เซียวหลันยวนมองนาง และรู้สึกมหัศจรรย์มากเช่นกันเขาไม่สนใจว่าฟู่จิ้นเชินฟังออกหรือไม่ เอ่ยกับจาวหนิงขึ้นว่า "หนิงหนิง ข้ารู้สึกมาตลอด ว่าโชคของเจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ เป็นไปได้ว่านี่นี่เป็นเพราะโชคของเจ้า คนถึงได้มาเจอกันแบบนี้""นี่มันเกี่ยวกับโชคตรงไหนกัน""เกี่ยวแน่นอน"นางมีญาติขึ้นมาหลายๆ คน แน่นอนว่าต้องดีวก่ามีญาติอย่างท่านผู้เฒ่าฟู่เพียงคนเดียวอยู่แล้วตอนที่เซียวหลันยวนสนใจความคิดนี้ ไม่ได้สังเกตถึงความคิดของตนเองเลย ว่าเขาไม่ได้มีความคิดที่จะให้เสิ่นเชี่ยวมาชดใช้ชีวิตแล้ว ยอมรับเป็นนัยๆ ว่าพวกเขาคือญาติของฟู่จาวหนิงญาติพออยู่ด้วยกัน รู้จักกันจึงจะเรียกว่าญาติ"อ๋องเจวี้ยนพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ถึงได้มาเจอกันแบบนี้ หมายถึงใครหรือ?"เซียวหลันยวนตอนนี้จึงมองไปทางฟู่จิ้นเชิน พ่อตาของเขาคนนี้ฉลาดจริงๆ และยังเฉียบคมมาก แค่ประโยคนี้ของเขาก็สามารถจับประเด็นได้แล้ว"ข้าทำไมต้องตอบเจ้าด้วย?" เซียวหลันยวนเชิดคางอย่างหยิ่งทะนงแม้อีกฝ่ายจะเป็นพ่อตาเขา แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักกันเสียหน่อยเช่นนั้นเขาก็ยังทำตัวเป็นท่านอ๋องต่อหน้าฟู่จิ้นเชินได้อยู่ ถึงอย่างไรความแค้นของเขา
ฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวจึงพักลงมาที่นี่ในเมื่อหาคนเจอแล้ว ซ้ำยังกว่าจะหาจนเจอ ไม่ว่าจะฟู่จาวหนิงหรือเซียวหลันยวน กระทั่งเสิ่นเสวียน ก็ยังปล่อยพวกเขาออกไปไม่ได้สุขภาพของทั้งสองคนนี้อ่อนแออย่างมาก ฟู่จาวหนิงยังต้องคอยรักษาให้พวกเขาแต่ก่อนที่จะรักษา นางนำเอ็นมังกรหยกไปจัดเตรียมเสียก่อนโดยไม่พูดพล่ามทำเพลงผู้อาวุโสจี้พอรู้ว่านางได้เอ็นมังกรหยกแล้วก็ค่อนข้างตื่นเต้น จึงเขัามามองมองเอ็นมังกรหยกอย่างละเอียด"คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะทำให้เจ้าได้เอ็นมังกรหยกมาแล้ว! ครั้งนี้ไปในภูเขา หาวัตถุดิบยามาได้ตั้งเยอะแยะแท้ๆ แต่ก็ไม่มีเอ็นมังกรหยกอยู่เลย ข้ากำลังคิดว่ามันยากจริงๆ วัตถุดิบยาชนิดนี้เกรงว่ามันจะหาได้ยากเกินไป"ผู้อาวุโสจี้พูดเช่นนี้ ก็อธิบายได้ว่าช่วงนี้เขาเองก็ขบคิดอย่างสุดแรงมาตลอดเหมือนกัน ที่จะช่วยหาวัตถุดิบยาชนิดนี้ให้กับเซียวหลันยวนถึงแม้อาจจะทำเพื่อฟู่จาวหนิง แต่มันก็ไม่ต่างกัน"ท่านอาจารย์ เอ็นมังกรหยกนี้หายากจริงๆ""ใช่แล้ว หายากมาก ข้าเองยังคิดอยู่ว่าต้องรอไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิเลยไหม ตอนที่สรรพสิ่งฟื้นคืนอีกครั้ง เหล่างูเหล่ามดออกจากรังมาทำงาน ตอนนั้นน่าจะหาได้ แต่ต่อใ
พวกเขาถูกจัดให้พักอยู่ในห้องหนึ่ง ฟู่จาวหนิงตอนที่เข้าไปดูจึงพบว่าอยู่ไม่ห่างจากพวกเขาเท่าไรนักเสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนยังมีความเห็นต่างกันอยู่บ้างเสิ่นเสวียนรู้สึกว่าสถานที่ที่พวกเขาพักอยู่ใกล้ฟู่จาวหนิงเกินไป ถ้าหากพวกเขาล่อมือสังหารมาจริงๆ อาจจะทำให้ฟู่จาวหนิงลำบาก ไม่ค่อยปลอดภัยเซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่า เขากับจาวหนิงอยู่ด้วยกัน คนของเขาสามารถรวมตัวกันปกป้องได้ อยู่ใกล้กันถ้ามีการเคลื่อนไหวอะไรก็ยังสามารถจัดการได้ทันท่วงที ถ้าหากพวกเขาอยู่ห่างไปหน่อย แล้วฟู่จาวหนิงกังวลจนสั่งคนออกไป กำลังคนจะกระจายตัวกัน พอถึงเวลาฟู่จาวหนิงก็จะไม่ปลอดภัยถึงอย่างไรก็เป็นพ่อแม่นาง กว่าจะหากันจนเจอ จะอย่างไรก็คงต้องปกป้องนั่นล่ะ ให้อยู่ในสายตานาง จาวหนิงก็จะวางใจมากขึ้นสุดท้ายเสิ่นเสวียนจึงถูกเซียวหลันยวนกล่อม เรื่องนี้จึงฟังเขาตอนที่ฟู่จาวหนิงรู้ก็ยังรู้สึกว่าเซียวหลันยวนนี่ร้ายจริงๆ สามารถกล่อมเสิ่นเสวียนได้ด้วย นางรู้ว่าเสิ่นเสวียนที่ดูแล้วอบอุ่นมาก เหมือนจะคุยด้วยง่าย แต่อันที่จริงเขาเป็นคนที่เด็ดขาดมาก ไม่ถูกผลกระทบได้ง่ายๆ เลยบ้านหลังนี้ทิวทัศน์ไม่เลว แต่ถ้าไปเทียบกับสวนตระกูลเสิ่
"มีๆๆๆ" เสิ่นเชี่ยวเองก็รู้สึกแปลกมาก "ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอข้าเห็นนางก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ตลอดเลย"นางร้องไห้ไปหลายต่อหลายรอบแล้ว แต่พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ยังอยากจะร้องไห้อีกฟู่จาวหนิงคิดในใจ พวกเขาทั้งสองลืมลูกสาวตัวเองไปแล้วแท้ๆ มีอะไรน่าร้องไห้กัน?แต่ว่าเสี่ยวเฟย ยังอยู่ในความทรงจำพวกเขาตลอด ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะเขียนจดหมายบอกท่านปู่กับเสี่ยวเฟยดีไหม ว่าหาตัวสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินพบแล้วยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวเฟยคงจะทิ้งปมในใจได้แล้วกระมัง เขาไม่ใช่ว่าถูกทอดทิ้งหญิงสาวเผ่าเฮ่อเหลียนคนนั้น ตอนนั้นหลอกพวกเขาไป แล้วอุ้มลูกของคนอื่นหนีไปหน้าตาเฉยแต่หญิงสาวคนนั้นก็ตายไปแล้ว ไม่มีทางไปสืบสาวไล่เรียงอีกฟู่จาวหนิงฟังพวกเขาอยู่พักหนึ่ง จึงเพิ่งเคาะประตู นำสิ่งของเดินเข้าประตูมาพอเห็นนาง ทั้งสองคนก็รีบวางสิ่งที่กำลังทำอยู่ทันทีพวกเขาเพิ่งกินข้าวกลางวันไป กำลังเก็บโต๊ะอยู่ฟู่จาวหนิงมองมาผาดหนึ่ง ตกตะลึงไปเพราะอาหารที่ส่งเข้ามาให้พวกเขา ทั้งหมดถูกกินจนเกลี้ยง ทุกจานล้วนว่างเปล่าสะอาดหมดจด กระทั่งน้ำผักก็ไม่เหลือ ในชามข้าวเองก็ว่างเปล่า กระทั่งข้าวสักเม็ดก็ยังไม่มีอาหารที่พวก
ฟู่จาวหนิงอธิบายกับพวกเขา "พวกท่านในเมื่อตอนนั้นเป็นคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเก็บพวกท่านไว้ข้างตัวก่อน แล้วค่อยถามให้แน่ชัด เพียงแต่ว่าพวกท่านตอนนี้ความทรงจำสับสน มีหลาจุดในอดีตที่จำได้ไม่ชัดเจน บางทีความทรงจำอาจจะผิดพลาดได้ ดังนั้นพวกเราจึงเตรียมรักษาให้พวกท่านก่อนแล้วค่อยสอบถาม"นางพูดเช่นนี้ ฟู่จิ้นเชินก็สามารถเข้าใจได้"แต่ในเมื่อพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่ว่าควรจะเป็นผู้ต้องสงสัยหรอกหรือ?" เสิ่นเชี่ยวถามอีกครั้ง "ข้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนจะขังพวกเราไว้เสียอีก ไม่ให้ข้าวให้น้ำ แล้วคอยไต่สวนทุกวี่วัน"อันที่จริง นางเองก็เตรียมใจที่จะถูกทรมานไต่สวนไว้แล้วด้วยพอดีกับพวกเขามาเกินไป พวกเขากลับรู้สึกอยู่ไม่สุขอย่างนั้นหรือ?ฟู่จาวหนิงก่อนหน้าที่จะรู้ว่าพวกเขาทำไมจึงลืมตนเองไป ก็จะทำเป็นไม่รู้จักพวกเขาดังนั้นนางไม่มีทางบอกตัวตนฐานะที่แท้จริงของตนเอง"พวกท่านไม่ใช่ว่ามีอาการป่วยติดตัวหรอกหรือ? ถ้าหากทำกับพวกท่านเช่นนั้น มันก็ไม่มีอะไรดีกับอาการป่วยพวกท่านนี่ อ๋องเจวี้ยนก็หวังให้พวกท่านหายวันหายคืน เขาจึงจะสอบถามความจริงในครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ทรมานพวกท่าน พ
เสิ่นเชี่ยวเองก็พูดขึ้นว่า "พวกเรารออยู่ในนั้นหลายวัน ประทังชีวิตด้วยบ่อน้ำนั่น พอห่างไปหน่อยก็เห็นบ้านหลังหนึ่งถูกถล่มทับพังไปมุมหนึ่ง แล้วยังเห็นรางหินที่เอาไว้ป้อนม้าหรือป้อนอะไรสักอย่าง ในอดีตน่าจะมีครอบครัวของใครพักอยู่""แล้วได้มองอย่างชัดเจนไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินการบรรยายของพวกเขาเช่นนี้ ในใจก็อดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อสถานที่นั้นขึ้นมาไม่ได้"เข้าไปดูอยู่นะ แต่ว่าในนั้นถึงอย่างไรก็ถูกทับไป บางจุดเต็มไปด้วยดิน แล้วยังมีหินก้อนใหญ่อยู่อีก บนหลังคาก็ถูกหน้าผาดินปิดทับไปหมดแล้ว ด้านล่างไม่มีแสง ยิ่งไปกว่านั้นคนยังยืดตัวตรงไม่ได้ ต้องงอตัวเดินเข้าไป"ฟู่จิ้นเชินคิดถึงสถานที่นั้น สายตาดูว่างเปล่า"ข้ารู้สึกว่าถ้ายิ่งเข้าไปหาด้านในก็จะพบเส้นทางอยู่ จากพื้นหินดำกับกำแพงหินเรียบก็พออนุมานได้ ต่อให้ทางนั้นจะเป็นแค่เมืองเล็กเมืองหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะถูกปิดผนึกไป น่าจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองอยู่พอสมควร"พวกเขาตอนนั้นอยู่ที่นั่นเพื่อหลบหนีการล่าสังหาร ใช้ชีวิตอยู่หลายวัน และยังหาของบางอย่างเจอด้วย"ข้าได้เอ็นมังกรหยกมาจากที่นั่น"ที่แท้ เอ็นมังกรหยกได้มาจากสถานที่ที่น่าจะเป็นแคว้นตงฉิงส
"ข้าจะพยายามรักษาพวกท่านให้สุดกำลัง แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกท่านก็คือต้องพักผ่อนให้ดีกินให้เพียงพอ เพราะสุขภาพของพวกท่านย่ำแย่มาก"ยิ่งไปกว่นั้นนางก่อนหน้านี้ยังเจาะเลือดออกมาตรวจสอบอีกตั้งหลายหลอด สองวันนี้ต้องให้พวกเขาพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวให้ดี"ได้ พวกเราจะฟังท่าน""จริงด้วย" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีก "สถานที่ที่พวกท่านพบเอ็นมังกรหยกนั่นอยู่ที่ไหนหรือ? มีคนอื่นพบสถานที่นั้นไหม?"ฟู่จิ้นเชินส่ายหัว "น่าจะยังไม่มีคนอื่นพบเข้า ข้าตอนนั้นก็ไปเจอเข้าโดยไม่เจตนา ตอนนั้นพวกเราเข้าไปในเขาอวี้เหิง เขาอวี้เหิงมีถนนผ่านไปที่นั่น แค่ไกลหน่อย ถนนเองก็มีต้นไม้ใบหญ้าบดบังไว้"เป็นตงฉิงจริงๆ ด้วย!เพราะตงฉิงน่าจะอยู่ในทิศที่ผ่านเขาอวี้เหิงไป"ถึตอนนั้นให้ท่านนำทางไป ท่านจะยังจำเส้นทางได้ไหม?""น่าจะยังจำได้กระมัง ให้ไปถึงที่นั่นก่อน เดินไปด้วยคิดไปด้วยน่าจะคิดออกอยู่"ฟู่จิ้นเชินก็ยังไม่ค่อยจะมั่นใจต่อตนเองเท่าไรฟู่จาวหนิงกลับมาถึงห้องตนเอง เสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนกำลังดื่มชาสนทนากัน"ถามเรียบร้อยแล้วหรือ?""ถามเรียบร้อยแล้ว วัตถุดิบยาเป็นเขาที่จัดเตรียม""เช่นนั้นก็เก่งกาจมา
ค่ำวันนี้ ทั้งหมดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยฟู่จาวหนิงต้มยาไว้เรียบร้อย สกัดยาลูกกลอนไว้แล้ว ใช้กินและอาบภายนอก จัดการขจัดพิษที่คงค้างให้กับเซียวหลันยวนชิงอีหลานหรงคอยคุ้มกันอยู่ภายนอก ทั้งตื่นเต้นและตึงเครียดครั้งนี้ถ้าสามารถขจัดพิษคงค้างในตัวท่านอ๋องได้ เช่นนั้นหลังจากนี้ถ้าเจอกับศัตรูแข็งแกร่ง ท่านอ๋องก็สามารถเข้าต่อสู้ได้อย่างสุดกำลัง ไม่จำเป็นต้องมาคอยแบกภาระแล้วยังต้องกังวลว่าพิษจะกำเริบอยู่ตลอดเวลาอีกยิ่งไปกว่านั้น หลายปีนี้กำลังภายในของท่านอ๋องเองก็ต้องมาทรมานเพราะร่างกายพังๆ นี้อีกครั้งที่แล้วหลังจากแก้พิษไปกำลังภายในของเขาก็ทะลวงขั้น ตอนนี้พวกเขาอันที่จริงก็ล้วนคาดหวัง อยากให้ครั้งนี้ถอนพิษได้อย่างหมดจดจริง กำลังภายในของท่านอ๋องจะทะลวงขั้นไปได้มากขึ้นหรือไม่ถึงอย่างไร องค์จักรพรรดิเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วในตอนนี้ ใครจะรู้ว่าตอนไหนจะลงมือกับท่านอ๋องถ้าวรยุทธ์ของท่านอ๋องสูงขึ้นอีกหน่อย พวกเขาก็จะยิ่งวางใจฟู่จาวหนิงหยิบยา ใส่ยาลูกกลอนลงไปในยาน้ำกับน้ำยาที่ใช้อาบ"อีกเดี๋ยวท่านก็ลงไปแช่เสีย แล้วข้าจะใช้ยาน้ำมาล้างแผลเป็นพิษบนหน้าท่านเสียหน่อย บวกกับยาที่ท่านดื่มลง
พอได้ยินว่าคุกใต้ดินน้ำรั่ว หัวหน้าคุกก็ปวดหัวขึ้นมาเลยทีเดียวทำไมตอนนี้จู่ๆ ถึงน้ำรั่วเข้ามากัน?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สาวงามเหล่านี้เป็นคนจากที่ไหน เขาเองก็รู้อยู่ถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ถูกยัดเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ไม่มีทางที่จะมีใจปฏิพัทธ์กับอ๋องเจวี้ยนแต่ถ้าตอนนี้ให้พวกนางต้องมาเห็นว่าคุกอ๋องที่ขังอ๋องเจวี้ยนไว้เป็นเช่นไร คงจะยากที่พวกนางจะไม่พูดกันออกไปองค์จักรพรรดิแค่บอกว่าจะขังอ๋องเจวี้ยนสองเดือนให้เขาได้ไปนั่งทบทวนตนเอง แต่ไม่ได้บอกว่าอ๋องเจวี้ยนจะต้องถูกทรมานอยู่ในคุกเช่นนั้นองค์จักรพรรดิคงไม่เหลือหน้าอยู่เป็นแน่แท้"คุกใต้ดิน?"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "พวกเราเมื่อครู่ดูห้องขังพวกนี้แล้วแต่ไม่เจอท่านอ๋องของข้าเลย เจ้าคงไม่ได้ขังเขาไว้ในคุกใต้ดินกระมัง? คุกใต้ดินที่น้ำรั่ว?"ยังไม่ทันที่หัวหน้าคุกจะพูดอะไร นางก็อุทานตกใจขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! สุขภาพท่านอ๋องของพวกเรายังไม่หายดีนะ ห้องขังปกติตรงนี้ไม่มีใครอยู่ แล้วทำไมถึงเอาเขาไปขังไว้คุกใต้ดินกัน? สวรรค์โปรดพระโพธิสัตว์กวนอินเอ๋ย หรือความหมายขององค์จักรพรรดิ จะไม่ใช่ให้ท่านอ๋องไปคิดทบทวน แต่จะทรมานเขาอยู
"อ๊า!" อวิ๋นจูถูกทำให้ตกใจจนร้องเสียงแหลมขึ้นมา หลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็ว จนไปกระแทกกับชิวอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ นางชิวอวิ๋นถูกกระแทกจนไปโดนประตูห้องขังอีกห้อง เสียงดังปึงนางกำลังจะกรีดร้อง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ข้างหูมีลมหายใจคาวๆ พ่นมาที่ต้นคอ ตกใจจนนางสะดุ้งโหยง ขนลุกชูชันไปทั้งตัวนางหันหน้าคอแข็งมองไป ก็เห็นว่าด้านหลังประตูห้องขังมีผู้เฒ่าคนหนึ่งประชิดเข้ามาอยู่ข้างตัวนาง สูดลมหายใจอย่างเคลิบเคลิ้ม"หญิงสาวนี่ตัวหอมจริง...""อ๊า!"พริบตาเดียว ชิวอวิ๋นก็กรีดร้องแหลมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดีดตัวออกห่างอย่างรวดเร็วผู้คุมพุ่งเข้ามา กระบองในมือก็ออกแรงฟาดไปที่ประตูห้องขัง"ถอยออกไป!""ทำอะไรน่ะ? ทำอะไร? อยากตายหรือไรกัน?"นักโทษเหล่านั้นล้วนถอยกลับไปในมุมของห้องขัง แต่ก็ยังมีคนที่จับจ้องมายังหญิงสาวเหล่านี้ ในดวงตามีประกายเหมือนหมาป่าชั่วร้ายอย่างไรอย่างนั้นขังอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว พวกเขาไม่เห็นหญิงสาวมาตั้งนาน แล้วยังเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่สวยขนาดนี้อีกพวกของอวิ๋นจูถูกสายตาเช่นนี้จับจ้องจนตัวสั่น รู้สึกแย่ไปทั้งตัวแล้วพวกนางมองไปทางฟู่จาวหนิง แต่กลับเห็นฟู่จาวหนิงที่ไม่รู้ว่าสวมหน้
"พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?" ผู้คุมถลึงตาโต สงสัยว่าหูของตนเองคงจะฝาดไป"ข้าแจ้นมาที่นี่เพื่อมาล้อเล่นอย่างนั้นหรือ?" ฟู่จาวหนิงสีหน้าแข็งขัน "ทำตามราชโองการ พวกเราก็รีบเข้ามาปรนนิบัติอ่องเจวี้ยนนี่อย่างไร อ๋องเจวี้ยนถ้าต้องอยู่ที่นี่สองเดือน พวกเราจะไปกเินดีอยู่ดีในจวนได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่าต้องมาร่วมกันลำบากที่นี่ด้วยสิ""แต่ แต่ว่า..."ผู้คุมทั้งหมดล้วนเพิ่งเคยเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แต่ละคนใบ้กินกันไปหมดอ๋องเจวี้ยนอยู่ในคุกใต้ดินนะ แล้วยังเป็นคุกใต้ดินที่สิ่งแวดล้อมแย่ที่สุดห้องนั้นด้วย"พวกเจ้าไม่เชื่อก็ไปถามองค์จักรพรรดิเอา สายสวยพวกนี้ฝ่าบาทส่งมา บอกให้พวกนางดูแลอ๋องเจวี้ยนให้ดี ข้าจะให้พวกนางขัดราชโองการได้อย่างไรกัน?"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก แสดงออกว่าตนเองเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังต่อราชโองการ"นี่นี่นี่ พวกนางควรจะรออยู่ที่จวนอ๋องเจวี้ยนถึงจะถูกสิ...""เช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ท่านอ๋องพวกเราต้องอยู่ในคุกตั้งสองเดือนเชียวนะ นี่เดี๋ยวก็จะปีใหม่แล้วด้วย พวกเราจะปล่อยให้เขาติดคุกอยู่คนเดียว แต่ตนเองไปเสวยสุขอยู่ในจวนได้อย่างไ
เขาควรจะเขียนจดหมายบอกนายท่านหน่อยดีไหม ว่าจวนอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ถูกยัดหญิงสาวเข้ามาถึงสามคน? ถ้ารับสามคนนี้เข้ามา หลังจากนี้ก็คงจะมีคนที่สี่ห้าหกเจ็ดอีกถ้าหากหญิงสาวเหล่านี้วันวันเอาแต่ลอยชายอยู่ข้างกายคุณหนูกับอาเขย ร้อยเล่ห์มารยา จะช้าเร็วคงได้ส่งผลกระทบกับความรักของคุณหนูกับอาเขยแน่ๆผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวเฟยก็ได้ข่าวนี้แล้ว ปู่หลานทั้งสองคนก็รีบตรงเข้ามาและได้ยินคำพูดที่อวิ๋นจูกำลังเลือกเรือนกับฟู่จาวหนิงอยู่"พระชายา ข้าได้ยินว่าท่านอยู่ในเรือนเจียนเจีย เรือนนั้นห่างจากเรือนโยวหนิงไปหน่อย ข้าอยู่เรือนไหนถึงจะดีล่ะ? หรือให้ข้าเลือกเรือนที่อยู่ใกล้กับเรือนโยวหนิงหน่อยดี? อีกหน่อยท่านอ๋องถ้าจะไปหาข้าก็ไม่ต้องเดินทางไกลแล้ว"นิ้วมืออวิ๋นจูกำชายเสื้อตนเองไว้ ก้มหน้าต่ำนิดหน่อย ดูอ่อนโยนอ่อนแอ ทำให้คนอยากเข้ามาปกป้อง"ร่างกายของท่านอ๋องไม่ใช่เพิ่งดีขึ้นหรือ? หลังจากนี้หากจะต้องมาหาตอนกลางคืน ถ้าเดินไหกลมากคงไม่ดีกับสุขภาพเขาเท่าไร""หญิงสาวอย่างเจ้าไม่หน้าด้านไร้ยางอายไปหน่อยหรือ?!"ฟู่จาวเฟยพอได้ยินคำพูดนี้ก็ด่าลั่นออกมาอย่างโกรธเคืองยังไม่มีตัวตนฐานะอะไรกันเลย นี่คิดจะมาบีบคั้
ฟู่จาวหนิงดึงสติกลับมาที่นี่ยังไม่มีความคิดเรื่องที่ว่าเครือญาติแต่งงานกันไม่ได้สินะแล้วเรื่องที่ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันก็มีอยู่มากมายจริงๆเซียวหลันยวนกับอวิ๋นจูเองก็ไม่ถือว่าเป็นญาติใกล้ๆ กันแล้ว จากที่พวกเขาเห็นก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร"ท่านถามข้าว่าทำไมไม่เรียกเขาพี่ชาย ไม่ใช่คิดจะหยามหมิ่นข้าหรอกหรือ?" อวิ๋นจูเข้ามาใกล้นาง กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า "แม่ของข้าเป็นเมียน้อยที่ไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ราชวงศ์ไม่ยอมรับตัวตนฐานะของข้า พ่อของข้าก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนข้าแล้วพาข้าไปพบเหล่าพี่น้องในราชวงศ์พวกนั้นอย่างผ่าเผย แล้วอ๋องเจวี้ยน จะมองข้าเป็นน้องสาวได้อย่างไรกัน?""ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะใช้ความสัมพันธ์ในชั้นนี้เข้าใกล้เขาตั้งแต่แรก"อวิ๋นจูดูแล้วเหมือนจะภูมิใจขึ้นมาหน่อย แต่พอฟังน้ำเสียงนางก็ยังมีความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เหมือนกันคนแม่เป็นเมียน้อย เป็นความเจ็บปวดในใจนางมาโดยตลอด"ข้าเชื่อว่า ด้วยตัวของข้า ข้าเองก็สามารารถทำให้อ๋องเจวี้ยนเอียงตามองข้าต่างออกไปได้"ฟู่จาวหนิงเหลือบมองพิจารณานางผาดหนึ่งท่ามกลางสายตาพิจารณาของนาง อวิ๋นจูก็ยืดอกขึ้นนางมั่นใจกับรูปร่างภายนอกของ
"องค์จักรพรรดิประกาศว่า...""โอ้ เจ้าพูดมา"คือเป็นพระราชโองการที่ไม่ค่อยจริงจังสินะ ฟู่จาวหนิงเอะใจขึ้นหน่อยๆขันทีกระแอม สายตาของพระชายาอ๋องเจวี้ยนเหมือนแสดงความหมายของนางออกมาอย่างชัดเจน"องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง เห็นแก่อ๋องเจวี้ยนที่ร่างกายอ่อนแอโดดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็ก ไม่ค่อยได้รับความรักที่อบอุ่น ดังนั้นจึงเพาะบ่มนิสัยขี้อายและดื้อรั้นออกมา ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนสุขภาพกลังหันไปในทางที่ดี จึงต้องรีบปรับตัวกับชีวิตทั่วไปให้ไว้ที่สุด จวนอ๋องเองก็ควรจะมีคนให้มากขึ้น และในจวนอ๋องเองก็มีแม่นางหลายคนเข้าไปอยู่ใหม่พอดี ล้วนเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเรียบร้อยเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถแบ่งเบาภาระในจวนอ๋องแก่พระชายาอ๋องเจวี้ยนได้ และสามารถคอยดูแลอ๋องเจวี้ยน ให้จวนอ๋องเต็มไปด้วยความรักที่อบอุ่น"พอฟังถึงจุดนี้ ฟู่จาวหนิงก็เข้าใจความหมายขององค์จักรพรรดิขึ้นมานี่คิดจะใช้พระราชโองการมากดดันนาง ให้นางจำเป็นต้องเก็บแม่นางสามคนนี้เอาไว้เซียวหลันยวนมีความคิดจะเก็บข้าวของของพวกนางแล้วโยนออกจากจวนอ๋องเจวี้ยนไปด้วยกัน มันก็ดูเรียบง่ายและหยาบคายอยู่ ทว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิก็จะทำตรงข้ามกับเขาแล้วขันทีเองก
ฟู่จาวหนิงมาถึงโถงหน้าสาวงามทั้งสามคนเองก็อยู่ที่นี่ชิวอวิ๋น อวิ๋นจู และยังมีคนนั้นที่ชื่อซือหรูและเป็นไปตามคาด คนที่ชื่อซือหรูก็ยังเป็นแม่นางที่หน้าตาดีชิวอวิ๋นหน้าตาสะสวย ดูมีความหยิ่งยโสที่สง่าผ่าเผยหน่อยๆ ซือหรูกลับเป็นพวกดูอ่อนโยนเรียบร้อยอวิ๋นจูเป็นคนที่โดดเด่นสุดในสามคนนี้ คิ้วตาคมชัดวิจิตร โดยเฉพาะผิวที่ขาวผ่องนั่นยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นจูยังเป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดีที่สุดในสามคนนี้ด้วย แม้นางจะเป็นลูกสาวนอกสมรส แต่บิดาก็เป็นถึงอ๋องฉยงนางยืนอยู่คนเดียวห่างจากชิวอวิ๋นกับซือหรูออกมาหน่อย ดูแล้วเหมือนจะรังเกียจที่ต้องยืนอยู่ด้วยักนกับสองคนนั้นตรงหน้าพวกนางยังมีขันทีคนหนึ่งเข้ามาประกาศราชโองการ กำลังยืนรออย่างกระวนกระวายพอเห็นฟู่จาวหนิงเดินมา เขาก็รีบโค้งตัวคารวะ เดินเข้ามาต้อนรับ"เจ้าคนรับใช้" อวิ๋นจูแอบส่งสายตาเหยียดๆ ใส่ขันทีคนนี้นี่เป็นถึงคนข้างกายองค์จักรพรรดิเลยนะ แล้วยังเป็นคนแจ้งราชโองการอีก ทำไมถึงต้องพะเน้าพะนอพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนั้น?นางไม่รู้ ว่าต่อให้ไม่มีอ๋องเจวี้ยน ตอนที่ฟู่จาวหนิงเข้าวังสมัยก่อนก็ไม่ได้ไว้หน้าองค์จักรพรรดิเท่าไรนัก ยิ่งไ
"ท่านอ๋องของพวกเจ้าเตรียมการไว้นานแล้วสินะ?"พอได้ยินนางถามเช่นนี้ องครักษ์ลับก็ใจเต้นขึ้นมา ทำไมจึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของพระชายาทำเอาใจลนลานไปหมดกันนะ?"ท่านอ๋องหลายวันก่อนจัดคนไปไว้ในคุกใหญ่แล้ว แต่ว่า ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ว่าวันที่เข้าคุกน่าจะเป็นหลายวันหลังจากนี้ ยิ่งไปกว่านั้นห้องคุกก็ยังเป็นอีกที่หนึ่งด้วย..."ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ"วางแผนไว้แล้วจริงๆ? หรือก็คือ เขาตอนนี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในห้องคุกที่เตรียมเอาไว้สินะ?"เซียวหลันยวนผู้ชายคนนี้ มีอย่างที่ไหน คิดเอาไว้นานแล้วว่าองค์จักรพรรดิจะจับเขาขังคุก แล้วตนเองก็จัดเตรียมไว้ดิบดี แต่กลับไม่ยอมบอกให้นางรู้แม้แต่น้อย!เขาเคยคิดไหมว่านางจะเป็นห่วงเขา?จดหมายนางก็ไม่ได้รีบร้อนเอามาอ่าน แต่นางกลับอยากจะถามก่อน!องครักษ์ลับก้มหน้าต่ำ "ขอรับ ท่านอ๋องถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน...""คุกใต้ดินเป็นอย่างไรบ้าง?""ก็...พอไหวอยู่กระมัง?""เหอะๆ" ฟู่จาวหนิงหัวเราะเย็นชาในใจองครักษ์ลับลนลานกว่าเดิมแล้ว ท่านอ๋องกำชับไว้ ว่าอย่าบอกสถาพในห้องคุก แต่ตอนนี้พระชายาทำท่านเหมือนจะถามให้ละเอียดเสียแล้ว แล้วเขาไม่พูดได้หรือ?"เจ้าจะไม่พูดก็ได้" ฟู่จาวหนิง
"กลับไปแจ้งพระชายา ว่าไม่ต้องกังวล"ในห้องคุกมืด เซียวหลันยวนกำลังนั่งอยู่บนกองฟาง หลับตา น้ำเสียงฟังแล้วนิ่งสงบมาก"ท่านอ๋อง พระชายาจะต้องถามสถานการณ์ในคุกแน่นอน ถ้าหากพระชายาต้องการจะรู้ องค์จักรพรรดิถึงกับจับท่านส่งมาในคุกที่มืดอับชื้นเช่นนี้..."แล้วพระชายาจะไม่เป็นห่วงแย่หรือ?องครักษ์ลับพิจารณาคุกใหญ่แห่งนี้พวกเขาเดิมทีคิดว่า องค์จักรพรรดิจะให้คนพาท่านอ๋องส่งไปที่ห้องคุกด้านบนซึ่งสะอาดกว่าแห้งกว่าหน่อย ห้องคุกด้านบนอย่างน้อยก็ยังมีเตียง ยิ่งไปกว่านั้นยังสะอาดกว่านี้ มีหน้าต่างสามารถรับแสงได้ ตอนกลางวันยังสว่างขึ้นหน่อยคิดไม่ถึงว่าองค์จักรพรรดิจะพาคนมาขังเอาไว้ในคุกใต้ดินที่มืดที่สุดเสียอย่างนั้นคุกใต้ดินนี้แต่ก่อนมีไว้ขังพวกนักโทษหนักที่สังหารคนเป็นผักปลา ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีแสง ขุดเอาไว้ใต้ดิน อับชื้นมากๆยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีเตียง ที่มุมหนึ่งก็วางไว้แค่กองฟาง มุมกำแพงมีตะไคร่ขึ้นเนื่องจากอับชื้น กลิ่นของที่นี่ก็แย่เอามากๆขังไว้ที่นี่คือไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยทีเดียวถ้าหากท่านอ๋องยังมีสุขภาพแบบก่อนหน้านี้ อยู่ในนี้แค่คืนเดียวก็คงป่วยพับไปแล้วตอนนี้ร่างกายขอ