บนตัวข้าอาจจะมีเชื้อโรคอยู่เซียวหลันยวนพอได้ยินฟู่จาวหนิงพูดประโยคนี้ ก็ไม่รู้เพราะอะไรใจถึงอ่อนยวบลงมาแต่เขาก็รู้สึกอยากจะหัวเราะ"เด็กโง่"เห็นนางแต่งตัวประหลาดแบบนี้ สุดท้ายเขาก็ฟังนาง ไม่ได้ดึงนางเข้ามาก่อนตามที่ใจปรารถนา"เสียงทำไมถึงได้แหบแบบนั้น?" เขาถามขึ้น"ดื่มน้ำน้อยไปหน่อย" ฟู่จาวหนิงตอบกลับอย่างว่าง่าย"หลังจากนี้ก็ดื่มเยอะๆ หน่อย""ได้เลย""อะแฮ่ม" อันเหนียนกระแอมออกมาสองที "ทั้งสองคน พวกเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าข้า"ใต้เท้าผู้ตรวจการตัวเบ้อเร่ออย่างเขา มองไม่เห็นหรือไรกัน?คนบาดเจ็บตัวเบ้อเร่ออย่าเขา นี่จงใจมองข้ามกันเรอะ?เซียวหลันยวนจึงก้มหน้าเหลือบมองเขา"ใต้เท้าอันดูซมซานน่าดู ถูกใครเขาอัดมารึ?" เขาถามขึ้นอันเหนียนยิ้มขืน "กระดูกแขนน่าจะหักไปแล้ว ขาเองก็พลิกด้วย บวมอีกต่างหาก แล้วยังถูกกรีดตั้งแผลเบ้อเร่อ มันก็ดูซมซานจริงๆ นั่นล่ะ""โอ้ เมื่อครู่ข้าเห็นพระชายาจะมารักษาเจ้า แต่ใต้เท้าอันดันห้ามไว้?"พอคำนี้ออกมา ใจของคนอื่นๆ ก็พุ่งขึ้นมาถึงคอหอยแล้วใต้เท้าอันเมื่อครู่ยื่นมือไปประคองฟู่จาวหนิง ไม่ให้นางนั่งลงตรวจอาการฉากนี้ ถูกอ๋องเจวี้ยนเห็นเข้าแล้วหรื
เขามองฟู่จาวหนิงเขม็ง ครู่หนึ่ง จึงถอยออกมาสองก้าว"หนิงหนิงจะดูอาการให้ใต้เท้าอันก่อนสินะ?"ฟู่จาวหนิงเห็นแผลของอันเหนียนแล้วบาดเจ็บที่ข้อมือกับขา ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต ดังนั้นนางจึงเบาใจขึ้นมา"ข้าขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อกับถุงมือก่อน"นางหมุนตัวเข้าไปในเรือนอีกครั้ง แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมา "ท่านเข้าไปไม่ได้นะ"พอพันกลับ ก็เห็นว่าเซียวหลันยวนกำลังจะเข้ามา สืออีก็เหมือนจะบื้อกันไปหมด ไม่มีใครมาขวางเขาเลย"เข้าไปไม่ได้?"เซียวหลันยวนคิดถึงสถานการณ์ที่พวกเขาเขียนไว้ในจดหมาย จึงยืนนิ่งไป"ข้าไม่เข้าไป"เขายืนอยู่ที่นี่ เฉินเซียงที่อยู่ด้านในก็มองเห็นเขาแล้วฟู่จิ้นเชินเมื่อครู่ใช้น้ำเสียงเด็ดขาดกล่าวโทษนาง นางไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่ดุด่าอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ พอเงยหน้าขึ้นอย่างเคืองๆ ก็เห็นเข้ากับอ๋องเจวี้ยนที่ยืนอยู่ข้างประตูวงกลม จึงไม่สนใจฟู่จิ้นเชินแล้ว"อ๋องเจวี้ยน!"อ๋องเจวี้ยนมาแล้วหรือ?เฉินเซียงตาเป็นประกาย ในใจก็ลิงโลด วิ่งเข้าไปด้านในทันที"องค์หญิงใหญ่ อ๋องเจวี้ยนมาแล้ว! เขามาที่เมืองเจ้อแล้ว!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ฟุบไออยู่ข้างเตียงพอได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนมาแล้ว
"ชุดด้านนอกนั่น...ต้องใส่เอาไว้จริงหรือ?"เซียวหลันยวนไม่รู้มันเรียกว่าอะไรแต่ก็ปิดบังร่างนางเอาไว้จนหมดเซียวหลันยวนอันที่จริงก็ไม่ได้เจอนางมาเกือบเดือนแล้ว ฟู่จาวหนิงผอมลงไปแค่ไหน ถึงทำให้น้ำเสียงในจดหมายของสืออีร้อนรนเสียขนาดนั้นเขามองดวงตาฟู่จาวหนิงดวงตาโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้านั้นต้องซูบผอมลงไประดับหนึ่งแน่"ในนี้มีแต่คนที่ป่วยโรคระบาด" ฟู่จาวหนิงตอนนี้อันที่จริงก็อยากเข้าไปกอดเขา ก่อนหน้านี้นางรู้สึกมาตอลดว่าตนเองเป็นคนที่แข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว ไม่ค่อยมีเวลาที่อ่อนแอมากนัก ต่อให้มีก็ยังรักษาตัวเองได้แต่ตอนนี้นางปรารถนาอ้อมกอดเขามากแต่นางก็ทำไม่ได้แม้จะชะล้างไป เปลี่ยนชุดอะไรก็แล้ว แต่นางก็ยังเข้าใกล้เขาในตอนนี้เซียวหลันยวนยื่นสองมือมาทางนาง"ข้ากอดหน่อย"ถ้ากอดสักหน่อย เขาก็จะรู้ว่านางผอมไปแค่ไหนแล้ว"ไม่ดีหรอก? ตอนนี้บนตัวข้าสกปรกมาก" ในดวงตาฟู่จาวหนิงมีรอยยิ้ม"ข้ามาจากเมืองหลวง ควบม้ามาสามวันยังไม่ได้อาบน้ำเลย สกปรกเหมือนกัน" เซียวหลันยวนตอบพอได้ยินว่าเขาควบม้ามาสามวัน ใจฟู่จาวหนิงก็สั่นวาบ การที่เขามาที่นี่เพื่อนาง ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อยู่แล้วเพร
ฟู่จาวหนิงเดินมาข้างๆ อันเหนียน อันเหนียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ "ไม่อย่างนั้น ให้ลุงฟู่มาดูข้าดีไหม?"เขามองความคิดเล็กคิดน้อยของอ๋องเจวี้ยนไม่ออกเสียที่ไหน?แต่ที่นี่ก็มีแค่ฟู่จาวหนิงคนเดียวที่เป็นหมอจริงๆ"อย่าขยับ"ฟู่จาวหนิงไม่มองเขา แค่จับแขนเขาไว้ บิดกระดูกข้อมือเขาแล้วถามไปด้วย"ไปบิดมาท่าไหน? แค่บอกท่าทางมาหน่อย แล้วก็บอกเรื่องแผลบนขาด้วย"อันเหนียนดูจนใจมาก เขาจึงต้องเล่าออกมารอบหนึ่งเซียวหลันยวนที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยินพอดี"ดังนั้น พวกเขาก็เลยจราจลขึ้นมา" ฟู่จาวหนิงเอ่ยคำนี้ จากนั้นจึงจับมือของอันเหนียน ดันๆ บิดๆ และได้ยิงเสียงดังแกร๊กขึ้นมาอันเหนียนปวดจนแทบจะร้องออกมาแต่พริบตาต่อมา เขากลับรู้สึกว่าความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ที่ข้อมือเขาลดลงไปมากแล้วเขาทดลองจะหมุนๆ ดูด้วยสัญชาตญาณ"อย่าขยับ"ฟู่จาวหนิงห้ามทันที "กระดูกของท่านผิดรูปไปหน่อย หลังจากดันเข้าที่แล้วต้องดามไว้ให้นิ่งๆ สักสองสามวัน ตอนนี้ถ้าขยับมั่วซั่วเดี๋ยวจะผิดรูปไปอีก หลังจากนี้ถ้ารักษาไม่ดี ข้อมือของท่านก็จะเจ็บเป็นระยะๆ ขึ้นมา"ถ้าหากหมอทั่วไปจัดการพันให้นิ่งส่งเดช ก็จะรักษาได้ไม่ดีจนเปลี่ยนรูป ภายหลัง
"วางใจได้ ทักษะเย็บปิดของข้าดีมาก หลังจากเย็บแล้ว รอยแผลเป็นจะจางมาก จะมีแค่รอยด้ายเส้นหนึ่งเท่านั้น" ฟู่จาวหนิงคิดว่าเขากลัวมาก จึงอธิบายขึ้นมาคำหนึ่งอันเหนียนกลับตกตะลึงสั่นสะเทือน"บาดแผลของข้า จะไม่เหลือรอยแผลเป็นน่าเกลียดหรือ?"เดิมทีเขาทำใจไว้แล้ว ว่าน่องนี้ภายหลังจะมีแผลเป็นน่าเกลียดใหญ่ๆ แผลหนึ่งแน่นอน น่าจะขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อเลยทีเดียว แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าจะเหลือรอยจางๆ เส้นเดียวเท่านั้น?"ถ้าไม่เย็บปิดล่ะก็ จะเป็นแบบนั้นนั่นล่ะ แผลเป็นหนักหนามาก แต่ถ้าเย็บก็จะไม่เป็น" ฟู่จาวหนิงตอบ"นี่เจ้าจะเย็บหรือไม่เย็บกันแน่?" เซียวหลันยวนเริ่มหมดความอดทนเขาไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงมารักษาขาเขาด้วยซ้ำ แต่อันเหนียนกลับยังกล้าลังเลอีก ถ้ายังลังเลอีกนิดเดียว เข้าจะพาฟู่จาวหนิงไปแล้ว ปล่อยให้เขามีแผลเป็นซะเซียวหลันยวนเหลือบตามองผาดหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า "หนิงหนิง พันแผลให้เขาไปเลยแล้วกัน ชายชาตรีทั้งแท่ง มีแผลเป็นที่ขา ปกติก็มองไม่เห็นด้วย จะไปคิดมากทำไม?"ก่อนหน้านี้บนหน้าเขายังมีแผลเป็นพิษด้วยซ้ำอันเหนียนยังจะลังเลอีกที่ไหน?เขากำลังตกตะลึง จึงตั้งสติกลับมาไม่ได้ตอนนี้พอได
"เสร็จแล้ว ห้าวันอย่าให้โดนน้ำล่ะ อีกสองสามวันข้าจะมาเลาะด้ายออกให้""แค่นี้คือเสร็จแล้วหรือ?" อันเหนียนถามขึ้นอย่างงงงัน"ทำไม รู้สึกว่ายังเย็บไม่สะใจพอหรือ?" เซียวหลันยวนต่อคำเขามาให้ "ข้าเฉือนให้เจ้าอีกสักแผลดีไหม?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดขึ้นมา "อย่าเอะอะ"อันเหนียนแหงนตาขึ้นมองเซียวหลันยวน "จริงด้วย อ๋องเจวี้ยน ท่านรู้ใช่ไหม องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น...""อ๋องเจวี้ยน"เสียงอันเหนียนยังไม่ทันขา ดในประตูวงกลมก็มีเสียงอ่อนหวานดังขึ้น ใช้น้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจน่าสาร เรียกเซียวหลันยวนขึ้นมาเซียวหลันยวนมองไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมาก!ยิ่งไปกว่านั้นหน้ายังเหลือง ตาบวมแดง ถูกเฉินเซียงประคองขึ้นก็ยังยืนไม่นิ่ง อ่อนไหวเหมือนต้นหลิ่วต้องลม"นางทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้?" เซียวหลันยวนไม่เข้าใจเขารู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ที่นี่ จดหมายของพวกเขามีเขียนไว้แล้วอันเหนียนเลิกคิ้วขึ้น "แล้วนางเดิมทีเป็นอย่างไรกัน? โอ้ ข้าน้อยลืมไป ปีที่แล้วอ๋องเจวี้ยนไปต้าชื่อมานี่นะ ได้ยินว่าตอนนั้นช่วยชีวิตองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ด้วยนี่ ใช่ไหม?"ใต้เท้าผู้ตรวจการที่ซ่อนนัย อยากจะเอาคืนที่อ๋องเจวี
"ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นแค่คนแปลกหน้า เห็นคนแปลกหน้าแล้วมีอะไรน่าดีใจกัน?"แค่คนแปลกหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำนี้ของอ๋องเจวี้ยนแล้วหน้าซีดไปนางมองอ๋องเจวี้ยนอย่างไม่อยากเชื่อ พวกเขาจะอย่างไรก็ไม่เหมือนคนแปลกหน้ากันนี่นา?"อ๋องเจวี้ยนมีบุญคุณช่วยชีวิตข้าไว้ ตอนนั้นที่ต้าชื่อ เดิมทีข้าเองก็ชื่นชมท่านอ๋อง มีบุญคุณช่วยชีวิตก็ต้อง..." ทดแทนบุญคุณด้วยร่างกายสิองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดยังไม่ทันจบ เซียวหลันยวนก็ตัดบทนางอย่างเย็นชา"บางครั้ง ข้าเองก็มีคุณธรรมช่วยเหลือเมื่อเห็นความไม่ถูกต้อง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็ฯใคร ก็จะนิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือไม่ได้ แต่ว่า ข้าไม่ได้หวังให้องค์หญิงใหญ่มาตอบแทนอะไร"ประโยคของเขาแทบจะพูดอย่างชัดเจนว่า:ถ้าจะทดแทนคุณด้วยร่างกาย นั่นจะกลายเป็นทดแทนบุญคุณด้วยความแค้นนะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร่างโงนเงนอ๋องเจวี้ยนพูดกับนางเช่นนี้ไม่มีการเกรงใจเลยแม้แต่น้อยเฉินเซียงเองในใจก็ดำดิ่ง ท่าทีของอ๋องเจวี้ยนต่อองค์หญิงใหญ่ แตกต่างจากที่พวกนางคิดไว้อย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้นี่นานางกัดฟัน ประคององค์หญิงใหญ่ มองเซียวหลันย
เซียวหลันยวนตอนนี้รู้สึกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ฉลาดเอาเสียเลยถ้าทิ้งสาเหตุที่เขาไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงโกรธจากการหึงหวง แค่พูดว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ป่วยอยู่ นางควรจะเลี่ยงให้มากที่สุดสิ จะได้ไม่ระบาดโรคใส่เขายังไม่พูดเรื่องความรู้สึกดีหรือไม่ดี เอาแค่ตัวตนของทั้งสองฝ่ายพอ นางเป็นองค์หญิงใหญ่ของต้าชื่อ ส่วนเขาเป็นอ๋องเจวี้ยนจากแคว้นเจา ถ้าหากนางทำให้เขาติดโรคระบาด จนเขาเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะมีท่าทีแบบไหนกับเขา เขาจะไม่ใช้โอกาสนี้มาเอาเปรียบฝ่าบาทของต้าชื่อหรอกหรือ?จะอย่างไรก็ต้องชดเชยมาให้แล้วก็ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ ไม่รู้เพราะอะไรพอมาแคว้นเจา แต่ไม่ไปที่เมืองหลวง กลับมาที่เมืองเจ้อแทน เขาตอนนี้ถ้าพานางกลับไป คนอื่นจะคิดอย่างไรกัน? เขารู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่อยู่ที่เมืองเจ้อ?พวกเขาสองคนลักลอบมีความสัมพันธ์หรือเปล่า? ไปทำอะไรที่เมืองเจ้อกัน?ยังมีอีกเรื่อง เขาเพิ่งจะรีบเดินทางมาถึงเมืองเจ้อ จะอย่างไรก็ต้องอยู่ดูเมืองเจ้อก่อนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเจอหน้ากันก็จะให้เขาพานางเข้าเมืองหลวง คิดอะไรอยู่กัน?สรุปก็คือ เขาไม่ชอบห
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้