ต้าชื่อ เมืองจี้ต่งฮ่วนจือยังเชิญให้ฮูหยินเฉินจัดเตรียมงานเลี้ยงอาหารค่ำอีกครั้งครั้งที่แล้วพวกเขาไม่กล้ากินอย่างผ่อนคลาย เพราะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วย บรรยากาาศไม่ถูกต้องเอามากๆ พวกเขาเกร็งกันไปหมดรู้สึกผิดต่อศิษย์น้องหญิงมากตอนนี้ศิษย์น้องหญิงเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว น่ายินดีเสียจริง สำหรับพวกเราพันธมิตรโอสถใต้หล้าถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก คู่ควรที่จะเฉลิมฉลองเสียหน่อย"เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า แม่นางฟู่เหมือนจะไม่ค่อยชอบข้า ให้ข้ามาช่วยแบบนี้ นางจะโกรธเอาไหม?" ฮูหยินเฉินกระวนกระวายหน่อยๆต่งฮ่วนจือพอได้ยินคำพูดของนางก็แปลกใจ "เป็นไปได้อย่างไร? ศิษย์น้องหญิงไม่เห็นพูดอะไรไม่ดีกับตัวเจ้าเลย เจ้าทำไมถึงคิดว่านางไม่ชอบเจ้าล่ะ?"เฉินฮ่าวจูเดินออกมาจากด้านใน สีหน้าเศร้าหมอง "ลุงต่ง ท่านแม่ แม่นางฟู่น่าจะไม่ชอบข้ามากกว่า""อ๋า?"ต่งฮ่วนจือคิดไม่ออก "เจ้าไปทำอะไรไว้หรือ?"พอได้ยินเขาถาม เฉินฮ่าวจูก็ชะงัก "ข้าไม่ได้ทำ!""เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงทำไมถึงจะไม่ชอบเจ้า?"ต่งฮ่วนจูรู้สึกว่าพวกนางสองคนแปลกประหลาด ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับพวกนางแท้ๆ ไม่เอ่ยถึงด
"เจ้าจะทำให้ข้าโมโหใช่ไหม?" ฮูหยินเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป "ข้าไม่ใช่เคยบอกเจ้าแล้วหรือ ตอนนั้นข้าจำใจต้องนำงานเย็บออกมา ก็เพื่อให้พวกเรามีค่าขึ้นมาบ้าง ให้ต่งฮ่วนจือมองพวกเราใหม่ ถึงรับพวกเราเอาไว้""แต่พวกเราจะเอางานฝีมือแห่งตงฉิงออกมาซี้ซั้วไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากเกิน แล้วเจ้าทำไม เจ้าทำไมจึงมอบงานปักนั้นออกไปแบบนี้?"เฉินฮ่าวจูกัดริมฝีปากล่าง เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม "แต่ว่าพวกเราก็ฝากตัวอยู่แต่กับพันธมิตรโอสถใต้หล้า นอกจากงานฝีมือเพื่อแลกข้าวนิดหน่อย ที่เหลือก็ต้องพึ่งพาลุงต่งทั้งนั้น ลอยชายกันอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ท่านแม่หรอกหรือที่บอกว่าวันคืนเช่นนี้มันไม่มั่นคง?"นางชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาแดงรื้น "ยิ่งไปกว่านั้นเมืองจี้เองก็ยังหาคนที่เหมาะสมกับข้าไม่ได้ ข้าถึงอายุที่ต้องแต่งงานมานานแล้ว ถ้าหากยังเสียเวลาอยู่แบบนี้ ก็จะทำได้แค่แต่งงานส่งๆ ออกไปเท่านั้น แล้วข้าจะทำอย่างไรกัน?""เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเหมาะกับเจ้าหรือ? ทำไมเจ้าถึงใฝ่สูงขนาดนั้น? เขามีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่แล้ว!" ฮูหยินเฉินโมโหกระฟัดกระเฟียด"ถ้าหากเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนได้ ให้ข้าไปเป็นพระชายารองก็ได้!" เฉิน
