาตอนที่พวกของฮองเฮาเห็นจันทราโน้มเมืองอยู่บนตัวนางขึ้นมาเนื้อผ้าที่นำมาทอชุดกระโปรงนั้นได้มาอย่างยากลำบากมาก เป็นสิ่งที่ไท่ซ่างหวงส่งต่อมาให้เซียวหลันยวน เซียวหลันยวนตัดทอชุดนี้ตามรูปร่างของแม่นางบางคน คิดแล้วน่าจะเป็นคนในใจเขากระมังเพียงแต่เขาซ่อนนางผู้นั้นเอาไว้มิดชิดมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้บางที อาจจะเป็นซ่งอวิ๋นเหยา?ครั้งนี้นางอยู่ในงานเลี้ยงไม่เห็นซ่งหยวนหลินเลย แต่ซ่งหยวนหลินก็น่าจะเจ้าคิดเจ้าแค้นนางอยู่ตลอด รอจนซ่งอวิ๋นเหยากลับมาถึงเมืองหลวง ก็ยังไม่รู้ว่าจะเข้ามาหาเรื่องนางไหมฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าการเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ไม่จริงไม่ปลอมแบบนี้ดูยุ่งยากเสียเหลือเกินนางเองก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปเด็ดดอกท้อของเซียวหลันยวนหรอก แต่ว่าถ้าไปแตะเข้ากับดอกท้อของเขาเข้า นางก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญมาก"พระชายา ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงถามฟู่จาวหนิงขึ้นอย่างระม
"รู้ว่าคุณงามความดีของเจ้ามีไม่น้อย ค่ายาเจ้าก็คิดมาเลย จะคืนให้เจ้าแน่ ไม่จำเป็นต้องแวะมาเตือนเช้าขนาดนี้""ท่านอ๋อง พระชายาไม่ได้มาด้วยเหตุผลนี้แน่นอน" ชิงอีรีบร้อนอธิบายท่านอ๋องเข้าใจผิดว่าพระชายามาท่วงค่ายาได้อย่างไรกัน?ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน "ไม่ ข้ามาทวงหนี้นั่นล่ะ นอกจากค่ายาแล้วยังมีอีก ท่านบอกว่าจะเอาเรื่องของผู้เฒ่าฟู่สี่ท่าตรวจสอบมาบอกกับข้า ตอนนี้ยังไม่ได้บอกเลย"หญิงสาวคนนี้ไม่เคยจำเรื่องดีดีของเขาเลย เมื่อคืนนี้เขาก็อุ้มนางเข้าไปจริงๆ หลังจากนางตื่นขึ้นมาก็ต้องมาบอกขอบคุณเขาหน่อยสิ ไม่ใช่คิดแต่จะมาทวงนั่นนี่เสียชัดเจนแบบนี้"เข้ามา"เซียวหลันยวนเหลือบมองเสื้อผ้าของนาง"กระโปรงชุดนั้นล่ะ"ฟู่จาวหนิงคิดในใจ เขาเครียดกับชุดนั้นมากจริงๆ ด้วย ในเมื่อเป็นห่วงเสียขนาดนั้น เมื่อวานเอามาให้นางสวมทำไมกัน?"วางใจเถอะ เมื่อวานตอนที่ท่านบอกให้หงจั๋วกับเฝิ่นซิงถอดออกมาไม่ใช่กำชับให้ระมัดระวังแล้วหรือ? กระโปรงชุดนั้นไม่มีแม้แต่รอยยับกับรอยเกี่ยวขาดเลย ข้าให้พวกนางเก็บให้ดีแล้ว พอตากจนแห้งก็จะส่งมาให้ท่านเอง แล้วท่านค่อยเก็บเอาไว้ให้ดี"เมื่อคืนเขายังจงใจกำชับให้หงจั๋วระมั
เซียวหลันยวนยกตะเกียบขึ้นมองนาง "ไร้เดียงสา""ข้าสนุก"ฟู่จาวหนิงรีบแย่งคีบเสี่ยวทังเปาที่แย่งเขามาก่อนหน้าชิ้นนั้นยัดเข้าปากลงไปชิงอีเห็นท่านอ๋องกับพระชายาสองคนเล่นแย่งของกินกันเหมือนเด็กๆ อยู่ข้างๆ ก็อดยิ้มจนมุมปากแทบจะกระตุกขึ้นมาไม่ได้ดีเสียจริงหลายปีมานี้ท่านอ๋องกินข้าวอยู่คนเดียว เขากินไปแค่ไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงแล้ว กินต่อไม่ลง และกินอย่างไม่ค่อยจะเบิกบานใจด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านอ๋องกินได้ผ่อนคลายและเบิกบานได้ขนาดนี้กระทั่งท่านอ๋องยังมีหลายครั้งที่แย่งคีบจากตะเกียบขอพระชายาอีกด้วย จงใจแหย่พระชายาที่กำลังกินอย่างมีความสุขท่านอ๋องยังพูดว่าพระชายาไร้เดียงสาเสียด้วย ทั้งที่เขาเองก็ไร้เดียงสาเช่นกันหนึ่งมือเช้ากินเสร็จ ฟู่จาวหนิงอดลูบท้องของตนเองขึ้นมาไม่ได้ ถอนหายใจออกมา"เฮ้อ แน่นไปหมดแล้ว"นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีนักกินจนแน่นไม่ใช่เรื่องดี"นี่เป็นถึงหมอเลยนะ เป็นหมอแต่ไม่รู้ขีดจำกัดการกินหรือ?" เซียวหลันยวนรินน้ำชาพลางหัวเราะ "ยิ่งไปกว่านั้น คุณหนูสูงศักดิ์ที่รู้กาลเทศะ จะไม่ทำกิริยาไม่งามเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นหรอกนะ"ฟู่จาวหนิงเหยียดเขาผาดหนึ่ง "อะไรคือก
"ตายหมดหรือ?""ใช่ จับไปเจ็ดคน ตายไปห้าคน ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจไม่ได้ด้วยว่าตายอย่างไร จวนทางการต่อมาปิดคดีไป บอกว่าเด็กเหล่านั้นหวาดกลัวคิดจะหลบหนี ทำให้พวกโจรสังหารพวกเขา แล้วยังโยนพวกเขาลงไปจากเขาด้วย ผู้เฒ่าฟู่สี่ตอนนั้นถูกโยนลงไปด้านล่างเขา ตอนช่วยกลับมาก็บาดเจ็บหนัก จนกลายมาเป็นสภาพในตอนนี้ แต่ว่าเขาตกใจมากเกินไป นับตั้งแต่นั้นจึงพูดจาน้อยลงและไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คน"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว"ท่านปู่ของข้าไม่เคยบอกว่าเพราะอะไรถึงให้หลายบ้านพวกนั้นเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่""ตอนนั้นพวกเขาเข้ามาอยู่ในตระกูลฟู่แล้ว แต่ว่าต่อมาให้ปู่ของเจ้าทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งต่อพวกเขา น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปู่ของเจ้าอาจจะรู้สึกผิดต่อผู้เฒ่าฟู่สี่อยู่ เพราะตอนที่พบพวกเขา ผู้เฒ่าฟู่สี่ปกป้องบิดาของเจ้าอยู่ บนตัวของบิดาเจ้ามีแผลถลอกบางส่วน หลังจากกลับมาบ้านก็ป่วยไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พิกลพิการ"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ฟู่จาวหนิงคิดถึงเรื่องในช่วงหลายปีนี้ มิน่าพวกบ้านอื่นเหล่านั้นทำเรื่องที่เกินเหตุมาหลายครั้ง แต่ท่านปู่ก็เอาแต่ถอนใจพูดว่า ช่างมันเถอะช่างมันเถอะแต่ว่าเรื่องที่ผู้เฒ่าฟู่สี่ทำ ไปเกี่ยวข้อ
เซียวหลันยวนพอเห็นภาพนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาดีดตัวลุกขึ้นยืน แขนเสื้อยังพลิกแก้วชาจนคว่ำ จนน้ำชาหกลงมาวินาทีที่ภาพนั้นเกือบจะเปียก ฟู่จาวหนิงก็มือไวกวาดขึ้นมานางเงยหน้ามองเซียวหลันยวนปฎิกิริยาไวขนาดนี้เชียวไม่ต้องถามเลย เขาต้องเคยเห็นรูปนี้มาก่อนแน่นอนเดิมทีนางเมื่อคืนนี้ก็คิดจะหาโอกาสถามคนอื่นดูเหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ในวังเมื่อคืนนี้ พอนางยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคนทั้งหมด มันก็หาใครสักคนมาถามไม่ได้เลยจริงๆฟู่จาวหนิงก็แอบตรวจสอบตราหยกและตราปักบนเสื้อผ้าของคนเหล่านั้นแล้ว แต่ก็ไม่เห็นที่คล้ายกันเลยคิดแล้วอีกเดี๋ยวกลับไปแล้วยังต้องไปตอบเฮ่อเหลียนเฟยอีก นางจึงเพิ่งคิดจะถามเซียวหลันยวน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเซียวหลันยวนจะมากขนาดนี้"ท่านเคยเห็นหรือ?"นางถึงแม้จะไม่ถาม แต่กลับมั่นใจมาก ว่าเขาต้องรู้แน่ๆ"เจ้าเชื่อไหมว่าเด็กน้อยก็มีความทรงจำอยู่ระดับหนึ่ง?"เซียวหลันยวนสูดลมหายใจลึก จากนั้นก็นั่งลง หยิบผ้ามาเช็ดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ"ท่านอย่าบอกข้านะ ว่าท่านเห็นสิ่งนี้ตอนที่ถูกกรอกยาเมื่อครั้งนั้น ตอนนั้นท่านเพิ่งจะอายุไม่ถึงสองขวบนี่?"ฟู่จาวหนิงเดาออกมาแต่ก
ผู้ชายคนนี้ มิน่าถึงต่อให้เขาจะเจ็บป่วย แต่องค์จักรพรรดิก็ยังหวาดกลัวเขา!ถ้าเขาไม่ได้ป่วยอ่อนแอ ถ้าไม่ใช่บนใบหน้าเขามีบาดแผล บัลลังก์มังกรเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใครจะได้ขึ้นไปนั่ง!"ตราหยกชิ้นนั้น""เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงต้องรอให้บิดามารดาเจ้ากลับมากัน?"พอพูดถึงเรื่องนี้ ระหว่างพวกนางก็เหมือนมีกำแพงอุปสรรคลอยขึ้นมาแล้วตราหยกนี้ ตอนนี้มาเตือนพวกเขา ระหว่างพวกเขายังคั่นเอาไว้ด้วยความแค้นลึกหยั่งที่อาจจะมีอยู่จริงฟู่จาวหนิงรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมารอยยิ้มในดวงตาเซียวหลันยวนเหมือนจะสลายหายไปแล้ว"ตราหยกชิ้นนี้แม้ว่าจะสลักคำว่าฟู่เอาไว้ นั่นจะเป็นไปได้ไหมว่าเกี่ยวกับบ้านตระกูลฟู่ของเจ้า? หลังจากกลับไปแล้ว เจ้าลองถามปู่ของเจ้าดู""ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย""เจ้าไม่เคยเห็นไม่ได้แสดงว่ามันไม่ใช่ของตระกูลฟู่""เอาล่ะ ข้าจะกลับไปถามท่านปู่ดู" ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นยืน"เฮ่อเหลียนเฟยให้เจ้ามาหรือ?"เซียวหลันยวนเรียกนางเอาไว้"ใช่""เช่นนั้น บิดามารดาเจ้าก็อาจจะเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียน หรือก็คือ พวกเขายังมีชีวิตอยู่""ท่านคิดว่า คนสกุลฟู่ที่เฮ่อเหลียนเฟยหาตัวอยู่คือบิดาของข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงใน
หงจั๋วกอดจันทราโน้มเมืองชุดนั้นเดินออกไป ก้มหน้าเศร้าผู้ดูแลรีบร้อนเดินเข้ามา พอเห็นนาง ในก็เต้นผาง "เกิดอะไรขึ้นกัน?""ผู้ดูแลจง ท่านอ๋องจะให้ข้าเอาชุดกระโปรงนี้ไปเผา ทำอย่างไรดี?"ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ชุดกระโปรงนี้ถ้าเผาไปมันน่าเสียดายมาก นางรู้สึกว่าพระชายาสวมแล้วเหมาะสมมากถ้าหากพระชายารู้ว่าท่านอ๋องเผาชุดกระโปรงนี้ไป จะเข้าใจผิดขึ้นมาไหม?ยังไม่ต้องพูดถึงฟู่จาวหนิงหรอก ผู้ดูแลจงตอนนี้ก็ยังเข้าใจผิดไปแล้วเลย"เพราะอะไรกัน? หรือว่าเพราะว่าพระชายาสวมไปแล้ว ดังนั้นท่านอ๋องจึงไม่อยากเก็บเอาไว้หรือ?"ฟังดูเอาแล้วกัน ขนาดผู้ดูแลยังคิดเช่นนี้เลย ถึงตอนนั้นพระชายาคิดเช่นนี้ด้วยจะทำอย่างไร?"น่าจะไม่ใช่ แต่ว่าข้าไม่อาจไปคะเนความคิดของท่านอ๋องส่งเดชได้หรอก" หงจั๋วร้อนรนขึ้นมาแล้วนางไม่อาจคะเนความคิดของท่านอ๋อง และไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของท่านอ๋องได้ด้วย ดังนั้นตอนนี้กอดชุดกระโปรงนี้ไว้นางจึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เผาไปก็ไม่ได้ ไม่เผาเองก็ไม่ได้"เอาอย่างนี้สิ วางไว้ที่เรือนเจียนเจียก่อน ถึงตอนนั้นค่อยนำมาถามท่านอ๋องอีกที" ผู้ดูแลจงเองก็รู้สึกว่ากระโปรงชุดนี้เผาทิ้ง