ทั้งสองคนมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงมองดวงตาพวกเขาเพ่งสมาธิได้แล้ว ดวงตาไม่มีปัญหา สมองเองก็ไม่มีผลกระทบอะไรตอนที่นางมอง น้ำตาของเสิ่นเชี่ยวก็ไหลอาบคลอเบ้าอีกครั้ง ร่วงผลอยลงมา"ตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง? เวียนหัวไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"มึน แต่ก็ยังพอทนไหว""ปวดล่ะ?""นิดหน่อย""ลองขยับแขนขาดู ดูว่าตรงไหนที่ขยับไม่ได้ดั่งใจบ้าง" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินร้องไห้ไปด้วยพลางฟังคำนางไปด้วยเสิ่นเสวียงมองฉากนี้ไม่รู้เพราะอะไรถึงอยากจะหัวเราะออกมา ทั้งสองคนตอนนี้เหมือนกับเด็กๆ ที่เชื่อฟังเลย คำสั่งหนึ่งก็ทำตามทีหนึ่งแต่เขาก็ยังคงปวดใจเซียวหลันยวนเม้มปากมองฟู่จาวหนิงเขาขี้เกียจจะมองคู่สามีภรรยานั่น คิดอยากจะมองดูว่าฟู่จาวหนิงดูสงบจริงๆ หรือไม่สะกดความเสียใจเอาไว้เขาคิดไม่ออกเลย ว่าตอนนี้เขาไม่มีความคิดเรื่องล้างแค้นอีกแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เอาล่ะ ดูท่าจะไม่เป็นไรแล้ว อาการมึนหัวกับเจ็บแผลเป็นเรื่องปกติ ช่วงนี้ต้องนอนอยู่บนเตียงให้มากหน่อย"ฟู่จาวหนิงหลังจากพูดประโยคนี้จบ หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป "ความรับผิดชอบของข้าในฐานะที่เป็นหมอวา
ฟู่จาวหนิงสีหน้าแปลกประหลาดไปเซียวหลันยวนตอนยังเด็ก หัวเราะให้เสิ่นเชี่ยวเจ้าเด็กคนนี้คงจะคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ตนเองหัวเราะให้ตอนนั้น กลับมาวางยาพิษใส่เขาแบบนี้?ฟู่จาวหนิงคิดถึงจุดนี้แล้วก็อยากจะหัวเราะขึ้นมาเซียวหลันยวนอยากจะบอกว่าพูดจาเลอะเลือน ตอนนั้นเขาจะมาหัวเราะใส่นางอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไรกัน?แต่เขาตอนนั้นก็ยังเล็กมาก ไม่มีความทรงจำอะไรเลยพวกเขาเสิ่นเชี่ยวก็สนใจแต่ฟู่จาวหนิง ไม่ได้สนใจถึงตัวคนข้างๆเลย ไม่มองมาทางนี้ด้วยซ้ำสายตาฟู่จิ้นเชินเองก็ตกอยู่บนหน้าฟู่จาวหนิงตลอด ไม่อยากจะเบี่ยงสายตาออกเลยแม้แต่น้อย"ข้าตอนนั้นพอเห็นองค์ชายหัวเราะให้ ในใจก็รู้สึกยินดีมาก ดังนั้นจึงมองเขาอยู่ข้างๆ มากหน่อย ต่อมาพองานเลี้ยงกำลังจะเริ่ม ทุกคนก็ออกไป ข้าเองก็ออกมาด้วย"ความทรงจำเหล่านี้พูดได้ว่านานมากแล้ว แต่น่าจะเพราะก่อนหน้านี้ความทรงจำนางค่อนข้างสับสน ตอนนี้พอเริ่มคิดอีกทีกลับกระจ่างชัดขึ้นมา ตอนที่สมองสับสนพอผ่านไปสิบกว่าปี ก็เหมือนนำเรื่องสิบกว่านี้ปีนี้หดเล็กลงอย่างไรอย่างนั้น"ท่านพูดต่อไปเถอะ เรื่องราวในตอนนั้นสำคัญมาก รายละเอียดอะไรก็อย่าให้ขาดตกบกพร่อง"ฟู่จาวหนิง
นางมองไปทางเสิ่นเสวียนด้วยสัญชาตญาณเสิ่นเสวียนสายตาลุ่มลึกตอนนี้น้องสาวกำลังอยู่ตรงหน้า แต่เขารู้ว่าจะยังทำเป็นรู้จักไม่ได้ชั่วคราว เรื่องที่เซียวหลันยวนติดพิษยังสับสนอยู่เลยแต่เขาก็ชื่นชมมาก เพราะพบว่าน้องสาวเองก็ไม่ใช่คนโง่ ที่จะยอมรับคนตระกูลหลินเป็นพ่อแม่"ตอนนั้นคนตระกูลหลินไม่ดีกับฮูหยินอย่างมาก ตอนที่ฮูหยินแต่งกับข้า ในบ้านก็ไม่มีทรัพย์สินเงินทองเลย แล้วยังมีพวกญาติหน้าด้านๆ มาอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย พวกเขานอกจากบางครั้งจะออกมาขอข้าวขอน้ำขอของใช้แล้ว ปกติก้ไม่เคยจะมาเยี่ยมเยือน แต่ตอนที่ข้ามีชื่อขึ้นในเมืองหลวง แล้วยังช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิไว้ พวกเขาจู่ๆ ถึงได้มีไมตรีจิตขึ้นมา"ฟู่จิ้นเชินพูดถึงตรงนี้ ก็มองฟู่จาวหนิงอย่างกังวลเขาเดิมทีก็รู้สึกว่าหลังจากพูดเรื่องพวกนี้แล้ว จะมาถามสถานการณ์ในบ้านอย่างละเอียดต่อ แต่ตอนนี้พอพูดถึงพวกญาติหน้าด้านที่เข้ามาอาศัยในบ้านด้วยเหล่านั้น เขาก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้"เจ้าอยู่ในบ้านนั้นมาหลายปี คนพวกนั้นคงจะรังแกเจ้าด้วยใช่ไหม? แล้วปู่ของเจ้าล่ะ?"น้ำเสียงเขาตอนที่ถามคำถามนี้สั่นเครือขึ้นมาเขาแค่คิด ก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงหลายปีนี้คงไม
เสิ่นเชี่ยวกำลังเล่าเรื่องในตอนนั้นคนในห้องก็ล้วนนิ่งงันไม่ขัดนาง เพราะนางน่าจะกำลังคิดไปด้วยพูดออกมาด้วย"ภายหลังข้าจึงออกมา แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากนั้นสมองของข้าก็มึนๆ งงๆ แล้วยังเวียนหัวด้วย ข้าก่อนหน้านี้บางครั้งก็มีอาการแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่คิดจะอยู่ต่อแล้ว เดี๋ยวจะทำอะไรพลาดขึ้นตอนอยู่ในงานเลี้ยง""ข้าตอนนั้น" เสิ่นเชี่ยวดวงตาดูว่างเปล่า "ตอนนั้นข้าไปหาสาวใช้วัง บอกว่าจะออกจากวังก่อน แต่สาวใช้วังบอกว่าไม่ได้ ตอนนั้นยังไม่มีใครออกไป ไม่สามารถส่งข้าออกไปตามลำพังได้ จึงชี้ไปที่ตำหนักข้างแห่งหนึ่ง บอกว่าถ้ารู้สึกแย่จริงๆ ก็ไปพักผ่อนที่นั่นได้"พวกเขารู้ ว่าเสิ่นเชี่ยวใกล้จะพูดถึงจุดสำคัญแล้ว"ข้าตอนนั้นก็ไร้เดียงสา ไม่รู้สึกสงสัยอะไรเลย กระทั่งรู้สึกว่า ข้าอยู่ที่นั่นตัวตนฐานะนั้นต่ำต้อยที่สุด คนอื่นต่อให้คิดจะทำร้าย ก็คงไม่มาถึงข้าหรอก เพราะข้าเองก็แค่คนธรรมดา ไม่ใช่คนสูงศักดิ์อะไร ไม่ว่าจะเป็นใคร แค่ยื่นนิ้วออกมาส่งๆ นิ้วหนึ่งก็บี้ข้าตายได้แล้ว"เสิ่นเชี่ยวตอนนั้นคิดเช่นนั้นจริงๆและเพราะสามีของนางไปช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิไว้โดยบังเอิญ ได้รับโอกาสให้มาอยู่เบื้องหน้าพระพั
ความทรงจำก่อนหน้านี้บอกนาง ว่าฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา แต่ตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงวิชาแพทย์ของนางอย่างแท้จริง เสิ่นเชี่ยวก็อารมณ์ซับซ้อนขึ้นมา แต่ที่แจ่มชัดที่สุดคือความภาคภูมิใจนี่คือลูกสาวของนาง นางภาคภูมิใจมากจริงๆ ภูมิใจเอามากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงต้องเจอเรื่องลำบากมาแค่ไหน ถึงได้กลายมาเป็นหมอตั้งแต่อายุยังน้อยแค่นี้ นางรู้สึกสะอื้นที่จมูกขึ้นมาอีกแล้วฟู่จิ้นเชินพอเห็นภรรยาผ่อนคลายลงมา ก็รู้สึกอาการปวดหัวของนางน่าจะบรรเทาลงแล้วเขาจึงพูดต่อว่า "ความทรงจำในงานเลี้ยงของฮูหยินมีถึงแค่นี้ ตอนที่นางตื่นมาอีกที ก็เห็นว่าตนเองถือชามยาพิษนั่นไว้แล้ว ยืนอยู่ข้างเตียงอ๋องเจวี้ยนที่ยังเล็ก คนมากมายหลั่งไหลเข้ามามองนาง คนทั้งหมดพูดกันว่านางกรอกยาพิษใส่อ๋องเจวี้ยน ไม่มีใครให้โอกาสนางได้อธิบายเลย"น้ำตาเสิ่นเชี่ยวไหลลงมาอีกครั้ง"ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตอนนั้นตัวเองไปอยู่ที่นั่นตอนไหน แต่ว่า ข้าไม่น่าจะใช้คนที่ทำร้ายใต้ฝ่าพระบาท""และเพราะนางก็อธิบายอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงถูกคุมตัวเข้าไปในคุกใหญ่ หลังจากข้ารู้เรื่องนี้ จึงไปขอร้ององค์รัชทายาท ให้ขอเวลาข้าหน่อย ให้ข้าได้ตรวจสอบความจริง องค์จัก
ความคิดนี้เด็ดขาดมากเสิ่นเสวียนรู้สึกต้องมองฟู่จิ้นเชินใหม่เสียแล้ว"ตอนนั้นองค์จักรพรรดิยังทรงมีเมตตามาก ดังนั้นข้าจึงกล้าเสี่ยงเช่นนี้ ยังดีที่ปกติข้ารู้จักคนอยู่ไม่น้อย พวกเขาตอนนั้นเองก็ยินดีจะช่วยเหลือ พวกเราทิ้งเงินเอาไว้ให้ที่บ้าน แล้วยังให้คนส่งจดหมายให้ จากนั้นจึงหลบหนีออกจากเมืองหลวง"พูดถึงจุดนี้ พวกของฟู่จาวหนิงก็พอจะรู้เรื่องราวในตอนนั้นคร่าวๆ แล้วแต่ที่ฟู่จาวหนิงยังไม่ค่อยเข้าใจก็คือ..."พวกท่านทิ้งเงินไว้เท่าไรหรือ? ส่งจดหมายอะไรไว้?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีเขาเองก็ฉลาดมาก เข้าใจขึ้นมาทันควัน "พวกเจ้าไม่ได้รับเงินและก็ไม่ได้รับจดหมายด้วยอย่างนั้นหรือ?""ไม่มีเลย"ฟู่จาวหนิงส่ายหัว สีหน้าเย็นวาบลงมาถ้าตอนนั้นพวกเขามีเงินอยู่บ้าง ท่านปู่คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ แล้วถ้ามีจดหมาย ท่านปู่เองก็คงไม่ต้องรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมาเช่นนี้ด้วย ไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรหลายปีมานี้ ในใจก็เหมือนแขวนห้อยไว้กลางอากาศ"ตอนนั้นก่อนที่จะไป ข้าจะอย่างไรก็ต้องดูแลท่านพ่อกับลูกสาว ดังนั้นรางวัลที่ได้มาในตอนนั้นจึงนำไปจำนำเป็นเงินหมด
เสิ่นเชี่ยวถลึงตาค้างชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาแม้ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวจะรู้สึกว่าตนเองในอดีตจะถูกใส่ร้าย แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องในตอนนั้นก็ส่งผลกระทบร้ายแรงที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้อ๋องเจวี้ยนหลายปีนี้มีสุขภาพย่ำแยมาตลอด ยังถูกพูดไว้ว่าจะอายุไม่ถึงสามสิบอีกด้วยสิ่งเหล่านี้ พวกของฟู่จิ้นเชินต่อมานั้นรู้อยู่ แค่ความทรงจำถูกทำให้สับสนเท่านั้น ตอนนี้ล้วนนึกออกหมดแล้วและพวกเขาที่ต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ทอดทิ้งครอบครัว ระหกระเหินมาหลายปี แทบเอาตัวไม่รอดไม่ว่าอย่างไร ระหว่างพวกเขาก็ถูกคั่นไว้ด้วยเหวลึกที่มิอาจข้ามไปได้อยู่แต่ว่าตอนนี้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงเป็นสามีภรรยากันแล้ว!ฟู่จิ้นเชินหลังจากตกตะลึงก็คิดจะลงจากเตียงทันทีเขาประสานสายตากับเซียวหลันยวน ยื่นมามาขวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"อ๋องเจวี้ยน ถ้าท่านเกลียดชังพวกเรา ก็นำความโกรธมาลงที่พวกเราเสีย จาวหนิงตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อย นางไม่รู้อะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง"ฟู่จาวหนิงมองแขนที่มาขวางอยู่ตรงหน้าตนเอง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งสภาพเขาแบบนี้ ยังคิดจะปกป้องนางอีกหรือ?"ข้
ฟู่จาวหนิงเห็นมือของเซียวหลันยวนยื่นเข้ามา เดินตรงไปหาเขา"จาวหนิง..."เสิ่นเชี่ยวคิดจะดึงนางไว้ สีหน้ากังวลเศร้าสลดแต่ฟู่จิ้นเชินก็กลับมากุมมือนางไว้ ส่ายหัวให้นาง"ก่อนหน้าพวกเรา อ๋องเจวี้ยนก็อยู่ด้วยกันกับจาวหนิงแล้ว" ฟู่จิ้นเชินเตือนเสิ่นเชี่ยวขึ้นเสียงต่ำพวกเขาแม้จะเป็นห่วง แต่พอเห็นฟู่จาวหนิงเดินไปหาอ๋องเจวี้ยนอย่างไม่ลังเล เขาเองก็เข้าใจความจริงแล้วช่วงเวลาที่ฟู่จาวหนิงอยู่กับอ๋องเจวี้ยนนั้นยาวนานกว่าเวลาที่อยู่กับพวกเขามากนักระหว่างพวกเขา ก็ควรจะยิ่งเข้าใจได้สำหรับฟู่จาวหนิง พวกเขาตอนนี้ต่างหากที่เป็นคนแปลกหน้าแม้ในใจจะเศร้าโศก แต่ฟู่จิ้นเชินก็เข้าใจขึ้นมาจุดหนึ่ง ตอนนี้พกวเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะไปชี้นกชี้ไม้กับฟู่จาวหนิง แต่ก็ยังต้องสังเกตอย่างละเอียดว่าเป้าหมายที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับฟู่จาวหนิงคืออะไรถ้าหากเขามีเป้าหมายที่ไม่ดี เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะเข้าไปสกัดห้ามให้ได้ฟู่จาวหนิงเดินมาอยู่ข้างกายเซียวหลันยวน วางมือไว้บนฝ่ามือเขาเซียวหลันยวนกำมือของนางแน่น จากนั้นก็มองไปทางฟู่จิ้นเชินและเสิ่นเชี่ยว"ท่านตรวจสอบมาได้ไม่น้อยเลย""ข้าได้ยินว่าหลายปีนี้
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้