เสิ่นเชี่ยวคิดมาตลอด หนีเอาตัวรอดมาสิบกว่าปีแบบนี้ ต้องรู้สึกไม่ปลอดภัยกับรู้สึกหวาดผวาทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วยังกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกสภาพของนางเองก็คงจะเหนื่อยล้ามาก จิตใจก็ชอกช้ำแต่ว่าก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าพอไหวแต่ในพริบตานี้ พอเห็นจูเฉียนเฉี่ยนที่สดใสราวกับดอกไม้ที่ชุ่มด้วยน้ำค้างยามเช้า นางก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่า พอเทียบกับแม่นางตัวเล็กๆ แบบนี้ นางก็แก่ไปแล้วจริงๆนางไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกด้อยค่าขึ้นมาใครก็คิดไม่ถึงว่าจูเฉียนเฉี่ยนจะไล่ตามมาถึงเมืองหลวงกระทั่งฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่า ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอย่างน้อยก็น่าจะคุมนางไว้ดีดีเสียอีกแต่นางไม่ใช่แค่ไล่ตามมา มาจนถึงจวนตระกูลฟู่ แล้วยังบุกเข้ามาในจังหวะนี้อีกฟู่จาวหนิงพริบตานี้ก็อยากจะตบที่หน้าผากตัวเองเสียจริง ทนดูไม่ได้เอาเสียเลย"ผู้มีพระคุณ! ท่านพี่เชิน!"จูเฉียนเฉี่ยนวิ่งมาตรงหน้าฟู่จิ้นเชิน แต่ยังตะโกนเรียกเขาว่าท่านพี่เชินอีกเหล่าคนใช้กับเหล่าคนคุ้มครองเรือนที่ตามเข้ามาก็ตะลึงงันไปแล้ว พวกเขาล้วนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองกันไป มองกันมาเฉินซานตั้งตัวได้ ตะคอกขึ้นมาคำหนึ่ง"ไปทำงานกันสิ จะมีลอมอยู่ท
ทำให้เสิ่นเชี่ยวงงงันไปเลย"ไม่ใช่สิ แม่นาง ข้าอายุแทบจะเป็นแม่เจ้าได้แล้ว เจ้าทำไมถึงมาเรียกว่าพี่หญิงกัน?" เสิ่นเชี่ยวตอบกลับไปด้วยสัญชาตญาณ"เฮ้อ พี่หญิง พวกเราไม่ต้องถือสาเรื่องอายุกันหรอก" จูเฉียนเฉี่ยนมองนาง เอ่ยชมนางอย่างจริงใจ "แต่ว่า พี่หญิงเองก็สวยมากเลย ยิ่งไปกว่นั้นยังดูอายุน้อยมากด้วย พวกเราถ้าเดินจูงมือกันออกไป จะบอกว่าเป็นพี่น้องกันก็ไม่มีใครไม่เชื่อหรอก"จูเฉียนเฉี่ยนตอนนี้เข้าใจแล้ว ทำไมฟู่จาวหนิงถึงได้สวยขนาดนั้น เพราะพ่อแม่ของนางหน้าตาชั้นยอดกันทั้งนั้นนี่เองฟู่จาวหนิงยังเอาส่วนที่ดีที่สุดมาหมดด้วย แล้วจะไม่งามได้อย่างไร"ยิ่งไปกว่านั้นพี่หญิงก็ยังดูอบอุ่นอ่อนโยนอีก ข้าแค่เห็นก็ชอบท่านพี่หญิงแล้ว""นี่เจ้า...""พี่หญิง ท่านน่าจะยังไม่รู้จักชื่อข้าสินะ?" จูเฉียนเฉี่ยนค่อนข้างเป็นกันเอง "ข้าชื่อจูเฉียนเฉี่ยน ลุงของข้าคือโหยวจางเหวินผู้บริหารท้องถิ่นเมืองเจ้อ หลายวันก่อนหน้านี้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนกับท่านพี่เชินอยู่ที่เมืองเจ้อ ข้าเองก็ไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังเจอกันระหว่างทางที่ไปเมืองเจ้ออีก ท่านว่าพวกเรามีวาสนาต่อกันไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนเล่าเรื่องออกมาหมดใน
ฟู่จิ้นเชินเรียกเฉินซานเข้ามาแล้ว"เฉินซาน ส่งแม่นางจูออกไป"เขาตัดสินใจเด็ดขาดไม่เก็บคนไว้ ไม่ให้ความหวังนางเลยแม้แต่น้อยจูเฉียนเฉี่ยนแม้ก่อนหน้านี้จะเคยคิดว่าเขาเย็นชามาก และไม่มีทางยอมรับตนเอง แต่ตอนนี้ก็รู้สึกขึ้นมาจริงๆ ว่ามันเสียใจเอามากๆ"ท่านพี่เชิน..."นางยังคิดจะอ้อนวอน แต่ฟู่จิ้นเชินก็ไม่เหลือบตามอง ความเย็นชาในสายตานั่นทำให้นางพูดคำด้านหลังไม่ออก"แม่นางจู"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา ยื่นมือมาเกี่ยวผมทิ้งถูกลมพันจนยุ่งเหยิงไปเกี่ยวหลังหู เข้าประชิดตัวนางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา"เจ้ารีบไปเถอะ ไม่เช่นนั้น ข้าจะใช้เข็มแทงเจ้าเสีย เจ้าอย่าคิดว่าเข็มของข้าทำได้แค่รักษาคนนะ อันที่จริงมันก็ทำร้ายคนได้ด้วย""ท่าน ข้า..."จูเฉียนเฉี่ยนตกตะลึงถลึงตาโตอยู่ในเมืองเจ้อมาตั้งนาน ฟู่จาวหนิงไม่เคยเย็นชาโหดร้ายใส่นางแบบนี้ แต่ตอนนี้ เสียงแผ่วเบาของฟู่จาวหนิงนี่ มันเหมือนกับสายตาเมื่อครู่ของฟู่จิ้นเชินไม่ผิดเพี้ยนพ่อลูกทั้งสองคนตอนนี้แทบจะให้ความรู้สึกแบบเดียวกันกับจูเฉียนเฉี่ยนนางยิ้มไม่ออกแล้ว"ใต้เท้าอันเองก็ไม่แน่ว่าจะยินดีต้องรับแม่นางจูที่จู่ๆ ก็จะบุกเข้าจวนตระกูลอันด้วย ถ
ฟู่จาวหนิงน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าคิวด่าตัวเองวิ่งมาถึงในบ้านคนอื่นแบบนี้ บอกว่าจะเนียนเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ มันสนุกนักหรือ? เจ้าเองก็ไม่คิดเสียหน่อย ว่าคนอื่นเขาต้อนรับเจ้าเข้ามาไหม? พวกเราทั้งครอบครัวอยู่กันดีดี จำเป็นต้องมีคนนอกอย่างเจ้าเพิ่มมาอีกคนหรือ? พวกเรามีห้องในบ้านเยอะเกินไป หรือมีเสบียงมากเกินจนกินไม่หมดหรือไรกัน?"ถ้าไม่ใช่จูเฉียนเฉี่ยนพูดคำเหล่านั้นออกมา ฟู่จาวหนิงคงไม่ลงมือด้วยแต่ว่าคำพูดเหล่านั้น นางฟังแล้วรู้สึกเป็นอัปมงคลมาก"เจ้ามันหน้าใหญ่เสียเหลือเกิน รู้สึกว่าแค่เจ้ายินดีจะเข้ามาในบ้านคนอื่น คนอื่นก็ควรจะต้อนรับเจ้าหรือ? เจ้าเป็นวัตถุมงคลหรือ หรือว่าเป็นกุมารกวักเงินกวักทอง? เจ้ามีอะไรดีที่จะให้คนอื่นมาต้อนรับขับสู้? สำคัญตัวเองผิดไปหน่อยไหม?"ฟู่จาวหนิงช่วงนี้เอาแต่พยายามเป็นหมอฟู่ที่ดีของนางมาตลอด กระทั่งก่อนหน้าที่ถูกเฉินเซียงทำแบบนั้น นางก็ยังคิดถึงว่าต้องดูภาพสถานการณ์รวมใหญ่ก่อน และไม่มีเรี่ยวแรงจะไปทะเลาะกับคนอื่นแต่ตอนนี้นางมีเวลาว่างแล้ว"พ่อแม่ข้าเดิมทีก็เป็นสามีภรรยาที่รักกันดี สองคนถ้อยทีถ้อยอาศัยประคับประคองกันมาเกือบยี่สิบปี เจ้าคิดอยากจะเสียบก็เส
ฟู่จิ้นเชินมองฟู่จาวหนิง สีหน้าดูซับซ้อนเสิ่นเชี่ยวตาแดงรื้นตอนนี้ นางรักลูกสาวเหลือเกิน!นางถูกลูกสาวปกป้องขนาดนี้! ด่ากราดใส่แม่นางที่คิดจะมาแย่งสามีเพื่อแม่ของตัวเอง จาวหนิงนาง...ทำใจนางอบอุ่นเหลือเกิน!เดิมทีการมาถึงของจูเฉียนเฉี่ยน ทำให้เสิ่นเชี่ยวมีอารมณ์ซํบซ้อน แต่ตอนนี้ไม่เหลือความปวดใจใดๆ อีกแล้วในช่วงเวลาที่นางกับฟู่จิ้นเชินไม่ได้อยู่ข้างกาย จาวหนิงเติบโตขึ้นมามีนิสัยเช่นนี้ ทำยังไงดี? นางอยากจะไปโขกหัวกับกำแพงให้ลูกสาวเสียจริง!"ท่านพี่ ท่านก็กล้าด่าดีจริงๆ" ฟู่จาวเฟยยกนิ้วโป้งให้กับฟู่จาวหนิงแต่ผู้เฒ่าฟู่ลังเลอยู่พักหนึ่ง "เด็กคนนั้นอายุพอพอกับเจ้ากระมัง? โดนด่าไปขนาดนี้ นางคงไม่คิดอะไรโง่ๆ หรอกกระมัง?"แม่นางน้อยทั่ไวป ถ้าถูกชี้จมูกด่าแบบนี้ ปกติจะรับไม่ได้กันกระมัง?เขากังวลว่าจูเฉียนเฉี่ยนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลไป นางไม่มีทางคิดอะไรโง่ๆ หรอก"ด้วยนิสัยแบบนั้นของจูเฉียนเฉี่ยน คงจะเสียใจบ้าง คิดอะไรไม่ออกบ้าง แต่ไม่มีทางคิดอะไรโง่ๆเขาชะงักไป จากนั้นก็รับต่อว่า "จะว่าไป ต่อให้นางคิดอะไรโง่ๆ นั่นก็เป็นสิ่งที่นางทำ
