"ตอนนี้ต้องล้างแผลกำจัดพิษก่อน จัดการเสร็จแล้วจะเชื่อมกระดูกให้เจ้า"ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดคำนี้น้ำยาล้างแผลในมือก็เทลงไปบนแผลของเฮ่อเหลียนเฟยแล้ว เขากัดฟันแน่นขึ้นทันทีหลังจากจัดการบาดแผลแล้ว ฟู่จาวหนิงก็เทผงยาลงไปอีกสองขวด"เจ้าทำไมถึงไปถูกจ้าวเฉินทุบเข้าล่ะ? เขามองเจ้าเป็นเหยื่อล่าหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้น การเคลื่อนไหวของมือก็ไม่หยุด"เขาอธิบายมาแบบนี้ ตอนนั้นข้าร่วงลงไปในหลุมจนสลบไป เดิมทีตอนนั้นเขากำลังทุ่มหินลงมา ข้าหลบออกมา ไม่เช่นนั้นหินคงได้ซัดเข้าที่หัวข้าแล้ว อ๊า!"เฮ่อเหลียนเฟยพูดถึงตอนท้ายจู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้นมาที่แท้ฟู่จาวหนิงก็ถือโอกาสตอนที่เขาไม่ทันระวัง ออกแรงหักกระดูกที่อยู่ผิดที่ให้กลับมาเข้าที่ฉับพลันปวดเสียจนเฮ่อเหลียนเฟยพูดไม่ออก เหงื่อแตกพลั่กไม่ห่างไปนัก เซียวหลันยวนที่ใช้กำลังภายในแฉลบผ่านไปก็ได้ยินเสียงกรีดร้องนี้พอดีเขาขมวดคิ้ว ตรงมาทางนี้ทันทีพอเห็นแสงไฟ เซียวหลันยวนเดิมทีคิดจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเพื่อดูก่อนว่าอะไรเป็นอะไร ฟู่จาวหนิงกลับได้ยินการเคลื่อนไหว คว้าฟืนท่อนหนึ่งข้างออกไปทางนั้นทันที่"มีคนหรือ?" เฮ่อเหลียนเฟยตกตะลึงแสงไฟบินผ่านออกไป ส
นางช่วยชีวิตเขา แล้วยังรักษาขาเขาอีกเขามองฟู่จาวหนิง ดวงตาร้อนวูบวาบ น้ำตารื้นไหลออกมา ตลอดทางนับพันลี้ที่มายังเมืองหลวงแคว้นเจา เจอเรื่องลำบากมามากมาย มีหลายครั้งที่ต้องแบกรับความตกตะลึงความกลัว แล้วยังผ่านความสิ้นหวังของการเฉียดตายเช่นนี้มาแล้ว เขารู้สึกเสียอกเสียดายความอบอุ่นที่ฟู่จาวหนิงมอบให้เขาในตอนนี้"เป็นผู้ชายอกสามศอกมาร้องไห้ได้อย่างไรกัน?" ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ ล้มนั่งลงกับพื้น บิดหมุนข้อมือนางคิดจะบีบนวดขา เพราะขาตอนนี้ปวดไปหมดแล้วแต่เพราะมีชายสองคนมองมาทางนี้ นางจึงทนเอาไว้เฮ่อเหลียนเฟยยังไม่ทันตอบ เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ผู้ชายอกสามศอกหรือ? มองไม่ออกเลย"เฮ่อเหลียนเฟยยกมือขึ้นออกแรงเช็ดน้ำตาทันทีเซียวหลันยวนดึงฟู่จาวหนิง "มานี่""ทำอะไร?"ฟู่จาวหนิงคิดจะสะบัดมือเขาออก แต่เพราะเหนื่อยเกินไปแล้ว จึงสะบัดไม่หลุด แล้วยังล้มลงไปที่อกของเขา"ท่านปล่อยนางเสีย"เฮ่อเหลียนเฟยร้อนรนขึ้นมา ยื่นมือคิดจะคว้าชายชุดคลุมของเซียวหลันยวนแต่เซียวหลันยวนก็เหมือนมีตาอีกคู่งอกขึ้นมา สลับเท้าเล็กน้อย ชุดคลุมก็ลูบผ่านนิ้วของเขาไป ทำให้ผ้าสักผืนหนึ่งก็จับไม่ได้เซียวหลั
