ดังนั้น ต่อให้พวกเขาจะไม่พูด องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนพวกนั้นจะต้องรายงานแน่นอน"สุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คงไม่สะดวกมาเมืองเจ้อหรอกกระมัง?""สุขภาพดีขึ้นมากแล้ว"อันเหนียนคดถึงวิทยายุทธ์ชั้นยอดบนตัวเซียวหลันยวน ยังคิดไม่ออกจริงๆ ว่าร่างกายแบบนั้นพูดว่าไม่ไหวได้ไหมหลังจากฟู่จิ้นเชินส่งจดหมายออกไป ก็ไปช่วยต่งฮ่วนจือจัดระเบียบวัตถุดิบยาแล้วต่งฮ่วนจือครั้งนี้ส่งวัตถุดิบยาเข้ามา เดิมทีก็เตรียมจะอยู่หลายวันหน่อย เพื่อจะไ้ดช่วยฟู่จาวหนิงด้วย ถึงอย่างไรคนที่จะจัดการวัตถุดิบยาได้ข้างกายนางก็ไม่มีใครผู้อาวุโสจี้ยังบอกกับเขาว่า ถ้าไม่ช่วย เขาก็จะมาเองแล้วต่งฮ่วนจือกล้าให้คนแก่อย่างท่านอาจารย์ต้องมาตกระกำลำบากได้ที่ไหน?จะว่าไป เขาเองก็อยากจะใช้การกระทำขอโทษกับศิษย์น้องหญิงด้วยเหมือนกันเขาอยู่ช่วยเหลือได้พอดี อย่างน้อยเรื่องการจัดยาเขาก็ทำได้ แล้วยังนำผู้ช่วยหมอเหล่านี้ได้อีกหลังจากฟู่จิ้นเชินให้คนนำจดหมายที่เขียนส่งให้เซียวหลันยวนส่งออกไปก็เอาแต่วุ่นดูแลคนป่วยอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเข้ามารออยู่พักหนึ่งถึงได้มีเวลาหยุดพักผ่อนอันเหนียนมอ
ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้
สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน
เสียงโครมดังขึ้น เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าเลือดถูกต้มจนเดือดปุดขึ้นมาถึงกระหม่อม"ฟู่!จาว!หนิง!"เขากัดฟันเอ่ยชื่อฟู่จาวหนิงออกมาทีละคำๆนางกล้าดีอย่างไร จึงกล้ามาหยามหมิ่นเขาเช่นนี้?ชาวบ้านรอบๆ ก็ล้วนตาโตพูดไม่ออกกันหมด จากนั้นจึงมองพวกเขาทั้งสองและพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณหนูฟู่พูดออกมานั้นถูกต้องเซียวเหยียนจิ่งจ้องนางอย่างเกลียดชัง "ฟู่จาวหนิง เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน! ข้าตอนนี้จะคอยดู ว่าเจ้าจะไสหัวกลับไปอย่างไร! เจ้าอย่าลืมว่าปู่ของเจ้า ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วสินะ เจ้าเชื่อไหมว่าพอเจ้าเหยียบเข้าประตูจวนไปและเขารู้ว่าเจ้าถูกถอนหมั้น เขาคงขาดใจตายทันทีแน่?"ฟู่จาวหนิงจ้องเขาตาลุกโชนเซียวเหยียนจิ่งเจ้าผู้ชายขยะ ป่านนี้แล้วยังจะมาคุกคามนางอีก!แต่ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลย ผู้เฒ่าฟู่เวลานี้คงทนรับเรื่องแรงๆ ไม่ไหวเซียวเหยียนจิ่งพอเห็นนางไม่โต้กลับ ก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา "แล้วก็ที่เจ้าหยามหมิ่นรัชทายาทอย่างข้าวันนี้ ข้าจดจำไว้หมดแล้ว เจ้าอย่าได้หวังว่าจะหาสามีได้อีก"เขาจะคอยดูว่าตระกูลไหนจะก
"จวนอ๋องเซียว?"ชายหนุ่มในรถม้าพอลิ้มรสสามคำนี้ น้ำเสียงก็เปลี่ยนทันควัน "ไสหัวไปไกลๆ"เซียวเหยียนจิ่งตะลึงงันด้วยโทสะ รู้ถึงตัวตนฐานะเขาแล้ว แต่กลับยังไล่ให้เขาไสหัวไป?"ไม่ได้ยินที่ท่านอ๋องพูดหรือ?" ทหารตบลงที่หัวม้า ม้างามก็ยกเท้าหน้าขึ้นทันที ถีบพัดเซียวเหยียนจิ่งออกไปอย่างแรง"อ๊า!"เซียวเหยียนจิ่งถูกม้าถีบจนปลิว ตกกระแทกลงไปที่หน้าหลี่จื่อเหยาพอดี นางรีบร้อนเข้าไปประคองตัวเขา "พี่เซียว!"นางกระโจนตัวขึ้น ถลึงตาไปทางรถม้าด้วยความโกรธ "อ๋องเจวี้ยนอะไรกัน! คุณหนูอย่างข้าไม่เห็นจะเคยได้ยิน ขนาดพี่ชายองค์รัชทายาทก็ยังรักข้ายอมให้ข้ามาตลอด แล้วเจ้าสูงส่งกว่าท่านพี่องค์รัชทายาทหรือ? ข้าจะบอกเจ้านะ บิดาข้าคือหมอเทวดาหลี่!"ทหารที่เดิมทีชักกระบี่ออกมาแล้วพอได้ยินคำว่าหมอเทวดาหลี่ ท่าทางก็หยุดลงทันที เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิง ลังเลขึ้นมา"อ๋องเจวี้ยนจะเสียเวลาอีกไม่ได้ โทษของเจ้าคนโง่ที่ไม่เคารพต่อท่านอ๋อง ข้าจะสั่งสอนนางแทนท่านอ๋องเอง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม กระชากกระบี่ของทหารออกมา สาวเท้าขึ้นหน้าไปทางหลี่จื่อเหยา ชูกระบี่ แสงเย็นวาบ เสียงแควกดังขึ้น หลี่จื่อเหยารู้สึกหน้าอ
แม่เฒ่าประคองมือของนาง ตื่นเต้นจนเสียงสั่นพร่าไปหมด"พระชายา ท่านเดินดีดีหน่อยสิ ไอ๊หยาท่านดูสิ พรมแดงก็ปูมาอยู่หน้าเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว ที่ประตูยังมีขบวนสาวรับใช้อยู่อีก แต่งกันด้วยเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม นั่นสิเรียกว่าความสุข!""แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเวลาเพียงแค่นี้ จวนอ๋องเจวี้ยนก็จัดการไว้หมดแล้ว"ฟู่จาวหนิงถูกประคองเข้าประตู และได้ยินเสียงตื่นเต้นของแม่เฒ่าพูดกับนางมาตลอดทาง ในใจก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นกันหลังจากที่อ๋องเจวี้ยนรับปากจะแต่งงานบนถนน ระหว่างทางพวกเขาคงจะสั่งคนให้รีบกลับไปถ่ายทอดคำสั่งที่จวนอ๋องอย่างแน่นอน จากนั้นจึงจัดการตระเตรียมขึ้นมาให้ตายเถอะ นางประเมินอ๋องเจวี้ยนคนนี้ต่ำไปใช่ไหมนะกอดความสงสัยนี้ ฟู่จาวหนิงถูกประคองมาถึงโถงรับแขกกลางสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง จากนั้นมีสาวใช้สองคนเดินเข้ามารับช่วงต่อจากยายเฒ่าผู้ดูแลพิธีการ"ข้าน้อยเฝิ่นซิงคารวะพระชายา""ข้าน้อยหงจั๋วคารวะพระชายา"เสียงหญิงสาวทั้งสองใสกังวาน หลังจากคารวะต่อฟู่จาวหนิงแล้วจึงอธิบายสถานการณ์กับนาง"พระชายา เวลานี้โถงพิธีการกับห้องหอกำลังจัดเตรียม ท่านอ๋องต้องไปเปลี่ยนชุดมงคล ข่าวการแต่งงานต้องเข้าวังเพื
"ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไหม?"ชิงอีหันไปมองอ๋องเจวี้ยนอย่างตึงเครียด"ลากออกไป" อ๋องเจวี้ยนสีหน้าไร้อารมณ์"ขอรับ!"แม่นมทั้งสองคนยังคิดจะตะโกน แต่ก็ถูกกดจุดขมับแล้วลากออกไปชิงอีจึงหมุนตัว มองไปยังใบหน้าของอ๋องเจวี้ยนผาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว และก็มองเห็นด้านหลังอ๋องเจวี้ยนมีฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมา รู้สึกสงสัยอย่างหนักหญิงสาวที่ชิงกระบี่จากมือเขาได้อย่างรวดเร็ว แต่พอเจอกับแม่นมสองคนกลับปอดแหกขึ้นมาหรือ?แต่ว่าพอเขาคิดอีกทีก็ไม่แปลก ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นคนของฮองเฮา ฟู่จาวหนิงจะกล้าลงมือกับคนของฮองเฮาได้อย่างไร"ท่านอ๋อง จะกราบไหว้ฟ้าดินไหม" เขาถามขึ้นฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็เดินออกมาจากด้านหลังอ๋องเจวี้ยน "ดังนั้น พวกเจ้าที่แท้ไม่คิดจะกราบไหว้ฟ้าดินหรอกหรือ?"ชิงอีนิ่งงัน แต่สายตาที่มองนางกลับตกตะลึงขึ้นมาเขาคิดว่าฟู่จาวหนิงที่ไม่กรีดร้องเมื่อครู่ เพราะว่านางยังไม่เห็นใบหน้าของท่านอ๋อง แต่ตอนนี้นางกลับมองท่านอ๋องด้วยสีหน้าปกติ เห็นได้ชัดว่ามองเห็นแล้วนางไม่กลัวแผลเป็นของท่านอ๋องหรือ?"กราบไหว้ฟ้าดิน พิธีแต่งงานใหญ่" อ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิงอย่างลึกซึ้ง "เจ้าแน่ใจว่าจะไ
คำพูดของไทเฮาไม่มีใครได้ยินและตอนที่ฮองเฮาเห็นอ๋องเจวี้ยนในชุดมงคลเดินเข้ามา ดวงตาก็มีเงามืดทมึนหลั่งทะลักของชั้นต่ำที่นังแพศยานั่นคลอดออกมา จะแต่งงานมีพระชายาแล้ว!ไม่ ฝันไปเถอะ!พิธีวันนี้ นางจะล่มมันเสีย!ฮองเฮาคิดในใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา เอียงหน้าไปเอ่ยกับองค์จักรพรรดิเสียงแผ่วเบาว่า "องค์จักรพรรดิมักจะกังวลเรื่องสุขภาพของอ๋องเจวี้ยน ดูเอาเถิด อ๋องเจวี้ยนไม่ใช่ว่าเติบโตมาสูงใหญ่หล่อเหลาหรอกหรือ?"อายุสั้นอะไรกัน ทำไมไม่เห็นว่าจะดูอายุสั้นตรงไหน?องค์จักรพรรดิหัวเราะร่า "แม้จะบอกว่าอายวนจะดูคล้ายกับไท่ซ่างหวงตอนหนุ่มก็เถอะ แต่พอดูแบบนี้พวกเราพี่น้องก็ดูคล้ายกันอยู่พอควรนะ"พอได้ยินองค์จักรพรรดิพูดถึงไท่ซ่างหวง ฮองเฮาก็แค้นจนเข็ดฟันนี่เป็นเพราะเจ้าคนชั้นต่ำนี่หน้าตาคล้ายกับไท่ซ่างหวง ดังนั้นตั้งแต่เล็กจึงถูกไท่ซ่างหวงปกป้องไว้ หลายต่อหลายครั้งก็จัดการเขาไม่ได้เสียทีไท่ซ่างหวงกลัวว่าเขาที่ร่างกายอ่อนแอพอโตมาจะแย่งอะไรกับใครไม่ไหว ก่อนหน้าที่จะตายถึงกับทิ้งโองการไว้ให้แก่เขา รอจนเขาเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ พอรับพระชายา ก็จะมีคนนำของขวัญชิ้นใหญ่มามอบให้กับเขากระทั่งองค์จั
ดังนั้น ต่อให้พวกเขาจะไม่พูด องครักษ์จวนอ๋องเจวี้ยนพวกนั้นจะต้องรายงานแน่นอน"สุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คงไม่สะดวกมาเมืองเจ้อหรอกกระมัง?""สุขภาพดีขึ้นมากแล้ว"อันเหนียนคดถึงวิทยายุทธ์ชั้นยอดบนตัวเซียวหลันยวน ยังคิดไม่ออกจริงๆ ว่าร่างกายแบบนั้นพูดว่าไม่ไหวได้ไหมหลังจากฟู่จิ้นเชินส่งจดหมายออกไป ก็ไปช่วยต่งฮ่วนจือจัดระเบียบวัตถุดิบยาแล้วต่งฮ่วนจือครั้งนี้ส่งวัตถุดิบยาเข้ามา เดิมทีก็เตรียมจะอยู่หลายวันหน่อย เพื่อจะไ้ดช่วยฟู่จาวหนิงด้วย ถึงอย่างไรคนที่จะจัดการวัตถุดิบยาได้ข้างกายนางก็ไม่มีใครผู้อาวุโสจี้ยังบอกกับเขาว่า ถ้าไม่ช่วย เขาก็จะมาเองแล้วต่งฮ่วนจือกล้าให้คนแก่อย่างท่านอาจารย์ต้องมาตกระกำลำบากได้ที่ไหน?จะว่าไป เขาเองก็อยากจะใช้การกระทำขอโทษกับศิษย์น้องหญิงด้วยเหมือนกันเขาอยู่ช่วยเหลือได้พอดี อย่างน้อยเรื่องการจัดยาเขาก็ทำได้ แล้วยังนำผู้ช่วยหมอเหล่านี้ได้อีกหลังจากฟู่จิ้นเชินให้คนนำจดหมายที่เขียนส่งให้เซียวหลันยวนส่งออกไปก็เอาแต่วุ่นดูแลคนป่วยอันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเข้ามารออยู่พักหนึ่งถึงได้มีเวลาหยุดพักผ่อนอันเหนียนมอ
"ถ้าไม่สนใจพวกเจ้าจริง ศิษย์พี่ของหมอฟู่ ผู้จัดการใหญ่พันธมิตรโอสถใต้หล้าเมืองหลวง เมื่อวานคงไม่ขนวัตถุดิบยาเข้ามาอีกหลายคันรถหรอก! ข้าพูดถึงจุดนี้แล้ว ถ้าใครยังไม่ฟังการจัดระเบียบ ใครยังคิดจะก่อความวุ่นวาย ข้าจะสั่งคนจัดการสังหารหัวหน้าครอบครรัวซะ ส่วนคนที่เหลือจะปล่อยไปนอกเมืองให้ไปตายกันเอง!"พูดถึงจุดนี้ อันเหนียนก็หน้ามืดไป ร่างโงนเงนตัวเขากัดฟันฝืนทนไว้เดิมทีก็เป็นข้าราชการพลเรือน ร่างกายสู้พวกจอมยุทธ์ไม่ได้อยู่แล้วหลายวันนี้เขาเองก็เหนื่อยจะแย่ แม้จะได้ยินคำพูดของฟู่จาวหนิง พยายามข่มตาหลับทุกวัน แต่ในความเป้นจริงก็ยันอนดึกตื่นเช้า นอไปปได้แค่ไม่ถึงสามชั่วยามดีพวกเขาในเมื่อจะมาบรรเทาภัย ทุกวันจึงกินกันคล้ายๆ กับผูัประสบภัย ก็คือสองสามวันแรกที่มาถึงกินให้อิ่มหน่อย แต่ภายหลังก็ไม่ค่อยกินกันเท่าไรแล้วแล้วยังเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งความคิดมาอีกหลายวัน ทำร้ายจิตวิญญาณจริงๆถึงแม้จะให้องครักษ์ใช้กำลังภายในช่วยตะโกน แต่อัน่ที่จริง ตัวเขาเองตอนที่ตะโกนก็ใช้เสียงตะโกนสุดกำลังแล้วเช่นกันองครักษ์ตะโกนจนหน้าแดงไปหมด แต่ก็ยังรีบมาประคองอันเหนียน"ใต้เท้า ไม่เป็นไรใช่ไหม?""ไม
"พวกเราประสบภัยกันแล้ว น่าเวทนากันขนาดนี้แล้ว พระชายาอ๋องเจวี้ยนยังเอาพวกเรามาล้อเล่นอีกหรือ?"สายตาของอันเหนียนกำลังค้นหาคนที่มายุยงปลุกปั่นในกลุ่มคนอยู่ แต่ตอนนี้ผู้ประสบภัยมากเกินไป เสียงเองก็ดังหึ่งๆ ไปหมด หาคนคนนั้นออกมาไม่ได้ชั่วคราวอันเหนียนดึงองครักษ์จวนอ๋องออกมาคนหนึ่ง "พาข้าขึ้นไปบนแท่นสูงนั่นที"ที่นั่นมีแท่นสูงอยู่ องครักษ์ใช้วิชาตัวเบาพาอันเหนียนขึ้นไปบนนั้น"เจ้ามีกำลังภายใน ตอนนี้ข้าพูดออกมา เจ้าก็ใช้เสียงที่ดังที่สุดตะโกนออกไปหน่อย""ขอรับ ใต้เท้าอัน"อันเหนียนสูดลมหายใจลึก "เงียบหน่อย!""เงียบหน่อย!" องครักษ์กระตุ้นพลังตันเถียนทันที ตะโกนออกมาสายตาคนทั้งหมดถูกดึงดูดเข้ามา แต่จะใช้แค่ประโยคเดียวให้พวกเขาสงบลงมานั้นไม่มีทางจังหวะที่พวกเขาเงียบลงแล้วมองเข้ามา อันเหนียนก็เอ่ยต่ออีกประโยคทันที"ใครยังก่อเรื่องนี้ จะไล่ออกจากเมืองเจ้อสถานเดียว และไม่บริจาคข้าวต้มอีกแล้ว!"พอประโยคนี้ออกไป ก็ทำให้เหล่าผู้ประสบภัยสงบลงมาแล้ว"ตอนนี้ผู้ประสบภัยที่เข้าเมืองมาใหม่เดิมทีก็ตรวจสอบอย่างเข้มงวด พวกเจ้าใครไม่รู้บ้าง?""ที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดทำเพื่ออะไร? ก็เพื่อรับผ
"ถ้าเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาที่นี่ แล้วข้าจะบอกกับท่านอาจารย์อย่างไร? จะไปบอกกับพ่อเจ้าอย่างไรกัน?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเข้าขวางตรงหน้าอันเหนียน ไม่อยากให้เขาไปเจอกับผู้ประสบภัยเหล่านั้น"เจ้าเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่นานยังไม่ได้มีทายาทสืบสกุลเลย""พี่ชายเป็นคนหัวโบราณแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?" อันเหนียนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ "จะว่าไป ก็ไม่น่ามีอะไรหรอก ต่อให้ข้าไม่ระวังติดโรคนั่นขึ้นมา หมอฟู่ก็จะรักษาให้ข้าเอง"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวชะงักไป ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาไปพักหนึ่งครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยว่า "ข้ารู้อยู่แล้วว่าหมอฟู่วิชาแพทย์ดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังตั้งใจมีความรับผิดชอบด้วย หลายวันนี้ข้าเองก็เห็นมาแล้ว แต่ถึงอย่างไร โรคนี้พวกเราก็ไม่เคยได้ยินกันมาก่อน!"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวก็รู้สึกหนักใจมาก "อันเหนียน ยังมีอีกความจริงที่เจ้าห้ามลืม ตอนนี้ในเมืองเจ้อไม่ใช่เมืองหลวง ตอนที่เผชิญหน้ากับผู้ประสบภัยมากขนาดนี้ขณะที่ยาไม่มีแล้ว! พวกเราเดิมทีก็ขาดแคลนยาอยู่ ต่อให้วิชาแพทย์หมอฟู่ดีมาก แต่แม่บ้านที่เก่งก็ทำไม่ได้ถ้าไม่มีข้าวสาร ถ้าหากไม่มียา นางจะรักษาอย่างไรกัน?"สถานการณ์เช่นนี้ อันเหนียนต้องรู้อยู
อันเหนียนกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวหลังรู้เรื่องนี้ก็ปวดเศียรเวียนเกล้าผู้ประสบภัยสามคนนั้นก่อนหน้านี้กักกันไว้แล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะหาตัวพวกเขาเจอ พวกเขาก็ไปที่ศูนย์พักพิงมาเรียบร้อย ที่นั่นอยู่กันอย่างแน่นขนัด คนหลายคนเพิ่งมาถึง ในใจก็กระวนกระวาย แล้วยังสับสนเป็นพิเศษอีก ไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นสามคนนี้จึงดึงคนไม่น้อยเข้ามาพูดคุยกันเพื่อถามนั่นถามนี่ถึงอย่างไรคนที่อยู่ใกล้ด้วยก็น่าจะมีถึงยี่สิบกว่าคน ยี่สิบกว่าคนนี้ก็ยังมีคนที่ตนเองออกไปสัมผัสอยู่อีกและเพราะสามคนนั้นเป็นคนมาใหม่ คนไม่น้อยจึงจำไม่ได้ไม่รู้จัก ถ้าจะให้พวกเขาชี้ตัวคือยากมากผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะประกาศป่าว ให้คนเหล่านั้นลุกออกมากันเอง อันเหนียนกลับรู้สึกว่าถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ประสบภัยอาจจะยิ่งหวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกขเาจะกลัวและไม่สงบ แล้วจะเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"เรื่องพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบอกว่าผู้ประสบภัยสามคนนั้นมีตัวตนฐานะน่าสงสัย ต้องทำการตรวจสอบ" อันเหนียนตัดสินใจแล้วผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็เห็นด้วยแต่ว่าข้าราชการที่ออกไปประกาศตนเองก็กลัวเหมือนกัน ต้องการห
ถ้าหากฟู่จาวหนิงร้ว่านางกำลังคิดอะไร คงจะหัวเราะออกมาแน่องค์หญิงใหญ่ ตอนนี้กำลังตรวจรักษาอยู่นะ คิดอะไรกัน จะว่าไป ทางกดที่ปอดด้วย ไม่ใช่ที่หน้าอกตอนที่ตรวจฟู่จาวหนิงก็ใจจดใจจ่อมาก จะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดเตลิดไปขนาดนั้น"อีกเดี๋ยวก็รีบต้มยาเสีย วันนี้ต้องดื่มยาสามห่อ ยาหนึ่งห่อต้มด้วยน้ำสามชามให้เหลือหนึ่งชาม"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "อีกเดี๋ยวยาจะส่งเข้ามา แน่ใจว่าจะต้มเองนะ?" ประโยคด้านหลัง ฟู่จาวหนิงมองไปทางเฉินเซียงเฉินเซ๊ยงพยักหน้าทันที "เจ้าค่ะ"ก็ต้องแน่สิ"ข้าจะตรวจเจ้าด้วย มานั่งลงตรงนี้" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเฉินเซียงนั่งลงไปฟู่จาวหนิงก้มหน้าจับชีพจรให้นาง ตรวจอาการเฉินเซียงเองก็ติดแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่หนักเท่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ว่านางเหนื่อยเกินไป ดวงตาเขียวคล้ำ"วันนี้ต้องนอนพักผ่อนให้ได้" นางเอ่ยขึ้นคำหนึ่งอาการป่วยจะรุกรานเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วตอนที่ร่างกายอ่อนล้าขีดสุด"ข้าต้องปรนนิบัติองค์หญิงใหญ่" เฉินเซียงตอบเช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถอะฟู่จาวหนิงอยากจะตอบแบบนี้ แต่คำพูดค้างอยู่ที่มุมปาก จึงเปลี่ยนคำอื่น "ถ้าเหนื่อย
ความต้องการของเฉินเซ๊ยง ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ยังรับปากไปนางยอมจะให้ตนเองเหนื่อยอีกนิด ก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเพียงแต่เฉินเซียงไม่ค่อยฉลาด ตอนนี้นางเป็นหมอนะ ถ้าหากนางจะทำอะไรล่ะก็ นางห้ามได้เสียที่ไหนกัน?พวกนางไม่เข้าใจวัตถุดิบยาเลยด้วยซ้ำเดิมทีฟู่จาวหนิงก็คิดเช่นนี้ ผลลัพธ์คือเช้าวันต่อมาตอนที่นางเข้าไปตรวจ ก็ได้ยินเฉินเซียงกำลังพูดเสียงแผ่วกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ข้าน้อยรู้ ว่าหมอเทวดาฟู่ไม่มีทางทำอะไรไม่ดีในวัตถุดิบยากับการรักษา แต่ถ้าหากในใจนางยังคงเคียดแค้นอยู่ล่ะ ให้คนถ่มน้ำลายหรืออะไรลงไปในยาน้ำ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?""องค์หญิงใหญ๋ว่าไหม? เรื่องพวกนี้ แต่ก่อนข้าน้อยเคยได้ยินมา ในวังมีคนตั้งมากมายที่ทำ ป้องกันเท่าไรก็ไม่พอ ข้าน้อยไม่มีทางยอมให้องค์หญิงใหญ่ต้องถูกทำให้อัปยศเช่นนี้แน่"ฟู่จาวหนิงโมโหจนขำดังนั้นนิสัยของนางในใจเฉินเซียงต้องเลวร้ายแค่ไหนกันที่แท้ก็กันเรื่องพวกนี้อยู่ นางยังคิดว่ามาป้องกันตนเองจะทำอะไรในวัตถุดิบยาเสียอีก นี่นางคิดเยอะไปสินะแล้วจึงได้ยินเสียงแหบพร่าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วันนี้ตอนเช้า เสียงของนางก็เปลี่ยนไปแล้ว แหบลงเหมือนกระดาษทรายขัดอย
นางไม่ได้ถามอะไรอีก เดินไปจับชีพจรองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น วัดอุณหภูมิเกือบสี่สิบองศาเลย คิดไม่ถึงว่าเป็นไข้รุนแรงขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังทนมาคุยกับนางได้ตั้งหลายคำ"นอกจากตัวร้อน ยังมีตรงไหนไม่สบายอีกไหม? ตรงไหนที่รู้สึกแย่บ้าง?""แค่ก ปวดหัว แล้วก็ดวงตาร้อนผ่าวไปหมด..."องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ตรงหน้าก็มืดไป คอพับคงมาฟู่จาวหนิงปฏิกิริยารวดเร็ว เข้ารับนางไว้ทันทีเฉินเซียงตกใจ "องค์หญิงใหญ่!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็โดนเข้าซะแล้วฟู่จาวหนิงดูอยู่พักหนึ่ง ต้นกำเนิดโรคคือครอบครัวของป้าหนิวหลังจากสังเกตก็พบว่าเฉินเซียงก็เริ่มมีไข้อ่อนๆแต่ว่าองครักษ์คนอื่นยังไม่ติด น่าจะเพราะเดิมทีองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้กัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เข้าใกล้พวกเขาแต่ยังต้องสังเกตต่อฟู่จาวหนิงให้องครักษ์หลายคนนั้นไปหาห้องพักพักผ่อนก่อน ส่วนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเฉินเซียงต้องอยู่ที่ห้องนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหมือนได้พักหายใจมาตอบคำถามฟู่จาวหนิงพอดี จากนั้นก็เป็นไข้จนมึนหัว จนไม่รู้สึกตัวไม่ได้สติฟู่จาวหนิงคิดจะฉีดยาให้นาง แต่เฉินเซียงก็ไม่ยอมไปไหนอ
ฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาทำอะไรเหมือนกับสืออี นางเองก็อยากรู้มากว่าฝ่าบาทต้าชื่อยอมปล่อยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นออกมาได้อย่างไรแต่ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองข้ามปัญหาชื่อเรียกของนางไปแล้ว แต่เอ่ยกับนางอย่างอบอุ่นว่า "เชิญหมอเทวดาฟู่ถามอาการเถิด รบกวนท่านรักษาข้าด้วย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่ใช่คนโง่ ดูจากชุดแต่งกายประหลาดของฟู่จาวหนิง และการที่ฟู่จาวหนิงไม่ให้นางถอดสิ่งที่เรียกว่าหน้ากากปิดปากออก นางก็เดาได้ทันที ว่าโรคของตนเองน่าจะไม่ใช่โรคธรรมดาแต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ไม่ลนลานเลยแม้แต่น้อยถึงแม้โชคดีของนางหลายครั้งจะเป็นสิ่งที่คนทำขึ้น แต่เรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของตัวนางเอง อันที่จริงก็ถือว่ามีโชคดีอยู่มากอย่างเช่นตั้งแต่เด็กนางไม่ค่อยป่วย ต่อให้จะป่วยก็เป็นปัญหาเล็กๆ กระทั่งบางครั้ง การป่วยของนางยังช่วยให้นางเลี่ยงเรื่องแย่ๆ อีกด้วยเหมือนก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่รู้ว่าทำไมจึงเวียนหัวจนเป็ฯลม ดังนั้นจึงกลับเมืองหลวงช้าไปสองวัน ผลคือในสองวันนั้น ระหว่างทางมีคนถูกโจรปล้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางป่วยจนต้องเลื่อนเวลา เช่นนั้นนางอาจจะไปเจอกับโ