เฉินฮ่าวปิงยิ้มอย่างอบอุ่น "สิ่งนี้ใช้ยางต้นไม้ที่บดแล้วมาทำน่ะ ยางไม้ชนิดนี้พอจัดการแล้วก็นำไปแช่น้ำ จากนั้นก็ต้มอีกหน่อย ใส่สาลี่ น้ำตาลแดงก็อร่อยมากด้วย ดีกับหญิงสาวอย่างพวกเรา"นางดีใจมากเหล่าหญิงสาวสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้เหมือนจะไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เสียแรงที่นางกับแม่เตรียมของเหล่านี้ไว้แม่พูดไว้ไม่ผิด ใช้ของพวกนี้ทำให้นางหวั่นไหว ก็สามารถเป็นเพื่อนกับพวกนางได้แล้วยังดีที่ลุงต่งยอมช่วย หาคนที่มารับวัตถุดิบยาในพันธมิตรโอสถบ่อยๆ แล้วนำเทียบเชิญไปให้กับบุตรสาวในตระกูลพวกเขาถึงแม้ส่งไปสิบห้าเทียบเชิญจะมีคุณหนูมาแค่เจ็ดคน แต่นี่ก็ใช้ได้แล้ว ขอแค่คุณหนูเจ็ดคนนี้นำของกลับไป ไม่ต้องกลัวเรื่องที่พวกนางจะไม่ช่วยเผยแพร่เลยรอให้ถึงเทศกาลโคมดอกไม้ โคมไฟเหล่านี้ของพวกนางจะต้องได้รับความนิยมอย่างมากลุงต่งบอกว่า ถึงตอนนั้นค่อยช่วยแม่เปิดร้านสักแห่งของที่พวกนางทำออกมานั้นล้วนประณีตราคาแพงทั้งสิ้น หลังจากนี้พวกลูกค้าก็จะมีแต่พวกคุณหนูฮูหยินที่มีเงินมีอำนาจ ได้ทั้งเงิน แล้วยังได้เชื่อมสัมพันธ์กับพวกนางด้วยค่อยๆ วางแผนไป จะต้องหาคู่ครองที่ดีได้แน่เฉินฮ่าวปิงพยายามสะกดความภาคภู
อวิ๋นจูมีตัวตนฐานะเช่นนี้ แต่ในจิตใต้สำนึกก็ยังรู้สึกดูถูกตัวตนแบบนี้อยู่ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงเป็นแบบเดียวกับนาง นางก็จะรู้สึกแอบสะใจไม่ใช่แค่นางเท่านั้น คนอื่นเองก็ไม่สมควรจะได้เข้าสังคมเช่นกัน ดังนั้นก็อย่าไปตำหนิคนที่มีปัญหาเหมือนกันเลย ทุกคนก็อยู่ในบึงโคลนเหมือนกัน มันก็ต้องเหม็นเน่าไปด้วยกันนั่นล่ะเฉินฮ่าวปิงในใจความโกรธหลั่งทะลักคนคนนี้มาทำให้เรื่องวุ่นวายหรือไรกัน? ในเมื่อยอมเข้ามาเพราะเห็นแก่หน้าลุงต่งแล้ว ก็ควรจะมาเชื่อมสัมพันธ์กันดีดีสิ?คุณหนูคนอื่นท่าทีก็ดีออกจะตาย แล้วยังให้หน้ากับสิ่งของที่นางนำออกมาด้วย น่ายกย่องจะตายแต่อวิ๋นจูคนนี้..."พี่หญิงคนนี้ล้อเล่นกันเสียแล้ว ข้าเรียกเขาว่าลุงต่งแล้วนะ แล้วเขาจะมาเป็นพ่อข้าได้อย่างไรกัน? พ่อของข้าไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ข้ากับแม่เพิ่งมาจากต้าชื่อกัน" เฉินฮ่าวปิงพยายามสะกดความโกรธไว้นี่เป็นครั้งแรกที่นางจัดงานเลี้ยงเล็กๆ จะทำพังไม่ได้"อย่างนั้นหรือ? เจ้ากับแม่ของเจ้าหนีตามคุณชายต่งมาสินะ? ข้าได้ยินว่าคุณชายต่งเป็นศิษย์พี่ของพระชายาอ๋องเจวี้ยน วันนี้เจ้าได้เชิญพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาไหม?"อวิ๋นจูอดคิดไปถึงฟู่จาวหนิงไม่ได้
เฉินฮ่าวปิงพอเห็นฟู่จาวหนิงปรากฏตัวที่นี่ ไฟโกรธจะระงับต่อไปได้อย่างไร พุ่งปรี๊ดขึ้นมาถึงบนหัวนี่มันเกินไปหน่อยไหม?ตอนที่นางไปขอความช่วยเหลือถึงประตูบ้าน ฟู่จาวหนิงปฏิเสธนางนางตอนนี้พึ่งพาตัวเอง ฟู่จาวหนิงก็ยังวิ่งแจ้นตามมาหลอกมาหลอนอีก นี่คิดจะทำให้พังใช่ไหม?!"ที่นี่คือพันธมิตรโอสถ ไม่ใช่จวนเฉิน ข้ามาที่นี่แล้วแปลกตรงไหน?" ฟู่จาวหนิงย้อนถามนางรู้สึกขำกับปฏิกิริยาแบบนี้ของเฉินฮ่าวปิงจะว่าไป คนอย่างเฉินฮ่าวปิงมาอยู่ในพันธมิตรโอสถต่างหากที่แปลก นางไม่ใช่คนของพันธมิตรโอสถ แล้วก็ไม่ใช่แขกของพันธมิตรโอสถ ตอนนี้มาทำท่าทำทางเป็นเจ้าของแบบนี้ เพื่ออะไรกัน?"ท่านเกลียดข้าขนาดนี้เลยหรือ?" เฉินฮ่าวปิงเบ้าตาแดงรื้น รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วยังมองไปทางต่งฮ่วนจือ"ข้ามาหาอาจารย์ของข้า เจ้าคิดว่าข้ามาหาเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงพอเห็นท่าทางนางแบบนี้ก็รู้สึกไม่น่าสนใจ นางเองก็ขี้เกียจจะทะเลาะกับเฉินฮ่าวปิงด้วยพูดจบประโยคนี้ นางก็เตรียมจะเดินผ่านสวนดอกไม้เล็กไปยังสวนสมุนไพร ต่งฮ่วนจือเห็นท่าทางนางแบบนี้ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาและไม่รู้ว่านางโกรธหรือเปล่าถึงแม้ฟู่จาวหนิงจะเป็นศิษย์น้องห
แต่ว่าตัวตนฐานะของพวกเขา ก็ยังเชิญองค์หญิงหนานฉือมาไม่ได้แค่งานเลี้ยงของสาวน้อยไม่กี่คน องค์หญิงหนานฉือไม่มีทางสนใจ ดังนั้นจึงเชิญอันชิงมาก่อนได้ยินว่าอันเหนียนรักน้องสาวคนนี้มาก เช่นนั้นองค์หญิงหนานฉือที่เป็นพี่สะใภ้ ก็น่าจะให้หน้าอยู่เมื่อครู่ยังคิดว่าอันชิงคงไม่มาแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะมาช้าไปหน่อยเฉินฮ่าวปิงพอเห็นอันชิง ก็ไม่สนใจฟู่จาวหนิงชั่วคราวนางยิ้มขึ้น เดินมาตรงหน้าอันชิง "คุณหนูอัน มาแล้วหรือ? ข้ายังคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้วเสียอีก ยังคิดว่าจะไปที่จวนตระกูลอันอยู่เลยว่าเป็นอะไรไปหรือเปล่า"อันชิงมองนาง "แม่นางเฉินหรือ?""คุณหนูอันเรียกข้าว่าฮ่าวปิงก็พอ ข้า..."อันชิงแน่นอนว่าไม่อยากเมินฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว นางจะไม่สนใจฟู่จาวหนิงแล้วมาคุยเล่นกับเฉินฮ่าวปิงทางนี้ได้อย่างไร?"ขอโทษด้วยแม่นางเฉิน ข้าขอไปคุยกับพี่หญิงจาวหนิงก่อน"อันชิงยังคิดว่าฟู่จาวหนิงก็มารวมงานเลี้ยงน้ำชาอะไรนี่ด้วย"พี่หญิงจาวหนิง ช่วงนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"เรื่องที่จวนอ๋องเจวี้ยน ทำให้อันชิงกังวลมาตลอด แต่พี่ชรายบอกว่าจะไปที่จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ นางเองก็ไม่มีปัญญาจะไปถาม ตอน
