แต่ว่าฮูหยินเฉินก็สงบท่าทีลงมาได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อฟู่จาวหนิงมีนิสัยเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็ตรงไปตรงมาหน่อย"ให้ท่านเห็นสิ่งน่าอายเสียแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องร้องขอที่ไม่สมควรอยู่จริงๆ"ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วเป็นสัญญาณให้นางพูดต่อ"พวกท่านน่าจะใกล้กลับแคว้นเจาแล้วกระมัง?""ถูกต้อง""ท่านทั้งสองสามารถพาข้ากับฮ่าวจูไปที่เมืองหลวงด้วยได้ไหม? พวกเราไม่ลูกไม่กล้าออกเดินทางไกลนับพันลี้ และเราก็ทำเองไม่ได้ด้วย ถ้าสามารถติดตามพวกท่านไป ก็ถือว่าได้รับการคุ้มครอง พอถึงเมืองหลวงแคว้นเจา พวกเราก็สามารถจัดการลงหลักปักฐานตนเองได้ ไม่ต้องรบกวนพวกท่านอีก"คำพูดของฮูหยินเฉินทำเอาต่งฮ่วนจืองงงัน"เจ้า พวกเจ้าจะไปเมืองหลวงแคว้นเจาหรือ? อยู่ที่นี่แล้วมีตรงไหนไม่สบายหรือไรกัน?" ต่งฮ่วนจือคิดไม่ถึงเลย ว่าแม่ลูกฮูหยินเฉินจะคิดออกจากเมืองจี้เขากระทั่งโดนผลกระทบทางจิตใจด้วยซ้ำเพราะก่อนหน้านี้ ฮูหยินเฉินไม่ได้เผยอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยเขาไม่ได้รับความเชื่อใจจากพวกนางแม่ลูกหรือ?ฮูหยินเฉินมองเขาเชิงขอโทษ "ท่านต่ง ขออภัยด้วย ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกอะไรกับท่านเลย พวกเรามาอยู่ที่เมืองจี้สี่ปีกว่าแล้ว ได้รับการดูแ
ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูเป็นประกายขึ้นมานางกระทั่งมองเซียวหลันยวนอย่างชื่นชมเดิมทีนางก็อยากจะรับปากอยู่ แต่พอเห็นสายตาชื่นชมคาดหวังของเฉินฮ่าวจูแล้ว ฟู่จาวหนิงก็รู้สึก...นางต้องมีปัญหาอะไรแน่ ถึงจะพาความยุ่งยากนี้ไปด้วย ให้โอกาสนางมาลอยไปลอยมาต่อหน้าเซียวหลันยวนขณะที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซียวหลันยวนดังขึ้นมา"ไม่สะดวก ไม่เหมาะสม ข้าไม่ชอบให้มีคนมาลอยไปลอยมาต่อหน้าข้า เกะกะลูกตา"พรวดฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้เมื่อครู่เขาเพิ่งจะเห็นด้วยที่จะพาสองแม่ลูกนี้ไป แค่ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนใจเสียแล้วหรือ?คล้ายกับนางจริงๆ นางชอบในสายตาฟู่จาวหนิงอดมีรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ สายตาของเขาราวกับเป็นประกายน้ำไหลเอื่อยเซียวหลันยวนเมื่อครู่ที่เหลือบไปเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูรู้สึกไม่ชอบอย่างมาก พอคิดว่าต้องพาพวกนางไปแล้ว ตลอดทางไม่รู้ต้อง "เสพ" กับสายตาเช่นนี้อีกเท่าไร เขาไม่ค่อยสบายเท่าไรนักเกี่ยวกับฝีมืองานปักของตงฉิง เอาไว้ค่อยว่ากันแล้วกันก็ไม่ได้จะต้องเอาคนไปเสียหน่อยเฉินฮ่าวจูแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วอ๋องเจวี้ยนทำไมจึงเย็นชาไร้น้ำใจเช่นนี้!ใบหน้าของเขาหล่อเห
ฮูหยินเฉินเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร นางเองตอนนี้ก็เจ็บจี๊ดที่ใจขึ้นมาเหมือนกันกระโปรงลายดอกโบตั๋นมอบออกไปแล้วแต่ว่าก็ไม่ถือว่าส่งมอบออกไปหรอก แต่เป็นการแลกเปลี่ยน และกับการที่ผู้อาวุโสจี้พาพวกนางทั้งสองคนไปเมืองหลวงแคว้นเจาแต่นางเดิมทีคิดจะไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยนและฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา ระหว่างทางหากไม่สบายตรงไหน ฟู่จาวหนิงคงไม่นิ่งดูดายปล่อยให้ตายไปแน่ แล้วพวกนางทั้งสองคนสุขภาพก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ระหว่างทางอาจจะเป็นหวัดขึ้นมาได้ตลอดเวลาสองคือ ฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาว ระหว่างการเดินทางจะละเอียดละออหน่อย พักแรมหรือการกินอยู่ก็จะค่อนข้างละเอียด พวกนางเองก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ตามไปด้วยสามคือ ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนี้ จะอย่างไรก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทางได้ฮ่าวจูในเมื่อชอบอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้ ระหว่างทางบางทีอาจจะมีโอกาสถ้าไม่ได้ นางก็ยังสามารถขอให้อ๋องเจวี้ยน ช่วยจัดแจงหาที่พักให้นางในเมืองหลวง ถึงตอนนั้นพอเข้าเมืองหลวงพวกนางก็มีที่มีทางแล้ว แค่โผล่หน้าออกไป คนในเมืองหลวงก็จะรู้ว่าพวกนางนั้นมาพร้อมกับอ๋องเจว
วันต่อมาฟู่จาวหนิงก็ยังไปที่หอวัฒนธรรมครั้งนี้พอนางโผล่หน้าไป คนทั้งหมดก็แทบจะมองมาที่นางทุกคนรู้ว่านางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว"นี่เป็นหมอเทวดาหญิงคนแรกของสมาคมหมอใหญ่เลยนะ""ไม่ใช่แค่นี้ แต่ยังเป็นหมอเทวดาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย!"มีคนไม่น้อยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ฟู่จาวหนิงแต่พวกประธานกงซุนก็ยอมให้นางเข้าร่วมแล้ว กระทั่งซุนฉงหมิงก็ยังไม่มีคำพูดประหลาดใด ดังนั้นจึงไม่มีใครวิจารณ์ต่อคุณสมบัติของนางแค่รู้สึกว่านางอายุน้อยขนาดนี้ แล้วยังเป็นหญิงสาวอีกด้วย ช่างน่าตกตะลึงเสียจริงคนป่วยคนนั้นเมื่อวานนี้ก็เข้ามาด้วยเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น เขายังนั่งได้แล้ว และพูดได้แล้วด้วยแม้ใบหน้าจะยังพันผ้าไว้ แต่ดวงตาที่ถูกอาการบวมน้ำเบียดจนเป็นร่องแต่เดิมตอนนี้ก็เปิดขึ้นได้แล้ว ดวงตาเองก็ไม่เล็กเลย ทำเอาคนรู้สึกตกตะลึงมากเขายังพูดได้ด้วย พอมาถึงก็ให้คนนำสมบัติล้ำค่าทองคำกล่องหนึ่งมายื่นให้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง ขอบคุณที่นางช่วยชีวิตตนเองเอาไว้"หมอเทวดาฟู่ พวกเราทางนั้นมีหลายคนที่ป่วยเช่นเดียวกันกับข้า แล้วข้าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถอดทนและมีเงื่อนไขเพียงพอที่จะลากสังขารออกมารักษ
ดังนั้นตัวตนฐานะของผู้ป่วยคนนี้มีอะไรพิเศษไหมนะ? หรือว่าความพิเศษของเขา จะไม่ใช่แค่อาการโรค?"หมอเทวดาฟู่"หมอเทวดาอันเข้ามาทักทายนาง"คารวะหมอเทวดาอัน""รีบมาดูคนป่วยคนนี้กับพวกเราเถอะ" หมอเทวดาอันพานางเข้ามาอยู่ตรงหน้าคนป่วยคนหนึ่ง ผู้อาวุโสเหยาเองก็อยู่ที่นี่แล้วพอเห็นนางเข้ามาก็รู้สึกยินดีมาก "แม่นางฟู่ มาๆๆ ท่านลองมาดูแม่นางคนนี้"ฟู่จาวหนิงเข้าไปวินิจฉัยโรคด้วยกันในสามวัน นางรักษาคนป่วยไปแล้วถึงสี่คน ชื่อเสียงระบือขึ้นมาพวกหมอเหล่านั้นในสมาคมหมอใหญ่มองนาง สายตาก็ซับซ้อนขึ้นมา เพราะฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวก็รักษาหายไปแล้วถึงสี่คน! รวมถึงห่าวหลันเฉิงคนนั้นด้วยนี่เป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสมาคมหมอใหญ่เลยผู้อาวุโสจี้ทุกวันก็คอยฟังข่าวที่หอวัฒนธรรม หัวเราะร่าขึ้นอย่างภูมิใจ ทุกมือล้วนกินข้าวได้เพิ่มอีกชามใหญ่ศิษย์ของเขาคนนี้ทำให้เขาภูมิใจเสียจริงเพราะฟู่จาวหนิงร้ายกาจขนาดนี้ คนอื่นพอพูดถึงนางก็ยังบอกว่า นางเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจี้พันธมิตรโอสถใต้หล้า เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมทั้งวิชาแพทย์และสมุนไพร!ชื่อของเขาหลายวันนี้ล้วนถูกแขวนอยู่ข้างปากของคนเหล่านั้นพันธมิตรโอสถ
"องค์ชายสอง ได้รับข่าวมาว่า ฝ่าบาทเองก็กำลังอยู่ระหว่างทางไปเมืองจี้ น่าจะอีกไม่กี่ชั่วยามก็ถึงแล้ว!"องครักษ์คนหนึ่งห้อม้าตะบึงตามหลังองค์ชายสองที่ขี่อยู่บนม้าใหญ่สีพุทราแดง"อะไรนะ?"องค์ชายสองตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ"จริงแท้อย่างที่สุด!""เสด็จพ่อจะไปเมืองจี้แบบไม่มีเหตุผลทำไมกัน?" องค์ชายสองขมวดคิ้ว รู้สึกไม่อยากเชื่อองค์จักรพรรดิไม่ค่อยออกจากวังหลวง ตอนนี้ไม่ใช่แค่ออกจากวังหลวง แต่ยังออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิตรงไปเมืองจี้ด้วย!ต้องรู้ด้วยว่าเมืองจี้แม้จะไม่ได้ห่างจากเมืองหลวงจักรพรรดินัก แต่ไปกลับก็น่าจะใช้เวลาถึงสิบวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่เมืองใหญ่ที่คนพลุกพล่านด้วยเขาจะมาที่นี่ทำไมกัน?"ฝ่าบาทจะมาที่งานประชุมหมอใหญ่นี่หรือเปล่า?""งานประชุมหมอใหญ่เขาส่งหมอหลวงมาก็พอ เมื่อไรกันที่เขาอยากจะขเ้าร่วมด้วยตนเอง?" องค์ชายสองกลับไม่อยากจะเชื่อสมาคมหมอใหญ่ไม่ชอบให้ราชวงศ์มาเข้าร่วมแต่ไหนแต่ไร เพราะพอมีอำนาจของราชวงศ์เข้ามา ก็กลัวว่าจะเกิดความวุ่นวาย ถ้าหากหมอล้วนยืนอยู่ข้างราชวงศ์ เช่นนั้นงานสมาคมหมอใหญ่ก็จะกลายเป็นสถานที่ของหมอหลวงไป แล้วยังจะเป็นองค์กรของประชาชนอีกเสียที
อ๋องเจวี้ยนหรือ?"หยุดก่อน!"องค์ชายสองตะโกนขึ้นเสียงขรึมรถม้าหยุดลง ชิงอีที่กำลังเร่งเดินทางหันมามองเขาถ้ารู้แต่แรกคงไม่บอกท่านอ๋องกับพระชายาแล้วว่าคนที่มาน่าจะเป็นองค์ชายสองเซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง นางเองก็มองเขาอย่างงงงัน "เขามาทำอะไร?"องค์ชายสองมาทำอะไร?เซียวหลันยวนให้นางนั่งนิ่งไม่ต้องขยับ บอกกับชิงอีกว่า "ถามเขาว่ามีเรื่องอะไร"องค์ชายสองพลิกตัวลงจากม้า เดินมาที่ด้านหน้ารถม้า ม่านรถตอนนี้ปล่อยลงมาแล้ว แต่ชั่วแวบเหมือนกระเรียนบินผ่านเมื่อครู่นั้น หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถม้า ก็ดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์"นี่คือองค์ชายสองของพวกเรา!" องครักษ์ของเขากลัวว่าคนเหล่านี้จะทำการเสียมารยาท จึงรีบแจ้งออกมาคำหนึ่งองค์ชายสองเหลือบมองเขา จากนั้นก็มองไปทางรถม้า"ขอถามหน่อยว่าในรถม้าใช่หมอเทวดาฟู่แม่นางฟู่หรือไม่?"มาหาข้าหรือ?ฟู่จาวหนิงกระพริบตาใส่เซียวหลันยวนพวกเขารู้ว่าจักรพรรดิต้าชื่อกำลังตรงมาที่เมืองจี้ ดังนั้นจึงรีบเดินทางออกมา เพื่อไม่ต้องมาเจอกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับองค์ชายสองเสียก่อนแต่คนเขาก็มาหาตรงหน้าแล้ว นางเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่กล้าเผชิญหน้าขณะที่กำลังเอ่ยปาก
"อ๋องเจวี้ยน จากที่ข้ารู้มา หากไม่มีพระราชโองการจากจักรพรรดิเจา ท่านไม่สามารถออกจากแคว้นเจาได้"องค์ชายสองมองเซียวหลันยวน "ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังมาถึงต้าชื่อ ก็น่าจะแจ้งทราบกับจวนทางการถึงการเดินทาง"อ๋องเจวี้ยนเนื่องจากมีตัวตนฐานะพิเศษ แตกต่างกับคนอื่นในมือเขามีองครักษ์เงามังกรอยู่ด้วยต่อให้เป็นจักรพรรดิต้าชื่อก็ยังต้องหวาดหวั่นถึงจุดนี้"ข้าเดิมทีแค่ออกมาท่องเที่ยว และมารับพระชายากลับบ้าน พวกท่านมองข้ามข้าไปก็พอแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบองค์ชายสองชะงักไปเรื่องนี้มันมองข้ามกันได้หรือ?"ข้าได้ยินว่า ท่านมีติดต่อกันกับองค์หญิงคนเล็กของเราด้วย กระทั่งยังไปกินข้าวกลางวันกันส่วนตัว" องค์ชายสองตอนที่พูดคำนี้ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงคงไม่ได้ถูกอ๋องเจวี้ยนหลอกเอากระมัง?ยังคิดว่าเขามารับนางกลับแคว้นเจาจริงหรือ? รู้หรือเปล่าว่าอ๋องเจวี้ยนช่วยชีวิตองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่กินข้าวด้วยกันกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแค่ครั้งเดียวด้วย"องค์หญิงใหญ่ที่กลับเข้าเมืองหลวงจากสุสานจักรพรรดิในครั้งนี้ ก็เพื่อทำเรื่องใหญ่ในชีวิตนาง วันนั้นที่นางกลับถึงเมืองหลวง
ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตอนนี้ต่อให้จะรับประกันดีแค่ไหน เซียวหลันยวนก็ยังกังวลตนเองอยู่ดีก็เหมือนกับที่เขาไม่ยอมกลับเมืองหลวง นางก็รู้สึกกังวลว่าเขาจะติดโรคระบาดที่นี่"พรุ่งนี้ท่านกลับเมืองหลวงเถอะ เอาจริงๆ ท่านอยู่ที่นี่ข้าก็เป็นห่วงอยู่ตลอด แล้วท่านก็ตามข้ามาแบบนี้อีก""พรุ่งนี้จะดูสถานการณ์ ข้ารับปากเจ้า จะไม่คอยตามเจ้าแล้ว""ไม่ตามแล้วหรือ?""ใช่ แค่รู้ว่าทุกวันเจ้าผ่านไปอย่างไร ทำอะไรบ้าง ในใจข้าก็พอเข้าใจแล้ว จะไม่ตามอีก"แม้จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้พอได้ติดตามมาวันหนึ่ง ได้รู้ว่านางใช้ชีวิตผ่านไปอย่างไร ก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้อะไรเลย ทำได้แค่คอยจินตนาการผ่านถ้อยคำบนจดหมายเขาจะมาถ่วงแข้งขานางไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาก็รู้ ว่าเมืองเจ้อตอนนี้ขาดฟู่จาวหนิงไม่ได้"ถ้าอย่างนั้นท่านไปพักกับผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเถอะ ทางนั้นอย่างน้อยก็ไม่มีคนป่วย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าในโรงหมอก็ยังมีความเสี่ยงสูง"พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่ที่โรงหมอ ข้าจะไปที่อื่นหน่อย"ฟู่จาวหนิงเห็นว่าเซียวหลันยวนมีแผนการของตนเองอยู่ จึงไม่ได้ถามอะไรเขามากขึ้น ถึงอย่างไรเขาปล่อยนางให้อยู่ที่นี่รักษาคนป่วยได้ ไม่ได้ดึงดันจะพ
เรียนได้เท่าไรก็เรียนเท่านั้น"ข้าไม่กลัวเหนื่อยหรอก เอาจริงๆ สมัยก่อนข้าเองก็มาจากครอบครัวที่ยากจนด้วย หลายปีมานี้ครอบครัวดีขึ้นมาก แต่ทุกวันข้าก็ยังปลูกผักอยู่ในเรือน แล้วยังฝึกมวยทุกวัน สุขภาพก็ดีมาก""มองออกเลยว่าสุขภาพของหมอหลินดีมาก นี่จึงน่าจะเป็นสาเหตุที่หมอฟู่พาท่านมาในวันแรก แล้วก็ให้ท่านมาคอยเฝ้าที่นี่นั่นล่ะ"อาเหอรู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้แม้ฟู่จาวหนิงจะไม่พูดออกมา แต่ในความเป็นจริงพอคนมาถึงนางก็สังเกตไปแล้ว การที่นางพาหมอหลินมา จะต้องเป็นการคัดเลือกของนางแน่นอน"จริงหรือ? ถ้าพูดเช่นนี้ พระชายาก็ถือว่ามีสายตาเฉียบคมอยู่นะ ฮ่าๆ" หมอหลินแสดงสีหน้าภาคภูมิใจฟู่จาวหนิงกลับไปพร้อมเซียวหลันยวนมีคนถือตะเกียงนำหน้าให้เมืองเจ้อยามนี้ เงียนงันไปหมด ฟ้าดำมืดมีดวงดาวไม่มากบนถนนมีแค่เสียงเท้าของพวกเขา เบามากพอคิด ก็รู้สึกเหมือนเป็นคืนฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีอะไรพิเศษแต่ในใจพวกเขาเข้าใจดี สำหรับเมืองเจ้อแล้ว นี่เหมือนถูกกดทับด้วยลมพายุไว้"อาเหอคนนี้ ดูแล้วไม่เลวเลย" เซียวหลันยวนตัดบทความคิดของฟู่จาวหนิง"อืม เป็นผู้ประสบภัย แต่เป็นคนฉลาด เรียนรู้เร็ว แล้วก็ซื่อสัตย์ด้วย" ความฉ
หมอหลินพอได้ยินคำพูดของอาเหอ ก็รู้สึกว่าตนเองเหมือนจะใจร้ายน่าดู ทำไมเขาถึงไม่คิดจุดนี้กันนะ?แล้วคิดจะจะให้พระชายาอ๋องเจวี้ยนที่เป็นหญิงสาวมาอยู่ดูแลที่นี่อีก ขนาดอ๋องเจวี้ยนตามมาแล้วแท้ๆ หรือคิดจะให้อ๋องเจวี้ยนต้องอยู่ดูแลคนป่วยที่นี่ด้วยกัน?ไอ๊หยา ต้องโทษพระชายาที่รับผิดชอบและตั้งใจมากเกินไป พอถูกนางทำให้ยุ่งขนาดนี้ เขาก็เลยลืมตัวตนฐานะของพระชายาอ๋องเจวี้ยนไปเสียแล้ว"ใช่ๆๆ ข้าคิดไม่รอบคอบเอง อาเหอพูดถูกต้อง พระชายาท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิด ข้าดูแลที่นี่ให้"ฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่ง"หมอหลิน ยังมีอีกที่หนึ่งที่ต้องไป ท่านลืมแล้วหรือ?"พวกเขาลืมไปแล้วหรือเปล่า ว่ายังมีบ้านประชาชนอีกแห่งหนึ่งที่รับผู้ป่วยเข้ามาหลายคนอ๊ะ นางตอนนี้จึงยิ้มออกมาได้ ถือเป็นความสุขที่ได้จากความทุกข์หมอหลินตอนนี้จึงนึกออก เขาตบหน้าผาก "ใช่ๆๆ แล้วทางนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?""นี่ถึงได้เชิญหมอหลินให้มาดูแลที่นี่ ส่วนอาเหอจะไปดูทางนั้นให้ มีเรื่องอะไรพวกท่านก็ให้ข้าราชการด้านนอกมาหาข้าก็พอ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร พรุ่งนี้จะมีคนมาแทนพวกท่าน""เอาตามที่พระชายาว่าเลย"พวกเขาไปในบ้านประชาชนอีกหลังหนึ่ง คน
"มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เสียที่ไหน?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถลึงตาโต"องครักษ์พวกนั้นเจอกับหัวขโมย พอเห็นว่าเขาผิดปกติจึงเข้าไปจับกุม นี่ถือว่าเป็นการทำความดีกับประชาชนเมืองเจ้อมิใช่หรือ? จะว่าไป ทุกคนก็รู้ว่าโชคอขงองค์หญิงใหญ่นั้นดีมาก ดังนั้นจึงทำให้ท่านเจอกับเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกตรงไหนกัน?""แต่ว่า แต่ว่า" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงอ่อย "เป็นแบบนี้มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลกระมัง?""มีอะไรไม่สมเหตุสมผลกัน ยืนกรานเสียอย่าง พวกเขาจะไม่สงสัยหรก องค์หญิงใหญ่ท่านเป็นคนที่สูงส่งนะ แล้วจะไปทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร?""ไม่ค่อยดีนะแบบนี้?""ไอ๊หยา องค์หญิงใหญ่ท่านฟังข้าเถอะ ไม่เช่นนั้น ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนไปแล้วจริงๆ พวกเรายังต้องอยู่ในเมืองเจ้ออีกนานแค่ไหน""พวกเราตอนนี้ได้ของแล้ว ไปเมืองหลวงกันเองก้ได้""องค์หญิงใหญ่ พวกเราป่วยโรคนี้อยู่นะ หมอเทวดาฟู่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกับใต้เท้าอันไม่มีทางยอมให้พวกเราไปหรอก ยิ่งไม่ยอมให้เราไปที่เมืองหลวงด้วย เว้นเสียแต่อ๋องเจวี้ยนจะพาพวกเราไป พวกเขาไม่กล้าขวางอ๋องเจวี้ยน"เฉินเซียงตอนนี้มองออกถ้าหากครั้งนี้ไม่ไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ถ้าพวกนางยังต้อง
"องค์หญิงใหญ่ ในกล่องใบนี้มันคืออะไรกันแน่?"เฉินเซียงเองก็อยากรู้อยากเห็นมาก จุดเทียนสว่าง แล้วยกเชิงเทียนเดินเข้ามาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกเครียดอยู่ตอลด ตอนนี้พอนั่งลงมา ก็รีบเทน้ำลงดื่ม เพียงแต่น้ำเย็นไปแล้ว พอดื่มไปนางก็สะดุ้งโหยง"ข้าจะจุดเตาให้ องค์หญิงใหญ่อย่าเพิ่งดื่มน้ำเย็นเลย"เฉินเซียงถึงแม้จะอยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไร แต่ก็ยังเป็นสาวใช้วังที่ทุ่มเทอยู่ พอเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นต้องมาดื่มน้ำเย็นจึงรู้สึกปวดใจตอนที่นางไปวุ่นอยู่นั้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็นั่งมองกล่องใบนั้นอยู่ตรงนั้นกล่องไม้ใบหนึ่ง ดูแล้วก็ไม่ได้มหัศจรรย์อะไร แล้วนางก็มองไม่ออกว่าต้องเปิดจากตรงไหนด้วยจนตอนที่เฉินเซียงเทน้ำร้อนเข้ามา องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เล่นกับกล่องนั้นอยู่พักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอว่าจะเปิดมันอย่างไร"ทำไมถึงเปิดไม่ออก""เปิดไม่ออกหรือ? เพราะด้านในมันขัดกันอยู่หรือเปล่า?"เฉินเซียงเองก็หยิบกล่องนั่นเข้ามาสำรวจ รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่มีจุดที่เปิดได้เลยจริงๆ"นี่มันอะไรกัน? หรือจะเป็นไม้ท่อนนึง สลักออกมาเป็นกล่องแบบนี้หรือ? "เฉินเซียงมึนงง"ไม่หรอก ด้านในมีของใส่ไว้" องค์หญ
"ข้าไม่ใช่หมอ แต่ข้าก็สกุลฟู่จริงๆ เจ้าติดตามหมอหลวงคนไหนมาหรือ?" ฟู่จิ้นเชินถามเขาไม่เห็นความเป็นศัตรูจากชายหนุ่มคนนี้เลย ดวงตาชายหนุ่มคนนี้ก็ค่อนข้างจะใสซื่อด้วยแต่ไม่รู้เพราะอะไร ฟู่จิ้นเชินพอเห็นเขาแล้วกลับรู้สึกมีความระแวดระวังขึ้นมาไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เพิ่งมาถึง ที่พอเห็นผู้ช่วยหมอก็รู้สึกว่ามาเป็นแรงงานได้เลย ในใจรู้สึกลิงโลดขึ้นมาแบบนั้นวันนี้ทุกครั้งที่เขาเห็นคนใหม่เข้ามา ก็จะรู้สึกขึ้นมาได้ด้วยสัญชาตญาณ ว่ามีคนที่มาช่วยแบ่งเบาภาระให้จาวหนิงได้อีกคนแล้ว จาวหนิงจะได้เบาแรงลงหน่อยแต่ตอนนี้พอเห็นชายหนุ่มที่เรียกว่าอาอี้คนนี้ ฟู่จิ้นเชินกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น"ข้าตามหมอหลวงหูมาน่ะ แต่ว่าระหว่างทางที่มาเขาไม่รู้ ข้าแอบขึ้นรถม้าเขาเขาก็ไม่รู้ ดังนั้นตอนนี้จึงมาหาว่าหมอหลวงหูอยู่ที่ไหน"หยวนอี้รู้ว่าหมอหลวงเผียวไม่ยอมเล่นด้วยกับเขา ดังนั้นจึงพูดถึงหมอหลวงหูอีกคนหนึ่งแทนหมอหลวงหูใจกว้าง กล่อมง่าย ยิ่งไปกว่านั้นเขากล่อมไปแค่ไม่กี่คำก็ทำให้หมอหลวงหูยอมรับเป็น 'หลานชาย' ได้แล้ว"ดังนั้นเจ้าจึงชื่อว่าหูอี้สินะ?" ฟู่จิ้นเชินถามเอ่อ...หยวนอี้ สะดุดไปหน่อยๆทำไมถึงต้องเอาแ
นั่นเป็นห่อผ้าห่อหนึ่งหลังจากหยิบออกมาแล้วแกะผ้าหนาๆ ออก กล่องไม้ใบหนึ่งก็ปรากฏออกมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็น ดวงตาก็เป็นประกาย"สิ่งนี้เลย!""ดีจริงๆ หาพบแล้ว!" เฉินเซียงเองก็ดีใจ"ไป รีบกลับออกไปก่อน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกอดกล่องไม้ไว้ในอก อยากจะรีบออกไปในใจนางลนลาน ถ้าหากถูกคนพบเข้า นางคงจะรู้สึกอายที่ต้องพบคน เป็นถึงองค์หญิงใหญ่จากต้าชื่อ แต่กลับวิ่งเข้ามาขโมยของในบ้านประชาชน!"องค์หญิงใหญ่ ไปก่อนเลย พวกเราจะจัดการเก็บกวาดที่นี่ก่อน" องครักษ์รู้สึกว่าจะให้คนพบไม่ได้ จึงขออยู่ที่นี่ก่อน จะจัดการร่องรอยที่พวกเขามาค้นของให้เป็นเหมือนเดิมก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนำสิ่งของตรงไปยังโรงหมอทางนั้น กลัวว่าจะถูกใครพบเห็น ระหว่างทางก็คลุมผ้าเอาไว้มิดชิด ก้มหน้ารีบเดินเข้าห้องไปเสี่ยวเยว่พูดกับไป๋หู่ในความมืดมิด "นางหนีออกไปมืดค่ำแบบนี้ ไม่เป็นไรจริงหรือ?""ท่านอ๋องก่อนจะออกไปบอกไว้แล้วว่าไม่ต้องสนใจนาง แค่อย่าให้นางไปเจอคนอื่นแล้วทำให้คนอื่นติดโรคไปก็พอ"ไป๋หู่สีหน้าไร้อารมณ์ "นางยังคิดว่าใครก็ไม่เห็นพวกนางหรือไรกัน"ทำไมไม่คิดดูหน่อย ว่าห้องข้างฝั่งตะวันตกนั้นมีแต่คนที่ป่วยทั้งน
"แล้วเขาไปหาตาเฒ่าอู๋ทำไมกัน?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถาม "หมอเทวดาฟู่อยู่ที่นั่นหรือ?"เฉินเซียงเอ่ยขึ้น "องค์หญิงใหญ่ พวกเราตอนที่เพิ่งออกมาเมื่อครู่ เหมือนได้ยินพวกเขาพูดว่า หมอเทวดาฟู่จะพาคนไปรักษาคนป่วยใหม่ที่บ้านของประชาชนอะไรสักอย่าง""เช่นนั้นก็น่าจะเป็นบ้านของตาเฒ่าอู๋ทางนั้น!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลนลานขึ้นมา "แล้วทำอย่างไรดี? ลุงหวังทำไมถึงไปเจอกับนางเล่า? ถ้าเผื่อ เขาเอาเจ้าสิ่งนั้นให้หมอเทวดาฟู่ไปจะทำอย่างไร?""ไม่หรอกกระมัง? เขาเองก็ไม่รู้จักหมอเทวดาฟู่นี่นา""แต่ของสิ่งนั้นเดิมทีเขาก็จะมอบให้อ๋องเจวี้ยนอยู่แล้ว ถ้าเขารู้ว่าหมอเทวดาฟู่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน นั่นมันจะไม่..."ไปบรรจบเจอกันแล้วหรือ?พอได้ยินองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพูดเช่นนี้ เฉินเซียงก็ลนลานไปด้วยเช่นกันนี่ก็มีเหตุผลอยู่!แล้วจะทำอย่างไรเล่า?"องค์หญิงใหญ่ จะให้หมอเทวดาฟู่ได้ของไปไม่ได้!"ถ้าหากของถูกฟู่จาวหนิงส่งไปให้อ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนก็จะรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงต่างหากที่เหมาะกับเขา? ถึงอย่างไรเดิมทีอ๋องเจวี้ยนก็ชอบหมอเทวดาฟู่อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นจะยิ่งรู้สึกว่านางดีมากขึ้นไปอีก สามารถจำโชคลาภมาให้เขาได้เช่
ชายแก่คนนี้แม้จะสลบไปแล้ว แต่มือของเขากลับยังคงกำฟู่จาวหนิงไว้แน่น ราวกับกลัวว่านางจะหนีไปอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงลองดึงมือออกมา แต่ชายแก่ก็กำไว้แน่นมาก ถ้าหากฝืนออกแรงดึง นางกลัวว่าถุงมือตนเองจะถูกดึงออกมาหลักๆ คือนางรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆนางไม่รู้เลย ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพาเฉินเซียงกับองครักษ์ หาบ้านชายชราในฝันเจอแล้วอย่างยากลำบาก"องค์หญิงใหญ่ หาพบแล้วจริงๆ!"เฉินเซียงตื่นเต้นมากพวกเขาหาบ้านหลังนี้เจอจริงๆ ตามเบาะแสในฝันขององค์หญิงใหญ่ บ้านหลังนี้เหมือนกับในฝันขององค์หญิงใหญ่ไม่ผิดเพี้ยน อธิบายว่าฝันครั้งนี้ก็ยังเป็นเรื่องจริงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตื่นเต้นมากเพราะนี่แสดงว่านางจะได้เจอกับชายชราคนนั้นแล้ว สามารถนำกล่องใบนั้นจากเขาได้ เช่นนี้นางก็สามารถเอาของไปพบอ๋องเจวี้ยนได้แล้วยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยก็ให้อ๋องเจวี้ยนพานางกลับเมืองหลวง เรื่องที่จะให้นางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนก็น่าจะคุยกันได้กระมังนางเองก็รู้ ถ้าหากจะรีบให้อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับนาง แล้วปกป้องนางแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้แล้วถ้าจะต่อต้านกับฝ่าบาทต้าชื่อ นางเองก็ต้องมีอะไรมากกว่านี้แต่สามารถ