ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูเป็นประกายขึ้นมานางกระทั่งมองเซียวหลันยวนอย่างชื่นชมเดิมทีนางก็อยากจะรับปากอยู่ แต่พอเห็นสายตาชื่นชมคาดหวังของเฉินฮ่าวจูแล้ว ฟู่จาวหนิงก็รู้สึก...นางต้องมีปัญหาอะไรแน่ ถึงจะพาความยุ่งยากนี้ไปด้วย ให้โอกาสนางมาลอยไปลอยมาต่อหน้าเซียวหลันยวนขณะที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซียวหลันยวนดังขึ้นมา"ไม่สะดวก ไม่เหมาะสม ข้าไม่ชอบให้มีคนมาลอยไปลอยมาต่อหน้าข้า เกะกะลูกตา"พรวดฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้เมื่อครู่เขาเพิ่งจะเห็นด้วยที่จะพาสองแม่ลูกนี้ไป แค่ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนใจเสียแล้วหรือ?คล้ายกับนางจริงๆ นางชอบในสายตาฟู่จาวหนิงอดมีรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ สายตาของเขาราวกับเป็นประกายน้ำไหลเอื่อยเซียวหลันยวนเมื่อครู่ที่เหลือบไปเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูรู้สึกไม่ชอบอย่างมาก พอคิดว่าต้องพาพวกนางไปแล้ว ตลอดทางไม่รู้ต้อง "เสพ" กับสายตาเช่นนี้อีกเท่าไร เขาไม่ค่อยสบายเท่าไรนักเกี่ยวกับฝีมืองานปักของตงฉิง เอาไว้ค่อยว่ากันแล้วกันก็ไม่ได้จะต้องเอาคนไปเสียหน่อยเฉินฮ่าวจูแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วอ๋องเจวี้ยนทำไมจึงเย็นชาไร้น้ำใจเช่นนี้!ใบหน้าของเขาหล่อเห
ฮูหยินเฉินเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร นางเองตอนนี้ก็เจ็บจี๊ดที่ใจขึ้นมาเหมือนกันกระโปรงลายดอกโบตั๋นมอบออกไปแล้วแต่ว่าก็ไม่ถือว่าส่งมอบออกไปหรอก แต่เป็นการแลกเปลี่ยน และกับการที่ผู้อาวุโสจี้พาพวกนางทั้งสองคนไปเมืองหลวงแคว้นเจาแต่นางเดิมทีคิดจะไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยนและฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา ระหว่างทางหากไม่สบายตรงไหน ฟู่จาวหนิงคงไม่นิ่งดูดายปล่อยให้ตายไปแน่ แล้วพวกนางทั้งสองคนสุขภาพก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ระหว่างทางอาจจะเป็นหวัดขึ้นมาได้ตลอดเวลาสองคือ ฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาว ระหว่างการเดินทางจะละเอียดละออหน่อย พักแรมหรือการกินอยู่ก็จะค่อนข้างละเอียด พวกนางเองก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ตามไปด้วยสามคือ ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนี้ จะอย่างไรก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทางได้ฮ่าวจูในเมื่อชอบอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้ ระหว่างทางบางทีอาจจะมีโอกาสถ้าไม่ได้ นางก็ยังสามารถขอให้อ๋องเจวี้ยน ช่วยจัดแจงหาที่พักให้นางในเมืองหลวง ถึงตอนนั้นพอเข้าเมืองหลวงพวกนางก็มีที่มีทางแล้ว แค่โผล่หน้าออกไป คนในเมืองหลวงก็จะรู้ว่าพวกนางนั้นมาพร้อมกับอ๋องเจว
วันต่อมาฟู่จาวหนิงก็ยังไปที่หอวัฒนธรรมครั้งนี้พอนางโผล่หน้าไป คนทั้งหมดก็แทบจะมองมาที่นางทุกคนรู้ว่านางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว"นี่เป็นหมอเทวดาหญิงคนแรกของสมาคมหมอใหญ่เลยนะ""ไม่ใช่แค่นี้ แต่ยังเป็นหมอเทวดาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย!"มีคนไม่น้อยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ฟู่จาวหนิงแต่พวกประธานกงซุนก็ยอมให้นางเข้าร่วมแล้ว กระทั่งซุนฉงหมิงก็ยังไม่มีคำพูดประหลาดใด ดังนั้นจึงไม่มีใครวิจารณ์ต่อคุณสมบัติของนางแค่รู้สึกว่านางอายุน้อยขนาดนี้ แล้วยังเป็นหญิงสาวอีกด้วย ช่างน่าตกตะลึงเสียจริงคนป่วยคนนั้นเมื่อวานนี้ก็เข้ามาด้วยเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น เขายังนั่งได้แล้ว และพูดได้แล้วด้วยแม้ใบหน้าจะยังพันผ้าไว้ แต่ดวงตาที่ถูกอาการบวมน้ำเบียดจนเป็นร่องแต่เดิมตอนนี้ก็เปิดขึ้นได้แล้ว ดวงตาเองก็ไม่เล็กเลย ทำเอาคนรู้สึกตกตะลึงมากเขายังพูดได้ด้วย พอมาถึงก็ให้คนนำสมบัติล้ำค่าทองคำกล่องหนึ่งมายื่นให้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง ขอบคุณที่นางช่วยชีวิตตนเองเอาไว้"หมอเทวดาฟู่ พวกเราทางนั้นมีหลายคนที่ป่วยเช่นเดียวกันกับข้า แล้วข้าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถอดทนและมีเงื่อนไขเพียงพอที่จะลากสังขารออกมารักษ
ดังนั้นตัวตนฐานะของผู้ป่วยคนนี้มีอะไรพิเศษไหมนะ? หรือว่าความพิเศษของเขา จะไม่ใช่แค่อาการโรค?"หมอเทวดาฟู่"หมอเทวดาอันเข้ามาทักทายนาง"คารวะหมอเทวดาอัน""รีบมาดูคนป่วยคนนี้กับพวกเราเถอะ" หมอเทวดาอันพานางเข้ามาอยู่ตรงหน้าคนป่วยคนหนึ่ง ผู้อาวุโสเหยาเองก็อยู่ที่นี่แล้วพอเห็นนางเข้ามาก็รู้สึกยินดีมาก "แม่นางฟู่ มาๆๆ ท่านลองมาดูแม่นางคนนี้"ฟู่จาวหนิงเข้าไปวินิจฉัยโรคด้วยกันในสามวัน นางรักษาคนป่วยไปแล้วถึงสี่คน ชื่อเสียงระบือขึ้นมาพวกหมอเหล่านั้นในสมาคมหมอใหญ่มองนาง สายตาก็ซับซ้อนขึ้นมา เพราะฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวก็รักษาหายไปแล้วถึงสี่คน! รวมถึงห่าวหลันเฉิงคนนั้นด้วยนี่เป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสมาคมหมอใหญ่เลยผู้อาวุโสจี้ทุกวันก็คอยฟังข่าวที่หอวัฒนธรรม หัวเราะร่าขึ้นอย่างภูมิใจ ทุกมือล้วนกินข้าวได้เพิ่มอีกชามใหญ่ศิษย์ของเขาคนนี้ทำให้เขาภูมิใจเสียจริงเพราะฟู่จาวหนิงร้ายกาจขนาดนี้ คนอื่นพอพูดถึงนางก็ยังบอกว่า นางเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจี้พันธมิตรโอสถใต้หล้า เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมทั้งวิชาแพทย์และสมุนไพร!ชื่อของเขาหลายวันนี้ล้วนถูกแขวนอยู่ข้างปากของคนเหล่านั้นพันธมิตรโอสถ
"องค์ชายสอง ได้รับข่าวมาว่า ฝ่าบาทเองก็กำลังอยู่ระหว่างทางไปเมืองจี้ น่าจะอีกไม่กี่ชั่วยามก็ถึงแล้ว!"องครักษ์คนหนึ่งห้อม้าตะบึงตามหลังองค์ชายสองที่ขี่อยู่บนม้าใหญ่สีพุทราแดง"อะไรนะ?"องค์ชายสองตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ"จริงแท้อย่างที่สุด!""เสด็จพ่อจะไปเมืองจี้แบบไม่มีเหตุผลทำไมกัน?" องค์ชายสองขมวดคิ้ว รู้สึกไม่อยากเชื่อองค์จักรพรรดิไม่ค่อยออกจากวังหลวง ตอนนี้ไม่ใช่แค่ออกจากวังหลวง แต่ยังออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิตรงไปเมืองจี้ด้วย!ต้องรู้ด้วยว่าเมืองจี้แม้จะไม่ได้ห่างจากเมืองหลวงจักรพรรดินัก แต่ไปกลับก็น่าจะใช้เวลาถึงสิบวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่เมืองใหญ่ที่คนพลุกพล่านด้วยเขาจะมาที่นี่ทำไมกัน?"ฝ่าบาทจะมาที่งานประชุมหมอใหญ่นี่หรือเปล่า?""งานประชุมหมอใหญ่เขาส่งหมอหลวงมาก็พอ เมื่อไรกันที่เขาอยากจะขเ้าร่วมด้วยตนเอง?" องค์ชายสองกลับไม่อยากจะเชื่อสมาคมหมอใหญ่ไม่ชอบให้ราชวงศ์มาเข้าร่วมแต่ไหนแต่ไร เพราะพอมีอำนาจของราชวงศ์เข้ามา ก็กลัวว่าจะเกิดความวุ่นวาย ถ้าหากหมอล้วนยืนอยู่ข้างราชวงศ์ เช่นนั้นงานสมาคมหมอใหญ่ก็จะกลายเป็นสถานที่ของหมอหลวงไป แล้วยังจะเป็นองค์กรของประชาชนอีกเสียที
อ๋องเจวี้ยนหรือ?"หยุดก่อน!"องค์ชายสองตะโกนขึ้นเสียงขรึมรถม้าหยุดลง ชิงอีที่กำลังเร่งเดินทางหันมามองเขาถ้ารู้แต่แรกคงไม่บอกท่านอ๋องกับพระชายาแล้วว่าคนที่มาน่าจะเป็นองค์ชายสองเซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง นางเองก็มองเขาอย่างงงงัน "เขามาทำอะไร?"องค์ชายสองมาทำอะไร?เซียวหลันยวนให้นางนั่งนิ่งไม่ต้องขยับ บอกกับชิงอีกว่า "ถามเขาว่ามีเรื่องอะไร"องค์ชายสองพลิกตัวลงจากม้า เดินมาที่ด้านหน้ารถม้า ม่านรถตอนนี้ปล่อยลงมาแล้ว แต่ชั่วแวบเหมือนกระเรียนบินผ่านเมื่อครู่นั้น หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถม้า ก็ดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์"นี่คือองค์ชายสองของพวกเรา!" องครักษ์ของเขากลัวว่าคนเหล่านี้จะทำการเสียมารยาท จึงรีบแจ้งออกมาคำหนึ่งองค์ชายสองเหลือบมองเขา จากนั้นก็มองไปทางรถม้า"ขอถามหน่อยว่าในรถม้าใช่หมอเทวดาฟู่แม่นางฟู่หรือไม่?"มาหาข้าหรือ?ฟู่จาวหนิงกระพริบตาใส่เซียวหลันยวนพวกเขารู้ว่าจักรพรรดิต้าชื่อกำลังตรงมาที่เมืองจี้ ดังนั้นจึงรีบเดินทางออกมา เพื่อไม่ต้องมาเจอกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับองค์ชายสองเสียก่อนแต่คนเขาก็มาหาตรงหน้าแล้ว นางเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่กล้าเผชิญหน้าขณะที่กำลังเอ่ยปาก
"อ๋องเจวี้ยน จากที่ข้ารู้มา หากไม่มีพระราชโองการจากจักรพรรดิเจา ท่านไม่สามารถออกจากแคว้นเจาได้"องค์ชายสองมองเซียวหลันยวน "ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังมาถึงต้าชื่อ ก็น่าจะแจ้งทราบกับจวนทางการถึงการเดินทาง"อ๋องเจวี้ยนเนื่องจากมีตัวตนฐานะพิเศษ แตกต่างกับคนอื่นในมือเขามีองครักษ์เงามังกรอยู่ด้วยต่อให้เป็นจักรพรรดิต้าชื่อก็ยังต้องหวาดหวั่นถึงจุดนี้"ข้าเดิมทีแค่ออกมาท่องเที่ยว และมารับพระชายากลับบ้าน พวกท่านมองข้ามข้าไปก็พอแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบองค์ชายสองชะงักไปเรื่องนี้มันมองข้ามกันได้หรือ?"ข้าได้ยินว่า ท่านมีติดต่อกันกับองค์หญิงคนเล็กของเราด้วย กระทั่งยังไปกินข้าวกลางวันกันส่วนตัว" องค์ชายสองตอนที่พูดคำนี้ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงคงไม่ได้ถูกอ๋องเจวี้ยนหลอกเอากระมัง?ยังคิดว่าเขามารับนางกลับแคว้นเจาจริงหรือ? รู้หรือเปล่าว่าอ๋องเจวี้ยนช่วยชีวิตองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่กินข้าวด้วยกันกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแค่ครั้งเดียวด้วย"องค์หญิงใหญ่ที่กลับเข้าเมืองหลวงจากสุสานจักรพรรดิในครั้งนี้ ก็เพื่อทำเรื่องใหญ่ในชีวิตนาง วันนั้นที่นางกลับถึงเมืองหลวง
"แม่นางฟู่...""พระชายาอ๋องเจวี้ยน" เซียวหลันยวนแก้คำเรียกของเขาเสียใหม่องค์ชายสองชะงักไป ตอนนี้ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยกับคำเรียกไหม?แต่เขาเองก็ยังแก้ให้ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ได้ยินว่าท่านเองก็ใช้ชีวิตในแคว้นเจาได้ไม่ค่อยดีนัก ท่านมีแค่ปู่คนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นอีก พ่อแม่ของท่านในอดีตก็ข้องเกี่ยวกับเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนถูกวางยาพิษ ตอนนี้ยังคงระหกระเหินหาตัวกันไม่พบ"ดวงตาฟู่จาวหนิงก็เย็นชาลงมาเช่นกันองค์ชายสองมองข้ามจุดนี้ไป เขาต้องแสดงความจริงใจของตนเองออกมาให้เห็น"ดังนั้น ในแคว้นเจาท่านแทบจะไม่มีญาติฝ่ายแม่คอยช่วยเหลือ ไร้ที่พึ่งพา ตอนนั้นที่ท่านรีบแต่งงานเข้าจวนอ๋องเจวี้ยน คิดแล้วก็น่าจะมีความลำบากที่ยากจะแก้ไข ตอนนี้ข้าอยากจะช่วยท่าน ท่านไม่ต้องกลับแคว้นเจาแล้ว อยู่ที่ต้าชื่อนี้เถอะ...""ให้ข้าอยู่ที่ต้าชื่อ?""ใช่ อยู่ที่ต้าชื่อ อย่างน้อยราชวงศ์ก็ไม่มีความเคืองแค้นอะไรกับท่าน ท่านอยู่ที่แคว้นเจาก็มีชื่อหมอเทวดาอยู่แล้ว ข้าเองก็สามารถปกป้องท่านได้ ช่วยท่านค้นหาพ่อแม่ พวกเราปล่อยข่าวออกไป พอพ่อกับแม่ท่านรู้ว่าท่านไม่อยู่ที่แคว้นเจาแล้ว ก็คงจะไม่กังวลอะไรอีก ไม่แน่อา