เสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนเองก็มองฟู่จาวหนิงจังหวะนี้ สายตาคนทั้งหมดในห้องล้วนไปรวมอยู่บนตัวของนางเซียวหลันยวนคิถึงสิ่งที่เขาตรวจสอบมาก่อนหน้านี้ ชีวิตที่ฟู่จาวหนิงเผชิญมาก่อนอายุสิบหกปีเขาคิดถึงภาพที่นางไล่ตามก้นเซียวเหยียนจิ่งอยู่ด้านหลัง ทอดทิ้งเกียรติและความสงบเสงี่ยมของหญิงสาวคนหนึ่ง คิดแต่จะเอาใจเซียวเหยียนจิ่ง คิดแค่จะให้เซียวเหยียนจิ่งรับนางไปแต่งด้วย เพื่อให้ท่านปู่วางใจเขาคิดถึงตอนที่นางไปขุดยาสมุนไพร ผลคือถูกคนหัวเราะเย้ยหยัน บอกว่าที่นางขุดมาคือผักป่า คือหญ้าวัชพืช บอกว่านางไม่มีความรู้ หน้าด้าน ชอบทำให้คนอื่นรำคาญ ไม่รู้อะไรเลยน่าขบขันบอกว่านางเป็นพวกบ้านนอกที่ตกอับ ญาติมิตรในบ้านตระกูลฟู่พวกนั้นก็ยังรังแกบีบคั้นนางสารพัด บีบให้นางกับปู่ของนางไปอยู่ในเรือนโทรมเล็กๆ หลังหนึ่งนางไม่มีพ่อแม่คอยดูแลทนุถนอม แล้วยังต้องดูแลท่านปู่ที่ป่วยหนักอีก สุดท้ายจึงต้องมาหาทางออกด้วยการวิ่งโร่หาคู่ครองสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้เรื่องพวกนี้ไหม?ความทรมานสิบกว่าปี ลูกสาวของพวกเขาก็ทนรับมาได้แล้ว พวกเขารู้บ้างไหม?ตอนแรกสุดที่พบกัน เขาเห็นว่าฟู่จาวหนิง ผอมจนแค่ลมก็ยังพัดจนล้มได้
ทั้งสองคนมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงมองดวงตาพวกเขาเพ่งสมาธิได้แล้ว ดวงตาไม่มีปัญหา สมองเองก็ไม่มีผลกระทบอะไรตอนที่นางมอง น้ำตาของเสิ่นเชี่ยวก็ไหลอาบคลอเบ้าอีกครั้ง ร่วงผลอยลงมา"ตอนนี้มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง? เวียนหัวไหม?" ฟู่จาวหนิงถาม"มึน แต่ก็ยังพอทนไหว""ปวดล่ะ?""นิดหน่อย""ลองขยับแขนขาดู ดูว่าตรงไหนที่ขยับไม่ได้ดั่งใจบ้าง" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินร้องไห้ไปด้วยพลางฟังคำนางไปด้วยเสิ่นเสวียงมองฉากนี้ไม่รู้เพราะอะไรถึงอยากจะหัวเราะออกมา ทั้งสองคนตอนนี้เหมือนกับเด็กๆ ที่เชื่อฟังเลย คำสั่งหนึ่งก็ทำตามทีหนึ่งแต่เขาก็ยังคงปวดใจเซียวหลันยวนเม้มปากมองฟู่จาวหนิงเขาขี้เกียจจะมองคู่สามีภรรยานั่น คิดอยากจะมองดูว่าฟู่จาวหนิงดูสงบจริงๆ หรือไม่สะกดความเสียใจเอาไว้เขาคิดไม่ออกเลย ว่าตอนนี้เขาไม่มีความคิดเรื่องล้างแค้นอีกแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงฟู่จาวหนิง"เอาล่ะ ดูท่าจะไม่เป็นไรแล้ว อาการมึนหัวกับเจ็บแผลเป็นเรื่องปกติ ช่วงนี้ต้องนอนอยู่บนเตียงให้มากหน่อย"ฟู่จาวหนิงหลังจากพูดประโยคนี้จบ หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป "ความรับผิดชอบของข้าในฐานะที่เป็นหมอวา
