"ตอนนี้ต้องล้างแผลกำจัดพิษก่อน จัดการเสร็จแล้วจะเชื่อมกระดูกให้เจ้า"ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดคำนี้น้ำยาล้างแผลในมือก็เทลงไปบนแผลของเฮ่อเหลียนเฟยแล้ว เขากัดฟันแน่นขึ้นทันทีหลังจากจัดการบาดแผลแล้ว ฟู่จาวหนิงก็เทผงยาลงไปอีกสองขวด"เจ้าทำไมถึงไปถูกจ้าวเฉินทุบเข้าล่ะ? เขามองเจ้าเป็นเหยื่อล่าหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้น การเคลื่อนไหวของมือก็ไม่หยุด"เขาอธิบายมาแบบนี้ ตอนนั้นข้าร่วงลงไปในหลุมจนสลบไป เดิมทีตอนนั้นเขากำลังทุ่มหินลงมา ข้าหลบออกมา ไม่เช่นนั้นหินคงได้ซัดเข้าที่หัวข้าแล้ว อ๊า!"เฮ่อเหลียนเฟยพูดถึงตอนท้ายจู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้นมาที่แท้ฟู่จาวหนิงก็ถือโอกาสตอนที่เขาไม่ทันระวัง ออกแรงหักกระดูกที่อยู่ผิดที่ให้กลับมาเข้าที่ฉับพลันปวดเสียจนเฮ่อเหลียนเฟยพูดไม่ออก เหงื่อแตกพลั่กไม่ห่างไปนัก เซียวหลันยวนที่ใช้กำลังภายในแฉลบผ่านไปก็ได้ยินเสียงกรีดร้องนี้พอดีเขาขมวดคิ้ว ตรงมาทางนี้ทันทีพอเห็นแสงไฟ เซียวหลันยวนเดิมทีคิดจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อดูก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ฟู่จาวหนิงกลับได้ยินการเคลื่อนไหว คว้าฟืนท่อนหนึ่งข้างออกไปทางนั้นทันที่"มีคนหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยตกตะลึงแสงไฟบินผ่านออกไป ส
นางช่วยชีวิตเขา แล้วยังรักษาขาเขาอีกเขามองฟู่จาวหนิง ดวงตาร้อนวูบวาบ น้ำตารื้นไหลออกมา ตลอดทางนับพันลี้ที่มายังเมืองหลวงแคว้นเจา เจอเรื่องลำบากมามากมาย มีหลายครั้งที่ต้องแบกรับความตกตะลึงความกลัว แล้วยังผ่านความสิ้นหวังของการเฉียดตายเช่นนี้มาแล้ว เขารู้สึกเสียอกเสียดายความอบอุ่นที่ฟู่จาวหนิงมอบให้เขาในตอนนี้"เป็นผู้ชายอกสามศอกมาร้องไห้ได้อย่างไรกัน?" ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ล้มนั่งลงกับพื้น บิดหมุนข้อมือนางคิดจะบีบนวดขา เพราะขาตอนนี้ปวดไปหมดแล้วแต่เพราะมีชายสองคนมองมาทางนี้ นางจึงทนเอาไว้เฮ่อเหลียนเฟยยังไม่ทันตอบ เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ผู้ชายอกสามศอกหรือ? มองไม่ออกเลย"เฮ่อเหลียนเฟยยกมือขึ้นออกแรงเช็ดน้ำตาทันทีเซียวหลันยวนดึงฟู่จาวหนิง "มานี่""ทำอะไร?"ฟู่จาวหนิงคิดจะสะบัดมือเขาออก แต่เพราะเหนื่อยเกินไปแล้ว จึงสะบัดไม่หลุด แล้วยังล้มลงไปที่อกของเขา"ท่านปล่อยนางเสีย"เฮ่อเหลียนเฟยร้อนรนขึ้นมา ยื่นมือคิดจะคว้าชายชุดคลุมของเซียวหลันยวนแต่เซียวหลันยวนก็เหมือนมีตาอีกคู่งอกขึ้นมา สลับเท้าเล็กน้อย ชุดคลุมก็ลูบผ่านนิ้วของเขาไป ทำให้ผ้าสักผืนหนึ่งก็จับไม่ได้เซียวหลั
เขาเดิมทีพอล่อคนพวกนั้นออกไปก็จะออกจากป่าแล้ว เหยื่อล่าที่เขาล่าไว้เดิมทีก็ให้คนขนออกไปก่อนแล้วแต่ขนาดชิงอีเขาก็ยังทิ้งไว้เลย เพราะรู้สึกว่าความเร็วของชิงอีตามเขาไม่ทัน ตนเองที่เข้ามาในภูเขาลึกใหม่ก็เพื่อมาหานาง แต่ผลลัพธ์นางตอนนี้กลับบอกว่าไม่ต้องเป็นสนใจนางหรือ?"วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ตอนนี้ไม่อยากจะเดินในทางภูเขาตอนกลางคืนแล้ว" ฟู่จาวหนิงพูดพลางถอยหลังออกสองก้าว "ท่านกลับไปแย่งที่หนึ่งเลยก็ได้นะ"เขาที่อยากได้ที่หนึ่งนั่นเพื่ออะไรล่ะ?ไม่ใช่เพื่อให้พวกเหล่าคุณหนูคุณชายในเมืองหลวงได้รู้จักเขา หลังจากนี้เวลาพบนาง พอรู้ว่านางคือคนของเขา ก็จะไม่กล้ารุ่มร่ามทำอะไรหรอกหรือ?ตอนนี้พอได้ยินนางพูดว่าไม่ต้องสนใจนาง เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองน่าขันเหลือเกินเมื่อไรกันที่เขาต้องใช้วิธีเช่นนี้เพื่อให้คนอื่นได้รู้จักตนเอง?เขาเดิมทีก็เป็นพวกนิสัยไม่ทำตัวกระโตกกระตากอยู่แล้ว เดิมทีไม่ได้สนใจเรื่องแข่งขันพวกนี้เลย แล้วนี่เขาเป็นอะไรไป? หัวถึงได้ร้อนมาเข้าร่วมขึ้นมา?"เจ้าคิดจะอยู่ตามลำพังกับเด็กคนนั้นในป่านี้ตอนกลางคืนหรือ?" เซียวหลันยวนหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ
เหลียนเฮ่อเฟยส่ายหัว ดูมึนงง"รู้แค่นามสกุล ชายหรือหญิงก็ยังไม่รู้ อายุเท่าไรก็ไม่รู้ แล้วเจ้าจะหาคนหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกถูกเขาเล่นงานเสียแล้วอย่างนี้แล้วจะหาอย่างไร?"ท่านแม่ข้าบอกว่า คนที่มองเห็นข้าจะจำข้าได้เอง จะสัมผัสถึงได้""สัมผัสอะไร?"เฮ่อเหลียนเฟยส่ายหัวอีกครั้งฟู่จาวหนิงตบหน้าผาก ถ้าหาพบก็พระเจ้าแล้ว"ข้ารู้รูปร่างของตราหยก ข้าหาคนจากตระกูลฟู่ แล้วก็ถามว่าคนในบ้านพวกเขาเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียนหรือไม่ จากนั้นค่อยถามบ้านพวกเขาว่าเคยเห็นตราหยกแบบนั้นบ้างไหมก็พอแล้ว"เฮ่อเหลียนเฟยหยิบกระดาษที่พับไว้อย่างละเอียดชิ้นหนึ่งออกมาจากเข็มขัด ส่งไปให้กับฟู่จาวหนิง"รูปร่างของตรายหกที่แม่ของข้าวาดออกมาเมื่อครั้งนั้น"ฟู่จางหนิงรับไป เปิดออกดูผาดหนึ่งบนกระดาษวาดรูปตราหยกไว้ชิ้นหนึ่ง น่าจะเป็นด้านหลัง มีอักษรฟู่อยู่"ข้าไม่เคยเห็น" ฟู่จาวหนิงหยิบกระดาษพับส่งกลับไปให้เขาเฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกผิดหวัง "ข้ายังคิดว่าอาจจะเป็นสิ่งของจากบ้านพี่หญิงเสียอีก ข้ารู้สึกว่าพี่หญิงใจดีมาก"นี่ไม่ได้โกหกฟู่จาวหนิง ผาดแรกที่เห็นฟู่จาวหนิง เขาก็รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อมาก ในใจก็เกิดความคิดไม่อย
ช่วงกลางดึกไม่ใช่ว่าไม่มีอันตรายมีงูพิษ มีหมาป่าที่วิ่งมาตัวเดียวทางนี้ พวกแมลงก็ตรงเข้ามาใกล้พวกเขาด้วยเซียวหลันยวนนิ้วดีดยิงออกไป จัดการปัดเป่าอันตรายที่คืบคลานเข้ามาสลายไปอย่างไร้ซุ่มเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ให้โอกาสพวกมันมารบกวนฟู่จาวหนิงเลย"เจ้านี่หลับได้นิ่งดีเหลือเกิน"เขามองฟู่จาวหนิงที่อยู่ในอ้อมอก เอ่ยคำนี้ออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเซียวหลันยวนรู้สึกแปลกๆ ด้วยความเข้าใจของเขาต่อฟู่จาวหนิงก่อนหน้า หญิงสาวคนนี้ระแวดระวังอย่างมาก แค่ลมพัดใบหญ้าไว้ก็รู้สึกตัวขึ้นในพริบตาแล้วคิดไม่ถึงว่ายามราตรีกลางป่าจะหลับได้สนิทขนาดนี้ หรือว่าจะเหนื่อยมากจริงๆหรือก็คือ สัญชาตญาณที่แฝงอยู่ของนางเชื่อใจเขาขนาดนี้?คิดถึงความเป็นไปได้นี้ เซียวหลันยวนก็อดมุมปากยกขึ้นไม่ได้ จัดการโอบนางให้แน่นขึ้นอีกนิด หลับตาลงด้วยเช่นกันเสียงนกร้องช่วงเช้าตรู่แจ่มชัดอย่างมาก ปลุกฟู่จาวหนิงขึ้นมาพริบตาที่ลืมตาขึ้นนางยังรู้สึกมึนงงอยู่ ยังไม่ทันรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ยังเบลอๆ อยู่บ้างมีเฉพาะตอนที่นอนหลับอย่างดี ตอนที่นางตื่นขึ้นมาถึงจะมีความรู้สึกเช่นนี้หลังจากตั้งใจได้ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปแล้ว เ
แต่ว่าพอได้ยินการเคลื่อนไหวเขาก็ยังไม่ตื่น ฟู่จาวหนิงกลัวว่าเขาจะเป็นไข้ จึงรีบเดินไปตรวจสอบ"เจ้าเรียกเขาว่าอะไรนะ?" เซียวหลันยวนตอนที่ได้ยินชื่อที่ฟู่จาวหนิงเรียนขึ้นมากลับหน้าเปลี่ยนสี "สกุลรองเขาคือเฮ่อเหลียนหรือ?"ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งคิดออกว่าเขาเองก็เป็นคนในราชวงศ์แคว้นเจา คงไม่ได้รังเกียจเผ่าเฮ่อเหลียนด้วยกระมัง?ว่าตามหลักการแล้ว ในฐานะคนจากแคว้นเจาก็คงจะไม่ชอบคนนอกที่มาเล่นตุกติกชิงเอาแผ่นดินของพวกเขาไปหรอก แต่ได้ยินว่าการเดิมพันตอนนั้นคือเป็นฮองเฮาที่โง่เองยิ่งไปกว่านั้นเผ่าเฮ่อเหลียนเองก็ไม่แน่ว่าทุกคนจะเป็นคนเลว ฟู่จาวหนิงไม่ได้ปฏิเสธคนเผ่าเฮ่อเหลียนทั้งหมดเพราะเรื่องนี้หรอกแต่เซียวหลันยวนนั้นไม่แน่"ถูกต้อง ข้าพูดว่าเขาคือคนจากเผ่าเฮ่อเหลียน มาเมืองหลวงแคว้นเจาเพื่อหาคน"ฟู่จาวหนิงใช้หลังมืออังที่หน้าผากของเฮ่อเหลียนเฟย เขาเป็นไข้หน่อยๆ จริงๆ แต่ยังดีที่ไม่ใช่ไข้สูง ดูท่ายาของนางจะมีประสิทธิภาพดีมากไม่ใช่ไข้สูงปัญหาก็ไม่ใหญ่มากเขาอาจจะเหนื่อยเกินไปกระมัง"คนจากเผ่าเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว เอ่ยกับนางว่า "เจ้าจะเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาหรือ?""อะไรคือยุ่งเรื
"จำเอาไว้ด้วยล่ะ"เซียวหลันยวนเองก็ไม่เกรงใจเลย"กินยานี่เสีย" ฟู่จาวหนิงหยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งส่งให้เฮ่อเหลียนเฟย ขณะเดียวกันก็ถลึงตามองเซียนหลันยวนผาดหนึ่ง คิดเล็กคิดน้อยเสียจริงเฮ่อเหลียนเฟยไม่ลังเลแม้แต่น้อย รับยาลูกกลอนไปแล้วกลืนทันที"เวลายังเช้าอยู่ ยังรีบตามไปได้" ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน "ไม่แน่ว่ายังอาจจะไล่ตามทัน"ตามอะไรทัน?เซียวหลันยวนไม่มีปฏิกิริยากลับมา ฟู่จาวหนิงก็เตรียมประคองเฮ่อเหลียนเฟยขึ้นมา จะประคองเขาไปที่หลังม้า โชคดีที่เมื่อคืนนี้นางเอาม้าตัวหนึ่งมาจากจ้าวเฉิน ไม่เช่นนั้น คิดจะพาเฮ่อเหลียนเฟยออกจากเขาคงลำบากพอควรแต่ว่ามือของนางยังไม่ทันแตกเฮ่อเหลียนเฟย เซียวหลันยวนก็เดินเข้ามาแล้ว มือหนึ่งประคองเฮ่อเหลียนเฟย ยกเขาสะบัดขึ้นไปบนหลังม้าอย่างง่ายดายเฮ่อเหลียนเฟยเกือบจะสำลักยาลูกกลอนที่เพิ่งกลืนไปออกมา"ท่าน"เขากลืนคำพูดกลับไปชายคนนี้เมื่อคืนถือว่าช่วยชีวิตเขาแล้วฟู่จาวหนิงมองเขา รู้สึกว่าเด็กคนนี้นิสัยก็ไม่เลวนักนางเองก็ตรงไปเก็บหมาป่าที่ตายแล้วขึ้นมา ผูกไว้บนหลังม้าเซียวหลันยวนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง "เก็บหมาป่าตายแล้วตัวนั้นมาทำไม? เจ้าคิดจะชิ
"กลับไปก่อน"เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง ฟู่จาวหนิงยังเอาแต่จะพูดกับพวกลู่ทง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา สีหน้าจึงขรึมลง หมุนตัวขึ้นหลังม้า ควบม้ากลับไปยังเรือนรับรองตะวันออกพอได้ยินเสียงกีบม้า ฟู่จาวหนิงก็มองออกไป และเห็นแผ่นหลังเซียวหลันยวนขี่ม้าออกไปนางเม้มริมฝีปากเขาก็รีบจะไปงานแข่งขันล่าสัตว์นี่นะ แล้วยังไม่ยอมรับอีก!พอมาถึงที่นี่ก็ร้อนเป็นไฟ ขนาดจะบอกนางว่าขอตัวไปก่อนสักคำก็ไม่มี!คุณหนูที่เขาต้องตาคนนั้น ชื่ออะไรนะ?คุณหนูจากตระกูลหลิน?"ลูกพี่หนิง พวกเราเมื่อวานนี้ก็ล่าหมูป่ามาได้ตัวหนึ่งกับกระต่ายอีกสามตัว พอบวกกับเลียงผาตัวนี้ของท่าน ก็คงไม่ได้แพ้จนย่อยยับนัก" ลู่ทงมองสิ่งของที่ฟู่จาวหนิงแบกกลับมาบนหลังม้าตัวนี้แล้วยินดีปรีดา "แล้วยังมี คนหรือ?"เอ๋ ทำไมถึงมีคนอยู่ด้วย?"ของพวกเจ้าเอาออกไปได้เลย" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ทำไมจึงอารมณ์ดิ่งวูบลงมา พอจัดการเหยื่อล่าเสร็จ ขณะเตรียมจะลากม้าพาเฮ่อเหลียนเฟยออกไป ก็เห็นเฉินซานกับเสี่ยวเถาวิ่งเข้ามา"คุณหนู!"พวกเขาสามวันนี้ร้อนรนจะแย่อยู่แล้ว และไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงอยู่ในภูเขาเป็นอย่างไรบ้าง จะบาดเจ็บหรือไม่เสี่ยวเถาเอ
"ดูการเคลื่อนไหวของทูตแคว้นหมิ่นอีกหน่อย"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ดูก่อนว่าทูตของแคว้นหมิ่นเจรจากับองค์จักรพรรดิได้หรือไม่ฟู่จาวหนิงดึงเขานั่งลง อ้อมไปอยู่ด้านหลังแล้วนวดหัวให้เขาหลายวันนี้เขาเองก็ยุ่งเหลือเกิน ต้องจัดการเรื่องตั้งมากมาย นางเหนื่อย เขาเองก็ไม่ได้สบายเท่าไรนัก"แคว้นหมิ่นต้องการตงฉิง เรื่องนี้ท่านคิดอย่างไรบ้างล่ะ?"ตงฉิง ถึงอย่างไรก็เป็นของเขาเขาตอนนี้คงผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของตงฉิงตงฉิงตอนนี้ต่อให้ยังไม่เห็นท้องฟ้าเห็นตะวัน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเจ้าของถ้าหากแคว้นหมิ่นต้องการคลังสมบัติกับเหมืองแร่ของตงฉิง ก็เท่ากับต้องการสิ่งของของเซียวหลันยวน จากความเข้าใจต่อเซียวหลันยวนของฟู่จาวหนิง เขาจะไม่ทนดูของของตนเองถูกแบ่งออกไปแน่เซียวหลันยวนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและสบายที่นิ้วของนางนำมา"ตงฉิง ข้าไม่ยอมยกให้อยู่แล้ว"ตงฉิง เขามีจุดประสงค์อื่นอยู่แล้วของที่เป็นของเขา เขาไม่มีทางยอมให้เปล่าๆ แบบนี้ไหนจะเรื่องนี้ แม้เขาเป็นคนแคว้นเจา แต่ตอนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตงฉิงครั้งนั้น แคว้นเจารู้แต่ก็ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในอดีตเคยรับบุ
ฟู่จาวหนิงเห็นเขาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่"รู้สึกว่าเขาไม่ควรโง่ขนาดนี้"เซียวหลันยวนคิดถึงท่วงท่าสง่าผ่าเผยสมัยที่จักรพรรดิยังวัยหนุ่ม คิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่องค์จักรพรรดิยิ้มแย้มทักทายเขา แต่พอหันกลับก็วางแผนเกือบทำเขาจมบ่อน้ำตายครั้งนั้น เขามองไม่ออกถึงแผนการที่องค์จักรพรรดิสร้างขึ้นมาจริงๆต่อมาให้คนไปตรวจสอบก็ยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ หลักฐานทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเองเกินไป เขาก็คงถูกหลอกผ่านไปแล้วแต่ว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิกลับโง่แบบนี้ไปแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ที่ข้าจับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ ก็ไม่พบว่าเขาโดนยาพิษอะไร" ฟู่จาวหนิงนึกย้อนกลับไปตอนที่จับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ "แต่ว่า จับชีพจรเองก็ไม่ได้แม่นยำไปเสียทั้งหมด ถ้าหากโดนพิษที่ออกฤทธิ์ช้ามาหลายปีจนทำร้ายสมองเข้า ก็ไม่แน่ว่าจะตรวจหาพบ"ฟู่จาวหนิงมองเขา "ท่านสงสัยเรื่องนี้หรือ?"เขาน่าจะสงสัยว่าองค์จักรพรรดิถูกวางยาพิษ พอสะสมนานวันเข้าจึงกระทบไปถึงสมองจะว่าไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้"เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเจ้าตรวจไม่เจอ ก็อธิบายว่าต่อให้ถูกว
เสิ่นเชี่ยวยืนยันว่าไม่ได้ยินเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆพอเซียวหลันยวนกลับมา ฟู่จาวหนิงจึงถามขึ้นเซียวหลันยวนก็มีแหล่งข่าวของตนเองอยู่"นางกับหยวนอี้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนบาดเจ็บ หยวนอี้หนักหน่อย ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งตัวเป็นสาวใช้วัง พักฟื้นอยู่ด้วยกันในวังราชนิเวศน์ ทั้งสองคนไม่ออกไปไหนเลย"เซียวหลันยวนหลังจากกลับมาก็พักผ่อนไปหนึ่งวัน จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระเรื่องต่างๆองค์จักรพรรดิยังไม่เรียกเขาเข้าวัง ตอนนี้น่าจะยังกลัวอยู่หน่อยๆ กลัวเขาที่เพิ่งกลับมาจากเมืองเจ้อ จะถูกติดโรคระบาดมาหรือเปล่าเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกความขี้ขลาดกลัวตายขององค์จักรพรรดิ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองเจ้อ องค์จักรพรรดิขี้เกียจจะไปถาม เพราะถ้าจะถามขึ้นมาจริงๆ เป็นไปได้มากว่าจะถูกเขาพูดไปถึงช่วงหลัง แล้วถามหาความรับผิดชอบเรื่องวัตถุดิบยากับเสบียงเหล่านั้นระดับความขี้เหนียวขนาดนั้นขององค์จักรพรรดิ จะยอมออกมาได้อย่างไร?ดังนั้นเรื่องนี้เกรงว่าคงมีแต่จะยื้อออกไปเรื่อยๆ ลากไปจนกว่าโหยวจางเหวินจะเข้าวังเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อยกับอง
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมองจูเฉียนเฉี่ยน"คนทั้งหมดล้วนกำลังยุ่งกับเรื่องสำคัญ ยุ่งกันจนหัวหมุน ใครมีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระของเจ้ากัน? อย่าคิดว่าทุกคนเขาจะเอาแต่คิดเรื่องความรักที่ไม่เหมาะสมนี้! หมอฟู่เองก็ไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรเจ้า แค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องเสียต่างหาก""ข้าไปทำเรื่องเสียตอนไหนกัน? ข้าก็ช่วยอยู่ที่นั่นตลอด ข้าเองก็ช่วยไปตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?" จูเฉียนเฉี่ยนน้อยใจ"เช่นนั้นเจ้าก็ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้เรอะ? ยังคิดจะตามไปเมืองหลวงอีก?""ท่านลุง หรือข้าจะต้องเป็นยายแก่ที่ไม่ได้แต่งงานไปตลอดชีวิตกัน? พ่อกับแม่ข้าจะไม่วางใจเอานะ!" จูเฉียนเฉี่ยนตาแดงรื้นขึ้นมานางมองไปยังรถม้าที่แล่นห่างออกไป รู้ว่าตอนนี้ตนเองตามไปไม่ทันแล้ว เสียใจจนอยากจะร้องไห้"ใครไม่ให้เจ้าแต่งงานกัน? ข้าจะให้ป้าของเจ้าหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้เาอง""ชีวิตของข้าไม่เหมาะกับคนธรรมดา!" จูเฉียนเฉี่ยนร้องขึ้นมาอีกนางแต่งงานส่งเดชไม่ได้"เช่นนั้นก็หาคนที่เหมาะก็จบแล้วนี่!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตะคอกเสียงขรึมถึงอย่างไรถ้าเขาทำให้จูเฉียนเฉี่ยนไประรานตระกูลฟู่ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีหน้าไปพบหมอฟู่แล้วจูเฉียนเฉ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่
โจวติ้งเจินถูกผลักออกไปจากเมืองเจ้อมาได้ครึ่งทางเขาก็ได้สติขึ้นมา พอรู้ว่าตนเองต้องถอนกำลังแบบนี้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปอีกรอบแต่เขาก็ถ่ายหนักจนตัวโยน ตอนนี้แค่แรงจะด่าก็ยังไม่มีเพราะในป่าในเขา เขากระทั่งไม่มีกระดาษแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้ใบไม้กับกิ่งไม้มาจัดการ ตอนนี้รูทวารเองก็เต็มไปด้วยแผล ขยับทีก็เจ็บเหลือแสน"กลับ กลับไป..."รองขุนพลเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า "ท่านขุนพล ครั้งนี้พวกเราช่างมันเถอะ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนร่วมมือกัน วิธีการก็ชั้นต่ำมาก ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นของพวกเขาจัดการมาอย่างไร ถ้าพวกเรายังไปอีก ไม่รู้ว่าต้องติดยากันอีกกี่รอบนะ"ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทางนั้นก็ไม่มีอะไรกินกันแล้ว เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะไร้เหตุผล ถึงกับใช้วิธีการแบบนี้แล้ววรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนก็ห่างชั้นกับพวกเขา ตราบใดที่ไม่ต้องปะทะกับท่านขุนพล เขาก็แฝงเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าหากเข้ามาก็ไม่มีใครขวางอยู่หรอกพวกเขาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร ต่อให้ไม่ตายชีวิตก็น่าจะหายไปซักครึ่งอยู่"ท่านขุน