อันชิงพอได้ยินเฉินฮ่าวปิงกล่าวโทษฟู่จาวหนิง หน้าก็เย็นลงทันที"ข้าว่าท่านน่ะมีปัญหา! พี่หญิงจาวหนิงไม่เคยเป็นคนจิตใจคับแคบมาตั้งแต่แรก นางใจกว้างฉลาดและจิตใจดี ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ท่านตอนนี้มากล่าวโทษนางเช่นนี้ ก็อธิบายได้แค่ว่า ท่านไปทำเรื่องอะไรผิดไว้ ท่านไม่ขอโทษนางก็เรื่องนึงแล้ว แต่ตอนนี้กลับยังมาด่ามาว่านางหรือ?"เฉินฮ่าวปิงถลึงตาโต ไม่อยากจะเชื่อ"ข้าต้องขอโทษนาง? นางเป็นคนใจกว้างหรือ?""ข้าได้ยินว่าแม่นางเฉินเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง พักเป็นแขกอยู่ในบ้านของผู้จัดการใหญ่ต่งสินะ? พี่หญิงจาวหนิงของข้าคือพระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านมาลบหลูพระชายา พี่หญิงจาวหนิงยังไม่ให้องครักษ์มาจัดการท่าน นี่ก็ถือว่าจิตใจดีแล้ว"หงจั๋วตอนนี้ก็ทนไม่ไหวขึ้นมา ก้าวขึ้นหน้า ยกมือตบฉาดไปที่เฉินฮ่าวปิงเสียง "เพียะ" ดังขึ้น สะบัดฉาดใส่เฉินฮ่าวปิงไปทีหนึ่งหงจั๋วเมื่อครู่ฟังแล้วโกรธมาก "บังอาจเสียเหลือเกิน!"ไม่ใช่แค่มาขวางพระชายาของพวกเขา ตอนนี้ยังมาชี้หน้าด่าพระชายาว่าจิตใจคับแคบอีก ใครให้ความกล้ากับนางกัน!ฟู่จาวหนิงก็ไม่คิดว่าหงจั๋วจะลงมือนางไว้หน้าศิษย์พี่อยู่จริงๆถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสถานที่ของ
"ฮือ!" เฉินฮ่าวปิงทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หมุนตัววิ่งร้องไห้ออกไปอวิ๋นจู:ไม่สิ หนีไปแบบนี้เลยหรือ? นี่จะอ่อนแอเกินไปแล้ว! นางผิดหวังสุดๆ เลย!"ฮ่าวปิง!" ต่งฮ่วนจือร้อนรนขึ้นมา มองนางวิ่งหนีไป เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะดี สายตาที่มองฟู่จาวหนิงก็กลา่วโทษอยู่หน่อยๆ "นางยังเป็นเด็ก เจ้าด่าสักกี่คำก็พอแล้ว เอาไว้กลับไปข้ายังพอตักเตือนนางได้บ้าง แต่ไปทำร้ายกันแบบนี้ นางจะทนไหวได้อย่างไร?"ไป๋หู่เดินขึ้นมา"ทนไม่ไหวก็ต้องทน เพราะนางสมควรโดนแล้ว"จะไม่จบใช่ไหม?ยังไม่พูดเรื่องตัวตนฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยนของฟู่จาวหนิง นางยังเป็นคุณหนูของตระกูลเสิ่นด้วยนะ ตอนไหนกันที่ต้องให้ไก่กามากำเริบเสิบสานใส่แบบนี้?หงจั๋วเองก็ร้องเชอะขึ้น "ข้าเป็นคนตบนาง ถ้าครั้งหน้านางยังไม่เคารพพระชายาของพวกเรา ข้าก็จะตบอีก"เมื่อครู่นางยังตบน้อยไปด้วยซ้ำ น่าจะซ้ายขวาทีละฉาดถึงจะสมดุลกันต่งฮ่วนจือถลึงตาอ้าปากค้างฟู่จาวหนิงปล่อยให้คนใต้บังคับบัญชากำเริบเสิบสานขนาดนี้เชียว?"พวกเขาพูดถูกแล้ว ศิษย์พี่ก็ต้องเอาไปเตือนนางด้วย หลังจากนี้ถ้าเห็นข้าก็เลี่ยงเข้าไว้ ความอดทนของข้าใช้ไปจนหมดแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"แ
ฟู่จาวหนิงพอคุยเรื่องงาน ก็โยนเฉินฮ่าวปิงไปไว้ที่หลังสมองแล้วนางกับผู้อาุโสจี้ค้นคว้าอยู่พักหนึ่งว่าจะช่วยวัตถุดิบยาเหล่านี้อย่างไร ผู้อาวุโสจี้เองก็พานางมารู้จักกับวัตถุดิบยาล้ำค่าบางส่วน ศิษย์อาจารย์ทำธุระอยู่ในสวนสมุนไพรอยู่นาน จึงได้ไปที่คลังยาชั้นหนึ่งที่นั่นยังมีวัตถุดิบยาอีกมากมาย คลังยาชั้นหนึ่ง ก็คือพวกที่ล้ำค่าที่สุดเหล่านั้น ต่อให้ไม่มีคลังเก็ฐ ก็ยังต้องบันทึกไว้ในสมุด มีคำอธิบายมีภาพประกอบผู้อาวุโสจี้พานางรู้จักทีละอย่างทีละชนิด เติมเต็มจุดอ่อนทางด้านวัตถุดิบยาให้กับฟู่จาวหนิงไปไม่น้อยอันชิงเองก็คอยฟังอยู่ข้างๆ ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย เพราะนางเองก็ได้เรียนตามไปด้วย ถ้าเผื่อหลังจากนี้เจอกับวัตถุดิบยาเหลา่นี้ นางก็สามารถนำมามอบให้ฟู่จาวหนิงได้ฟู่จาวหนิงก็คิดไม่ถึงว่านางจะมีความคิดเช่นนี้หงจั๋วรอพวกนางคุยกันไปพักหนึ่ง พอเห็นท้องฟ้าด้านนอก จึงขัดพวกเขาขึ้นมาว่า"พระชายา ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วเจ้าค่ะ"จะให้พระชายาหิวไม่ได้"ไป ไปกินข้าวที่โถงหน้ากัน วันนี้กินกันในพันธมิตรโอสถนี่ล่ะ แล้วข้าจะทดสอบอาหารยาจีนกับน้ำชาโอสถเจ้าเสียหน่อย แล้วเจ้าก็จะได้ชิมพอดี แล้วลอ
"ตามหลักการแล้ว ศิษย์พี่เป็นผู้จัดการใหญ่ของที่นี่ เขาจะให้เฉินฮ่าวปิงมาเป็นคุณหนูใหญ่ของพันธมิตรโอสถมันก็เรื่องของเขา..." ฟู่จาวหนิงพูดเสียดสีออกมาคำหนึ่งแต่ว่ายังไม่ทันพูดจบ ผู้อาวุโสจี้ก็ก่นด่าขึ้นมาอย่างโมโห "คุณหนูใหญ่บ้าบออะไร! นางมันใครกัน!"เขาโกรธจัดแล้วหลักๆ คือ ฮูหยินเฉินนั่นก็ไม่ได้ว่าตามต่งฮ่วนจือมาจริงๆทำตัวก็ไม่ชัดเจน ความสัมพันธ์ไม่ต้องคิดก็เข้าใจ ก็แค่คอยหาประโยชน์จากต่งฮ่วนจือมาตลอดเท่านั้น หลอกเขาอยู่ชัดๆ!เฉินฮ่าวปิงเจ้าเด็กคนนั้นก็ไม่ได้มาเป็นลูกสาวให้ต่งฮ่วนจือจริงๆ แต่ก็เอาแต่ให้เขาทำตัวเหมือนพ่อมาตลอดความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนี้ ถ้าลือออกไปจะเสียชื่อเสียงขนาดไหน ทำให้ต่งฮ่วนจือดูเป็นคนโง่ไปอีก!เขาทำไมถึงได้มีศิษย์ที่โง่ขนาดนี้กันนะ!น่าเสียดายที่ด้านจัดการพันธมิตรโอสถของเขายังพอใช้ได้!"ท่านอาจารย์ ไม่ต้องโกรธแล้ว ศิษย์พี่เองก็ไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว เขารู้อยู่นั่นล่ะว่าตัวเองทำอะไรอยู่"ฟู่จาวหนิงอยากจะฟ้องจริงๆ แต่พอเห็นผู้อาวุโสจี้โมโหขนาดนี้ นางก็กลัวว่าเขาจะโมโหจนเป็นอะไรไปต่งฮ่วนจือก็เป็นวัยกลางคนแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่"ข
หลี่จื่อเหยานอนอยู่บนเตียง กระทั่งมือก็ไม่มีแรงจะขยับนางรู้สึกว่าปากของตนเองแอบจะแห้งแตกอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาดูนางเลยนางไม่รู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนานเท่าไรแล้ว อยากจะเรียกคนให้เข้ามา แต่ก็ทำได้แค่ส่งเสียงที่อ่อนแอไปเท่านั้น"น้ำ""ใครก็ได้..."ตัวนางเองยังรู้สึกว่าเสียงของตัวเองเหมือนเสียงยุงร้อง สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกนั่นไม่ได้ยินเลยหลายวันนี้พวกนางยิ่งขี้เกียจขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนแรกนางมักจะดุด่าพวกนั้น ไม่ยอมให้พวกนางเข้ามาวุ่นวายกับนาง นางอยากจะนอนมันทั้งวันแต่หลายวันนี้นางรู้สึกว่านอนจนผิดปกติไปแล้ว แต่พวกนางก็ยังไม่พบอาหารเย็นเมื่อวานพวกนางส่งเข้ามาแล้ว มาส่งที่ข้างเตียงนางเหมือนก่อนหน้า นางก็ลุกขึ้นมากินอย่างเกียจคร้าน พอกินเสร็จก็โยนตะเกียบไปบนโต๊ะ พอสาวใช้เหล่านั้นว่างก็เข้ามาเก็บไปแต่ชามตะเกียบของเมื่อวาน พวกนางจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้ามาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีคนเข้ามารินน้ำให้นางด้วยข้าวเช้าข้าวเที่ยงวันนี้ ก็ไม่มีใครส่งเข้ามาเพราะนางไม่ได้เรียกให้ส่งข้าวหรือ?แต่นางก็พูดไม่ออกแล้วหลี่จื่อเหยารู้สึกว่าหัวของตนเองมึนตื้อ นางอยากจะด่าคน อยากจะเรียกสา
ที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุดคือ กระทั่งคนเทขยะก็ยังไม่กล้าเข้ามา บอกว่าขยะของจวนชินอ๋องเซียวก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีพิษ แค่สูดดมก็อาจจะติดเชื้อได้"เดิมทีในจวนอ๋องยังมีคนงานอยู่บางส่วน บ้านอยู่ภายนอก ตอนนี้คนเหล่านั้นก็ยังไม่กล้ามา คนในอุทยานเอง กระทั่งประตูเมืองก็ยังไม่เข้ามา ของกินของดื่มในจวนอ๋องทุกวันก็ไม่มีใครส่งเข้ามา ตนเองจะออกไปซื้อก็ไม่ได้""หมายความว่าอย่างไร?" เซียวเหยียนจิ่งคิดว่าตนเองฟังผิด กระทั่งออกไปซื้อของก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ?"รัฐทายาท คนที่ขายเนื้อขายผักด้านนอก ล้วนกลัวคนในจวนเรากันหมด ดังนั้นจึงไม่ขายของให้พวกเราชั่วคราว! บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้ไปพูดต่อหน้าองค์จักรพรรดิก็ยังถือว่าถูกต้อง ถึงอย่างไร องค์จักรรพรรดิก็ออกราชโองการมาแล้ว ว่าห้ามท่านอ๋อนเข้าเมืองหลวง""องค์จักรพรรดิรู้ว่าท่านพ่ออยู่ที่อุทยานด้านนอกหรือ?" เซียวเหยียนจิ่งหน้าขรึมลงมา"ขอรับ รู้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ผู้เช่าทำนาทั้งหมดในอุทยานก็ไม่ให้เข้าเมืองแล้ว เสบียงที่ผลิตในอุทยาทก็ไม่อนุญาตให้ส่งมาเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะเอากลับไปกินที่จวนอ๋องก็ยังไม่ได้""มีเหตุผลแบบนี้ด้วยรึ! พวกเขาคิดจะให้จวนชินอ๋องเซียวอดตายก
สาเหตุที่เซียวเหยียนจิ่งมารับหมอเทวดาหลี่กลางทาง ก็เพราะอาการป่วยของชินอ๋องเซียวเขาถามหมอหลายคนในเมืองหลวงไปแล้ว ล้วนเป็นหมอที่มีวิชาแพทย์ดีมากทั้งนั้น ผลคือไม่มีใครรักษาได้สักคนกระทั่งยังไม่แน่ใจว่าติดโรคระบาดมาได้อย่างไรด้วยซ้ำองครักษ์ที่ไปหาคนป่วยคนนั้นไม่เป็นอะไรกันเลย แต่คนที่ไม่ได้ไปสัมผัสคนป่วยคนนั้นอย่างชินอ๋องเซียวกลับติดมาเสียได้ นี่จะอธิบายกันอย่างไรล่ะ?เขาเองก็ไปหาฟู่จาวหนิงมไ่ได้ ยิ่งไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงรู้ว่าพ่อของตนเองติดโรคระบาดนั้นด้วย ดังนั้นจึงทำได้แค่รีบไปรับหมอเทวดาหลี่เท่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอเทวดาหลี่อย่างน้อยก็เป็นพ่อตาเขานะถึงแม้พวกเราก่อนหน้านี้จะทะเลาะกันบ่อย จนแทบจะเป็นศัตรูกันอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่จื่อเหยาที่อยู่ในจวนชินอ๋องเซียวก็แทบจะไม่มีตัวตนอยู่แล้วไม่ว่านางจะอาละวาดแค่ไหน เซียวเหยียนจิ่งก็ไม่สนใจนาง ไม่พบนางด้วยซ้ำ เขาส่งหญิงรับใช้ที่ตัวใหญ่แรงเยอะไปให้หลี่จื่อเหยาหลายคน กระทั่งสาวใช้ก็ยังมีพละกำลังอย่างมากด้วย คอยจับตานางดูไว้ทุกวันกระทั่งยังวางยาพิษออกฤทธิ์ช้ากับหลี่จื่อเหยาอีก พิษนั่นเซียวเหยียนจิ่งหามาอย่างยากลำบาก เขาเคยทดลองแล
"ข้าเดาว่าอีกไม่นานนางน่าจะจัดงานเลี้ยงอะไรอีก ถึงตอนนั้นเกรงว่าคงจะมาเชิญอันชิงด้วย"ฟู่จาวหนิงคิดถึงนิสัยเฉินฮ่าวปิง รู้สึกว่านางได้แต่งตั้งเป็นท่านหญิง จะต้องเคลื่อนไหวอะไรแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเงียบไปเช่นนี้ จะบอกไม่จดจำอันชิง ก็ดูจะเป็นไปได้อยู่"แล้วไม่ไปได้ไหม?" องค์หญิงหนานฉือขมวดคิ้ว"ไม่ไปก็ได้อยู่" เซียวหลันยวนพูดขึ้นมาอันเหนียนถอนหายใจ "ท่านอ๋อง ท่านน่ะได้ พวกเราที่เป็นขุนนางตัวเล็กตัวน้อย ปฏิเสธคนส่งเดชไม่ได้นี่สิ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาพูดซะน่าอดสูแบบนี้ นี่ใช้อันเหนียนไหมเนี่ย?ความคิดของอันเหนียนคนนี้ ไม่เคยจะเรียบง่ายมาแต่ไหนแต่ไรฟู่จาวหนิงไม่ได้คิดจะอ้อมค้อมเหมือนพวกเขาสองคน พอได้ยินอันเหนียนพูดเช่นนี้ นางก็ตอบรับมาตรงๆ"อันชิงเองก็ถือว่าไปผิดใจกับเฉินฮ่าวปิงเพราะข้าเหมือนกัน ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงมาหาเรื่องนาง พวกท่านก็มาบอกข้าเลย"ในตาอันเหนียนมีรอยยิ้ม "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณพระชายาแทนชิงชิงด้วย"เป้าหมายใหญ่สุดที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อประโยคนี้ไม่ใช่หรือ? ฟู่จาวหนิงถ้ายอมปกป้องอันชิงหน่อย เขาก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว"เฮอะ" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด "เจ้านี่ม
อันเหนียนแปลงโฉมเป็นชายกลางคนคนหนึ่ง พาสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงสายตาตกอยู่บนตัวสาวใช้คนนั้น หัวเราะพรวดออกมา"องค์หญิงแปลงโฉมใช้ได้นี่นา หน้าย่นลงมาแล้วนั่น"สาวใช้ที่ดูลับๆ ล่อๆ คนนึ้นยืดตัวตรง เงยหน้าขึ้นทันที ท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตานางมองฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างประหลาด "ข้าแต่งแบบนี้แล้ว เจ้ายังปราดเดียวก็รู้เลยหรือ?""ใบหู คางกับคอขององค์หญิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย" ฟู่จาวหนิงชี้ไปที่ช่องโหว่เหล่านั้นหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยืนอยู่ข้างๆนาง ทั้งสองคนล้วนมององค์หญิงหนานฉืออย่างสนอกสนใจขนาดพระชายาชี้ช่องโหว่พวกนี้ออกมาแล้ว แต่พวกนางก็ยังมองไม่ออก ดูท่าสายตาของพระชายาจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามากเลยองค์หญิงหนานฉือเบ้ปาก "ตอนที่ข้าออกมาก็ส่องกระจกตั้งหลายรอบแล้วนา ขนาดข้าเองยังมองไม่ออกเลย"คอใบหูและมือของนาง ทาจนดำไว้ชั้นหนึ่ง มีช่องโหว่ตรงไหนกันอันเหนียนเอ่ยขึ้นว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยนเรียนวิชาแพทย์มานะ ต้องมองคนได้เฉียบคมกว่าพวกเราอยู่แล้ว""นี่เกี่ยวกับเรียนแพทย์ตรงไหนกัน" องค์หญิงหนานฉือไม่ค่อยเข้าใจฟู่จาวหนิงพยักหน้าให้อันเหนียน แสดงท่าทีชื่นชม "ผู้ตรวจการอันพูดถูกต้อง
ฮูหยินเฉินกลับมาในบ้านของต่งฮ่วนจือตอนที่สายัณห์กำลังมาถึง เฉินฮ่าวปิงก็กลับมาแล้ว"ท่านแม่!"ฮูหยินเฉินได้ยินเสียงของนาง ก็ลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นนางก็เห็นเฉินฮ่าวปิงพาสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนเดินเข้ามาถึงอย่างไรก็เป็นคนที่เข้าใจลูกสาวดีที่สุด พอเห็นสีหน้าของเฉินฮ่าวปิง ฮูหยินเฉินก็รู้ว่านางคงจะได้เป็นท่านหญิงไปแล้วใจของนางดิ่งวูบทันที"ท่านแม่ รีบเก็บของเร็วเข้า พวกเรากลับบ้านกัน!" เฉินฮ่าวปิงเชิดคาง ดูภูมิใจมาก"ปิงเอ๋อร์ พวกเรามีบ้านที่ไหนกัน?""พระชายาเยว่ให้บ้านพวกเรามา อยู่ในซอยกุ้ยเซียงข้างหน้านี่ บ้านสองตอน หลังจากนี้พวกเราก็มีบ้านของตัวเองในเมืองหลวงแล้ว"เฉินฮ่าวปิงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ "แล้วก็ สาวใช้สองคนนี้พระชายาเยว่ก็ยกมาให้ข้า ชิวอวิ๋น ชิวเยว่ นี่แม่ของข้า"ชิวอวิ๋นชิวเยว่ขึ้นมาคารวะ "คารวะฮูหยิน"ฮูหยินเฉินสีหน้ายิ่งแข็งขึ้นไปอีก"ท่านแม่ ท่านทำไมถึงไม่ดีใจเลย? ท่านพ่อยังเป็นธุระ ให้องค์จักรพรรดิจัดหามามาอบรมมารยาทให้ข้าด้วย พรุ่งนี้จะเริ่มอบรมมารยาทในวังให้ข้า หลังจากนี้ข้าเองก็จะเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่สง่างามได้แล้ว"เฉินฮ่าวปิงเข้ามาใกล้แม่ของนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า "องค์จักรพร
ได้ยินว่าตระกูลของพระชายาอ๋องฉยงมีบารมีมากในเมืองฉยงโจว อ๋องฉยงไปที่นั่นเหมือนไปเกาะนางกินอย่างไรอย่างนั้น เขาตอนนี้ถ้าไปตบหน้าพระชายาอ๋องฉยงแบบนั้นอีก คือคิดจะไม่กลับไปเมืองฉยงโจวแล้วหรือ?เขาน่าจะรับปาก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เริ่มบ้าไปแล้ว" ส่งเขาเข้าคุกได้ ให้ไท่เฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนอย่ากลับวัง เรื่องเหล่านี้ยังทำออกมาได้ องค์จักรพรรดิบ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ"ดังนั้น เจ้าความลับที่ฮูหยินเฉินกอดเอาไว้มันคืออะไรกันแน่?"มูลค่าสูงขนาดที่ ทำให้องค์จักรพรรดิต้องถอยให้ก้าวหนึ่งเลยหรือ"เรื่องเกี่ยวกับตงฉิง..." เสียงของเซียวหลันยวนเย็นชาลงเล็กน้อย "ตอนนี้ดูท่า การล่มสลายของตงฉิงครั้งนั้นเหมือนไม่ใช่ภัยธรรมชาติเสียแล้ว"ฟู่จาวหนิงมองเขา ดูกังวลขึ้นมา"ถ้าหากการล่มสลายของตงฉิงมีแผนร้ายอื่นอยู่ คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยต่อใต้หล้าแน่ ถึงตอนนั้นตัวตนฐานะของท่านถ้าเปิดเผยออกมา จุดสนใจทั้งหมดก็จะพุ่งไปบนตัวท่านสิ"ถ้าหากมีแผนร้ายจริง คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ปล่อยเซียวหลันยวนแน่นอนกระมัง?ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในราชวงศ์ตงฉิงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่บนโลกนี้ เป็นสายเลือดเซียวหลันยวนนิ่
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั