เสิ่นเสวียนตอนนี้ก็พูดขึ้นแล้ว"เอ็นมังกรหยกให้จาวหนิงได้ วิชาแพทย์ของนางนำหน้าหมอใหญ่ทั้งหมดในปัจจุบันนี้ไปแล้ว"พอเห็นฟู่จิ้นเชินจะพูดอะไรอีก เสิ่นเสวียนก็พูดต่อว่า "ยังห่างจากงานประชุมหมอใหญ่อีกตั้งหลายวัน ช่วงนี้ก็ให้จาวหนิงลองรักษาพวกท่านดูก่อนสิ แล้วข้าจะช่วยคิดหาวิธีให้หมอมีชื่ของสมาคมหมอใหญ๋ในตอนนั้นมารักษาพวกท่านให้อีกที ถ้าหากตอนนั้นท่านยังต้องการล่ะก็นะ""่จริงหรือ?""เมื่อครู่ท่านไม่ได้บอกหรอกหรือ ว่าท่านมาต้าชื่อ หนึ่งในเป้าหมายก็คือจะมาเจรจาแลกเปลี่ยนกับข้า?" เสิ่นเสวียนถามขึ้นอย่างสงบ "ในเมื่อข้าเป็นเป้าหมายการแลกเปลี่ยนที่ท่านเลือก เช่นนั้นท่านก็คงจะหาข่าวเรื่องข้ามาแต่เนิ่นๆ แล้ว"ดังนั้นเมื่อครู่ฟู่จิ้นเชินจึงถามว่าเขาคือเสิ่นเสวียนใช่ไหม"ข้าก็หาข่าวเรื่องท่านมาแล้วจริงๆ"แต่ว่า หลังจากมาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ เขาก็ได้ยินสถานการณ์ของตระกูลเสิ่นและเสิ่นเสวียน เหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนักเดิมทีเขาก็จะเปลี่ยนใจ ซือถูไป๋อาจจะเหมาะในการแลกเปลี่ยนมากกว่าเสิ่นเสวียนทว่าเขาตอนนี้ถูกพวกเขาพามาที่นี่แล้ว"แต่พวกท่านตอนนี้คิดจะบังคับเพื่อแลกเปลี่ยนหรือ?"เสิ่นเสวี
หามาตั้งนาน ฟู่จาวหนิงเองก็รู้ว่าเอ็นมังกรหยกมันหายากขนาดไหนก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่าไม่ต้องรีบร้อนมาก ทว่าตอนนี้พอพบว่าเซียวหลันยวนทนรับกับแผลเป็นพิษบนหน้านี้ไม่ไหวแล้ว นางจึงรู้สึกว่าต้องเอาการรักษาโฉมหน้าเขามาเป็นภารกิจแรกเสียก่อนถ้าหากพลาดเอ็นมังกรหยกในมือฟู่จิ้นเชินนี้ไป นางเองก็ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปที่จะหาเจอคือเมื่อไร ยิ่งไปกว่านั้นโอกาสที่จะเจออีกก็ยากด้วยไม่ว่าอย่างไร เอ็นมังกรหยกชิ้นนี้นางต้องนำมาให้ได้"ท่านต้องการนำไปแก้พิษหรือ? ท่านติดพิษมาหรือ?" ความสนใจของฟู่จิ้นเชินอยู่ที่จุดนี้ "ข้ารู้ว่าเอ็นมังกรหยกสามารถขับพิษที่ร้ายแรงออกมาได้"ตอนที่เขาถามฟู่จาวหนิง สายตาก็ดูกังวลอยุ่เสิ่นเชี่ยวเองก็ร้อนรนขึ้นมา "แม่นางท่านติดพิษมาหรือ?"ถ้าไม่ใช่พวกเขาเองก็ต้องรับการรักษษ นางอยากจะมอบเอ็นมังกรหยกนี้ให้ฟู่จาวหนิงไปเลย!"ไม่ใช่นาง แต่เป็นข้า"เซียวหลันยวนเอ่ยออกมาตรงๆ เขากระทั่งรู้สึกภูมิใจหน่อยๆ ด้วยเพราะฟู่จาวหนิงล้วนทำเพื่อเขาพอเห็นนางทำเพื่อตัวเองจนมาเจรจาแลกเปลี่ยนกับพ่อแม่แท้ๆ ได้ เซียวหลันยวนรู้สึกว่าตนเองถูกปลอบขวัญไปเรียบร้อยแล้วตอนนี้ในใจถูกอัดแน่นเต็มไปหมด
"นี่คือสลบไปแล้วหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ยังสลบลงไปพร้อมกันด้วย?"เสิ่นเสวียนรู้สึกไม่อยากเชื่อเลยดังนั้น ถ้าพูดถึงอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ได้อีกสามีภรรยาตระกูลฟู่ถูกประคองไปนอนที่เตียงอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน "ท่านเองก็เห็นแล้ว พวกเขาประหลาดไปจริงๆ""ยืนยันได้ว่าไม่ใช่แกล้งทำใช่ไหม?"