เขาเดิมทีพอล่อคนพวกนั้นออกไปก็จะออกจากป่าแล้ว เหยื่อล่าที่เขาล่าไว้เดิมทีก็ให้คนขนออกไปก่อนแล้วแต่ขนาดชิงอีเขาก็ยังทิ้งไว้เลย เพราะรู้สึกว่าความเร็วของชิงอีตามเขาไม่ทัน ตนเองที่เข้ามาในภูเขาลึกใหม่ก็เพื่อมาหานาง แต่ผลลัพธ์นางตอนนี้กลับบอกว่าไม่ต้องเป็นสนใจนางหรือ?"วันนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ตอนนี้ไม่อยากจะเดินในทางภูเขาตอนกลางคืนแล้ว" ฟู่จาวหนิงพูดพลางถอยหลังออกสองก้าว "ท่านกลับไปแย่งที่หนึ่งเลยก็ได้นะ"เขาที่อยากได้ที่หนึ่งนั่นเพื่ออะไรล่ะ?ไม่ใช่เพื่อให้พวกเหล่าคุณหนูคุณชายในเมืองหลวงได้รู้จักเขา หลังจากนี้เวลาพบนาง พอรู้ว่านางคือคนของเขา ก็จะไม่กล้ารุ่มร่ามทำอะไรหรอกหรือ?ตอนนี้พอได้ยินนางพูดว่าไม่ต้องสนใจนาง เซียวหลันยวนจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตนเองน่าขันเหลือเกินเมื่อไรกันที่เขาต้องใช้วิธีเช่นนี้เพื่อให้คนอื่นได้รู้จักตนเอง?เขาเดิมทีก็เป็นพวกนิสัยไม่ทำตัวกระโตกกระตากอยู่แล้ว เดิมทีไม่ได้สนใจเรื่องแข่งขันพวกนี้เลย แล้วนี่เขาเป็นอะไรไป? หัวถึงได้ร้อนมาเข้าร่วมขึ้นมา?"เจ้าคิดจะอยู่ตามลำพังกับเด็กคนนั้นในป่านี้ตอนกลางคืนหรือ?" เซียวหลันยวนหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ
เหลียนเฮ่อเฟยส่ายหัว ดูมึนงง"รู้แค่นามสกุล ชายหรือหญิงก็ยังไม่รู้ อายุเท่าไรก็ไม่รู้ แล้วเจ้าจะหาคนหรือ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกถูกเขาเล่นงานเสียแล้วอย่างนี้แล้วจะหาอย่างไร?"ท่านแม่ข้าบอกว่า คนที่มองเห็นข้าจะจำข้าได้เอง จะสัมผัสถึงได้""สัมผัสอะไร?"เฮ่อเหลียนเฟยส่ายหัวอีกครั้งฟู่จาวหนิงตบหน้าผาก ถ้าหาพบก็พระเจ้าแล้ว"ข้ารู้รูปร่างของตราหยก ข้าหาคนจากตระกูลฟู่ แล้วก็ถามว่าคนในบ้านพวกเขาเคยไปที่เผ่าเฮ่อเหลียนหรือไม่ จากนั้นค่อยถามบ้านพวกเขาว่าเคยเห็นตราหยกแบบนั้นบ้างไหมก็พอแล้ว"เฮ่อเหลียนเฟยหยิบกระดาษที่พับไว้อย่างละเอียดชิ้นหนึ่งออกมาจากเข็มขัด ส่งไปให้กับฟู่จาวหนิง"รูปร่างของตรายหกที่แม่ของข้าวาดออกมาเมื่อครั้งนั้น"ฟู่จางหนิงรับไป เปิดออกดูผาดหนึ่งบนกระดาษวาดรูปตราหยกไว้ชิ้นหนึ่ง น่าจะเป็นด้านหลัง มีอักษรฟู่อยู่"ข้าไม่เคยเห็น" ฟู่จาวหนิงหยิบกระดาษพับส่งกลับไปให้เขาเฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกผิดหวัง "ข้ายังคิดว่าอาจจะเป็นสิ่งของจากบ้านพี่หญิงเสียอีก ข้ารู้สึกว่าพี่หญิงใจดีมาก"นี่ไม่ได้โกหกฟู่จาวหนิง ผาดแรกที่เห็นฟู่จาวหนิง เขาก็รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อมาก ในใจก็เกิดความคิดไม่อย