ฟู่จาวหนิงสีหน้าแปลกประหลาดไปเซียวหลันยวนตอนยังเด็ก หัวเราะให้เสิ่นเชี่ยวเจ้าเด็กคนนี้คงจะคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ตนเองหัวเราะให้ตอนนั้น กลับมาวางยาพิษใส่เขาแบบนี้?ฟู่จาวหนิงคิดถึงจุดนี้แล้วก็อยากจะหัวเราะขึ้นมาเซียวหลันยวนอยากจะบอกว่าพูดจาเลอะเลือน ตอนนั้นเขาจะมาหัวเราะใส่นางอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไรกัน?แต่เขาตอนนั้นก็ยังเล็กมาก ไม่มีความทรงจำอะไรเลยพวกเขาเสิ่นเชี่ยวก็สนใจแต่ฟู่จาวหนิง ไม่ได้สนใจถึงตัวคนข้างๆเลย ไม่มองมาทางนี้ด้วยซ้ำสายตาฟู่จิ้นเชินเองก็ตกอยู่บนหน้าฟู่จาวหนิงตลอด ไม่อยากจะเบี่ยงสายตาออกเลยแม้แต่น้อย"ข้าตอนนั้นพอเห็นองค์ชายหัวเราะให้ ในใจก็รู้สึกยินดีมาก ดังนั้นจึงมองเขาอยู่ข้างๆ มากหน่อย ต่อมาพองานเลี้ยงกำลังจะเริ่ม ทุกคนก็ออกไป ข้าเองก็ออกมาด้วย"ความทรงจำเหล่านี้พูดได้ว่านานมากแล้ว แต่น่าจะเพราะก่อนหน้านี้ความทรงจำนางค่อนข้างสับสน ตอนนี้พอเริ่มคิดอีกทีกลับกระจ่างชัดขึ้นมา ตอนที่สมองสับสนพอผ่านไปสิบกว่าปี ก็เหมือนนำเรื่องสิบกว่านี้ปีนี้หดเล็กลงอย่างไรอย่างนั้น"ท่านพูดต่อไปเถอะ เรื่องราวในตอนนั้นสำคัญมาก รายละเอียดอะไรก็อย่าให้ขาดตกบกพร่อง"ฟู่จาวหนิง
นางมองไปทางเสิ่นเสวียนด้วยสัญชาตญาณเสิ่นเสวียนสายตาลุ่มลึกตอนนี้น้องสาวกำลังอยู่ตรงหน้า แต่เขารู้ว่าจะยังทำเป็นรู้จักไม่ได้ชั่วคราว เรื่องที่เซียวหลันยวนติดพิษยังสับสนอยู่เลยแต่เขาก็ชื่นชมมาก เพราะพบว่าน้องสาวเองก็ไม่ใช่คนโง่ ที่จะยอมรับคนตระกูลหลินเป็นพ่อแม่"ตอนนั้นคนตระกูลหลินไม่ดีกับฮูหยินอย่างมาก ตอนที่ฮูหยินแต่งกับข้า ในบ้านก็ไม่มีทรัพย์สินเงินทองเลย แล้วยังมีพวกญาติหน้าด้านๆ มาอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย พวกเขานอกจากบางครั้งจะออกมาขอข้าวขอน้ำขอของใช้แล้ว ปกติก้ไม่เคยจะมาเยี่ยมเยือน แต่ตอนที่ข้ามีชื่อขึ้นในเมืองหลวง แล้วยังช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิไว้ พวกเขาจู่ๆ ถึงได้มีไมตรีจิตขึ้นมา"ฟู่จิ้นเชินพูดถึงตรงนี้ ก็มองฟู่จาวหนิงอย่างกังวลเขาเดิมทีก็รู้สึกว่าหลังจากพูดเรื่องพวกนี้แล้ว จะมาถามสถานการณ์ในบ้านอย่างละเอียดต่อ แต่ตอนนี้พอพูดถึงพวกญาติหน้าด้านที่เข้ามาอาศัยในบ้านด้วยเหล่านั้น เขาก็อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้"เจ้าอยู่ในบ้านนั้นมาหลายปี คนพวกนั้นคงจะรังแกเจ้าด้วยใช่ไหม? แล้วปู่ของเจ้าล่ะ?"น้ำเสียงเขาตอนที่ถามคำถามนี้สั่นเครือขึ้นมาเขาแค่คิด ก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงหลายปีนี้คงไม
เสิ่นเชี่ยวกำลังเล่าเรื่องในตอนนั้นคนในห้องก็ล้วนนิ่งงันไม่ขัดนาง เพราะนางน่าจะกำลังคิดไปด้วยพูดออกมาด้วย"ภายหลังข้าจึงออกมา แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร หลังจากนั้นสมองของข้าก็มึนๆ งงๆ แล้วยังเวียนหัวด้วย ข้าก่อนหน้านี้บางครั้งก็มีอาการแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่คิดจะอยู่ต่อแล้ว เดี๋ยวจะทำอะไรพลาดขึ้นตอนอยู่ในงานเลี้ยง""ข้าตอนนั้น" เสิ่นเชี่ยวดวงตาดูว่างเปล่า "ตอนนั้นข้าไปหาสาวใช้วัง บอกว่าจะออกจากวังก่อน แต่สาวใช้วังบอกว่าไม่ได้ ตอนนั้นยังไม่มีใครออกไป ไม่สามารถส่งข้าออกไปตามลำพังได้ จึงชี้ไปที่ตำหนักข้างแห่งหนึ่ง บอกว่าถ้ารู้สึกแย่จริงๆ ก็ไปพักผ่อนที่นั่นได้"พวกเขารู้ ว่าเสิ่นเชี่ยวใกล้จะพูดถึงจุดสำคัญแล้ว"ข้าตอนนั้นก็ไร้เดียงสา ไม่รู้สึกสงสัยอะไรเลย กระทั่งรู้สึกว่า ข้าอยู่ที่นั่นตัวตนฐานะนั้นต่ำต้อยที่สุด คนอื่นต่อให้คิดจะทำร้าย ก็คงไม่มาถึงข้าหรอก เพราะข้าเองก็แค่คนธรรมดา ไม่ใช่คนสูงศักดิ์อะไร ไม่ว่าจะเป็นใคร แค่ยื่นนิ้วออกมาส่งๆ นิ้วหนึ่งก็บี้ข้าตายได้แล้ว"เสิ่นเชี่ยวตอนนั้นคิดเช่นนั้นจริงๆและเพราะสามีของนางไปช่วยชีวิตองค์จักรพรรดิไว้โดยบังเอิญ ได้รับโอกาสให้มาอยู่เบื้องหน้าพระพั
ความทรงจำก่อนหน้านี้บอกนาง ว่าฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา แต่ตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงวิชาแพทย์ของนางอย่างแท้จริง เสิ่นเชี่ยวก็อารมณ์ซับซ้อนขึ้นมา แต่ที่แจ่มชัดที่สุดคือความภาคภูมิใจนี่คือลูกสาวของนาง นางภาคภูมิใจมากจริงๆ ภูมิใจเอามากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงต้องเจอเรื่องลำบากมาแค่ไหน ถึงได้กลายมาเป็นหมอตั้งแต่อายุยังน้อยแค่นี้ นางรู้สึกสะอื้นที่จมูกขึ้นมาอีกแล้วฟู่จิ้นเชินพอเห็นภรรยาผ่อนคลายลงมา ก็รู้สึกอาการปวดหัวของนางน่าจะบรรเทาลงแล้วเขาจึงพูดต่อว่า "ความทรงจำในงานเลี้ยงของฮูหยินมีถึงแค่นี้ ตอนที่นางตื่นมาอีกที ก็เห็นว่าตนเองถือชามยาพิษนั่นไว้แล้ว ยืนอยู่ข้างเตียงอ๋องเจวี้ยนที่ยังเล็ก คนมากมายหลั่งไหลเข้ามามองนาง คนทั้งหมดพูดกันว่านางกรอกยาพิษใส่อ๋องเจวี้ยน ไม่มีใครให้โอกาสนางได้อธิบายเลย"น้ำตาเสิ่นเชี่ยวไหลลงมาอีกครั้ง"ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตอนนั้นตัวเองไปอยู่ที่นั่นตอนไหน แต่ว่า ข้าไม่น่าจะใช้คนที่ทำร้ายใต้ฝ่าพระบาท""และเพราะนางก็อธิบายอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงถูกคุมตัวเข้าไปในคุกใหญ่ หลังจากข้ารู้เรื่องนี้ จึงไปขอร้ององค์รัชทายาท ให้ขอเวลาข้าหน่อย ให้ข้าได้ตรวจสอบความจริง องค์จัก
ความคิดนี้เด็ดขาดมากเสิ่นเสวียนรู้สึกต้องมองฟู่จิ้นเชินใหม่เสียแล้ว"ตอนนั้นองค์จักรพรรดิยังทรงมีเมตตามาก ดังนั้นข้าจึงกล้าเสี่ยงเช่นนี้ ยังดีที่ปกติข้ารู้จักคนอยู่ไม่น้อย พวกเขาตอนนั้นเองก็ยินดีจะช่วยเหลือ พวกเราทิ้งเงินเอาไว้ให้ที่บ้าน แล้วยังให้คนส่งจดหมายให้ จากนั้นจึงหลบหนีออกจากเมืองหลวง"พูดถึงจุดนี้ พวกของฟู่จาวหนิงก็พอจะรู้เรื่องราวในตอนนั้นคร่าวๆ แล้วแต่ที่ฟู่จาวหนิงยังไม่ค่อยเข้าใจก็คือ..."พวกท่านทิ้งเงินไว้เท่าไรหรือ? ส่งจดหมายอะไรไว้?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีเขาเองก็ฉลาดมาก เข้าใจขึ้นมาทันควัน "พวกเจ้าไม่ได้รับเงินและก็ไม่ได้รับจดหมายด้วยอย่างนั้นหรือ?""ไม่มีเลย"ฟู่จาวหนิงส่ายหัว สีหน้าเย็นวาบลงมาถ้าตอนนั้นพวกเขามีเงินอยู่บ้าง ท่านปู่คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ แล้วถ้ามีจดหมาย ท่านปู่เองก็คงไม่ต้องรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมาเช่นนี้ด้วย ไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรหลายปีมานี้ ในใจก็เหมือนแขวนห้อยไว้กลางอากาศ"ตอนนั้นก่อนที่จะไป ข้าจะอย่างไรก็ต้องดูแลท่านพ่อกับลูกสาว ดังนั้นรางวัลที่ได้มาในตอนนั้นจึงนำไปจำนำเป็นเงินหมด
เสิ่นเชี่ยวถลึงตาค้างชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาแม้ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวจะรู้สึกว่าตนเองในอดีตจะถูกใส่ร้าย แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องในตอนนั้นก็ส่งผลกระทบร้ายแรงที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้อ๋องเจวี้ยนหลายปีนี้มีสุขภาพย่ำแยมาตลอด ยังถูกพูดไว้ว่าจะอายุไม่ถึงสามสิบอีกด้วยสิ่งเหล่านี้ พวกของฟู่จิ้นเชินต่อมานั้นรู้อยู่ แค่ความทรงจำถูกทำให้สับสนเท่านั้น ตอนนี้ล้วนนึกออกหมดแล้วและพวกเขาที่ต้องทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ทอดทิ้งครอบครัว ระหกระเหินมาหลายปี แทบเอาตัวไม่รอดไม่ว่าอย่างไร ระหว่างพวกเขาก็ถูกคั่นไว้ด้วยเหวลึกที่มิอาจข้ามไปได้อยู่แต่ว่าตอนนี้เซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงเป็นสามีภรรยากันแล้ว!ฟู่จิ้นเชินหลังจากตกตะลึงก็คิดจะลงจากเตียงทันทีเขาประสานสายตากับเซียวหลันยวน ยื่นมามาขวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"อ๋องเจวี้ยน ถ้าท่านเกลียดชังพวกเรา ก็นำความโกรธมาลงที่พวกเราเสีย จาวหนิงตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อย นางไม่รู้อะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง"ฟู่จาวหนิงมองแขนที่มาขวางอยู่ตรงหน้าตนเอง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งสภาพเขาแบบนี้ ยังคิดจะปกป้องนางอีกหรือ?"ข้