"จือเอ๋อร์ เฟินเอ๋อร์ พวกเจ้าอยู่ที่นี่!"จ้าวเฉินเอ่ยกับหญิงสาวที่แต่งเป็นชายสองคนขึ้นเสียงหนึ่ง ชักกระบี่ออกมา จากนั้นก็พูดกับฟู่จาวหนิงว่า "เจ้ารักษาเขาไป อย่าให้เขาตายก็พอ! คนอื่นตามข้ามา พวกเราจะไปสังหารหมาป่ากัน!""สังหารหมาป่า!"ชายหนุ่มคนอื่นก็ล้วนตื่นเต้นขึ้นมา"พวกเราถ้าสามารถสังหารหมาป่ากลับไปได้ ครั้งนี้คงชนะแน่แล้ว!""ไม่ กลับไปแล้วยังต้องแย่งเจ้าหมีดำตัวเล็กนั่นของเจียงอวี้ด้วย"เจียงอวี้ทางนั้นได้เจ้าผู้ชายหน้ากากมาช่วย สังหารหมีดำมาได้ตัวหนึ่ง พวกเขาทางนี้อย่างน้อยต้องสังหารหมาป่าสักสิบตัวจึงจะชนะ"หมาป่ากับหมี ต้องได้มาทั้งหมด"จ้าวเฉินเอ่ยขึ้นอย่างอหังการ พุ่งออกไปข้างหน้าก่อน"จุดไฟ!จุดไฟให้หมด!"หมาป่ากลัวไฟ พวกเขาจะสังหารหมาป่า ต้องทำให้พวกมันกลัวเสียก่อนฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงหมาป่าหอมาอีกสองครั้ง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อยพวกของจ้าวเฉินกล้าขนาดนี้เลยหรือ? แล้วก็ยังไม่ทันจะฟังออกเลย ว่าที่มาอาจจะเป็นฝูงหมาป่าก็ได้? สัตว์อย่างหมาป่า ฝีมือต่อสู้แบบกลุ่มแข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วย!ถ้าหากพวกเขาสังหารหมาป่าไปแล้ว แต่ล้มจ่าฝูงไม่ได
ฟู่จาวหนิงกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ บวกกับนางที่เดิมทีก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เดินมาจนเมื่อยไปหมดแล้ว พอไม่ทันระวัง พอถูกเขาผลักเช่นนี้ก็ล้มลงไปนั่งบนพื้น"ฮะๆ" จือเอ๋อร์เดิมทีคิดจะเข้ามาฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน พอเห็นฟู่จาวหนิงถูกผลักจนล้มจ้ำเบ้าก็หัวเราะขึ้นมาทันที"เจ้าเด้กสารเลวนี่ไม่ใช่คนดีเลย!"นางร้องเชอะ สายตาที่มองเฮ่อเหลียนเฟยเองก็รังเกียจเช่นกัน"พี่เฉินให้เจ้าดูอาการให้เขา แล้วเจ้าดูสิ ฟังนะ อย่าให้เขาตายไปก็พอแล้ว" จือเอ๋อร์เอ่ยขึ้นอีกฟู่จาวหนิงนั่งอยู่บนพื้น ไม่ได้รีบลุกขึ้นมานางมองเฮ่อเหลียนเฟยชายหนุ่มตอนที่ผลักนางเมื่อครู่ร้อนรนขึ้นมา ในดวงตาเผยอาการขอโทษ แต่ตอนที่นางมองเข้าไปเขาก็รีบก้มหน้าลงทันทีเขาควรจะเจ็บปวดจนทนแทบไม่ไหวแล้ว สีหน้าซีดขาว ทั่วร่างชุ่มด้วยเหงื่อ ริมฝีปากถูกกัดจนเกือบไหลเขาบาดเจ็บหนักมาก ฟู่จาวหนิงต่อให้ไม่ตรวจสอบก็รู้แล้วว่าขาข้างนี้ถ้าไม่รีบจัดการอย่างทันท่วงที ต่อให้เขาจะแบกสังขารต่อไปไหว แต่ขาข้างนี้ภายหลังก็ใช้ไม่ได้แล้วการต้องเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกลายเป็นคนพิการขาเป๋ นางรับไม่ได้จริงๆชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้แย่เลย อย่างน้อยเขาก็ยังเตือนนางมา
ที่นี่ยังมีเฮ่อเหลียนเฟยอยู่นะ ซูเอ๋อร์พวกนางถึงแม้จะแต่งเป็นชาย แต่จะมองเป็นผู้ชายจริงๆ ก็ไม่ได้ทั้งสองคนถึงแม้จะอยากคอยจับตาดูฟู่จาวหนิงกับเฮ่อเหลียนเฟย แต่ท้องก็เอาแต่อาละวาด ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ร้อนรนจนหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว"สกัดจุดพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ก่อน!" ซูเอ๋อร์คิดวิธีออกแล้ว"ได้!"ซูเอ๋อร์เข้ามา ยื่นมือกดไปที่จุดชีพจรของฟู่จาวหนิงกับเฮ่อเหลียนเฟยแค่นี้พวกนางก็วางใจได้แ้ว"เร็วๆๆ"ทั้งสองคนกุมท้องพุ่งไปที่ป่าข้างๆเพราะท้องอาละวาดอย่างรุนแรง พวกนางเองก็กลัวจะเคลื่อนไหวมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่กล้าอยู่ใกล้นัก รีบวิ่งห่างออกไปหน่อย ถึงอย่างไรพอคิดว่ากดจุดชีพจรฟู่จาวหนิงเอาไว้แล้วก็ไม่ต้องกังวลตอนที่พวกนางวิ่งเข้าไปในป่า ฟู่จาวหนิงก็มองไปทางเฮ่อเหลียนเฟย"เจ้าคือคนจากเผ่าเฮ่อเหลียน แล้วมายังเมืองหลวงแคว้นเจาทำไมหรือ?"เฮ่อเหลียนเฟยเม้มปาก มองนางนิ่ง"ข้าไม่รุ้ว่าเชื่อใจท่านได้ไหม"เด็กคนนี้ฟู่จาวหนิงรู้สึกขบขัน ไม่รู้ว่าจะเชื่อใจนางได้ไหม ก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง แล้วเตือนให้นางอย่ามาช่วยชีวิตเขาส่งเดชแล้วหรือ?"เจ้าไม่พูดก็ไม่พูด แต่ว่า ข้าเตรีย
เสียงหอนหมาป่าที่ห่างออกไปดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงหอนหมาป่าขึ้นลงสลับกัน ฟังแล้วเหมือนฝูงหมาป่าจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่น้อยอีกด้วย!"อ๊า!"มีเสียงกรีดร้องของผู้ชายลอยมาตามลมจือเอ๋อร์กับซูเอ๋อร์ถ่ายจนเบลอพอได้ยินเสียงร้องโหยหวนนี้ ทั้งสองคนก็สะดุ้งโหยงตกใจรีบหอบเสื้อผ้าแล้ววิ่งกลับมา"คนล่ะ?"ที่เดิมยังมีฟู่จาวหนิงกับเฮ่อเหลียนเฟยเสียที่ไหน?"อ๊า! รีบวิ่ง!"ด้านหน้ามีเสียงจ้าวเฉินร้องขึ้นมาจือเอ๋อร์กับซูเอ๋อร์หันหน้าไปมอง และเห็นคบเพลิงบินลอย มีคนชูคบเพลงแล้วกำลังวิ่งทะยานกลับมา เสียงหอหมาป่ากับเสียงร้องเวทนาดังควบกันขึ้น ในป่ามีม้าหลายตัวร้องขึ้นอย่างไม่ปลอดภัยในป่ามีเสียงนกตื่นบินออกมาด้วยความตกใจ เสียงใบไม้เซ็งแซ่ลมพัดเอากลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเข้ามาด้วย"หมาป่า! หมาป่าเพียบเลย!"มีคนวิ่งกลับมา ร้องตกอกตกใจขึ้นแต่ไกลจือเอ๋อร์กับซูเอ๋อร์เองก็เห็นว่าห่างออกไปที่ถูกคบเพลิงส่องสว่าง มีเงาหมาป่าหลายตัวกระโจนไปมากำลังพุ่งตรงมาทางนี้พวกนางสองคนหน้าซีดไปแล้ว"รีบ รีบหนี!"พวกนางตอนนี้ขับถ่ายออกไปจนหมดเรี่ยวแรงแล้ว พวกผู้ชายอย่างจ้าวเฉินยังทานฝูงหมาป่าไม่ไปว แล้วพว
"ตอนนี้ต้องล้างแผลกำจัดพิษก่อน จัดการเสร็จแล้วจะเชื่อมกระดูกให้เจ้า"ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดคำนี้น้ำยาล้างแผลในมือก็เทลงไปบนแผลของเฮ่อเหลียนเฟยแล้ว เขากัดฟันแน่นขึ้นทันทีหลังจากจัดการบาดแผลแล้ว ฟู่จาวหนิงก็เทผงยาลงไปอีกสองขวด"เจ้าทำไมถึงไปถูกจ้าวเฉินทุบเข้าล่ะ? เขามองเจ้าเป็นเหยื่อล่าหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้น การเคลื่อนไหวของมือก็ไม่หยุด"เขาอธิบายมาแบบนี้ ตอนนั้นข้าร่วงลงไปในหลุมจนสลบไป เดิมทีตอนนั้นเขากำลังทุ่มหินลงมา ข้าหลบออกมา ไม่เช่นนั้นหินคงได้ซัดเข้าที่หัวข้าแล้ว อ๊า!"เฮ่อเหลียนเฟยพูดถึงตอนท้ายจู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้นมาที่แท้ฟู่จาวหนิงก็ถือโอกาสตอนที่เขาไม่ทันระวัง ออกแรงหักกระดูกที่อยู่ผิดที่ให้กลับมาเข้าที่ฉับพลันปวดเสียจนเฮ่อเหลียนเฟยพูดไม่ออก เหงื่อแตกพลั่กไม่ห่างไปนัก เซียวหลันยวนที่ใช้กำลังภายในแฉลบผ่านไปก็ได้ยินเสียงกรีดร้องนี้พอดีเขาขมวดคิ้ว ตรงมาทางนี้ทันทีพอเห็นแสงไฟ เซียวหลันยวนเดิมทีคิดจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อดูก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ฟู่จาวหนิงกลับได้ยินการเคลื่อนไหว คว้าฟืนท่อนหนึ่งข้างออกไปทางนั้นทันที่"มีคนหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยตกตะลึงแสงไฟบินผ่านออกไป ส
นางช่วยชีวิตเขา แล้วยังรักษาขาเขาอีกเขามองฟู่จาวหนิง ดวงตาร้อนวูบวาบ น้ำตารื้นไหลออกมา ตลอดทางนับพันลี้ที่มายังเมืองหลวงแคว้นเจา เจอเรื่องลำบากมามากมาย มีหลายครั้งที่ต้องแบกรับความตกตะลึงความกลัว แล้วยังผ่านความสิ้นหวังของการเฉียดตายเช่นนี้มาแล้ว เขารู้สึกเสียอกเสียดายความอบอุ่นที่ฟู่จาวหนิงมอบให้เขาในตอนนี้"เป็นผู้ชายอกสามศอกมาร้องไห้ได้อย่างไรกัน?" ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ล้มนั่งลงกับพื้น บิดหมุนข้อมือนางคิดจะบีบนวดขา เพราะขาตอนนี้ปวดไปหมดแล้วแต่เพราะมีชายสองคนมองมาทางนี้ นางจึงทนเอาไว้เฮ่อเหลียนเฟยยังไม่ทันตอบ เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ผู้ชายอกสามศอกหรือ? มองไม่ออกเลย"เฮ่อเหลียนเฟยยกมือขึ้นออกแรงเช็ดน้ำตาทันทีเซียวหลันยวนดึงฟู่จาวหนิง "มานี่""ทำอะไร?"ฟู่จาวหนิงคิดจะสะบัดมือเขาออก แต่เพราะเหนื่อยเกินไปแล้ว จึงสะบัดไม่หลุด แล้วยังล้มลงไปที่อกของเขา"ท่านปล่อยนางเสีย"เฮ่อเหลียนเฟยร้อนรนขึ้นมา ยื่นมือคิดจะคว้าชายชุดคลุมของเซียวหลันยวนแต่เซียวหลันยวนก็เหมือนมีตาอีกคู่งอกขึ้นมา สลับเท้าเล็กน้อย ชุดคลุมก็ลูบผ่านนิ้วของเขาไป ทำให้ผ้าสักผืนหนึ่งก็จับไม่ได้เซียวหลั
เขาเดิมทีพอล่อคนพวกนั้นออกไปก็จะออกจากป่าแล้ว เหยื่อล่าที่เขาล่าไว้เดิมทีก็ให้คนขนออกไปก่อนแล้วแต่ขนาดชิงอีเขาก็ยังทิ้งไว้เลย เพราะรู้สึกว่าความเร็วของชิงอีตามเขาไม่ทัน ตนเองที่เข้ามาในภูเขาลึกใหม่ก็เพื่อมาหานาง แต่ผลลัพธ์นางตอนนี้กลับบอกว่าไม่ต้องเป็นสนใจนางหรือ?"วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ตอนนี้ไม่อยากจะเดินในทางภูเขาตอนกลางคืนแล้ว" ฟู่จาวหนิงพูดพลางถอยหลังออกสองก้าว "ท่านกลับไปแย่งที่หนึ่งเลยก็ได้นะ"เขาที่อยากได้ที่หนึ่งนั่นเพื่ออะไรล่ะ?ไม่ใช่เพื่อให้พวกเหล่าคุณหนูคุณชายในเมืองหลวงได้รู้จักเขา หลังจากนี้เวลาพบนาง พอรู้ว่านางคือคนของเขา ก็จะไม่กล้ารุ่มร่ามทำอะไรหรอกหรือ?ตอนนี้พอได้ยินนางพูดว่าไม่ต้องสนใจนาง เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองน่าขันเหลือเกินเมื่อไรกันที่เขาต้องใช้วิธีเช่นนี้เพื่อให้คนอื่นได้รู้จักตนเอง?เขาเดิมทีก็เป็นพวกนิสัยไม่ทำตัวกระโตกกระตากอยู่แล้ว เดิมทีไม่ได้สนใจเรื่องแข่งขันพวกนี้เลย แล้วนี่เขาเป็นอะไรไป? หัวถึงได้ร้อนมาเข้าร่วมขึ้นมา?"เจ้าคิดจะอยู่ตามลำพังกับเด็กคนนั้นในป่านี้ตอนกลางคืนหรือ?" เซียวหลันยวนหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ
เหลียนเฮ่อเฟยส่ายหัว ดูมึนงง"รู้แค่นามสกุล ชายหรือหญิงก็ยังไม่รู้ อายุเท่าไรก็ไม่รู้ แล้วเจ้าจะหาคนหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกถูกเขาเล่นงานเสียแล้วอย่างนี้แล้วจะหาอย่างไร?"ท่านแม่ข้าบอกว่า คนที่มองเห็นข้าจะจำข้าได้เอง จะสัมผัสถึงได้""สัมผัสอะไร?"เฮ่อเหลียนเฟยส่ายหัวอีกครั้งฟู่จาวหนิงตบหน้าผาก ถ้าหาพบก็พระเจ้าแล้ว"ข้ารู้รูปร่างของตราหยก ข้าหาคนจากตระกูลฟู่ แล้วก็ถามว่าคนในบ้านพวกเขาเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียนหรือไม่ จากนั้นค่อยถามบ้านพวกเขาว่าเคยเห็นตราหยกแบบนั้นบ้างไหมก็พอแล้ว"เฮ่อเหลียนเฟยหยิบกระดาษที่พับไว้อย่างละเอียดชิ้นหนึ่งออกมาจากเข็มขัด ส่งไปให้กับฟู่จาวหนิง"รูปร่างของตรายหกที่แม่ของข้าวาดออกมาเมื่อครั้งนั้น"ฟู่จางหนิงรับไป เปิดออกดูผาดหนึ่งบนกระดาษวาดรูปตราหยกไว้ชิ้นหนึ่ง น่าจะเป็นด้านหลัง มีอักษรฟู่อยู่"ข้าไม่เคยเห็น" ฟู่จาวหนิงหยิบกระดาษพับส่งกลับไปให้เขาเฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกผิดหวัง "ข้ายังคิดว่าอาจจะเป็นสิ่งของจากบ้านพี่หญิงเสียอีก ข้ารู้สึกว่าพี่หญิงใจดีมาก"นี่ไม่ได้โกหกฟู่จาวหนิง ผาดแรกที่เห็นฟู่จาวหนิง เขาก็รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อมาก ในใจก็เกิดความคิดไม่อย
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ
สิ่งนี้ทำให้เฉินเซียงรู้สึกไม่พอใจแล้ว ทำไมถึงให้องครักษ์มาอยู่ด้วยกันกับพวกนาง?ห้องส้วมล่ะ? หรือว่าพวกนางต้องใช้ร่วมกับองครักษ์สามคนนี้ด้วย?อย่างนี้ได้ที่ไหน!สืออีหลังจากกำชับเสร็จก็ออกไปเตรียมของสิ่งของที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ไม่พอแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงต้องแบ่งผ้าหุ่มของพวกเขาออกไปสามผืน แล้วนำออกไปของกิน ตอนนี้ก็เป็นแค่หมั่นโถวกับข้าวต้ม บวกกับกับข้าวอีกนิดหน่อย กับข้าวเองก็เหลือไม่มากแล้วหมั่นโถวของพวกเขาตอนนี้ก็ผสมแป้งอื่นเข้าไปด้วยแล้ว ไม่ได้อ่อนนุ่มหอมหวานเหมืนอตอนที่เพิ่งมาแล้ว ถึงอย่างไรกินให้ท้องอิ่มได้ก็ดีมากแล้วอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวออกหาการบริจาคช่วยเหลือ หวังว่าสองสามวันนี้จะได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหมั่นโถวมานึ่งให้เล็กลงหน่อย ไม่แน่อาจจะต้องแบ่งของคนคนหนึ่งเป็นสองส่วนด้วยฟู่จาวหนิงพอดูเรื่องการฉีดยาให้ป้าหนิวเสร็จ ก็ดึงเข็มออก เก็บขวดเปล่ากับตะขอเกี่ยวเล็กกลับไป หลังจากออกประตูมาก็เปลี่ยนชุดป้องกันกับผ้าปิดปากและถุงมือใหม่ จากนั้นจึงไปยังฝั่งตรงข้ามเฉินเซียงพอเห็นนางเข้ามา ก็จำนางได้จากดวงตาของนางเพราะฟู่จาวหนิงห่อตัวมิดชิดย
ฟู่จาวหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาเมืองเจ้อจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกเขาก่อนหน้านี้คาดการณืไว้ ว่าฝ่าบาทของต้าชื่อไม่มีทางปล่อยให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาแน่ที่บอกว่าจะเลือกราชบุตรเขยให้นางแต่เดิม ก็เป็นแค่คำหลอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทั้งเพองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนั้นไปที่เมืองจี้ ฝ่าบาทต้าชื่อยังส่งคนไปรับนางกลับวังหลวง ฝ่าบาทต้าชื่อรู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นดาวนำโชคของเขามาตลอด โชคบนตัวนางล้วนจะเอามาไว้บนตัวเขาทั้งหมด ดังนั้นจึงมัดนางไว้ข้างกายแต่ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่เพียงแค่ออกมาจากวังหลวง แต่ยังเดินทางมาไกลถึงแคว้นเจา?!นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆไม่น่าเชื่อจนฟู่จิ้นเชินกับต่งฮ่วนจือก็กำลังคาดเดาเจตนาการมาขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ถาม เพราะฟู่จาวหนิงมีคำสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามสัมผัสกับกลุ่มขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพวกขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกจัดไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตก อยู่ตรงข้ามกับห้องผู้ป่วยของป้าคนนั้น คั่นไว้ด้วยสวนเล็กๆ ผืนหนึ่งสืออีให้พวกเขาสวมหน้ากากอนามัยทั้งหมดตอนแรกพวกเขาก้ไม่ค่อยยินดีนัก แต่ตอนนี้คนมาถึงแคว้นเจาแล้ว นี่เป็นถิ
สืออีขับรถม้าของตนเองออกไปรับคนแล้วเรื่องนี้เดิมทีก็แปลกอยู่หน่อยๆ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่าเมืองเจ้อมีสถานการณ์เป็นอย่างไร ปกติจะไม่เข้ามากัน ต่อให้จะมาเยี่ยมญาติก็ตาม ไม่มีทางเลือกมาในเวลานี้หรือว่าคนที่มาจากต้าชื่อจะไม่เข้าใจสถานการณ์ของที่นี่?แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ประสบภัย ถ้าหากในเมืองมีญาติอยู่ล่ะก็ บางทีอาจจะมีเงินอยู่ พอมาถึงจึงไม่ไปยังศูนย์สังเกตการณ์ น่าจะกลับไปที่บ้านญาติเลย หรืออาจจะไปพักโรงเตี๊ยมดังนั้น คนที่มาเป็นใครกันแน่?สืออีคาดเดาไปตลอดทาง แต่ตอนที่เห็นคนที่มา เขาก็ตกตะลึงไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น!ไม่ว่าสืออีจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาจะเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาได้อย่างไรกัน?ชั่วขณะหนึ่ง ในสมองสืออีกคิดไปมากมาย จะมากน้อยก็มีทฤษฏีสมคบคิดอยู่บ้างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกว่าจะสงบลงมาได้ หยุดไปแล้ว พอเห็นสืออี นางก็งงงันไปนิดหน่อย ยังจำเขาไม่ได้เพราะสืออีตอนนี้สวมชุดประหลาดแล้วยังสวมหน้ากากอนามัยด้วยแต่เพราะสายตาที่สืออีมองนาง ทำให้นางเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าจะต้องรู้จักนางแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ตกตะลึงแบบนี้นางยังสวมผ้าคลุมอยู่ ถ้าม
"พระชายา เอาข้าวเช้ากับน้ำร้อนมาให้แล้วขอรับ"เสียงของสืออีดังลอดเข้าาฟู่จาวหนิงเดินออกไป "วางไว้ตรงนั้นเลย เจ้าอย่าเข้ามานะ"พอเหลือบมองไป นางยังเห็นฟู่จิ้นเชินด้วย พวกเขาคนหนึ่งหิ้วน้ำร้อน คนหนึ่งถืออาหารเช้า"จาวหนิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" ฟู่จิ้นเชินยืนนิ่ง ถึงแม้อยากจะเดินเข้ามา แต่ก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ให้เขาเข้าไป"ข้าไม่เป็นไร คนป่วยข้างนอกพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?"ฟู่จาวหนิงถามถึงสองพี่น้องเสี่ยวเฟิงเสี่ยวยา พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไร นางจึงวางใจลงได้ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่หญิงสาวคนนี้มาถึงหลังจากที่พวกเขาทำงานไปแล้วหลายวัน ตอนนี้คนอื่นๆ ปรับตัวได้แล้ว ทำงานกันได้สมเหตุสมผลหมดแล้ว รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรถ้าเป็นเมื่อสามวันก่อน พอนางออกห่าง คนป่ววยพวกนั้นก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร คงจะวุ่นวายกันไปหมดแน่"ผู้ช่วยหมอสามคนที่ใต้เท้าอันหามาก็เพิ่งมาถึง ข้าให้เสี่ยวเยว่นำพวกเขาไปแล้ว ข้าเห็นว่าพวกเขาเองก็มือไม้คล่องแคล่วทำงานได้ดีอยู่ เจ้าไม่ต้องกังวล""ได้ สืออี ไปดูทหารขุนพลบัญชาการกับผู้ประสบภัยคนอื่นที่สัมผัสกับป้าคนนี้หน่อย ระวังด้วยนะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"่ขอรับ"สืออี
อย่างในเวลานี้ คนเราจะลนลานหวาดกลัวกัน ถึงอย่างไรครอบครัวหญิงสาวคนนั้นก็ป่วยตายกันไปห้าคนแล้วนะ โอกาสตายสูงขนาดนี้ ใครจะไม่กล้วบ้าง?ถ้าเผื่อติดโรคแล้วต้องตายล่ะ..."เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงรักษาโรคนี้ได้จริงไหม?" ต่งฮ่วนจือก็ตึงเครียดขึ้นมาแล้ว"เรื่องนี้นางยังไม่ได้บอก เพราะไม่ให้ใครเข้าไปเลย พวกเราตอนี้ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร นางแค่บอกว่าไม่ต้องกังวล"แล้วจะไม่กังวลกันได้อย่างไร?ถึงแม้ฟู่จาวหนิงท้ายสุดจะรักษาโรคนี้ได้ แต่หลังจากระบาดไปจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากช่วงหนึ่งแน่"เมืองเจ้อที่นี่เดิมทีก็น่าจะมีหมออยู่ไหม? พวกเขาไม่เข้ามาช่วยเลยหรือ?" ต่งฮ่วนจือถามรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวมันเหนื่อยเกินไปอันเหนียนเล่าสถานการณ์ของหมอที่นี่กับเขาอันที่จริงสองวันนี้เขาก็หาตัวลูกศิษย์ที่อยู่ในโรงหมอแต่เดิมมาได้สามคนแล้ว ให้พวกเขาเก็บข้าวของแล้วมาช่วยกันที่นี่มีฟู่จาวหนิงคอยนำพวกเขา สำหรับพวกเขาถือเป็นโอกาสในการเรียนที่สุดยอดมาก"พรุ่งนี้เช้าจะมีผู้ช่วยหมอสามคนเข้ามา พวกเขาจะมากน้อยก็มีพื้นฐานอยู่บ้าง ถึงตอนนั้นยังสามารถช่วยเหลือได้""เป็นแค่ผู้ช่วยหมอ ศิษย์น้องหญิงค
"พระชายา" สืออีกังวลมาก มองฟู่จาวหนิงที่นั่งอยู่บนเตียงหลัวฮั่นข้างหน้าต่าง "ท่านจะทำอย่างไร?"หรือว่านางจะอยู่เฝ้าที่นี่ตลอดกัน?ในเมื่อโรคนี้อันตรายขนาดนี้ พระชายาต่างหากถึงจำเป็นต้องมีการคุ้มครองมากที่สุด"อีกเดี๋ยวข้าจะไปห้องข้างๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่เฝ้าทั้งคืนหรอก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "ไม่ต้องกังวล"ตอนกลางคืนที่นางอยู่คนเดียวก็เข้าไปในห้องเภสัช หลายวันช่วงนี้นางล้วนนอนอยู่ในห้องเภสัช ถึงอย่างไรก็เป็นสถานที่ของตนเอง ต้องดีกว่าห้องรับแขกที่จัดขึ้นชั่วคราวมากอยู่แล้วตอนนี้มีโรคที่ระบาดได้ นางมานอนอยู่ในมิติของตนเองประสิทธิภาพในการกักกันก็ยิ่งดีกว่า"แล้วพระชายากินข้าวหรือยัง?" สืออีถาม"อีกเดี๋ยวจะกิน""ข้าจะไปนำอาหารมาให้ จะเอามาเยอะหน่อย พระชายาจะได้กินให้มากอีกนิด""ดีเลย"สืออีออกไปแล้ว พอเห็นสือซานที่อยู่ข้างๆ ประตูวงกลม "ให้คนมาเปลี่ยนกับเจ้าคืนนี้""ไม่ ข้าเฝ้าเองยังวางใจกว่า" สือซานกลับไม่ยอมฟู่จาวหนิงให้เขาเฝ้าที่นี่ไม่ปล่อยให้ใครเข้าไป ใจเขาก็ไม่ค่อยสงบแล้ว ว่ามีโรคร้ายอะไรที่ทำให้พระชายาต้องระมัดระวังขนาดนี้?นางไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ แล้วตัวนางเองล่ะ?สืออีเองก
ไข้หวัดปกติก็สามารถระบาดได้ แต่นางไม่ได้ให้คนทำการกักกันดังนั้นตอนนี้พอได้ยินว่าไปที่ห้องผู้ป่วยนั้น อันเหนียนก็เข้าใจความหมายขึ้นมาทันที"นางอยู่ที่นั่นคนดียวหรือ? น้ำเสียงเขาเครียดขึ้นมา"และการเปลี่ยนท่าทีเช่นนี้ของอันเหนียน ต่งฮ่วนจือก็สัมผัสได้แล้วอย่างชัดเจนเขามองอันเหนียน จากนั้นก็มองฟู่จิ้นเชิน "เกิดอะไรขึ้นหรือ? ห้องผู้ป่วยนั่นมีอะไรผิดปกติไหม?""ก่อนหน้านี้มีไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่ส่งคนไปที่นั่น ตอนนี้มีฟู่จาวหนิงอยู่คนเดียว" ฟู่จิ้นเชินไม่ได้ตอบคำถามต่งฮ่วนจือแต่ต่งฮ่วนจือก็มองออก ว่าในสายตาเขามีความกังวลขึ้นมาเต็มที่เพียงแต่ชายหนุ่มสองคนนี้ล้วนเป็นพวกไม่ค่อยเผยอารมณ์ออกมาเท่าไรนัก เป็นคนที่หนักแน่นใจเย็นมาก ดังนั้นเขาเองก็พิจารณาถึงความหนักหนาได้ลำบากอันเหนียนยกเท้าไปทางนั้นทันที"ใต้เท้าอัน"ฟู่จิ้นเชินจับแขนเขาไว้ สายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงเองก็กดลงมาอันเหนียนได้สติกลับมาในพริบตา ยืนนิ่งไปแล้ว"นางกำชับอะไรไว้ไหม? ทำตามที่นางว่าเลย" เสียงอันเหนียนเรียบสงบแต่ว่า ฟู่จิ้นเชินมองเขาลึกๆรู้อยู่แท้ๆ ว่าห้องผู้ป่วยนั้นเป็นตัวแทนของอะไร ขนาดตัวเขาฟู่จาวหนิง
อันเหนียนวันนี้พอวุ่นเสร็จ ก็พาคนหนึ่งมาที่โรงหมอฟู่จิ้นเชินเห็นคนที่เข้ามาก็รู้สึกเกินคาด"ผู้จัดการใหญ่ต่ง?"ต่งฮ่วนจือมาแล้ว"คุณชายฟู่"หลังจากต่งฮ่วนจือเข้ามา ด้านหลังก็ยังมีคนอีกหลายคน แบกวัตถุดิบยาเข้ามาหลายหามใหญ่ย่ิงไปกว่านั้นหลังจากพวกเขาวางลง ก็ออกไปแบกรอบที่สอง"นี่คือ?"อันเหนียนเอ่ยต่อให้ "ผู้จัดการใหญ่ต่งขนวัตถุดิบยาเข้ามาให้โดยเฉพาะ พระชายาสองวันก่อนไม่ใช่ว่าเข้าไปหาผู้ดูแลทางนี้มาหรอกหรือ? บอกวัตถุดิบยาที่ขาดกับผู้ดูแลพันธมิตรโอสถไป บอกว่าจะควักเงินจ่ายเอง ให้เขาคิดหาวิธีหน่อย""ไวขนาดนี้ ผู้จัดการใหญ่ต่งก็ได้รับข่าวแล้วหรือ?"เพิ่งจะสองวันเอง เป็นไปได้อย่างไรกัน?จากเมืองหลวงมานี่ยังต้องใข้ตั้งหลายวันพอคำนวณเวลา ต่งฮ่วนจือพอพวกเขาออกเดินทางได้สองวันก็คงจัดการแล้ว"อันที่จริงผู้ดูแลทางนี้ก็เขียนจดหมายถึงข้านานแล้ว บอกสถานการณ์ของทางนี้ ดังนั้นพวกเราจึงจัดการโยกวัตถุดิบยาจากที่อื่นเข้ามาก่อน แค่ยังไม่รู้ว่าต้องส่งไปที่ไหน แค่เตรียมการไว้ก่อน"ต่งฮ่วนจือก็เร่งเดินทางมาหลายวัน สีหน้าอ่อนล้า แต่ก็ยังอธิบายออกมา"ข้าเคยบอกกับศิษย์น้องหญิงแล้ว วัตถุดิบยาสำห