ฟู่จาวหนิงแค่ถือโอกาสพูดขึ้นมาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะจับรายละเอียดนี้ได้เสิ่นเสวียนพอได้ยินเขาถามออกมา ก็เหมือนจับอะไรได้บางอย่าง"อายวน เจ้ากำลังสงสัยหรือ?""ฟังจากที่หนิงหนิงพูดมา เหอเซี่ยนอันอายุแม้จะยังน้อย แต่อันที่จริงความคิดเฉียบคมมาก ลางสังหรณ์ก็แม่นยำ น่าจะเพราะตัวเขาเองไม่ได้สนใจจุดนี้ของตนเอง แต่ก็ยังแสดงออกมา อย่างเช่นที่ตอนแรกเขารู้สึกว่าหนิงหนิงพิเศษ"ยิ่งไปกว่านั้น เพียงครู่เดียวก็ถูกฟู่จาวหนิงกล่อมไปเรียบร้อยหรือก็คือ ฟู่จาวหนิงจับทางนิสัยเด็กคนนี้ได้ แต่ถ้าหากเขาไม่มีข้อดีอยู่บ้าง ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดถึงเขาเมื่อครู่คงไม่ใช้น้ำเสียงทั้งโมโหทั้งขำแบบนั้นแล้วนางยังรู้สึกว่าเหอเซี่ยนอันยังพอไหวอยู่"อืม เป็นเช่นนั้นเลย""ดังนั้น เขาทำไมจึงพูดกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแบบนั้น?"บอกว่าตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยื่นมามาหาเขาทำสายตาผิดปกติพอเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ คนอื่นเองก็งงงันไปเช่นกัน ทยอยกันขบคิดขึ้นมา"เหอเซี่ยนอันไม่ชอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างได้ชัด กระทั่งไม่ยอมให้นางแตะตัวด้วยซ้ำ เขาน่าจะเคยได้ยินเรื่องโชคที่มหัศจรรย์ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ทำไ
"อืม เรื่องนี้อันที่จริงเป็นแผนการณ์ก่อนที่ข้าจเได้รักษาอาการป่วยน่ะ" เสิ่นเสวียนยิ้มขืน แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มขืนก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย "ตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่มีเวลากับกำลังวังชาเพียงพอ จึงคิดจะหยิบยืมพลัง แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไปแล้ว""เจ้าอารามเคยพูดไว้ ข้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีดวงชะตาพึ่งพากัน"เซียวหลันยวนไม่อยากปิดบังเสิ่นเสวียน จึงบอกกับเขาออกมาตามตรงเสิ่นเสวียนขมวดคิ้วเขายังไม่ทันพูด เซียวหลันยวนก็เสริมมาอีกคำ"ก่อนหน้านี้ข้าเองก็มีเป้าหมาย คือมีชีวิตต่อให้ยืนยาวอีกหน่อย ยืนบนตำแหน่งให้แคว้นเจาให้มั่นคง ดังนั้นตอนที่เจ้าอารามบอกว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสามารช่วยทำให้ดวงชะตาของข้ามั่นคงได้ เข้าเองก็เคยคิด ว่าเพื่อจะให้ชีวิตยืนยาวอีกหน่อย การอยู่กับใครสักคนทำไมจะทำไม่ได้?"ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่ชื่อเสียงดีงามขนาดนั้นด้วย"ตอนนั้น ข้ายังไม่ได้ชอบจาวหนิง แผนการต่างๆ มากมายสมัยก่อนที่เจอกับนาง หลังจากพบนางแล้วทั้งหมดก็พังลงและเปลี่ยนแปลงไป"เสิ่นเสวียนมองเขาตอนที่พูดว่าแผนการทั้งหมดของตนเองพังลงและเปลี่ยนแปลงไป สายตาของเซียวหลันยวนกระทั่งดูอบ
"ท่านลุง ก่อนหน้านี้ที่ข้าคิดถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่ก็ไม่เคยเจอกับนางเลย แค่เอามาเป็นเงื่อนไขพิจารณาเท่านั้น ถ้าหากไม่มีจาวหนิง บางทีต่อให้แต่งงานเพื่อผลประโยชน์กันจริงๆ อย่างมากสุดก็แค่เคารพกันและกันเหมือนแขก คล้ายกับคำที่ประชาชนพูดกันประโยคนั้น อยู่กันแบบไม่มีความรัก""เจ้าเคยคิดเรื่องจะอยู่ด้วยกันแบบไม่มีความรักกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยหรือ?"เสิ่นเสวียนฟังประโยคนี้แล้วเสียดหูหน่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา สายตาที่เขามองเซียวหลันยวนเริ่มไม่สบอารมณ์แล้วเซียวหลันยวนชะงักไป"นี่ก็แค่สมมติ เป็นความคิดที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ก่อนที่จะได้มาเจอจาวหนิงเท่านั้น""หลังจากนี้แค่ความคิดก็ไม่ควรมี ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือไม่เป็นผู้ใหญ่ก็ตาม""ขอรับ แน่นอนว่าจะไม่มี"เซียวหลันยวนยังคิดว่าเสิ่นเสวียนจะพูดคุยเป็นกันเองระหว่างลูกผู้ชายกับเขา แต่ผลคือตอนนี้ เขายังยืนอยู่ในตำแหน่งลุงของจาวหนิงแล้วหันมาคุยกับเขาโชคดีที่ไม่มีความคิดอื่นใด"ไม่ปิดบังท่านลุง สำหรับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก่อนนห้านี้ ต่อให้นางจะมีเงื่อนไขที่ดีขนาดนั้น ข้าก็ไม่มีความคิดที่คิดจะแต่งงานกับนางจริงๆ เพียงแต่ตอนที่คิดว่าตนเองต้องมีช
เซียวหลันยวนคิดถึงสีหน้าฟู่จาวหนิงตอนที่พูดถึงเรื่องนี้ จู่ๆ ก็อยากหัวเราะขึ้นมาไม่รู้เพราะอะไร เขารู้สึกว่าปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงดูน่ารักดีเพราะเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ ของนางจุดนั้น ตอนที่เขาได้ยินนางพูดก็จับได้หน่อยๆ แล้วอย่างเช่นว่า หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดินออกไห ก็ยังให้เหอเซี่ยนอันมองเห็นข้อมือของนางทั้งสองคนถูกเหอเซี่ยนอันตบไปที่มือ แต่ปฏิกิริยาของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่นนี้ทำให้เหอเซี่ยนอันยิ่งรู้สึกไม่ดีกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"เพราะว่าฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็เป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นชอบซุบซิบนินทาเหมือนกัน อย่างการรังสรรค์โชคที่ลือกันขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น กระทั่งพระพี่นางก็ยังอยากให้นางมาลูบขาเหอเซี่ยนอัน ใช้วิธีนี้เพื่ออวยพรให้กับเหอเซี่ยนอันเลย แต่จาวหนิงกลับพูดผ่านๆ เรื่องนี้ไปแค่ประโยคเดียว ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?"เขาพูดกับเสิ่นเสวียนเสิ่นเสวียนเลิกคิ้ว หัวเราะขึ้นมา"เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ""ท่านลุง เช่นนั้นข้าไปหาจาวหนิงนะ""ไปเถอะ"เสิ่นเสวียนมองเซียวหลันยวนออกไป ปิดประตูให้เขา เอนหลังพิงเก้าอี้เขาก้มหน้าลง
"ดังนั้นข้าจึงวิเคราะห์ขั้นแรกที่ลมหนาวครั้งนั้น อันที่จริงมันไม่ใช่ลมหนาว แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากบาดแผลที่ขา"ฟู่จาวหนิงไม่พูดต่อ แต่เซียวหลันยวนมองคำอธิบายการตรวจครั้งนี้ นางตรวจเจอคุณสมบัติพิษในร่างกายเหอเซี่ยนอันบางส่วน แต่จากการฝังเข็มและตรวจอีกครั้งก็ตัดเรื่องความเป็นได้ที่จะติดพิษทางอาหารออก ที่หัวใจปอดกระเพาะอาหารก็ไม่มีพิษอยู่ แล้วตอนแทงเข็มที่ขาก็มีปัญหาขึ้นมาด้วยแล้วก็เส้นเลือดที่ขาของเขาหนามาก ปูดนูนเป็นเส้นๆ ขึ้นมานอกผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด สีเองก็ผิดปกติตอนที่ฟู่จาวหนิงฝังเข็มก็แอบใช้เข็มเจาะเลือดดึงเลือมาหลอดหนึ่งเมื่อครู่นางเอาเลือดเหล่านั้นไปตรวจสอบ ด้านในตรวจพบของที่น่าจะเป็นเหมือนไข่แมลงอยู่ดังนั้น เป็นไปได้มากที่จะเป็นสาเหตนี้แน่นอน นางจึงเตรียมตัวว่า พรุ่งนี้จะไปตรวจอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นค่อยยืนยันการรักษาเซียวหลันยวนมองอย่างประหลาดใจ"แผนรักษาของเจ้านี่ ได้ให้คนของจวนผิงเหอกงดูแล้วหรือยัง?""ทำไมหรือ ถ้าหากให้พวกเขาดูจะมีปัญหาอะไร?" ฟู่จาวหนิงหยุดพู่กันลง"บนนี้เจ้าเขียนชื่อหลายชื่อที่ขนาดข้าดูแล้วยังสงสัย ข้ารู้สึกว่าถ้าจะให้พวกเขาดู เจ้าคงได้อธ
"หนิงหนิง นี่ก็ดึกแล้ว พักผ่อนก่อนดีไหม?" เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหยิบของลุกขึ้นยืน "ท่านนอนก่อนเถอะ ข้าต้องไปสกัดยาสำหรับเหอเซี่ยนอันอีกครู่หนึ่ง"นางมองตามสายตาเขาไปที่เตียง เข้าใจขึ้นมา"โอ้ ท่านนอนบนเตียงเถอะ"เซียวหลันยวนใจเต้น รู้สึกว่าใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที"ถ้าอย่างนั้นข้ารอเจ้าแล้วกัน?"ตอนที่พูดขาเขาก็เดินไปที่เตียงอย่างควบคุมไม่อยู่ หยิบหมอนของตัวเองขึ้นมาวางไว้ที่หัวเตียงเคียงหมอนฟู่จาวหนิงในใจก็ร้อนวาบขึ้นมาฟู่จาวหนิงที่ความคิดอยู่กับว่าจะสกัดยาอย่างไร พอได้ยินคำพูดเขาก็แย้งมาทันที"ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านเพิ่งจะขับพิษออกไปจนหมด ต้องพักผ่อนให้ดีสิ? ท่านนอนไปก่อนเลย"พูดจบนางก็เดินออกไป ปิดประตูให้ก่อนหน้าที่เขียนอยู่ในนี้นางก็ไม่ทันคิดเยอะ ตอนนี้พอมาคิดว่าเขาต้องนอน นางถึงมีปฏิกิริยาขึ้นมานางไปเขียนที่ห้องข้างๆ ก็ดีแล้วแท้ๆ"ข้าจะรอเจ้ากลับมา"เซียวหลันยวนปลดเข็มขัดชุดคลุมนอกออก นอนไปบนเตียง คลุมผ้าห่ม กระทั่งได้กลิ่นหอมบนตัวฟู่จาวหนิงด้วยเขาลืมตาโพลง กำลังคิดไปว่าอีกเดี๋ยวฟู่จาวหนิงกลับมา จะยื่นหน้าไปจูบนางดีไหม? หรือว่าใช้มือกอดเอวของนาง
"เอา..เอาเลือดออกมา?"องค์หญิงใหญ่พอได้ยินคำนี้ของฟู่จาวหนิงก็ร้องแหลมเสียงสั่น"เจ้าคิดอะไรกัน! อันเอ๋อร์ของข้าพิการมาตั้งขนาดนี้แล้ว ร่างกายเดิมทีก็อ่อนแอ ข้าพยายามให้เขาได้กินเยอะๆ ดื่มเยอะ เพื่อบำรุงร่างกาย แต่นี้เจ้าคิดจะเอาเลือดเขาออกมาหรือ? เอาเลือดเขาออกมาแล้วรักษาได้หรือไรกัน?"เพราะร้อนรนเกินไป ดังนั้นคำพูดขององค์หญิงใหญ่จึงทั้งรีบร้อนทั้งเสียงดังนางกระทั่งคิดจะพุ่งเข้าไปข่วนฟู่จาวหนิงด้วยซ้ำฟู่จาวหนิงรู้สึกรำคาญจริงๆถ้านางมารักษาให้เหอเซี่ยนอันที่นี่ พูดอะไรมาำคหนึ่งก็ต้องมารับมือกับองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ แล้วห้าวันนางจะรักษาเสร็จได้อย่างไรกัน?แค่ฟังเสียงร้องแหลมขององค์หญิงใหญ่ก็แย่แล้ว"ถึงอย่างไร ถ้าคิดจะให้ข้ารักษา ก็ต้องนำเลือดของเขาออกมา พวกท่านคิดให้รอบคอบแล้วกันว่าจะให้ข้ารักษาไหม!"ฟู่จาวหนิงถอยไปก้าวหนึ่ง มองไปทางองค์หญิงใหญ่"แล้วถ้าจะให้ข้ารักษา ตอนที่ข้าอยู่ที่นี่ ก็รบกวนฮูหยินผิงเหอกงไม่ต้องออกมาด้วย! เพราะข้าไม่อยากจะต้องมาถูกตวาดจนปวดหูเป็นระยะก่อนที่จะได้รักษาคนป่วย""เจ้าๆๆ เจ้าบังอาจนัก!"องค์หญิงใหญ่ถูกนางทำให้โมโหเสียแล้วฟู่จาวหนิงคนนี้เป็น
"ฮูหยิน พวกเราออกไปก่อนเถอะ ออกไปกัน" ผิเหอกงพอเห็นนางเหมือนคิดจะพูดอะไร ก็รีบปลอบนางแล้วดึงออกไปเขาเองก็ไม่กล้ามองเหมือนกันคุณหนูรองเหอเองก็หน้าเปลี่ยนสี "ใช้มีดกรีดไปตรงๆ เลยหรือ?"ซู๊ดเหอเซี่ยนอันที่เดิมทียังไม่ค่อยกลัวแต่พอได้ยินคำพูดของพี่สาวก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"วางใจเถอะ ไม่เจ็บมากหรอก ข้าจะทำให้ผิวหนังชาเสียก่อน"ฟู่จาวหนิงหยิบผ้าฝ้ายขาวผืนหนึ่งออกมา เทของเหลวที่เหมือนกับน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็มาทาบนขาของเหอเซี่ยนอัน"เย็นดีจัง" เหอเซี่ยนอันเอ่ยขึ้น"รอสักครู่"ผ่านไปพักหนึ่ง ฟู่จาวหนิงจึงใช้คมมีดกรีดเบาๆ ไปที่ขาของเขา"เอ๋? ไม่รู้สึกอะไรเลย!"เหอเซี่ยนอันตกตะลึงอย่างมากฟู่จาวหนิงกลับรู้สึกเสียดายถ้าหากเข็มเจาะเลือดที่ไว้ใช้เจาะของนางเอาออกมาได้ล่ะก็ จะต้องมาใช้วิธีการแบบนี้ทำไม ใช้มีดหรือ? โบราณของแท้แต่ก็ไม่มีทางเลือกคุณหนูรองเหอพอเห็นนางลงมีดจริงๆ ก็หันหน้าออกไป ไม่กล้าจ้องแล้วแต่เหอเซี่ยนอันกลับจ้องเขม็งฟู่จาวหนิงเอาเลือดออกมาเล็กน้อยจากนั้นก็โรยผงยาลงไป เลือดแข็งตัวอย่างรวดเร็วแผลเองก็ไม่ใหญ่ด้วยนางหยิบขวดเล็กลุกขึ้นยืน "สิ่งนี้ข้าต้องวาง
เขาอยากไปด้วยกันกับลูกสาว เช่นนี้จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน และยังได้มองอยู่ข้างๆ ถึงสภาพการทำงานของนางด้วย อยู่กับคนเป็นอย่างไร จะได้เข้าใจนางมากขึ้น รู้จักนางมากขึ้นเขาพลาดที่จะมองดูลูกสาวเติบโตไปหลายปี ตอนนี้อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้บางที ความสัมพันธ์หลังจากนี้อาจจะดีขึ้นมาอีกก็ได้นิสัยของฟู่จิ้นเชินคือมุ่งมั่นไปที่เป้าหมาย ไม่รีบไม่ร้อน แต่จะไม่ยอมแพ้ และจะคอยคว้าโอกาสทั้งหมดไว้ ก้าวไปยังจุดหมายทีละก้าวๆเหมือนกับตอนที่เขาพาภรรยา รู้ว่าห้ามตายเด็ดขาด จะถูกจับกลับไปไม่ได้ บนพื้นฐษนนี้ ใช้เวลาไปหลายปี แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกการตามหาความจริงเรื่องการวางยาในอดีตถ้าหากไม่ใช่มาเจอกับฟู่จาวหนิง อันที่จริงเขาก็ยังทนต่อไปได้ บางทีอาจจะถึงวันที่เขาพบกับความจริงวันนั้นฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนสำหรับตอนนี้ที่นางหันมามองตนเอง ต้องการความเห็นจากเขา ในใจเซียวหลันยวนจึงพอใจมากขึ้นมาเขากุมมือนางไว้ บอกกับนางว่า "ให้เขาไปด้วยก็ดี"เขามองออกแล้ว ฟู่จิ้นเชินนี้ไม่ธรรมดาเลย ฉลาดและตื่นตัว ใจเย็นเฉียบแหลมมีฟู่จิ้นเชินตามไปด้วย ในใจเซียวหลันยวนก็ค่อนข้างจะวางใจถ้าหากไม่ใช่ว่าตัวตนฐานะเขาไปไหนมา
"สถานที่อย่างเมืองเจ้อค่อนข้างจะพิเศษ พื้นที่ใหญ่โต ประชาชนน้อย และการเดินทางก็สะดวกสบาย" ฟู่จิ้นเชินตอบ "ถ้าหากจะยัดผู้ประสบภัยเข้าไป อันที่จริงก็สามารถทำได้อยู่ ข้าเคยไปเมืองเจ้อในเมืองมีพื้นที่ว่างค่อนข้างกว้างขวางอยู่หลายแห่ง บางครั้งยังมีพวกพ่อค้าพเนจรจากที่ต่างๆ ไปทำตลาดนัดกันที่นั่นด้วย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนมองเขาอย่างเกินคาด"เมืองเจ้อท่านก็เคยไปมาหรือ?"ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวสบตากัน สองสามีภรรยายิ้มอย่างจำใจ"ถ้าจะให้พูด พวกเราไปมาหลายสถานที่เลย"ฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนเองก็เข้าใจขึ้นมา สิบกว่าปีนี้พวกเขาล้วนต้องคอยหลบการไล่ล่าสังหารอยู่ภายนอก แล้วยังมีการไล่จับของจวนทางการอีก แต่ละสถานที่จึงไม่สามารถอยู่ได้นานนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไปแทบจะทุกที่"แต่ว่าทางนั้นนาจะขาดแคลนเรื่องวัตถุ ถึงอย่างไรต่อให้มีที่ว่างที่จะจัดวางผู้ประสบภัยเข้าไป นั่นก็ต้องสร้างกระโจมจัดแจงที่พัก ไม่เช่นนั้นวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ผู้ประสบภัยต้องนอนด้านนอกทนหนาวทนหิวได้"ฟู่จิ้นเชินบอกกับฟู่จาวหนิงว่า "พรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย"นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถึงม
ดังนั้น จาวหนิงจะต้องไม่ยอมถูกชายหนุ่มคนอื่นดึงดูดแน่ เพราะไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้วระหว่างทาง อ๋องเจวี้ยนอารมณ์ดีมาก กระทั่งยังสามารถคุยกับฟู่จิ้นเชินเรื่องโป๋จีอย่างทัดเทียมกันด้วยรอจนมาถึงจวนอ๋อง พวกเขาก็หารือตัดสินใจออกมาได้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งโป๋จียัดเข้าไปในขบวนของอันเหนียน พาเขาออกจากเมืองก่อน หลอกเขา ให้เขาคิดว่ารับปากว่าจะช่วยเขาออกไป รอให้ได้จดหมาย คนของเซียวหลันยวนก็จะคุมตัวเขากลับเมืองหลวง"พรุ่งนี้ข้าจะไปค้นตัวเขาเอง" เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิงคนอื่นล้วนค้นไม่เจอ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะหาไม่พบ"แล้วนายพันเก๋อล่ะ?""ให้เขาเข้าวังไม่ได้พบกับจักรพรรดิไม่ได้ชั่วคราวก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมีแผนการ"ท่านคิดจะทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เก๋อมู่กวงมีวรยุทธ์ ฟู่จิ้นเชินยังขังเขาไว้ในวังได้หรือ?"ข้ารู้ว่ามีคนหนึ่งที่พัวพันกับเก๋อมู่กวงอยู่ อ๋องเจวี้ยนส่งคนนั้นไปที่ห้องของเก๋อมู่กวงก็พอแล้ว" ฟู่จิ้นเชินมองไปทางเซียวหลันยวน"เส้นสายของท่านนี่ทั้งเยอะทั้งซับซ้อนจริงๆ""ถึงอย่างไรข้าก็เป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีเส้นสายแค่นี้ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงหรอก""ประชาชนธรรมดาไม่มีทางพาคน
ฟู่จิ้นเชินเองก็นับถือเซียวหลันยวน"คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องเจวี้ยนจะรู้มากขนาดนี้"ฟู่จาวหนิงก็ตกใจ "ท่านพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้หรือ?"สำหรับความนับถือของฟู่จิ้นเชิน เซียวหลันยวนไม่สนใจ แต่น้ำเสียงตกใจของฟู่จาวหนิง ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาหน่อยๆนางนั่งตัวตรงขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ ใช้น้ำเสียงที่ราบเรียบพูดว่า "อืม ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่"พรวดฟู่จาวเฟยอยากจะขำขึ้นมาทำไมคำพูดพี่เขยถึงดูแปลกๆ?ตอนอยู่ว่างๆ ในบ้านกับท่านปู่กับน้าเซี่ยอันห่าวพกวเขาก็เคยพูดภาษาเฮ่อเหลียนออกมา เพราะพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหน่อยๆแต่หลังจากที่ได้ยินเขาพูดไปไม่กี่คำก็ยังบอกว่าเรียนยาก สักคำเดียวก็เรียนกันออกมาไม่ได้ความสามารถการเรียนรู้ของพ่อเขาดีมาก แต่ก็ยอมรับว่านี่เรียนยากจริงๆพี่เขยกลับบอกว่าไม่ยาก แต่ว่า ที่โป๋จีพูดรวดเดียวอย่างรวดเร็วขนาดนั้น แล้วพี่เขยยังฟังออกได้ ก็อธิบายได้ว่าเขาเป็นมันทุกอย่างจริงๆ"เรียนมาตอนอยู่ที่ยอดเขาโยวชิงหรือ?" ฟู่จาวหนิงใช้สายตานับถือมองเขา กระพริบตาปริบๆอ๋องเจวี้ยนพอใจขึ้นมาทันที แล้วยังรู้สึกจิตใจหวานชื่นด้วย"ใช่แล้ว""เจ้าอารามสอนมาหรือ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ "หรือว่าเ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่
โป๋จีเอาเรื่องที่เผ่าเฮ่อเหลียนยึดครองเมืองพูดจนกลายเป็นตัวเลือกที่จำใจของพวกเขาเสียอย่างนั้นฟู่จาวเฟยถามยังถามสถานการณ์ในเมืองตอนนี้อีกหน่อย แล้วยังถามเขาว่าทำไมถึงถูกเก๋อมู่กวงจัง รอจนเขา...ตอบมาทีละข้อ ถามขึ้นมาทันที "แล้วจดหมายที่นำมาให้ข้าล่ะ? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ส่งจดหมายให้กับข้าหรือ?"โป๋จีมองไปทางเซียวหลันยวน"นี่คืออ๋องเจวี้ยนสินะ? พวกข้าได้ยินว่า อ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นพี่เขยของเจ้า""ใช่แล้ว แต่เขากับองค์จักรพรรดิมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี"สายตาโป๋จีหม่นลงเล็กน้อย พวกเขารู้เรื่องนี้"แล้วพ่อแท้ๆ ของเจ้าล่ะ?""เขาฟังพี่สาวข้า""หมอเทวดาฟู่ใช่ไหม?""ใช่ ชื่อเสียงของพี่สาวข้ามากขนาดนี้เลยหรือ? ลือกันไปถึงทางเผ่าแล้วหรือ?" ฟู่จาวเฟยถาม"แน่นอน นางเป็นถึงหมอที่อายุน้อยสุดในสมาคมหมอใหญ่เลยนะ" แล้วยังเป็นหมอหญิงอีก"แล้วจดหมายอยู่ที่ไหนล่ะ?""จะส่งให้เจ้าเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก แต่ว่าเจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งก่อน จดหมายสำหรับพวกเราแล้วสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำร้ายหรอก""เขียนอะไรไว้หรือ?""เจ้าอ่านจดหมายก็จะเข้าใจเอง""ท่านจะให้ข้าช่วยทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวเฟยเริ่มจะเกิด
ขอแค่พวกเขาสงสัยในตัวฟู่จาวเฟยก็พอแล้วหัวหน้าคุกกับมือปราบเจียงพวกเขาก็เริ่มสงสัยเช่นนี้แล้วพวกเขามองฟู่จาวเฟย และมองไปยังโป๋จี สีหน้าเองก็กังวลขึ้นมา"คุณชายฟู่ นี่มัน..." มือปราบเจียงเข้าประชิดฟู่จิ้นเชิน กดเสียงต่ำคิดจะเตือนเขาคุณชายฟู่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ต่อหน้านายพันเก๋อ แล้วเห็นว่าโป๋จีกับคุณชายน้อยฟู่มีความสัมพันธ์อันดีกันล่ะก็ คุณชายน้อยฟู่ก็จะยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกนายพันเก๋อคงไม่มีทางเชื่อคุณชายน้อยฟู่แน่นอนแล้วถ้าคุณชายน้อยฟู่ถูกกำหนดให้เป็นพวกของราชาเฮ่อเหลียน เช่นนั้นก็ถือว่ามีโทษกบฏ อาจจะลากตระกูลฟู่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้กระทั่งว่า อ๋องเจวี้ยนเองก็จะโดนหางเลขไปด้วยแต่ว่า องค์จักรพรรดิก็คิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนชัดเจนขนาดนี้ เช่นนั้นถ้ามีโอกาสจับกุมขึ้นมาจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน?มือปราบเจียงรู้ว่าลูกสาวตนเองชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นเขาจึงกังวลแทนพระชายาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"่ท่านลุงโป๋จี ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าตอนนั้นไม่ได้จงใจทิ้งข้า แล้วก็..."ฟู่จาวเฟยชะงักไป เปลี่ยนคำใหม่ "ราชาเฮ่อเหลียนยังสังหารแม่เลี้ยงข
"ท่านลุงโป๋จี ได้ยินว่าท่านมาส่งจดหมายให้ข้าหรือ?"ฟู่จาวเฟยถามออกมาทันทีโป๋จีก่อนหน้านี้ก็ดีกับเขาพอควร แต่ตอนนี้พอมาคิด ก็น่าจะแค่คิดว่าเขาเป็นลูกชายของราชาเฮ่อเหลียน เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นสายตาของตนเอง ก็แตกต่างกับแต่ก่อนไปแล้วฟู่จาวเฟยตอนนี้ยังพิจารณาออกได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่โป๋จีมองเห็นสายตาของเขา นั่นเป็นความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเป้าหมายยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ที่เขาถามออกมาโป๋จีก็ยังพิจารณามองเขาอยู่"ใช่แล้ว องค์ชาย" โป๋จีใช้ภาษาเมืองหลวงที่ฟังแล้วแปลกๆ เรียกเขาว่าองค์ชาย จากนั้นก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนด้วยสัญชาตญาณ เปลี่ยนเป็นภาษาเฮ่อเหลียนว่า "ราชาได้รับจดหมายของเจ้า บอกว่าเจ้าหาพ่อแม่ที่แท้จริงพบแล้ว มีตัวตนฐานะใหม่ ดูพึงพอใจมาก"โป๋จีไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนฟังภาษาเฮ่อเหลียนออกฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็ไม่รู้พอเขาฟังประโยคนี้ออกจึงมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนนี้จะแปลให้เขาคงไม่สะดวกนัก ถ้าเขาพูดออกมาตอนนี้ เกรงว่าโป๋จีคงไม่พูดความจริงแล้วรอให้เขาพูดสิ่งที่ควรพูดให้จบก่อนแล้วกันคำนี้ของโป๋จี น่าจะพูดให้เขาฟังความหมายของคำพูดนี้ แสดงออกว่าราชาเฮ่อเหลียนรู้แล้วว่าฟู่จาวเฟยเ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง