ฟู่จาวหนิงเข้าไปในจวนอ๋องเสี่ยวเยว่อุ้มกล่องใบนั้นตามมาผู้ดูแลพาคนใช้หลายคนพุ่งผ่านตรงหน้า พอเห็นฟู่จาวหนิง เขาก็รีบหยุดทันที"พระชายาท่านกลับมาแล้วหรือ?""อืม" ฟู่จาวหนิงเห็นเครื่องที่สาวใช้เหล่านี้ถืออยู่ก็สงสัย "นี่จะไปทำอะไรกัน?"เพราะคนเหล่านี้ถือพวกจอมเสียมต่างๆ ไว้ผู้ดูแลอธิบายว่า "ฮูหยินเฉิงบอกว่า ในเรือนมีวัชพืชหลายผืนอยู่ให้จัดการถางทิ้งเสีย แล้วเปลี่ยนเป็นพวกดอกเบญจมาศแทน จะทำให้เรือนดูสง่าขึ้นมาหน่อย""เรือนเจียนเจียหรือ?""ขอรับ" ผู้ดูแลจู่ๆ ก็ตระหนักอะไรขึ้นมาได้ รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที "พระชายา ต้นหญ้าเหล่านั้น ใช่หญ้าสมุนไพรหรือเปล่า? พวกเราเองก็ไม่รู้จัก เดี๋ยวจะกลายเป็นถอนหญ้าสมุนไพรของท่านเข้า""เซียวหลันยวนเขารู้หรือเปล่า?""ท่านอ๋องหลังจากกลับมาก็ได้รับจดหมายด้วย ไปจัดการอยู่ในห้องหนังสือขอรับ เรื่องนี้พวกเรายังไม่ได้รายงานท่านอ๋อง"ผู้ดูแลเห็นสีหน้าฟู่จาวหนิง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรขึ้นมาทันที"พระชายา พวกนั้นเป็นหญ้าสมุนไพรจริงๆ สินะ? เช่นนั้นข้าจะไปบอกกับฮูหยินเฉิง ว่าจะไม่ขุดแล้ว"ใครๆ ก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงน่าจะคิดว่ามีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่
ลวี่กั่วพอได้ยิน สีหน้าก็เรียบลงมา"ผู้ดูแล ฮูหยินข้าไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีวัชพืช ความรู้สึกแบบนี้มันวังเวง""อันที่จริงแม่นางลวี่กั่วให้ฮูหยินมองทางนั้นก็ได้ ดอกไม้ทางนั้นใกล้จะบานแล้ว" ผู้ดูแลชี้ไปอีกด้านของเรือน"มองทางนั้น แล้วจะไม่เห็นทางนี้หรือ?"ลวี่กั่วขุ่นเคืองขึ้นมาหญ้าที่พวกเขาพูดกันอยู่ทางด้านซ้ายของเรือน ก่อนหน้านี้เดิมทีก็มีอยู่แล้ว หลังจากฟู่จาวหนิงเข้ามาอยู่ ในเรือนแค่เก็บกวาดคร่าวๆ ไว้เท่านั้น ตอนนั้นนางเห็นว่ามุมนี้มีหญ้าเฝิ่นซิงอยู่ผืนหนึ่ง จึงให้พวกหงจั๋วปล่อยเอาไว้เก็บก้อนหินกรวดมาเรีงล้อมเอาไว้ พอเปลี่ยนเป็นสีชมพู ดูแล้วก็มีเสน่ห์แบบธรรมชาติอยู่ก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงเคยบอกว่าดูมีบรรยากาศที่ดีอยู่ฮูหยินเฉิงพอเข้ามาพอเหลือบมองวัชพืชผืนนี้ ก็พูดมาคำหนึ่ง ว่าทำไมวัชพืชในเรือนถึงไม่จัดการทิ้งไป?ตอนนั้นเฝิ่นซิงเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่ง บอกว่าหญ้านี้พอฤดูใบไม้ร่วงจะเปลี่ยนสี พระชายาเคยชมว่ามีเสน่ห์แบบธรรมชาติอยู่จากนั้นฮูหยินเฉิงจึงพูดขึ้นว่า ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูใบไม้ร่วงนี่นา เพื่อความงามไม่กี่วันนั่น ต้องปล่อยทิ้งไว้ให้ดูรกร้างนานหนึ่งปีเลยหรือ ได้ไม่คุ้มเสีย ถอนทิ้งดี
"ถูกต้อง" ไป๋หู่ตอบ "ถ้าหากฮูหยินเฉิงไม่ชินกับหญ้าผืนนี้จริงๆ เช่นนั้นก็ถอยออกไปอยู่ที่เรือนแขกเถิด ที่นั่นจัดการไว้ดีแล้ว ไม่มีหญ้าวัชพืช"เฝิ่นซิงกับหงจั๋วทั้งสองคนยืนอยู่ที่มุมหนึ่งด้านหลัง ส่งสายตาชื่นชมให้กับไป๋หู่ในที่สุดก็มีคนพูดความในใจของพวกนางออกมาแล้ว!พวกนางไม่เข้าใจ ทำไมต้องเข้ามาอยู่ในเรือนเจียนเจียให้ได้? ถ้าจะพักก็พักไปสิ ทไมต้องมาขุดหญ้าเฝิ่นซิงออกด้วย?เฝิ่นซิงตอนที่ได้ยินฟู่จาวหนิงบอกว่าให้ปล่อยหญ้าเฝิ่นซิงผืนนี้ไว้ยังดีใจมากอยู่เลย เพราะชื่อของนางก็ตั้งมาจากหญ้าเฝิ่นซิงนี่ นางชอบหญ้าเฝิ่นซิงมากตอนนี้ฮูหยินเฉิงคิดจะขุดหญ้าผืนนี้ออกไปให้ได้ เฝิ่นซิงรู้สึกเสียใจยิ่งกว่าใครแต่นางสองคนก็ไม่มีคุณสมบัติจะพูดอะไร"เจ้าเองก็ไม่ใช่องครักษ์ของจวนอ๋อง ทำไมถึงต้องมาสนใจเรื่องที่นี่ด้วย?" ลวี่กั่วย้อนถามไป๋หู่"ข้าติดตามคุณหนูของข้ามา คุณหนูของข้า ตอนนี้คือนายหญิงของจวนอ๋องเจวี้ยน เช่นนั้นข้าเองก็สามารถพูดในฝั่งของจวนอ๋องได้"ไป๋หู่ไม่ไว้หน้าลวี่กั่วเลย "อย่างน้อยถ้าจะพูดเรื่องความใกล้ชิด ข้าก็ยังเป็นคนในจวนมากกว่าเจ้าเสียอีก"ลวี่กั่วถูกคำนี้ของเขากระตุ้นขึ้นมาแล้ว
ฟู่จาวหนิงไปล้างหน้าให้ใจเย็นลงหน่อย พอกำลังจะเข้าไปห้องหนังสือคุยเรื่องนี้กับเซียวหลันยวน ก็ได้ยินที่นอกเรือนมีคนตะโกนขึ้นมา"อ๋องเจวี้ยน ลวี่กั่วขอเข้าพบ!"เสี่ยวเยว่พอวางกล่องเครื่องหอมนั่นแล้วก็เดินออกมา "คุณหนู นางทำไมถึงวิ่งแจ้นมานี่แล้ว? หรือเพราะไม่ให้พวกเขาขุดหญ้าเฝิ่นซิงนั่นออก เลยคิดจะมาฟ้องท่านอ๋อง?""เฮ้อ แม่นางลวี่กั่ว เจ้าอย่ามาเอะอะโวยวาย ท่านอ๋องกำลังยุ่งอยู่!"ผู้ดูแลตามมาถึง ขวางลวี่กั่วเอาไว้ลวี่กั่วน่าจะรู้ว่าเรือนของเซียวหลันยวนจะบุกเข้าไปดื้อๆ ไม่ได้ พอมาถึงนอกประตู ตนเองก็ยืนนิ่ง ห่างจากประตูเรือนหลายก้าว ไม่กล้าเข้าใกล้นัก"เช่นนั้นผู้ดูและก็ไปส่งข่าวให้หน่อย" ลวี่กั่วเอ่ยขึ้น"แค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องเอะอะไปถึงท่านอ๋องหรอก" ผู้ดูแลน้ำเสียงขรึมลงมาแล้วเขาหงุดหงิดจริงๆ แล้วลวี่กั่วคนนี้ไม่สงบเสงี่ยมเอาเสียเลย จะหาเรื่องให้ได้เลยใช่ไหม?"ทำไมถึงกลายเป็นเอะอะไปได้ ข้าก็แค่มาขอคำชี้แนะท่านอ๋องเอง ว่าพวกเราต้องไปอยู่ในโรงเตี๊ยมถึงจะเหมาะกว่าใช่ไหม นี่มันเอะอะตรงไหนกัน?"ลวี่กั่วร้องเฮอะ "ผู้ดูแลวางใจได้ ข้าจะพูดจาดีดีแน่นอน!""นี่ถื
ไป๋หู่ไม่รู้ว่าเดิมทีลวี่กั่วเป็นคนแบบไหน แต่ว่า..."ข้าไม่คิดแบบนั้น" เขาเอ่ยขึ้นเขาไม่รู้สึกว่าฮูหยินเฉิงเอ็นดูลวี่กั่วจนเสียคน ไม่เช่นนั้น ฮูหยินเฉิงไม่มีทางเอาแต่เงียบอยู่ตลอดแน่หรือก็คือ ลวี่กั่วน่าจะเป็นกระบอกเสียงและหมากเดินที่ฮูหยินเฉิงชุบเลี้ยงขึ้นมากระมังไป๋หู่ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นพวกพวกเสือสิงห์กระทิงแรดในตระกูลเสิ่นมาไม่น้อย เขากลับรู้สึกว่า ถ้าไม่ใช่ว่าแต่ก่อนอ๋องเจวี้ยนลี้ไปอยู่แต่บนยอดเขาโยวชิง ไม่ค่อยได้พบผู้คน ก็อาจเพราะใช้แต่วิธีการที่ตรงไปตรงมา ง่ายๆ หยาบกระด้าง ดังนั้นคนเหล่านี้ที่ติดตามอ๋องเจวี้ยน จึงไม่ค่อยได้เห็นวิธีการเหล่านี้เท่าไรโดยเฉพาะอ๋องเจวี้ยนที่ข้างกายมีหญิงสาวน้อย เขาไม่รู้ว่าอะไรคือการแย่งชิงกันระหว่างหญิงสาวกระมัง?พวกในวังหลังนั่น ถึงอย่างไรตอนนั้นอ๋องเจวี้ยนก็ยังเด็กมา ยังมีความทรงจำไม่ลึกเท่าไรผู้ดูแลตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนเหลือบตาขึ้นมองเขา พู่กันในมือยังไม่หยุด เขียนจดหมายถึงหลานหรงต่อไป"มีอะไร?""ท่านอ๋อง เป็นแบบนี้ขอรับ..." ผู้ดูแลกดเสียงต่อ เล่าเรื่องราวออกมาเซียวหลันยวนพอได้ยินพู่กันก็ชะงักไป"ท่านน้า
เซียวหลันยวนขมวดคิ้ว"ลวี่กั่วกำเริบเสิบสานนัก ให้นางกลับไป ข้าไม่พบ"ในใจผู้ดูแลโล่งขึ้นมาหน่อย"พระชายาทางนั้นน่าจะเห็นด้วย ลวี่กั่วเองก็ไม่น่าอาละวาดแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "แล้วก็ไปบอกไป๋หู่ด้วย ข้ามองพวกเขาเป็นเหมือนคนของตนเองมาตลอด ไม่มีทางมองเป็นคนอื่นไกลแน่นอน"ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ลวี่กั่วไม่มีสิทธิ์มาแบ่งแยกเรื่องความใกล้ชิดสนิทสนมอะไรแบบนี้"ขอรับ"ผู้ดูแลคารวะ รีบถอยออกจากห้องหนังสือหลังจากออกมาเขาก็ถอนใจโล่ง โชคดีที่ท่านอ๋องยืนอยู่ข้างไป๋หู่ ไม่มีเจตนาตำหนิโทษไป๋หู่ ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงจัดการลำบากแล้วแต่ตอนนี้ยังต้องรีบไปบอกพระชายาก่อนผู้ดูแลรีบเดินตรงไปห้องข้าง จึงเห็นว่าห้องข้างปิดสนิทอยู่ เสี่ยวเยว่เฝ้าอยู่ด้านนอก"เสี่ยวเยว่ พระชายาล่ะ?"เสี่ยวเยว่มองๆ ดู "พระชายาตอนนี้ยังไม่สะดวกออกมา มีอะไรหรือ?""เช่นนั้นเสี่ยวเยว่ก็ไปบอกพระชายาหน่อย ข้าจะรอข่าวอยู่ที่นี่" ผู้ดูแลเล่าเรื่องท่านน้าเฉิงออกมา "ดังนั้น ความหมายของท่านอ๋องก็คือ ให้เข้าใจเห็นใจความรู้สึกของท่านน้าเฉิง แล้วหญ้าเฝิ่นซิงเหล่านั้นถอนออกไปก่อนได้ไหมสินะ?"ผู้ดูแลกำชับมาอีกคำ "หลังจากนี้จะปลู
ตอนที่ฮูหยินเฉิงถูกเฝิ่นซิงกับหงจั๋วประคองขนาบซ้ายขวาออกมาจากเรือนเจียนเจีย ยังดูตั้งตัวไม่ทันอยู่นางรู้ว่าลวี่กั่วไปหาอ๋องเจวี้ยนแล้วด้วยความเข้าใจต่ออ๋องเจวี้ยนของนาง เรื่องนี้ล้วนเป็นเรื่องเล็ก อ๋องเจวี้ยนทัังรักและเคารพนาง สนิทสนมกับนาง ดังนั้นไม่มีทางขัดความต้องการเล็กน้อยนี้ของนางแน่นอนดังนั้นนางจึงมั่นใจว่าท้ายสุดหญ้าเฝิ่นซิงนั้นจะถูกถอนทิ้งนางมองหญ้าผืนนั้นแล้วรู้สึกอึดอัด ความทรงจำเจ็บปวดรวดร้าวเหล่านั้นหลั่งทะลักกลับมา ไม่อาจทานทนได้เลยอ๋องเจวี้ยนเองก็รู้เรื่องของสามีนางในตอนนั้น เรื่องนี้ เขาต้องยืนอยู่ข้างนางแน่แต่นางก็คิดไม่ถึงเลย สุดท้ายก็ทำให้นางต้องถูกย้ายออกจากเรือนเจียนเจียจุดนี้เหมือนกับตบฉาดที่หน้านางแต่ครั้งนี้ท่าทีของผู้ดูแลแตกต่างไปอย่างชัดเจน แข็งกร้าว ถ้านางยังพูดอะไรอีกคือได้อาละวาดกันน่าเกลียดแน่ฮูหยินเฉิงเองก็รู้ว่าตนเองไม่เหมาะที่จะพูดอะไร แต่ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจลวี่กั่วยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ ยังคิดจะดิ้นรน แสดงออกถึงความโกรธ "ฮูหยินของพวกเราอยากอยู่ที่นี่...""ลวี่กั่ว" ฮูหยินเฉิงครั้งนี้จำใจต้องตัดบทนาง "พวกเราฟังที่ผู้ดูแลจัดการเถ
ถึงอย่างไรนางก็บอกแล้วว่าไม่กินเผ็ดเซียวหลันยวนหลังจากจัดการงานเสร็จก็ออกจากห้องหนังสือ เตรียมจะไปหาฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงกลับไม่อยู่ในห้องนอน เสี่ยวเยว่เองก็ไม่อยู่เขารู้สึกแปลกๆ หาคนมาถาม "พระชายาไปไหนแล้ว?""เรียนท่านอ๋อง พระชายาไปเรือนข้างดูหญ้าสมุนไพร ให้มาแจ้งกับท่าน"ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ปลูกหญ้าสมุนไพรบางส่วนในที่เรือนข้าง ปกติให้หงจั๋วเฝิ่นซิงช่วยดูแล ครั้งนี้ที่กลับจากเมืองเจ้อยังไม่ได้ไปดู บอกเช่นนี้เซียวหลันยวนก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร"อืม รู้แล้ว"จนถึงเวลาอาหารเย็น เซียวหลันยวนมาถึงห้องอาหารก่อนเขาไปจุดเทียนที่เชิงเทียนข้างๆ ด้วยตนเอง ฟู่จาวหนิงเคยบอกไว้ แสงเทียนในอาหารเย็นมันชวนฝันดีแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจ ตอนอาหารค่ำก็จุดแสงเทียนกันหมดนี่ มีอะไรน่าชวนฝัน?แต่ฟู่จาวหนิงในเมื่อพูดเช่นนี้ เขาก็ให้คนวางไว้ข้างโต๊ะอาหารหลายเล่มหน่อย วางไว้บนเชิงเทียนทองเหลืองสิบแปดหัวที่แสนประณีต ทุกครั้งก่อนกินข้าวก็จะจุดแสงเทียนนี้ แสงเทียนวิบวับโยกไหว ตอนที่กินข้าวก็รู้สึกได้บรรยากาศจริงๆเขาเพิ่งจะจุดเทียน ฮูหยินเฉิงก็เข้ามาเซียวหลันยวนสวมหน้ากากขึ้นไปใหม่อีกครั้ง"อายวน"เซ
ฮูหยินเฉิงถึงอย่างไรก็ไม่สบอารมณ์ฟู่จาวหนิงจริงๆนี่เป็นหญิงสาวที่เกินความเข้าใจที่นางเคยรู้จักมาจริงๆ กิริยาท่าทางก็ตรงไปตรงมา ชอบก้าวเท้ายาวๆ เหมือนสายลม เวลาหัวเราะก็เห็นฟัน เสียงหัวเราะก็ไม่มีปิดบังตอนที่กินก็ไม่มีการยับยั้งควบคุม ปริมาณการกินของฟู่จาวหนิงยังมากกว่านางและองค์หญิงใหญ่รวมเข้าด้วยกันอีก บางครั้งกระทั่งแอบใช้มือขโมยกินด้วย พอถูกเซียวหลันยวนจับได้ก็ทำหน้าทะเล้นใส่ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างทางพอเห็นอะไรที่นางสนใจก็จะหยุดลง บางครั้งก็หายเข้าไปในป่าครึ่งค่อนวันไม่รู้ไปทำอะไรทั้งที่บอกว่าจะเร่งเดินทาง แต่กลับถูกนางถ่วงเอาไว้หลายวันเซียวหลันยวนเองก็ยังตามใจนาง"ไม่รู้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนเคยเห็นของทะเลพวกนั้นจริงไหม"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อครู่ตอนได้กลิ่นคาวทะเล นางยังรู้สึกรับไม่ค่อยได้เลยของที่เหม็นขนาดนั้นจะเอาเข้าปากได้อย่างไรกัน?นางรู้สึกคาดหวังให้อ๋องเจวี้ยนเห็นฟู่จาวหนิงตอนที่ทำของเหล่านี้ แล้วเกิดความรังเกียจและตกใจขึ้นมาฮูหยินเฉิงระหว่างทางก็ดูไม่สบอารมณ์ฟู่จาวหนิงมาก แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด
"แม่นาง เจ้าอยากจะซื้ออาหารทำเลหรือ? เจ้าพวกนี้ไม่เหมือนกับปลาในแม่น้ำที่พวกเรากินกันปกตินะ เจ้าอาจจะปรุงมันไม่เป็นด้วยซ้ำ" มีคนพิจารณาฟู่จาวหนิงกับเสี่ยวเยว่"เมื่อครู่เหมือนจะเห็นว่าฮูหยินเฉิงกลับมาแล้ว?" มีคนกลับสังเกตเห็นถึงจุดนี้"ฮูหยินเฉิงกลับมาแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็นัดเหล่าว่านได้แล้วใช่ไหม? งั้นก็ซื้อไว้หน่อย ให้เหล่าว่านช่วยเราจัดการปลาปูให้หน่อย!"คนที่ร้องขึ้นมาอย่างลิงโลดนี้ เห็นได้ชัดว่าอยากกินมาตลอด"คุณหนู ท่านคงไม่ได้คิดจะซื้อพวกนี้หรอกกระมัง?" เสี่ยวเยว่เห็นฟู่จาวหนิงมองปูในตะกร้าไม้ไผ่ นางเหมือนรู้ว่านี่คือปู แต่ไม่เหมือนกับปูแม่น้ำที่เคยเห็นมา ก้ามใหญ่กว่ากันมาก ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวยังเป็นสีฟ้าอีกเปลือกของเจ้านี่ดูเหมือนจะแข็งเอามากๆ นางเองก็จัดการไม่เป็น ถึงอย่างไรก็ไม่เคยเห็นมาก่อน"สิ่งนี้ อร่อยมากเลยนะ" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ิคดว่าจะมาเห็นปูทะเลที่นี่ ข้างๆ ยังมีกุ้งมังกรตัวใหญ่อีกด้วยเจ้าพวกนี้ไปเอามาจากไหนกันเนี่ย?ในทะเลแคว้นเจามีเจ้าพวกนี้ด้วยหรือ?แต่หลังจากได้เห็นนางก็น้ำลายสอเสียแล้วแล้วยังมีหอยทะเลอีกด้วย เอามาทำพริกเกลือนี่อร่อยจัดๆ เลย
เมืองเล็กที่ชื่อจื่อซวีแห่งนี้มีลักษณะกระจายตัวเป็นอักษร 品ด้านหน้าส่วนใหญ่เป็นร้านค้าและตลาด และยังมีคนที่คอยดูแลรถม้าให้อาหารม้าโดยเฉพาะอีกด้วย พื้นที่ก็ไม่เล็กเลย ค่อนข้างคึกคักทีเดียว พอเห็นรถม้าหลากหลายรูปแบบและผู้คนที่เดินไปเดินมา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็รู้สึกว่าแปลกใหม่ดี"ท่านน้าเฉิง ระหว่างทางท่านบอกอยู่ตลอดว่าเป็นเมืองเล็กๆ ข้าก็คิดว่าจะเล็กมากๆ คิดไม่ถึงว่าจะคึกคักขนาดนี้"โดยเฉพาะฮูหยินเฉิงยังบอกนางอีกว่า ตลาดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเมืองเล็กนี้ ส่วนที่พักของคนยังอยู่ด้านหลัง"สถานที่นี้เดิมทีก็ไม่ได้คึกคักขนาดนี้ หลายสิบปีมานี้ ยอดเขาโยวชิงค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้น คนก็แวะมามากขึ้น นอกจากนี้ ถนนที่ลอดใต้ยอดเขาโยวชิงเองก็ถูกขยายออกมาแล้ว คนที่สัญจรไปมาก็มากขึ้น พอมาถึงจื่อซวีก็เป็นจุดพักที่เหมาะเหม็งพอดี""ลอดยอดเขาโยวชิงออกไปที่ใดหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถามฮูหยินเฉิงยิ้มๆ ตอบว่า "ไปถึงสถานที่หนึ่งที่ชื่อว่าโป๋ไห่ โป๋ไห่ทางนั้นหลายปีนี้ก็คึกคักขึ้นมาเช่นกัน มีการซื้อขายของทะเลบางอย่างที่นั่น ดังนั้นพวกนักชิมบางคนจึงไปที่เมืองโป๋ไห่ ที่นั่นสามารถได้กินอาหารทะเลที่สถานที่อื่
แต่ไม่ว่าฮูหยินเฉิงจะมีความเห็นแค่ไหน เส้นทางถัดจากนี้ โอกาสที่พวกนางจะได้คุยกับเซียวหลันยวนก็มีน้อยถึงน้อยมากบางครั้งขบวนเพิ่งสั่งพัก ตอนที่พวกนางลงจากรถม้า ก็รู้ว่าเซียวหลันยวนพาฟู่จาวหนิงไปหาน้ำใกล้ๆ แล้วบอกว่าหาน้ำ อันที่จริงคือสองสามีภรรยาแค่เลี่ยงคนมากๆ หนีออกไปเที่ยวเล่นต่างหากบางครั้งพวกเขาจะเอาผลไม้ป่ากลับมาหลายพวง บางครั้งก็หอบดอกไม้ป่ากลับมาช่อหนึ่ง บางครั้งยังหิ้วปลากลับมาอีกหลายตัวถึงอย่างไรคนอื่นอาจไม่รู้ แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองออกว่าฟู่จาวหนิงดีอกดีใจมาก เพราะทุกครั้งที่กลับมานางก็จะยิ้มละไม ดวงตาเป็นประกายนั่นคือหญิงสาวที่ถูกรักคนหนึ่งแล้วมีอยู่สองครั้ง ที่นางกระทั่งถูกเซียวหลันยวนแบกกลับมาบอกว่าไปนั่งตกแดดอยู่บนหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วง่วงจนหลับไป เซียวหลันยวนไม่อยากปลุกนาง ดังนั้นจึงแบกนางกลับมาพอเข้าเมือง ตอนเข้าพักในโรงเตี๊ยม ห้องของสองสามีภรรยาก็อยู่ห่างจากพวกเขาไปไกลลิบ พอเข้าห้องก็ไม่ออกมาอีกเลยแต่ว่า มีอสองครั้งที่พวกเขาออกไปเดินเที่ยวบนถนนยามค่ำคืน ตอนที่กลับมาก็หอบของกินเล่นกลับมาหลายห่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะอย่างไรก็กินไม่ค่อยลง แต่พวกเสี่ยวเ
หลายหมื่นตำลึงก่อนหน้านี้ที่จ่ายแทนฮูหยินเฉิง ฟู่จาวหนิงก็กลัวว่าเขาจะไม่มีเงินแล้วแต่เขาก็ไม่ได้จนขนาดนั้น"ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้หนิงหนิงไม่เป็นหมอ แค่จะดูแลเรื่องเสื้อผ้าอาหารการกินนั้นไม่มีปัญหาอยู่""เช่นนั้นก็ดี ของพวกนี้ข้าก็ส่งให้พ่อข้าแล้วกันนะ แต่ว่า ข้าเองก็หาเงินได้นะ หากท่านต้องการเงินจริงๆ ข้าก็หาให้ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ข้ากล้าดูถูกหมอเทวดาเสียที่ไหน? เจ้ารู้ไหมว่ายาลูกกลอนคุ้มครองหัวใจของเจ้า เม็ดนึงมันขายได้ตั้งเท่าไร?"เซียวหลันยวนเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงขัดสนด้วยวิชาแพทย์ของนาง ทั้งชาตินี้นางไม่มีวันขัดสนแน่นอนดังนั้น สามีภรรยาทั้งสองอย่างพวกเขาก็เป็นเศรษฐีต่อไปเถอะฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนั่งอยู่ข้างๆ ส่งสายตาเข้ามาเป็นระยะพอเห็นว่าเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงตอนที่กินยังตัวชิดติดกันขนาดนั้น เอาแต่กระซิบกระซาบกันไม่หยุด ทั้งสองคนรู้สึกขัดหูขัดตามาก"อายวน ลมแรงขึ้นมาแล้ว รีบกินเถอะ กินเสร็จจะได้รีบเดินทาง" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว"ท่านน้าเฉิงกินเสร็จแล้วหรือ?" เซียวหลันยวนเห็นว่านางวางชามลงแล้วลวี่กั่วที่อยู่ข้างๆ ยังกินอยู่เลย
ฮูหยินเฉิงไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมนี้นักโดยเฉพาะที่ฟู่จาวหนิงเมื่อครู่ยังพูดว่า คนยังอยู่ระหว่างเดินทาง อยู่กลางทาง ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึน กินข้าวได้ก็รีบๆ กินไปก่อนเสียผลลัพธ์คือตอนที่นางพูดให้รีบกินข้าว เซียวหลันยวนที่เป็นถึงท่านอ๋องกลับไปเด็ดดอกไม้มาให้นางอยู่ช่อดอกไม้ป่านั่น วางไว้บนรถม้าจะได้สักกี่วัน? จะว่าไป ข้างทางก็ยังมีดอกไม้ป่าอีกตั้งมากมายนี่? แค่มองก็พอแล้ว ต้องเด็ดมาแบบนี้ด้วยว่างกันเสียจริง"ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ค่อยหิวมาก"ชิงอีตักน้ำมาให้เขาล้างมือ จากนั้นก็ไปตักข้าวต้มให้เขาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นเสี่ยวเยว่เอาดอกไม้ช่อนั้นไปที่รถม้า ไม่นานนักก็หยิบแจกันใบหนึ่งออกมาใส่น้ำ ความอิจฉาในดวงตาแทบจะทะลักออกมาแล้วนางอิจฉามากจริงๆ!ฮูหยินเฉิงอาจจะไม่มีอารมณ์ชวนฝันแบบนี้ แต่นางมีนี่นาก่อนหน้านี้เรื่องราวมากมายที่ได้ยินหรือเห็นมา ก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนดีกับฟู่จาวหนิงแค่ไหน แม้ว่านางจะอิจฉา แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสะเทือนใจขนาดนั้นแต่เมื่อครู่ที่เห็นอ๋องเจวี้ยนส่งดอกไม้ช่อนี้ให้ฟู่จาวหนิงกับมือ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาอย่างสิ้นเชิงชายหนุ่มสูงส่งเย็
"แล้วมันไม่ควรหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำท่าทางเหมือนสับสนมากมองออกว่านางรู้สึกจริงๆ ว่าต้องรอเซียวหลันยวนกลับมากินด้วยกันจึงจะถูก"ความเร็วในการกินข้าวของพวกท่าน ไม่เหมือนกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังอยู่กลางป่ากลางเขาด้วย อยู่ระหว่างเดินทาง ของที่ต้มเสร็จแล้วก็ต้องรีบกิน ไม่มีความจำเป็นต้องมารอให้ครบคน ใครก็ไม่รุ้ทั้งนั้นว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้น" ฟู่จาวหนิงอธิบายออกมาอย่างอดทนถึงอย่างไรก็ตัดสินใจเดินทางมาด้วยกันแล้ว ยังต้องเดินทางด้วยกันอีกระยะหนึ่ง พูดให้ชัดเจนไว้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งพูดทุกวันหลังจากนี้"แต่ว่า...""ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น กินไปเถอะ" ฟู่จาวหนิงตัดบทองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอธิบายรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าต้องมาอธิบายตลอด นางเองก็ทำไม่ได้หรอกถึงอย่างไรนางก็ยกชามขึ้นกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว"ท่านน้าเฉิง..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นฟู่จาวหนิงกินอย่างไม่ทุกข์ร้อน ก็อดมองไปทางฮูหยินเฉิงไม่ได้"พวกเรารอก่อน" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้นในฐานะที่นางเป็นผู้อาวุโส เรื่องจะกินก่อนที่เซียวหลันยวนจะกลับมานางยิ่งทำไม่ได้เลยถ้าเผื่ออีกเดี๋ยวเซียวหลันยวนไม่พอกิน นางก็ย
ยังมีท่าทางสง่างามของอ๋องเจวี้ยนอยู่เสียที่ไหนกัน?"ศัตรูหัวใจ?"เซียวหลันยวนครุ่นคิดถึงคำนี้ จากนั้นก็หัวเราะเฮอะขึ้นมา ไม่ชอบใจเอามากๆ"เขาเป็นไม่ไหวหรอก"ถ้ามาคิดอย่างละเอียด ต่อให้ไม่มีเขา ฟู่จาวหนิงก็อาจจะไม่เลือกซือถูไป๋ก็ได้เพราะอะไรกัน?แน่นอนว่าเพราะซือถูไป๋ไม่ได้เด็ดขาดเหมือนเขา กับองค์จักรพรรดิเอง เขาก็ยังกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้ แต่ซือถูไป๋ล่ะ? ขนาดผู้นำตระกูลซือถูเองก็ยังมาคอยกำหนดเรื่องสำคัญในชีวิตของเขาได้"หนิงหนิง ข้าจะบอกเจ้าให้ คนอย่างซือถูไป๋ที่อายุยี่สิบกว่าแต่ก็ยังเป็นนายตัวเองไม่ได้ ไม่มีอนาคตหรอก"เขาบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ"เชอะ ท่านเองก็พอได้แล้ว เรื่องแค่นี้ก็ตัดสินอนาคตคนอื่นไปเสียแล้ว"อะไรคือไม่มีอนาคตกัน?อายุยี่สิบกว่า ยังหนุ่มอยู่มาก อนาคตยังอีกกว้างไกลไร้ขีดจำกัดเถอะฟู่จาวหนิงไม่ใช่คนที่ตัดสินคนง่ายๆแต่เหมือนอ๋องเจวี้ยนจะไม่ได้ใจกว้างแบบนั้น"ท่านอ๋อง พระชายา มากินข้าวกลางวันกันไหม?" ก็ได้ยินเสียงชิงอีตะโกนเข้ามาตามลม"กินสิ หิวแล้ว ไปกินข้าวกัน" ฟู่จาวหนิงพูดแล้วก็เดนินำกลับไปก่อน"ไปเดี๋ยวนี้"เซียวหลันยวนยังไม่ขยับฟู่จาวหนิง
ฟู่จาวหนิงสงสัย ซือถูไป๋เดิมทีก็อยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวงอยู่แล้ว"พูดถึงเรื่องนี้ ข้าเองก็ได้ยินมาแล้ว ยินดีด้วยคุณชายซือถู" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นไม่ว่าหยวนอี้มีเหตุผลอะไรถึงส่งสิ่งนี้ให้ซือถูไป๋ ที่คนนอกมองเห็นคือการตบฉาดเข้าที่หน้าของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ถือว่าโรงยาทงฝูชนะไปก้าวหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังทำให้ซือถูไป๋ได้รับการให้ความสำคัญจากผู้นำตระกูลด้วยสำหรับซือถูไป๋ก็ถือเป็นเรื่องดีจริงๆ ดังนั้นที่ฟู่จาวหนิงยินดีกับเขาก็เป็นเรื่องปกติแต่พอได้ยินฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ เซียวหลันยวนกลับรู้สึกหึงหวงหน่อยๆซือถูไป๋ปีที่แล้วยังคิดไม่ซื่อกับฟู่จาวหนิงอยู่เลย เขามักรู้สึกว่าถ้าแค่ตนเองเผลอนิดเดียว ซือถูไป๋ก็จะฉวยโอกาสทันทีทำให้ฟู่จาวหนิงยินดีกับซือถูไป๋ได้ นี่มันก็อธิบายว่าซือถูไปจะมากน้อยก็ถือว่ามีความได้เปรียบ หรือมีเรื่องน่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ก็ดึงดูดความสนใจของฟู่จาวหนิงมาได้เหมือนกันความสนใจจุดนี้ ทำให้ในใจเซียวหลันยวนขุ่นเคืองขึ้นมา"ขอบคุณพระชายา"ซือถูไป๋เหลือบมองอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่ง เป็นชายหนุ่มเหมือนกัน แม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของอ๋องเจวี้ยน แต่เขาจะไม่