เซียวหลันยวนมองนาง และรู้สึกมหัศจรรย์มากเช่นกันเขาไม่สนใจว่าฟู่จิ้นเชินฟังออกหรือไม่ เอ่ยกับจาวหนิงขึ้นว่า "หนิงหนิง ข้ารู้สึกมาตลอด ว่าโชคของเจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ เป็นไปได้ว่านี่นี่เป็นเพราะโชคของเจ้า คนถึงได้มาเจอกันแบบนี้""นี่มันเกี่ยวกับโชคตรงไหนกัน""เกี่ยวแน่นอน"นางมีญาติขึ้นมาหลายๆ คน แน่นอนว่าต้องดีวก่ามีญาติอย่างท่านผู้เฒ่าฟู่เพียงคนเดียวอยู่แล้วตอนที่เซียวหลันยวนสนใจความคิดนี้ ไม่ได้สังเกตถึงความคิดของตนเองเลย ว่าเขาไม่ได้มีความคิดที่จะให้เสิ่นเชี่ยวมาชดใช้ชีวิตแล้ว ยอมรับเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาคือญาติของฟู่จาวหนิงญาติพออยู่ด้วยกัน รู้จักกันจึงจะเรียกว่าญาติ"อ๋องเจวี้ยนพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ถึงได้มาเจอกันแบบนี้ หมายถึงใครหรือ?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงมองไปทางฟู่จิ้นเชิน พ่อตาของเขาคนนี้ฉลาดจริงๆ และยังเฉียบคมมาก แค่ประโยคนี้ของเขาก็สามารถจับประเด็นได้แล้ว"ข้าทำไมต้องตอบเจ้าด้วย?" เซียวหลันยวนเชิดคางอย่างหยิ่งทะนงแม้อีกฝ่ายจะเป็นพ่อตาเขา แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักกันเสียหน่อยเช่นนั้นเขาก็ยังทำตัวเป็นท่านอ๋องต่อหน้าฟู่จิ้นเชินได้อยู่ ถึงอย่างไรความแค้นของเขา
ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวจึงพักลงมาที่นี่ในเมื่อหาคนเจอแล้ว ซ้ำยังกว่าจะหาจนเจอ ไม่ว่าจะฟู่จาวหนิงหรือเซียวหลันยวน กระทั่งเสิ่นเสวียน ก็ยังปล่อยพวกเขาออกไปไม่ได้สุขภาพของทั้งสองคนนี้อ่อนแออย่างมาก ฟู่จาวหนิงยังต้องคอยรักษาให้พวกเขาแต่ก่อนที่จะรักษา นางนำเอ็นมังกรหยกไปจัดเตรียมเสียก่อนโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงผู้อาวุโสจี้พอรู้ว่านางได้เอ็นมังกรหยกแล้วก็ค่อนข้างตื่นเต้น จึงเขัามามองมองเอ็นมังกรหยกอย่างละเอียด"คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะทำให้เจ้าได้เอ็นมังกรหยกมาแล้ว! ครั้งนี้ไปในภูเขา หาวัตถุดิบยามาได้ตั้งเยอะแยะแท้ๆ แต่ก็ไม่มีเอ็นมังกรหยกอยู่เลย ข้ากำลังคิดว่ามันยากจริงๆ วัตถุดิบยาชนิดนี้เกรงว่ามันจะหาได้ยากเกินไป"ผู้อาวุโสจี้พูดเช่นนี้ ก็อธิบายได้ว่าช่วงนี้เขาเองก็ขบคิดอย่างสุดแรงมาตลอดเหมือนกัน ที่จะช่วยหาวัตถุดิบยาชนิดนี้ให้กับเซียวหลันยวนถึงแม้อาจจะทำเพื่อฟู่จาวหนิง แต่มันก็ไม่ต่างกัน"ท่านอาจารย์ เอ็นมังกรหยกนี้หายากจริงๆ""ใช่แล้ว หายากมาก ข้าเองยังคิดอยู่ว่าต้องรอไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิเลยไหม ตอนที่สรรพสิ่งฟื้นคืนอีกครั้ง เหล่างูเหล่ามดออกจากรังมาทำงาน ตอนนั้นน่าจะหาได้ แต่ต่อใ