หญิงรับใช้พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ประหม่าขึ้นมาแต่นางก็รีบอธิบายมาคำหนึ่ง "แม่นางฟู่ คือว่าท่านต่งบอกให้ไปเชิญฮูหยินเฉินกับแม่นางเฉินมากินข้าวด้วยกันน่ะ""โอ๋?" แล้วมันมีอะไรต้องกังวลกันล่ะ?หญิงรับใช้พอคิดถึงตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิงที่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน จึงเขยิบเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง "แต่ข้ามีคำหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีน่ะสิ?"ฟู่จาวหนิงอยู่นิ่งเงียบหญิงรับใช้คนนี้ตอนอาหารค่ำก็ทำงานง่วน น่าจะไปเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว และยังรู้ถึงตัวตนของเซียวหลันยวนด้วยตอนนี้จะมาบอกความลับอะไรกับนาง หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับเซียวหลันยวน?"เจ้าพูดมาหน่อยสิ""ท่านต่งคิดจะเฉลิมฉลองให้ท่าน ถึงอย่างไรท่านก็เข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว นี่เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ฮูหยินเฉินกับแม่นางเฉินพวกนางไม่ใช่คนของพันธมิตรโอสถ จะว่าไป แม่นางเฉินเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน จะให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าท่านอ๋องบ่อยๆ ก็คงไม่ดี ท่านว่าใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขันนี่กังวลแทนนางขึ้นมาแล้วหรือ?หรือก็คือ กระทั่งสาวใช้เองก็ยังมองออกว่าเฉินฮ่าวจูมีใจให้เซียวหลันยวน ตอนนี้จึงนำเรื่องนี้มาแสดงความหวังดีกับนางหรือ
"พวกเราไปเมืองหลวงแคว้นเจา บางทีอาจจะมีโอกาสมากกว่าอยู่ที่เมืองจี้ก็ได้ ที่นั่น เจ้าสามารถเลือกบ้านสามีที่ดีกว่าได้"เมืองจี้ เล็กเกินไปจริงๆเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ ก็ยังมีคนที่สงสัยในตัวพวกนาง จะไปโผล่หน้าอีกไม่ได้แล้วเช่นนั้น การออกจากต้าชื่อ ไปยังเมืองหลวงแคว้นเจาจึงดีที่สุดตอนที่สุราชั้นดีอาหารรสเลิกวางอยู่เต็มโต๊ะ เซียวหลันยวนก็กลับมาแล้วฟู่จาวหนิงเล่าเรื่องที่สมาคมหมอใหญ่ให้กับผู้อาวุโสจี้เสร็จ พอเห็นเขาเข้ามาก็ลุกออกไปรับนางเดินไปตรงหน้าเขา เงยหน้ามองเขา สายตามีความหยอกล้อ ไม่พูดอะไรเซียวหลันยวนประหลาดใจ "หนิงหนิงทำไมมองข้าแบบนั้นล่ะ?"เพิ่งจะแยกกันไม่ถึงครึ่งชั่วยามดี เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"ก็แค่มองหน้าท่านเฉยๆ" ฟู่จาวหนิงมองเส้นคางขากรรไกรเขา "ยั่วยวนเสียจริง"ยั่วเอาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไล่ตามมาจนถึงเมืองจี้ แล้วยังยั่วเอาสาวน้อยข้างบ้านจนอยากจะเบียดตัวเข้ามาอีกจุ๊ๆนางคาดเดาได้เลย ถ้าแผลเป็นเขาหายดี ใบหน้านี้กลับไปเป็นดังเดิมเมื่อไร คงจะล่อลวงคนมากมายเลยทีเดียว"พูดอะไรไร้สาระ"เซียวหลันยวนมองไปทางผู้อาวุโสจี้ที่อยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้เองก็เงี่ยหู เห็นไ
"ชุดกระโปรงนี้ฮูหยินเฉินเป็นคนทำเองหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่ใช่แค่ตัดเย็บ ดอกโบตั๋นทั้งหมดด้านบนก็ล้วนเป็นท่านแม่ของข้าปักร้อยลงไปทีละเข็ม! ท่านไม่รู้หรอก ว่ากระโปรงดอกโบตั๋นตัวนี้ท่านแม่ข้าต้องใช้เวลานานเท่าไร ต้องใช้ไหมด้ายไปเท่าไร ตาแทบจะลายหมดแล้ว"เฉินฮ่าวจูเองก็ไม่คิดว่าแม่ของนางจะนำกระโปรงดอกโบตั๋นตัวนี้ออกมอบให้ฟู่จาวหนิงนางรู้สึกปวดใจหน่อยๆ รู้สึกอาลัยเสียดายชุดกระโปรงตัวนี้ เดิมทีท่านแม่คิดจะนำไว้ใช้ในเรื่องงานแต่งงาน ให้นางสวมไปพบทางบ้านสามี แค่ปักกระโปรงตัวนี้ก็ใช้เวลาไปถึงแปดเดือน เวลาแปดเดือนนี่ยังถือว่าแม่ของนางปักได้เร็วแล้วนะ ความเร็วเดิมทีก็เร็วกว่าช่างปักเสียอีกถ้าหากเป็นคนอื่น หนึ่งปีก็อาจจะทำไม่เสร็จตอนนี้กลับนำกระโปรงตัวนี้มาให้ฟู่จาวหนิงเฉินฮ่าวจูกลับว่าฟู่จาวหนิงจะไม่รู้จักคุณค่า"กระโปรงตัวนี้สวยงามล้ำค่ามาก หาได้ยากมากจริงๆ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทอดถอนใจชื่นชมผู้อาวุโสจี้พยักหน้า "กระโปรงตัวนี้ต้องขับเด่นศิษย์รักของข้าแน่นอน ถ้าเป็นคนอื่นสวมแล้วอาจจะไม่เห็นผลก็ได้"เฉินฮ่าวจูชะงักไปคำพูดนี้ของผู้อาวุโสจี้หมายความว่าอย่างไร? คือนอกจากฟู่จาวหนิงแล้วก
แต่ว่าฮูหยินเฉินก็สงบท่าทีลงมาได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อฟู่จาวหนิงมีนิสัยเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็ตรงไปตรงมาหน่อย"ให้ท่านเห็นสิ่งน่าอายเสียแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องร้องขอที่ไม่สมควรอยู่จริงๆ"ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วเป็นสัญญาณให้นางพูดต่อ"พวกท่านน่าจะใกล้กลับแคว้นเจาแล้วกระมัง?""ถูกต้อง""ท่านทั้งสองสามารถพาข้ากับฮ่าวจูไปที่เมืองหลวงด้วยได้ไหม? พวกเราไม่ลูกไม่กล้าออกเดินทางไกลนับพันลี้ และเราก็ทำเองไม่ได้ด้วย ถ้าสามารถติดตามพวกท่านไป ก็ถือว่าได้รับการคุ้มครอง พอถึงเมืองหลวงแคว้นเจา พวกเราก็สามารถจัดการลงหลักปักฐานตนเองได้ ไม่ต้องรบกวนพวกท่านอีก"คำพูดของฮูหยินเฉินทำเอาต่งฮ่วนจืองงงัน"เจ้า พวกเจ้าจะไปเมืองหลวงแคว้นเจาหรือ? อยู่ที่นี่แล้วมีตรงไหนไม่สบายหรือไรกัน?" ต่งฮ่วนจือคิดไม่ถึงเลย ว่าแม่ลูกฮูหยินเฉินจะคิดออกจากเมืองจี้เขากระทั่งโดนผลกระทบทางจิตใจด้วยซ้ำเพราะก่อนหน้านี้ ฮูหยินเฉินไม่ได้เผยอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยเขาไม่ได้รับความเชื่อใจจากพวกนางแม่ลูกหรือ?ฮูหยินเฉินมองเขาเชิงขอโทษ "ท่านต่ง ขออภัยด้วย ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกอะไรกับท่านเลย พวกเรามาอยู่ที่เมืองจี้สี่ปีกว่าแล้ว ได้รับการดูแ
ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูเป็นประกายขึ้นมานางกระทั่งมองเซียวหลันยวนอย่างชื่นชมเดิมทีนางก็อยากจะรับปากอยู่ แต่พอเห็นสายตาชื่นชมคาดหวังของเฉินฮ่าวจูแล้ว ฟู่จาวหนิงก็รู้สึก...นางต้องมีปัญหาอะไรแน่ ถึงจะพาความยุ่งยากนี้ไปด้วย ให้โอกาสนางมาลอยไปลอยมาต่อหน้าเซียวหลันยวนขณะที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซียวหลันยวนดังขึ้นมา"ไม่สะดวก ไม่เหมาะสม ข้าไม่ชอบให้มีคนมาลอยไปลอยมาต่อหน้าข้า เกะกะลูกตา"พรวดฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้เมื่อครู่เขาเพิ่งจะเห็นด้วยที่จะพาสองแม่ลูกนี้ไป แค่ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนใจเสียแล้วหรือ?คล้ายกับนางจริงๆ นางชอบในสายตาฟู่จาวหนิงอดมีรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ สายตาของเขาราวกับเป็นประกายน้ำไหลเอื่อยเซียวหลันยวนเมื่อครู่ที่เหลือบไปเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูรู้สึกไม่ชอบอย่างมาก พอคิดว่าต้องพาพวกนางไปแล้ว ตลอดทางไม่รู้ต้อง "เสพ" กับสายตาเช่นนี้อีกเท่าไร เขาไม่ค่อยสบายเท่าไรนักเกี่ยวกับฝีมืองานปักของตงฉิง เอาไว้ค่อยว่ากันแล้วกันก็ไม่ได้จะต้องเอาคนไปเสียหน่อยเฉินฮ่าวจูแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วอ๋องเจวี้ยนทำไมจึงเย็นชาไร้น้ำใจเช่นนี้!ใบหน้าของเขาหล่อเห
ฮูหยินเฉินเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร นางเองตอนนี้ก็เจ็บจี๊ดที่ใจขึ้นมาเหมือนกันกระโปรงลายดอกโบตั๋นมอบออกไปแล้วแต่ว่าก็ไม่ถือว่าส่งมอบออกไปหรอก แต่เป็นการแลกเปลี่ยน และกับการที่ผู้อาวุโสจี้พาพวกนางทั้งสองคนไปเมืองหลวงแคว้นเจาแต่นางเดิมทีคิดจะไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยนและฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา ระหว่างทางหากไม่สบายตรงไหน ฟู่จาวหนิงคงไม่นิ่งดูดายปล่อยให้ตายไปแน่ แล้วพวกนางทั้งสองคนสุขภาพก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ระหว่างทางอาจจะเป็นหวัดขึ้นมาได้ตลอดเวลาสองคือ ฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาว ระหว่างการเดินทางจะละเอียดละออหน่อย พักแรมหรือการกินอยู่ก็จะค่อนข้างละเอียด พวกนางเองก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ตามไปด้วยสามคือ ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนี้ จะอย่างไรก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทางได้ฮ่าวจูในเมื่อชอบอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้ ระหว่างทางบางทีอาจจะมีโอกาสถ้าไม่ได้ นางก็ยังสามารถขอให้อ๋องเจวี้ยน ช่วยจัดแจงหาที่พักให้นางในเมืองหลวง ถึงตอนนั้นพอเข้าเมืองหลวงพวกนางก็มีที่มีทางแล้ว แค่โผล่หน้าออกไป คนในเมืองหลวงก็จะรู้ว่าพวกนางนั้นมาพร้อมกับอ๋องเจว
เขากดลงไปบนแผลเป็นนั่น จากนั้นก็หยิบมีดเข้ามา "ชิงอี เตรียมยาห้ามเลือด""่ขอรับ""ท่านจะไม่เอาคนไปกรีดด้านนอกหรือ?" ฟู่จิ้นเชินมองเขาอย่างพูดไม่ออกไม่หรอกกระมัง คิดจะผ่าแผลเป็นนี้ในรถม้าเลยหรือ?อย่างน้อยก็พิจารณาหน่อยสิว่าเขาต้องอยู่ในรถม้าอีกหลายวันนะเซียวหลันยวนชะงักไป จัดการเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนตัวโป๋จี "หยุดรถ"รถม้าหยุดลง เขาหิ้วตัวคนออกมา จากนั้นก็โยนลงบนหิมะ เดินเข้าไปเตรียมมีด"ซี๊ด ท่านอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไรกับเขา?"รถม้าของอันเหนียนอยู่ด้านหลัง พอรถม้าข้างหน้าหยุดพวกเขาก็ต้องหยุดลงมา ผลคืออันเหนียนพอเลิกม่านรถออกก็เห็นการเคลื่อนไหวของเซียวหลันยวนเขาเหลือบไปมองดูโป๋จีบนพื้นผาดหนึ่ง แทบจะต้องล้างตาเลยทีเดียวอ๋องเจวี้ยนตัดชุดบนตัวเขาออกหมดแล้ว!เซียวหลันยวนเหลือบตามอง "เจ้าจัดกลุ่มคำเสียใหม่นะ"ประโยคนี้เรียนมาจากจาวหนิง เขารู้สึกว่าน่าเกรงขามดีแล้วก็ตามคาด พอได้ยินเสียงเขา อันเหนียนก็เปลี่ยนคำใหม่ "ค้นเจออะไรหรือยัง?"เซียวหลันยวนไม่ตอบเขา ถือมีดไปกรีดแผลเป็นนั้นบนแขนโป๋จีเลือดไหลออกมาอันเหนียนลงจากรถม้า ยืนมองอยู่ข้างๆหรือว่าจะซ่อนจดหมายไว้ใต้แผลเป็นหรือ
"ลัทธิเทพทำลายล้างทำเรื่องไว้มากมายช่วงหลายปีนี้ ยิ่งไปวก่านั้นตอนนั้นยังเคยอาละวาดจนเผ่าเฮ่อเหลียนแทบจะล่มสลาย กระทั่งคอยสอดมือเขาไปทางตระกูลเสิ่นในต้าชื่อเพื่อสร้างความปั่นป่วนภายในอยู่บ่อยครั้งอีก"เซียวหลันยวนกุมมือฟู่จาวหนิงมั่น บอกถึงสิ่งที่เขาวิเคราะห์ไว้กับนาง"เรื่องที่แม่ของเจ้าถูกลักพาไปตอนเด็ก ลุงเจ้าทางนั้นยังตรวจสอบไม่ชัดเจน แต่ตอนนั้นที่กล้าลงมือกับคุณหนูตระกูลเสิ่น คนของลัทธิเทพทำลายล้างคงวางแผนไว้แล้วแน่ๆ ดังนั้น พวกเขาลงทุนลงแรงมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมายอมปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?""ความหมายของท่านคือ ลัทธิเทพทำลายล้างช่วงนี้ที่เงียบๆ ไป คือกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่สินะ?" ฟู่จาวหนิงถามนางไม่รู้สึกดีดีด้วยเลยกับลัทธิเทพทำลายล้าง"อืม เจ้าต้องระวังหน่อย"เซียวหลันยวนเป็นห่วงมาก เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยอยู่มากมาย ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอะไรหรือเปล่า"ข้ารู้แล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้วางใจ นางจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจแล้วเซียวหลันยวนถอนหายใจออกมา "ข้าอยากไปกับเจ้าจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่วางใจ"ฟู่จาวหนิงหัวเราะพรวดออกมา "ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ? ท่านลองเชื่อใจในตัว
เขายกชามขึ้น หยิบหมั่นโถวแช่น้ำที่ไม่ได้นุ่มลงเลยขึ้นมา กัดไปคำหนึ่ง แทบจะทำเอาฟันบิ่นจนเจ็บขึ้นมาในดวงตาเขาเปล่งประกายอาฆาต ดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็เอาหมั่นโถวแช่ไว้ในน้ำพักหนึ่งผู้คุมเข้ามามองดูผาดหนึ่ง พอเห็นเขาไม่เอะอะไม่บ่นอะไรแล้ว ถือชามใบนั้นอยู่เงียบๆ จึงอดจุ๊ปากขึ้นมาไม่ได้นี่แค่จะขอของกินอย่างเดียวจริงหรือ?พวกเขาทางนี้ยังถือว่าสงบดีอยู่ แต่เก๋อมู่กวงทางนั้นวันนี้ไม่ได้สงบเท่าไรนักเก๋อมู่กวงหลังจากจับโป๋จีได้ก็ดูดีอกดีใจมาก เขาจะไปขอคุณความดี หลังจากส่งคนเข้าคุกก็เตรียมเข้าวังเพื่อพบจักรพรรดิแต่ตอนที่เข้าใกล้วังหลวงม้าของเขาก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา พุ่งเข้าไปชนกับรถม้าฮูหยินของโหวคนหนึ่งเข้า รถม้าของฮูหยินท่านโหวถึงกับพลิกคว่ำ คนเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่ยอมให้เขาไปไหนกว่าจะรับมือกับฮูหยินท่านโหวคนนั้นไปได้ ประตูวังก็ปิดไปแล้วแล้วเรื่องของเขาก็ไม่ถือเป็นเรื่องการทหาร ไม่ใช่การรายงานสงคราม ไม่มสามารถเข้าวังไปตอนค่ำได้ ทำได้แค่รอประชุมเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้นพอคิดว่าโป๋จีถูกขังไว้ในคุกใหญ่แล้ว น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เก๋อมู่กวงอารมณ์จึงค่อนข้างสงบเขาเตรียม
คนทั้งหมดเห็นด้วยที่จะให้ฟู่จิ้นเชินไปเมืองเจ้อกับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธแล้วเอาจริงๆ นางเองก็ขาดคนช่วยอยู่ผู้อาวุโสจี้อยากจะไปกับนาง แต่ฟู่จาวหนิงปฏิเสธ เพราะผู้อาวุโสจี้อายุมากแล้ว ไปช่วยผู้ประสบภัยจะเหนื่อยเกินไปได้ง่าย หรืออาจจะล้มอะไรแบบนั้น อันตรายเกินไปฟู่จาวหนิงพูดเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำตอนรักษาผู้ป่วยสองสามเรื่อง ฟู่จิ้นเชินล้วนตอบกลับมาได้หมดยิ่งไปกว่านั้นนางยังพบว่าเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนด้วย พลังการสังเกตก็ยอดเยี่ยมส่วนความสามารถการเรียนรู้ เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว กระทั่งเซียวหลันยวนเมื่ครู่ก็ยังชมกับนาง"ไปเมืองเจ้อต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างทางเจ้ายังบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้ได้เร็วแล้วนำไปช่วยเจ้าได้ ข้าจะเรียนรู้ให้มากที่สุด"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงอย่างตั้งใจ "ข้าหวังว่าจะสามารถเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีให้เจ้าได้ สามารถช่วยเจ้าแบ่งเบาภาระบางส่วน ดังนั้น มีเรื่องอะไรที่ข้าทำได้ เจ้าก็บอกข้ามา"ผู้ช่วยหมอหรือ?ฟู่จาวหนิงอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ"มีผู้ช่วยหมอที่คนเป็นพ่อมาช่วยลูกสาวเสียที่ไหน? ความสัมพันธ์นี้ดูวุ่นวายไปห
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่