Share

บทที่ 1339

Penulis: จุ้ยหลิงซู
ฮูหยินเฉินเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร นางเองตอนนี้ก็เจ็บจี๊ดที่ใจขึ้นมาเหมือนกัน

กระโปรงลายดอกโบตั๋นมอบออกไปแล้ว

แต่ว่าก็ไม่ถือว่าส่งมอบออกไปหรอก แต่เป็นการแลกเปลี่ยน และกับการที่ผู้อาวุโสจี้พาพวกนางทั้งสองคนไปเมืองหลวงแคว้นเจา

แต่นางเดิมทีคิดจะไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยนและฟู่จาวหนิง

ฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา ระหว่างทางหากไม่สบายตรงไหน ฟู่จาวหนิงคงไม่นิ่งดูดายปล่อยให้ตายไปแน่ แล้วพวกนางทั้งสองคนสุขภาพก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ระหว่างทางอาจจะเป็นหวัดขึ้นมาได้ตลอดเวลา

สองคือ ฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาว ระหว่างการเดินทางจะละเอียดละออหน่อย พักแรมหรือการกินอยู่ก็จะค่อนข้างละเอียด พวกนางเองก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ตามไปด้วย

สามคือ ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนี้ จะอย่างไรก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทางได้

ฮ่าวจูในเมื่อชอบอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้ ระหว่างทางบางทีอาจจะมีโอกาส

ถ้าไม่ได้ นางก็ยังสามารถขอให้อ๋องเจวี้ยน ช่วยจัดแจงหาที่พักให้นางในเมืองหลวง ถึงตอนนั้นพอเข้าเมืองหลวงพวกนางก็มีที่มีทางแล้ว แค่โผล่หน้าออกไป คนในเมืองหลวงก็จะรู้ว่าพวกนางนั้นมาพร้อมกับอ๋องเจว
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1340

    วันต่อมาฟู่จาวหนิงก็ยังไปที่หอวัฒนธรรมครั้งนี้พอนางโผล่หน้าไป คนทั้งหมดก็แทบจะมองมาที่นางทุกคนรู้ว่านางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว"นี่เป็นหมอเทวดาหญิงคนแรกของสมาคมหมอใหญ่เลยนะ""ไม่ใช่แค่นี้ แต่ยังเป็นหมอเทวดาที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย!"มีคนไม่น้อยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ฟู่จาวหนิงแต่พวกประธานกงซุนก็ยอมให้นางเข้าร่วมแล้ว กระทั่งซุนฉงหมิงก็ยังไม่มีคำพูดประหลาดใด ดังนั้นจึงไม่มีใครวิจารณ์ต่อคุณสมบัติของนางแค่รู้สึกว่านางอายุน้อยขนาดนี้ แล้วยังเป็นหญิงสาวอีกด้วย ช่างน่าตกตะลึงเสียจริงคนป่วยคนนั้นเมื่อวานนี้ก็เข้ามาด้วยเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น เขายังนั่งได้แล้ว และพูดได้แล้วด้วยแม้ใบหน้าจะยังพันผ้าไว้ แต่ดวงตาที่ถูกอาการบวมน้ำเบียดจนเป็นร่องแต่เดิมตอนนี้ก็เปิดขึ้นได้แล้ว ดวงตาเองก็ไม่เล็กเลย ทำเอาคนรู้สึกตกตะลึงมากเขายังพูดได้ด้วย พอมาถึงก็ให้คนนำสมบัติล้ำค่าทองคำกล่องหนึ่งมายื่นให้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง ขอบคุณที่นางช่วยชีวิตตนเองเอาไว้"หมอเทวดาฟู่ พวกเราทางนั้นมีหลายคนที่ป่วยเช่นเดียวกันกับข้า แล้วข้าเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถอดทนและมีเงื่อนไขเพียงพอที่จะลากสังขารออกมารักษ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1341

