สายตาคนทั้งหมดตกไปอยู่บนหน้าฟู่จาวหนิงอีกครั้งพวกของไป๋หู่ก็โมโหขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่ใช่ฟู่จาวหนิงไม่สั่งให้พวกเขาห้ามอาละวาด พวกเขาคงตบฉาดซุนฉงหมิงไปหลายทีแล้ว ตบหน้าแก่ๆ ของเขาให้บวมเป่งเสียซุนฉงหมิงทำไมถึงสนใจเรื่องของพระชายาพวกเขาเสียขนาดนี้?ฟู่จาวหนิงประจันสายตากับซุนฉงหมิง มองเห็นถึงเจตนาร้ายในตาของเขานางจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา"เจ้าหัวเราะอะไร?"ซุนฉงหมิงขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่า นอกจากจะไม่ได้เห็นฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยสีแล้ว แต่ยังเห็นนางหัวเราะขึ้นมาอย่างสบายอุราเสียอย่างนั้นแม่นางีคนนี้ยังไม่รู้หรือว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้างมันหมายถึงอะไร?นางยังหัวเราะออกมาได้อีก!"ข้าเพิ่งพูดอะไรออกไป ท่านฟังไม่เข้าใจหรือ? สามีของข้าคืออ๋องเจวี้ยน""แล้วม้นทำไมกั้น? คนของแคว้นเจาก็ไม่เข้าใจมาตลอด ว่าทำไมทั้งๆ ที่เป็นคู่แค้นกันแท้ๆ แต่อ๋องเจวี้ยนก็ยังแต่งงานกับเจ้า! แต่ต่อให้เขาไม่สนใจความแค้นเรื่องวางยาในอดีต ก็ไม่อาจลบความจริงที่แม่ของเจ้าเป็นสาวกลัทธิเทพทำลายล้างไปได้! ผู้บัญชาการกองธงมู่แห่งต้าชื่อ พวกเจ้ารู้จักไหม?"ผู้บัญชาการกองธงมู่ในสมองฟู่จาวหนิงมีคนผู้นี้แล่นผ่านขึ้
"เรื่องนี้สามีของข้าเป็นคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง เขาเป็นผู้เสียหายจึงไม่มีทางปกป้องคนของลัทธิเทพทำลายล้างมากที่สุด ดังนั้น ถ้าเขาพูดว่าแม่ของข้าใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ถูกต้องไหม?"ประธานกงซุนฟังถึงจุดนี้ ก็ถอนใจยาวโล่งออกมา พยักหน้าให้"ถูกต้อง อ๋องเจวี้ยนจากแคว้นเจาถ้าบอกว่าฟู่หลินซื่อไม่ใช่ลัทธิเทพทำลายล้าง เช่นนั้นนางก็คือไม่ใช่ คนที่ติดพิษในครั้งนั้นคือตัวเขา เขาไม่มีทางแก้ตัวให้แทนคนของลัทธิเทพทำลายล้างอยู่แล้ว""เรื่องนี้ก็พูดยาก ถ้าอ๋องเจวี้ยนถูกความรักบังตาจนตามืดบอดขึ้นมาล่ะ?" ไต้ซงเอ่ยขึ้น"เพียะ!"ฟู่จาวหนิงยกมือ ตบฉาดไปที่เขาทีหนึ่งคนทั้งหมดนิ่งงันไปไต้ซงหน้าแดงผะผ่าว หูอื้อไปหมด เขาไม่อยากเชื่อฟู่จาวหนิง ฟู่จาวหนิงกล้าตบเขาเช่นนั้นหรือ?!ซุนฉงหมิงหน้าเปลี่ยนสีไปแล้วเขาดิมทีที่สีหน้าสงบนิ่งมาตลอด เหมือนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ในมือ ตอนนี้ถูกการตบฉาดนี้ทำเอาตะลึงงันเสียแล้ว"เจ้าเป็นใครกัน!" ฟู่จาวหนิงตะคอกขึ้นเสียงเย็น "เจ้ามีตำแหน่งขุนนางติดตัวไหม? เจ้าเป็นจักรพรรดิจากแคว้นไหน? เจ้ามันก็แค่ประชาชนคนหนึ่ง แต่กลับกล้าด่าอ๋องแห่งแคว้นเจา!""ชิ้ง!"กร
ไต้ซงพอจากไป ผู้เฒ่าเถียนก็รู้สึกอยู่ไม่สุข คิดจะไปเช่นเดียวกัน"ท่านไม่อยากจะดูหน่อยหรือว่าจะมีคนคัดค้านไม่ให้ข้าเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่อีกไหม?"คำพูดของฟู่จาวหนิงทำเอาผู้เฒ่าเถียนก้าวขาไม่ออก"พวกท่านไม่ใช่ว่าคัดค้านข้ามาสามคนแล้วหรือ ถ้ามีอีกแค่คนเดียว ข้าก็เข้าสมาคมหมอใหญ่ไม่ได้แล้วไม่ใช่หรือไร? ดังนั้นเวลาเช่นนี้ ท่านไม่อยากจะไปดูหน่อยหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามผู้เฒ่าเถียนมองนาง รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจหน่อยๆในเมื่อขาดอีกแค่คนเดียวก็จะทำให้นางเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ไม่ได้แล้ว นางไม่รู้สึกกระวนกระวาย ตึงเครียดลนลานบ้างเลยหรือ?ทำไมยังคิดจะให้เขาอยู่ที่นี่?ให้มาดูนางถูกตบหน้า ถูกประตูของสมาคมหมอใหญ่กีดกันเป็นคนนอกหรือ?ซุนฉงหมิงเองก็หรี่ตาลง มองฟู่จาวหนิง ไม่รู้ว่านางคิดจะทำอะไร"ข้าได้ยินว่า หมอข้างล่างเหล่านั้นมีหลายคนที่ศรัทธาในตัวหมอเทวดาซุนนี่ ขอแค่หมอเทวดาซุนเอ่ยปาก หาคนมาสักสามสี่คนยืนหยัดคัดค้านไม่ให้ข้าเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่" ฟู่จาวหนิงมองซุนฉงหมิงซุนฉงหมิงเองก็ไม่กล้ายอมรับจุดนี้"เจ้าพูดถูกต้อง"เขายอมรับมาตรงๆเขามีตัวตนฐานะเช่นนี้ คำพูดถือว่ามีอิทธิพล
เรื่องนี้มันฆ่าให้ตายแล้วยังย่ำจิตใจกันอีกด้วยถ้าลือออกไปเช่นนี้ ชื่อเสียงของเขาจะยังเหลืออีกหรือ?แล้วสมาคมหมอใหญ่จะกลายเป็นอะไรไปกัน?ประธานกงซุนไปอยู่ที่ไหนแล้ว?ซุนฉงหมิงแม้จะอยากเปลี่ยนจากรองประธานขึ้นเป็นประธาน แต่วิชาแพทย์ของประธานซุนกงอันที่จริงยังเหนือกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ของประธานกงซุนก็ยังยอดเยี่ยมมาก กระทั่งมีความสัมพันธ์อันดีกับคนของพันธมิตรโอสถใต้หล้าด้วย ดังนั้นสมาคมหมอใหญ่ถ้าต้องการวัตถุดิบยาอะไร แค่บอกกับพันธมิตรโอสถใต้หล้าคำเดียว พันธมิตรโอสถก็จะรีบจัดแจงนำมาให้พวกเขาเรื่องเหล่านี้เขาเทียบไม่ได้เลยดังนั้นชื่อเสียงของประธานกงซุนจึงนับว่ามีอยู่ถ้าหากถูกฟู่จาวหนิงลือออกไปเช่นนี้ แล้วเขาจะยังเผชิญหน้ากับประธานกงซุนได้อีกหรือ? พูดอย่างกับว่าสมาคมหมอใหญ่มีแค่เขาคนเดียวที่ออกมาตัดสินใจอย่างไรอย่างนั้น!"เจ้านี่มันไร้เหตุผลจริงๆ!"ซุนฉงหมิงเดือดดาล จากนั้นจึงมองไปทางประธานกงซุน "ประธาน ซุนฉงหมิงอย่างข้าเป็นคนเช่นไร ท่านน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว""ประธานกงซุนต้องรู้อยู่แล้ว เขาย่ำเท้าหน้าเห็นด้วยให้ข้าเข้าร่วม ส่วนท่านก้าวเท้าหลังยืนยันที่จะคัดค้าน นี่ก็อธิบายได้
ฟู่จาวหนิงมองซุนฉงหมิง ยิ้มหวานให้"เช่นนั้น หลังจากนี้พวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วสินะ"เพื่อนร่วมงาน? ร่วมงานอะไร!ซุนฉงหมิงน่าจะเดาออกถึงความหมายนี้แล้ว เขาสีหน้าถมึงทึง ในใจก็ก่นด่าพวกคนที่อยู่ชั้นสองเหล่านั้นไปร้อยกว่ารอบแต่ละคนโง่กันขนาดนี้เชียว?ไม่รู้จักขึ้นมาดูเลย? ถ้าหากมีคนึ้นมา แค่มองสีหน้าเขา แค่มองสายตาเขา ก็ต้องเข้าใจความหมายของเขาแล้วสิ?แต่ไม่มีโผล่หัวมาสักคน!เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาหน่อยๆ ทำไมต้องมาฟู่จาวหนิงจับมาย่างไฟเช่นนี้! เมื่อครู่เขาก็ไม่ควรโดนนางกระตุ้นเลย น่าจะให้คนออกไปคัดค้านการเข้าร่วมของนางก่อน แล้วตัดโอกาสของนางออกไปเสียความสัมพันธ์กับประธานกงซุนค่อยๆ ฟื้นฟูเอาก็ได้!ต้องโทษแม่นางคนนี้ที่ทำตัวน่าโมโหเหลือเกิน พูดปาวๆ พร่ำเพรื่อจนดึงเขาเข้าไปด้วย น่าโมโหเสียจริงประธานกงซุนตอนนี้ใบหน้าก็มีรอยยิ้ม"ข้าขอเป็นตัวแทนสมาคมหมอใหญ่ต้อนรับแม่นางฟู่"หมอเทวดาอันกับผู้อาวุโสเหยาเองก็ยิ้มตาหยีเอ่ยยินดีกับนางพวกเขาเห็นฟู่จาวหนิงยุยงซุนฉงหมิงเช่นนั้น ทำเอาในใจเบิกบานขึ้นมาเลยทีเดียว หมอเทวดาซุนคนนี้ แต่ก่อนพวกเขาอาศัยตัวตนฐานะแคว้นหมิ่น กับความแข็งแก
"เฮอะ!"ผู้เฒ่าเถียนสะบัดชายเสื้อเดินออกไปพอเพิ่งออกประตู ก็ได้ยินเสียงดีอกดีใจของฟู่จาวหนิงดังขึ้น "เอาล่ะ คนที่ข้าเกลียดขี้หน้าก็ออกไปแล้ว พกวเราเริ่มกันดีกว่า"ผู้เฒ่าเถียนแทบจะสะดุดเท้าล้มลงน่าโมโหจริงๆ!พวกของประธานกงซุนแทบจะอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้แม่นางฟู่คนนี้นี่จริงๆ เลย...พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นคนที่ตรงไปตรงมาแบบนางเป็นครั้งแรก"แม่นางฟู่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนจริงหรือ?" ประธานกงซุนถาม แม้เขาจะรู้ว่าฟู่จาวหนิงน่าจะไม่ใช่คนที่เอาเรื่องเช่นนี้มาโกหกคนอื่น แต่พอคิดถึงข่าวลือในอดีตของอ๋องเจวี้ยนแคว้นเจา ก็ยังรู้สึกว่าที่เขาแต่งงานกับแม่นางเช่นนี้มันดูมหัศจรรย์มาก"แน่นอนสิ ข้าเองก็คงไม่น่าจะหาสามีสุ่มสี่สุ่มห้าให้ตัวเองหรอกกระมัง"ฟู่จาวหนิงอยากจะบอกว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ก็ยังมาสงสัยกันล่ะ?"ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอ๋องเจวี้ยนติดพิษมาตั้งแต่ในครรภ์ บาดเจ็บไปถึงรากฐาน สุขภาพแย่เอามากๆ....""ข้ารักษาเขาเรียบร้อยแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจผู้อาวุโสเหยาก็สอดรู้สอดเห็นขึ้นมา "เช่นนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงแต่งงานด้วยเพราะวิชาการแพทย์ที่สูงส่งของแม่นางหรือ?""นี่ก็เป็นหนึ่งในส
ซุนฉงหมิงออกมาจากหอวัฒนธรรมก็เดือดดาลแบบยากจะระงับเช่นกันเขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกหญิงสาวคนหนึ่งทำให้โมโหได้แบบนี้แคว้นเจา อ๋องเจวี้ยนเขาคิดจะหาโรงสุราเพื่อดื่มระงับโกรธสักถ้วยสองถ้วย ผลคือที่โรงสุราเมื่อครู่มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินเข้ามา คารวะอย่างนอบน้อมแก่เขา"คารวะหมอเทวดาซุน ใต้ฝ่าพระบาทของข้าของเชิญท่านไปพบ""ใครกัน?""ใต้ฝ่าพระบาทของข้าคือองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น?เขาเหมือนจะไม่เคยติดต่อกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยนี่นา แต่ได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นดวงดีเอามากๆซุนฉงหมิงจึงตามนางขึ้นไปยังห้องหรูชั้นสองด้านนอกมีลมพัด ในห้องเผาเตาถ่าน เตาดินสีแดงใบเล็กกำลังต้มน้ำ ส่งเสียงกลักกลักพ่นฟอง ความอบอุ่นตบลอบอวล ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเชิญเขาเข้ามา ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีหรือเปล่านะ?"หมอเทวดาซุน เชิญนั่ง"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนั่งอยู่ข้างโต๊ะชา พยักหน้าให้เขาเบาๆ"ข้าสกุลซุนคารวะองค์หญิงใหญ่""หมอเทวดาซุนไม่ต้องมากพิธี ได้พบกับหมอเทวดาซุน ถือเป็นเกียรติของฝูอวิ้น การมาเมืองจี้ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้ว"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลดตัวลงมาพอสมควร
ซุนฉงหมิงพูดคร่าวๆ บางส่วนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลิงโลดขึ้นมา ก็อยากจะเข้าร่วมด้วยทันที สามารถช่วยหาวัตถุดิบยาได้ และสามารถออกเงินได้ด้วย ถึงตอนนั้นถ้ายาอายุวัฒนะสกัดสำเร็จ ก็ยังส่งให้องค์จักรพรรดิต้าชื่อได้ด้วยชุดหนึ่งพวกเขาคุยกันถูกคอตอนที่ซุนฉงหมิงออกไป เฉินเซียงก็เอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างดีใจว่า "องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นคนที่มีโชคจริงๆ มาเจอกับหมอเทวดาซุนเข้าพอดี พอทราบเรื่องที่ตระกูลซุนกำลังทำ พอกลับไปวังจักรพรรดิก็ยังไปแจ้งกับฝ่าบาทได้แล้วด้วย!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรุบตาต่ำ นางไม่ได้ทำเพื่อจะไปแจ้งกับฝ่าบาท นางแค่อยากจะใช้เรื่องนี้ออกไปจากต้าชื่อ!อ๋องเจวี้ยนแคว้นเจาทางนั้นยังหาทางเข้าหาไม่ได้ เช่นนั้นนางก็เดินทางอ้อมแทนยาอายุวัฒนะเป็นสิ่งล่อใจองค์จักรพรรดิอย่างมากแน่นนอน หมอเทวดาซุนจาแคว้นหมิ่น ก็ล้วนรับประกัน องค์จักรพรรดิจะต้องหวั่นไหวแน่ ถ้าหากนางพยายามอีกหน่อยไม่แน่อาจจะทำให้เขาเห็นด้วย ยอมให้นางไปที่แคว้นหมิ่น ถึงอย่างไรถ้ามีคนของตนเองคอยจับตาดูการค้นคว้ายาอายุวัฒนะก็น่าจะวางใจหน่อยถ้าออกจากต้าชื่อได้ นางค่อยมาคิดหาวิธี ดุว่าจะพาอ๋องเจวี้ยน
อ๋องเจวี้ยนจะร่วมมือกับราชาเฮ่อเหลียนหรือ?จะว่าไป เมืองหูเดิมทีก็อยู่ชายแดน แถบนั้นเดิมทีก็อยู่ใกล้กับขอบเขตที่เผ่าเฮ่อเหลียนก่อเรื่องอยู่ส่วนเมืองเจ้อห่างจากเมืองหลวงไม่ไกลนัก พูดได้วส่า ทรัพยากรต่างๆล้วนต้องส่งออกไปางนั้น อ๋องเจวี้ยนคนเดียวจะยึดเมืองทั้งเมืองไปทำไม?อ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่มีทหารเสียหน่ยอเดิมทีเป็นแค่เรื่องที่คิดก็รู้สึกไร้สาระแล้ว แต่องค์จักรพรรดิต่อต้านอ๋องเจวี้ยน ความคิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนกลายเป็นความดื้อรั้นและความเคยชินไปแล้วเขาคิดไปจริงๆ"ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรในเมืองหลวง ใต้หนังตาข้าเขาก็ไม่มีอิสระ ไม่สะดวก! ดังนั้นการคิดจะเลือกสถานที่ของตนเองแล้วกลายเป็นอ๋อง ก็อาจจะเป็นความคิดที่เขาคิดไว้ก็ได้"พระชายาเยว่แอบเบ้ปากนางรู้ ว่าเรื่องเกี่ยวกับอ๋องเจวี้ยน แค่พูดส่งเดชออกมาองค์จักรพรรดิก็จะเชื่อถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิก็ไม่สนอะไรอยู่แล้ว ขอแค่รับมือกับอ๋องเจวี้ยนได้ ขอแค่ไม่ให้อ๋องเจวี้ยนได้สมปรารถนา เขาก็จะเบิกบานตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอ๋องเจวี้ยนคิดจะขนเสบียงไปเมืองเจ้อด้วยตนเอง ไม่ว่าเป้าหมายเขาคืออะไร แค่ห้ามไว้ก็พอแล้วอ๋องเจวี้ยนไม่เบิกบาน
อันเหนียนร้องซี๊ดนี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?"นี่แค่เพิ่งวันแรกนะ พวกเราต้องอยู่ที่นี่ครึ่งเดือนจริงหรือ?" เสี่ยวเยว่ตอนนี้เริ่มกังวล ถ้าทุกวันเป็นแบบนี้ ฟู่จาวหนิงจะทนไหวได้ยังไง?ต่อให้ร่างทำจากเหล็กก็ยังเหนื่อยเลย"ลุงฟู่ไม่ได้เตือนนางหน่อยหรือ?""วันนี้แค่เวลาจะเตือนยังไม่มีเลย คุณชายฟู่เองก็เหนื่อยจัด"ฟู่จิ้นเชินเห็นว่าลูกสาวเหนื่อยขนาดนี้ ก็ยังอยากให้ตัวเองทำอะไรมากหน่อย เคลื่อนไหวเร็วขึ้นอีกหน่อย ละเอียดขึ้นอีกหน่อยผลลัพธ์คือพอเขาเร่งความเร็วทางนี้ คนป่วยที่มาขอตรวจก็เข้ากันเร็วขึ้น ดังนั้นพอประสิทธิภาพไวขึ้น ปริมาณงานของแต่ละคนก็มากตามไปด้วยพอได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็เดินเข้ามา บิดข้อไม้ข้อมือผ่อนคลาย เอ่ยขึ้นว่า "จะไม่เป็นแบบนี้ทุกวันหรอก หลังจากนี้พอคนป่วยส่วนใหญ๋ได้รับการรักษา ก็จะค่อยๆ ผ่อนคลายลงมา"แม้เขาจะเหนื่อยแต่ก็ยังเป็นห่วงฟู่จาวหนิง แต่อีกด้านก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากวันนี้ฟู่จาวหนิงทำให้เขาเปิดโลกใหม่เลยทีเดียวตอนที่นางตรวจรักษาทั้งมีสมาธิ ตั้งใจ เด็ดขาด เฉียบแหลม มืออาชีพ ยอดเยี่ยมกว่าหมอทั้งหมดที่เขาเคยเจอมาในอดีตยิ่งไปกว่านั้นภายใต้สถาน
"ภรรยาของเจ้าตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว เจ้ารู้ใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงมองชายหนุ่มหลังจากเขาได้ยินก็งงงันไป"ข้า ข้าไม่รู้เลย ข้าคิดว่านางเป็นหวัด คิดว่านางแค่หิว" ชายหนุ่มมือไม้เป็นพัลวัน "นางก่อนหน้านี้ตกไปในน้ำ..."ฟู่จาวหนิงหยิบเข็มเงินออกมา แทงลงไปที่หญิงสาวหลายเข็ม เช่นนี้สามารถช่วยให้เหงื่อออก ให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมา"ร่างกายนางอ่อนแอมาก จริงๆ ก็เป็นหวัด แต่ตอนนี้ครรภ์เด็กไม่ค่อยมั่นคง ดังนั้นจึงกินยาส่งเดชไม่ได้ ข้ามีวิชาฝังเข็มรักษาหวัด ทุกวันให้เจ้าส่งนางไปที่โรงหมอ ข้าจะฝังเข็มให้นาง""โรง โรงหมอ? ท่าน ท่านหมอ โรงหมอไหนหรือ?" ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างกระวนกระวายในเมืองเจ้อเดิมทีก็มีโรงหมออยู่ ทั้งหมดสามแห่ง หมอสามคนล้วนอายุมากแล้ว แต่ก่อนยังพอไหว แต่นับตั้งแต่เมืองเจ้อมีผู้ประสบภัยทะลักเข้ามาก็ไม่ดีเสียแล้วตอนนี้โรงหมอไม่เปิด หมอทั้งสามคน คนหนึ่งบอกว่าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว อีกสองคนก็หลบอยู่แต่ในบ้านไม่เข้าไปโรงหมอ"อาเหอ เจ้าบอกที่อยู่กับเขาหน่อย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"่ขอรับ"อาเหอบอกตำแหน่งโรงหมอชั่วคราวที่พวกเขาจัดขึ้นให้กับชายหนุ่มอย่างละเอียดหญิงสาวคนนั้นในที่สุดก็ฟื้นแล้
พวกเขาล้วนมองตามเสียงไป อาเหอเองก็ยกเท้าเดินออกไป ไม่นานก็กลับมา"มีหญิงสาวเป็นลมขอรับ""ไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงวิ่งออกไปทันทีคนมากมายรวมกันอยู่แบบนี้ กลิ่นเองก็ไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ยังเข้าไปที่เพิงเตี้ยๆ นั่นด้านในมีหญิงสาวอายุน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น หน้าซีดเหมือนกระดาษ ริ่มฝีปากไม่มีสีเลือด ข้างๆ มีแม่นางน้อยอยู่ กำลังร้องห่มร้องไห้เขย่าตัวนาง"เสี่ยวเยว่ ดูแลเด็กด้วย" ฟู่จาวหนิงกำชับมาคำหนึ่ง ส่วนตนเองก็มุดเข้าไป นั่งยองลงข้างๆ หญิงสาวคนนั้น ตรวจอาการให้นางพอแตะมือนาง ก็รู้สึกว่าเย็นจนน่ากลัวเสื้อผ้าบนตัวนางบางมาก แต่บนตัวแม่นางน้อยกลับห่อไว้หนาพอควร มองออกว่าเอาเสื้อผ้าให้เด็กไปฟู่จาวหนิงจับชีพจรนาง ในสั่นกึกชีพจรครรภ์ น่าจะสองเดือนกว่าแล้ว แต่ว่าชีพจรนี้ก็อ่อนแรงเต็มที หญิงสาวเป็นโรคโลหิตจางรุนแรง โลหิตจางบวกกับความหิวความหนาว จะเป็นลมก็เรื่องปกติ"อาเหอ ไปตักข้าวต้มมาชามหนึ่ง" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"่ขอรับ"อาเหอรีบไปตักข้าวต้ม แต่ว่าตอนนี้ที่แจกข้าวต้มเริ่มเข้าแถวแล้ว พอเขาเดินไปที่ด้านหน้า คนที่เข้าแถวอยู่ก็ไม่ยอม"เข้าแถวเซ่!""ใต้เท้าข้าราชการมาทางนี้หน่อย ต
ตอนนี้แบ่งข้าวต้มได้คนละชาม ตอนกลางวันข้าวต้มคนละชามกับแป้งนึ่งครึ่งก้อน ก็ถือว่าดีมากแล้วข้าวเย็นก็มีแค่ข้าวต้มชามเดียว"เด็กที่อายุต่ำกว่าสิบขวบ คนแก่ที่อายุหกสิบขึ้นไป สามารถได้เพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วก็พวกเด็กทารกบางส่วน ยังแลกข้าวต้มได้อีกครึ่งชามด้วย"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอธิบายกับฟู่จาวหนิง พวกเขาทำได้ถึงขนาดนี้นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว ถึงอย่างไรแรงคนก็ไม่พอนี่นะ"ตอนนี้ร้านรวงในเมือง ก็ยังไม่กล้าจะทำการค้ากันเลย""นี่เพราะอะไร?" อันเหนียนถาม"อย่างเช่นพวกร้านขายซาลาเปา ขายขนมปิ่ง ขายสุระพวกนั้น พอเปิดร้านกลิ่นจะรุนแรงมาก ตอนที่หิวจนตาลายแล้ว ใครจะยังทนไหวกัน? แล้วผู้ประสบภัยพวกนี้ มีเงินพอซื้อกันที่ไหน?"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวส่ายหัว "ดังนั้นจึงเกิดความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย มีคนขโมยของกิน มีคนใช้วิะีการหลอก ถึงอย่างไรความวุ่นวายต่างๆ ก็เกิดขึ้นตลอด ร้านรวงพวกนั้นจึงไม่กล้าเปิดกันแล้ว"ไม่แปลกที่ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวจะอดนอนจนตาแดงก่ำ เรื่องราวมันเยอะมาจนทำเอาเขาไม่ได้พักผ่อนดีดีเลย""ช่วงนี้คนป่วยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ่ท่านลองฟังสิ เสียงที่ดังขึ้นลงสลับกันนี้"ฟู่จาวหนิงได้ยินนานแล
ฟู่จาวหนิงได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่มก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่"ไม่เอาค่ารักษาจากเจ้าหรอก วางใจเถอะ"นางพูดพลางตรวจสถานการณ์ของเสี่ยวยา พอเห็นว่านางหลับปุ๋ย จับชีพจรแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ จึงถอนใจโล่งพอได้ยินว่าไม่ต้องการค่ารักษาจากพวกเขา ตู้เสี่ยวเฟิงก็ถอนใจโล่ง แต่ก็ยังรู้สึกกระวนกระวาย "หัวของน้องสาวข้าเป็นอะไรมากไหม?""โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก" ฟู่จาวหนิงเห็นดวงตาสุกใสของเขา ก็อดชอบขึ้นมาไม่ได้ เด็กคนนี้ใจสู้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังใจดีมาก นางก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือสักหน่อย"พวกเจ้ายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน รักษาบาดแผล เอ็นกระดูกเจ้าขาด ขยับมากไม่ได้ มือเองก็หักด้วย ไม่มีคนดูแลก็ไม่ได้อีก"ตู้เสี่ยวเฟิงร้อนรนขึ้นมา "จะให้คนมาดูแลได้อย่างไร? ข้าช่วยทำงานมาชดใช้เงินค่ายาได้!"เขาได้ยินว่าไม่ต้องจ่ายค่ารักษษก็ยังไม่วางใจ รู้สึกว่าต้องทำอะไรบ้าง"ขอร้องท่านล่ะ ให้น้องข้าได้กินอะไรหน่อย เมื่อวานนางหิวจนเป็นลมไป" ตู้เสี่ยวเฟิงเสียงขืนฟู่จาวหนิงถอนหายใจ"เมื่อคืนให้นางกินไปแล้ว อยู่ที่นี่แค่ทำให้พวกเจ้าพี่น้องไม่หิวแย่มันก็ทำได้อยู่""ข้าจะช่วยท่านทำงาน ข้ามีมือข้างเดียวก็ได
ดังนั้นพวกเขายังไม่มีเวลานอนเลย"พระชายา วันนี้ตอนเช้า สถานการณ์พี่น้องคู่นั้นตรวจสอบมาแล้ว" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยววางชามลง อธิบายสถานการณ์กับนาง"เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อตู้เสี่ยวเฟิง น้องสาวชื่อตู้เสี่ยวยา พี่น้องคู่นี้พักอยู่ในซอยที่พวกท่านเห็นเมื่อวาน บ้านตระกูลตู้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เวทนาขนาดนั้น ผู้เฒ่าตู้หลายปีก่อนไปช่วยขุดบ่อน้ำ แต่พลาดหกล้มจนตายไป ส่วนยายเฒ่าตู้คืนที่ไปเฝ้าศพก็ถูกลมหนาว ต่อมาก็ล้มป่วย ไม่ถึงครึ่งปีก็จากไป""พ่อแม่ของตู้เสี่ยวเฟิงตอนขึ้นไปตัดฟืนบนเขาก็เกิดเรื่อง ทั้งบ้านเหลือแต่พี่น้องคู่นี้ ไม่มีญาติที่ไหน ก่อหน้านี้ตู้เสี่ยวเฟิงก็วิ่งทำงานไปทั่ว เช่นช่วยคนส่งจดหมาย วิ่งจากต้นเมืองไปท้ายเมือง แบกหามของ ช่วยคนหิ้วน้ำ บางครั้งก็ไปอุทยานนอกเมืองช่วยคนเก็บผลไม้ แลกกับเงินเล็กๆ น้อยๆ ฝืนเลี้ยงตนเองกับน้องสาวมา"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวถอนใจ"ตู้เสี่ยวเฟิงไม่รู้ไปเก็บหมาตัวหนึ่งมาจากไหน เลี้ยงอยู่สามสี่ปี ปกติตอนที่เขาออกไปทำงานก็จะมีหมาตัวนี้อยู่กับตู้เสี่ยวยา เมื่อวานมีคนเห็นหมาตัวนั้น จึงเข้ามาแย่งไป"ฟู่จาวหนิงเข้าใจแล้ว"แย่งหมา เลยทำร้ายคน?"ผู้บริหารท้
"เจ้ากลับมาแล้วหรือ? เหนื่อยไหม?"อาเหอเองก็กุมมือภรรยา มือของพวกเขาเย็นจนบาดเจ็บ พอกุมไว้แบบนี้ ทั้งสองคนก็รู้สึกเจ็บๆ คันๆ แต่ก็ไม่ทำให้พวกเขาแยกมือจากกันลูกหลับไปแล้ว หลับอย่างสบายแม้จะเป็นแค่ห้องเดียว เตียงหนึ่งให้เด็กกับคนแก่นอน พวกเขาสามีภรรยาปูเสื้อ แต่เช่นนี้ก็ดีมากแล้วตั้งแต่หนีประสบภัยมา พวกเขาลำบากมามาก หลายครั้งที่วนเวียนอยู่ขอบเหวความตาย ดวงใจตึงเกร็งอยู่ตลอด ไม่มีตอนไหนที่ผ่อนคลายได้เลย หนาวเย็นหิวโหยมาตลอดทาง ไม่ได้นอนหลับในห้องอย่างแท้จริงมานานมาก ทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่าเตียงอบอุ่นในห้องที่อบอุ่นนี่ล้ำค่าอย่างมากอาเหอนอนลงมา ทั่วทั้งตัวอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลายสุดๆระหว่างทางเขาต้องปกป้องพ่อแม่ภรรยาและลูก เป็นผู้นำครอบครัว จะอ่อนแอลงไม่ได้เลยแม้แต่น้อยพวกเขาเองก็เคยเจอพวกนักเลงหัวไม้ที่ฉวยโอกาสก่อเรื่องในช่วงภัยพิบัติระหว่างทาง มีหลายคนอุดปากลากภรรยาไปกลางดึก ถ้าไม่ใช่เขาใช้หินทุบหัวหนึ่งในนั้นจนสมองไหล จนคนที่เหลือหนีไปอย่างตกใจ ตอนนี้ภรรยาคงหายไปแล้วหลังจากครั้งนั้น เขาก็ไม่กล้านอนหลับในตอนกลางคืนจริงๆ จังๆแต่ตอนนี้น่าจะนอนได้เสียที"เหนื่อย" อาเหอได้สติก
เซียวหลันยวนยืนมือไว้บนหน้าผาก ถามเขาว่า "เจ้าคิดว่า เจ้าอารามอยู่บนยอดเขาโยวชิงจะเหงาไหม?""หา?" ชิงอีงงงันเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอยู่บนเขามาไม่รู้กี่ปี พวกเขาแม้จะอยู่ที่นั่นมาสิบกว่าปี แต่ก็ไม่เคยเห็นปัญหานี้มาก่อนดังนั้น ชิงอีจึงไม่รู้คำตอบของคำถามนี้คิดๆแล้ว เขาจึงถามคำถามที่ซ่อนไว้ในใจออกมา "ท่านอ๋อง เจ้าอารามตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว?"คำถามนี้อันที่จริงเขาอยากถามมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเซียวหลันยวนเหลือบมองเขา "ข้าเองก็ไม่เคยถาม""ดังนั้นท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามอายุเท่าไรหรือ?""นี่มันสำคัญไหม?""ไม่ ไม่ขอรับ" ชิงอีรีบโบกมือ "ข้าน้อยก็แค่อยากรู้""ออกไปก่อน""่ขอรับ"หลังจากชิงอีออกไป เซียวหลันยวนจึงหยิบจดหมายขึ้น เปิดออกอ่านจดหมายสั้นกระชับ เป็นลักษณะของเจ้าอารามโยวชิงแต่ที่เขียนบนจดหมาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เร่งรีบอะไร"ก่อนเดือนสาม พาภรรยาของเจ้ามาที่ยอดเขาโยวชิงหน่อย"แค่ประโยคเดียวเซียวหลันยวนงงงันพาจาวหนิงไปยอดเขาโยวชิง? มีเรื่องอะไรกัน?พอคิดๆ เซียวหลันยวนจึงเขียนตอบกลับจาวหนิงตอนนี้ไปเมืองเจ้อ หลังจากกลับมายังต้องถามนางอีก ไม่รู้ว่านางจะยอมไปยอดเข