ช่วงกลางดึกไม่ใช่ว่าไม่มีอันตรายมีงูพิษ มีหมาป่าที่วิ่งมาตัวเดียวทางนี้ พวกแมลงก็ตรงเข้ามาใกล้พวกเขาด้วยเซียวหลันยวนนิ้วดีดยิงออกไป จัดการปัดเป่าอันตรายที่คืบคลานเข้ามาสลายไปอย่างไร้ซุ่มเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ให้โอกาสพวกมันมารบกวนฟู่จาวหนิงเลย"เจ้านี่หลับได้นิ่งดีเหลือเกิน"เขามองฟู่จาวหนิงที่อยู่ในอ้อมอก เอ่ยคำนี้ออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเซียวหลันยวนรู้สึกแปลกๆ ด้วยความเข้าใจของเขาต่อฟู่จาวหนิงก่อนหน้า หญิงสาวคนนี้ระแวดระวังอย่างมาก แค่ลมพัดใบหญ้าไว้ก็รู้สึกตัวขึ้นในพริบตาแล้วคิดไม่ถึงว่ายามราตรีกลางป่าจะหลับได้สนิทขนาดนี้ หรือว่าจะเหนื่อยมากจริงๆหรือก็คือ สัญชาตญาณที่แฝงอยู่ของนางเชื่อใจเขาขนาดนี้?คิดถึงความเป็นไปได้นี้ เซียวหลันยวนก็อดมุมปากยกขึ้นไม่ได้ จัดการโอบนางให้แน่นขึ้นอีกนิด หลับตาลงด้วยเช่นกันเสียงนกร้องช่วงเช้าตรู่แจ่มชัดอย่างมาก ปลุกฟู่จาวหนิงขึ้นมาพริบตาที่ลืมตาขึ้นนางยังรู้สึกมึนงงอยู่ ยังไม่ทันรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ยังเบลอๆ อยู่บ้างมีเฉพาะตอนที่นอนหลับอย่างดี ตอนที่นางตื่นขึ้นมาถึงจะมีความรู้สึกเช่นนี้หลังจากตั้งใจได้ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปแล้ว เ
แต่ว่าพอได้ยินการเคลื่อนไหวเขาก็ยังไม่ตื่น ฟู่จาวหนิงกลัวว่าเขาจะเป็นไข้ จึงรีบเดินไปตรวจสอบ"เจ้าเรียกเขาว่าอะไรนะ?" เซียวหลันยวนตอนที่ได้ยินชื่อที่ฟู่จาวหนิงเรียนขึ้นมากลับหน้าเปลี่ยนสี "สกุลรองเขาคือเฮ่อเหลียนหรือ?"ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งคิดออกว่าเขาเองก็เป็นคนในราชวงศ์แคว้นเจา คงไม่ได้รังเกียจเผ่าเฮ่อเหลียนด้วยกระมัง?ว่าตามหลักการแล้ว ในฐานะคนจากแคว้นเจาก็คงจะไม่ชอบคนนอกที่มาเล่นตุกติกชิงเอาแผ่นดินของพวกเขาไปหรอก แต่ได้ยินว่าการเดิมพันตอนนั้นคือเป็นฮองเฮาที่โง่เองยิ่งไปกว่านั้นเผ่าเฮ่อเหลียนเองก็ไม่แน่ว่าทุกคนจะเป็นคนเลว ฟู่จาวหนิงไม่ได้ปฏิเสธคนเผ่าเฮ่อเหลียนทั้งหมดเพราะเรื่องนี้หรอกแต่เซียวหลันยวนนั้นไม่แน่"ถูกต้อง ข้าพูดว่าเขาคือคนจากเผ่าเฮ่อเหลียน มาเมืองหลวงแคว้นเจาเพื่อหาคน"ฟู่จาวหนิงใช้หลังมืออังที่หน้าผากของเฮ่อเหลียนเฟย เขาเป็นไข้หน่อยๆ จริงๆ แต่ยังดีที่ไม่ใช่ไข้สูง ดูท่ายาของนางจะมีประสิทธิภาพดีมากไม่ใช่ไข้สูงปัญหาก็ไม่ใหญ่มากเขาอาจจะเหนื่อยเกินไปกระมัง"คนจากเผ่าเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว เอ่ยกับนางว่า "เจ้าจะเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาหรือ?""อะไรคือยุ่งเรื