พวกเขาถูกจัดให้พักอยู่ในห้องหนึ่ง ฟู่จาวหนิงตอนที่เข้าไปดูจึงพบว่าอยู่ไม่ห่างจากพวกเขาเท่าไรนักเสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนยังมีความเห็นต่างกันอยู่บ้างเสิ่นเสวียนรู้สึกว่าสถานที่ที่พวกเขาพักอยู่ใกล้ฟู่จาวหนิงเกินไป ถ้าหากพวกเขาล่อมือสังหารมาจริงๆ อาจจะทำให้ฟู่จาวหนิงลำบาก ไม่ค่อยปลอดภัยเซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่า เขากับจาวหนิงอยู่ด้วยกัน คนของเขาสามารถรวมตัวกันปกป้องได้ อยู่ใกล้กันถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไรก็ยังสามารถจัดการได้ทันท่วงที ถ้าหากพวกเขาอยู่ห่างไปหน่อย แล้วฟู่จาวหนิงกังวลจนสั่งคนออกไป กำลังคนจะกระจายตัวกัน พอถึงเวลาฟู่จาวหนิงก็จะไม่ปลอดภัยถึงอย่างไรก็เป็นพ่อแม่นาง กว่าจะหากันจนเจอ จะอย่างไรก็คงต้องปกป้องนั่นล่ะ ให้อยู่ในสายตานาง จาวหนิงก็จะวางใจมากขึ้นสุดท้ายเสิ่นเสวียนจึงถูกเซียวหลันยวนกล่อม เรื่องนี้จึงฟังเขาตอนที่ฟู่จาวหนิงรู้ก็ยังรู้สึกว่าเซียวหลันยวนนี่ร้ายจริงๆ สามารถกล่อมเสิ่นเสวียนได้ด้วย นางรู้ว่าเสิ่นเสวียนที่ดูแล้วอบอุ่นมาก เหมือนจะคุยด้วยง่าย แต่อันที่จริงเขาเป็นคนที่เด็ดขาดมาก ไม่ถูกผลกระทบได้ง่ายๆ เลยบ้านหลังนี้ทิวทัศน์ไม่เลว แต่ถ้าไปเทียบกับสวนตระกูลเสิ่
"มีๆๆๆ" เสิ่นเชี่ยวเองก็รู้สึกแปลกมาก "ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอข้าเห็นนางก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ตลอดเลย"นางร้องไห้ไปหลายต่อหลายรอบแล้ว แต่พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ยังอยากจะร้องไห้อีกฟู่จาวหนิงคิดในใจ พวกเขาทั้งสองลืมลูกสาวตัวเองไปแล้วแท้ๆ มีอะไรน่าร้องไห้กัน?แต่ว่าเสี่ยวเฟย ยังอยู่ในความทรงจำพวกเขาตลอด ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะเขียนจดหมายบอกท่านปู่กับเสี่ยวเฟยดีไหม ว่าหาตัวสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินพบแล้วยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเฟยคงจะทิ้งปมในใจได้แล้วกระมัง เขาไม่ใช่ว่าถูกทอดทิ้งหญิงสาวเผ่าเฮ่อเหลียนคนนั้น ตอนนั้นหลอกพวกเขาไป แล้วอุ้มลูกของคนอื่นหนีไปหน้าตาเฉยแต่หญิงสาวคนนั้นก็ตายไปแล้ว ไม่มีทางไปสืบสาวไล่เรียงอีกฟู่จาวหนิงฟังพวกเขาอยู่พักหนึ่ง จึงเพิ่งเคาะประตู นำสิ่งของเดินเข้าประตูมาพอเห็นนาง ทั้งสองคนก็รีบวางสิ่งที่กำลังทำอยู่ทันทีพวกเขาเพิ่งกินข้าวกลางวันไป กำลังเก็บโต๊ะอยู่ฟู่จาวหนิงมองมาผาดหนึ่ง ตกตะลึงไปเพราะอาหารที่ส่งเข้ามาให้พวกเขา ทั้งหมดถูกกินจนเกลี้ยง ทุกจานล้วนว่างเปล่าสะอาดหมดจด กระทั่งน้ำผักก็ไม่เหลือ ในชามข้าวเองก็ว่างเปล่า กระทั่งข้าวสักเม็ดก็ยังไม่มีอาหารที่พวก
