"พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อ จึงทำได้แค่รีบเดินทางต่อ" ป้าหนิวร้องไห้ออกมา "คงจะ คงจะไม่ได้ติดโรคมาตอนนั้นหรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงกับฟู่จิ้นเชินสบตากันนี่มัน...เป็นไปได้มากเลย"ตอนที่พวกท่านพักที่นั่น ใช้อะไรของพวกเขาบ้าง?" นางถามขึ้นป้าหนิวหน้าซีด ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรไม่ต้องถามก็คือใช้ไปแน่นอนผ้าห่ม จานชาม"เพราะ เพราะพวกเขาโกรธที่พวกเราเข้าไปใช้ของพวกเขาหรือเปล่า ดังนั้นเลยสาปชีวิตครอบครัวเราแบบนี้..." ป้าหนิวนั่งทรุดลงกับพื้น ร้องไห้ขึ้นมานางร้องไห้ฟูมฟานจนตัวเขียวปัด"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยว เช่นนั้นก็ควรไปตรวจสอบหน่อย ว่ามีประชาชนจากหมู่บ้านหนิวโกวเข้ามาในเมืองเจ้อหรือเปล่า?""ให้คนไปตรวจแล้ว หมู่บ้านหนิวโกวนั้น ผู้ประสบภัยคนอื่นที่ผ่าน ก็เป็นไปได้ว่าจะเข้าหมู่บ้านไปพักกัน..."ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยิ้มขืน "ตาเฒ่าอู๋เพื่อนบ้านป้าอาหลี่คนนั้นก็เข้าไปพักที่นั่นมาด้วย!""ข้าราชการที่ส่งจดหมายกลับมา ได้ถามสถานการณ์ตอนนี้ของหมู่บ้านหนิวโกวกหรือเปล่า? ตอนนี้มีผู้ประสบภัยคนอื่นป่วยไหม?""พวกเขาพอได้ยินเรื่องนี้ก็รีบถอยออกมาแล้ว รอจดหมายตอบกลับแล้วค่อยสืบต่อ"ข้าราชการพวกน
ต้องจ่ายเงินเองเพื่อซื้อวัตถุดิบยาจากโรงยาทงฝูจริงหรือ?"เช่นนั้นถ้าโรคนี้ระบาดออกมา คนป่วยยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ?" ต่งฮ่วนจือถามนั่นมันเป็นเงินก้อนโตมากเลยนะต่อให้จวนอ๋องเจวี้ยนก็เถอะ เงินของอ๋องเจวี้ยน จะหายไปจำนวนมากเลยทีเดียวเพราะพวกขเาไม่รู้ว่านับจากนี้จะมีคนป่วยมาอีกเรื่อยๆ หรือเปล่า ถ้าหากเพิ่มเป็นพันคนล่ะ?ถ้าหากระบาดไปถึงเมืองอื่นอีกล่ะ?"นอกจากวัตถุดิบยา ยังมีกำลังคนอีก ยังต้องสถานที่อยู่อาศัยอีก จะมาแออัดกันแบบนี้ไม่ได้ ตอนที่ล้วป่วย ยังต้องมีคนคอยดูแลพวกเขา ศิษย์น้องหญิง ตอนที่เจ้ารักษาพวกเขายังต้องฝังเข็ม แต่ที่นี่มีเจ้าแค่คนเดียวที่เป็น..."ต่งฮ่วนจือยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่า หากยังดูแลต่อไป ฟู่จาวหนิงได้ตายก่อนแน่นางคนเดียว จะดูแลคนป่วยมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน?"ศิษย์น้องหญิง ถ้าหากเจ้ายังทนต่อไป ต่อให้ไม่มมีโรคระบาด เจ้าก็จะล้มเอานะ"สืออีเองก็ตาแดงก่ำฟู่จาวหนิงเงียบไปพักหนึ่ง ตอบว่า "ใต้เท้าอันไประดมพลหมอกับวัตถุดิบยาจากที่อื่นแล้ว""พวกเรารู้ ใต้เท้าอันเป็นผู้ตรวจการคนหนึ่ง ตำแหน่งข้าราชการเขาไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้จะสั่งการผู้บริหารท้องถิ่นในสถานที่ต่างๆ เพื
"หมอฟู่ช่วยด้วย!"ข้าราชการหลายคนรีบแบกคนวิ่งเข้ามาพวกเขาล้วนรีบร้อนลนลาน คนที่ป่วยคือสหายของพวกเขา ดูแล้วน่ากลัวมาก นิ้วมือเองก็ม่วงหงิกงอไปแล้ว กระตุกไปทั้งตัวเพราะคนข้างกายจะตายอยู่แล้ว จึงทำให้พวกเขารีบจนลืมที่จะเลี่ยงออก"ท่านพ่อ เอาเข็มเงินให้ข้า!"ฟู่จาวหนิงลืมไปในพริบตาว่าตนเองอ่อนล้า ให้พวกเขาแบกคนเข้ามา วางไว้ในเรือน จากนั้นให้พวกเขาถอยออกไปให้หมดส่วนตนเองก็รีบเข้ามาช่วงเหลืออย่างเร่งด่วนข้าราชการคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อย แต่ตอนนี้หน้ากับมือม่วงไปแล้วฟู่จิ้นเชินรีบเอากล่องยาของนางออกมา ฟู่จาวหนิงฝังเข็มอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าตอนไหน เฉินเซียงประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยืนอยู่ตรงประตูห้องข้างนั้นมองเข้ามาเฉินเซียงพอเห็นสภาพของข้าราชการคนนั้น สีหน้าก็ขาวซีดไปนางจับแขนขององค์หญิงใหญ่ไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ"องค์หญิงใหญ่ เขา เขาจะตายไหม...""แค่กๆๆ น่า น่าจะรักษาได้กระมัง?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็มองการรักษาของฟู่จาวหนิงอย่างตึงเครียดพวกเขาแค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกกลัวขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้แค่รู้สึกว่าไอจนรู้สึกแย่เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าคนจะตายคนทั้งหมดล้วนจ้องมองเ
สืออีตอนนี้โกรธมากนี่มันตอนไหนแล้ว? ไป๋หู่ยังคิดจะมมาทะเลาะกับเขาอีกหรือ?"ข้าเองก็เป็นห่วงพระชายานะ!"สืออีตะโกนคำนี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ไป๋หู่นิ่งงันไป คำพูดที่คิดจะเอ่ยต่อมาที่มุมปากก็กลืนกลับลงไปเขาตอนนี้เองก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว สองตาของสืออีกแดงก่ำไปแล้วเรื่องนี้ก็โทษสืออีไม่ได้ เขาเหมือนจะพาลไปหน่อยๆ แล้วสืออีสูดลมหายใจลึก ให้ตนเองใจเย็นลงมา"การเลือกของพระชายา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะมาตัดสินใจ ต่อให้เจ้าจะเขียนจดหมายถึงคุณชายเสิ่น ก็ไม่มีทางให้คุณชายเสิ่นมารับนางไปได้"พวกเขาก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่มีความคิดของตนเอง นางมีจุดยืนและความคิดของตนเองอยู่ถ้าไม่สนความคิดนาง แล้วฝืนพานางออกไปมันเป็นไปไม่ได้เลย"ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?"ไป๋หู่อันที่จริงก็เข้าใจจุดนี้ดีแต่พวกเขาก็เป็นห่วงนางจริงๆ แล้วยังกังวลว่าถ้านางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเหนื่อยจนป่วยเอา"ข้าจะเกขียนจดหมายถึงท่านอ๋อง จดหมายด่วน"สืออียังรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าท่านอ๋องอยู่ที่นี่คงจะดี พวกเขาไม่มีทางเตือนพระชายาได้ บางทีท่านอ๋องอาจจะทำได้?"ใครก็ได้ ใครก็ได้ ใต้เท้าอันบาดเจ็บแล้ว!"เสียงของเสี่ยวเจียงส่งมาจากด้
ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้
สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน
เสียงโครมดังขึ้น เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าเลือดถูกต้มจนเดือดปุดขึ้นมาถึงกระหม่อม"ฟู่!จาว!หนิง!"เขากัดฟันเอ่ยชื่อฟู่จาวหนิงออกมาทีละคำๆนางกล้าดีอย่างไร จึงกล้ามาหยามหมิ่นเขาเช่นนี้?ชาวบ้านรอบๆ ก็ล้วนตาโตพูดไม่ออกกันหมด จากนั้นจึงมองพวกเขาทั้งสองและพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณหนูฟู่พูดออกมานั้นถูกต้องเซียวเหยียนจิ่งจ้องนางอย่างเกลียดชัง "ฟู่จาวหนิง เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน! ข้าตอนนี้จะคอยดู ว่าเจ้าจะไสหัวกลับไปอย่างไร! เจ้าอย่าลืมว่าปู่ของเจ้า ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วสินะ เจ้าเชื่อไหมว่าพอเจ้าเหยียบเข้าประตูจวนไปและเขารู้ว่าเจ้าถูกถอนหมั้น เขาคงขาดใจตายทันทีแน่?"ฟู่จาวหนิงจ้องเขาตาลุกโชนเซียวเหยียนจิ่งเจ้าผู้ชายขยะ ป่านนี้แล้วยังจะมาคุกคามนางอีก!แต่ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลย ผู้เฒ่าฟู่เวลานี้คงทนรับเรื่องแรงๆ ไม่ไหวเซียวเหยียนจิ่งพอเห็นนางไม่โต้กลับ ก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา "แล้วก็ที่เจ้าหยามหมิ่นรัชทายาทอย่างข้าวันนี้ ข้าจดจำไว้หมดแล้ว เจ้าอย่าได้หวังว่าจะหาสามีได้อีก"เขาจะคอยดูว่าตระกูลไหนจะก
"จวนอ๋องเซียว?"ชายหนุ่มในรถม้าพอลิ้มรสสามคำนี้ น้ำเสียงก็เปลี่ยนทันควัน "ไสหัวไปไกลๆ"เซียวเหยียนจิ่งตะลึงงันด้วยโทสะ รู้ถึงตัวตนฐานะเขาแล้ว แต่กลับยังไล่ให้เขาไสหัวไป?"ไม่ได้ยินที่ท่านอ๋องพูดหรือ?" ทหารตบลงที่หัวม้า ม้างามก็ยกเท้าหน้าขึ้นทันที ถีบพัดเซียวเหยียนจิ่งออกไปอย่างแรง"อ๊า!"เซียวเหยียนจิ่งถูกม้าถีบจนปลิว ตกกระแทกลงไปที่หน้าหลี่จื่อเหยาพอดี นางรีบร้อนเข้าไปประคองตัวเขา "พี่เซียว!"นางกระโจนตัวขึ้น ถลึงตาไปทางรถม้าด้วยความโกรธ "อ๋องเจวี้ยนอะไรกัน! คุณหนูอย่างข้าไม่เห็นจะเคยได้ยิน ขนาดพี่ชายองค์รัชทายาทก็ยังรักข้ายอมให้ข้ามาตลอด แล้วเจ้าสูงส่งกว่าท่านพี่องค์รัชทายาทหรือ? ข้าจะบอกเจ้านะ บิดาข้าคือหมอเทวดาหลี่!"ทหารที่เดิมทีชักกระบี่ออกมาแล้วพอได้ยินคำว่าหมอเทวดาหลี่ ท่าทางก็หยุดลงทันที เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิง ลังเลขึ้นมา"อ๋องเจวี้ยนจะเสียเวลาอีกไม่ได้ โทษของเจ้าคนโง่ที่ไม่เคารพต่อท่านอ๋อง ข้าจะสั่งสอนนางแทนท่านอ๋องเอง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม กระชากกระบี่ของทหารออกมา สาวเท้าขึ้นหน้าไปทางหลี่จื่อเหยา ชูกระบี่ แสงเย็นวาบ เสียงแควกดังขึ้น หลี่จื่อเหยารู้สึกหน้าอ
สืออีตอนนี้โกรธมากนี่มันตอนไหนแล้ว? ไป๋หู่ยังคิดจะมมาทะเลาะกับเขาอีกหรือ?"ข้าเองก็เป็นห่วงพระชายานะ!"สืออีตะโกนคำนี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่ไป๋หู่นิ่งงันไป คำพูดที่คิดจะเอ่ยต่อมาที่มุมปากก็กลืนกลับลงไปเขาตอนนี้เองก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว สองตาของสืออีกแดงก่ำไปแล้วเรื่องนี้ก็โทษสืออีไม่ได้ เขาเหมือนจะพาลไปหน่อยๆ แล้วสืออีสูดลมหายใจลึก ให้ตนเองใจเย็นลงมา"การเลือกของพระชายา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะมาตัดสินใจ ต่อให้เจ้าจะเขียนจดหมายถึงคุณชายเสิ่น ก็ไม่มีทางให้คุณชายเสิ่นมารับนางไปได้"พวกเขาก็รู้ว่าฟู่จาวหนิงเป็นคนที่มีความคิดของตนเอง นางมีจุดยืนและความคิดของตนเองอยู่ถ้าไม่สนความคิดนาง แล้วฝืนพานางออกไปมันเป็นไปไม่ได้เลย"ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?"ไป๋หู่อันที่จริงก็เข้าใจจุดนี้ดีแต่พวกเขาก็เป็นห่วงนางจริงๆ แล้วยังกังวลว่าถ้านางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเหนื่อยจนป่วยเอา"ข้าจะเกขียนจดหมายถึงท่านอ๋อง จดหมายด่วน"สืออียังรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าท่านอ๋องอยู่ที่นี่คงจะดี พวกเขาไม่มีทางเตือนพระชายาได้ บางทีท่านอ๋องอาจจะทำได้?"ใครก็ได้ ใครก็ได้ ใต้เท้าอันบาดเจ็บแล้ว!"เสียงของเสี่ยวเจียงส่งมาจากด้
"หมอฟู่ช่วยด้วย!"ข้าราชการหลายคนรีบแบกคนวิ่งเข้ามาพวกเขาล้วนรีบร้อนลนลาน คนที่ป่วยคือสหายของพวกเขา ดูแล้วน่ากลัวมาก นิ้วมือเองก็ม่วงหงิกงอไปแล้ว กระตุกไปทั้งตัวเพราะคนข้างกายจะตายอยู่แล้ว จึงทำให้พวกเขารีบจนลืมที่จะเลี่ยงออก"ท่านพ่อ เอาเข็มเงินให้ข้า!"ฟู่จาวหนิงลืมไปในพริบตาว่าตนเองอ่อนล้า ให้พวกเขาแบกคนเข้ามา วางไว้ในเรือน จากนั้นให้พวกเขาถอยออกไปให้หมดส่วนตนเองก็รีบเข้ามาช่วงเหลืออย่างเร่งด่วนข้าราชการคนนี้ดูแล้วอายุยังน้อย แต่ตอนนี้หน้ากับมือม่วงไปแล้วฟู่จิ้นเชินรีบเอากล่องยาของนางออกมา ฟู่จาวหนิงฝังเข็มอย่างรวดเร็วไม่รู้ว่าตอนไหน เฉินเซียงประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยืนอยู่ตรงประตูห้องข้างนั้นมองเข้ามาเฉินเซียงพอเห็นสภาพของข้าราชการคนนั้น สีหน้าก็ขาวซีดไปนางจับแขนขององค์หญิงใหญ่ไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ"องค์หญิงใหญ่ เขา เขาจะตายไหม...""แค่กๆๆ น่า น่าจะรักษาได้กระมัง?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็มองการรักษาของฟู่จาวหนิงอย่างตึงเครียดพวกเขาแค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกกลัวขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้แค่รู้สึกว่าไอจนรู้สึกแย่เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าคนจะตายคนทั้งหมดล้วนจ้องมองเ
ต้องจ่ายเงินเองเพื่อซื้อวัตถุดิบยาจากโรงยาทงฝูจริงหรือ?"เช่นนั้นถ้าโรคนี้ระบาดออกมา คนป่วยยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ?" ต่งฮ่วนจือถามนั่นมันเป็นเงินก้อนโตมากเลยนะต่อให้จวนอ๋องเจวี้ยนก็เถอะ เงินของอ๋องเจวี้ยน จะหายไปจำนวนมากเลยทีเดียวเพราะพวกขเาไม่รู้ว่านับจากนี้จะมีคนป่วยมาอีกเรื่อยๆ หรือเปล่า ถ้าหากเพิ่มเป็นพันคนล่ะ?ถ้าหากระบาดไปถึงเมืองอื่นอีกล่ะ?"นอกจากวัตถุดิบยา ยังมีกำลังคนอีก ยังต้องสถานที่อยู่อาศัยอีก จะมาแออัดกันแบบนี้ไม่ได้ ตอนที่ล้วป่วย ยังต้องมีคนคอยดูแลพวกเขา ศิษย์น้องหญิง ตอนที่เจ้ารักษาพวกเขายังต้องฝังเข็ม แต่ที่นี่มีเจ้าแค่คนเดียวที่เป็น..."ต่งฮ่วนจือยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่า หากยังดูแลต่อไป ฟู่จาวหนิงได้ตายก่อนแน่นางคนเดียว จะดูแลคนป่วยมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน?"ศิษย์น้องหญิง ถ้าหากเจ้ายังทนต่อไป ต่อให้ไม่มมีโรคระบาด เจ้าก็จะล้มเอานะ"สืออีเองก็ตาแดงก่ำฟู่จาวหนิงเงียบไปพักหนึ่ง ตอบว่า "ใต้เท้าอันไประดมพลหมอกับวัตถุดิบยาจากที่อื่นแล้ว""พวกเรารู้ ใต้เท้าอันเป็นผู้ตรวจการคนหนึ่ง ตำแหน่งข้าราชการเขาไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้จะสั่งการผู้บริหารท้องถิ่นในสถานที่ต่างๆ เพื
"พวกเราเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อ จึงทำได้แค่รีบเดินทางต่อ" ป้าหนิวร้องไห้ออกมา "คงจะ คงจะไม่ได้ติดโรคมาตอนนั้นหรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงกับฟู่จิ้นเชินสบตากันนี่มัน...เป็นไปได้มากเลย"ตอนที่พวกท่านพักที่นั่น ใช้อะไรของพวกเขาบ้าง?" นางถามขึ้นป้าหนิวหน้าซีด ไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรไม่ต้องถามก็คือใช้ไปแน่นอนผ้าห่ม จานชาม"เพราะ เพราะพวกเขาโกรธที่พวกเราเข้าไปใช้ของพวกเขาหรือเปล่า ดังนั้นเลยสาปชีวิตครอบครัวเราแบบนี้..." ป้าหนิวนั่งทรุดลงกับพื้น ร้องไห้ขึ้นมานางร้องไห้ฟูมฟานจนตัวเขียวปัด"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยว เช่นนั้นก็ควรไปตรวจสอบหน่อย ว่ามีประชาชนจากหมู่บ้านหนิวโกวเข้ามาในเมืองเจ้อหรือเปล่า?""ให้คนไปตรวจแล้ว หมู่บ้านหนิวโกวนั้น ผู้ประสบภัยคนอื่นที่ผ่าน ก็เป็นไปได้ว่าจะเข้าหมู่บ้านไปพักกัน..."ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวยิ้มขืน "ตาเฒ่าอู๋เพื่อนบ้านป้าอาหลี่คนนั้นก็เข้าไปพักที่นั่นมาด้วย!""ข้าราชการที่ส่งจดหมายกลับมา ได้ถามสถานการณ์ตอนนี้ของหมู่บ้านหนิวโกวกหรือเปล่า? ตอนนี้มีผู้ประสบภัยคนอื่นป่วยไหม?""พวกเขาพอได้ยินเรื่องนี้ก็รีบถอยออกมาแล้ว รอจดหมายตอบกลับแล้วค่อยสืบต่อ"ข้าราชการพวกน
ป้าหนิวคิดถึงครอบครัวตนเองที่ป่วยตายระหว่างทาง ก็ก้มหน้าลงปาดน้ำตาในใจนางเองก็เจ็บปวดมากในบ้านเหลือนางแค่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวก็ล้วนป่วยตายกลางทางในจุดที่แตกต่างกัน กระทั่งไม่ได้จัดการฝังไว้ด้วยกันดีดี พอคิดแล้ว ก็เหมือนทั้งห้าคน ราวกับเป็นหลุมศพทิ้งร้างข้างทางห้าหลุมตอนนั้นนางไม่รู้จริงๆ ว่าโรคนี้จะระบาดได้รุนแรงขนาดนี้ คิดแค่ว่าครอบครัวพวกเขาเดิมทีก็อยู่ด้วยกัน ร่างกายก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ดังนั้นจะป่วยไปด้วยกันก็ไม่แปลกบ้านเกิดพวกเขาเองก็มีคนมากมายที่เป็นดรคหวัด ไม่กินไม่ดื่ม และไม่ได้รักษากินยา จนกระทั่งป่วยตายไปการป่วยตายสำหรับคนจนอย่างพวกเขาถือว่าเป็นเรื่องปกติ นางไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นตอนที่สามีนางตายบอกกับนางว่า ตายไปยังสู้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ต่อให้ในบ้านจะป่วยตายกัน เหลือนางแค่คนเดียวก็ยังต้องมีชีวิตต่อ หลังจากนี้จะได้ยังพอเผากระดาษให้ครอบครัวได้ด้วยประโยคนี้ ป้าหนิวจึงยืนหยัดต่อมาไม่เช่นนางนั้นคงตามคนในครอบครัวไปด้วยกันแล้ว"ป้าหนิว ท่านอย่าไปคิดมาก ท่านช่วงนี้ช่วยเหลือมามากมายแล้ว เป็นคนดีแน่นอน" ฟู่จาวหนิงตบลงบนบ่านาง"ขอบคุณมากหมอฟู่ ท่านมีงานอะไร
เป็นเจ้าโรคนั้นแล้วหรือ?"ฮูหยิน ท่านไม่สบายตรงไหน?""มีไข้ มึนหัว ตอนนี้ทั้งตัวไม่มีแรงแล้ว เอว เอวก็ปวด แล้วยังไออีก"ต่งฮ่วนจือพอได้ยินก็รู้สึกว่าแย่แล้วเหมือนอาการจะตรงกันหมดเลยตอนนี้เองอาเหอก็ออกมา พอเห็นหญิงสาว แม้นางจะสวมหน้ากากปิดจมูกอยู่ แต่เนื่องจากหลายวันนี้เขายุ่งอยู่กับการจัดแจงที่พั จึงจำนางได้"ป้าอาหลี่?""ข้า ข้าเอง""ผู้จัดการต่ง นาง นางคือคนในท้องถิ่นขอรับ" อาเหอบอกต่งฮ่วนจือสองคนสบตากัน สายตาเคร่งขรึมฟู่จาวหนิงบอกไว้ว่ากังวลเรื่องที่คนท้องถิ่นจะติดโรคระบาด นั่นอาจจะระบาดออกเป็นวงกว้างได้ ตอนนี้มีคนท้องถิ่นติดโรคแล้วจริงๆป้าหาหลี่เอ่ยขึ้น "แล้วก้ พวกเราในซอยนั้นยังมีตาเฒ๋าอู๋ที่อาศัยอยู่คนเดียวอีกคน เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินผ่านบ้านเขา ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรง ข้าไม่กล้าไปดู ไม่รู้ว่าต้องรายงานใต้เท้าโหยวไหม?""ซู๊ด"สถานการณ์แย่แล้วจริงๆ"ป้าอาหลี่ ท่านรอก่อน"อาเหอเข้าไปบอกคำหนึ่ง ให้คนถอยออกไปก่อน จากนั้นจึงให้ป้าอาหลี่เข้ามา เดินตามตนเองไปยังห้องข้างฝั่งตะวันตกที่ประตูวงกลม ฟู่จิ้นเชินตรวจดูนางให้ก่อน จากนั้นค่อยตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงส่วนอาเห
ภรรยาอายุน้อยคนหนึ่งกำลังหอบฟืนเดินเข้ามา พอได้ยินเสียงไอของแม่สามี จึงรีบเดินเข้าไป"ท่านแม่ ไม่สบายตรงไหนหรือเลป่า ให้ข้าต้มแทนให้เถอะ""แค่ต้มข้าวต้มเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่กๆๆ"ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพอเห็ฯนาง แม้จะรู้สึกพูดลำบาก แต่พอได้ยินนางไออีกครั้งก็ยังทนไม่ไหว"ท่านแม่ ใต้เท้าโหยวไม่ใช่บอกแล้วหรือ ว่าคนที่ไปช่วยแจกข้าวต้มไม่ให้กลับมาบ้านชั่วคราว? เพราะว่ากลัวผู้ประสบภัยพวกนั้นระบาดโรคใส่หรือเปล่า ก่อนหน้านี้ท่านก็ไปช่วยมานี่นา ถ้าอย่างนั้น..."หญิงสาวตัวแข็งไป "ไม่ ไม่หรอกกระมัง? เมื่อวานข้าไม่ได้ไป วันก่อนเลยกลับมา"เมื่อวานบอกว่าคนที่ไปช่วยอย่าเพิ่งกลับบ้านชั่วคราว ให้อยู่ที่ศูนย์พักพิงกันก่อนเมื่อวันก่อนตอนกลางคืนนางมีธุระพอดีจึงขอลากลับมา พอได้ยินข่าวก็เลยไม่ได้ไปอีกเมื่อวานยังมีข้าราชการเข้ามาถามอยู่เลย ว่านางมีตรงไหนไม่สบายบ้างไหม แต่เมื่อวานนังยังไม่เริ่มไป แค่รู้สึกตัวเย็นหน่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าน่าจะเหนื่อยเกินไป ไม่ได้นอนดีดี ไม่รู้สึกว่าตนเองป่วยเลยบอกไปว่าไม่มีผลคือวันนี้กลับเริ่มไอเสียแล้ว"ศูนย์พักพิงทางนั้นวันนี้พาคนไปแล้วหลายคน ครั้งนี้บอกว่
เฉินเซ๊ยงเดินไปเดินมา กัดฟัน ทำความเคาระ "หมอเทวดาฟู่ แค่กๆ รบกวนท่านไปฝังเข็มให้พวกเราที...""ยุ่งอยู่ ตอนนี้ยังไปไม่ได้" ฟู่จาวหนิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าเฉินเซียงขบฟันแน่น "เช่นนั้นพวกเราจะรอ ขอเชิญหมอเทวดาฟู่รีบมาด้วย!"องค์หญิงใหญ่อ่อนข้อให้แล้ว นางเองก็ทำได้แค่ก้มหัวต่ำรอจนนางออกไปแล้ว ป้าหนิวจึงเบ้ปาก "กว่าจะมากันได้?"วิชาแพทย์ของหมอฟู่นั้นยอดเยี่ยมมาก ถ้าไม่ใช่พวกนางรนหาที่ตายกัน ต่อให้อาจจะไม่ได้ดีขึ้นทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องดีขึ้นบ้างตอนนี้องค์หญิงใหญ่นั่นแค่ลุกจากเตียงก็ยังไม่ได้ เฉินเซียงนี่ก็เหมือนจะเป็นลมแหล่ไม่เป็นลมแหล่อยู่แล้วร่างกายของตัวเองแท้ๆ ทำไมต้องมาทะเลาะกับหมอแบบนี้กัน?ฟู่จาวหนิงกว่าจะจัดการเสร็จ มานั่งพักใต้ต้นไม้กับฟู่จิ้นเชินด้านนอกฟู่จิ้นเชินยื่นน้ำให้นางแก้วหนึ่ง จากนั้นลุกไปยืนด้านหลังนาง "รังเกียจที่ข้าจะนวดไหล่ให้ไหม?"ไม่รอให้ฟู่จาวหนิงพูด มือของเขาก็วางอยู่บนบ่านางแล้ว ออกแรงกดนวดให้นางหลายวันนี้ ฟู่จาวหนิงเหนื่อยเกินไปแล้ว ทุกวันเหมือนสองมือไม่ใช่ของตนเอง บ่ากับคอก็เมื่อยไปหมด ตอนนี้มีคนมาเป็นห่วงตนเองแบบนี้ ช่วยนวดให้ซักหน่อย นางก็ร
"ป้าหนิว ท่านพาคนป่วยที่อาการเบาลงแล้วพวกนั้นย้ายมาที่ห้องนี้ แล้วให้คนป่วยใหม่เข้ามา"ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ห้องที่นางพักอยู่ข้างๆ นี้ ตอนนี้มีแค่ห้องนี้แล้วที่ยังว่าง"อะไรนะ? ท่านจะให้พวกเขาเข้ามาอีกหรือ? แค่กๆๆ ไม่ได้นะ..."เฉินเซียงพอได้ยิน ก็คัดค้านทันที"ก่อนหน้านี้คุยกันไว้ดีแล้ว ว่าจะไม่ให้คนพวกนี้เข้ามา ตอนนี้ทำไมถึงกลับคำ...""ใครคุยไว้ดีแล้วกับเจ้ากัน?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้นมา ไม่สนใจนางคนป่วยห้าคนนั้นถูกส่งตัวเข้ามา ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่กับการจัดพวกเขา แล้วต้องไปรักษาพวกเขาอีกฟู่จิ้นเชินเองก็รีบเข้ามาช่วยเฉินเซียงโมโหจนทนไม่ไหว ปิดประตูดังปัง เข้าไปฟ้องกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"องค์หญิงใหญ่ ฟู่จาวหนิงน่ารังเกียจนัก นางไม่ญาติดีกับท่านจริงๆ! ตามหลักการแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านก็แค่คิดจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนที่ทัดเทียมกับนางแค่นนั้นเอง ไม่ได้คิดจะให้นางออกจากตำแหน่งเสียหน่ยอ ท่านเป็นถึงองคืหญิงใหญ่ก็ถือว่าลดตัวลงมาแล้ว แต่นางกลับทำตัวหยิ่งยโส?"ความอ่อนโยนขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเกือบจะถูกทำลายลงเพราะอาการป่วยนี่แล้วนางนอนอยู่บนเตียง ไอจนแทบไม่อาลัยอาวรณ์ในชีวิตอีก