ฟู่จาวหนิงแค่ถือโอกาสพูดขึ้นมาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะจับรายละเอียดนี้ได้เสิ่นเสวียนพอได้ยินเขาถามออกมา ก็เหมือนจับอะไรได้บางอย่าง"อายวน เจ้ากำลังสงสัยหรือ?""ฟังจากที่หนิงหนิงพูดมา เหอเซี่ยนอันอายุแม้จะยังน้อย แต่อันที่จริงความคิดเฉียบคมมาก ลางสังหรณ์ก็แม่นยำ น่าจะเพราะตัวเขาเองไม่ได้สนใจจุดนี้ของตนเอง แต่ก็ยังแสดงออกมา อย่างเช่นที่ตอนแรกเขารู้สึกว่าหนิงหนิงพิเศษ"ยิ่งไปกว่านั้น เพียงครู่เดียวก็ถูกฟู่จาวหนิงกล่อมไปเรียบร้อยหรือก็คือ ฟู่จาวหนิงจับทางนิสัยเด็กคนนี้ได้ แต่ถ้าหากเขาไม่มีข้อดีอยู่บ้าง ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดถึงเขาเมื่อครู่คงไม่ใช้น้ำเสียงทั้งโมโหทั้งขำแบบนั้นแล้วนางยังรู้สึกว่าเหอเซี่ยนอันยังพอไหวอยู่"อืม เป็นเช่นนั้นเลย""ดังนั้น เขาทำไมจึงพูดกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแบบนั้น?"บอกว่าตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยื่นมามาหาเขาทำสายตาผิดปกติพอเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ คนอื่นเองก็งงงันไปเช่นกัน ทยอยกันขบคิดขึ้นมา"เหอเซี่ยนอันไม่ชอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างได้ชัด กระทั่งไม่ยอมให้นางแตะตัวด้วยซ้ำ เขาน่าจะเคยได้ยินเรื่องโชคที่มหัศจรรย์ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ทำไ
"อืม เรื่องนี้อันที่จริงเป็นแผนการณ์ก่อนที่ข้าจเได้รักษาอาการป่วยน่ะ" เสิ่นเสวียนยิ้มขืน แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มขืนก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย "ตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่มีเวลากับกำลังวังชาเพียงพอ จึงคิดจะหยิบยืมพลัง แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไปแล้ว""เจ้าอารามเคยพูดไว้ ข้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีดวงชะตาพึ่งพากัน"เซียวหลันยวนไม่อยากปิดบังเสิ่นเสวียน จึงบอกกับเขาออกมาตามตรงเสิ่นเสวียนขมวดคิ้วเขายังไม่ทันพูด เซียวหลันยวนก็เสริมมาอีกคำ"ก่อนหน้านี้ข้าเองก็มีเป้าหมาย คือมีชีวิตต่อให้ยืนยาวอีกหน่อย ยืนบนตำแหน่งให้แคว้นเจาให้มั่นคง ดังนั้นตอนที่เจ้าอารามบอกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสามารช่วยทำให้ดวงชะตาของข้ามั่นคงได้ เข้าเองก็เคยคิด ว่าเพื่อจะให้ชีวิตยืนยาวอีกหน่อย การอยู่กับใครสักคนทำไมจะทำไม่ได้?"ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ชื่อเสียงดีงามขนาดนั้นด้วย"ตอนนั้น ข้ายังไม่ได้ชอบจาวหนิง แผนการต่างๆ มากมายสมัยก่อนที่เจอกับนาง หลังจากพบนางแล้วทั้งหมดก็พังลงและเปลี่ยนแปลงไป"เสิ่นเสวียนมองเขาตอนที่พูดว่าแผนการทั้งหมดของตนเองพังลงและเปลี่ยนแปลงไป สายตาของเซียวหลันยวนกระทั่งดูอบ
"ท่านลุง ก่อนหน้านี้ที่ข้าคิดถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ก็ไม่เคยเจอกับนางเลย แค่เอามาเป็นเงื่อนไขพิจารณาเท่านั้น ถ้าหากไม่มีจาวหนิง บางทีต่อให้แต่งงานเพื่อผลประโยชน์กันจริงๆ อย่างมากสุดก็แค่เคารพกันและกันเหมือนแขก คล้ายกับคำที่ประชาชนพูดกันประโยคนั้น อยู่กันแบบไม่มีความรัก""เจ้าเคยคิดเรื่องจะอยู่ด้วยกันแบบไม่มีความรักกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยหรือ?"เสิ่นเสวียนฟังประโยคนี้แล้วเสียดหูหน่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา สายตาที่เขามองเซียวหลันยวนเริ่มไม่สบอารมณ์แล้วเซียวหลันยวนชะงักไป"นี่ก็แค่สมมติ เป็นความคิดที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ก่อนที่จะได้มาเจอจาวหนิงเท่านั้น""หลังจากนี้แค่ความคิดก็ไม่ควรมี ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือไม่เป็นผู้ใหญ่ก็ตาม""ขอรับ แน่นอนว่าจะไม่มี"เซียวหลันยวนยังคิดว่าเสิ่นเสวียนจะพูดคุยเป็นกันเองระหว่างลูกผู้ชายกับเขา แต่ผลคือตอนนี้ เขายังยืนอยู่ในตำแหน่งลุงของจาวหนิงแล้วหันมาคุยกับเขาโชคดีที่ไม่มีความคิดอื่นใด"ไม่ปิดบังท่านลุง สำหรับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อนนห้านี้ ต่อให้นางจะมีเงื่อนไขที่ดีขนาดนั้น ข้าก็ไม่มีความคิดที่คิดจะแต่งงานกับนางจริงๆ เพียงแต่ตอนที่คิดว่าตนเองต้องมีช
เซียวหลันยวนคิดถึงสีหน้าฟู่จาวหนิงตอนที่พูดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ ก็อยากหัวเราะขึ้นมาไม่รู้เพราะอะไร เขารู้สึกว่าปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงดูน่ารักดีเพราะเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ ของนางจุดนั้น ตอนที่เขาได้ยินนางพูดก็จับได้หน่อยๆ แล้วอย่างเช่นว่า หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดินออกไห ก็ยังให้เหอเซี่ยนอันมองเห็นข้อมือของนางทั้งสองคนถูกเหอเซี่ยนอันตบไปที่มือ แต่ปฏิกิริยาของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่นนี้ทำให้เหอเซี่ยนอันยิ่งรู้สึกไม่ดีกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"เพราะว่าฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็เป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นชอบซุบซิบนินทาเหมือนกัน อย่างการรังสรรค์โชคที่ลือกันขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น กระทั่งพระพี่นางก็ยังอยากให้นางมาลูบขาเหอเซี่ยนอัน ใช้วิธีนี้เพื่ออวยพรให้กับเหอเซี่ยนอันเลย แต่จาวหนิงกลับพูดผ่านๆ เรื่องนี้ไปแค่ประโยคเดียว ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?"เขาพูดกับเสิ่นเสวียนเสิ่นเสวียนเลิกคิ้ว หัวเราะขึ้นมา"เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ""ท่านลุง เช่นนั้นข้าไปหาจาวหนิงนะ""ไปเถอะ"เสิ่นเสวียนมองเซียวหลันยวนออกไป ปิดประตูให้เขา เอนหลังพิงเก้าอี้เขาก้มหน้าลง
"ดังนั้นข้าจึงวิเคราะห์ขั้นแรกที่ลมหนาวครั้งนั้น อันที่จริงมันไม่ใช่ลมหนาว แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากบาดแผลที่ขา"ฟู่จาวหนิงไม่พูดต่อ แต่เซียวหลันยวนมองคำอธิบายการตรวจครั้งนี้ นางตรวจเจอคุณสมบัติพิษในร่างกายเหอเซี่ยนอันบางส่วน แต่จากการฝังเข็มและตรวจอีกครั้งก็ตัดเรื่องความเป็นได้ที่จะติดพิษทางอาหารออก ที่หัวใจปอดกระเพาะอาหารก็ไม่มีพิษอยู่ แล้วตอนแทงเข็มที่ขาก็มีปัญหาขึ้นมาด้วยแล้วก็เส้นเลือดที่ขาของเขาหนามาก ปูดนูนเป็นเส้นๆ ขึ้นมานอกผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด สีเองก็ผิดปกติตอนที่ฟู่จาวหนิงฝังเข็มก็แอบใช้เข็มเจาะเลือดดึงเลือมาหลอดหนึ่งเมื่อครู่นางเอาเลือดเหล่านั้นไปตรวจสอบ ด้านในตรวจพบของที่น่าจะเป็นเหมือนไข่แมลงอยู่ดังนั้น เป็นไปได้มากที่จะเป็นสาเหตนี้แน่นอน นางจึงเตรียมตัวว่า พรุ่งนี้จะไปตรวจอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นค่อยยืนยันการรักษาเซียวหลันยวนมองอย่างประหลาดใจ"แผนรักษาของเจ้านี่ ได้ให้คนของจวนผิงเหอกงดูแล้วหรือยัง?""ทำไมหรือ ถ้าหากให้พวกเขาดูจะมีปัญหาอะไร?" ฟู่จาวหนิงหยุดพู่กันลง"บนนี้เจ้าเขียนชื่อหลายชื่อที่ขนาดข้าดูแล้วยังสงสัย ข้ารู้สึกว่าถ้าจะให้พวกเขาดู เจ้าคงได้อธ
"หนิงหนิง นี่ก็ดึกแล้ว พักผ่อนก่อนดีไหม?" เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหยิบของลุกขึ้นยืน "ท่านนอนก่อนเถอะ ข้าต้องไปสกัดยาสำหรับเหอเซี่ยนอันอีกครู่หนึ่ง"นางมองตามสายตาเขาไปที่เตียง เข้าใจขึ้นมา"โอ้ ท่านนอนบนเตียงเถอะ"เซียวหลันยวนใจเต้น รู้สึกว่าใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที"ถ้าอย่างนั้นข้ารอเจ้าแล้วกัน?"ตอนที่พูดขาเขาก็เดินไปที่เตียงอย่างควบคุมไม่อยู่ หยิบหมอนของตัวเองขึ้นมาวางไว้ที่หัวเตียงเคียงหมอนฟู่จาวหนิงในใจก็ร้อนวาบขึ้นมาฟู่จาวหนิงที่ความคิดอยู่กับว่าจะสกัดยาอย่างไร พอได้ยินคำพูดเขาก็แย้งมาทันที"ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านเพิ่งจะขับพิษออกไปจนหมด ต้องพักผ่อนให้ดีสิ? ท่านนอนไปก่อนเลย"พูดจบนางก็เดินออกไป ปิดประตูให้ก่อนหน้าที่เขียนอยู่ในนี้นางก็ไม่ทันคิดเยอะ ตอนนี้พอมาคิดว่าเขาต้องนอน นางถึงมีปฏิกิริยาขึ้นมานางไปเขียนที่ห้องข้างๆ ก็ดีแล้วแท้ๆ"ข้าจะรอเจ้ากลับมา"เซียวหลันยวนปลดเข็มขัดชุดคลุมนอกออก นอนไปบนเตียง คลุมผ้าห่ม กระทั่งได้กลิ่นหอมบนตัวฟู่จาวหนิงด้วยเขาลืมตาโพลง กำลังคิดไปว่าอีกเดี๋ยวฟู่จาวหนิงกลับมา จะยื่นหน้าไปจูบนางดีไหม? หรือว่าใช้มือกอดเอวของนาง
"เอา..เอาเลือดออกมา?"องค์หญิงใหญ่พอได้ยินคำนี้ของฟู่จาวหนิงก็ร้องแหลมเสียงสั่น"เจ้าคิดอะไรกัน! อันเอ๋อร์ของข้าพิการมาตั้งขนาดนี้แล้ว ร่างกายเดิมทีก็อ่อนแอ ข้าพยายามให้เขาได้กินเยอะๆ ดื่มเยอะ เพื่อบำรุงร่างกาย แต่นี้เจ้าคิดจะเอาเลือดเขาออกมาหรือ? เอาเลือดเขาออกมาแล้วรักษาได้หรือไรกัน?"เพราะร้อนรนเกินไป ดังนั้นคำพูดขององค์หญิงใหญ่จึงทั้งรีบร้อนทั้งเสียงดังนางกระทั่งคิดจะพุ่งเข้าไปข่วนฟู่จาวหนิงด้วยซ้ำฟู่จาวหนิงรู้สึกรำคาญจริงๆถ้านางมารักษาให้เหอเซี่ยนอันที่นี่ พูดอะไรมาำคหนึ่งก็ต้องมารับมือกับองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ แล้วห้าวันนางจะรักษาเสร็จได้อย่างไรกัน?แค่ฟังเสียงร้องแหลมขององค์หญิงใหญ่ก็แย่แล้ว"ถึงอย่างไร ถ้าคิดจะให้ข้ารักษา ก็ต้องนำเลือดของเขาออกมา พวกท่านคิดให้รอบคอบแล้วกันว่าจะให้ข้ารักษาไหม!"ฟู่จาวหนิงถอยไปก้าวหนึ่ง มองไปทางองค์หญิงใหญ่"แล้วถ้าจะให้ข้ารักษา ตอนที่ข้าอยู่ที่นี่ ก็รบกวนฮูหยินผิงเหอกงไม่ต้องออกมาด้วย! เพราะข้าไม่อยากจะต้องมาถูกตวาดจนปวดหูเป็นระยะก่อนที่จะได้รักษาคนป่วย""เจ้าๆๆ เจ้าบังอาจนัก!"องค์หญิงใหญ่ถูกนางทำให้โมโหเสียแล้วฟู่จาวหนิงคนนี้เป็น
"ฮูหยิน พวกเราออกไปก่อนเถอะ ออกไปกัน" ผิเหอกงพอเห็นนางเหมือนคิดจะพูดอะไร ก็รีบปลอบนางแล้วดึงออกไปเขาเองก็ไม่กล้ามองเหมือนกันคุณหนูรองเหอเองก็หน้าเปลี่ยนสี "ใช้มีดกรีดไปตรงๆ เลยหรือ?"ซู๊ดเหอเซี่ยนอันที่เดิมทียังไม่ค่อยกลัวแต่พอได้ยินคำพูดของพี่สาวก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"วางใจเถอะ ไม่เจ็บมากหรอก ข้าจะทำให้ผิวหนังชาเสียก่อน"ฟู่จาวหนิงหยิบผ้าฝ้ายขาวผืนหนึ่งออกมา เทของเหลวที่เหมือนกับน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็มาทาบนขาของเหอเซี่ยนอัน"เย็นดีจัง" เหอเซี่ยนอันเอ่ยขึ้น"รอสักครู่"ผ่านไปพักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงจึงใช้คมมีดกรีดเบาๆ ไปที่ขาของเขา"เอ๋? ไม่รู้สึกอะไรเลย!"เหอเซี่ยนอันตกตะลึงอย่างมากฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกเสียดายถ้าหากเข็มเจาะเลือดที่ไว้ใช้เจาะของนางเอาออกมาได้ล่ะก็ จะต้องมาใช้วิธีการแบบนี้ทำไม ใช้มีดหรือ? โบราณของแท้แต่ก็ไม่มีทางเลือกคุณหนูรองเหอพอเห็นนางลงมีดจริงๆ ก็หันหน้าออกไป ไม่กล้าจ้องแล้วแต่เหอเซี่ยนอันกลับจ้องเขม็งฟู่จาวหนิงเอาเลือดออกมาเล็กน้อยจากนั้นก็โรยผงยาลงไป เลือดแข็งตัวอย่างรวดเร็วแผลเองก็ไม่ใหญ่ด้วยนางหยิบขวดเล็กลุกขึ้นยืน "สิ่งนี้ข้าต้องวาง
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้