ถ้าใครจะมารังแกท่านพี่ เขาจะโบกดาบใหญ๋นำทัพไปบดขยี้อีกฝ่ายเสีย!ถ้าองค์จักรพรรดิจะมารังแกท่านพี่ เขาจะพาทหารก่อกบฏเสีย!ไม่มีใครรู้ว่าฟู่จาวเฟยมีปณิธานเช่นนี้ฟู่จาวหนิงโยนจูเฉียนเฉี่ยนทิ้งไว้หลังสมองหมด ทั้งครอบครัวกินอาหารเย็นกัน สองสามีภรรยาเตรียมตัวกลับจวนอ๋องส่วนฟู่จิ้นเชินคืนนี้จะอธิบายกับภรรยาอย่างไร พวกเขาเองก็ไม่คิดจะไปอยากรู้อยากเห็น"ถึงยังไงด้วยความฉลาดของท่านพ่อตา จะง้อฮูหยินก็คงง่ายมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ทำไม ทำไมข้าฟังความหมายของท่านแล้ว เหมือนจะดูอิจฉาอยู่หน่อยๆ กัน?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขา"ฟังออกด้วยหรือ?" เซียวหลันยวนหัวเราะเบาๆ "ก็มีจริงๆ นั่นล่ะ เจ้ามันฉลาดจนไม่รู้จะง้อยังไงนี่สิ"จาวหนิงง้อยากกว่าเสิ่นเชี่ยวจริงๆ นั่นล่ะ"ไร้สาระน่า ข้าไม่ใช่คนที่หึงคนง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย ท่านเคยคิดไหม ว่าถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ข้าไม่มีทางหึงเลยด้วยซ้ำ"เซียวหลันยวนถอนหายใจ"เจ้าคิดว่าการไม่หึง มันง้อง่ายหรือ?""ทำไมล่ะ? ก็ไม่ต้องง้อสิ""ไม่หึง ไม่ต้องง้อ ข้านี่ล่ะต้องกลุ้มใจ"เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้ ""อย่างครั้งนี้ที่ฝูอวิ้นมาที่เมืองเจ้อ วันวันลอยชายอยู่ต่อหน้าเ
เซียวหลันยวนตอนนี้เชื่อใจฝีมือฟู่จิ้นเชินมากดังนั้นเขาจึงมีเรื่องมอบหมายให้เขาทำจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ในวังราชนิเวศน์กับหยวนอี้ เนื่องจากพวกเขาต้องพักฟื้น น่าจะไม่ออกจากเมืองหลวงเร็ววันนี้แน่ ท่านคอยจับตาดูสถานการณ์พวกเขาไว้ก็พอ ข้าจะทิ้งองครักษ์ลับไว้ให้ท่านแปดคน""ดีเลย"ฟู่จิ้นเชินคิดถึงหยวนอี้แล้วก็รู้สึกแปลกๆหลายวันนี้เขาเองก็คอยจับตาดูการกระทำของทูตจากแคว้นหมิ่นอยู่ แต่ก็ไม่เห็นหยวนอี้มาตลอด"ข้าหาคนไปตรวจสอบสถานการณ์พวกเขาในวังราชนิเวศน์ได้" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนรู้สึกเกินคาดขึ้นหน่อยๆเขาเองก็ส่งคนลอบเข้าไปในวังราชนิเวศน์ได้ แต่ก็เป็นองครักษ์ลับที่คอยจับตาดูอยู่ในความมืด ทว่าความหมายของฟู่จิ้นเชินคือ คนของเขาสามารถปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้งในวังราชนิเวศน์ได้หรือ?"ข้ารู้จักคนตัดแต่งกิ่งไม้ในวังราชนิเวศน์คนหนึ่ง" ฟู่จิ้นเชินมองออกถึงความประหลาดใจของเขา อธิบายออกมาคำหนึ่ง"ใช้ได้เลยท่านพ่อตา"เซียวหลันยวนยกนิ้วโป้งให้เขามิน่าฟู่จิ้นเชินในตอนนั้นถึงมีวิะีพาเสิ่นเชี่ยวหนีออกไปจากเมืองหลวง ความสามารถเรื่องเส้นสายนี่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆเขาเป็นพวกปัญญาช
เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงไม่ชอบนาง แล้วจะเป็นอย่างไร?ก่อนที่จะได้ยินคำเหล่านั้นของเสิ่นเชี่ยว ฟู่จาวหนิงก็ไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนจริงๆหลังจากแยกกับพวกเขา เซียวหลันยวนก็ไปเดินเที่ยวในตลาดซื้อของเป็นเพื่อนนาง ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้มีความคิดจะเลือกของขวัญพบหน้าไปให้กับเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าจะมาเตรียมหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้"เจ้าอารามชอบอะไร?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเพิ่งมาถามคำถามนี้ มันก็ดูไม่ใส่ใจเกินไปหน่อยก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนบอกนางไว้ ว่าไม่ต้องมอบของขวัญอะไรให้"เขาชอบ..." เซียวหลันยวนครุ่นคิด ยิ้มขืน "ข้าเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน บางครั้งก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาชอบมันเยอะเหลือเกิน บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเขาไม่ได้สนใจกับอะไรเลย""นี่ท่านเหมือนไม่ได้ตอบเลยนะ" ฟู่จาวหนิงตำหนิขึ้นมา"หลายปีมานี้ ข้าเองก็ไม่เคยให้อะไรเขา ถ้าหากจะมอบของขวัญให้ ก็น่าจะเป็นตอนที่ข้าทำเรื่องที่เขาอยากให้ข้าทำสำเร็จ แบบนั้นเขาจะดีใจมาก""ปกติเขาจะให้ท่านไปทำเรื่องอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามจู่ๆ นางก็รู้สึกว่า นางกับเซียวหลันยวนไม่เคยคุยเรื่องอดีตของเขา กับเรื่องคนข้างกายเขาดีด
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
พอคิดแบบนี้ ในใจนางก็มีความหวังพรั่งพรูออกมาพวกเขาเดินผ่านประตูหลัง ก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงด้านล่างด้านหลังยอดเขาโยวชิงผืนนี้ มองออกไปเป็นทิวเขาที่ทอดยาวผืนหนึ่ง แต่ก็ยังเตี้ยกว่ายอดเขาโยวชิงอยู่มาก"นี่จะไปคุยกันที่ไหนหรือ?"คุยกันในหออู๋จิ้งที่พักของเจ้าอารามยังสงบไม่พออีกหรือไรกัน?เอาจริงๆ ยอดเขาโยวชิงทั้งลูกก็เงียบสงบมากพอแล้ว"ไม่รู้สิ" เซียวหลันยวนสีหน้ายังคงสงบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามจะพาพวกเขาไปคุยกันที่ไหนหลังจากลงไป ก็มีอุโมงค์หินที่มาราวหินเส้นหนึ่ง เหมือนเจาะออกมาจากหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปได้พร้อมกันแค่สองคนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากลงมาก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง หน้าผาลึกทำเอานางสันหลังวาบเลยทีเดียวนางกลัวขึ้นมาหน่อยๆแต่ด้านหน้าก็ไม่เห็นหลังของเจ้าอารามโยวชิงแล้ว เซียวหลันยวนเองก็ยังคงจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่น ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวน่าสงสารขึ้นไปอีกนางหันกลับไป ก็เห็นซางจื่อที่เดินตามหลังมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเดินมาพักหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งโค้ง ก็มองเห็นเข้ากับถ้ำหินธรรมชาติ ด้านบนมีเถาวัลย์หนามอยู่มากมาย ห้อยลงมาบนศีรษะฟู่จาวหนิงมองเถาวัลย์เหล่า
ฟู่จาวหนิงเกิดความรู้สึกเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้งฮูหยินเฉิงดูจะเชื่อฟังง่ายไปหน่อยแล้ว อารมณ์นั่นสลายเร็วเกินไปไหม?เพราะคำพูดแผ่วเบาสองคำนั่นของเจ้าอารามหรือ?หรือจะบอวก่า เจ้าอารามมีบารมีแข็งแกร่งมาก แค่คำพูดที่เขาพูด คนอื่นก็เกิดความคิดโต้แย้งประท้วงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเลยหรือ?กลายเป็นว่าเชื่อฟังคำของเขาไปทั้งหมด?"ข้าอยากจะคุยกับพวกเขาสักหน่อย เจ้าลงเขาไปก่อนเถอะ ออกมานานแล้ว ธุระที่อุทยานเขา เจ้เาองก็ต้องไปจัดการอยู่"เจ้าอารามยังคงพูดเสียงอ่อนโยนกับฮูหยินเฉิงฮูหยินเฉิงลุกขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นข้าขอลงเขาก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร เจ้าอารามก็ส่งคนมาหาข้าได้เลย"เจ้าอารามพยักหน้าให้เบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลนลานขึ้นมา เดิมทีนางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ฮูหยินเฉิงปีนเกลียวเอาแต่เรียกนางว่าอาฝูอยู่แล้ว แต่ฮูหยินเฉิงเองก็คิดจะช่วยนางเรื่องแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆพอมีฮูหยินเฉิงอยู่ บางทีอาจจะช่วยนางพูดได้บ้าง ให้เจ้าอารามโยวชิงช่วยเหลือนางหน่อยตอนนี้ฮูหยินเฉิงไปแล้ว แล้วถ้านางมีหลายคำพูดที่พูดออกมาลำบากล่ะ?ข้างกายนางเองก็ไม่มีใครที่ใช้ได้ด้วย รู้สึกโดดเดี่ยวเ
"นี่เป็นชาที่อายวนปลูกเอาไว้ในอดีต มีชื่อว่ายอดชาหิมะ" เสียงของเจ้าอารามยังคงเหมือนสายลมแผ่วเบา ฟังแล้วเหมือนได้รับการปลอบประโลมฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้นางมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทั้งที่เจ้าอารามไม่ได้ปลอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตรงๆ แท้ๆ แต่เขาที่พูดมาแค่คำสองคำ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับสงบลงมาแล้ว นี่มันพลังมารอะไรกันเนี่ย?นี่ยิ่งทำให้ใจของฟู่จาวหนิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีกนางหันสายตาออกเล็กน้อย และสบเข้ากับถังอู๋เจวี้ยนพอดี เขากำลังมองนางอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ พอเห็นว่าสีหน้านางไม่เปลี่ยน ถังอู๋เจวี้ยนก็ยิ้มขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเห็นถึงแววปลื้มใจจากในรอยยิ้มของเขาปลื้มใจ? เขาจะปลื้มใจทำไมกัน? ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจสุดๆ"ชานี้รสชาติดีจริงๆ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากที่ดื่มชา ความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปแล้ว ดูแล้วเหมือนเป็ดขนฟูถูกลูบให้เรียบลง กลับมาอ่อนโยนว่าง่ายอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองการเปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ นี้ของนาง ในใจระแวดระวังขึ้นไปอีกนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งเซียวหลันยวนหรุบตาไม่มองนาง แต่กุมมือนางไว้ คลึงนิ้วของนางเบาๆ มองไม่ออกว่าจับความผิดปกติอะไรได้ห
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