ซุนฉงหมิงพูดคร่าวๆ บางส่วนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลิงโลดขึ้นมา ก็อยากจะเข้าร่วมด้วยทันที สามารถช่วยหาวัตถุดิบยาได้ และสามารถออกเงินได้ด้วย ถึงตอนนั้นถ้ายาอายุวัฒนะสกัดสำเร็จ ก็ยังส่งให้องค์จักรพรรดิต้าชื่อได้ด้วยชุดหนึ่งพวกเขาคุยกันถูกคอตอนที่ซุนฉงหมิงออกไป เฉินเซียงก็เอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างดีใจว่า "องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นคนที่มีโชคจริงๆ มาเจอกับหมอเทวดาซุนเข้าพอดี พอทราบเรื่องที่ตระกูลซุนกำลังทำ พอกลับไปวังจักรพรรดิก็ยังไปแจ้งกับฝ่าบาทได้แล้วด้วย!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรุบตาต่ำ นางไม่ได้ทำเพื่อจะไปแจ้งกับฝ่าบาท นางแค่อยากจะใช้เรื่องนี้ออกไปจากต้าชื่อ!อ๋องเจวี้ยนแคว้นเจาทางนั้นยังหาทางเข้าหาไม่ได้ เช่นนั้นนางก็เดินทางอ้อมแทนยาอายุวัฒนะเป็นสิ่งล่อใจองค์จักรพรรดิอย่างมากแน่นนอน หมอเทวดาซุนจาแคว้นหมิ่น ก็ล้วนรับประกัน องค์จักรพรรดิจะต้องหวั่นไหวแน่ ถ้าหากนางพยายามอีกหน่อยไม่แน่อาจจะทำให้เขาเห็นด้วย ยอมให้นางไปที่แคว้นหมิ่น ถึงอย่างไรถ้ามีคนของตนเองคอยจับตาดูการค้นคว้ายาอายุวัฒนะก็น่าจะวางใจหน่อยถ้าออกจากต้าชื่อได้ นางค่อยมาคิดหาวิธี ดุว่าจะพาอ๋องเจวี้ยน
แคว้นเจา วังจักรพรรดิจักรพรรดิเจานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะพิธี มองจดหมายลับในมือบนจดหมายเขียนเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนไปต้าชื่อไว้ รวมถึงเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วย แน่นอนว่าต้องมีเรื่องฟู่จาวหนิงและบนจดหมายังมีเรื่องของตระกูลเสิ่นอีก"องค์จักรพรรดิ นี่เป็นข่าวที่องครักษ์ลับตรวจสอบมาทั้งหมด" องครักษ์ลับคนหนึ่งแต่ละคนก้มหน้ายืนอยู่ข้างๆองค์จักรพรรดิเจาอ่านจดหมายจบ"วิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงดีมาก รักษาเสิ่นเสวียนจนหาย เรื่องนี้ข้ารู้ดี แม่ของเสิ่นเสวียนป่วย เชิญฟู่จาวหนิงเดินทางไกลไปที่ต้าชื่อ ให้นางไปรักษาไท่ไท่อาวุโสเสิ่น เรื่องนี้ข้าก็เข้าใจ"สายตาของเขายังอยู่บนจดหมาย ด้านบนเต็มไปด้วยตัวอักษรแน่นขนัดตรวจสอบมาไม่น้อยจริงๆ"แต่ข้าไม่เข้าใจ เพราะอะไรฟู่จาวหนิงจึงเรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง เสิ่นเสวียนทำไมจึงเชื่อมั่นนางขนาดนี้""ข้าเองก็ไม่เข้าใจ เพราะอะไรอ๋องเจวี้ยนเองก็ต้องแจ้นไปไกลถึงต้าชื่อ ข้อมูลที่สำรวจมาทั้งหมดบนนั้น หลังจากเขาไปที่ต้าชื่อก็เจอกับฟู่จาวหนิง ไม่ได้ไปพบกับจักรพรรดิต้าชื่อเลย ไม่ได้เข้าวังจักรพรรดิต้าชื่อ กระทั่งว่า เขายังปฏิเสธองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วย""ข้าคิดจุด
ฟู่จาวเฟยเองก็โมโหกราดเกรี้ยว "พวกเขาคิดอะไรอยู่น่ะ! พี่เขยอ๋องเจวี้ยนของข้าก็รักพี่สาวข้าจะตาย แล้วจะไปมองพวกนางได้อย่างไรกัน? มีพี่สาวข้าที่เหมือนกับไข่มุกงามขนาดนั้นอยู่ พี่เขยข้าไม่มีทางชายตามองพวกนางหรอก!"ฟู่จาวเฟยถึงอย่างไรก็ยังเชื่อมั่นอย่างมากต่อตัวฟู่จาวหนิงพี่สาวข้าจะต้องครองใจอ๋องเจวี้ยนเอาไว้อย่างเต็มที่แน่นอน ไม่มีที่ว่างให้ผีเสื้อสักตัวลอดเข้าไปได้แน่ ไม่ต้องพูดถึงพวกหญิงสาวเลยถึงอย่างไรจักรพรรดิเจาพอเห็นข้อมูลเหล่านี้ก็ยังคิดไม่ออกเขายืนยันจุดนี้: ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะชอบอ๋องเจวี้ยนหรือไม่ เขาไม่มีทางให้พวกเขาได้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันเด็ดขาดแล้วก็ รออ๋องเจวี้ยนกลับมาก่อน เขาจะสั่งกักบริเวณอ๋องเจวี้ยนทันที!เพราะอ๋องเจวี้ยนโกหกต่อองค์จักรพรรดิ ออกจากเมืองหลวงโดยพลการ!"ไปตรวจสอบร่องรอยขององครักษ์เงามังกรต่อ ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยังพาองครักษ์เงามังกรไปต้าชื่อ เช่นนั้นโทษของเขาก็หนักขึ้นไปอีก!"โกหกองค์จักรพรรดิ ออกจากเมืองหลวงโดยพลกาล พาองครักษ์เงามังกรที่คอยคุ้มครองจักรพรรดิคุ้มครองแคว้นไปยังเมืองหลวงต่างแคว้น สามกระทงนี้รวมด้วยกันก็เพียงพอที่จะมีความผิดแ
ต้าชื่อ เมืองจี้ต่งฮ่วนจือยังเชิญให้ฮูหยินเฉินจัดเตรียมงานเลี้ยงอาหารค่ำอีกครั้งครั้งที่แล้วพวกเขาไม่กล้ากินอย่างผ่อนคลาย เพราะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วย บรรยากาาศไม่ถูกต้องเอามากๆ พวกเขาเกร็งกันไปหมดรู้สึกผิดต่อศิษย์น้องหญิงมากตอนนี้ศิษย์น้องหญิงเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว น่ายินดีเสียจริง สำหรับพวกเราพันธมิตรโอสถใต้หล้าถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก คู่ควรที่จะเฉลิมฉลองเสียหน่อย"เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า แม่นางฟู่เหมือนจะไม่ค่อยชอบข้า ให้ข้ามาช่วยแบบนี้ นางจะโกรธเอาไหม?" ฮูหยินเฉินกระวนกระวายหน่อยๆต่งฮ่วนจือพอได้ยินคำพูดของนางก็แปลกใจ "เป็นไปได้อย่างไร? ศิษย์น้องหญิงไม่เห็นพูดอะไรไม่ดีกับตัวเจ้าเลย เจ้าทำไมถึงคิดว่านางไม่ชอบเจ้าล่ะ?"เฉินฮ่าวจูเดินออกมาจากด้านใน สีหน้าเศร้าหมอง "ลุงต่ง ท่านแม่ แม่นางฟู่น่าจะไม่ชอบข้ามากกว่า""อ๋า?"ต่งฮ่วนจือคิดไม่ออก "เจ้าไปทำอะไรไว้หรือ?"พอได้ยินเขาถาม เฉินฮ่าวจูก็ชะงัก "ข้าไม่ได้ทำ!""เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงทำไมถึงจะไม่ชอบเจ้า?"ต่งฮ่วนจูรู้สึกว่าพวกนางสองคนแปลกประหลาด ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับพวกนางแท้ๆ ไม่เอ่ยถึงด
"เจ้าจะทำให้ข้าโมโหใช่ไหม?" ฮูหยินเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป "ข้าไม่ใช่เคยบอกเจ้าแล้วหรือ ตอนนั้นข้าจำใจต้องนำงานเย็บออกมา ก็เพื่อให้พวกเรามีค่าขึ้นมาบ้าง ให้ต่งฮ่วนจือมองพวกเราใหม่ ถึงรับพวกเราเอาไว้""แต่พวกเราจะเอางานฝีมือแห่งตงฉิงออกมาซี้ซั้วไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากเกิน แล้วเจ้าทำไม เจ้าทำไมจึงมอบงานปักนั้นออกไปแบบนี้?"เฉินฮ่าวจูกัดริมฝีปากล่าง เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม "แต่ว่าพวกเราก็ฝากตัวอยู่แต่กับพันธมิตรโอสถใต้หล้า นอกจากงานฝีมือเพื่อแลกข้าวนิดหน่อย ที่เหลือก็ต้องพึ่งพาลุงต่งทั้งนั้น ลอยชายกันอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ท่านแม่หรอกหรือที่บอกว่าวันคืนเช่นนี้มันไม่มั่นคง?"นางชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาแดงรื้น "ยิ่งไปกว่านั้นเมืองจี้เองก็ยังหาคนที่เหมาะสมกับข้าไม่ได้ ข้าถึงอายุที่ต้องแต่งงานมานานแล้ว ถ้าหากยังเสียเวลาอยู่แบบนี้ ก็จะทำได้แค่แต่งงานส่งๆ ออกไปเท่านั้น แล้วข้าจะทำอย่างไรกัน?""เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเหมาะกับเจ้าหรือ? ทำไมเจ้าถึงใฝ่สูงขนาดนั้น? เขามีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่แล้ว!" ฮูหยินเฉินโมโหกระฟัดกระเฟียด"ถ้าหากเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนได้ ให้ข้าไปเป็นพระชายารองก็ได้!" เฉิน
หญิงรับใช้พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ประหม่าขึ้นมาแต่นางก็รีบอธิบายมาคำหนึ่ง "แม่นางฟู่ คือว่าท่านต่งบอกให้ไปเชิญฮูหยินเฉินกับแม่นางเฉินมากินข้าวด้วยกันน่ะ""โอ๋?" แล้วมันมีอะไรต้องกังวลกันล่ะ?หญิงรับใช้พอคิดถึงตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิงที่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน จึงเขยิบเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง "แต่ข้ามีคำหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีน่ะสิ?"ฟู่จาวหนิงอยู่นิ่งเงียบหญิงรับใช้คนนี้ตอนอาหารค่ำก็ทำงานง่วน น่าจะไปเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว และยังรู้ถึงตัวตนของเซียวหลันยวนด้วยตอนนี้จะมาบอกความลับอะไรกับนาง หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับเซียวหลันยวน?"เจ้าพูดมาหน่อยสิ""ท่านต่งคิดจะเฉลิมฉลองให้ท่าน ถึงอย่างไรท่านก็เข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว นี่เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ฮูหยินเฉินกับแม่นางเฉินพวกนางไม่ใช่คนของพันธมิตรโอสถ จะว่าไป แม่นางเฉินเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน จะให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าท่านอ๋องบ่อยๆ ก็คงไม่ดี ท่านว่าใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขันนี่กังวลแทนนางขึ้นมาแล้วหรือ?หรือก็คือ กระทั่งสาวใช้เองก็ยังมองออกว่าเฉินฮ่าวจูมีใจให้เซียวหลันยวน ตอนนี้จึงนำเรื่องนี้มาแสดงความหวังดีกับนางหรือ
