องค์จักรพรรดิเห็นท่าทีของนาง ความคิดในใจก็เลือนหายไปฝูอวิ้นอยากแต่งงาน อยากเป็นแม่คนเขาเองก็ไม่รู้ว่านางทำไมจึงมีทิฐิขนาดนี้ คอยอยู่แต่ในวังไปทั้งชีวิตมันไม่ดีหรอกหรือ?ถ้าเผ่านางแต่งงานกับคนอื่นไป ไปมีทายาทให้กับผู้อื่น แล้วโชคลาภถูกทำให้เบาบางลงล่ะ ถ้าถูกแบ่งออกไปจะทำอย่างไรกัน?แต่ว่าเขาเองก็ไม่สามารถคันค้านอย่างขึงขังได้ เขาไม่มีทางทำลายความรู้สึกระหว่างพี่น้องของพวกเขาแน่ จะให้ฝูอวิ้นเกิดความไม่ลงรอยกับเขาแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ถ้านางไม่ยอมอวยพรให้อย่างเต็มร้อยแล้วจะทำอย่างไรกัน?ดังนั้น เรื่องการขัดขวางการแต่งงานของนาง ยังต้องวางแผนให้ละเอียดอีก"ในคลังส่วนตัวของข้า มีผ้าไหมงามจันทร์พิสุทธิ์ที่สะสมไว้อยู่สองสามม้วน อีกเดี๋ยวให้คนไปนำออกมาแล้วตัดชุดกระโปรงให้เจ้าก็แล้วกัน ผ้าไหมงามจันทร์พิสุทธิ์ทั้งแผ่นดินเหลืออยู่แค่ไม่กี่ม้วนนี้แล้วเท่านั้น เป็นผ้าไหมที่ล้ำค่ามาก สูงสง่ามาก ข้าจะให้เจ้ากลายเป็นแม่นางที่งดงามที่สุดในฟ้าดินนี้ ใครก็เทียบเจ้าไม่ได้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นดวงตาเปล่งประกายเล็กน้อย ดูท่าทางชอบใจมาก"ขอบคุณองค์จักรพรรดิ""ขอบคุณอะไรกัน ฝูอวิ้น เจ้าต
"ช่วยกลับมาได้แล้ว จัดคนเฝ้าเขาไว้ก็พอ อย่าเพิ่งขยับตัวเขา มีเรื่องอะไรตะโกนเรียกข้า"ฟู่จาวหนิงพูดประโยคนี้เสร็จก็ปิดประตูทันที"หมอเทวดาฟู่ ท่านต้องช่วยต๋าเอ๋อร์ของพวกเราให้ได้นะ!"พวกของฮูหยินหลินใหญ่ทั้งสองคนล้วนคุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น เหล่าสาวใช้ประคองขึ้นมาไม่ได้พวกนางตอนนี้ร่างกายอ่อนไปหมด"ลูกชายข้าช่วยกลับมาได้แล้วจริงหรือ? อ๊า!"นายท่านหลิวไม่สนใจพวกเขาอีก หลังจากได้ยินประโยคนี้ของฟู่จาวหนิงก็ร้องอ๊าพุ่งไปยังห้องของลูกชายทันทีคนรับใช้เองก็ร้องไห้วิ่งตามไปพวกเขาตรงไปข้างเตียง แค่เหลือบมองก็เห็นสีหน้าของหลิวเกาไหลแล้ว"นายท่าน สีหน้าของคุณชายมีสีเลือดแล้ว?" คนรับใช้ถามเสียงสั่นนายท่านหลิวไม่ตอบ ยื่นนิ้วอันสั่นเทาออกไปวัดลมหายใจของลูกชายก่อนหน้านี้วัดลมหายใจของหลิวเกาไหลไม่ได้เลย แม้เขาจะไม่อาจยอมรับความจริงนี้ แต่ตอนที่ผู้ดูแลเขามาถามว่าต้องเตรียมจัดงานศพเลยไหม เขาก็ทำได้แค่พยักหน้าทั้งน้ำตาทั้งจวนหลิวล้วนเตรียมจะจัดงานศพให้กับหลิวเกาไหลแล้วแต่ว่าตอนนี้...ลมหายใจอุ่นร้อน รดลงมาบนนิ้วของนายท่านหลิวนิ้วของนายท่านหลิวสั่นอย่างรุนแรง แต่ก็ยังไม่กล้าจะเชื่อ
"ลูกข้า ลูกชายข้าเขารอดกลับมาแล้ว!" นายท่านหลิวพุ่งออกมาจากในห้อง แทบจะโถมเข้าไปบนตัวผิงเหอกงผิงเหอกงรีบประคองตัวเขา"นายท่านหลิวอย่าเพิ่งตื่นเต้น"อายุตั้งขนาดนี้แล้ว เมื่อครู่คิดจะกระโดดเข้ามาบนตัวเขาอีก ทำเอากระดูกกระเดี้ยวเขากรีดร้องเลยทีเดียว"นายท่านหลิว เกาไหลของบ้านท่านรอดชีวิตแล้วจริงหรือ?" แม่สามีลูกสะใภ้ตระกูลหลินจ้องเขาตาแป๋ว"จริงสิ จริงสิ! ก่อนหน้านนี้ข้าจะให้ผู้ดูแลเอาโคมขาวไปแขวนแล้วด้วยซ้ำ เพราะลูกของข้าเหมือนไม่มีลมหายใจไปแล้ว"นายท่านหลิวปาดน้ำตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นความตื่นเต้นแทน "ทว่าตอนนี้เขามีลมหายใจขึ้นแล้วจริงๆ มีชีวิตกลับมาแล้วจริงๆ ถึงแม้จะยังไม่ตื่น แต่ว่าข้าเมื่อครู่เพิ่งเห็นหน้าอกเขาพองยุบขึ้นมาแล้ว เขารอดแล้ว!""อามิตตาพุท พระเจ้าคุ้มครองแล้วจริงๆ"ฮูหยินหลินใหญ่กราบไหว้ไปบนฟ้า น้ำตาร่วงผล็อย มองไปทางประตูห้องข้างที่ปิดสนิทนายท่านหลิวเองก็มองไป"หมอเทวดาฟู่จะต้องช่วยหลินต๋ากลับมาได้แน่!"ลูกชายของพวกเขาตอนสามสี่ขวบมักจะมาเล่นอยู่ด้วยกัน ดังนั้นนายท่านเหล่านี้จึงค่อนข้างสนิทกันตอนนี้นายท่านหลิวเองก็หวังว่าหลินต๋าจะรอดกลับมาฟู่จาวหนิงไม
นี่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ตอนที่พิษคงค้างยังไม่ถูกกำจัด ถ้าเขามารอข้างนอกครึ่งชั่วยามในอากาศเช่นนี้คงกลายเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งไปแล้ว ต่อให้กระตุ้นกำลังภายในก็แทบไม่มีประโยชน์แต่ก่อนเขาล้วนระวังสิ่งเหล่านี้ คอยเฝ้ารออยู่ด้านนอกไม่ได้นานนักทว่าตอนนี้เขากระทั่งไม่รู้สึกหนาวด้วยซ้ำ เพราะกำลังภายในที่ลึกล้ำแสดงบทบาทออกมาได้เต็มที่เซียวหลันยวนในที่สุดก็รู้สึกถึงประโยชน์ตอนที่มือของตนเองยังอบอุ่นได้ในช่วงเวลาที่หนาวเย็นเสียที"นายท่าน ข้าทำไมถึงไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวอะไรเลย? พระชายารักษาคุณชายตระกูลหลินอย่างไรกันแน่?"ชิงอีเองก็อดทนมาหนึ่งชั่วยามแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่เขาไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวยังคิดว่าฟู่จาวหนิงอาจจะกำลังฝังเข็มมือของนางเบามาก ตอนที่ตั้งสมาธิกลิ่นอายอาจจะเบาบาง ด้วยกำลังภายในของเขาจะไม่ได้ยินก็ไม่แปลกแต่นี่ก็ผ่านไปนานแล้ว ในห้องกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย นี่มันแปลกมากแต่ว่า ชิงอีเองก็แค่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่าฟู่จาวหนิงช่วยชีวิตคนอย่างไรกัน"เจ้าอยากจะเรียนวิชาแพทย์หรือ?"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขา"อ๋า ไม่ใช่ขอรับ" เขามีพรสวรรค์นั้นที่ไหน"ในเมื่อไม่คิดจะเรียนว
"ระวังหลบเร็ว มีมือสังหาร!"สืออีกระดจนขึ้นยอดหลังคาก่อน แต่เขายังไม่ทันยืนมั่นคง ปราณกระบี่ที่เฉียบคมสายหนึ่งก็พุ่งมาตรงหน้าอกเขาเฉียบคมมิอาจต้าน!สืออีหน้าเปลี่ยนสี เบี่ยงตัวหลบอย่างหวุดหวิด ชิ้นผ้าที่หน้าอกถูกถากออกไปกระบี่ของอีกฝ่ายเป็นกระบี่ล้ำค่าหายาก!เขายังไม่ทันเห็นคนที่ลอบโจมตี ก็เห็นอีกสองคนอีกสองคนกำลังยืนอยู่ยอดหลังคา ขณะเดียวกันก็กระทืบเท้าอย่างรุนแรง ย่ำจนกระเบื้องแตกถ้าหากให้พวกเขาเข้าไปในห้อง พระชายาจะมีอันตราย!ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พระชายากำลังรักษาคนป่วยยังไม่ออกมา ถ้าหากถูกผลกระทบเข้าล่ะ...สืออีพุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจชีวิตตนเองและตอนนี้ ใบไม้กำหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศเข้ามา ซัดไปที่ขาของคนสองคนที่ยกขึ้นกำลังจะเหยียบลงไปพวกเขาเบี่ยงร่าง กลิ้งอยู่บนหลังคาเซียวหลันยวนกับชิงอีกระโจนลงจากต้นไม้สืออีลิงโลด ท่านอ๋องอยู่ด้วยหรือ?"ลงไปคุ้มกัน"เซียวหลันยวนพูดกับเขาคำหนึ่ง ในมือมีใบไม้เหลืองอีกกำ ซัดใส่คนกลุ่มนั้นอีกครั้ง"ขอรับ!"สืออีกกระโจนลงไปอย่างรวดเร็ซ"ใครก็ได้ ใครก็ได้!"นายท่านหลิวรีบร้องหาคนคุ้มครองเรือนเหล่าสาวใช้ประคองแม่สามีลูกสะใภ้ตระกุลหลิ
เสียงดัง "ปึง"ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวด้านนอกแต่เมื่อครู่นางกำลังเย็บแผลให้หลินต๋า จะหยุดกลางคันไม่ได้ตอนนี้ในที่สุดก็ทำขั้นตอนสุดท้ายเสร็จ นางจึงส่งหลินต๋าออกมาจากในมิติ วางไว้บนเตียงบนหลังคามีกระเบื้องหล่นลงมา แตกบนพื้น กระจัดกระจาย"สืออีสือซาน!"ฟู่จาวหนิงกำมีดผ่าตัดไว้ในมือ ยืนอยู่ข้างเตียงคอยคุ้มกันนางใช้เวลาไปหลายชั่วโมงกว่าจะช่วยชีวิตหลินต๋ากลับมาได้ ตอนนี้ไม่มีทางให้คนอื่นเข้ามากวนเด็ดขาด"คุณหนู ไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องออกมา"สืออีกับสือซานกุมกระบี่คุ้มครองอยู่ที่ประตู คอยจับตาการเคลื่อนไหวด้านบนไว้เสียงเคร้งคร้างปะทะกัน รวดเร็วราวห่าฝนแต่ว่าเสียงปึงเมื่อครู่ดังอยู่ด้านนอกเรือนคนคุ้มครองเรือนจวนหลิววิ่งเข้ามาแล้ว แต่พอเห็นการต่อสู้บนหลังคา แสงกระบี่เงาตกค้าง รวดเร็วจนพวกเขามองไม่ชัด"นี่ นี่มันยอดฝีมือจากที่ไหนกัน?""ไม่ใช่คนที่พวกเราจะรับมือไหวเลย!"คนคุ้มครองเรือนหน้าเปลี่ยนสีกันแล้วพวกเขาเป็นกังฟูอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ยอดฝีมือบู๊ลิ้ม วิทยายุทธ์เช่นนี้สูงส่งกว่าพวกเขาอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่ามีมือสังหารอยู่มากเท่าไร พวกเขาเข้าไปคงได้ตายเปล่า
เสียงกรีดร้องดังขึ้น หมอกเลือดสาดกระเซ็นประตูใหญ่เปิดออก ฮูหยินหลินด้านนอกมองเห็นฉากนี้พอดี"ต๋าเอ๋อร์!"นางร้องเสียงแหลม ตกใจเลือดแทบไหลย้อนกลับ นี่มีคนลอบเข้ามาเลยหรือแต่ว่า ตอนที่นางกรีดร้องก็เห็นมีดผ่าตัดของฟู่จาวหนิงปาดเข้าไปที่คอหอยของคนคุ้มครองเรือนคนนั้นพอดีพอเห็นเลือดสาดอยู่บนเตียง แดงฉานจนแทบจะแผดเผาดวงตาอย่างไรอย่างนั้น"หมอ หมอเทวดาฟู่..."นายท่านหลิวเองก็เห็นฉากนี้เขาคิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะสังหารคน!คนคุ้มครองเรือนคนนั้นถลึงตาโต สองมือกุมคอหอยของตนเอง แต่ว่าก็หยุดเลือดที่สาดกระเซ็นนั่นออกมาไม่ได้เขาล้มลงไปโดยตายังไม่หลับแฝงตัวอยุ่ในจวนหลิวครึ่งปี ก่าจะมีภารกิจที่ได้ใช้ตัวเขา พอลงมือครั้งแรกก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตเสียแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้นยังตายด้วยน้ำมือของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเช่นนี้อีก!"พระชายา!" สืออีกพุ่งเข้ามา เท้าข้างหนึ่งก็ถีบคนปลิวออกไปแม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว แต่ก็จะให้มาโดนตัวพระชายาไม่ได้แม้แต่น้อย"ไม่เป็นไร คุ้มกันต่อไป"ฟู่จาวหนิงกำมีดผ่าตัดไว้ สีหน้าไม่เปลี่ยนตอนนี้เอง เซียวหลันยวนบนหลังคาก็ฟาดฝ่ามือไปที่หัวใจคนชุดดำนั่น เสียงดังตูม สะเ
คุณชายที่ประกบติดตัวคุ้มครององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน สายตาเหยียดๆเซียวหลันยวนถ้าไม่ใช่เพราะใส่หน้ากากอยู่ จะต้องเคืองใส่ผิงเหอกงแน่"ก็แค่เข้าช่วยเหลือเพราะไม่ยุติธรรมแค่นั้น มาพูดอะไรประกบติดตัวคุ้มครอง? ผิงเหอกงแก่แล้วตาอาจจะฝ้าฟาง ต้องระวังคำพูดหน่อยนะ"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า ทำให้ผิงเหอกงหน้าดำไปแล้ว"ท่านนี่ ไร้มารยาทเสียจริง!"เขาสะบัดชายเสื้อ เดิมทียังคิดจะขอบคุณอีกฝ่ายดีดีอยู่ แต่ตอนนี้ไม่พูดแล้ว เฮอะ น่าโมโหเซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้ใส่ใจคำขอโทษเขาเขามองฟู่จาวหนิง เอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ "ตอนนั้นเจ้าเองก็อยู่ด้วย ข้าไม่ได้เข้าใกล้คนอื่นเสียหน่อย""ตอนนั้นข้าก็สนแต่ช่วยคนเลยไม่ได้มอง" ฟู่จาวหนิงจงใจเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง "ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้ทำผิด""พรวด"ฟู่จาวหนิงหัวเราะร่าออกมาอย่างทนไม่ไหวทางนั้น นายท่านหลิวเข้าห้องไปดูลูกชายตนเอง พอพบว่าในห้องยังไม่เป็นไร คนรับใช้ยังคองคุ้มกันอยู่ เขาก็ผ่อนลมโล่งจากนั้นรีบวิ่งออกมาหาฟู่จาวหนิง พอมาถึงก็เห็นฟู่จาวหนิงหัวเราะจนไหล่สั่น เขาเองก็งงงันไปหน่อยๆ"หมอเทวดาฟู่ มีอะไรทำไ
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้