"ฮูหยินขอให้นางช่วยพาเฟยเอ๋อร์ไป ครึ่งวัน แค่ครึ่งวันเท่านั้น พอพวกเราสลัดพวกมือสังหารหลุดก็จะมารับตัวเฟยเอ๋อร์กลับไป"ฟู่จิ้นเชินยิ้มขืนขึ้นมา ปิดหน้าผากก้มหน้า พยายามสะกดความเสียใจของตนเองพอพูดถึงเฟยเอ๋อร์ สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องที่ทรมานที่สุด"ข้าตอนนั้นก็ค้านไปแล้ว เพราะหญิงสาวคนนั้นอายุยังน้อยแล้วยังตั้งครรภ์อีก พวกเราฝากเด็กไว้กับนางไม่ได้ ถ้านางไปเจอกับเรื่องฆ่าฟันเข้าล่ะ?"เดิมทีก็ไม่ควรเห็นด้วยอยู่แล้วฟู่จาวหนิงนิ่งงันฟังเขาพูดต่อ"แต่ว่า ที่ทำให้ข้ารู้สึกเกินคาดก็คือ หญิงสาวอายุน้อยคนนั้นกลับใช้วาทศิลป์กล่อมจนข้ารับปาก บอกว่านางกล่อมเด็กเป็น เด็กอยู่ข้างกายนางจะเชื่อฟังเอามากๆ รับประกันได้ว่าไม่มีทางร้องไห้ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ได้ยินเรื่องที่พวกเราถูกล่าสังหารอยู่ นางยังบอกว่าบ้านของตนเองก็ถือว่ามีหน้ามีตาอยู่ไม่กลัวอันตรายใด และจะไม่มีใครไปหาที่บ้านนางแน่"ฟู่จิ้นเชินรู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่ตอนนั้นถูกกล่อมจนเชื่อ"นางยังทิ้งที่อยู่ให้ข้าด้วย พูดอย่างละเอียดว่าตนเองอยู่ที่ไหน บ้านสามีชื่อว่าอะไร ให้พวกข้าไปหาเด็กตอนไหนก็ได้ นางบอกว่าในท้องนางก็ตั้งครรภ์อยู่คนหนึ่
เซียวหลันยวนมองนาง และรู้สึกมหัศจรรย์มากเช่นกันเขาไม่สนใจว่าฟู่จิ้นเชินฟังออกหรือไม่ เอ่ยกับจาวหนิงขึ้นว่า "หนิงหนิง ข้ารู้สึกมาตลอด ว่าโชคของเจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ เป็นไปได้ว่านี่นี่เป็นเพราะโชคของเจ้า คนถึงได้มาเจอกันแบบนี้""นี่มันเกี่ยวกับโชคตรงไหนกัน""เกี่ยวแน่นอน"นางมีญาติขึ้นมาหลายๆ คน แน่นอนว่าต้องดีวก่ามีญาติอย่างท่านผู้เฒ่าฟู่เพียงคนเดียวอยู่แล้วตอนที่เซียวหลันยวนสนใจความคิดนี้ ไม่ได้สังเกตถึงความคิดของตนเองเลย ว่าเขาไม่ได้มีความคิดที่จะให้เสิ่นเชี่ยวมาชดใช้ชีวิตแล้ว ยอมรับเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาคือญาติของฟู่จาวหนิงญาติพออยู่ด้วยกัน รู้จักกันจึงจะเรียกว่าญาติ"อ๋องเจวี้ยนพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ถึงได้มาเจอกันแบบนี้ หมายถึงใครหรือ?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงมองไปทางฟู่จิ้นเชิน พ่อตาของเขาคนนี้ฉลาดจริงๆ และยังเฉียบคมมาก แค่ประโยคนี้ของเขาก็สามารถจับประเด็นได้แล้ว"ข้าทำไมต้องตอบเจ้าด้วย?" เซียวหลันยวนเชิดคางอย่างหยิ่งทะนงแม้อีกฝ่ายจะเป็นพ่อตาเขา แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักกันเสียหน่อยเช่นนั้นเขาก็ยังทำตัวเป็นท่านอ๋องต่อหน้าฟู่จิ้นเชินได้อยู่ ถึงอย่างไรความแค้นของเขา
ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวจึงพักลงมาที่นี่ในเมื่อหาคนเจอแล้ว ซ้ำยังกว่าจะหาจนเจอ ไม่ว่าจะฟู่จาวหนิงหรือเซียวหลันยวน กระทั่งเสิ่นเสวียน ก็ยังปล่อยพวกเขาออกไปไม่ได้สุขภาพของทั้งสองคนนี้อ่อนแออย่างมาก ฟู่จาวหนิงยังต้องคอยรักษาให้พวกเขาแต่ก่อนที่จะรักษา นางนำเอ็นมังกรหยกไปจัดเตรียมเสียก่อนโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงผู้อาวุโสจี้พอรู้ว่านางได้เอ็นมังกรหยกแล้วก็ค่อนข้างตื่นเต้น จึงเขัามามองมองเอ็นมังกรหยกอย่างละเอียด"คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะทำให้เจ้าได้เอ็นมังกรหยกมาแล้ว! ครั้งนี้ไปในภูเขา หาวัตถุดิบยามาได้ตั้งเยอะแยะแท้ๆ แต่ก็ไม่มีเอ็นมังกรหยกอยู่เลย ข้ากำลังคิดว่ามันยากจริงๆ วัตถุดิบยาชนิดนี้เกรงว่ามันจะหาได้ยากเกินไป"ผู้อาวุโสจี้พูดเช่นนี้ ก็อธิบายได้ว่าช่วงนี้เขาเองก็ขบคิดอย่างสุดแรงมาตลอดเหมือนกัน ที่จะช่วยหาวัตถุดิบยาชนิดนี้ให้กับเซียวหลันยวนถึงแม้อาจจะทำเพื่อฟู่จาวหนิง แต่มันก็ไม่ต่างกัน"ท่านอาจารย์ เอ็นมังกรหยกนี้หายากจริงๆ""ใช่แล้ว หายากมาก ข้าเองยังคิดอยู่ว่าต้องรอไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิเลยไหม ตอนที่สรรพสิ่งฟื้นคืนอีกครั้ง เหล่างูเหล่ามดออกจากรังมาทำงาน ตอนนั้นน่าจะหาได้ แต่ต่อใ
พวกเขาถูกจัดให้พักอยู่ในห้องหนึ่ง ฟู่จาวหนิงตอนที่เข้าไปดูจึงพบว่าอยู่ไม่ห่างจากพวกเขาเท่าไรนักเสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนยังมีความเห็นต่างกันอยู่บ้างเสิ่นเสวียนรู้สึกว่าสถานที่ที่พวกเขาพักอยู่ใกล้ฟู่จาวหนิงเกินไป ถ้าหากพวกเขาล่อมือสังหารมาจริงๆ อาจจะทำให้ฟู่จาวหนิงลำบาก ไม่ค่อยปลอดภัยเซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่า เขากับจาวหนิงอยู่ด้วยกัน คนของเขาสามารถรวมตัวกันปกป้องได้ อยู่ใกล้กันถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไรก็ยังสามารถจัดการได้ทันท่วงที ถ้าหากพวกเขาอยู่ห่างไปหน่อย แล้วฟู่จาวหนิงกังวลจนสั่งคนออกไป กำลังคนจะกระจายตัวกัน พอถึงเวลาฟู่จาวหนิงก็จะไม่ปลอดภัยถึงอย่างไรก็เป็นพ่อแม่นาง กว่าจะหากันจนเจอ จะอย่างไรก็คงต้องปกป้องนั่นล่ะ ให้อยู่ในสายตานาง จาวหนิงก็จะวางใจมากขึ้นสุดท้ายเสิ่นเสวียนจึงถูกเซียวหลันยวนกล่อม เรื่องนี้จึงฟังเขาตอนที่ฟู่จาวหนิงรู้ก็ยังรู้สึกว่าเซียวหลันยวนนี่ร้ายจริงๆ สามารถกล่อมเสิ่นเสวียนได้ด้วย นางรู้ว่าเสิ่นเสวียนที่ดูแล้วอบอุ่นมาก เหมือนจะคุยด้วยง่าย แต่อันที่จริงเขาเป็นคนที่เด็ดขาดมาก ไม่ถูกผลกระทบได้ง่ายๆ เลยบ้านหลังนี้ทิวทัศน์ไม่เลว แต่ถ้าไปเทียบกับสวนตระกูลเสิ่
"มีๆๆๆ" เสิ่นเชี่ยวเองก็รู้สึกแปลกมาก "ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอข้าเห็นนางก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ตลอดเลย"นางร้องไห้ไปหลายต่อหลายรอบแล้ว แต่พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ยังอยากจะร้องไห้อีกฟู่จาวหนิงคิดในใจ พวกเขาทั้งสองลืมลูกสาวตัวเองไปแล้วแท้ๆ มีอะไรน่าร้องไห้กัน?แต่ว่าเสี่ยวเฟย ยังอยู่ในความทรงจำพวกเขาตลอด ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะเขียนจดหมายบอกท่านปู่กับเสี่ยวเฟยดีไหม ว่าหาตัวสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินพบแล้วยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเฟยคงจะทิ้งปมในใจได้แล้วกระมัง เขาไม่ใช่ว่าถูกทอดทิ้งหญิงสาวเผ่าเฮ่อเหลียนคนนั้น ตอนนั้นหลอกพวกเขาไป แล้วอุ้มลูกของคนอื่นหนีไปหน้าตาเฉยแต่หญิงสาวคนนั้นก็ตายไปแล้ว ไม่มีทางไปสืบสาวไล่เรียงอีกฟู่จาวหนิงฟังพวกเขาอยู่พักหนึ่ง จึงเพิ่งเคาะประตู นำสิ่งของเดินเข้าประตูมาพอเห็นนาง ทั้งสองคนก็รีบวางสิ่งที่กำลังทำอยู่ทันทีพวกเขาเพิ่งกินข้าวกลางวันไป กำลังเก็บโต๊ะอยู่ฟู่จาวหนิงมองมาผาดหนึ่ง ตกตะลึงไปเพราะอาหารที่ส่งเข้ามาให้พวกเขา ทั้งหมดถูกกินจนเกลี้ยง ทุกจานล้วนว่างเปล่าสะอาดหมดจด กระทั่งน้ำผักก็ไม่เหลือ ในชามข้าวเองก็ว่างเปล่า กระทั่งข้าวสักเม็ดก็ยังไม่มีอาหารที่พวก
ฟู่จาวหนิงอธิบายกับพวกเขา "พวกท่านในเมื่อตอนนั้นเป็นคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเก็บพวกท่านไว้ข้างตัวก่อน แล้วค่อยถามให้แน่ชัด เพียงแต่ว่าพวกท่านตอนนี้ความทรงจำสับสน มีหลาจุดในอดีตที่จำได้ไม่ชัดเจน บางทีความทรงจำอาจจะผิดพลาดได้ ดังนั้นพวกเราจึงเตรียมรักษาให้พวกท่านก่อนแล้วค่อยสอบถาม"นางพูดเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็สามารถเข้าใจได้"แต่ในเมื่อพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่ว่าควรจะเป็นผู้ต้องสงสัยหรอกหรือ?" เสิ่นเชี่ยวถามอีกครั้ง "ข้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะขังพวกเราไว้เสียอีก ไม่ให้ข้าวให้น้ำ แล้วคอยไต่สวนทุกวี่วัน"อันที่จริง นางเองก็เตรียมใจที่จะถูกทรมานไต่สวนไว้แล้วด้วยพอดีกับพวกเขามาเกินไป พวกเขากลับรู้สึกอยู่ไม่สุขอย่างนั้นหรือ?ฟู่จาวหนิงก่อนหน้าที่จะรู้ว่าพวกเขาทำไมจึงลืมตนเองไป ก็จะทำเป็นไม่รู้จักพวกเขาดังนั้นนางไม่มีทางบอกตัวตนฐานะที่แท้จริงของตนเอง"พวกท่านไม่ใช่ว่ามีอาการป่วยติดตัวหรอกหรือ? ถ้าหากทำกับพวกท่านเช่นนั้น มันก็ไม่มีอะไรดีกับอาการป่วยพวกท่านนี่ อ๋องเจวี้ยนก็หวังให้พวกท่านหายวันหายคืน เขาจึงจะสอบถามความจริงในครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ทรมานพวกท่าน พ
เสิ่นเชี่ยวเองก็พูดขึ้นว่า "พวกเรารออยู่ในนั้นหลายวัน ประทังชีวิตด้วยบ่อน้ำนั่น พอห่างไปหน่อยก็เห็นบ้านหลังหนึ่งถูกถล่มทับพังไปมุมหนึ่ง แล้วยังเห็นรางหินที่เอาไว้ป้อนม้าหรือป้อนอะไรสักอย่าง ในอดีตน่าจะมีครอบครัวของใครพักอยู่""แล้วได้มองอย่างชัดเจนไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินการบรรยายของพวกเขาเช่นนี้ ในใจก็อดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อสถานที่นั้นขึ้นมาไม่ได้"เข้าไปดูอยู่นะ แต่ว่าในนั้นถึงอย่างไรก็ถูกทับไป บางจุดเต็มไปด้วยดิน แล้วยังมีหินก้อนใหญ่อยู่อีก บนหลังคาก็ถูกหน้าผาดินปิดทับไปหมดแล้ว ด้านล่างไม่มีแสง ยิ่งไปกว่านั้นคนยังยืดตัวตรงไม่ได้ ต้องงอตัวเดินเข้าไป"ฟู่จิ้นเชินคิดถึงสถานที่นั้น สายตาดูว่างเปล่า"ข้ารู้สึกว่าถ้ายิ่งเข้าไปหาด้านในก็จะพบเส้นทางอยู่ จากพื้นหินดำกับกำแพงหินเรียบก็พออนุมานได้ ต่อให้ทางนั้นจะเป็นแค่เมืองเล็กเมืองหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะถูกปิดผนึกไป น่าจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองอยู่พอสมควร"พวกเขาตอนนั้นอยู่ที่นั่นเพื่อหลบหนีการล่าสังหาร ใช้ชีวิตอยู่หลายวัน และยังหาของบางอย่างเจอด้วย"ข้าได้เอ็นมังกรหยกมาจากที่นั่น"ที่แท้ เอ็นมังกรหยกได้มาจากสถานที่ที่น่าจะเป็นแคว้นตงฉิงส
"ข้าจะพยายามรักษาพวกท่านให้สุดกำลัง แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกท่านก็คือต้องพักผ่อนให้ดีกินให้เพียงพอ เพราะสุขภาพของพวกท่านย่ำแย่มาก"ยิ่งไปกว่นั้นนางก่อนหน้านี้ยังเจาะเลือดออกมาตรวจสอบอีกตั้งหลายหลอด สองวันนี้ต้องให้พวกเขาพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวให้ดี"ได้ พวกเราจะฟังท่าน""จริงด้วย" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีก "สถานที่ที่พวกท่านพบเอ็นมังกรหยกนั่นอยู่ที่ไหนหรือ? มีคนอื่นพบสถานที่นั้นไหม?"ฟู่จิ้นเชินส่ายหัว "น่าจะยังไม่มีคนอื่นพบเข้า ข้าตอนนั้นก็ไปเจอเข้าโดยไม่เจตนา ตอนนั้นพวกเราเข้าไปในเขาอวี้เหิง เขาอวี้เหิงมีถนนผ่านไปที่นั่น แค่ไกลหน่อย ถนนเองก็มีต้นไม้ใบหญ้าบดบังไว้"เป็นตงฉิงจริงๆ ด้วย!เพราะตงฉิงน่าจะอยู่ในทิศที่ผ่านเขาอวี้เหิงไป"ถึตอนนั้นให้ท่านนำทางไป ท่านจะยังจำเส้นทางได้ไหม?""น่าจะยังจำได้กระมัง ให้ไปถึงที่นั่นก่อน เดินไปด้วยคิดไปด้วยน่าจะคิดออกอยู่"ฟู่จิ้นเชินก็ยังไม่ค่อยจะมั่นใจต่อตนเองเท่าไรฟู่จาวหนิงกลับมาถึงห้องตนเอง เสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนกำลังดื่มชาสนทนากัน"ถามเรียบร้อยแล้วหรือ?""ถามเรียบร้อยแล้ว วัตถุดิบยาเป็นเขาที่จัดเตรียม""เช่นนั้นก็เก่งกาจมา
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้