เซียวหลันยวนเสียงขรึมลงมาเล็กน้อย"ยืนยัน"ฟู่จาวหนิงมองออกว่าเป็นลมจริงหรือแกล้งเป็นลม ยิ่งไปกว่านั้นนางเองยังจับชีพจรให้ด้วยเซียวหลันยวนกัดฟัน ไม่พูดอะไรอีกคนก็สลบไปแล้ว เขายังจะพูดอะไรได้? ยังไม่ได้ถามให้ชัดเลยสักอย่าง"ท่านลุง ท่านกับอายวนออกไปก่อนเถอะ ข้าจะตรวจพวกเขาอย่างละเอียด น่าจะต้องใช้เวลานานหน่อย"ฟู่จาวหนิงมองอย่างขอโทษไปที่เซียวหลันยวน "ท่านอดทนหน่อยได้ไหม? หากอย่างจะรู้ความจริงในครั้งนั้น ดูท่าต้องให้พวกเขาหายเป็นปกติเสียก่อน""ได้ ข้าจะรอ"เซียวหลันยวนก้มหน้าต่ำเล็กน้อย จูบเบาๆ ไปที่หน้าผากนาง และเพราะนาง เขาจึงเต็มใจจะรอเสิ่นเสวียนหมุนตัวออกไป ทำเป็นว่าตัวเองไม่เห็นฉากนี้"จาวหนิง เช่นนั้นเจ้าก็เหนื่อยหน่อยนะ พวกเราจะออกไปแล้ว มีอะไรก็เรียกไป๋หู่"ไป๋หู่จะคอยคุ้
"หลักๆ คือข้าถาม ถามว่าพวกเขาเดิมทีคิดจะหาตัวข้าใช่ไหม มีเรื่องอะไร ถามพวกเขาว่าเป็นสามีภรรยากันไหม ก่อนหน้านี้อยู่ที่ไหน"เสิ่นเสวียนสีหน้าดูซับซ้อน "พวกเขาตอบกลับง่ายอย่างกระชับ แต่ก็ยังพอฟังออกว่า ช่วงสิบกว่าปี้นี้ พวกเขาน่าจะไม่ได้พักที่ไหนนานๆ เลย ระหกระเหินอยู่ภายนอกตลอด"เขาฟังแล้วรู้สึกปวดใจหน่อยๆ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเสิ่นเชี่ยวน้องสาวเขาที่หายสาบสูญไปหลายปีคนเองก็หาพบแล้ว เสิ่นเชี่ยวกระทั่งตัวตนฐานะฟู่หลินซื่อของนางก็ยังนึกไม่ออก ไม่ตอ้งพูดเรื่องตัวตนของเสิ่นเชี่ยวเลยเกรงว่าจะยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ดังนั้นเสิ่นเสวียนจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้แต่ว่าเซียวหลันยวนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่พวกเขาระหกระเหินอยู่ภายนอกสิบกว่าปี ถึงอย่างไรก็เป็นศัตรูของเขาอยู่แล้วใครจะไปสนใจว่าศัตรูจะมีความสุขหรือเปล่าในช่วงหลายปีนี้?"หลังจากที่ข้าแต่งงานกับจาวหนิงได้ไม่นาน แคว้นเจาก็ยกเลิกการไล่จับพวกเขาแล้ว พวกเขาถ้าหากรู้ อยากจะกลับบ้านมาดูก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้"แต่เป็นพวกเขาที่เลือกระหกระเหินอยู่ภายนอกเอง"อ๋องเจวี้ยน พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากกลับมาท่านจะไม่ยัดพวกเขาเข้าคุกทั
หลังจากพูดประโยคนี้นางก็ไม่พูดอะไรต่อ และไม่บอกว่าได้หรือไม่ได้ นั่งอยู่อย่างนั้น ค่อยๆ ดื่มชาห้องอุ่นห้องนี้ของนาง ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา บนกำแพงแขวนภาพไว้ อักษรลงไว้ว่าหัวใจพระสูตร ภาพที่วาดคือวัตถุสีไม่ฉูดฉาดบนโต๊ะมีถาดผลไม้วางอยู่ วางสาลี่ในฤดูกาลของต้าชื่อเอาไว้หลายผล สาลี่นี้ยังส่งกลิ่นหอมหวานออกมา บวกกับควันจางๆ ที่ลอยกรุ่นจากชา บวกกับแสงตะวันอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วงจางๆ นอกหน้าต่าง ทำให้รู้สึกเงียบสงัด กาลเวลาเงียบสงบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสวมชุดกระโปรงสีเรียบๆ ที่ผมก็มีเพียงปิ่นหยกสีเขียวเล่มหนึ่ง ใบหน้าขาวสะอาดดุจจันทร์กระจ่าง ดูเข้ากับห้องอุ่นนี้เป็นพิเศษเลยทีเดียวเดิมทีนั่งอยู่ในสถานที่เช่นนี้ มององค์หญิงใหญ่เช่นนี้ ซือถูไป๋ก็รู้สึกว่าตนเองควรจะสงบและผ่อนคลายแต่แปลกมากๆ เขาไม่ผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย กระทั่งยังรู้สึกตึงเครียดเสียด้วยซ้ำความรู้สึกที่นั่งดื่มชากับองค์หญิงใหญ่ แตกต่างกับการดื่มชากับฟู่จาวหนิงหลายขุมฟู่จาวหนิงไม่ได้นุ่มนวลอ่อนโยนแบบนี้กับเขาซือถูไป๋รู้สึกแปลกๆ ในใจตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงคนส่งเข้ามา "องค์หญิงใหญ่ องค์ชายสองและพระชายาองค์ชายสองมาขอพบ"ซ
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นดวงตางงหน่อยๆ"เรื่องแบบนี้ มาหาข้าแล้วข้าช่วยอะไรได้หรือ?"นางเองก็แค่แม่นางที่อายุสิบแปด ยังไม่แต่งงาน ไม่ต้องพูดเรื่องตั้งครรภ์เลย มาหานางทำไมกัน?"องค์หญิงใหญ่เปี่ยมล้นด้วยพระพรโชคสุข เป็นคนที่พระเจ้าโปรดปราน ข้าอยากให้เด็กในท้องได้รับโชคนี้ หวังว่าเขาจะปลอดภัย" พระชายาองค์ชายสองตอบมาเสิ่นเซียงกับอิ๋นสั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ สบตากันผาดหนึ่ง รู้สึกไม่อยากเชื่อนี่มันอะไรกัน?องค์หญิงใหญ่มีบทบาทแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?"แล้วข้าจะให้โชคกับเขาได้อย่างไร?" สายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็อดมองไปยังท้องของพระชายาองค์ชายสองไม่ได้ยังเรียบอยู่เลยจะมีเด็กหรือไม่มีเด็กก็ยังมองไม่ออก แล้วจะมอบพรมอบโชคให้ได้อย่างไร?"องค์หญิงใหญ่ วันนี้ข้าอยู่กับท่านที่นี่ นอนด้วยกันกับท่าน เช่นนี้ก็สามารถอยู่ใกล้ท่านได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเวลายังนานพอสมควรอีกด้วย เช่นนี้ได้ไหม?" พระชายาองค์ชายรองถามนางให้ความสำคัญกับเด็กมาก ที่คลอดมาก่อนหน้าคือลูกสาว ครรภ์นี้นางคิดว่าจะเป็นผู้ชาย ถ้านางยังไม่มอบทายาทสืบตระกูลให้กับองค์ชายสอง ตำแหน่งพระชายาองค์ชายสองก็คงจะไม่มั่นคงเสียแล้วองค์ชายสองจะต
คนที่อายุมากกว่าองค์หญิงใหญ่ของพวกนางเกือบสิบปี กลับมาออดอ้อนองค์หญิงใหญ่เนี่ยนะ?หน้าไม่อายเสียจริง!องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นดึงมือของตนเองออกมา พูดกับพระชายาองค์ชายสองอย่างจนใจ "ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ หลักๆ คือข้าไม่ชินที่จะนอนร่วมเตียงกับผู้อื่น ถ้าหากข้างกายมีคน ข้าจะนอนไม่หลับ""เป็นไปได้อย่างไรกัน?"พระชายาองค์ชายสองไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย นางมองไปทางองค์ชายสอง "นายท่าน ท่านพูดกับเสด็จอาหน่อยสิว่าข้านอนแล้วว่าง่ายไหม? แค่ขอที่นิดเดียวเท่านั้น ไม่ดิ้นไม่ขยับเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ละเมอไม่กัดฟันด้วย และไม่มีทางกรนอีกต่างหาก ไม่ส่งผลกระทบอะไรเลยนะ"องค์ชายสองพยักหน้า "เสด็จอา เรื่องนี้จริง ท่านจะรู้สึกว่าข้างๆ ไม่มีคนอยู่เลย""จะอย่างไรก็ต้องรู้ ตั้งแต่เล็กจนโตข้าชินกับการนอนคนเดียว ขนาดเฉินเซียงกับอิ๋นสั่วพวกนางจะคุ้มกันอยู่ในห้องข้ายังไม่ยอมเลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไปทางสาวใช้วังทั้งสองคนพวกนางรีบพยักหน้ายืนยันคำพูดของนาง"เสด็จอา เช่นนั้นข้านอนบนเตียงข้างๆ ก็ได้ ไม่นอนเตียงเดียวกับท่านอย่างนี้ได้ไหม?" พระชายาองค์ชายสองไม่เชื่อคำพูดนางจริงๆ แต่ก็จำใจต้องถอยมาก้าวหนึ่ง"ถ้าท่
"นี่ก็ออกไปแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าเองก็ปฏิเสธไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอีก" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นดื่มชาลงไปอีกอึกนางดูไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย"แต่ว่าพระชายาองค์ชายสองนั่นดูโกรธมากเลยนะ ทั้งๆ ที่นางทำไม่ถูกแท้ๆ สุดท้ายกลับยังโทษท่านอีก"นี่มันเหตุผลอะไรกัน?ให้ตายเถอะ"แล้วนางจะคิดได้เอง น่าจะเพราะนางมีนิสัยตรงไปตรงมา อารมณ์จึงแสดงออกบนใบหน้า อีกเดี๋ยวก็คงจะลืมแล้วกระมัง?""องค์หญิงใหญ่ ท่านนี่ก็เอาแต่พูดแทนคนอื่นนะ""ข้าไม่ใช่ผู้อาวุโสหรือไร? ข้าเป็นเสด็จอาของพวกเขานะ ข้าต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับผู้น้อยด้วยหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยิ้มๆเฉินเซียงก็ถอนใจออกมาอย่างจนใจวัยวุฒิก็ว่ากันตามวัยวุฒิ แต่นางก็ยังอายุน้อยกว่าพวกองค์ชายสองตั้งเยอะนะ"คุณชายซือถูยังอยู่ข้างนอกไหม? รีบเชิญเขาเข้ามาเร็ว"ซือถูไป๋เข้ามา เหลือบมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นผาดหนึ่ง พอเห็นท่าทางของนางยังดูอ่อนโยนสง่างาม ไม่ถูกสามีภรรยาองค์ชายสองเมื่อครู่นี้สร้างผลกระทบอะไรเลย ในใจก็รู้สึกนับถือขึ้นมา"คุณชายซือถู ขอบอกอะไรที่ตรงไปตรงมาสักเรื่องหนึ่งกับท่านได้ไหม?""องค์หญิงใหญ่เชิญพูดเถิด""อายุของข้าก็ขนาดนี้แล้ว ควรจะอภิ
"เช่นนั้นก็ใสหัวไป"เซียวหลันยวนพาคนออกจากคุกใหญ่เหล่าผู้คอมมองพวกเขา "หัวหน้า ตอนนี้ทำอย่างไรดี? นายพันเก๋อบอกไว้แล้ว ถ้าเฮ่อเหลียนเฟยมีความน่าสงสัยที่จะเป็นศัตรู ต้องคุมตัวเขาไว้ก่อนนี่นา"ก่อนหน้านี้ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าก็ดึงคนไว้แล้ว ตอนนี้อ๋องเจวี้ยนพาเขาเดินวนในคุกไปรอบหนึ่ง จากนั้นกลับเดินกลับไปอย่างองอาจเสียอย่างนั้นพรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อถามขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?เรื่องนี้ จะต้องนำไปให้ฝ่าบาททรงทราบแน่ องค์จักรพรรดิถ้าหากถามหาความรับผิดชอบขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรกัน?แต่หัวหน้าคุกก็ไม่กล้าทำอะไรนี่นา"ช่างมัน ผลักไปบนหัวอ๋องเจวี้ยนให้หมดแล้วกัน พรุ่งนี้ถ้านายพันเก๋อซักไซ้ขึ้นมา พวกเราก็บอกไปว่าพวกเราขวางอ๋องเจวี้ยนไม่อยู่"นี่โทษพวกเขาได้ที่ไหน?ฟู่จาวหนิงพอเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ"เสี่ยวเฟยไม่ต้องอยู่หรือ?" นางถามเซียวหลันยวน"ไม่ต้องให้อยู่แล้ว ให้พวกเขาไปที่จวนอ๋องเองแล้วกัน" เซียวหลันยวนตอบฟู่จิ้นเชินมองเขา "ขอบคุณมาก"นี่คือความหมายที่จะปกป้องพวกเขาแล้วถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พรุ่งนี้นายพันเก๋อพาคนไปที่บ้านตระกูลฟู่ พวกเขาคงไม่มีทางต่
โป๋จีเอาเรื่องที่เผ่าเฮ่อเหลียนยึดครองเมืองพูดจนกลายเป็นตัวเลือกที่จำใจของพวกเขาเสียอย่างนั้นฟู่จาวเฟยถามยังถามสถานการณ์ในเมืองตอนนี้อีกหน่อย แล้วยังถามเขาว่าทำไมถึงถูกเก๋อมู่กวงจัง รอจนเขา...ตอบมาทีละข้อ ถามขึ้นมาทันที "แล้วจดหมายที่นำมาให้ข้าล่ะ? ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ส่งจดหมายให้กับข้าหรือ?"โป๋จีมองไปทางเซียวหลันยวน"นี่คืออ๋องเจวี้ยนสินะ? พวกข้าได้ยินว่า อ๋องเจวี้ยนตอนนี้เป็นพี่เขยของเจ้า""ใช่แล้ว แต่เขากับองค์จักรพรรดิมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดี"สายตาโป๋จีหม่นลงเล็กน้อย พวกเขารู้เรื่องนี้"แล้วพ่อแท้ๆ ของเจ้าล่ะ?""เขาฟังพี่สาวข้า""หมอเทวดาฟู่ใช่ไหม?""ใช่ ชื่อเสียงของพี่สาวข้ามากขนาดนี้เลยหรือ? ลือกันไปถึงทางเผ่าแล้วหรือ?" ฟู่จาวเฟยถาม"แน่นอน นางเป็นถึงหมอที่อายุน้อยสุดในสมาคมหมอใหญ่เลยนะ" แล้วยังเป็นหมอหญิงอีก"แล้วจดหมายอยู่ที่ไหนล่ะ?""จะส่งให้เจ้าเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก แต่ว่าเจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งก่อน จดหมายสำหรับพวกเราแล้วสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องที่จะทำร้ายหรอก""เขียนอะไรไว้หรือ?""เจ้าอ่านจดหมายก็จะเข้าใจเอง""ท่านจะให้ข้าช่วยทำอะไรหรือ?" ฟู่จาวเฟยเริ่มจะเกิด
ขอแค่พวกเขาสงสัยในตัวฟู่จาวเฟยก็พอแล้วหัวหน้าคุกกับมือปราบเจียงพวกเขาก็เริ่มสงสัยเช่นนี้แล้วพวกเขามองฟู่จาวเฟย และมองไปยังโป๋จี สีหน้าเองก็กังวลขึ้นมา"คุณชายฟู่ นี่มัน..." มือปราบเจียงเข้าประชิดฟู่จิ้นเชิน กดเสียงต่ำคิดจะเตือนเขาคุณชายฟู่จะฟังไม่ออกได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าอยู่ต่อหน้านายพันเก๋อ แล้วเห็นว่าโป๋จีกับคุณชายน้อยฟู่มีความสัมพันธ์อันดีกันล่ะก็ คุณชายน้อยฟู่ก็จะยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นไปอีกนายพันเก๋อคงไม่มีทางเชื่อคุณชายน้อยฟู่แน่นอนแล้วถ้าคุณชายน้อยฟู่ถูกกำหนดให้เป็นพวกของราชาเฮ่อเหลียน เช่นนั้นก็ถือว่ามีโทษกบฏ อาจจะลากตระกูลฟู่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยได้กระทั่งว่า อ๋องเจวี้ยนเองก็จะโดนหางเลขไปด้วยแต่ว่า องค์จักรพรรดิก็คิดจะรับมืออ๋องเจวี้ยนชัดเจนขนาดนี้ เช่นนั้นถ้ามีโอกาสจับกุมขึ้นมาจะปล่อยไปได้อย่างไรกัน?มือปราบเจียงรู้ว่าลูกสาวตนเองชอบพระชายาอ๋องเจวี้ยนมาก ดังนั้นเขาจึงกังวลแทนพระชายาอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"่ท่านลุงโป๋จี ท่านกำลังพูดอะไรน่ะ? ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าตอนนั้นไม่ได้จงใจทิ้งข้า แล้วก็..."ฟู่จาวเฟยชะงักไป เปลี่ยนคำใหม่ "ราชาเฮ่อเหลียนยังสังหารแม่เลี้ยงข
"ท่านลุงโป๋จี ได้ยินว่าท่านมาส่งจดหมายให้ข้าหรือ?"ฟู่จาวเฟยถามออกมาทันทีโป๋จีก่อนหน้านี้ก็ดีกับเขาพอควร แต่ตอนนี้พอมาคิด ก็น่าจะแค่คิดว่าเขาเป็นลูกชายของราชาเฮ่อเหลียน เมื่อครู่ตอนที่เขาเห็นสายตาของตนเอง ก็แตกต่างกับแต่ก่อนไปแล้วฟู่จาวเฟยตอนนี้ยังพิจารณาออกได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่โป๋จีมองเห็นสายตาของเขา นั่นเป็นความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเป้าหมายยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ที่เขาถามออกมาโป๋จีก็ยังพิจารณามองเขาอยู่"ใช่แล้ว องค์ชาย" โป๋จีใช้ภาษาเมืองหลวงที่ฟังแล้วแปลกๆ เรียกเขาว่าองค์ชาย จากนั้นก็มองไปทางอ๋องเจวี้ยนด้วยสัญชาตญาณ เปลี่ยนเป็นภาษาเฮ่อเหลียนว่า "ราชาได้รับจดหมายของเจ้า บอกว่าเจ้าหาพ่อแม่ที่แท้จริงพบแล้ว มีตัวตนฐานะใหม่ ดูพึงพอใจมาก"โป๋จีไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนฟังภาษาเฮ่อเหลียนออกฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็ไม่รู้พอเขาฟังประโยคนี้ออกจึงมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนนี้จะแปลให้เขาคงไม่สะดวกนัก ถ้าเขาพูดออกมาตอนนี้ เกรงว่าโป๋จีคงไม่พูดความจริงแล้วรอให้เขาพูดสิ่งที่ควรพูดให้จบก่อนแล้วกันคำนี้ของโป๋จี น่าจะพูดให้เขาฟังความหมายของคำพูดนี้ แสดงออกว่าราชาเฮ่อเหลียนรู้แล้วว่าฟู่จาวเฟยเ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง
เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินจริงๆเขาเองก็ไม่ได้มีตัวตนฐานะพิเศษอะไร แต่กลับใช้ความสามารถตนเองเข้าไปในคุกใหญ่ได้ เข้าคุกใหญ่ไปยังพอทำเนา แต่นี่ยังได้พบกับโป๋จีด้วยนี่ร้ายกาจมากจริงๆ"พวกเจ้าให้เขาเข้าไปแบบนี้เลยหรือ?" เซียวหลันยวนรู้สึกแปลกใจจริงๆ"เรื่องนี้ เพราะโป๋จีพูดภาษาเราได้แค่นิดหน่อย คุณชายฟู่เขาพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้"หัวหน้าคุกกังวลนิดหน่อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนยกโทษให้กับสามีภรรยาตระกูลฟู่แล้วหรือยังคนไม่น้อยในเมืองหลวงก็ยังมองความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ออกถ้าหากอ๋องเจวี้ยนโกรธ แล้วหันมาระบายบนตัวเขาจะทำอย่างไรกัน"ท่านอ๋อง ท่านเองก็จะเข้าไปพบโป๋จีคนนั้นหรือ?" เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวังอ๋องเจวี้ยนออกมาได้อีกครั้ง แสดงว่าไม่ได้ติดโรคระบาดนั้นมาพวกผู้คุมในคุกใหญ่หลายวันนี้ยังไม่ได้ดื่มยาน้ำของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ทุกคนกินอาหารกันวันละสามมื้อ แต่ก็ยังไม่มีใครติดโรคชนิดนั้นเลยดังนั้นพวกเขาเชื่อมั่นในยาขอพระชายาอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเชื่อมั่นว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้เป็นโรคระบาดด้วย"ข้าเข้าไปไม่ได้หรือ?""ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่แน่นอน ท่านอ๋องเข้าไปได้" หัว
เซียวหลันยวนมองเสิ่นเชี่ยวผาดหนึ่ง"ก็แค่ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเท่านั้น"มีแผนอะไรเสียที่ไหน?เรื่องเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาลงมือตรวจสอบชัดเจน ก็ไม่ใช่อะไรที่จำทำเสร็จในชั่วครู่องค์จักรพรรดิจะต้องหยิบยืมเรื่องนี้แน่นอนใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าทางนี้คงทานได้อีกไม่นานแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาพาฟู่จาวเฟยไปคุกใหญ่ฟู่จาวหนิงกลับเข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนขึ้นมา"พวกเราตอนนี้ส่งไปเอง ยังพอจะเลือกห้องขังได้อยู่""ข้าฟังพวกเจ้านั่นล่ะ" เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นทันทีนางต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อลูกสาว ไม่ต้องถามให้ชัดเจนนัก ลูกสาวจะต้องไม่ทำร้ายน้องชายแน่ๆ แค่ฟังนางไว้ก็พอเรื่องในเมืองหลวง พวกเขาจะต้องเข้าใจชัดเจนกว่านางแน่นอน"เรื่องนั้นไม่ควรชักช้าไปกันตอนนี้เลย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหมุนตัวออกไปก่อนฟู่จาวหนิงกวักมือให้เสี่ยวเฟย "ไปกัน"ฟู่จาวเฟยเองก็เดิมตามนางไปอย่างเชื่อมั่นทันทีเสิ่นเชี่ยวเดินมาถึงด้านหลัง คารวะให้กับใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้า "ขอบคุณใต้เท้าที่ดูแล""เกรงใจเกินไปแล้ว..."ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าตอบกลับด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ก็เหมือนจะเกรงใจมากเกินไปเขายังกลายเป
ท่านพี่ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ใจของเขาสงบลงมาได้ไม่น้อยเลย"จาวหนิง นี่มาจากในภูเขาหรือ? เหนื่อยแย่เลยสิ?" เสิ่นเชี่ยวยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นทันที "เจ้าดื่มชาร้อนนี่ก่อนเถอะ เพิ่งต้มใหม่เลย ยังไม่ได้ดื่ม"นางเห็นฟู่จาวหนิงมีรอยคล้ำใต้ตาจางๆ ในภูเขาคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ และคงไม่ได้พักผ่อนดีนักแต่พอยกถ้วยชาขึ้นมา เสิ่นเชี่ยวก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะรับน้ำใจของนางไหมฟู่จาวหนิงรับมา ดื่มไปอึกหนึ่ง ผ่อนคลายลงมาได้"เรื่องจดหมายนี่อย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้มีอะไรผิดปกติบ้างไหม หรือมีคนมาหาเจ้าบ้างหรือเปล่า?"เสิ่นเชี่ยวถอนใจโล่ง ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาแม้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้อยู่กับพวกเขาจะไม่ค่อยคล้ายกับพ่อแม่ลูกเท่าไรนัก แต่นางเชื่อว่าในด้านความรู้สึกก็ยังพอเห็นได้บ้าง เดิมทีก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอยู่ฟู่จาวเฟยส่ายหัว รีบร้อนรับประกันอย่างขันแข็งขึ้นมา "ท่านพี่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ไม่มีคนมาหาข้าด้วย แล้วก็ไม่ได้รับจดหมายอะไรอีก ข้าเองก็ไม่ได้เขียนจดหมายไปด้านนอก""ช่วยนี้มีใครมาที่บ้านไหม?""ไม่มี มีแต่ท่านพ่อที่ออกไปบ่อยๆ ข้าอยู่ในแต่บ้านฝึกยุทธ์" ฟู่จาวเฟ
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร