"มีอะไรก็พูดมา""เช่นนั้นข้าน้อยขอถามท่านหน่อย? คืนนี้ท่านจะนอนพักในห้องพระชายาไหม? พระชายาจะให้ท่านออกมาหรือเปล่า?" ชิงอีถามขึ้นอย่างคาดหวังเซียวหลันยวนชะงักไปที่ถามแบบนี้ เหมือนว่าเขากลายเป็นพวกกาฝาก จนต้องอ้อนวอนให้ฟู่จาวหนิงเก็บเอาไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้นอย่าคิดว่าเขาฟังไม่ออก ชิงอีกำลังถามว่าเขาจะถูกฟู่จาวหนิงเตะออกมาหรือเปล่าใช่ไหม แล้วถ้าถูกเตะออกมาจริงๆ เกียรติของเขาในบ้านตระกูลเสิ่นคงหมดสิ้นป่นปี้พอดีถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่ของเสิ่นเสวียนถึงตอนนั้นถ้าอาเขยท่านอ๋องคนนี้ไม่ยอมรับขึ้นมา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?ปัญหาก็คือ เซียวหลันยวนตอนนี้เองก็ไม่กล้ายอมรับ ว่าคืนนี้ฟู่จาวหนิงจะเตะเขาออกไปหรือไม่"ท่านอ๋อง พวกของไป๋หู่จัดห้องหับให้ข้าน้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยกับพวกหลานหรงจะเว้นเตียงไว้เตียงหนึ่งแล้วกัน เผื่อคืนนี้พระชายาไม่ให้ท่านอยู่ด้วย ท่านก็แอบไปที่ห้องของพวกข้าน้อยก็ได้" ชิงอีเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังอากาศก็เย็นแล้ว ถ้าตอนกลางคืนท่านอ๋องถูกพระชายาถีบออกมา คงไม่ค่อยดีถ้าจะให้บ้านตระกุลเสิ่นจัดห้องนอนอีกห้องให้ แล้วถ้าไม่มีผ้านวมกับเตาถ่าน ท่านอ๋องก็อยู่ไม
เซียวหลันยวนลังเลว่าจะไปช่วยนางเช็ดผมดีหรือไม่ ฟู่จาวหนิงเช็ดไปครู่หนึ่งก็ขี้เกียจเสียแล้ว จึงลุกขึ้นไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันด้านใน ใจของเซียวหลันยวนก็เหมือนถูกขนนกมาสะกิดเบาๆนางเหมือนไม่ได้เลี่ยงเขา ขนาดเขาอยู่ในห้อง นางก็ยังเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย..."เจ้าเช็ดผมให้แห้งสิ ประเดี๋ยวลมกลางคืนพัดมาจะเป็นหวัดเอานะ" เขาพูดไปด้านในห้องฟู่จาวหนิงยังไม่ตอบเขาขี้เกียจจะพูดแล้วฟู่จาวหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็ออกมา เซียวหลันยวนพอมองไปก็พบว่านางดันใส่เสื้อผ้าของผู้ชายไปเสียแล้ว"นี่เจ้า?""ท่านลืมคำพูดของท่านลุงข้าแล้วหรือ? ไม่ใช่บอกว่าให้แปลงโฉมง่ายๆ หรือ? ข้าตอนนี้ก็แค่จะแต่งหญิงเป็นชายท่านมองไม่ออก?"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา น่าจะรอให้พวกทหารเข้ามาตรวจก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ แต่เมื่อครู่นี้นางก็สกปรกจนทนไม่ไหวเหมือนกันสายตาเซียวหลันยวนตกอยู่ที่หน้าอกนาง แค่เหลือบผ่านไป ใบหูก็ร้อนวาบขึ้นมาเดิมทีนางก็พอมีขนาดอยู่นะ ตอนนี้ทำไมถึงราบลงไปตั้งขนาดนี้? ดูท่าจะพันไว้แน่นมาก หายใจออกหรือ?"ท่านสวมชุดแบบนี้ แล้วยังสวมหน้ากากอีก แค่มองมาคนก็จำได้แล้ว
"อีกเดี๋ยวถ้านายท่านเองจะต้องตกใจสะดุ้งโหยงแน่" เสี่ยวชิ่นเอ่ยขึ้น "นายท่านเชิญคุณหนูกับท่านอ๋องไปทานข้าวเจ้าค่ะ""ได้ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"ฟู่จาวหนิงโบกไม้โบกมือ "มาช่วยข้ามัดผมหน่อย""เจ้าค่ะ"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นตอนที่พวกนางกำลังจะออกประตูไป "ข้าไม่ไปแล้วกัน ให้คนส่งอาหารอ่อนๆ มาให้ก็พอ"เสี่ยวชิ่นตกตะลึงฟู่จาวหนิงหันไปมองหน้ากากของเขา โมโหขึ้นมาทันที"ได้ แล้วแต่ท่านเลย"นางพาเสี่ยวชิ่นเดินออกประตูไประหว่างทางเท้าก็เหยียบตึงๆๆ เหมือนจะระบายอารมณ์หน่อยๆเสี่ยวชิ่นรีบตามมา แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก นางแค่มองก็รู้ ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่อยากจะปลดหน้ากากลงมากินข้าวนางกระทั่งรู้สึกว่าทำแบบนี้คือถูกต้องแล้วด้วยซ้ำ เพราะถ้าเดี๋ยวนายท่านเห็นหน้าของอ๋องเจวี้ยนเข้า อาจจะกินไม่ลงก็ได้นางเองก็ไม่รู้ว่านายท่านกับคุณหนูเคยเห็นใบหน้าใต้หน้ากากอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง"เสี่ยวชิ่น"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เรียกนางเสี่ยวชิ่นสะดุ้งโหยง เสียงสั่นขึ้นมา "อ๋า? คุณหนู?"เพราะว่ากังวล นางกลัวว่าฟู่จาวหนิงจะมองออกว่าตนเองกำลังคิดอะไรฟู่จาวหนิงเดิมทีโมโหจนรีบเดิน ตอนนี้ฝีเท้าช้าลงหน่อยแล้วทำไมนางพอเจอเซ
"ไม่ใช่ ข้าเป็นคนที่แต่งงานกับเขาเอง""แต่งกับเขาเอง?""ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเดิมทีก็ไม่ได้หน้าตาเช่นนี้ แต่เป็นเพราะเขาโดนพิษเล่นงานมา ดังนั้น หลังจากนี้เจ้าห้ามพูดถึงใบหน้าเขากับคนอื่นนะ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องแสดงท่าทีให้เป็นปกติมากที่สุด แล้วห้ามมาพูดกับข้าเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรนี่ด้วย เข้าใจไหม?"ฟู่จาวหนิงฟังความหมายของเสี่ยวชิ่น ก็เหมือนพูดว่านางแต่งกับเซียวหลันยวนแล้วน่าเวทนาน่าสงสารมากเสียอย่างนั้น แล้วยังรู้สึกว่านางทุกคนอยู่กับเซียวหลันยวนคงจะหวาดกลัวมาก จึงรีบกำชับกับเสี่ยวชิ่นอย่างเข้มงวดขึ้นมาเสียรอบหนึ่ง"เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว"เสี่ยวชิ่นยังกล้าเสียที่ไหนยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูหลังจากฟังการบรรยายของนางแล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณหนูสมแล้วที่เป็นคุณหนู ถ้าเป็นนางคงจะทำไม่ได้แน่ๆพอมาถึงเรือนหน้า เสิ่นเสวียนเห็นแค่นางเข้ามา จึงเผยสีหน้าเข้าใจ"ส่งอาหารค่ำของอ๋องเจวี้ยนเข้าไป" เขาบอกกับคนใช้"ขอรับ"ฟู่จาวหนิงนั่งลงตรงข้ามเสิ่นเสวียน "ท่านลุง ท่านเดาไว้แล้วใช่ไหมว่าเขาจะไม่มากินข้าว?"นี่เตรียมการไว้แล้วอย่างเห็นได้ชัด"มองออกน่ะ" เสิ่
ฟู่จาวหนิงเองก็ถลึงตาโตอ้าปากค้างเช่นกันมิน่าเมื่อครู่เสิ่นเสวียนตอนที่เห็นนางถึงมีปฏิกิริยาปกติแบบนั้น ที่แท้เขาเองก็เป็น "นักแสดงยอดเยี่ยม" คนหนึ่งเหมือนกันมองไม่ออกถึงร่างเสิ่นเสวียนคนเดิมเลยยิ่งไปกว่านั้นคนในที่ว่าการยังถามว่าเขาใช่ซ่งเป่าซานไหม แสดงว่าเขาแต่งตัวแสดงเป็นคนนี้จนมีตัวตนขึ้นมาแล้วหรือ?"ก็ไม่ค่อยได้ยินพวกเจ้าทำผิดอะไรอีกเท่าไรนั่นล่ะ คราวที่แล้วโดนปรับเงินไปหลายอยู่เลยว่าง่ายขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?"คนในที่ว่าการคุยสนทนากับเสิ่นเสวียนขึ้นมาเสียอย่างนั้น"ก็ไม่ใช่หรือไรกัน? ปวดใจเสียเหลือเกิน!" เสิ่นเสวียนทำหน้านิ้วถอนใจเสียงขมขื่นทหารทางการคนนั้นหัวเราะร่าขึ้นมา ตบลงไปบนบ่าเขา "ก็ต้องทำให้เจ้าปวดใจสิ! พวกเจ้าตอนนั้นก่อเรื่องไว้ตั้งขนาดไหน? วันดีคืนดีก็ไปทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านสาดเสียเทเสียใส่กัน! ประเดี๋ยวประด๋าวก็ขึ้นไปประท้วงบนถนนอีก หญิงรับใช้ของบ้านเจ้าพวกนั้นก็ด้วย สบถคำหยาบกันร้ายกาจเหลือเกิน สบถกันจนพวกพ่อค้าที่มาจากแคว้นเจาคิดว่าเมืองหลวงจักรพรรดิของเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกันไปแล้ว!"พรืด!ฟู่จาวหนิงตกตะลึงขึ้นไปอีกมีเรื่องแบบนี้ด้วย?"ใช่ใ
ระหว่างทางกลับฟู่จาวหนิงกำลังคิด ความหมายของท่านลุง น่าจะไม่ใช่ให้เซียวหลันยวนกับนางพักอยู่ห้องเดียวกันกระมัง!อันที่จริงนางก็รู้ว่าเรือนแห่งนี้ห้องว่างมีไม่มากที่แท้ก็มีคนบางส่วนพักอยู่แล้ว ถ้าแสดงเป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ ร่องรอยก็จะต้องมีแน่นอนเซียวหลันยวนคนนั้น ถ้านอนบนเตียงคนอื่นก็เหมือนจะไม่ชินเสียด้วย นอกเสียจากเครื่องนอนทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ตอนที่ออกไปพวกเขายังเอารถม้าไปด้วย ตอนไปถึงโรงเตี๊ยมก็จะเอาสิ่งที่ตัวเขาใช้ไปปู พิถีพิถันสุดๆถ้าหากไม่ได้ตามเงื่อนไข เขาอยู่แค่สองชั่วยามพอถูไถ แต่มีทางได้นอนจริงๆ แน่ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็อยากจะบอกว่าเขามีปัญหา แต่ถ้าเขาไม่เปลี่ยนแล้วจะทำอะไรได้พวกเขาอาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน แล้วจะให้เขาอยู่แค่พอถูไถไปตลอดหรือ? ทุกคนต้องมานอนพิงแค่ได้ครู่เดียวแบบนั้น?ตอนนางกลับไปถึงห้องตนเอง ชิงอีกำลังเก็บกวาดถาดชามบนโต๊ะฟู่จาวหนิงเหลือบมองผาดหนึ่งอาหารที่ส่งมา กินไปแค่ไม่กี่คำเท่านั้น"ทำไมล่ะ ไม่อร่อยหรือ?" นางถามขึ้นคำหนึ่งเซียวหลันยวนนั่งอยู่ข้างๆ หน้ากากยังคงสวมไว้ดิบดี"ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ไม่อยากอาหาร"
ฟู่จาวหนิงตะลึงไป "ได้สิ"เซียวหลันยวนกอดผ้าห่มเดินออกไปวางยังแคร่นิ่มที่ไม่ห่างออกไปนัก"ข้าจะนอนที่นี่แล้วกัน ไม่รบกวนเจ้าแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเหอะๆ"เอาสิ" ฟู่จาวหนิงกลอกตาขาว "ดับเทียนเสียด้วย""ได้"เซียวหลันยวนปรบมือ ดับไฟเทียนลงมาในห้องตกอยู่ในความมืดมิด หน้าต่างกระดาษมีเพียงแสงจันทร์ลอดเข้ามารางๆฟู่จาวหนิงนอนอยู่บนเตียง ได้ยินการเคลื่อนไหวของเขาทางนั้น เหมือนว่าจะนอนลงไปแล้ว"หน้ากากของท่านไม่ปลดลงมาหรือ?"เซียวหลันยวนคิดไม่ถึงว่าหูของนางจะไวขนาดนี้ ขนาดไม่หลดหน้ากากลงมาก็ยังฟังออก"จะปลดตอนนี้นั่นล่ะ""ข้าไม่ได้บังคับท่านให้ถอดนะ ท่านไม่ถอดก็เรื่องของท่าน"ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของนางอยู่แล้วเซียวหลันยวนปลดหน้ากากลงมาเงียบๆเขานอนลงไป ยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าตนเองเบาๆ ตอนโดนมือก็เหมือนจับเข้ากับคางคกที่เป็นปีศาจไปแล้ว สัมผัสมือทำเอาขยะแขยงรู้สึกหมดอาลัยตายอยากไปขณะหนึ่งเลยจริงๆฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าแรงกดดันในห้องลดลงมาแล้วอย่างประหลาดพอคิดแล้วนางจึงถามออกมา"หน้าของท่าน มันแย่ลงใช่ไหม?"ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ยินเสียงตอบของเซียวหลันยวน "ใช่"เขาไม่อย
ในวังจักรพรรดิตำหนักจิ้งฉีที่นี่คือวังบรรทมขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแม้จะกลับมาน้อยครั้ง ช่วงสิบปีนี้วันที่มายังตำหนักจิ้งฉีใช้นิ้วนับได้เลย แต่เหล่าสาวใช้วังของตำหนักจิ้งฉีก็อยู่ที่นี่มาตลอดทั้งปี คอยเก็บกวาดเป็นอย่างดี จัดการตัดแต่งต้นไม้ใบหญ้าดังนั้นตำหนักจิ้งฉีจึงสะอาดสะอ้านมาโดยตลอดเดิมทีองค์จักรพรรดิยังจะจัดเลี้ยงเชิญองค์หญิงใหญ่อยู่ แต่เพราะเรื่องลอบสังหารในวันนี้ งานเลี้ยงจึงยกเลิก องค์จักรพรรดิฮองเฮาพอเจอกับนาง ก็เข้าปลอบประโลมไปไม่กี่คำ จากนั้นจึงให้นางไปพักผ่อนยังวังบรรทมองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกปรนนิบัติอาบน้ำอาบท่า ตอนที่แช่อยู่ในน้ำร้อนให้สาวใช้วังค่อยๆ ขัดสีฉวีวรรณ ไม่รู้เพราะอะไรจึงคิดถึงคนเหล่านั้นที่พบในวันนี้ในสมองนางคนที่คิดถึงก่อนคือซือถูไป๋คุณชายเปล่งปลั่งที่เหมือนพระจันทร์คนนั้น ชุดคลุมผ้าไหมสีขาวพออยู่ในกลุ่มคนดูแล้วก็เหมือนมีแสงสว่างขาวนวลชั้นหนึ่งแผ่ออกมาพริบตานั้น นางกระทั่งรู้สึกว่าตนเองในช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว สิ่งที่คอยวาดฝันอยู่ตลอด ชายหนุ่มที่สามารถมายืนอยู่ข้างกายตนเองได้ ต้องมีหน้าตาแบบนี้นั่นล่ะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยื่นมือ