ฟู่จาวหนิงมองซุนฉงหมิง ยิ้มหวานให้"เช่นนั้น หลังจากนี้พวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วสินะ"เพื่อนร่วมงาน? ร่วมงานอะไร!ซุนฉงหมิงน่าจะเดาออกถึงความหมายนี้แล้ว เขาสีหน้าถมึงทึง ในใจก็ก่นด่าพวกคนที่อยู่ชั้นสองเหล่านั้นไปร้อยกว่ารอบแต่ละคนโง่กันขนาดนี้เชียว?ไม่รู้จักขึ้นมาดูเลย? ถ้าหากมีคนึ้นมา แค่มองสีหน้าเขา แค่มองสายตาเขา ก็ต้องเข้าใจความหมายของเขาแล้วสิ?แต่ไม่มีโผล่หัวมาสักคน!เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาหน่อยๆ ทำไมต้องมาฟู่จาวหนิงจับมาย่างไฟเช่นนี้! เมื่อครู่เขาก็ไม่ควรโดนนางกระตุ้นเลย น่าจะให้คนออกไปคัดค้านการเข้าร่วมของนางก่อน แล้วตัดโอกาสของนางออกไปเสียความสัมพันธ์กับประธานกงซุนค่อยๆ ฟื้นฟูเอาก็ได้!ต้องโทษแม่นางคนนี้ที่ทำตัวน่าโมโหเหลือเกิน พูดปาวๆ พร่ำเพรื่อจนดึงเขาเข้าไปด้วย น่าโมโหเสียจริงประธานกงซุนตอนนี้ใบหน้าก็มีรอยยิ้ม"ข้าขอเป็นตัวแทนสมาคมหมอใหญ่ต้อนรับแม่นางฟู่"หมอเทวดาอันกับผู้อาวุโสเหยาเองก็ยิ้มตาหยีเอ่ยยินดีกับนางพวกเขาเห็นฟู่จาวหนิงยุยงซุนฉงหมิงเช่นนั้น ทำเอาในใจเบิกบานขึ้นมาเลยทีเดียว หมอเทวดาซุนคนนี้ แต่ก่อนพวกเขาอาศัยตัวตนฐานะแคว้นหมิ่น กับความแข็งแก
"เฮอะ!"ผู้เฒ่าเถียนสะบัดชายเสื้อเดินออกไปพอเพิ่งออกประตู ก็ได้ยินเสียงดีอกดีใจของฟู่จาวหนิงดังขึ้น "เอาล่ะ คนที่ข้าเกลียดขี้หน้าก็ออกไปแล้ว พกวเราเริ่มกันดีกว่า"ผู้เฒ่าเถียนแทบจะสะดุดเท้าล้มลงน่าโมโหจริงๆ!พวกของประธานกงซุนแทบจะอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้แม่นางฟู่คนนี้นี่จริงๆ เลย...พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นคนที่ตรงไปตรงมาแบบนางเป็นครั้งแรก"แม่นางฟู่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจริงหรือ?" ประธานกงซุนถาม แม้เขาจะรู้ว่าฟู่จาวหนิงน่าจะไม่ใช่คนที่เอาเรื่องเช่นนี้มาโกหกคนอื่น แต่พอคิดถึงข่าวลือในอดีตของอ๋องเจวี้ยนแคว้นเจา ก็ยังรู้สึกว่าที่เขาแต่งงานกับแม่นางเช่นนี้มันดูมหัศจรรย์มาก"แน่นอนสิ ข้าเองก็คงไม่น่าจะหาสามีสุ่มสี่สุ่มห้าให้ตัวเองหรอกกระมัง"ฟู่จาวหนิงอยากจะบอกว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ก็ยังมาสงสัยกันล่ะ?"ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนติดพิษมาตั้งแต่ในครรภ์ บาดเจ็บไปถึงรากฐาน สุขภาพแย่เอามากๆ....""ข้ารักษาเขาเรียบร้อยแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจผู้อาวุโสเหยาก็สอดรู้สอดเห็นขึ้นมา "เช่นนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงแต่งงานด้วยเพราะวิชาการแพทย์ที่สูงส่งของแม่นางหรือ?""นี่ก็เป็นหนึ่งในส
ซุนฉงหมิงออกมาจากหอวัฒนธรรมก็เดือดดาลแบบยากจะระงับเช่นกันเขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกหญิงสาวคนหนึ่งทำให้โมโหได้แบบนี้แคว้นเจา อ๋องเจวี้ยนเขาคิดจะหาโรงสุราเพื่อดื่มระงับโกรธสักถ้วยสองถ้วย ผลคือที่โรงสุราเมื่อครู่มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินเข้ามา คารวะอย่างนอบน้อมแก่เขา"คารวะหมอเทวดาซุน ใต้ฝ่าพระบาทของข้าของเชิญท่านไปพบ""ใครกัน?""ใต้ฝ่าพระบาทของข้าคือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น?เขาเหมือนจะไม่เคยติดต่อกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยนี่นา แต่ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นดวงดีเอามากๆซุนฉงหมิงจึงตามนางขึ้นไปยังห้องหรูชั้นสองด้านนอกมีลมพัด ในห้องเผาเตาถ่าน เตาดินสีแดงใบเล็กกำลังต้มน้ำ ส่งเสียงกลักกลักพ่นฟอง ความอบอุ่นตบลอบอวล ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเชิญเขาเข้ามา ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีหรือเปล่านะ?"หมอเทวดาซุน เชิญนั่ง"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนั่งอยู่ข้างโต๊ะชา พยักหน้าให้เขาเบาๆ"ข้าสกุลซุนคารวะองค์หญิงใหญ่""หมอเทวดาซุนไม่ต้องมากพิธี ได้พบกับหมอเทวดาซุน ถือเป็นเกียรติของฝูอวิ้น การมาเมืองจี้ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้ว"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลดตัวลงมาพอสมควร
ซุนฉงหมิงพูดคร่าวๆ บางส่วนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลิงโลดขึ้นมา ก็อยากจะเข้าร่วมด้วยทันที สามารถช่วยหาวัตถุดิบยาได้ และสามารถออกเงินได้ด้วย ถึงตอนนั้นถ้ายาอายุวัฒนะสกัดสำเร็จ ก็ยังส่งให้องค์จักรพรรดิต้าชื่อได้ด้วยชุดหนึ่งพวกเขาคุยกันถูกคอตอนที่ซุนฉงหมิงออกไป เฉินเซียงก็เอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างดีใจว่า "องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นคนที่มีโชคจริงๆ มาเจอกับหมอเทวดาซุนเข้าพอดี พอทราบเรื่องที่ตระกูลซุนกำลังทำ พอกลับไปวังจักรพรรดิก็ยังไปแจ้งกับฝ่าบาทได้แล้วด้วย!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรุบตาต่ำ นางไม่ได้ทำเพื่อจะไปแจ้งกับฝ่าบาท นางแค่อยากจะใช้เรื่องนี้ออกไปจากต้าชื่อ!อ๋องเจวี้ยนแคว้นเจาทางนั้นยังหาทางเข้าหาไม่ได้ เช่นนั้นนางก็เดินทางอ้อมแทนยาอายุวัฒนะเป็นสิ่งล่อใจองค์จักรพรรดิอย่างมากแน่นนอน หมอเทวดาซุนจาแคว้นหมิ่น ก็ล้วนรับประกัน องค์จักรพรรดิจะต้องหวั่นไหวแน่ ถ้าหากนางพยายามอีกหน่อยไม่แน่อาจจะทำให้เขาเห็นด้วย ยอมให้นางไปที่แคว้นหมิ่น ถึงอย่างไรถ้ามีคนของตนเองคอยจับตาดูการค้นคว้ายาอายุวัฒนะก็น่าจะวางใจหน่อยถ้าออกจากต้าชื่อได้ นางค่อยมาคิดหาวิธี ดุว่าจะพาอ๋องเจวี้ยน
แคว้นเจา วังจักรพรรดิจักรพรรดิเจานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะพิธี มองจดหมายลับในมือบนจดหมายเขียนเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนไปต้าชื่อไว้ รวมถึงเรื่องขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วย แน่นอนว่าต้องมีเรื่องฟู่จาวหนิงและบนจดหมายังมีเรื่องของตระกูลเสิ่นอีก"องค์จักรพรรดิ นี่เป็นข่าวที่องครักษ์ลับตรวจสอบมาทั้งหมด" องครักษ์ลับคนหนึ่งแต่ละคนก้มหน้ายืนอยู่ข้างๆองค์จักรพรรดิเจาอ่านจดหมายจบ"วิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงดีมาก รักษาเสิ่นเสวียนจนหาย เรื่องนี้ข้ารู้ดี แม่ของเสิ่นเสวียนป่วย เชิญฟู่จาวหนิงเดินทางไกลไปที่ต้าชื่อ ให้นางไปรักษาไท่ไท่อาวุโสเสิ่น เรื่องนี้ข้าก็เข้าใจ"สายตาของเขายังอยู่บนจดหมาย ด้านบนเต็มไปด้วยตัวอักษรแน่นขนัดตรวจสอบมาไม่น้อยจริงๆ"แต่ข้าไม่เข้าใจ เพราะอะไรฟู่จาวหนิงจึงเรียกเสิ่นเสวียนว่าลุง เสิ่นเสวียนทำไมจึงเชื่อมั่นนางขนาดนี้""ข้าเองก็ไม่เข้าใจ เพราะอะไรอ๋องเจวี้ยนเองก็ต้องแจ้นไปไกลถึงต้าชื่อ ข้อมูลที่สำรวจมาทั้งหมดบนนั้น หลังจากเขาไปที่ต้าชื่อก็เจอกับฟู่จาวหนิง ไม่ได้ไปพบกับจักรพรรดิต้าชื่อเลย ไม่ได้เข้าวังจักรพรรดิต้าชื่อ กระทั่งว่า เขายังปฏิเสธองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วย""ข้าคิดจุด
ฟู่จาวเฟยเองก็โมโหกราดเกรี้ยว "พวกเขาคิดอะไรอยู่น่ะ! พี่เขยอ๋องเจวี้ยนของข้าก็รักพี่สาวข้าจะตาย แล้วจะไปมองพวกนางได้อย่างไรกัน? มีพี่สาวข้าที่เหมือนกับไข่มุกงามขนาดนั้นอยู่ พี่เขยข้าไม่มีทางชายตามองพวกนางหรอก!"ฟู่จาวเฟยถึงอย่างไรก็ยังเชื่อมั่นอย่างมากต่อตัวฟู่จาวหนิงพี่สาวข้าจะต้องครองใจอ๋องเจวี้ยนเอาไว้อย่างเต็มที่แน่นอน ไม่มีที่ว่างให้ผีเสื้อสักตัวลอดเข้าไปได้แน่ ไม่ต้องพูดถึงพวกหญิงสาวเลยถึงอย่างไรจักรพรรดิเจาพอเห็นข้อมูลเหล่านี้ก็ยังคิดไม่ออกเขายืนยันจุดนี้: ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะชอบอ๋องเจวี้ยนหรือไม่ เขาไม่มีทางให้พวกเขาได้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันเด็ดขาดแล้วก็ รออ๋องเจวี้ยนกลับมาก่อน เขาจะสั่งกักบริเวณอ๋องเจวี้ยนทันที!เพราะอ๋องเจวี้ยนโกหกต่อองค์จักรพรรดิ ออกจากเมืองหลวงโดยพลการ!"ไปตรวจสอบร่องรอยขององครักษ์เงามังกรต่อ ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยังพาองครักษ์เงามังกรไปต้าชื่อ เช่นนั้นโทษของเขาก็หนักขึ้นไปอีก!"โกหกองค์จักรพรรดิ ออกจากเมืองหลวงโดยพลกาล พาองครักษ์เงามังกรที่คอยคุ้มครองจักรพรรดิคุ้มครองแคว้นไปยังเมืองหลวงต่างแคว้น สามกระทงนี้รวมด้วยกันก็เพียงพอที่จะมีความผิดแ
ต้าชื่อ เมืองจี้ต่งฮ่วนจือยังเชิญให้ฮูหยินเฉินจัดเตรียมงานเลี้ยงอาหารค่ำอีกครั้งครั้งที่แล้วพวกเขาไม่กล้ากินอย่างผ่อนคลาย เพราะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วย บรรยากาาศไม่ถูกต้องเอามากๆ พวกเขาเกร็งกันไปหมดรู้สึกผิดต่อศิษย์น้องหญิงมากตอนนี้ศิษย์น้องหญิงเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว น่ายินดีเสียจริง สำหรับพวกเราพันธมิตรโอสถใต้หล้าถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก คู่ควรที่จะเฉลิมฉลองเสียหน่อย"เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า แม่นางฟู่เหมือนจะไม่ค่อยชอบข้า ให้ข้ามาช่วยแบบนี้ นางจะโกรธเอาไหม?" ฮูหยินเฉินกระวนกระวายหน่อยๆต่งฮ่วนจือพอได้ยินคำพูดของนางก็แปลกใจ "เป็นไปได้อย่างไร? ศิษย์น้องหญิงไม่เห็นพูดอะไรไม่ดีกับตัวเจ้าเลย เจ้าทำไมถึงคิดว่านางไม่ชอบเจ้าล่ะ?"เฉินฮ่าวจูเดินออกมาจากด้านใน สีหน้าเศร้าหมอง "ลุงต่ง ท่านแม่ แม่นางฟู่น่าจะไม่ชอบข้ามากกว่า""อ๋า?"ต่งฮ่วนจือคิดไม่ออก "เจ้าไปทำอะไรไว้หรือ?"พอได้ยินเขาถาม เฉินฮ่าวจูก็ชะงัก "ข้าไม่ได้ทำ!""เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงทำไมถึงจะไม่ชอบเจ้า?"ต่งฮ่วนจูรู้สึกว่าพวกนางสองคนแปลกประหลาด ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับพวกนางแท้ๆ ไม่เอ่ยถึงด
"เจ้าจะทำให้ข้าโมโหใช่ไหม?" ฮูหยินเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป "ข้าไม่ใช่เคยบอกเจ้าแล้วหรือ ตอนนั้นข้าจำใจต้องนำงานเย็บออกมา ก็เพื่อให้พวกเรามีค่าขึ้นมาบ้าง ให้ต่งฮ่วนจือมองพวกเราใหม่ ถึงรับพวกเราเอาไว้""แต่พวกเราจะเอางานฝีมือแห่งตงฉิงออกมาซี้ซั้วไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากเกิน แล้วเจ้าทำไม เจ้าทำไมจึงมอบงานปักนั้นออกไปแบบนี้?"เฉินฮ่าวจูกัดริมฝีปากล่าง เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม "แต่ว่าพวกเราก็ฝากตัวอยู่แต่กับพันธมิตรโอสถใต้หล้า นอกจากงานฝีมือเพื่อแลกข้าวนิดหน่อย ที่เหลือก็ต้องพึ่งพาลุงต่งทั้งนั้น ลอยชายกันอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ท่านแม่หรอกหรือที่บอกว่าวันคืนเช่นนี้มันไม่มั่นคง?"นางชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาแดงรื้น "ยิ่งไปกว่านั้นเมืองจี้เองก็ยังหาคนที่เหมาะสมกับข้าไม่ได้ ข้าถึงอายุที่ต้องแต่งงานมานานแล้ว ถ้าหากยังเสียเวลาอยู่แบบนี้ ก็จะทำได้แค่แต่งงานส่งๆ ออกไปเท่านั้น แล้วข้าจะทำอย่างไรกัน?""เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเหมาะกับเจ้าหรือ? ทำไมเจ้าถึงใฝ่สูงขนาดนั้น? เขามีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่แล้ว!" ฮูหยินเฉินโมโหกระฟัดกระเฟียด"ถ้าหากเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนได้ ให้ข้าไปเป็นพระชายารองก็ได้!" เฉิน
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้