"จำเอาไว้ด้วยล่ะ"เซียวหลันยวนเองก็ไม่เกรงใจเลย"กินยานี่เสีย" ฟู่จาวหนิงหยิบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งส่งให้เฮ่อเหลียนเฟย ขณะเดียวกันก็ถลึงตามองเซียนหลันยวนผาดหนึ่ง คิดเล็กคิดน้อยเสียจริงเฮ่อเหลียนเฟยไม่ลังเลแม้แต่น้อย รับยาลูกกลอนไปแล้วกลืนทันที"เวลายังเช้าอยู่ ยังรีบตามไปได้" ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน "ไม่แน่ว่ายังอาจจะไล่ตามทัน"ตามอะไรทัน?เซียวหลันยวนไม่มีปฏิกิริยากลับมา ฟู่จาวหนิงก็เตรียมประคองเฮ่อเหลียนเฟยขึ้นมา จะประคองเขาไปที่หลังม้า โชคดีที่เมื่อคืนนี้นางเอาม้าตัวหนึ่งมาจากจ้าวเฉิน ไม่เช่นนั้น คิดจะพาเฮ่อเหลียนเฟยออกจากเขาคงลำบากพอควรแต่ว่ามือของนางยังไม่ทันแตกเฮ่อเหลียนเฟย เซียวหลันยวนก็เดินเข้ามาแล้ว มือหนึ่งประคองเฮ่อเหลียนเฟย ยกเขาสะบัดขึ้นไปบนหลังม้าอย่างง่ายดายเฮ่อเหลียนเฟยเกือบจะสำลักยาลูกกลอนที่เพิ่งกลืนไปออกมา"ท่าน"เขากลืนคำพูดกลับไปชายคนนี้เมื่อคืนถือว่าช่วยชีวิตเขาแล้วฟู่จาวหนิงมองเขา รู้สึกว่าเด็กคนนี้นิสัยก็ไม่เลวนักนางเองก็ตรงไปเก็บหมาป่าที่ตายแล้วขึ้นมา ผูกไว้บนหลังม้าเซียวหลันยวนเหลือบมองนางผาดหนึ่ง "เก็บหมาป่าตายแล้วตัวนั้นมาทำไม? เจ้าคิดจะชิ
"กลับไปก่อน"เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง ฟู่จาวหนิงยังเอาแต่จะพูดกับพวกลู่ทง ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา สีหน้าจึงขรึมลง หมุนตัวขึ้นหลังม้า ควบม้ากลับไปยังเรือนรับรองตะวันออกพอได้ยินเสียงกีบม้า ฟู่จาวหนิงก็มองออกไป และเห็นแผ่นหลังเซียวหลันยวนขี่ม้าออกไปนางเม้มริมฝีปากเขาก็รีบจะไปงานแข่งขันล่าสัตว์นี่นะ แล้วยังไม่ยอมรับอีก!พอมาถึงที่นี่ก็ร้อนเป็นไฟ ขนาดจะบอกนางว่าขอตัวไปก่อนสักคำก็ไม่มี!คุณหนูที่เขาต้องตาคนนั้น ชื่ออะไรนะ?คุณหนูจากตระกูลหลิน?"ลูกพี่หนิง พวกเราเมื่อวานนี้ก็ล่าหมูป่ามาได้ตัวหนึ่งกับกระต่ายอีกสามตัว พอบวกกับเลียงผาตัวนี้ของท่าน ก็คงไม่ได้แพ้จนย่อยยับนัก" ลู่ทงมองสิ่งของที่ฟู่จาวหนิงแบกกลับมาบนหลังม้าตัวนี้แล้วยินดีปรีดา "แล้วยังมี คนหรือ?"เอ๋ ทำไมถึงมีคนอยู่ด้วย?"ของพวกเจ้าเอาออกไปได้เลย" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ทำไมจึงอารมณ์ดิ่งวูบลงมา พอจัดการเหยื่อล่าเสร็จ ขณะเตรียมจะลากม้าพาเฮ่อเหลียนเฟยออกไป ก็เห็นเฉินซานกับเสี่ยวเถาวิ่งเข้ามา"คุณหนู!"พวกเขาสามวันนี้ร้อนรนจะแย่อยู่แล้ว และไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงอยู่ในภูเขาเป็นอย่างไรบ้าง จะบาดเจ็บหรือไม่เสี่ยวเถาเอ
"ท่านอ๋อง"ด้านนอกมีเสียงเสี่ยวเถาคารวะอ๋องเจวี้ยนดังลอดเข้ามาเซียวหลันยวนเดินเข้ามาแล้วส่วนประโยคครึ่งหลังของเซี่ยซื่อตอนนี้ก็เพิ่งจะดังขึ้นมา..."ยังไหวอยู่ใช่ไหม?"พอสิ้นเสียงนางก็เห็นอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา แทบจะสำลักขึ้นทันที รีบลุกขึ้นยืน"คารวะท่านอ๋อง! อันห่าว พวกเราไปให้อาหารไก่กัน!"เซี่ยซื่อรีบพูดประโยคนี้ ดึงเซี่ยอันห่าวรีบเดินออกไปแล้วให้ตายเถอะ ตอนที่นางพูดอะไรแบบนี้ ทำไมถึงมาถูกอ๋องเจวี้ยนจับได้กัน? จาวหนิงเองทำไมไม่บอก ว่าอ๋องเจวี้ยนจะเข้ามารับนาง?ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะมารับด้วยซ้ำวันนี้นางกลับมาบ้านตระกูลฟู่ เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทำธุระแท้ๆ ทำไมถึงเข้ามาได้กัน?"ท่านมาได้อย่างไรกันนี่?"หลังจากนางถามก็รีบปิดงานปักชิ้นนั้นไว้ด้วยสัญชาตญาณแต่หลังจากทำท่าทางนี้ นางก็รู้สึกประหม่า ทำไมนางต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ด้วยล่ะ? ประหม่าอะไรกัน?ด้วยสมองของเซียวหลันยวน ไม่มีทางมองข้ามการกระทำนี้ของนางแน่ ยิ่งไปกว่นั้น คงคิดได้แล้วว่าเจ้าสิ่งนี้มีอะไรผิดปกติแล้วก็ตามคาด สายตาของเซียวหลันยวนตกไปอยู่บนของขวัญชิ้นนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกใน
ฟู่จาวเฟยบอกกับนางเบาๆ "พี่สาวข้ากล่อมน้าเซี่ยแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องออกไปแล้ว ยังอยู่ที่บ้านนี่ล่ะ"อันห่าวถอนใจโล่งนางยิ้มขึ้นมา ยิ้มอย่างเจิดจ้า"ข้ามีของขวัญจะให้พี่จาวหนิง"นางรีบวิ่งกลับไปห้องของตนเองหยิบของขวัญที่เตรียมไว้แล้วล่วงหน้า วิ่งไปส่งให้ฟู่จาวหนิง"อันห่าวยังมีของขวัญให้ข้าด้วยหรือ? ดีจังเลย ข้าดีใจมาก"ฟู่จาวหนิงรับมาอย่างดีใจ"เป็นงานปักชิ้นหนึ่ง ใส่กรอบไม้พะยูงไว้แล้ว เอาไปแขวนได้" เซี่ยซื่อปิดปากมองนางยิ้มๆ "อันห่าวปักอยู่นานมากเลย"นางเฝ้ารอฟู่จาวหนิงกลับมาเห็นงานปักแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร"ขอบคุณนะเซี่ยอันห่าว ไว้ข้ากลับมาจะเอามาแขวนไว้ที่ห้องหนังสือแน่นอน จะได้เห็นทุกวัน!"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ"จริงหรือ?" เซี่ยอันห่าวเห็นนางดีใจ ก็เบิกบานตามไปด้วย"แน่นอน..."คำนี้ของฟู่จาวหนิงยังพูดไม่ทันจบ ก็มองเห็นรูปภาพที่ปักอยู่บนชิ้นงาน ครึ่งประโยคหลังของนางก็ติดอยู่ที่คอหอยทันที"แค่กๆๆ"นางจะชมว่าฝีมือปักของเซี่ยอันห่าวดีมากหรือ?!เสิ่นเชี่ยวเองก็เข้ามาดูด้วย น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาแต่เดิม ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้เพราะบนงานปักเป็นรูปคนสี่คน!ร่างสูง
เสิ่นเชี่ยวยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงนางอยากจะให้เวลาย้อนกลับไปอีกหน่อย แล้วฟังให้ชัดอีกครั้ง เมื่อครู่ฟู่จาวหนิงเรียกนางว่าแม่ใช่ไหม?เซี่ยซื่อกับฟู่จาวหนิงคุยกันอีกสองคำ ก็เงยหน้าขึ้นมองสภาพเสิ่นเชี่ยว จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น"อาเชี่ยว?"นางโตกว่าเสิ่นเชี่ยว ก่อนหน้านี้เสิ่นเชี่ยวก็เรียกนางว่าพี่สะใภ้รองอยู่ตลอด ตอนนี้ทั้งสองคนเรียกกันแบบพี่น้อง นางจึงเรียนกชื่อเสิ้นเชี่ยวตรงๆเซี่ยซื่อเขย่าตัวเสิ่นเชี่ยวเบาๆ"ทำไมนิ่งไปแล้วล่ะ?"เสิ่นเชี่ยวตอนนี้เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบเช็ดน้ำตาที่หลั่งทะลักออกมา แต่นางเองก็ไม่ทันสังเกต ไม่รู้เลยว่าตนเองร้องไห้ออกมาแล้ว"ข้า ข้าได้ยินจาวหนิง นาง..." เรียกข้าว่าแม่น่ะ"จาวหนิงเป็นเด็กดี" เซี่ยซื่อเข้าใจความคิดนางขึ้นมาทันที "เจ้าน่ะ มีบุญญาวาสนามาก"เซี่ยซื่อก่อนหน้านี้เป็นห่วงฟู่จาวหนิงมาก รู้สึกว่านางยากลำบากจริงๆ ตั้งแต่เด็กไม่มีพ่อแม่ ต่อมาก็ต้องดูแลท่านปู่ตั้งแต่อายุยังน้อย ในบ้านก็ถูกญาติๆ รังแกนางยังโมโหเสิ่นเชี่ยวกับฟู่จิ้นเชินแทนจาวหนิงเลยแต่ตอนที่ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวกลับมา นางได้ยินว่าสามีภรรยาทั
"ช่วงนี้เจ้าก็พักผ่อนดีดีก่อน"เซียวหลันยวนบีบเอวนาง เป็นห่วงเป็นใย"ขุนให้มีน้ำมีนวลขึ้นหน่อย"นางตอนนี้ผอมมากไปแล้วผอมจนดูเหมือนเซียนแล้ว รู้สึกเหมือนจะบินลอยไปได้ตลอดเวลาฟู่จาวหนิงลูบหน้าเขา "ท่านเองก็ต้องขุนให้มีน้ำมีนวลด้วย"สามีภรรยาถัดจากนี้จึงเริ่มแผนการขุนตัวเองฟู่จาวหนิงกลับไปบ้านตระกูลฟู่ ผู้เฒ่าฟู่เองก็เห็นว่านางผอมไปมาก เป็นห่วงจนร้องเรียกป้าจงรีบเข้ามาทำกับข้าวดีดีให้นางสักมื้อเซี่ยซื่อกับหลินอันห่าวก็ล้อมเข้ามา หาข่าวเรื่องเมืองเจ้อกับนางระหว่างนี้ ฟู่จาวหนิงก็มองออกว่าเซี่ยซื่อเหมือนมีเรื่องอะไร จึงหาจังหวะถามนางขึ้น"น้าเซี่ย ทำไมรู้สึกเหมือนท่านดูไม่ค่อยร่าเริงเลย?"เซี่ยซื่อถอนหายใจ ไม่ได้คิดจะปิดบังนาง"จาวหนิง เจ้าเองก็รู้แล้ว ว่าเมื่อครู่ข้าหาข่าวเรื่องที่เมืองเจ้ออยู่ไม่น้อย อันที่จริงข้าก็เคยคิด ว่าจะไปอยู่ที่เมืองเจ้อดีไหม""ทำไมหรือ? อยู่ที่นี่ไม่สบายใจหรือ?" ฟู่จาวหนิงงงงันขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าเซี่ยซื่อมีความคิดแบบนี้"ไม่หรอก อยู่ที่นี่สบายใจอยู่แล้ว แต่คนของตระกูลหลินก็ไม่ยอมตายใจเอาแต่เข้ามารังควาญ"หลังจากที่เซี่ยซื่อหย่ากับสามี คนตระกูล
"ดูการเคลื่อนไหวของทูตแคว้นหมิ่นอีกหน่อย"เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ดูก่อนว่าทูตของแคว้นหมิ่นเจรจากับองค์จักรพรรดิได้หรือไม่ฟู่จาวหนิงดึงเขานั่งลง อ้อมไปอยู่ด้านหลังแล้วนวดหัวให้เขาหลายวันนี้เขาเองก็ยุ่งเหลือเกิน ต้องจัดการเรื่องตั้งมากมาย นางเหนื่อย เขาเองก็ไม่ได้สบายเท่าไรนัก"แคว้นหมิ่นต้องการตงฉิง เรื่องนี้ท่านคิดอย่างไรบ้างล่ะ?"ตงฉิง ถึงอย่างไรก็เป็นของเขาเขาตอนนี้คงผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของตงฉิงตงฉิงตอนนี้ต่อให้ยังไม่เห็นท้องฟ้าเห็นตะวัน แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเจ้าของถ้าหากแคว้นหมิ่นต้องการคลังสมบัติกับเหมืองแร่ของตงฉิง ก็เท่ากับต้องการสิ่งของของเซียวหลันยวน จากความเข้าใจต่อเซียวหลันยวนของฟู่จาวหนิง เขาจะไม่ทนดูของของตนเองถูกแบ่งออกไปแน่เซียวหลันยวนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายและสบายที่นิ้วของนางนำมา"ตงฉิง ข้าไม่ยอมยกให้อยู่แล้ว"ตงฉิง เขามีจุดประสงค์อื่นอยู่แล้วของที่เป็นของเขา เขาไม่มีทางยอมให้เปล่าๆ แบบนี้ไหนจะเรื่องนี้ แม้เขาเป็นคนแคว้นเจา แต่ตอนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตงฉิงครั้งนั้น แคว้นเจารู้แต่ก็ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ในอดีตเคยรับบุ
ฟู่จาวหนิงเห็นเขาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่อยู่"รู้สึกว่าเขาไม่ควรโง่ขนาดนี้"เซียวหลันยวนคิดถึงท่วงท่าสง่าผ่าเผยสมัยที่จักรพรรดิยังวัยหนุ่ม คิดถึงตอนที่เขายังเด็ก ตอนที่องค์จักรพรรดิยิ้มแย้มทักทายเขา แต่พอหันกลับก็วางแผนเกือบทำเขาจมบ่อน้ำตายครั้งนั้น เขามองไม่ออกถึงแผนการที่องค์จักรพรรดิสร้างขึ้นมาจริงๆต่อมาให้คนไปตรวจสอบก็ยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ หลักฐานทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อมั่นสัญชาตญาณตนเองเกินไป เขาก็คงถูกหลอกผ่านไปแล้วแต่ว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิกลับโง่แบบนี้ไปแล้วหรือ?"ก่อนหน้านี้ที่ข้าจับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ ก็ไม่พบว่าเขาโดนยาพิษอะไร" ฟู่จาวหนิงนึกย้อนกลับไปตอนที่จับชีพจรให้องค์จักรพรรดิ "แต่ว่า จับชีพจรเองก็ไม่ได้แม่นยำไปเสียทั้งหมด ถ้าหากโดนพิษที่ออกฤทธิ์ช้ามาหลายปีจนทำร้ายสมองเข้า ก็ไม่แน่ว่าจะตรวจหาพบ"ฟู่จาวหนิงมองเขา "ท่านสงสัยเรื่องนี้หรือ?"เขาน่าจะสงสัยว่าองค์จักรพรรดิถูกวางยาพิษ พอสะสมนานวันเข้าจึงกระทบไปถึงสมองจะว่าไปก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปไม่ได้"เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเจ้าตรวจไม่เจอ ก็อธิบายว่าต่อให้ถูกว