ฟู่จาวหนิงอธิบายกับพวกเขา "พวกท่านในเมื่อตอนนั้นเป็นคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเก็บพวกท่านไว้ข้างตัวก่อน แล้วค่อยถามให้แน่ชัด เพียงแต่ว่าพวกท่านตอนนี้ความทรงจำสับสน มีหลาจุดในอดีตที่จำได้ไม่ชัดเจน บางทีความทรงจำอาจจะผิดพลาดได้ ดังนั้นพวกเราจึงเตรียมรักษาให้พวกท่านก่อนแล้วค่อยสอบถาม"นางพูดเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็สามารถเข้าใจได้"แต่ในเมื่อพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่ว่าควรจะเป็นผู้ต้องสงสัยหรอกหรือ?" เสิ่นเชี่ยวถามอีกครั้ง "ข้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะขังพวกเราไว้เสียอีก ไม่ให้ข้าวให้น้ำ แล้วคอยไต่สวนทุกวี่วัน"อันที่จริง นางเองก็เตรียมใจที่จะถูกทรมานไต่สวนไว้แล้วด้วยพอดีกับพวกเขามาเกินไป พวกเขากลับรู้สึกอยู่ไม่สุขอย่างนั้นหรือ?ฟู่จาวหนิงก่อนหน้าที่จะรู้ว่าพวกเขาทำไมจึงลืมตนเองไป ก็จะทำเป็นไม่รู้จักพวกเขาดังนั้นนางไม่มีทางบอกตัวตนฐานะที่แท้จริงของตนเอง"พวกท่านไม่ใช่ว่ามีอาการป่วยติดตัวหรอกหรือ? ถ้าหากทำกับพวกท่านเช่นนั้น มันก็ไม่มีอะไรดีกับอาการป่วยพวกท่านนี่ อ๋องเจวี้ยนก็หวังให้พวกท่านหายวันหายคืน เขาจึงจะสอบถามความจริงในครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ทรมานพวกท่าน พ
เสิ่นเชี่ยวเองก็พูดขึ้นว่า "พวกเรารออยู่ในนั้นหลายวัน ประทังชีวิตด้วยบ่อน้ำนั่น พอห่างไปหน่อยก็เห็นบ้านหลังหนึ่งถูกถล่มทับพังไปมุมหนึ่ง แล้วยังเห็นรางหินที่เอาไว้ป้อนม้าหรือป้อนอะไรสักอย่าง ในอดีตน่าจะมีครอบครัวของใครพักอยู่""แล้วได้มองอย่างชัดเจนไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินการบรรยายของพวกเขาเช่นนี้ ในใจก็อดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อสถานที่นั้นขึ้นมาไม่ได้"เข้าไปดูอยู่นะ แต่ว่าในนั้นถึงอย่างไรก็ถูกทับไป บางจุดเต็มไปด้วยดิน แล้วยังมีหินก้อนใหญ่อยู่อีก บนหลังคาก็ถูกหน้าผาดินปิดทับไปหมดแล้ว ด้านล่างไม่มีแสง ยิ่งไปกว่านั้นคนยังยืดตัวตรงไม่ได้ ต้องงอตัวเดินเข้าไป"ฟู่จิ้นเชินคิดถึงสถานที่นั้น สายตาดูว่างเปล่า"ข้ารู้สึกว่าถ้ายิ่งเข้าไปหาด้านในก็จะพบเส้นทางอยู่ จากพื้นหินดำกับกำแพงหินเรียบก็พออนุมานได้ ต่อให้ทางนั้นจะเป็นแค่เมืองเล็กเมืองหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะถูกปิดผนึกไป น่าจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองอยู่พอสมควร"พวกเขาตอนนั้นอยู่ที่นั่นเพื่อหลบหนีการล่าสังหาร ใช้ชีวิตอยู่หลายวัน และยังหาของบางอย่างเจอด้วย"ข้าได้เอ็นมังกรหยกมาจากที่นั่น"ที่แท้ เอ็นมังกรหยกได้มาจากสถานที่ที่น่าจะเป็นแคว้นตงฉิงส
