"พวกเขาคือสาวกลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""พวกเขาไม่ใช่ พวกเราแค่ไปที่นั่นจับจิ้งหรีด บอกว่าจิ้งหรีดที่จับจากที่นั่นล้วนดุร้ายเป็นพิเศษ! ตอนที่พวกเขาไปจับจิ้งหรีดไปเจอกับพวกสาวกเทพทำลายล้างเปิดแท่นบูชาพอดี ได้ยินพวกเขาบอกว่าคนพวกนั้นคือลัทธิเทพทำลายล้าง พวกเขาตกอกตกใจ รีบวิ่งฉี่เล็ดหนีออกมา บอกว่าจะไม่ไปจับจิ้งหรีดที่นั่นอีกแล้ว"ฟู่จาวหนิงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมานางเห็นว่าเหอเซี่ยนอันไม่เหมือนโกหกเลยแม้แต่น้อย"แล้วพวกเจ้าก็เลยไปกันจริงๆ หรือ?""คิดจะไปน่ะ แต่หาสถานที่ยังไม่ทันเจอ ข้าก็ล้มลงมานี่อย่างไร? จากนั้นพวกเขาจู่ๆ ก็หวาดกลัว ถอยหนีไปกันหมด"เหอเซี่ยนอันพูดถึงจุดนี้ก็ถอนหายใจ "หลังจากกลับมาข้าก็ป่วย หลังจากป่วยขาก็เดินไม่ได้แล้ว งานใหญ่ของพวกเราจึงเป็นหมันไป ช่วงนี้พวกพี่น้องของข้าก็ไม่มาหาข้าเลย ก่อนหน้านี้พวกเขายังบอกว่า รอให้ขาข้าหายไม่ไหวแล้ว พวกเขาไปกันเองก่อน นี่มันไม่ยุติธรรมเลย นี่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาไปกันแล้วหรือยัง...""อันเอ๋อร์!"ผิงเหอกงจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาฟู่จาวหนิงเห็นสีหน้าเขา ก็รู้สึกว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว"ตกใจหมด!" เหอเซี่ยนอันถลึงตาใส่บิดา"เจ้า เจ้ารีบพ
เหอเซี่ยนอันถ้าไม่ใช่เพราะขาเจ็บ เขาคงเดินบนเส้นทางพวกเด็กเจ้าสำราญในเมืองหลวงจักรพรรดิไปไกลแล้วก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกลัวพ่อของเขา ด่าหนึ่งคำเถียงสิบคำอะไรแบบนั้นเลยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินมาแต่ไหนแต่ไรแต่ว่าตอนนี้พอถูกพ่อตวาดเสียงดังเช่นนี้ เขาก็สั่นเทิ้มขึ้นมาทั้งตัว"ข้าไม่รู้ ข้าบอกกับพวกเขาว่าอย่าเพิ่งไปกันเลย..."วันนั้นพวกเขาแอบดอดเข้ามาหาเขา เพื่อมาบอกเขาว่า พวกเขาจะเข้าไปดูในภูเขานั่นอีกครั้งเหอเซี่ยนอันตอนนั้นก็โพล่งออกมาคำหนึ่ง ว่าอย่าเพิ่งไป รอให้ขาดีขึ้นก่อนแล้วพวกเราค่อยไปด้วยกัน"พวกเขาบอกว่ารอข้าไม่ไหว บอกว่าขาของข้าจะไม่มีทางดีขึ้นมา ได้ยินพ่อแม่ของพวกเขาคุยกัน บอกว่าขาของข้าไม่มีหมอคนไหนรักษาได้ ชาตินี้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว ให้พวกเขาไม่ต้องมาเล่นกับข้าอีก"เหอเซี่ยนอันพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย "หลังจากข้าได้ยินข้าก็โกรธมาก และเสียใจมาก ข้าไล่พวกเขาออกไป ข้าให้พวกเขาไสหัวไปให้หมด บอกว่าข้าไม่สนใจหรอกที่พวกเขามาหาข้า ไม่สนใจว่าพี่น้องอย่างพวกเขา โฮ! ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรสาปแช่งพวกเขา จนทำให้พวกเขาตายกันหมด?""เจ้าลูกชั่ว!"ผิงเหอกงทนไม่ไหวขึ้นมา โบกมือจะตีไปทางเข
ผิงเหอกงเองก็รีบตะโกนขึ้นมา "เตรียมม้า! เร็ว!"เพียงครู่เดียว ม้าเร็วก็พุ่งทะยาน พุ่งตรงไปยังบ้านตระกูลหลิวเสนาบดีสรรพากรผิงเหอกงชี้ทาง แต่เขาก็ตามความเร็วฟู่จาวหนิงไม่ทัน ทำได้แค่ตามติดอยู่ด้านหลังก่อนออกมาเขาให้คุณหนูรองเหอเรียกคนไปอีกบ้านหนึ่ง แจ้งไปยังบ้านของรองผู้บัญชาการหลินนายท่านหลิวเสนาบดีสรรพากรถือเป็นขุนนางใหม่ที่เพิ่งเลื่อนขั้นขึ้นมาปีนี้ ก่อนหน้าเขา เสนาบดีสรรพากรคนก่อนถูกเขาปลดออกไปเดิมทีตระกูลหลิวกำลังรุ่งเรืองอยู่ คิดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยหลิวจะมาเกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้ทั้งจวนหลิวล้วนปกคลุมด้วยความโศกเศร้าเหล่าคนใช้เริ่มตระเตรียมโคมไฟผ้าขาวกันเงียบๆ ภายใต้การจัดวางของผู้ดูแลแล้วฮูหยินอาวุโสหลิวไม่ชอบความอึกทึก ช่วงเทศกาลอวยพรสารทฤดูนี้จึงเลี่ยงออกจากเมืองหลวง ไปพักผ่อนที่บ้านสวนภายนอกนางรักเอ็นดูหลานคนนี้มากที่สุด ดังนั้นตอนนี้บ้านตระกูลหลิวจึงคิดจะรอฮูหยินอาวุโสหลิวรีบกลับมาจากด้านนอก เพื่อมาดูหน้าหลานเป็นครั้งสุดท้ายคุณชายน้อยหลิวเกาไหลตอนนี้นอนอยู่บนเตียง หน้าขาวซีดเหมือนกระดาษอันที่จริง คนทั้งหมดล้วนคิดมองว่าเขาตายไปแล้ว แม้ว่าหมอจะส่ายหัวถอนหายใจ บอกว
"เจ้ามาหาเรื่องที่นี่ใช่ไหม!"คนเฝ้าประตูของจวนหลิวพอได้ยินคำพูดฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีรู้ทั้งรู้ว่าคุณชายบ้านพวกเขาแทบจะไม่มีลมหายใจอยู่แล้ว นี่ยังมาบอกว่าตนเองเป็นหมออีกขนาดหมอยังถอนใจส่ายหัวให้พวกเราเตรียมพิธีหลังจากนี้ และเดินออกไปแล้ว"คุณชาย..."ตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังลอดมารางๆ จากด้านในนายท่านหลิวคนนี้เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา ยังไม่ทันได้ย้ายบ้านใหม่ บ้านตระกุลหลิวค่อนข้างเล็ก พอลมพัดมาจากทางนั้น จึงนำการเคลื่อนไหวรางๆ ส่งมาด้วยฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี ไม่หยุดเท้า บุกเข้าไปด้านในทันที"นี่!"คนเฝ้าประตูคิดจะห้าม แต่สืออีกับสือซานก็ดึงเขาเอาไว้"ผิงเหอกงจะมาถึงเดี๋ยวนี้แล้ว!"พูดจบพวกเขาเองก็รีบสาวเท้าตามฟู่จาวหนิงเข้าไปพระชายาของพวกเขาจะช่วยคน พวกเขาต้องคอยคุ้มกันแน่นอน ช่วยเปิดทางให้พวกคนใช้ที่จะเข้ามาขวางฟู่จาวหนิง ล้วนถูกสืออีสือซานผลักออกไป ฟู่จาวหนิงพุ่งตามเสียงเข้าไปผิงเหอกงตอนนี้เพิ่งควบม้ามาถึง หายใจหอบหนัก เขาไล่ตามมาจนแทบหายใจหายคอไม่ทันคิดไม่ถึงว่าทักษะขี่ม้าของหมอเทวดาฟู่จะร้ายกาจขนาดนี้!"อย่า อย่าขวางนาง! หมอ หมอเ
นายท่านหลิวมองผิงเหอกงที่เหงื่อแตกเต็มหัว รู้สึกว่าสมองตนเองใช้การไม่ไหวแล้ว"นางคือหมอเทวดาฟู่ ลูกชายท่านยังมีลมหายใจอยู่ไหม? ให้หมอเทวดาฟู่ลองรักษาดู บางทีอาจจะช่วยเขากลับมาได้!"ผิงเหอกงในที่สุดก็พูดเป็นประโยคได้ ตอนนี้จึงเพิ่งได้พักหายใจหายคอ"ท่านมาแทงมีดกรีดลงที่ใจข้าอีกครั้งใช่ไหม!"นายท่านหลิวปิดหน้าร้องไห้ "เกาหลินลูกข้าตัวเย็นไปแล้ว จะมีลมหายใจอีกได้อย่างไร..."ผิงเหอกงตกตะลึง มองฟู่จาวหนิงทันทีและชั่วพริบตานี้ ฟู่จาวหนิงก็จัดการเลิกเสื้อคุณชายน้อยหลิวออกและฝังเข็มไปนับสิบเข็มแล้วเรียบร้อยการเคลื่อนไหวนี้มัน...รวดเร็วเหลือเกิน!ฟู่จาวหนิงไม่เงยหน้า ท่าทางการลงเข็มก็ไม่หยุดแต่เสียงนั้นมั่นคงมาก"ยังไม่ตาย ข้ากำลังช่วยอย่างสุดกำลัง""ยัง ยังไม่ตาย?"นายท่านหลิวได้ยินประโยคนี้อย่างชัดเจน รีบร้อนปีนตัวขึ้นมา ใช้แขนเสื้อออกแรงเช็ดตา จ้องเขม็งที่ฟู่จาวหนิง"ยังไม่ตาย พวกเข้าถอยออกไปก่อน ที่นี้ห้ามเหลือคนแม้แต่คนเดียว ข้อต้องใช้วิชาลับเฉพาะเพื่อช่วยชีวิต"ฟู่จาวหนิงยังคงไม่เงยหน้าขึ้น หลังจากแทงเข็มลงไปแล้วนางต้องใช้การทุบหน้าอกเพื่อช่วยชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องฉี
ฟู่จาวหนิงไม่สนว่านายท่านหลิวตอนนี้จะคิดอะไรก่อนที่นางจะมาให้เสี่ยวชิ่นกลับไปส่งคำพูดแล้วเรื่องของเด็กพวกนี้ เป็นไปได้มากว่าเกี่ยวข้องกับลัทธิเทพทำลายล้าง ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นการเคลื่อนไหวของลัทธิเทพทำลายล้างครั้งนี้จึงไม่เล็กเลย เป็นไปได้มากว่าเด็กเหล่านี้ไปเห็นอะไรเข้าดังนั้น จะต้องแจ้งให้เสิ่นเสวียนรู้ ให้พวกเขาเตรียมตัวป้องกันเซียวหลันยวนเองก็ต้องรู้ด้วยเสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนพอได้ยินคำพูดของเสี่ยวชิ่น ก็สบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนออกคำสั่งไปทันที ให้เตรียมการป้องกัน และรีบไปตรวจสอบให้ชัดเจนลัทธิเทพทำลายล้างมีความแค้นกับพวกเขาพวกเขาคิดจะร่วมแรงกันขุดรากถอนโคน"ท่านอ๋อง ท่านจะไปไหนหรือ? พระชายาให้ท่านพักผ่อนดีดี" ชิงอีพอเห็นเซียวหลันยวนเปลี่ยนเสื้อผ้า และยังสวมหน้ากากเข้าไปอีก ใจจึงสั่นกึกขึ้นมา"ข้าไม่ได้ไปจัดการเอง แต่ตอนนี้จำเป็นต้องอยู่ข้างกายจาวหนิง"เซียวหลันยวนเป็นห่วงฟู่จาวหนิงในเมื่อเด็กพวกนั้นเป็นไปได้ว่าถูกคนของลัทธิเทพทำลายล้างสังหาร เช่นนั้นคนของลัทธิเทพทำลายล้างก็อาจจะจับจ้องครอบครัวเหล่านี้อยุ่ คอยสังเกตเด็กพวกนี้ว่าตายไปแล้วหรือยังฟู่จ
ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้
สมองจาวหนิงผุดภาพร่างกายที่อ่อนแอของผู้เฒ่าฟู่ขึ้นมาฟู่จาวหนิงกับรัชทายาทเซียวเดิมทีมีการหมั้นหมายอยู่ สุขภาพผู้เฒ่าฟู่เองก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสามารถเห็นหลานสาวแต่งเข้าจวนตระกูลเซียวได้อย่างราบรื่น ได้มีที่พึ่งพิงในภายภาคหน้า แต่ตระกูลเซียวก็ไม่ยอมเอ่ยเรื่องงานมงคลเสียทีช่วงนี้อาการป่วยของผุ้เฒ่าฟู่ก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เขาเป็นลมหมดสติอยู่บ่อยครั้ง พอตื่นขึ้นมาก็จะคว้ามือของนางและกังวลเรื่องงานแต่ง ฟู่จาวหนิงก็ร้อนรน ดังนั้นแต่ละวันจึงเอาแต่เซ้าซี้รัชทายาทเซียว หลังถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง นางจึงหยิบยกเอาคุณงามความดีที่บิดามารดาของนางเคยช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ออกมาให้องค์จักรพรรดิประทานจัดงานแต่งงานให้รัชทายาทเซียวก็ถูกบีบจนต้องจำใจยอมรับการแต่งงานกับฟู่จาวหนิงเซียวเหยียนจิ่งเองก็เป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงจริงๆ คิ้วกระบี่ดวงตาดอกท้อ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเชิด รูปหน้ายอดเยี่ยม ร่างสูงโปร่ง เสื้อคลุมสักหลาดพอดีตัวดูสูงส่ง ขับเน้นร่างของเขาออกมาจนตัวดูเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขเสียอย่างนั้นไม่แปลกที่หลี่จื่อเหยาหลงใหลเขามาตลอดพอคิดถึงสถาน