"พวกเราไปเมืองหลวงแคว้นเจา บางทีอาจจะมีโอกาสมากกว่าอยู่ที่เมืองจี้ก็ได้ ที่นั่น เจ้าสามารถเลือกบ้านสามีที่ดีกว่าได้"เมืองจี้ เล็กเกินไปจริงๆเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ ก็ยังมีคนที่สงสัยในตัวพวกนาง จะไปโผล่หน้าอีกไม่ได้แล้วเช่นนั้น การออกจากต้าชื่อ ไปยังเมืองหลวงแคว้นเจาจึงดีที่สุดตอนที่สุราชั้นดีอาหารรสเลิกวางอยู่เต็มโต๊ะ เซียวหลันยวนก็กลับมาแล้วฟู่จาวหนิงเล่าเรื่องที่สมาคมหมอใหญ่ให้กับผู้อาวุโสจี้เสร็จ พอเห็นเขาเข้ามาก็ลุกออกไปรับนางเดินไปตรงหน้าเขา เงยหน้ามองเขา สายตามีความหยอกล้อ ไม่พูดอะไรเซียวหลันยวนประหลาดใจ "หนิงหนิงทำไมมองข้าแบบนั้นล่ะ?"เพิ่งจะแยกกันไม่ถึงครึ่งชั่วยามดี เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"ก็แค่มองหน้าท่านเฉยๆ" ฟู่จาวหนิงมองเส้นคางขากรรไกรเขา "ยั่วยวนเสียจริง"ยั่วเอาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไล่ตามมาจนถึงเมืองจี้ แล้วยังยั่วเอาสาวน้อยข้างบ้านจนอยากจะเบียดตัวเข้ามาอีกจุ๊ๆนางคาดเดาได้เลย ถ้าแผลเป็นเขาหายดี ใบหน้านี้กลับไปเป็นดังเดิมเมื่อไร คงจะล่อลวงคนมากมายเลยทีเดียว"พูดอะไรไร้สาระ"เซียวหลันยวนมองไปทางผู้อาวุโสจี้ที่อยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้เองก็เงี่ยหู เห็นไ
"ชุดกระโปรงนี้ฮูหยินเฉินเป็นคนทำเองหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่ใช่แค่ตัดเย็บ ดอกโบตั๋นทั้งหมดด้านบนก็ล้วนเป็นท่านแม่ของข้าปักร้อยลงไปทีละเข็ม! ท่านไม่รู้หรอก ว่ากระโปรงดอกโบตั๋นตัวนี้ท่านแม่ข้าต้องใช้เวลานานเท่าไร ต้องใช้ไหมด้ายไปเท่าไร ตาแทบจะลายหมดแล้ว"เฉินฮ่าวจูเองก็ไม่คิดว่าแม่ของนางจะนำกระโปรงดอกโบตั๋นตัวนี้ออกมอบให้ฟู่จาวหนิงนางรู้สึกปวดใจหน่อยๆ รู้สึกอาลัยเสียดายชุดกระโปรงตัวนี้ เดิมทีท่านแม่คิดจะนำไว้ใช้ในเรื่องงานแต่งงาน ให้นางสวมไปพบทางบ้านสามี แค่ปักกระโปรงตัวนี้ก็ใช้เวลาไปถึงแปดเดือน เวลาแปดเดือนนี่ยังถือว่าแม่ของนางปักได้เร็วแล้วนะ ความเร็วเดิมทีก็เร็วกว่าช่างปักเสียอีกถ้าหากเป็นคนอื่น หนึ่งปีก็อาจจะทำไม่เสร็จตอนนี้กลับนำกระโปรงตัวนี้มาให้ฟู่จาวหนิงเฉินฮ่าวจูกลับว่าฟู่จาวหนิงจะไม่รู้จักคุณค่า"กระโปรงตัวนี้สวยงามล้ำค่ามาก หาได้ยากมากจริงๆ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทอดถอนใจชื่นชมผู้อาวุโสจี้พยักหน้า "กระโปรงตัวนี้ต้องขับเด่นศิษย์รักของข้าแน่นอน ถ้าเป็นคนอื่นสวมแล้วอาจจะไม่เห็นผลก็ได้"เฉินฮ่าวจูชะงักไปคำพูดนี้ของผู้อาวุโสจี้หมายความว่าอย่างไร? คือนอกจากฟู่จาวหนิงแล้วก
อ๋องเจวี้ยนจะร่วมมือกับราชาเฮ่อเหลียนหรือ?จะว่าไป เมืองหูเดิมทีก็อยู่ชายแดน แถบนั้นเดิมทีก็อยู่ใกล้กับขอบเขตที่เผ่าเฮ่อเหลียนก่อเรื่องอยู่ส่วนเมืองเจ้อห่างจากเมืองหลวงไม่ไกลนัก พูดได้วส่า ทรัพยากรต่างๆล้วนต้องส่งออกไปางนั้น อ๋องเจวี้ยนคนเดียวจะยึดเมืองทั้งเมืองไปทำไม?อ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่มีทหารเสียหน่ยอเดิมทีเป็นแค่เรื่องที่คิดก็รู้สึกไร้สาระแล้ว แต่องค์จักรพรรดิต่อต้านอ๋องเจวี้ยน ความคิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนกลายเป็นความดื้อรั้นและความเคยชินไปแล้วเขาคิดไปจริงๆ"ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรในเมืองหลวง ใต้หนังตาข้าเขาก็ไม่มีอิสระ ไม่สะดวก! ดังนั้นการคิดจะเลือกสถานที่ของตนเองแล้วกลายเป็นอ๋อง ก็อาจจะเป็นความคิดที่เขาคิดไว้ก็ได้"พระชายาเยว่แอบเบ้ปากนางรู้ ว่าเรื่องเกี่ยวกับอ๋องเจวี้ยน แค่พูดส่งเดชออกมาองค์จักรพรรดิก็จะเชื่อถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิก็ไม่สนอะไรอยู่แล้ว ขอแค่รับมือกับอ๋องเจวี้ยนได้ ขอแค่ไม่ให้อ๋องเจวี้ยนได้สมปรารถนา เขาก็จะเบิกบานตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอ๋องเจวี้ยนคิดจะขนเสบียงไปเมืองเจ้อด้วยตนเอง ไม่ว่าเป้าหมายเขาคืออะไร แค่ห้ามไว้ก็พอแล้วอ๋องเจวี้ยนไม่เบิกบาน
อันเหนียนร้องซี๊ดนี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?"นี่แค่เพิ่งวันแรกนะ พวกเราต้องอยู่ที่นี่ครึ่งเดือนจริงหรือ?" เสี่ยวเยว่ตอนนี้เริ่มกังวล ถ้าทุกวันเป็นแบบนี้ ฟู่จาวหนิงจะทนไหวได้ยังไง?ต่อให้ร่างทำจากเหล็กก็ยังเหนื่อยเลย"ลุงฟู่ไม่ได้เตือนนางหน่อยหรือ?""วันนี้แค่เวลาจะเตือนยังไม่มีเลย คุณชายฟู่เองก็เหนื่อยจัด"ฟู่จิ้นเชินเห็นว่าลูกสาวเหนื่อยขนาดนี้ ก็ยังอยากให้ตัวเองทำอะไรมากหน่อย เคลื่อนไหวเร็วขึ้นอีกหน่อย ละเอียดขึ้นอีกหน่อยผลลัพธ์คือพอเขาเร่งความเร็วทางนี้ คนป่วยที่มาขอตรวจก็เข้ากันเร็วขึ้น ดังนั้นพอประสิทธิภาพไวขึ้น ปริมาณงานของแต่ละคนก็มากตามไปด้วยพอได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็เดินเข้ามา บิดข้อไม้ข้อมือผ่อนคลาย เอ่ยขึ้นว่า "จะไม่เป็นแบบนี้ทุกวันหรอก หลังจากนี้พอคนป่วยส่วนใหญ๋ได้รับการรักษา ก็จะค่อยๆ ผ่อนคลายลงมา"แม้เขาจะเหนื่อยแต่ก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง แต่อีกด้านก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากวันนี้ฟู่จาวหนิงทำให้เขาเปิดโลกใหม่เลยทีเดียวตอนที่นางตรวจรักษาทั้งมีสมาธิ ตั้งใจ เด็ดขาด เฉียบแหลม มืออาชีพ ยอดเยี่ยมกว่าหมอทั้งหมดที่เขาเคยเจอมาในอดีตยิ่งไปกว่านั้นภายใต้สถาน
"ภรรยาของเจ้าตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว เจ้ารู้ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงมองชายหนุ่มหลังจากเขาได้ยินก็งงงันไป"ข้า ข้าไม่รู้เลย ข้าคิดว่านางเป็นหวัด คิดว่านางแค่หิว" ชายหนุ่มมือไม้เป็นพัลวัน "นางก่อนหน้านี้ตกไปในน้ำ..."ฟู่จาวหนิงหยิบเข็มเงินออกมา แทงลงไปที่หญิงสาวหลายเข็ม เช่นนี้สามารถช่วยให้เหงื่อออก ให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมา"ร่างกายนางอ่อนแอมาก จริงๆ ก็เป็นหวัด แต่ตอนนี้ครรภ์เด็กไม่ค่อยมั่นคง ดังนั้นจึงกินยาส่งเดชไม่ได้ ข้ามีวิชาฝังเข็มรักษาหวัด ทุกวันให้เจ้าส่งนางไปที่โรงหมอ ข้าจะฝังเข็มให้นาง""โรง โรงหมอ? ท่าน ท่านหมอ โรงหมอไหนหรือ?" ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างกระวนกระวายในเมืองเจ้อเดิมทีก็มีโรงหมออยู่ ทั้งหมดสามแห่ง หมอสามคนล้วนอายุมากแล้ว แต่ก่อนยังพอไหว แต่นับตั้งแต่เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยทะลักเข้ามาก็ไม่ดีเสียแล้วตอนนี้โรงหมอไม่เปิด หมอทั้งสามคน คนหนึ่งบอกว่าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อีกสองคนก็หลบอยู่แต่ในบ้านไม่เข้าไปโรงหมอ"อาเหอ เจ้าบอกที่อยู่กับเขาหน่อย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"่ขอรับ"อาเหอบอกตำแหน่งโรงหมอชั่วคราวที่พวกเขาจัดขึ้นให้กับชายหนุ่มอย่างละเอียดหญิงสาวคนนั้นในที่สุดก็ฟื้นแล้
พวกเขาล้วนมองตามเสียงไป อาเหอเองก็ยกเท้าเดินออกไป ไม่นานก็กลับมา"มีหญิงสาวเป็นลมขอรับ""ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงวิ่งออกไปทันทีคนมากมายรวมกันอยู่แบบนี้ กลิ่นเองก็ไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ยังเข้าไปที่เพิงเตี้ยๆ นั่นด้านในมีหญิงสาวอายุน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น หน้าซีดเหมือนกระดาษ ริ่มฝีปากไม่มีสีเลือด ข้างๆ มีแม่นางน้อยอยู่ กำลังร้องห่มร้องไห้เขย่าตัวนาง"เสี่ยวเยว่ ดูแลเด็กด้วย" ฟู่จาวหนิงกำชับมาคำหนึ่ง ส่วนตนเองก็มุดเข้าไป นั่งยองลงข้างๆ หญิงสาวคนนั้น ตรวจอาการให้นางพอแตะมือนาง ก็รู้สึกว่าเย็นจนน่ากลัวเสื้อผ้าบนตัวนางบางมาก แต่บนตัวแม่นางน้อยกลับห่อไว้หนาพอควร มองออกว่าเอาเสื้อผ้าให้เด็กไปฟู่จาวหนิงจับชีพจรนาง ในสั่นกึกชีพจรครรภ์ น่าจะสองเดือนกว่าแล้ว แต่ว่าชีพจรนี้ก็อ่อนแรงเต็มที หญิงสาวเป็นโรคโลหิตจางรุนแรง โลหิตจางบวกกับความหิวความหนาว จะเป็นลมก็เรื่องปกติ"อาเหอ ไปตักข้าวต้มมาชามหนึ่ง" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"่ขอรับ"อาเหอรีบไปตักข้าวต้ม แต่ว่าตอนนี้ที่แจกข้าวต้มเริ่มเข้าแถวแล้ว พอเขาเดินไปที่ด้านหน้า คนที่เข้าแถวอยู่ก็ไม่ยอม"เข้าแถวเซ่!""ใต้เท้าข้าราชการมาทางนี้หน่อย ต
ตอนนี้แบ่งข้าวต้มได้คนละชาม ตอนกลางวันข้าวต้มคนละชามกับแป้งนึ่งครึ่งก้อน ก็ถือว่าดีมากแล้วข้าวเย็นก็มีแค่ข้าวต้มชามเดียว"เด็กที่อายุต่ำกว่าสิบขวบ คนแก่ที่อายุหกสิบขึ้นไป สามารถได้เพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วก็พวกเด็กทารกบางส่วน ยังแลกข้าวต้มได้อีกครึ่งชามด้วย"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอธิบายกับฟู่จาวหนิง พวกเขาทำได้ถึงขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว ถึงอย่างไรแรงคนก็ไม่พอนี่นะ"ตอนนี้ร้านรวงในเมือง ก็ยังไม่กล้าจะทำการค้ากันเลย""นี่เพราะอะไร?" อันเหนียนถาม"อย่างเช่นพวกร้านขายซาลาเปา ขายขนมปิ่ง ขายสุระพวกนั้น พอเปิดร้านกลิ่นจะรุนแรงมาก ตอนที่หิวจนตาลายแล้ว ใครจะยังทนไหวกัน? แล้วผู้ประสบภัยพวกนี้ มีเงินพอซื้อกันที่ไหน?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวส่ายหัว "ดังนั้นจึงเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย มีคนขโมยของกิน มีคนใช้วิะีการหลอก ถึงอย่างไรความวุ่นวายต่างๆ ก็เกิดขึ้นตลอด ร้านรวงพวกนั้นจึงไม่กล้าเปิดกันแล้ว"ไม่แปลกที่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวจะอดนอนจนตาแดงก่ำ เรื่องราวมันเยอะมาจนทำเอาเขาไม่ได้พักผ่อนดีดีเลย""ช่วงนี้คนป่วยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ่ท่านลองฟังสิ เสียงที่ดังขึ้นลงสลับกันนี้"ฟู่จาวหนิงได้ยินนานแล
ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"ไม่เอาค่ารักษาจากเจ้าหรอก วางใจเถอะ"นางพูดพลางตรวจสถานการณ์ของเสี่ยวยา พอเห็นว่านางหลับปุ๋ย จับชีพจรแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ จึงถอนใจโล่งพอได้ยินว่าไม่ต้องการค่ารักษาจากพวกเขา ตู้เสี่ยวเฟิงก็ถอนใจโล่ง แต่ก็ยังรู้สึกกระวนกระวาย "หัวของน้องสาวข้าเป็นอะไรมากไหม?""โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก" ฟู่จาวหนิงเห็นดวงตาสุกใสของเขา ก็อดชอบขึ้นมาไม่ได้ เด็กคนนี้ใจสู้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังใจดีมาก นางก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือสักหน่อย"พวกเจ้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน รักษาบาดแผล เอ็นกระดูกเจ้าขาด ขยับมากไม่ได้ มือเองก็หักด้วย ไม่มีคนดูแลก็ไม่ได้อีก"ตู้เสี่ยวเฟิงร้อนรนขึ้นมา "จะให้คนมาดูแลได้อย่างไร? ข้าช่วยทำงานมาชดใช้เงินค่ายาได้!"เขาได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายค่ารักษษก็ยังไม่วางใจ รู้สึกว่าต้องทำอะไรบ้าง"ขอร้องท่านล่ะ ให้น้องข้าได้กินอะไรหน่อย เมื่อวานนางหิวจนเป็นลมไป" ตู้เสี่ยวเฟิงเสียงขืนฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"เมื่อคืนให้นางกินไปแล้ว อยู่ที่นี่แค่ทำให้พวกเจ้าพี่น้องไม่หิวแย่มันก็ทำได้อยู่""ข้าจะช่วยท่านทำงาน ข้ามีมือข้างเดียวก็ได
ดังนั้นพวกเขายังไม่มีเวลานอนเลย"พระชายา วันนี้ตอนเช้า สถานการณ์พี่น้องคู่นั้นตรวจสอบมาแล้ว" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยววางชามลง อธิบายสถานการณ์กับนาง"เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อตู้เสี่ยวเฟิง น้องสาวชื่อตู้เสี่ยวยา พี่น้องคู่นี้พักอยู่ในซอยที่พวกท่านเห็นเมื่อวาน บ้านตระกูลตู้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เวทนาขนาดนั้น ผู้เฒ่าตู้หลายปีก่อนไปช่วยขุดบ่อน้ำ แต่พลาดหกล้มจนตายไป ส่วนยายเฒ่าตู้คืนที่ไปเฝ้าศพก็ถูกลมหนาว ต่อมาก็ล้มป่วย ไม่ถึงครึ่งปีก็จากไป""พ่อแม่ของตู้เสี่ยวเฟิงตอนขึ้นไปตัดฟืนบนเขาก็เกิดเรื่อง ทั้งบ้านเหลือแต่พี่น้องคู่นี้ ไม่มีญาติที่ไหน ก่อหน้านี้ตู้เสี่ยวเฟิงก็วิ่งทำงานไปทั่ว เช่นช่วยคนส่งจดหมาย วิ่งจากต้นเมืองไปท้ายเมือง แบกหามของ ช่วยคนหิ้วน้ำ บางครั้งก็ไปอุทยานนอกเมืองช่วยคนเก็บผลไม้ แลกกับเงินเล็กๆ น้อยๆ ฝืนเลี้ยงตนเองกับน้องสาวมา"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวถอนใจ"ตู้เสี่ยวเฟิงไม่รู้ไปเก็บหมาตัวหนึ่งมาจากไหน เลี้ยงอยู่สามสี่ปี ปกติตอนที่เขาออกไปทำงานก็จะมีหมาตัวนี้อยู่กับตู้เสี่ยวยา เมื่อวานมีคนเห็นหมาตัวนั้น จึงเข้ามาแย่งไป"ฟู่จาวหนิงเข้าใจแล้ว"แย่งหมา เลยทำร้ายคน?"ผู้บริหารท้
"เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เหนื่อยไหม?"อาเหอเองก็กุมมือภรรยา มือของพวกเขาเย็นจนบาดเจ็บ พอกุมไว้แบบนี้ ทั้งสองคนก็รู้สึกเจ็บๆ คันๆ แต่ก็ไม่ทำให้พวกเขาแยกมือจากกันลูกหลับไปแล้ว หลับอย่างสบายแม้จะเป็นแค่ห้องเดียว เตียงหนึ่งให้เด็กกับคนแก่นอน พวกเขาสามีภรรยาปูเสื้อ แต่เช่นนี้ก็ดีมากแล้วตั้งแต่หนีประสบภัยมา พวกเขาลำบากมามาก หลายครั้งที่วนเวียนอยู่ขอบเหวความตาย ดวงใจตึงเกร็งอยู่ตลอด ไม่มีตอนไหนที่ผ่อนคลายได้เลย หนาวเย็นหิวโหยมาตลอดทาง ไม่ได้นอนหลับในห้องอย่างแท้จริงมานานมาก ทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่าเตียงอบอุ่นในห้องที่อบอุ่นนี่ล้ำค่าอย่างมากอาเหอนอนลงมา ทั่วทั้งตัวอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลายสุดๆระหว่างทางเขาต้องปกป้องพ่อแม่ภรรยาและลูก เป็นผู้นำครอบครัว จะอ่อนแอลงไม่ได้เลยแม้แต่น้อยพวกเขาเองก็เคยเจอพวกนักเลงหัวไม้ที่ฉวยโอกาสก่อเรื่องในช่วงภัยพิบัติระหว่างทาง มีหลายคนอุดปากลากภรรยาไปกลางดึก ถ้าไม่ใช่เขาใช้หินทุบหัวหนึ่งในนั้นจนสมองไหล จนคนที่เหลือหนีไปอย่างตกใจ ตอนนี้ภรรยาคงหายไปแล้วหลังจากครั้งนั้น เขาก็ไม่กล้านอนหลับในตอนกลางคืนจริงๆ จังๆแต่ตอนนี้น่าจะนอนได้เสียที"เหนื่อย" อาเหอได้สติก
เซียวหลันยวนยืนมือไว้บนหน้าผาก ถามเขาว่า "เจ้าคิดว่า เจ้าอารามอยู่บนยอดเขาโยวชิงจะเหงาไหม?""หา?" ชิงอีงงงันเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอยู่บนเขามาไม่รู้กี่ปี พวกเขาแม้จะอยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปี แต่ก็ไม่เคยเห็นปัญหานี้มาก่อนดังนั้น ชิงอีจึงไม่รู้คำตอบของคำถามนี้คิดๆแล้ว เขาจึงถามคำถามที่ซ่อนไว้ในใจออกมา "ท่านอ๋อง เจ้าอารามตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?"คำถามนี้อันที่จริงเขาอยากถามมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเซียวหลันยวนเหลือบมองเขา "ข้าเองก็ไม่เคยถาม""ดังนั้นท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามอายุเท่าไรหรือ?""นี่มันสำคัญไหม?""ไม่ ไม่ขอรับ" ชิงอีรีบโบกมือ "ข้าน้อยก็แค่อยากรู้""ออกไปก่อน""่ขอรับ"หลังจากชิงอีออกไป เซียวหลันยวนจึงหยิบจดหมายขึ้น เปิดออกอ่านจดหมายสั้นกระชับ เป็นลักษณะของเจ้าอารามโยวชิงแต่ที่เขียนบนจดหมาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เร่งรีบอะไร"ก่อนเดือนสาม พาภรรยาของเจ้ามาที่ยอดเขาโยวชิงหน่อย"แค่ประโยคเดียวเซียวหลันยวนงงงันพาจาวหนิงไปยอดเขาโยวชิง? มีเรื่องอะไรกัน?พอคิดๆ เซียวหลันยวนจึงเขียนตอบกลับจาวหนิงตอนนี้ไปเมืองเจ้อ หลังจากกลับมายังต้องถามนางอีก ไม่รู้ว่านางจะยอมไปยอดเข