    ดังนั้นตัวตนฐานะของผู้ป่วยคนนี้มีอะไรพิเศษไหมนะ? หรือว่าความพิเศษของเขา จะไม่ใช่แค่อาการโรค?"หมอเทวดาฟู่"หมอเทวดาอันเข้ามาทักทายนาง"คารวะหมอเทวดาอัน""รีบมาดูคนป่วยคนนี้กับพวกเราเถอะ" หมอเทวดาอันพานางเข้ามาอยู่ตรงหน้าคนป่วยคนหนึ่ง ผู้อาวุโสเหยาเองก็อยู่ที่นี่แล้วพอเห็นนางเข้ามาก็รู้สึกยินดีมาก "แม่นางฟู่ มาๆๆ ท่านลองมาดูแม่นางคนนี้"ฟู่จาวหนิงเข้าไปวินิจฉัยโรคด้วยกันในสามวัน นางรักษาคนป่วยไปแล้วถึงสี่คน ชื่อเสียงระบือขึ้นมาพวกหมอเหล่านั้นในสมาคมหมอใหญ่มองนาง สายตาก็ซับซ้อนขึ้นมา เพราะฟู่จาวหนิงแค่คนเดียวก็รักษาหายไปแล้วถึงสี่คน! รวมถึงห่าวหลันเฉิงคนนั้นด้วยนี่เป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสมาคมหมอใหญ่เลยผู้อาวุโสจี้ทุกวันก็คอยฟังข่าวที่หอวัฒนธรรม หัวเราะร่าขึ้นอย่างภูมิใจ ทุกมือล้วนกินข้าวได้เพิ่มอีกชามใหญ่ศิษย์ของเขาคนนี้ทำให้เขาภูมิใจเสียจริงเพราะฟู่จาวหนิงร้ายกาจขนาดนี้ คนอื่นพอพูดถึงนางก็ยังบอกว่า นางเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสจี้พันธมิตรโอสถใต้หล้า เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมทั้งวิชาแพทย์และสมุนไพร!ชื่อของเขาหลายวันนี้ล้วนถูกแขวนอยู่ข้างปากของคนเหล่านั้นพันธมิตรโอสถ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1342

    "องค์ชายสอง ได้รับข่าวมาว่า ฝ่าบาทเองก็กำลังอยู่ระหว่างทางไปเมืองจี้ น่าจะอีกไม่กี่ชั่วยามก็ถึงแล้ว!"องครักษ์คนหนึ่งห้อม้าตะบึงตามหลังองค์ชายสองที่ขี่อยู่บนม้าใหญ่สีพุทราแดง"อะไรนะ?"องค์ชายสองตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ"จริงแท้อย่างที่สุด!""เสด็จพ่อจะไปเมืองจี้แบบไม่มีเหตุผลทำไมกัน?" องค์ชายสองขมวดคิ้ว รู้สึกไม่อยากเชื่อองค์จักรพรรดิไม่ค่อยออกจากวังหลวง ตอนนี้ไม่ใช่แค่ออกจากวังหลวง แต่ยังออกจากเมืองหลวงจักรพรรดิตรงไปเมืองจี้ด้วย!ต้องรู้ด้วยว่าเมืองจี้แม้จะไม่ได้ห่างจากเมืองหลวงจักรพรรดินัก แต่ไปกลับก็น่าจะใช้เวลาถึงสิบวัน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่เมืองใหญ่ที่คนพลุกพล่านด้วยเขาจะมาที่นี่ทำไมกัน?"ฝ่าบาทจะมาที่งานประชุมหมอใหญ่นี่หรือเปล่า?""งานประชุมหมอใหญ่เขาส่งหมอหลวงมาก็พอ เมื่อไรกันที่เขาอยากจะขเ้าร่วมด้วยตนเอง?" องค์ชายสองกลับไม่อยากจะเชื่อสมาคมหมอใหญ่ไม่ชอบให้ราชวงศ์มาเข้าร่วมแต่ไหนแต่ไร เพราะพอมีอำนาจของราชวงศ์เข้ามา ก็กลัวว่าจะเกิดความวุ่นวาย ถ้าหากหมอล้วนยืนอยู่ข้างราชวงศ์ เช่นนั้นงานสมาคมหมอใหญ่ก็จะกลายเป็นสถานที่ของหมอหลวงไป แล้วยังจะเป็นองค์กรของประชาชนอีกเสียที