โจวติ้งเจินไม่อยากจะออกไปไกลหน่อยเสียที่ไหน?แต่เขาทำไม่ไหวน่ะสิ!ท้องเสียครั้งนี้ ลากยาวไปถึงสามวัน!คืนวันที่สอง พวกทหารที่เรี่ยวแรงหายไปก็ฟื้นกลับมาพอควรแล้ว โจวติ้งเจินกลับล้มลงไปแทนเขาถ่ายออกมาจนทั้งเนื้อตัวซีดไปหมด ไม่มีแรงจะพูดจาเลยทีเดียวตอนที่เขาเตรียมจะรองขุนพลเตรียมเข้าไปตีเมือง รองขุนพลก็เริ่มท้องเสียบ้างแล้ววันที่สาม เขาออกคำสั่งอย่างอ่อนแรงให้ทหารเข้าไปโจมตีเมือง ให้รองขุนพลน้อยหลายคนนำทหารออกไป เหล่าทหารก็ไม่มีแรงกันขึ้นมาอีก!ทหารกว่าครึ่งล้มลงไปนอนระเนระนาดอีกครั้ง ลุกกันไม่ขึ้นแผนการโจมตีเมืองถูกบีบให้หยุดชะงักอีกครั้งโจวติ้งเจินโมโหจนเกือบจะเส้นเลือดในสมองแตกเขาตอนนี้ยังมองไม่ออกที่ไหนว่าเป็นฝีมือเซียวหลันยวน?แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายวางยามาได้อย่างไร! ยาพวกนั้นทำไมถึงไม่มีสีมีกลิ่นเลย"ต้องเป็นฟู่จาวหนิงแน่ๆ ต้องเป็นยาที่นางทำขึ้นมา..."สุดท้ายโจวติ้งเจินคิดออกถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถ่ายออกมาจนตัวโหวง ลุกไม่ขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้แล้ว ต่อให้ล่าสัตว์มา ตอนนี้เขาก็กลืนไม่ลงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โจวติ้งเจินรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่รองขุนพ
อันเหนียนรู้สึกว่า สามีภรรยาอย่างพวกเขาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคู่สวรรค์สร้าง ใครก็แทรกกลางเข้าไปไม่ได้เซียวหลันยวนเดินเข้ามา เห็นอันเหนียนกำลังคุยอยู่กับฟู่จาวหนิงเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง แต่มองไปทางอันเหนียน"คุยอะไรกัน?"คุยกันสนุกเชียวนะ? เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันเหนียนด้วยฟู่จาวหนิงเองก็สีหน้ามีชีวิตชีวาเหมือนกันเอาอีกแล้ว อันเหนียนก่นด่าในใจ เจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน "กำลังคุยกับพระชายา ว่าพวกท่านตอนนี้นิสัยคล้ายคลึงกันเรื่อยๆ แล้ว""อย่างนั้นหรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยา จะคล้ายกันมันก็เรื่องปกตินี่" เซียวหลันยวนบีบแขนฟู่จาวหนิง"มือทำไมเย็นนักล่ะ?" ฟู่จาวหนิงโดนความเย็นของมือเขาดึงความสนใจไปทันที นางพลิกกลับมากุมมือเซียวหลันยวน มืออีกข้างก็ปลดหน้ากากของเขาลงมาพอปลดหน้ากากถึงจะเห็นสีหน้าของเขาดูแล้วยังดีอยู่"ฝนตกลงมาครู่หนึ่ง แล้วนอกเมืองก็อากาศเย็นมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด "หนิงหนิงให้ข้ากอดหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้ว"แค่กๆอันเหนียน
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย