รอบๆ ตุ๊กตาหิมะตัวน้อยล้วนตกแกต่งด้วยโคมเล็กเหล่านี้ ตัวโคมไฟเล็กก็มีหลากสีสัน สิ่งที่ปักไว้ด้านบนก็แตกต่างกัน มีทั้งสัตว์ดอกไม้และสาวงาม ใช้ผ้าไหมเบาบางเป็นพื้น จินตนาการได้เลย ว่าหลังจากที่จุดไฟขึ้นมาแล้ว โคมไฟเหล่านี้จะงดงามแค่ไหนหงจั๋วตอนที่เห็นโคมไฟก็ถูกดึงดูดไปแล้ว"พระชายา ลายปักบนโคมไฟพวกนี้สวยประณีตมากเลยข้าน้อยไม่เคยเห็นงาปักที่ดีแบบนี้มาก่อนเลย"นางอดไม่ไหวจนคิดจะหยิบขึ้นมาดู แต่ฟู่จาวหนิงยืนนิ่งไม่ไปแตะ นางเองก็ไม่กล้าที่จะไปขยับ"ใกล้จะเทศกาลหยวนเซียวแล้ว โคมไฟเหล่านี้ถ้าเอาออกไปล่ะก็ คงมีคนไปแย่งกันน่าดู"ในเมืองหลวงแคว้นเจาไม่มีโคมไฟงานปักเช่นนี้ ดูมีเอกลักษณ์มาก นางมองนางยังชอบเลยสาวตาของฟู่จาวหนิงย้ายจากโคมไฟไปยังเฉินฮ่าวปิงที่ถูกกลุ่มหญิงสาวที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่โคมไฟเหล่านี้จะต้องเป็นของที่ฮูหยินเฉินเตรียมไว้แน่นอนนางได้ยินหงจั๋วเอ่ยขึ้นมา จึงนึกออกว่านี่ใกล้จะถึงหยวนเซียวแล้วเทศกาลหยวนเซียวในเมืองหลวงแคว้นเจาเองก็คึกครื้นอยู่ในความทรงจำ โคมดอกไม้แคว้นเจาถึงแม้จะมีมากมายหลายแบบ แต่โคมไฟที่มีลายปักแบบนี้นั้นไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะผ้าไหมบางกึ่งโปร่งแสง
เฉินฮ่าวปิงยิ้มอย่างอบอุ่น "สิ่งนี้ใช้ยางต้นไม้ที่บดแล้วมาทำน่ะ ยางไม้ชนิดนี้พอจัดการแล้วก็นำไปแช่น้ำ จากนั้นก็ต้มอีกหน่อย ใส่สาลี่ น้ำตาลแดงก็อร่อยมากด้วย ดีกับหญิงสาวอย่างพวกเรา"นางดีใจมากเหล่าหญิงสาวสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้เหมือนจะไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เสียแรงที่นางกับแม่เตรียมของเหล่านี้ไว้แม่พูดไว้ไม่ผิด ใช้ของพวกนี้ทำให้นางหวั่นไหว ก็สามารถเป็นเพื่อนกับพวกนางได้แล้วยังดีที่ลุงต่งยอมช่วย หาคนที่มารับวัตถุดิบยาในพันธมิตรโอสถบ่อยๆ แล้วนำเทียบเชิญไปให้กับบุตรสาวในตระกูลพวกเขาถึงแม้ส่งไปสิบห้าเทียบเชิญจะมีคุณหนูมาแค่เจ็ดคน แต่นี่ก็ใช้ได้แล้ว ขอแค่คุณหนูเจ็ดคนนี้นำของกลับไป ไม่ต้องกลัวเรื่องที่พวกนางจะไม่ช่วยเผยแพร่เลยรอให้ถึงเทศกาลโคมดอกไม้ โคมไฟเหล่านี้ของพวกนางจะต้องได้รับความนิยมอย่างมากลุงต่งบอกว่า ถึงตอนนั้นค่อยช่วยแม่เปิดร้านสักแห่งของที่พวกนางทำออกมานั้นล้วนประณีตราคาแพงทั้งสิ้น หลังจากนี้พวกลูกค้าก็จะมีแต่พวกคุณหนูฮูหยินที่มีเงินมีอำนาจ ได้ทั้งเงิน แล้วยังได้เชื่อมสัมพันธ์กับพวกนางด้วยค่อยๆ วางแผนไป จะต้องหาคู่ครองที่ดีได้แน่เฉินฮ่าวปิงพยายามสะกดความภาคภู
อวิ๋นจูมีตัวตนฐานะเช่นนี้ แต่ในจิตใต้สำนึกก็ยังรู้สึกดูถูกตัวตนแบบนี้อยู่ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงเป็นแบบเดียวกับนาง นางก็จะรู้สึกแอบสะใจไม่ใช่แค่นางเท่านั้น คนอื่นเองก็ไม่สมควรจะได้เข้าสังคมเช่นกัน ดังนั้นก็อย่าไปตำหนิคนที่มีปัญหาเหมือนกันเลย ทุกคนก็อยู่ในบึงโคลนเหมือนกัน มันก็ต้องเหม็นเน่าไปด้วยกันนั่นล่ะเฉินฮ่าวปิงในใจความโกรธหลั่งทะลักคนคนนี้มาทำให้เรื่องวุ่นวายหรือไรกัน? ในเมื่อยอมเข้ามาเพราะเห็นแก่หน้าลุงต่งแล้ว ก็ควรจะมาเชื่อมสัมพันธ์กันดีดีสิ?คุณหนูคนอื่นท่าทีก็ดีออกจะตาย แล้วยังให้หน้ากับสิ่งของที่นางนำออกมาด้วย น่ายกย่องจะตายแต่อวิ๋นจูคนนี้..."พี่หญิงคนนี้ล้อเล่นกันเสียแล้ว ข้าเรียกเขาว่าลุงต่งแล้วนะ แล้วเขาจะมาเป็นพ่อข้าได้อย่างไรกัน? พ่อของข้าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ข้ากับแม่เพิ่งมาจากต้าชื่อกัน" เฉินฮ่าวปิงพยายามสะกดความโกรธไว้นี่เป็นครั้งแรกที่นางจัดงานเลี้ยงเล็กๆ จะทำพังไม่ได้"อย่างนั้นหรือ? เจ้ากับแม่ของเจ้าหนีตามคุณชายต่งมาสินะ? ข้าได้ยินว่าคุณชายต่งเป็นศิษย์พี่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยน วันนี้เจ้าได้เชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาไหม?"อวิ๋นจูอดคิดไปถึงฟู่จาวหนิงไม่ได้
เฉินฮ่าวปิงพอเห็นฟู่จาวหนิงปรากฏตัวที่นี่ ไฟโกรธจะระงับต่อไปได้อย่างไร พุ่งปรี๊ดขึ้นมาถึงบนหัวนี่มันเกินไปหน่อยไหม?ตอนที่นางไปขอความช่วยเหลือถึงประตูบ้าน ฟู่จาวหนิงปฏิเสธนางนางตอนนี้พึ่งพาตัวเอง ฟู่จาวหนิงก็ยังวิ่งแจ้นตามมาหลอกมาหลอนอีก นี่คิดจะทำให้พังใช่ไหม?!"ที่นี่คือพันธมิตรโอสถ ไม่ใช่จวนเฉิน ข้ามาที่นี่แล้วแปลกตรงไหน?" ฟู่จาวหนิงย้อนถามนางรู้สึกขำกับปฏิกิริยาแบบนี้ของเฉินฮ่าวปิงจะว่าไป คนอย่างเฉินฮ่าวปิงมาอยู่ในพันธมิตรโอสถต่างหากที่แปลก นางไม่ใช่คนของพันธมิตรโอสถ แล้วก็ไม่ใช่แขกของพันธมิตรโอสถ ตอนนี้มาทำท่าทำทางเป็นเจ้าของแบบนี้ เพื่ออะไรกัน?"ท่านเกลียดข้าขนาดนี้เลยหรือ?" เฉินฮ่าวปิงเบ้าตาแดงรื้น รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วยังมองไปทางต่งฮ่วนจือ"ข้ามาหาอาจารย์ของข้า เจ้าคิดว่าข้ามาหาเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงพอเห็นท่าทางนางแบบนี้ก็รู้สึกไม่น่าสนใจ นางเองก็ขี้เกียจจะทะเลาะกับเฉินฮ่าวปิงด้วยพูดจบประโยคนี้ นางก็เตรียมจะเดินผ่านสวนดอกไม้เล็กไปยังสวนสมุนไพร ต่งฮ่วนจือเห็นท่าทางนางแบบนี้ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาและไม่รู้ว่านางโกรธหรือเปล่าถึงแม้ฟู่จาวหนิงจะเป็นศิษย์น้องห
แต่ว่าตัวตนฐานะของพวกเขา ก็ยังเชิญองค์หญิงหนานฉือมาไม่ได้แค่งานเลี้ยงของสาวน้อยไม่กี่คน องค์หญิงหนานฉือไม่มีทางสนใจ ดังนั้นจึงเชิญอันชิงมาก่อนได้ยินว่าอันเหนียนรักน้องสาวคนนี้มาก เช่นนั้นองค์หญิงหนานฉือที่เป็นพี่สะใภ้ ก็น่าจะให้หน้าอยู่เมื่อครู่ยังคิดว่าอันชิงคงไม่มาแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะมาช้าไปหน่อยเฉินฮ่าวปิงพอเห็นอันชิง ก็ไม่สนใจฟู่จาวหนิงชั่วคราวนางยิ้มขึ้น เดินมาตรงหน้าอันชิง "คุณหนูอัน มาแล้วหรือ? ข้ายังคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้วเสียอีก ยังคิดว่าจะไปที่จวนตระกูลอันอยู่เลยว่าเป็นอะไรไปหรือเปล่า"อันชิงมองนาง "แม่นางเฉินหรือ?""คุณหนูอันเรียกข้าว่าฮ่าวปิงก็พอ ข้า..."อันชิงแน่นอนว่าไม่อยากเมินฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว นางจะไม่สนใจฟู่จาวหนิงแล้วมาคุยเล่นกับเฉินฮ่าวปิงทางนี้ได้อย่างไร?"ขอโทษด้วยแม่นางเฉิน ข้าขอไปคุยกับพี่หญิงจาวหนิงก่อน"อันชิงยังคิดว่าฟู่จาวหนิงก็มารวมงานเลี้ยงน้ำชาอะไรนี่ด้วย"พี่หญิงจาวหนิง ช่วงนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"เรื่องที่จวนอ๋องเจวี้ยน ทำให้อันชิงกังวลมาตลอด แต่พี่ชรายบอกว่าจะไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ นางเองก็ไม่มีปัญญาจะไปถาม ตอน
อันชิงพอได้ยินเฉินฮ่าวปิงกล่าวโทษฟู่จาวหนิง หน้าก็เย็นลงทันที"ข้าว่าท่านน่ะมีปัญหา! พี่หญิงจาวหนิงไม่เคยเป็นคนจิตใจคับแคบมาตั้งแต่แรก นางใจกว้างฉลาดและจิตใจดี ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ท่านตอนนี้มากล่าวโทษนางเช่นนี้ ก็อธิบายได้แค่ว่า ท่านไปทำเรื่องอะไรผิดไว้ ท่านไม่ขอโทษนางก็เรื่องนึงแล้ว แต่ตอนนี้กลับยังมาด่ามาว่านางหรือ?"เฉินฮ่าวปิงถลึงตาโต ไม่อยากจะเชื่อ"ข้าต้องขอโทษนาง? นางเป็นคนใจกว้างหรือ?""ข้าได้ยินว่าแม่นางเฉินเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง พักเป็นแขกอยู่ในบ้านของผู้จัดการใหญ่ต่งสินะ? พี่หญิงจาวหนิงของข้าคือพระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านมาลบหลูพระชายา พี่หญิงจาวหนิงยังไม่ให้องครักษ์มาจัดการท่าน นี่ก็ถือว่าจิตใจดีแล้ว"หงจั๋วตอนนี้ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา ก้าวขึ้นหน้า ยกมือตบฉาดไปที่เฉินฮ่าวปิงเสียง "เพียะ" ดังขึ้น สะบัดฉาดใส่เฉินฮ่าวปิงไปทีหนึ่งหงจั๋วเมื่อครู่ฟังแล้วโกรธมาก "บังอาจเสียเหลือเกิน!"ไม่ใช่แค่มาขวางพระชายาของพวกเขา ตอนนี้ยังมาชี้หน้าด่าพระชายาว่าจิตใจคับแคบอีก ใครให้ความกล้ากับนางกัน!ฟู่จาวหนิงก็ไม่คิดว่าหงจั๋วจะลงมือนางไว้หน้าศิษย์พี่อยู่จริงๆถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสถานที่ของ
"ฮือ!" เฉินฮ่าวปิงทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หมุนตัววิ่งร้องไห้ออกไปอวิ๋นจู:ไม่สิ หนีไปแบบนี้เลยหรือ? นี่จะอ่อนแอเกินไปแล้ว! นางผิดหวังสุดๆ เลย!"ฮ่าวปิง!" ต่งฮ่วนจือร้อนรนขึ้นมา มองนางวิ่งหนีไป เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะดี สายตาที่มองฟู่จาวหนิงก็กลา่วโทษอยู่หน่อยๆ "นางยังเป็นเด็ก เจ้าด่าสักกี่คำก็พอแล้ว เอาไว้กลับไปข้ายังพอตักเตือนนางได้บ้าง แต่ไปทำร้ายกันแบบนี้ นางจะทนไหวได้อย่างไร?"ไป๋หู่เดินขึ้นมา"ทนไม่ไหวก็ต้องทน เพราะนางสมควรโดนแล้ว"จะไม่จบใช่ไหม?ยังไม่พูดเรื่องตัวตนฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยนของฟู่จาวหนิง นางยังเป็นคุณหนูของตระกูลเสิ่นด้วยนะ ตอนไหนกันที่ต้องให้ไก่กามากำเริบเสิบสานใส่แบบนี้?หงจั๋วเองก็ร้องเชอะขึ้น "ข้าเป็นคนตบนาง ถ้าครั้งหน้านางยังไม่เคารพพระชายาของพวกเรา ข้าก็จะตบอีก"เมื่อครู่นางยังตบน้อยไปด้วยซ้ำ น่าจะซ้ายขวาทีละฉาดถึงจะสมดุลกันต่งฮ่วนจือถลึงตาอ้าปากค้างฟู่จาวหนิงปล่อยให้คนใต้บังคับบัญชากำเริบเสิบสานขนาดนี้เชียว?"พวกเขาพูดถูกแล้ว ศิษย์พี่ก็ต้องเอาไปเตือนนางด้วย หลังจากนี้ถ้าเห็นข้าก็เลี่ยงเข้าไว้ ความอดทนของข้าใช้ไปจนหมดแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"แ
ฟู่จาวหนิงพอคุยเรื่องงาน ก็โยนเฉินฮ่าวปิงไปไว้ที่หลังสมองแล้วนางกับผู้อาุโสจี้ค้นคว้าอยู่พักหนึ่งว่าจะช่วยวัตถุดิบยาเหล่านี้อย่างไร ผู้อาวุโสจี้เองก็พานางมารู้จักกับวัตถุดิบยาล้ำค่าบางส่วน ศิษย์อาจารย์ทำธุระอยู่ในสวนสมุนไพรอยู่นาน จึงได้ไปที่คลังยาชั้นหนึ่งที่นั่นยังมีวัตถุดิบยาอีกมากมาย คลังยาชั้นหนึ่ง ก็คือพวกที่ล้ำค่าที่สุดเหล่านั้น ต่อให้ไม่มีคลังเก็ฐ ก็ยังต้องบันทึกไว้ในสมุด มีคำอธิบายมีภาพประกอบผู้อาวุโสจี้พานางรู้จักทีละอย่างทีละชนิด เติมเต็มจุดอ่อนทางด้านวัตถุดิบยาให้กับฟู่จาวหนิงไปไม่น้อยอันชิงเองก็คอยฟังอยู่ข้างๆ ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย เพราะนางเองก็ได้เรียนตามไปด้วย ถ้าเผื่อหลังจากนี้เจอกับวัตถุดิบยาเหลา่นี้ นางก็สามารถนำมามอบให้ฟู่จาวหนิงได้ฟู่จาวหนิงก็คิดไม่ถึงว่านางจะมีความคิดเช่นนี้หงจั๋วรอพวกนางคุยกันไปพักหนึ่ง พอเห็นท้องฟ้าด้านนอก จึงขัดพวกเขาขึ้นมาว่า"พระชายา ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วเจ้าค่ะ"จะให้พระชายาหิวไม่ได้"ไป ไปกินข้าวที่โถงหน้ากัน วันนี้กินกันในพันธมิตรโอสถนี่ล่ะ แล้วข้าจะทดสอบอาหารยาจีนกับน้ำชาโอสถเจ้าเสียหน่อย แล้วเจ้าก็จะได้ชิมพอดี แล้วลอ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้