เสิ่นเชี่ยวยืนยันว่าไม่ได้ยินเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยจริงๆพอเซียวหลันยวนกลับมา ฟู่จาวหนิงจึงถามขึ้นเซียวหลันยวนก็มีแหล่งข่าวของตนเองอยู่"นางกับหยวนอี้อยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนบาดเจ็บ หยวนอี้หนักหน่อย ตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งตัวเป็นสาวใช้วัง พักฟื้นอยู่ด้วยกันในวังราชนิเวศน์ ทั้งสองคนไม่ออกไปไหนเลย"เซียวหลันยวนหลังจากกลับมาก็พักผ่อนไปหนึ่งวัน จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระเรื่องต่างๆองค์จักรพรรดิยังไม่เรียกเขาเข้าวัง ตอนนี้น่าจะยังกลัวอยู่หน่อยๆ กลัวเขาที่เพิ่งกลับมาจากเมืองเจ้อ จะถูกติดโรคระบาดมาหรือเปล่าเรื่องครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกความขี้ขลาดกลัวตายขององค์จักรพรรดิ เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้รู้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองเจ้อ องค์จักรพรรดิขี้เกียจจะไปถาม เพราะถ้าจะถามขึ้นมาจริงๆ เป็นไปได้มากว่าจะถูกเขาพูดไปถึงช่วงหลัง แล้วถามหาความรับผิดชอบเรื่องวัตถุดิบยากับเสบียงเหล่านั้นระดับความขี้เหนียวขนาดนั้นขององค์จักรพรรดิ จะยอมออกมาได้อย่างไร?ดังนั้นเรื่องนี้เกรงว่าคงมีแต่จะยื้อออกไปเรื่อยๆ ลากไปจนกว่าโหยวจางเหวินจะเข้าวังเซียวหลันยวนตอนนี้ก็ขี้เกียจไปคิดเล็กคิดน้อยกับอง
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวมองจูเฉียนเฉี่ยน"คนทั้งหมดล้วนกำลังยุ่งกับเรื่องสำคัญ ยุ่งกันจนหัวหมุน ใครมีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระของเจ้ากัน? อย่าคิดว่าทุกคนเขาจะเอาแต่คิดเรื่องความรักที่ไม่เหมาะสมนี้! หมอฟู่เองก็ไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรเจ้า แค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องเสียต่างหาก""ข้าไปทำเรื่องเสียตอนไหนกัน? ข้าก็ช่วยอยู่ที่นั่นตลอด ข้าเองก็ช่วยไปตั้งเยอะไม่ใช่หรือไง?" จูเฉียนเฉี่ยนน้อยใจ"เช่นนั้นเจ้าก็ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้เรอะ? ยังคิดจะตามไปเมืองหลวงอีก?""ท่านลุง หรือข้าจะต้องเป็นยายแก่ที่ไม่ได้แต่งงานไปตลอดชีวิตกัน? พ่อกับแม่ข้าจะไม่วางใจเอานะ!" จูเฉียนเฉี่ยนตาแดงรื้นขึ้นมานางมองไปยังรถม้าที่แล่นห่างออกไป รู้ว่าตอนนี้ตนเองตามไปไม่ทันแล้ว เสียใจจนอยากจะร้องไห้"ใครไม่ให้เจ้าแต่งงานกัน? ข้าจะให้ป้าของเจ้าหาคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้เาอง""ชีวิตของข้าไม่เหมาะกับคนธรรมดา!" จูเฉียนเฉี่ยนร้องขึ้นมาอีกนางแต่งงานส่งเดชไม่ได้"เช่นนั้นก็หาคนที่เหมาะก็จบแล้วนี่!" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตะคอกเสียงขรึมถึงอย่างไรถ้าเขาทำให้จูเฉียนเฉี่ยนไประรานตระกูลฟู่ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีหน้าไปพบหมอฟู่แล้วจูเฉียนเฉ
และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่