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1343

    อ๋องเจวี้ยนหรือ?"หยุดก่อน!"องค์ชายสองตะโกนขึ้นเสียงขรึมรถม้าหยุดลง ชิงอีที่กำลังเร่งเดินทางหันมามองเขาถ้ารู้แต่แรกคงไม่บอกท่านอ๋องกับพระชายาแล้วว่าคนที่มาน่าจะเป็นองค์ชายสองเซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง นางเองก็มองเขาอย่างงงงัน "เขามาทำอะไร?"องค์ชายสองมาทำอะไร?เซียวหลันยวนให้นางนั่งนิ่งไม่ต้องขยับ บอกกับชิงอีกว่า "ถามเขาว่ามีเรื่องอะไร"องค์ชายสองพลิกตัวลงจากม้า เดินมาที่ด้านหน้ารถม้า ม่านรถตอนนี้ปล่อยลงมาแล้ว แต่ชั่วแวบเหมือนกระเรียนบินผ่านเมื่อครู่นั้น หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถม้า ก็ดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์"นี่คือองค์ชายสองของพวกเรา!" องครักษ์ของเขากลัวว่าคนเหล่านี้จะทำการเสียมารยาท จึงรีบแจ้งออกมาคำหนึ่งองค์ชายสองเหลือบมองเขา จากนั้นก็มองไปทางรถม้า"ขอถามหน่อยว่าในรถม้าใช่หมอเทวดาฟู่แม่นางฟู่หรือไม่?"มาหาข้าหรือ?ฟู่จาวหนิงกระพริบตาใส่เซียวหลันยวนพวกเขารู้ว่าจักรพรรดิต้าชื่อกำลังตรงมาที่เมืองจี้ ดังนั้นจึงรีบเดินทางออกมา เพื่อไม่ต้องมาเจอกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกับองค์ชายสองเสียก่อนแต่คนเขาก็มาหาตรงหน้าแล้ว นางเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่กล้าเผชิญหน้าขณะที่กำลังเอ่ยปาก

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1344

    "อ๋องเจวี้ยน จากที่ข้ารู้มา หากไม่มีพระราชโองการจากจักรพรรดิเจา ท่านไม่สามารถออกจากแคว้นเจาได้"องค์ชายสองมองเซียวหลันยวน "ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังมาถึงต้าชื่อ ก็น่าจะแจ้งทราบกับจวนทางการถึงการเดินทาง"อ๋องเจวี้ยนเนื่องจากมีตัวตนฐานะพิเศษ แตกต่างกับคนอื่นในมือเขามีองครักษ์เงามังกรอยู่ด้วยต่อให้เป็นจักรพรรดิต้าชื่อก็ยังต้องหวาดหวั่นถึงจุดนี้"ข้าเดิมทีแค่ออกมาท่องเที่ยว และมารับพระชายากลับบ้าน พวกท่านมองข้ามข้าไปก็พอแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบองค์ชายสองชะงักไปเรื่องนี้มันมองข้ามกันได้หรือ?"ข้าได้ยินว่า ท่านมีติดต่อกันกับองค์หญิงคนเล็กของเราด้วย กระทั่งยังไปกินข้าวกลางวันกันส่วนตัว" องค์ชายสองตอนที่พูดคำนี้ก็มองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงคงไม่ได้ถูกอ๋องเจวี้ยนหลอกเอากระมัง?ยังคิดว่าเขามารับนางกลับแคว้นเจาจริงหรือ? รู้หรือเปล่าว่าอ๋องเจวี้ยนช่วยชีวิตองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่กินข้าวด้วยกันกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแค่ครั้งเดียวด้วย"องค์หญิงใหญ่ที่กลับเข้าเมืองหลวงจากสุสานจักรพรรดิในครั้งนี้ ก็เพื่อทำเรื่องใหญ่ในชีวิตนาง วันนั้นที่นางกลับถึงเมืองหลวง

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1345

    "แม่นางฟู่...""พระชายาอ๋องเจวี้ยน" เซียวหลันยวนแก้คำเรียกของเขาเสียใหม่องค์ชายสองชะงักไป ตอนนี้ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อยกับคำเรียกไหม?แต่เขาเองก็ยังแก้ให้ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ได้ยินว่าท่านเองก็ใช้ชีวิตในแคว้นเจาได้ไม่ค่อยดีนัก ท่านมีแค่ปู่คนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นอีก พ่อแม่ของท่านในอดีตก็ข้องเกี่ยวกับเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนถูกวางยาพิษ ตอนนี้ยังคงระหกระเหินหาตัวกันไม่พบ"ดวงตาฟู่จาวหนิงก็เย็นชาลงมาเช่นกันองค์ชายสองมองข้ามจุดนี้ไป เขาต้องแสดงความจริงใจของตนเองออกมาให้เห็น"ดังนั้น ในแคว้นเจาท่านแทบจะไม่มีญาติฝ่ายแม่คอยช่วยเหลือ ไร้ที่พึ่งพา ตอนนั้นที่ท่านรีบแต่งงานเข้าจวนอ๋องเจวี้ยน คิดแล้วก็น่าจะมีความลำบากที่ยากจะแก้ไข ตอนนี้ข้าอยากจะช่วยท่าน ท่านไม่ต้องกลับแคว้นเจาแล้ว อยู่ที่ต้าชื่อนี้เถอะ...""ให้ข้าอยู่ที่ต้าชื่อ?""ใช่ อยู่ที่ต้าชื่อ อย่างน้อยราชวงศ์ก็ไม่มีความเคืองแค้นอะไรกับท่าน ท่านอยู่ที่แคว้นเจาก็มีชื่อหมอเทวดาอยู่แล้ว ข้าเองก็สามารถปกป้องท่านได้ ช่วยท่านค้นหาพ่อแม่ พวกเราปล่อยข่าวออกไป พอพ่อกับแม่ท่านรู้ว่าท่านไม่อยู่ที่แคว้นเจาแล้ว ก็คงจะไม่กังวลอะไรอีก ไม่แน่อา