"ข้าจะพยายามรักษาพวกท่านให้สุดกำลัง แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกท่านก็คือต้องพักผ่อนให้ดีกินให้เพียงพอ เพราะสุขภาพของพวกท่านย่ำแย่มาก"ยิ่งไปกว่นั้นนางก่อนหน้านี้ยังเจาะเลือดออกมาตรวจสอบอีกตั้งหลายหลอด สองวันนี้ต้องให้พวกเขาพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวให้ดี"ได้ พวกเราจะฟังท่าน""จริงด้วย" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีก "สถานที่ที่พวกท่านพบเอ็นมังกรหยกนั่นอยู่ที่ไหนหรือ? มีคนอื่นพบสถานที่นั้นไหม?"ฟู่จิ้นเชินส่ายหัว "น่าจะยังไม่มีคนอื่นพบเข้า ข้าตอนนั้นก็ไปเจอเข้าโดยไม่เจตนา ตอนนั้นพวกเราเข้าไปในเขาอวี้เหิง เขาอวี้เหิงมีถนนผ่านไปที่นั่น แค่ไกลหน่อย ถนนเองก็มีต้นไม้ใบหญ้าบดบังไว้"เป็นตงฉิงจริงๆ ด้วย!เพราะตงฉิงน่าจะอยู่ในทิศที่ผ่านเขาอวี้เหิงไป"ถึตอนนั้นให้ท่านนำทางไป ท่านจะยังจำเส้นทางได้ไหม?""น่าจะยังจำได้กระมัง ให้ไปถึงที่นั่นก่อน เดินไปด้วยคิดไปด้วยน่าจะคิดออกอยู่"ฟู่จิ้นเชินก็ยังไม่ค่อยจะมั่นใจต่อตนเองเท่าไรฟู่จาวหนิงกลับมาถึงห้องตนเอง เสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนกำลังดื่มชาสนทนากัน"ถามเรียบร้อยแล้วหรือ?""ถามเรียบร้อยแล้ว วัตถุดิบยาเป็นเขาที่จัดเตรียม""เช่นนั้นก็เก่งกาจมา
ค่ำวันนี้ ทั้งหมดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยฟู่จาวหนิงต้มยาไว้เรียบร้อย สกัดยาลูกกลอนไว้แล้ว ใช้กินและอาบภายนอก จัดการขจัดพิษที่คงค้างให้กับเซียวหลันยวนชิงอีหลานหรงคอยคุ้มกันอยู่ภายนอก ทั้งตื่นเต้นและตึงเครียดครั้งนี้ถ้าสามารถขจัดพิษคงค้างในตัวท่านอ๋องได้ เช่นนั้นหลังจากนี้ถ้าเจอกับศัตรูแข็งแกร่ง ท่านอ๋องก็สามารถเข้าต่อสู้ได้อย่างสุดกำลัง ไม่จำเป็นต้องมาคอยแบกภาระแล้วยังต้องกังวลว่าพิษจะกำเริบอยู่ตลอดเวลาอีกยิ่งไปกว่านั้น หลายปีนี้กำลังภายในของท่านอ๋องเองก็ต้องมาทรมานเพราะร่างกายพังๆ นี้อีกครั้งที่แล้วหลังจากแก้พิษไปกำลังภายในของเขาก็ทะลวงขั้น ตอนนี้พวกเขาอันที่จริงก็ล้วนคาดหวัง อยากให้ครั้งนี้ถอนพิษได้อย่างหมดจดจริง กำลังภายในของท่านอ๋องจะทะลวงขั้นไปได้มากขึ้นหรือไม่ถึงอย่างไร องค์จักรพรรดิเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วในตอนนี้ ใครจะรู้ว่าตอนไหนจะลงมือกับท่านอ๋องถ้าวรยุทธ์ของท่านอ๋องสูงขึ้นอีกหน่อย พวกเขาก็จะยิ่งวางใจฟู่จาวหนิงหยิบยา ใส่ยาลูกกลอนลงไปในยาน้ำกับน้ำยาที่ใช้อาบ"อีกเดี๋ยวท่านก็ลงไปแช่เสีย แล้วข้าจะใช้ยาน้ำมาล้างแผลเป็นพิษบนหน้าท่านเสียหน่อย บวกกับยาที่ท่านดื่มลง