"เกิดเรื่องหรือ?"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพวกของจ้าวเฉินไปพบกับฝูงหมาป่าดุร้าย แต่นางหนีออกมาก่อนแล้ว แน่นอนจึงไม่รู้ว่าตอนสุดท้ายเป็นอย่างไรฟางซือฉิงหลังคุยกับนาง นางจึงรู้ว่าพวกจ้าวเฉินเหล่าานั้นสักบักสะบอมพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้นยังตายไปสองคนอีกด้วย สามคนบาดเจ็บไม่เบาเลย"แล้วจ้าวเฉินล่ะ?"ฟู่จาวหนิงอยากรู้ว่าจ้าวเฉินเป็นอย่างไร"เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ"ฟางซือฉิงกลัวหน่อยๆ "แต่ได้ยินว่าจ้าวเฉินหลังจากกลับมาก็นิ่งงัน แล้วยังบอกอีกว่าจะกลับมาคิดบัญชีกับใครสักคนด้วย"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว ในใจคิดว่าไม่หรอกมั๊ง? จ้าวเฉินคงไม่คิดจะเอาเรื่องที่ไปเจอกับฝูงหมาป่ามาลงที่ตัวนางหรอกนะ?"จ้าวหรูรอพี่ชายนางกลับมาตลอดเลย ไม่คิดว่าที่ได้มาจะเป็นผลเช่นนี้ วันนี้ข้าแอบออกไปมองดู นางโกรธจนเหวี่ยงพังของในห้องทั้งหมดเลย"ฟางซือฉิงร้องเชอะ "ข้าว่านางจะต้องอยากให้จ้าวเฉินกลับมมาช่วยนางระบายโกรธแน่ ทำอย่าไงรดี จาวหนิง เจ้าคิดวิธีแล้วหรือยัง? นางจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่"ผู้เฒ่าซุนเองก็กังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด พอได้ยินว่าฟู่จาวหนิงกลับมาแล้ว เขาก็รีบวิ่งตรงมาถามคำถามนี้กับฟู่จาวหนิงเหมือนกันคิดหาวิธีได้หรือย
นางถูกพวกหูจูหลอกให้มาเดิมทีไม่รู้ว่าจะมาที่นี่ รอจนรถม้าออกจากเมือง นางก็พบว่าไม่ถูกต้อง พอคิดจะลงจากรถเพื่อกลับ พวกของหูจูก็รั้งนางเอาไว้รถม้าของนางพังไปแล้ว เดิทีคิดว่าพวกหูจูหวังดีให้นางยืมรถม้า แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าหูจูจะมายังเขาเมฆอรุณ?นางคิดหาวิธีจะให้คนส่งจดหมายให้หน่อย ส่งจดหมายกลับไปสามฉบับแต่ก็ไม่มีข่าวกลับเลยอันชิงสงสัยว่าจดหมายของนางน่าจะถูกขวางเอาไว้ข้างกายนางเดิมทีมีสาวใช้อยู่สองคน แต่สองวันนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สาวใช้คนหนึ่งถูกลวกที่เท้าจนบาดเจ็บ อีกคนหนึ่งก็ถูกลมจนไข้ขึ้นลุกไม่ไหวอันชิงเดิมทีไม่อยากเข้าร่วมการประชันกลอนนี้ แต่โหวอาวุโสน้อยอี้ก็พัวพันอยู่อยู่ตลอด นางรู้สึกว่าจะเอาแต่หลบก้ไม่ใช่เรื่อง จึงเข้าร่วมวาดภาพไปเลยพอได้ที่หนึ่งมา คนตั้งมากมายล้วนมองมาที่นาง อยู่ต่อหน้าคนขนาดนี้ โหวอาวุโสน้อยอี้คงไม่กล้ารุ่มร่ามใส่กระมัง?พอคิดเช่นนี้ อันชิงก็ลุกขึ้นคิดจะเดินหนี"ข้ากับท่านไม่มีอะไรต้องคุยกัน รบกวนหลีกทางด้วย"ที่นี่มีคนอยู่มากมาย ยิ่งไปกว่านั้นเพราะภาพของอันชิงได้ที่หนึ่ง เข้าคู่กับกลอนของจอหงวนด้วย ตอนนี้คนมากมายจึงมองมาทางนี้โหวอาวุโสอี้น
ลู่ทงกับเจิ้งหยางล้วนได้ยินคำพูดของจ้าวหรู สีหน้าเปลี่ยนไปทำไม เรื่องนี้ถึงดึงลูกพี่หนิงของพวกเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย?"จ้าวหรู เจ้าพูดไร้สาระอะไรน่ะ?"ลู่ทงเองก็โมโหถ้าบอกว่าเขาก่อนหน้านี้ยังหวาดกลัวนายท่านจ้าว จนไม่กล้าฉีกหน้าคนตระกูลจ้าวส่งเดช ดังนั้นก่อนหน้านี้ในภูเขาเยื่อที่ล่าจึงถูกพวกจ้าวเฉินแย่งไป เขากับเจิ้งหยางเองก็สะกดไฟโกรธเอาไว้อย่างเต็มที่ หนีออกมาหัวซุกหัวซุนนายท่านจ้าวเป็นคนที่ใจดำโหดเหี้ยม แล้วยังคอยปกปอ้งลูกสาวกับลูกชายด้วย ไร้เหตุผลเป็นพิเศษ พ่อแม่ของพวกเขาเหล่านี้ก็ล้วนยอมถอยให้เขาระดับหนึ่งดังนั้น เหล่าผู้อาวุโสก่อนหน้านี้จึงกำชับพวกเขามา ในเมืองหลวงไม่ว่าพวกเขาจะอาละวาดแค่ไหน จะไปยั่วโมโหใครตนเองก็วิเคราะห์ให้ดี อย่าสร้างความลำบากให้คนในบ้านแต่ว่าตอนนี้พอได้ยินจ้าวหรูพูดถึงฟู่จาวหนิงเช่นนี้ ลู่ทงเองก็ทนไม่ไหวแล้วคำพูดนี้พูดออกมาได้น่าขันเหลือเกิน!ลูกพี่หนิงล่อฝูงหมาป่าได้ด้วยหรือ?"ลู่ทง เจ้าพูดจาอย่างไรกันนี่?" ดวงตาจ้าวเฉินมองลู่ทงขรึมๆ สายตาเขียนแรงคุกคามไว้เต็มที่กล้าเสียเหลือเกิน นี่กล้าพูดเช่นนี้กับน้องสาวของเขาหรือ?"ข้าก็จะพูดอย่างนี้นั่นล่
สีหน้าเจิ้งหยางเองก็ไม่ค่อยดีแล้วดูท่าพวกเขาจะหาเรื่องยุ่งยากให้กับผู้อาวุโสที่บ้านเสียแล้วจ้าวหรูพอเห็นพวกเขาก็ไม่กล้าพูดแล้ว จู่ๆ ก็หยิ่งผยองขึ้นมา"โหวอาวุโสน้อยคงต้องพูดกับองค์จักรพรรดิดีดีเสียแล้ว จริงด้วย ข้าเองก็ไม่ได้เจอท่านฮองเฮานานแล้วด้วย คงต้องเข้าวังไปพบท่านเสียหน่อย ไปคุยกับนางเสียบ้าง"คนในลานล้วนรู้สึกกดดันคนเหล่านี้ล้วนอาศัยความโปรดปรานเบื้องหน้าองค์จักรพรรดิและฮองเฮา เออะไก็ยกองค์จักรพรรดิกับฮองเฮาออกมากดดันพวกเขาแต่ว่าพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้"เอาล่ะ จ้าวหรู ไม่ต้องพูดไร้สาระกับพวกเขา"คำพูดที่โหวอาวุโสน้อยอี้พูดกับจ้าวหรูเมื่อครู่อันที่จริงก็น่าสนใจ "เจ้าเพิ่งพูดอะไรออกมานะ? ฟู่จาวหนิง?"ความสนใจของจ้าวหรูถูกดึงกลับมาแล้ว"ถูกต้อง ฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงหญิงสารเลวที่ก่อนหน้านี้เอาแต่วิ่งไล่ตามรัฐทายาทเซียวคนนั้น นางทำให้พวกของพี่ชายข้าพบกับฝูงหมาป่า นางยังแอบขโมยหมาป่าของพี่ชายข้าไปตัวหนึ่ง!"จ้าวหรูพูดพลาง สายตากำลังค้นหาในลาน คิดจะหาตัวฟู่จาวหนิงมีคนไม่รู้จักฟู่จาวหนิง แต่คนที่มากกว่าล้วนรู้จักเพราะไม่ใช่แค่เรื่องที่ฟู่จาวหนิงวิ่งไล่รัฐทายาทเซียวก่อนห
"ใครจะรู้?"จ้าวเฉินพูด "นางอาจจะใช้ยา ตอนนั้น นางบอกว่านางมาขุดยา แล้วยังแบกตระกร้าหลังอยู่ด้วยใบหนึ่ง"ฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวเดินหน้าเข้าใกล้ขึ้นมาพอได้ยินคำพูดของจ้าวเฉิน พวกนางก็มองตากัน จากนั้นก็สงสัยขึ้นมาคงไม่ได้พูดถึงฟู่จาวหนิงในบ้านพวกนางอยู่ใช่ไหม?คนอื่นพอได้ยินคำพูดนี้ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้"คุณชายจ้าวน่าจะจำผิดคนแล้วล่ะ? ท่านรู้ไหมว่าฟู่จาวหนิงคนนั้นมีชื่อเสียงอย่างไรในเมืองหลวง?""ถูกต้อง คุณชายจ้าว ฟู่จาวหนิงหลายปีนี้เอาแต่วิ่งไล่รัฐทายาทเซียวอยู่ตลอด สิ่งที่นางรู้มากที่สุด ก็ฯ่าจะเรื่องที่ว่ารัฐทายาทเซียวชอบกินอะไรชอบฟังเพลงอะไรชอบไปเที่ยวเล่นที่ไหนมากกว่า จะไปขุดยาได้อย่างไรกัน?"มีคนเราะร่าขึ้นมาอีก เอ่ยประชดประชันขึ้นมาว่า "ก็ไม่ขนาดนั้น ได้ยินว่าฟู่จาวหนิงชอบเข้าไปขุดยาอยู่นะ เพียงแต่วัตถุดิบยาที่นางมองออกเหมือนจะไม่เกินสามชนิด มักจะขุดเอาพวกหญ้าป่าผักป่ากลับมาเป็นหญ้าสมุนไพร ทำเอาพวกเถ้าแก่ร้านขายยาเฮฮากันใหญ่เลย""ฮ่าๆๆ!ข้าเองก็เคยได้ยินมา!"จ้าวเฉินขมวดคิ้ว "ดังนั้น ฟู่จาวหนิงจริงๆ แล้วเป็นคนไม่ได้เรื่องหรือ?""บอกว่าคนไม่ได้เรื่องยังยกนางสูงไป
ในกองเหยื่อล่าของพวกลูทงมีเลียงผาอยู่ตัวหนึ่งด้วยตอนนั้นพวกเขามีเลียงผาสองตัว แต่ว่าพอถูกหมาป่าไล่กวด ต่อมาจึงไม่เหลือเลยสักตัวตอนนี้พอเห็นว่าลู่ทงทางนั้นมีเลียงผาอยู่ตัวหนึ่ง ดูคล้ายกับตัวหนึ่งที่พวกเขาล่ามาได้ก่อนหน้านี้ ดวงตาจ้าวเฉินก็หรี่ลงเล็กน้อยหรือว่าพวกของลู่ทงไปเก็บได้จากในป่ากัน?แต่ได้ยินว่าพวกลู่ทงกลับมาก่อนพวกเขานี่"ลู่ทง เลียงผาของพวกเจ้าไปได้มาจากไหน?" จ้าวเฉินเอ่ยถามเสียงขรึมทันทีลู่ทงสองมือกอดอก เงยหน้าประสานสายตากับเขา "ทำไมหรือต้องอธิบายกับเจ้าด้วยหรือไร?""พวกเราเดิมทีก็ล่าเลียงผามาได้เหมือนกัน"คำพูดจ้าวเฉินยังไม่ทันพูดจบ ลู่ทงก็หัวเราะร่าขึ้นมา ตัดบทคำพูดของเขา"ขำตายล่ะ แล้วอย่างไรกัน? จ้าวเฉิน เจ้าคงไม่ได้คิดจะบอกว่านี่เป็นเลียงผาของพวกเจ้าหรอกใช่ไหม? มาๆๆ มาดูว่าบนตัวมันมีสลักชื่อจ้าวเฉินของเจ้าเอาไว้ไหม!"จ้าวเฉินหน้าขรึมนี่ไม่ยอมเลิกราสินะ? พวกเขาจะไปสลักชื่อตัวเองบนเลียงผาได้อย่างไร?ฟู่จาวหนิงมาที่นี่พักหนึ่งแล้ว เพียงแต่ความสนใจของคนทั้งหมดอยู่ที่ด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตเห็นนางนางกวาดตามอง หาตัวฟู่เป่าเจินกับฟู่เจียวเจียวในกลุ่มคนสองค
ในกลุ่มหนุ่มสาวเหล่านี้ อ๋องเจวี้ยนเดิมทีไม่ได้มีความรู้สึกมีตัวตนอะไรอยู่แต่ว่าวันนี้ ครั้งนี้ อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ เดินเข้ามาในระยะสายตาของพวกเขาชุดคลุมผ้าไหมสีม่วงเข้ม เสื้อคลุมจิ้งจอกขาวผืนหนึ่ง หน้ากากครึ่งหน้าสีเงินใบหนึ่ง ดูสูงส่งอย่างเป็นธรรมชาติ นำเอาความลึกลับน่าดึงดูดเข้ามาด้วย พอปรากฎตัวก็ดึงดูดสายตาคนทั้งหมดไปภายใต้หน้ากากครึ่งหน้าเผยริมฝีปากงามออกมา เส้นคางแหลมคม ทำเอาหญิงสาวหลายคนใจเต้นระรัวไปหมดแล้วพอบวกกับรูปร่างยืดตรงของเขา สูงชะลูดกว่าคนทั้งหมดในที่นี้ พอปรากฎตัวก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งลานไป"นี่ยังไปแต่งตัวมาด้วยหรือ?"ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกเซียวหลันยวนจะต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาโดยเฉพาะแน่! ขนาดก้วนที่ผูกรวบผมของเขาก็ยังเปลี่ยนเป็นทำจากเงินสลักฝังไว้ด้วยทับทิม ดูสูงส่งน่ามองคนงามเพราะแต่ง เดิมทีเขาก็เป็นคนรูปร่างดีอยู่แล้ว พอแต่งตัวเช่นนี้ก็ดูดีจริงๆแล้วยังกล้าบอกว่าไม่ได้จะเอาชนะเพื่อนัดหญิงสาวอีกหรือ?เซียวหลันยวนมาเขาเมฆอรุณก็น่าจะเพราะเป้าหมายนี้กระมัง?ฟู่จาวหนิงร้องเชอะฟางซือฉิงพอได้ยินนางร้องเชอะก็ได้สติกลับมา จับชายเสื้อนางอย่างตื่นเต้น กดเ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังคิดว่าเขาอายุยังไม่ถึงสามสิบก็คงตายไปแล้วด้วย แม้ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนจะเพิ่งยี่สิบต้นๆ แต่ดูจากที่อายุน่าจะสั้น ใครก็ล้วนจำเขาไม่ได้ตอนนี้เขากลับปรากฎตัวออกมาแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้นยังออกไปล่าสัตว์ด้วย นี่อธิบายว่าร่างกายเขาไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?หรือว่าอ๋องเจวี้ยนรักษาตัวดีแล้ว จึงกลับมาเมืองหลวงเพื่อแบ่งสิทธิ์อำนาจหรือ?หากอ๋องเจวี้ยนคิดจะชุบเลี้ยงขั้วอำนาจของตนเองขึ้นมาบ้าง สถานการณ์ในเมืองคงถูกทำลายลงแน่ พวกเหล่านี้คงต้องดูแล้วว่าจะยืนอยู่ฝ่ายไหนจ้าวเฉินกับโหวอาวุโสอี้น้อยเดิมทีก็ถือเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มศูนย์กลางอำนาจด้วย แน่นอนว่าคนมากมายรู้จุดนี้"คารวะอ๋องเจวี้ยน"จ้าวเฉินกับโหวอาวุโสน้อยในใจไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้ทำได้เพียงก้มหัวให้อ๋องเจวี้ยนไปก่อนพวกของลู่ทงก็ถลึงตาโตฮ่าๆๆ!อย่างนี้นี่เองหรือ? จู่ๆ ในใจก็รู้สึกดีสุดๆ ขึ้นมาเลยไหม?ที่แท้อ๋องเจวี้ยนพอปรากฎตัวก็สะกดจ้าวเฉินกับโหวอาวุโสน้อยอี้ได้เลยหรือ? แล้วพวกเขาจะต้องกลัวอะไรกันอีก อ๋องเจวี้ยนอยู่ฝ่ายลูกพี่หนิงของพวกเขานะ!"เจ้งหยาง อ๋องเจวี้ยน"ลู่ทงกำลังสะกินเจิ้งหยางจะพูดกับเขา แต่เสียงของเจียง
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