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1346

    "ไป!"ฟู่จาวหนิงนั่งกลับเข้ามา สั่งการเสียงขรึม"ชิ้ง!"องครักษ์องค์ชายสองชักกระบี่คิดจะขวาง มีคนรีบเข้าไปประคององค์ชายสองสืออีสือซานพวกเขาก็ควบม้าล้อมเข้ามาทันทีทั้งสองฝ่ายเหมือนพร้อมจะเปิดศึกกันแล้วเซียวหลันยวนตอนนี้เพิ่งตั้งสติกลับมาได้ เขามองฟู่จาวหนิงคิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะปกป้องเขา ขนาดที่สั่งสอนองค์ชายสองแห่งต้าชื่อแบบนี้นางไม่ไหวหน้าองค์ชายสองเลยแม้แต่น้อย ทำเอาใจของเขาหวานชื่นเหลือแสน"หนิงหนิงอย่างเพิ่งโกรธ"เซียวหลันยวนปลอบนางแผ่วเบาคำหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งออกไปจากรถม้า มององค์ชายสองที่ถูกประคองตัวอยู่ ปลดหน้ากากลงมาหลังจากปลดหน้ากากลง ใบหน้าของเขาก็เปิดเผยออกภายใต้แสงตะวันอบอุ่นยามบ่ายคิ้วยาวเข้ม ตาดำเปล่งประกายดุจดวงดารา สันจมูกแหลม ริมฝีปากงดงามราวจรดด้วยพู่กันกระทั่งองค์ชายสองที่ถูกเรียกว่าหล่อเหลาในต้าชื่อก็ยังเหม่อลอยไปเล้กน้อย ถอยออกไปก้าวหนึ่งอ๋องเจวียน นี่คือหน้าตาแท้จริงของอ๋องเจวี้ยน!ใครบอกกันว่าหน้าของอ๋องเจวี้ยนพังยับไปแล้ว หน้าตาประดุจภูตผี? ใครกัน!หน้าตาเช่นนี้ ทำเอาแสงตะวันสูญสิ้นสีสันไปได้เลย!องครักษ์ขององค์ชายสองเองก็มองอ๋องเจวี้ย

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1347

    ฟู่จาวหนิงจับมือของเซียวหลันยวนเอาไว้"นี่มันในรถม้านะ"เสียงของนางอ่อนยวบหน่อยๆ น่าจะเพราะใบหน้าของเซียวหลันยวนอยู่กล้านางขนาดนี้ ดวงตาลึกซึ้งของเขา จมูกสันโด่งนั่น แล้วยังมีริมฝีปากที่กลืนลมหายใจของนางไปแล้ว ล้วนทำเอาเลือดของนางเดือดพล่านไม่ใช่มีแค่ชายหนุ่มที่ถูกหญิงสาวยั่วยวนจนร่างกายร้อนผ่าว แต่หญิงสาวเองก็ถูกชายหนุ่มดึงดุดได้เช่นกันตอนนี้เซียวหลันยวนทำเอานางรู้สึกปากลิ้นแห้งผากสมกับเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเจาจริงๆ!พูดได้ว่า ตอนอยู่ในต้าชื่อนางก็ไม่เคยเห็นใครหน้าตาดีเท่าเขา หรือคนที่ตรงกับส่วนที่นางชอบเลยชายคนนี้ตรงตามแบบที่นางชอบอย่างสมบูรณ์เซียวหลันยวนสัมผัสหน้าผากนางเบาๆ และกำลังพยายามข่มลมหายใจกับอาการใจเต้นลงมาในดวงตาเขายังมียังมีแสงมืดมนอยู่"ข้ามีความรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก..." เสียงของเขาแหบพร่า"อ๋า? ความรู้สึกอะไร?""อยากกลับบ้านดุจคมศร" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาทีละคำๆอยากกลับบ้านดุจคมศร?อยากกลับแคว้นเจาขนาดนั้นเลยหรือ?ฟู่จาวหนิงตอนแรกยังไม่ค่อยเข้าใจนัก จนตอนที่เขาจูบลงมาที่ริมฝีปากนางอีกครั้ง นางจึงเข้าใจขึ้นมา หัวใจเต้นระรัวขึ้นอีกครั

Bab terbaru

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1884

    และมีเหล่าขุนนางใหญ่แอบคุยกันถึงเรื่องนี้องค์จักรพรรดิโมโหจนล้มป่วยส่วนเหล่าทูตจากแคว้นหมิ่นก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากหยวนอี้กลับมา ก็บอกกับภายนอกว่าไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม แล้วจึงอยู่แต่ในวังราชนิเวศน์ไม่ออกไปพบใครตอนนี้ยังออกไปลำบากแต่ความเป็นจริงคือเนื่องจากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบาดเจ็บ จำเป็นต้องหลบเพื่อพักฟื้นก่อนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็แต่งตัวเป็นสาวใช้วังซ่อนอยู่ในวังราชนิเวศน์ระหว่างทางจากเมืองเจ้อกลับเมืองหลวง นางเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เฉินเซียวตายไปแล้ว องครักษ์ของนางก็ตาย เหลือแค่นางคนเดียว ตอนนี้จึงจำใจต้องพึ่งพาหยวนอี้ไปก่อนไม่ใช่แค่หยวนอี้ที่บาดเจ็บ นางเองก็บาดเจ็บด้วยก่อนหน้านี้ป่วยไปรอบหนึ่ง บวกกับการบาดเจ็บครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผอมลงไปมากเมืองเจ้อเองก็สงบไปอีกหลายวันครึ่งเดือนต่อมา ฟู่จาวหนิงในที่สุดก็ควบคุมโรคระบาดเอาไว้ได้ทั้งหมด เมืองเจ้อยกเลิกการปิดเมืองคนทั้งเมืองล้วนดีใจกันอย่างบ้าคลั่งวันที่ฟู่จาวหนิงจะออกจากเมืองเจ้อ ประชาชนทั้งเมืองก็มาล้อมส่งที่ถนนอยู่ในเมืองเจ้อนานขนาดนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผูกพันกับเมืองเจ้อขึ้นมาแล้ว แต่

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1883

    โจวติ้งเจินถูกผลักออกไปจากเมืองเจ้อมาได้ครึ่งทางเขาก็ได้สติขึ้นมา พอรู้ว่าตนเองต้องถอนกำลังแบบนี้ ก็โมโหจนแทบจะเป็นลมไปอีกรอบแต่เขาก็ถ่ายหนักจนตัวโยน ตอนนี้แค่แรงจะด่าก็ยังไม่มีเพราะในป่าในเขา เขากระทั่งไม่มีกระดาษแล้ว ดังนั้นจึงต้องใช้ใบไม้กับกิ่งไม้มาจัดการ ตอนนี้รูทวารเองก็เต็มไปด้วยแผล ขยับทีก็เจ็บเหลือแสน"กลับ กลับไป..."รองขุนพลเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ก็เอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจว่า "ท่านขุนพล ครั้งนี้พวกเราช่างมันเถอะ อ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนร่วมมือกัน วิธีการก็ชั้นต่ำมาก ไม่รู้ว่ายาพวกนั้นของพวกเขาจัดการมาอย่างไร ถ้าพวกเรายังไปอีก ไม่รู้ว่าต้องติดยากันอีกกี่รอบนะ"ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทางนั้นก็ไม่มีอะไรกินกันแล้ว เดิมทีคิดว่าวันสองวันก็น่าจะจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ใครจะคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะไร้เหตุผล ถึงกับใช้วิธีการแบบนี้แล้ววรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนก็ห่างชั้นกับพวกเขา ตราบใดที่ไม่ต้องปะทะกับท่านขุนพล เขาก็แฝงเข้ามาในกลุ่มพวกเขาได้ ถ้าหากเข้ามาก็ไม่มีใครขวางอยู่หรอกพวกเขาถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบอย่างไร ต่อให้ไม่ตายชีวิตก็น่าจะหายไปซักครึ่งอยู่"ท่านขุน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1882

    โจวติ้งเจินไม่อยากจะออกไปไกลหน่อยเสียที่ไหน?แต่เขาทำไม่ไหวน่ะสิ!ท้องเสียครั้งนี้ ลากยาวไปถึงสามวัน!คืนวันที่สอง พวกทหารที่เรี่ยวแรงหายไปก็ฟื้นกลับมาพอควรแล้ว โจวติ้งเจินกลับล้มลงไปแทนเขาถ่ายออกมาจนทั้งเนื้อตัวซีดไปหมด ไม่มีแรงจะพูดจาเลยทีเดียวตอนที่เขาเตรียมจะรองขุนพลเตรียมเข้าไปตีเมือง รองขุนพลก็เริ่มท้องเสียบ้างแล้ววันที่สาม เขาออกคำสั่งอย่างอ่อนแรงให้ทหารเข้าไปโจมตีเมือง ให้รองขุนพลน้อยหลายคนนำทหารออกไป เหล่าทหารก็ไม่มีแรงกันขึ้นมาอีก!ทหารกว่าครึ่งล้มลงไปนอนระเนระนาดอีกครั้ง ลุกกันไม่ขึ้นแผนการโจมตีเมืองถูกบีบให้หยุดชะงักอีกครั้งโจวติ้งเจินโมโหจนเกือบจะเส้นเลือดในสมองแตกเขาตอนนี้ยังมองไม่ออกที่ไหนว่าเป็นฝีมือเซียวหลันยวน?แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายวางยามาได้อย่างไร! ยาพวกนั้นทำไมถึงไม่มีสีมีกลิ่นเลย"ต้องเป็นฟู่จาวหนิงแน่ๆ ต้องเป็นยาที่นางทำขึ้นมา..."สุดท้ายโจวติ้งเจินคิดออกถึงจุดนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ถ่ายออกมาจนตัวโหวง ลุกไม่ขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้แล้ว ต่อให้ล่าสัตว์มา ตอนนี้เขาก็กลืนไม่ลงถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป โจวติ้งเจินรู้สึกว่าตัวเองต้องตายแน่รองขุนพ

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1881

    อันเหนียนรู้สึกว่า สามีภรรยาอย่างพวกเขาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย อาจจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอีกก็ได้ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคู่สวรรค์สร้าง ใครก็แทรกกลางเข้าไปไม่ได้เซียวหลันยวนเดินเข้ามา เห็นอันเหนียนกำลังคุยอยู่กับฟู่จาวหนิงเขาชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้ามา ยืนอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิง แต่มองไปทางอันเหนียน"คุยอะไรกัน?"คุยกันสนุกเชียวนะ? เหมือนจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันเหนียนด้วยฟู่จาวหนิงเองก็สีหน้ามีชีวิตชีวาเหมือนกันเอาอีกแล้ว อันเหนียนก่นด่าในใจ เจอเข้ากับสายตาของเซียวหลันยวน "กำลังคุยกับพระชายา ว่าพวกท่านตอนนี้นิสัยคล้ายคลึงกันเรื่อยๆ แล้ว""อย่างนั้นหรือ? พวกเราเป็นสามีภรรยา จะคล้ายกันมันก็เรื่องปกตินี่" เซียวหลันยวนบีบแขนฟู่จาวหนิง"มือทำไมเย็นนักล่ะ?" ฟู่จาวหนิงโดนความเย็นของมือเขาดึงความสนใจไปทันที นางพลิกกลับมากุมมือเซียวหลันยวน มืออีกข้างก็ปลดหน้ากากของเขาลงมาพอปลดหน้ากากถึงจะเห็นสีหน้าของเขาดูแล้วยังดีอยู่"ฝนตกลงมาครู่หนึ่ง แล้วนอกเมืองก็อากาศเย็นมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงนางมาไว้ในอ้อมกอด "หนิงหนิงให้ข้ากอดหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นขึ้นแล้ว"แค่กๆอันเหนียน

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1880

    ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1879

    แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1878

    เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1877

    มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร

  • อ๋องพิการผู้โปรดปรานชายาแพทย์หยิ่งยโส   บทที่ 1876

    ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status