ฟู่จิ้นเชินรู้สึกว่าตนเองเหมือนฝันมาอย่างยาวนานในความฝันเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ประเดี๋ยวก็มีเขา ประเดี๋ยวก็ภรรยา ประเดี๋ยวก็คนชั่ว แล้วยังมีสัตว์ร้ายอีกในฝันมีทั้งพายุลมฝนต่างๆ นานา ความทุกข์ทรมานก็ล้วนผ่านมาหมดแล้ว และยังไปยืนอยู่ริมเหวความเป็นความตายมาอีกนับครั้งไม่ถ้วนตอนที่ฟื้นขึ้นมา เขาสัมผัสได้ว่าตนเองลืมตาไม่ขึ้น หนังตาเหมือนถูกแปะไว้อย่างไรอย่างนั้น หนักอึ้งเอามากๆแต่ว่า ในฝันมีท่านพ่อ แล้วก็มีลูกสาวด้วยลูกสาว จาวหนิงของนาง!ฟู่จิ้นเชินตกตะลึงในใจ เบิกตาโพลงขึ้น พริบตาที่มีแสงสว่างเข้ามา ก็ทำให้เขาไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด วันไหนเวลาไหน"จาวหนิง..."แต่พอเขาเอ่ยปากขึ้นก็เรียกชื่อนี้ขึ้นมาเสิ่นเสวียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตกตะลึงเล็กน้อย หันหน้ามองไปทางเขาฟู่จิ้นเชินรู้สึกว่าตนเองเบิกตาโพลงขึ้นฉับพลัน อันที่จริงจากที่เสิ่นเสวียนเห็น เขายังคงพยายามลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างยากลำบากเขาได้ยินฟู่จิ้นเชินเรียกว่าจาวหนิงนี่คือจำขึ้นมาได้แล้วหรือ? จำลูกสาวของเขาได้แล้ว?เสิ่นเสวียนลุกขึ้นเดินเข้ามาฟู่จิ้นเชินวางสายตามาบนตัวเขาทันที"เสิ่น... เสิ่น...""เสิ่นเสวียน ข้าคือเ
เสิ่นเสวียนเดิมทีจะยื่นมือเข้าไปห้ามนางด้วยสัญชาตญาณ แต่พริบตานี้จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ พวกเขาไม่รู้ว่าเสิ่นเชี่ยวเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาตอนนี้จึงยังไม่ควรไปแตะตัวนางตอนที่ความคิดนี้แล่นขึ้นมา ก็เข้าไปห้ามไม่ทันแล้วพวกเขาตอนนั่งขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนฟ้าหมุนเสิ่นเชี่ยวกุมหัว พิงไปที่หน้าอกของฟู่จิ้นเชินฟู่จิ้นเชินมือหนึ่งโอบนางไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งกำข้างเตียงแน่น พยายามแบกรับอาการมึนหัวนี้ไว้สุดชีวิต"หัวของพวกท่านยังมีแผลอยู่"เสิ่นเสวียนหันหน้าไปมอง ด้านนอกก็เห็นเซียวหลันยวนจูงฟู่จาวหนิงพุ่งเข้ามาด้วยวิชาตัวเบาและไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงร้อนรน หรือว่าเขาที่ร้อนรน"คุณ ข้าเหมือนนึกเรื่องดีดีออกเรื่องหนึ่ง จาวหนิง จาวหนิงน่ะ!"เสิ่นเชี่ยวอาการมึนงงยังไม่หายไป แต่ก็เงยหน้าขึ้นมองฟู่จิ้นเชินอย่างทนไม่ไหว น้ำตาอาบเต็มหน้า"คุณ ลูกสาวของพวกเรา นางยังอยู่ที่แคว้นเจา! ข้าจะกลับไป ข้าจะกลับไป..."นางพูดแล้วคิดจะเลิกผ้าห่มลงจากเตียงตอนที่ฟู่จาวหนิงเข้ามาก็ได้ยินสองประโยคนี้เข้าพอดี นางสีหน้าชะงักไปเซียวหลันยวนเองก็ได้ยิน เขาปล่อยมือ จ้องมองนางดูท่าวิชาแพทย์ของนางจะยอดเยี่ยมมากจริง
เสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนเองก็มองฟู่จาวหนิงจังหวะนี้ สายตาคนทั้งหมดในห้องล้วนไปรวมอยู่บนตัวของนางเซียวหลันยวนคิถึงสิ่งที่เขาตรวจสอบมาก่อนหน้านี้ ชีวิตที่ฟู่จาวหนิงเผชิญมาก่อนอายุสิบหกปีเขาคิดถึงภาพที่นางไล่ตามก้นเซียวเหยียนจิ่งอยู่ด้านหลัง ทอดทิ้งเกียรติและความสงบเสงี่ยมของหญิงสาวคนหนึ่ง คิดแต่จะเอาใจเซียวเหยียนจิ่ง คิดแค่จะให้เซียวเหยียนจิ่งรับนางไปแต่งด้วย เพื่อให้ท่านปู่วางใจเขาคิดถึงตอนที่นางไปขุดยาสมุนไพร ผลคือถูกคนหัวเราะเย้ยหยัน บอกว่าที่นางขุดมาคือผักป่า คือหญ้าวัชพืช บอกว่านางไม่มีความรู้ หน้าด้าน ชอบทำให้คนอื่นรำคาญ ไม่รู้อะไรเลยน่าขบขันบอกว่านางเป็นพวกบ้านนอกที่ตกอับ ญาติมิตรในบ้านตระกูลฟู่พวกนั้นก็ยังรังแกบีบคั้นนางสารพัด บีบให้นางกับปู่ของนางไปอยู่ในเรือนโทรมเล็กๆ หลังหนึ่งนางไม่มีพ่อแม่คอยดูแลทนุถนอม แล้วยังต้องดูแลท่านปู่ที่ป่วยหนักอีก สุดท้ายจึงต้องมาหาทางออกด้วยการวิ่งโร่หาคู่ครองสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้เรื่องพวกนี้ไหม?ความทรมานสิบกว่าปี ลูกสาวของพวกเขาก็ทนรับมาได้แล้ว พวกเขารู้บ้างไหม?ตอนแรกสุดที่พบกัน เขาเห็นว่าฟู่จาวหนิง ผอมจนแค่ลมก็ยังพัดจนล้มได้
ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้
สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน
เสียงโครมดังขึ้น เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าเลือดถูกต้มจนเดือดปุดขึ้นมาถึงกระหม่อม"ฟู่!จาว!หนิง!"เขากัดฟันเอ่ยชื่อฟู่จาวหนิงออกมาทีละคำๆนางกล้าดีอย่างไร จึงกล้ามาหยามหมิ่นเขาเช่นนี้?ชาวบ้านรอบๆ ก็ล้วนตาโตพูดไม่ออกกันหมด จากนั้นจึงมองพวกเขาทั้งสองและพยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่คุณหนูฟู่พูดออกมานั้นถูกต้องเซียวเหยียนจิ่งจ้องนางอย่างเกลียดชัง "ฟู่จาวหนิง เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน! ข้าตอนนี้จะคอยดู ว่าเจ้าจะไสหัวกลับไปอย่างไร! เจ้าอย่าลืมว่าปู่ของเจ้า ตอนนี้เขาก็เหมือนจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้วสินะ เจ้าเชื่อไหมว่าพอเจ้าเหยียบเข้าประตูจวนไปและเขารู้ว่าเจ้าถูกถอนหมั้น เขาคงขาดใจตายทันทีแน่?"ฟู่จาวหนิงจ้องเขาตาลุกโชนเซียวเหยียนจิ่งเจ้าผู้ชายขยะ ป่านนี้แล้วยังจะมาคุกคามนางอีก!แต่ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ผิดเลย ผู้เฒ่าฟู่เวลานี้คงทนรับเรื่องแรงๆ ไม่ไหวเซียวเหยียนจิ่งพอเห็นนางไม่โต้กลับ ก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา "แล้วก็ที่เจ้าหยามหมิ่นรัชทายาทอย่างข้าวันนี้ ข้าจดจำไว้หมดแล้ว เจ้าอย่าได้หวังว่าจะหาสามีได้อีก"เขาจะคอยดูว่าตระกูลไหนจะก
"จวนอ๋องเซียว?"ชายหนุ่มในรถม้าพอลิ้มรสสามคำนี้ น้ำเสียงก็เปลี่ยนทันควัน "ไสหัวไปไกลๆ"เซียวเหยียนจิ่งตะลึงงันด้วยโทสะ รู้ถึงตัวตนฐานะเขาแล้ว แต่กลับยังไล่ให้เขาไสหัวไป?"ไม่ได้ยินที่ท่านอ๋องพูดหรือ?" ทหารตบลงที่หัวม้า ม้างามก็ยกเท้าหน้าขึ้นทันที ถีบพัดเซียวเหยียนจิ่งออกไปอย่างแรง"อ๊า!"เซียวเหยียนจิ่งถูกม้าถีบจนปลิว ตกกระแทกลงไปที่หน้าหลี่จื่อเหยาพอดี นางรีบร้อนเข้าไปประคองตัวเขา "พี่เซียว!"นางกระโจนตัวขึ้น ถลึงตาไปทางรถม้าด้วยความโกรธ "อ๋องเจวี้ยนอะไรกัน! คุณหนูอย่างข้าไม่เห็นจะเคยได้ยิน ขนาดพี่ชายองค์รัชทายาทก็ยังรักข้ายอมให้ข้ามาตลอด แล้วเจ้าสูงส่งกว่าท่านพี่องค์รัชทายาทหรือ? ข้าจะบอกเจ้านะ บิดาข้าคือหมอเทวดาหลี่!"ทหารที่เดิมทีชักกระบี่ออกมาแล้วพอได้ยินคำว่าหมอเทวดาหลี่ ท่าทางก็หยุดลงทันที เขาหันหน้าไปมองฟู่จาวหนิง ลังเลขึ้นมา"อ๋องเจวี้ยนจะเสียเวลาอีกไม่ได้ โทษของเจ้าคนโง่ที่ไม่เคารพต่อท่านอ๋อง ข้าจะสั่งสอนนางแทนท่านอ๋องเอง"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม กระชากกระบี่ของทหารออกมา สาวเท้าขึ้นหน้าไปทางหลี่จื่อเหยา ชูกระบี่ แสงเย็นวาบ เสียงแควกดังขึ้น หลี่จื่อเหยารู้สึกหน้าอ
แม่เฒ่าประคองมือของนาง ตื่นเต้นจนเสียงสั่นพร่าไปหมด"พระชายา ท่านเดินดีดีหน่อยสิ ไอ๊หยาท่านดูสิ พรมแดงก็ปูมาอยู่หน้าเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว ที่ประตูยังมีขบวนสาวรับใช้อยู่อีก แต่งกันด้วยเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม นั่นสิเรียกว่าความสุข!""แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเวลาเพียงแค่นี้ จวนอ๋องเจวี้ยนก็จัดการไว้หมดแล้ว"ฟู่จาวหนิงถูกประคองเข้าประตู และได้ยินเสียงตื่นเต้นของแม่เฒ่าพูดกับนางมาตลอดทาง ในใจก็ประหลาดใจอย่างมากเช่นกันหลังจากที่อ๋องเจวี้ยนรับปากจะแต่งงานบนถนน ระหว่างทางพวกเขาคงจะสั่งคนให้รีบกลับไปถ่ายทอดคำสั่งที่จวนอ๋องอย่างแน่นอน จากนั้นจึงจัดการตระเตรียมขึ้นมาให้ตายเถอะ นางประเมินอ๋องเจวี้ยนคนนี้ต่ำไปใช่ไหมนะกอดความสงสัยนี้ ฟู่จาวหนิงถูกประคองมาถึงโถงรับแขกกลางสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง จากนั้นมีสาวใช้สองคนเดินเข้ามารับช่วงต่อจากยายเฒ่าผู้ดูแลพิธีการ"ข้าน้อยเฝิ่นซิงคารวะพระชายา""ข้าน้อยหงจั๋วคารวะพระชายา"เสียงหญิงสาวทั้งสองใสกังวาน หลังจากคารวะต่อฟู่จาวหนิงแล้วจึงอธิบายสถานการณ์กับนาง"พระชายา เวลานี้โถงพิธีการกับห้องหอกำลังจัดเตรียม ท่านอ๋องต้องไปเปลี่ยนชุดมงคล ข่าวการแต่งงานต้องเข้าวังเพื