"มีอะไรก็พูดมา""เช่นนั้นข้าน้อยขอถามท่านหน่อย? คืนนี้ท่านจะนอนพักในห้องพระชายาไหม? พระชายาจะให้ท่านออกมาหรือเปล่า?" ชิงอีถามขึ้นอย่างคาดหวังเซียวหลันยวนชะงักไปที่ถามแบบนี้ เหมือนว่าเขากลายเป็นพวกกาฝาก จนต้องอ้อนวอนให้ฟู่จาวหนิงเก็บเอาไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้นอย่าคิดว่าเขาฟังไม่ออก ชิงอีกำลังถามว่าเขาจะถูกฟู่จาวหนิงเตะออกมาหรือเปล่าใช่ไหม แล้วถ้าถูกเตะออกมาจริงๆ เกียรติของเขาในบ้านตระกูลเสิ่นคงหมดสิ้นป่นปี้พอดีถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่ของเสิ่นเสวียนถึงตอนนั้นถ้าอาเขยท่านอ๋องคนนี้ไม่ยอมรับขึ้นมา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?ปัญหาก็คือ เซียวหลันยวนตอนนี้เองก็ไม่กล้ายอมรับ ว่าคืนนี้ฟู่จาวหนิงจะเตะเขาออกไปหรือไม่"ท่านอ๋อง พวกของไป๋หู่จัดห้องหับให้ข้าน้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยกับพวกหลานหรงจะเว้นเตียงไว้เตียงหนึ่งแล้วกัน เผื่อคืนนี้พระชายาไม่ให้ท่านอยู่ด้วย ท่านก็แอบไปที่ห้องของพวกข้าน้อยก็ได้" ชิงอีเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังอากาศก็เย็นแล้ว ถ้าตอนกลางคืนท่านอ๋องถูกพระชายาถีบออกมา คงไม่ค่อยดีถ้าจะให้บ้านตระกุลเสิ่นจัดห้องนอนอีกห้องให้ แล้วถ้าไม่มีผ้านวมกับเตาถ่าน ท่านอ๋องก็อยู่ไม
เซียวหลันยวนลังเลว่าจะไปช่วยนางเช็ดผมดีหรือไม่ ฟู่จาวหนิงเช็ดไปครู่หนึ่งก็ขี้เกียจเสียแล้ว จึงลุกขึ้นไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันด้านใน ใจของเซียวหลันยวนก็เหมือนถูกขนนกมาสะกิดเบาๆนางเหมือนไม่ได้เลี่ยงเขา ขนาดเขาอยู่ในห้อง นางก็ยังเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย..."เจ้าเช็ดผมให้แห้งสิ ประเดี๋ยวลมกลางคืนพัดมาจะเป็นหวัดเอานะ" เขาพูดไปด้านในห้องฟู่จาวหนิงยังไม่ตอบเขาขี้เกียจจะพูดแล้วฟู่จาวหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็ออกมา เซียวหลันยวนพอมองไปก็พบว่านางดันใส่เสื้อผ้าของผู้ชายไปเสียแล้ว"นี่เจ้า?""ท่านลืมคำพูดของท่านลุงข้าแล้วหรือ? ไม่ใช่บอกว่าให้แปลงโฉมง่ายๆ หรือ? ข้าตอนนี้ก็แค่จะแต่งหญิงเป็นชายท่านมองไม่ออก?"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา น่าจะรอให้พวกทหารเข้ามาตรวจก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ แต่เมื่อครู่นี้นางก็สกปรกจนทนไม่ไหวเหมือนกันสายตาเซียวหลันยวนตกอยู่ที่หน้าอกนาง แค่เหลือบผ่านไป ใบหูก็ร้อนวาบขึ้นมาเดิมทีนางก็พอมีขนาดอยู่นะ ตอนนี้ทำไมถึงราบลงไปตั้งขนาดนี้? ดูท่าจะพันไว้แน่นมาก หายใจออกหรือ?"ท่านสวมชุดแบบนี้ แล้วยังสวมหน้ากากอีก แค่มองมาคนก็จำได้แล้ว
"อีกเดี๋ยวถ้านายท่านเองจะต้องตกใจสะดุ้งโหยงแน่" เสี่ยวชิ่นเอ่ยขึ้น "นายท่านเชิญคุณหนูกับท่านอ๋องไปทานข้าวเจ้าค่ะ""ได้ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"ฟู่จาวหนิงโบกไม้โบกมือ "มาช่วยข้ามัดผมหน่อย""เจ้าค่ะ"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นตอนที่พวกนางกำลังจะออกประตูไป "ข้าไม่ไปแล้วกัน ให้คนส่งอาหารอ่อนๆ มาให้ก็พอ"เสี่ยวชิ่นตกตะลึงฟู่จาวหนิงหันไปมองหน้ากากของเขา โมโหขึ้นมาทันที"ได้ แล้วแต่ท่านเลย"นางพาเสี่ยวชิ่นเดินออกประตูไประหว่างทางเท้าก็เหยียบตึงๆๆ เหมือนจะระบายอารมณ์หน่อยๆเสี่ยวชิ่นรีบตามมา แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก นางแค่มองก็รู้ ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่อยากจะปลดหน้ากากลงมากินข้าวนางกระทั่งรู้สึกว่าทำแบบนี้คือถูกต้องแล้วด้วยซ้ำ เพราะถ้าเดี๋ยวนายท่านเห็นหน้าของอ๋องเจวี้ยนเข้า อาจจะกินไม่ลงก็ได้นางเองก็ไม่รู้ว่านายท่านกับคุณหนูเคยเห็นใบหน้าใต้หน้ากากอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง"เสี่ยวชิ่น"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เรียกนางเสี่ยวชิ่นสะดุ้งโหยง เสียงสั่นขึ้นมา "อ๋า? คุณหนู?"เพราะว่ากังวล นางกลัวว่าฟู่จาวหนิงจะมองออกว่าตนเองกำลังคิดอะไรฟู่จาวหนิงเดิมทีโมโหจนรีบเดิน ตอนนี้ฝีเท้าช้าลงหน่อยแล้วทำไมนางพอเจอเซ
"ไม่ใช่ ข้าเป็นคนที่แต่งงานกับเขาเอง""แต่งกับเขาเอง?""ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเดิมทีก็ไม่ได้หน้าตาเช่นนี้ แต่เป็นเพราะเขาโดนพิษเล่นงานมา ดังนั้น หลังจากนี้เจ้าห้ามพูดถึงใบหน้าเขากับคนอื่นนะ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องแสดงท่าทีให้เป็นปกติมากที่สุด แล้วห้ามมาพูดกับข้าเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรนี่ด้วย เข้าใจไหม?"ฟู่จาวหนิงฟังความหมายของเสี่ยวชิ่น ก็เหมือนพูดว่านางแต่งกับเซียวหลันยวนแล้วน่าเวทนาน่าสงสารมากเสียอย่างนั้น แล้วยังรู้สึกว่านางทุกคนอยู่กับเซียวหลันยวนคงจะหวาดกลัวมาก จึงรีบกำชับกับเสี่ยวชิ่นอย่างเข้มงวดขึ้นมาเสียรอบหนึ่ง"เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว"เสี่ยวชิ่นยังกล้าเสียที่ไหนยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูหลังจากฟังการบรรยายของนางแล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณหนูสมแล้วที่เป็นคุณหนู ถ้าเป็นนางคงจะทำไม่ได้แน่ๆพอมาถึงเรือนหน้า เสิ่นเสวียนเห็นแค่นางเข้ามา จึงเผยสีหน้าเข้าใจ"ส่งอาหารค่ำของอ๋องเจวี้ยนเข้าไป" เขาบอกกับคนใช้"ขอรับ"ฟู่จาวหนิงนั่งลงตรงข้ามเสิ่นเสวียน "ท่านลุง ท่านเดาไว้แล้วใช่ไหมว่าเขาจะไม่มากินข้าว?"นี่เตรียมการไว้แล้วอย่างเห็นได้ชัด"มองออกน่ะ" เสิ่
ฟู่จาวหนิงเองก็ถลึงตาโตอ้าปากค้างเช่นกันมิน่าเมื่อครู่เสิ่นเสวียนตอนที่เห็นนางถึงมีปฏิกิริยาปกติแบบนั้น ที่แท้เขาเองก็เป็น "นักแสดงยอดเยี่ยม" คนหนึ่งเหมือนกันมองไม่ออกถึงร่างเสิ่นเสวียนคนเดิมเลยยิ่งไปกว่านั้นคนในที่ว่าการยังถามว่าเขาใช่ซ่งเป่าซานไหม แสดงว่าเขาแต่งตัวแสดงเป็นคนนี้จนมีตัวตนขึ้นมาแล้วหรือ?"ก็ไม่ค่อยได้ยินพวกเจ้าทำผิดอะไรอีกเท่าไรนั่นล่ะ คราวที่แล้วโดนปรับเงินไปหลายอยู่เลยว่าง่ายขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?"คนในที่ว่าการคุยสนทนากับเสิ่นเสวียนขึ้นมาเสียอย่างนั้น"ก็ไม่ใช่หรือไรกัน? ปวดใจเสียเหลือเกิน!" เสิ่นเสวียนทำหน้านิ้วถอนใจเสียงขมขื่นทหารทางการคนนั้นหัวเราะร่าขึ้นมา ตบลงไปบนบ่าเขา "ก็ต้องทำให้เจ้าปวดใจสิ! พวกเจ้าตอนนั้นก่อเรื่องไว้ตั้งขนาดไหน? วันดีคืนดีก็ไปทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านสาดเสียเทเสียใส่กัน! ประเดี๋ยวประด๋าวก็ขึ้นไปประท้วงบนถนนอีก หญิงรับใช้ของบ้านเจ้าพวกนั้นก็ด้วย สบถคำหยาบกันร้ายกาจเหลือเกิน สบถกันจนพวกพ่อค้าที่มาจากแคว้นเจาคิดว่าเมืองหลวงจักรพรรดิของเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกันไปแล้ว!"พรืด!ฟู่จาวหนิงตกตะลึงขึ้นไปอีกมีเรื่องแบบนี้ด้วย?"ใช่ใ
ระหว่างทางกลับฟู่จาวหนิงกำลังคิด ความหมายของท่านลุง น่าจะไม่ใช่ให้เซียวหลันยวนกับนางพักอยู่ห้องเดียวกันกระมัง!อันที่จริงนางก็รู้ว่าเรือนแห่งนี้ห้องว่างมีไม่มากที่แท้ก็มีคนบางส่วนพักอยู่แล้ว ถ้าแสดงเป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ ร่องรอยก็จะต้องมีแน่นอนเซียวหลันยวนคนนั้น ถ้านอนบนเตียงคนอื่นก็เหมือนจะไม่ชินเสียด้วย นอกเสียจากเครื่องนอนทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ตอนที่ออกไปพวกเขายังเอารถม้าไปด้วย ตอนไปถึงโรงเตี๊ยมก็จะเอาสิ่งที่ตัวเขาใช้ไปปู พิถีพิถันสุดๆถ้าหากไม่ได้ตามเงื่อนไข เขาอยู่แค่สองชั่วยามพอถูไถ แต่มีทางได้นอนจริงๆ แน่ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็อยากจะบอกว่าเขามีปัญหา แต่ถ้าเขาไม่เปลี่ยนแล้วจะทำอะไรได้พวกเขาอาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน แล้วจะให้เขาอยู่แค่พอถูไถไปตลอดหรือ? ทุกคนต้องมานอนพิงแค่ได้ครู่เดียวแบบนั้น?ตอนนางกลับไปถึงห้องตนเอง ชิงอีกำลังเก็บกวาดถาดชามบนโต๊ะฟู่จาวหนิงเหลือบมองผาดหนึ่งอาหารที่ส่งมา กินไปแค่ไม่กี่คำเท่านั้น"ทำไมล่ะ ไม่อร่อยหรือ?" นางถามขึ้นคำหนึ่งเซียวหลันยวนนั่งอยู่ข้างๆ หน้ากากยังคงสวมไว้ดิบดี"ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ไม่อยากอาหาร"
ฟู่จาวหนิงตะลึงไป "ได้สิ"เซียวหลันยวนกอดผ้าห่มเดินออกไปวางยังแคร่นิ่มที่ไม่ห่างออกไปนัก"ข้าจะนอนที่นี่แล้วกัน ไม่รบกวนเจ้าแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเหอะๆ"เอาสิ" ฟู่จาวหนิงกลอกตาขาว "ดับเทียนเสียด้วย""ได้"เซียวหลันยวนปรบมือ ดับไฟเทียนลงมาในห้องตกอยู่ในความมืดมิด หน้าต่างกระดาษมีเพียงแสงจันทร์ลอดเข้ามารางๆฟู่จาวหนิงนอนอยู่บนเตียง ได้ยินการเคลื่อนไหวของเขาทางนั้น เหมือนว่าจะนอนลงไปแล้ว"หน้ากากของท่านไม่ปลดลงมาหรือ?"เซียวหลันยวนคิดไม่ถึงว่าหูของนางจะไวขนาดนี้ ขนาดไม่หลดหน้ากากลงมาก็ยังฟังออก"จะปลดตอนนี้นั่นล่ะ""ข้าไม่ได้บังคับท่านให้ถอดนะ ท่านไม่ถอดก็เรื่องของท่าน"ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของนางอยู่แล้วเซียวหลันยวนปลดหน้ากากลงมาเงียบๆเขานอนลงไป ยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าตนเองเบาๆ ตอนโดนมือก็เหมือนจับเข้ากับคางคกที่เป็นปีศาจไปแล้ว สัมผัสมือทำเอาขยะแขยงรู้สึกหมดอาลัยตายอยากไปขณะหนึ่งเลยจริงๆฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าแรงกดดันในห้องลดลงมาแล้วอย่างประหลาดพอคิดแล้วนางจึงถามออกมา"หน้าของท่าน มันแย่ลงใช่ไหม?"ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ยินเสียงตอบของเซียวหลันยวน "ใช่"เขาไม่อย
ในวังจักรพรรดิตำหนักจิ้งฉีที่นี่คือวังบรรทมขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแม้จะกลับมาน้อยครั้ง ช่วงสิบปีนี้วันที่มายังตำหนักจิ้งฉีใช้นิ้วนับได้เลย แต่เหล่าสาวใช้วังของตำหนักจิ้งฉีก็อยู่ที่นี่มาตลอดทั้งปี คอยเก็บกวาดเป็นอย่างดี จัดการตัดแต่งต้นไม้ใบหญ้าดังนั้นตำหนักจิ้งฉีจึงสะอาดสะอ้านมาโดยตลอดเดิมทีองค์จักรพรรดิยังจะจัดเลี้ยงเชิญองค์หญิงใหญ่อยู่ แต่เพราะเรื่องลอบสังหารในวันนี้ งานเลี้ยงจึงยกเลิก องค์จักรพรรดิฮองเฮาพอเจอกับนาง ก็เข้าปลอบประโลมไปไม่กี่คำ จากนั้นจึงให้นางไปพักผ่อนยังวังบรรทมองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกปรนนิบัติอาบน้ำอาบท่า ตอนที่แช่อยู่ในน้ำร้อนให้สาวใช้วังค่อยๆ ขัดสีฉวีวรรณ ไม่รู้เพราะอะไรจึงคิดถึงคนเหล่านั้นที่พบในวันนี้ในสมองนางคนที่คิดถึงก่อนคือซือถูไป๋คุณชายเปล่งปลั่งที่เหมือนพระจันทร์คนนั้น ชุดคลุมผ้าไหมสีขาวพออยู่ในกลุ่มคนดูแล้วก็เหมือนมีแสงสว่างขาวนวลชั้นหนึ่งแผ่ออกมาพริบตานั้น นางกระทั่งรู้สึกว่าตนเองในช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว สิ่งที่คอยวาดฝันอยู่ตลอด ชายหนุ่มที่สามารถมายืนอยู่ข้างกายตนเองได้ ต้องมีหน้าตาแบบนี้นั่นล่ะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยื่นมือ
นางอยากจะให้เซียวหลันยวนไม่พอใจตัวฟู่จาวหนิงเสียเหลือเกินแต่พอสิ้นเสียงนาง เซียวหลันยวนก็หันมามองนาง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เฉินเซียงจู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่านางถูกสายตาที่เย็นเยียบแหลมคนฆ่าตายไปแล้วนางใจสั่นวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่พูดไป แต่ก็สายไปแล้วนางได้ยินคำพูดเย็นชาของเซียวหลันยวนว่า"องค์หญิงใหญ่ถ้าหากมีเรื่องจะคุยกับข้า ก็ให้ทาสของเจ้าไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นก่อน"เซียวหลันยวนชี้ไปที่กลางสวนคุกเข่าที่นั่น คนป่วยทั้งหมดในห้องข้างฝั่งตะวันตกจะมองเห็นเฉินเซียงถลึงตาโตใส่อย่างไม่อยากเชื่อ"อ๋องเจวี้ยน" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึงไป "เฉินเซียงก็แค่ปกป้องข้ามากเกินไปเท่านั้น นางไม่ได้มีความคิดไม่ดี...""ให้นางคุกเข่า ข้าถึงจะฟังเจ้าพูด ถ้านางไม่ทำ ข้าก็จะไปแล้ว" เซียวหลันยวนตัดบทนางเฉินเซียงบอกว่าฟู่จาวหนิงแอบมีชู้กับอันเหนียน เขาจดจำมาโดยตลอด"อ๋องเจวี้ยน เฉินเซียงนางเองก็ป่วย ถ้าไปตากลมหนาวบนพื้น นางจะ...""เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"เซียวหลันยวนพูดจบก็หมุนตัวกลับทันทีเฉินเซียงลนลานขึ้นมา "อ๋องเจวี้ยน ข้าจะไปคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ท่านโปรดรอก่อน!""เฉินเ
สิ่งที่ทำให้ตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขุ่นเคืองคือ ฟู่จาวหนิงคล้องแขนอ๋องเจวี้ยนเดินเข้ามา"พวกเขาทำไมถึงคล้องแขนกันเดินแบบนั้นล่ะ?"เฉินเซียงถลึงตาโตนางไม่เคยเห็นสามีภรรยาเดินกันแบบนี้เลย ปกติแล้ว ภรรยาจะเดินอยู่ด้านหลังสามีประมาณครึ่งก้าวนี่ หรืออย่างมากก็ไหล่ชนไหล่แต่พออยู่ภายนอกก็ต้องคอยระวังเรื่องมารยาท มีใครเขามาคล้องแขนเดินกันแบบนี้บ้าง?ยิ่งไปกว่านั้นตัวฟู่จาวหนิงเองก็ยังเอนมาเบียดแขนอ๋องเจวี้ยนด้วย"นางเดินแบบนี้มันดูสง่างามตรงไหน บิดๆ เบียดๆ เงอะงะงุ่มง่ามเหมือนอะไรล่ะนั่น?" เฉินเซียงกดเสียงต่ำ พูดแบบไม่พอใจกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "นี่มันดูเป็นพระชายาตรงไหนกัน?"เหมือนพวกอนุภรรยาที่เอาแต่เบียดเสียดชายหนุ่มมากกว่าพระชายาตัวจริงต้องมีท่าทีสง่างาม มีคุณธรรม บุคลิกภาพโดดเด่นสิทำตัวออดอ้อนแบบนี้ มันเหมือนกับปีศาจสาวที่อยากจะสูบพลังหยางจากชายหนุ่มจนตัวสั่นอย่างไรอย่างนั้น เหมือนพวกอนุภรรยาที่ไร้เกียรติเฉินเซียงถึงอย่างไรก็ไม่ชินตาแต่ไม่รู้เพราะอะไร องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับรู้สึกอิจฉาจนควบคุมไม่อยู่ชายหนุ่มที่เย็นชาขนาดนั้นแบบอ๋องเจวี้ยน ก็ยังตามใจให้ฟู่จาวหนิง แล้วยังปร
"ข้ารู้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะออกไป" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จิ้นเชินเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า "นางน่าจะมีเรื่องมาขอร้องท่าน แต่ว่า เรื่องที่นางจะขอร้องข้าเองก็พอจะนึกออก"เขาอยากบอกว่า เรื่องแบบนี้ ถ้าหากรับปากไป ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือไม่ แต่การที่พานางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยน ถือเป็นการทรยศและทำร้ายจาวหนิงแต่ก็ไม่อยากพูดออกมาตอนนี้เขาอยากจะเห็นว่าเซียวหลันยวนจะเลือกอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงัดออกมาได้คืออะไร ถ้าเผื่อมันสำคัญอย่างมากกับเซียวหลันยวนจริงๆ ล่ะ?"ท่านพ่อตาอยากพูดอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนย้อนถามเขา"อ๋า?"ฟู่จิ้นเชินถูกคำเรียก 'ท่านพ่อตา' ที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอางงงันไปหมด ตั้งตัวกลับมาไม่ได้ชั่วขณะหนึ่งเซียวหลันยวนก็พูดต่อมาอีก "วางใจเถิด ข้าไม่ทำเรื่องที่ผิดกับหนิงหนิงแน่นอน"พูดจบเขาก็หมุนตัวเตรียมเข้าห้อง ""หากไม่มีเรื่องอะไร คนป่วยทางนั้นรบกวนท่านดูไว้หน่อย ให้หนิงหนิงได้กินข้าวเช้าก่อนพอเซียวหลันยวนเข้าห้องไป ประตูก็ปิดลงมา ฟู่จิ้นเชินมองไปทางชิงอีที่อยู่ข้างๆ ช้าๆชิงอีเองก็
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกคนเหล่านี้พูดจนตาแทบแดงก่ำนางไม่ยอมให้เป็นแบบนี้!นางเองก็มีเกียรตินะ นางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เดิมทีควรจะล้ำค่าสูงส่ง สามารถเลือกราชบุตรเขยดีดีได้แต่ตอนนี้นางมีทางเลือกอะไรล่ะ?ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีพระเชษฐาแบบนั้น นางคงไม่ต้องทำให้มาถึงจุดนี้หรอกนางแค่อยากจะช่วยตนเองเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน? ถ้าหากทำได้ นางก็ไม่อยากไปทำร้ายใครทั้งนั้น นางเป็นคนที่มดแค่ตัวเดียวก็ยังทำใจเหยียบไม่ลงด้วยซ้ำ"รบกวนท่านลุงฟู่ด้วย ข้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง ถอยไปที่ประตูวงกลมทางนั้นเฉินเซียงถลึงตาใส่ห้องนั้น คารวะให้ฟู่จิ้นเชินอีกครั้ง "รบกวนท่านลุงฟู่ช่วยเหลือด้วย องค์หญิงใหญ่พวกรเาจะไปรออ๋องเจวี้ยนที่นั่น"พูดจบนางก็รีบเดินไปหาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นฟู่จิ้นเชินส่ายหัวเขาก็เหมือนรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกอยู่ในสภาพไหน มาเจอกับฝ่าบาทต้าชื่อแบบนั้น นางเองอันที่จริงก็น่าสงสารแต่ว่า ท้ายสุดแล้วนางก็ยังไม่ฉลาดพอ เส้นทางที่เดินได้ นางกลับเดินอย่างสะเปะสะปะแต่พูดมาก็ถูก นางเติบโตมาที่สุสานจักรพรรดิ ไม่ค่อยได้พบเจอกับผู้คนสักเท่าไร และย
ก่อนหน้านี้ทรมานหมอฟู่ไว้มาก สาวใช้นั่นยังบอกว่าหมอฟู่กับนายท่านเป็นอะไรอะไรกันอีก ป้าหนิวเห็นแล้วไม่สบอารมณ์องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถูกนางเหลือบมองใส่แบบนี้จนอายไปเฉินเซียงกลับถลึงตามองแผ่นหลังป้าหนิวเจ้าคนชั้นต่ำ นังคนชั้นต่ำ กล้ามามององค์หญิงใหญ่พวกนางแบบนี้เรอะฟู่จิ้นเชินตอนนี้จึงหมุนตัวหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ถามขึ้นว่า "องค์หญิงใหญ่จะพบอ๋องเจวี้ยน เพราะอยากให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านไปเมืองหลวงหรือ? ถ้าหากมีเป้าหมายนี้ เช่นนั้นข้าบอกท่านไว้ได้เลย ว่าท่านยังออกจากเมืองเจ้อไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกับอันเหนียนผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสามฝ่ายตกลงกันแล้ว ตอนนี้ประตูเมืองปิดอยู่ ใครอยากจะออกจากเมือง ต้องยื่นจดหมายออกจากเมืองมา ถ้าบนต้องมีผู้บริหารท้องถิ่นโหยวใต้เท้าอันและหมอฟู่สามคนลงนาม ขาดไปสักคนก็ไม่ได้ถ้าหากไม่มีจดหมายออกจากเมืองที่มีนามทั้งสาม ใครก็ออกไปไม่ได้ทั้งนั้นแล้วอาการป่วยอย่างองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ฟู่จาวหนิงไม่มีทางปล่อยนางออกไปแน่ไหนจะเรื่องที่นางจะตามอ๋องเจวี้ยนไปอีกฟู่จิ้นเชินตอนนี้รู้สึกว่าสมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก แค่คิดก็รู้แล้ว ฟู่จาวหนิงจะยอมให้อ๋องเ
ฟู่จาวหนิงถูกจูบจนเคลิ้มหลับไปอีกรอบเซียวหลันยวนได้ยินเสียงหายใจลึกของนางแล้วก็จนใจเขาเลือดพุ่งขึ้นมาแล้ว แต่นางกลับหลับไป ดูท่าในเมืองเจ้อระยะนี้นางคงจะเหนื่อยมากจริงๆเขาเองก็ไม่ได้ทรมานนาง กอดนางแล้วหลับไปองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเดิมทีกำลังรอว่าจะฝันอีกครั้ง ดีที่สุดคือได้ฝันเห็นลุงหวังพูดอะไรกับอ๋องเจวี้ยนว่ากล่องใบนั้นเปิดอย่างไรแต่เมื่อคืนนี้นางก็ฝันจริงๆ น่าเสียดายที่ฝันร้าย ในฝันตนเองอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว จะอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ และไม่มีใครด้วย ทุกแห่งมีแต่แสงทึม ในความมือเหมือนมีเสียงอะไรที่น่ากลัว ทำให้นางรู้สึกกลัวมากหลังจากสะดุ้งตื่น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว"องค์หญิงใหญ่ ท่านฝันร้ายหรือ?" เฉินเซียงถูกนางทำสะดุ้งตื่นตาม รีบลุกขึ้นนั่งองค์หญิงใหญ่ไม่ค่อยฝันร้ายเท่าไร แต่บางครั้งก็จะฝันร้ายบ้างสักครั้ง แสดงว่าช่วงเวลานั้นจะผ่านไปได้ไม่ค่อยดีนักเฉินเซียงเครียดขึ้นมาแล้วพวกนางตอนนี้ผ่านความน่าเวทนามากมาแล้ว ไม่น่าแย่กว่านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนรับไม่ไหวแล้วนางมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตึงเครียด หวังว่านางจะปฏิเสธแต่นางก็ยังผิดหวัง องค์หญิงใ
"รุ่นหลังของตระกูลปันมีกี่คนหรือ?""รุ่นหลังของตระกูลปันก็มีอยู่ไม่น้อยเลย พวกเขามีช่างที่มีฝีมือ ในตอนนั้นหลบหนีจากภัยพิบัติได้ เหลือรุ่นหลังเอาไว้ ตอนนี้คนที่มีอำนาจในตระกูลปันชื่อว่าปันมู่ พวกเขาไหว้วานขบวนพ่อค้าให้ส่งจดหมายเข้ามา บอกว่าคนเองก็อยู่ระหว่างทางมาแคว้นเจาแล้ว"ปันมู่เซียวหลันยวนจำชื่อนี้ไว้"แล้วเจ้าเป็นรุ่นหลังจากตระกูลไหนกัน?""ใต้ฝ่าพระบาท ข้าคือรุ่นหลังจากตระกูลเหมิ่ง ตอนนั้นปู่ข้าได้รับมอบหมายงานกะทันหัน ทิ้งสิ่งของเพื่อส่งมอบให้กับจักรพรรดิรุ่นใหม่ องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว แต่ยังทิ้งลูกหลานไว้ ก็คือฝ่าพระบาทนั่นเอง ข้าระลึกเสมอว่าต้องนำสิ่งของส่งให้ถึงมือท่าน"แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เขาหรือไม่ เขาได้รับสิ่งของที่จักรพรรดินีทิ้งไว้แล้วหรือยัง เขาส่งเครื่องพยากรณ์ออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้"เจ้าหมายถึงเครื่องพยากรณ์หรือเปล่า?""ใต้ฝ่าพระบาทรู้จริงๆ ด้วย ใช่แล้ว ของสิ่งนี้อยู่ในมือข้ามาหลายปีแล้ว ข้าปกป้องเอาไว้ไม่ค่อยปล่อยไปไหน ตอนนี้ก็ส่งให้กับมือใต้ฝ่าพระบาทได้เสียที ในที่สุดข้าก็ได้พักผ่อนเสียที..."ลุงหวังบอกถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องพยากรณ์เซียวหลันยวนฟังเ
ฟู่จาวหนิงเก็บเครื่องพยากรณ์กลับเข้าไปในมิติ แล้วก็ถูกเซียวหลันยวนกอดเข้าไปในผ้าห่มเขาคลุมผ้าห่มนางให้ดี จูบไปที่ปากนางเบาๆ เอ่ยขึ้นแผ่วเบาว่า "เจ้าก็นอนให้สบาย ข้าจะทำการอย่างระวัง""ได้"เซียวหลันยวนเป่าเปลวเทียน ออกประตูไปอย่างแผ่วเบา"ท่านอ๋อง?" ชิงอีออกมาจากมุมมืดรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ ที่ท่านอ๋องจะออกไปตอนดึกขนาดนี้ คืนนี้ไม่ใช่ควรอยู่กับพระชายาหรอกหรือ?"ไป" เซียวหลันยวนกลับไม่อธิบายอะไรมากตอนมาถึงทางตาเฒ่าอู๋ ในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ กลับได้ยินเสียงไอค่อกแค่กอยู่แค่กๆๆๆมีทั้งที่ดังขึ้นครั้งสองครั้ง และมีที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดมีทั้งที่ดังจนปอดแทบฉีก ทำเอาคนที่ไม่ไอฟังแล้วรู้สึกคันขึ้นมาที่คอเลย แทบจะไอตามไปด้วย"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ป่วยหนักมาก" ชิงอีเอ่ยขึ้นเสียงต่ำเขาเห็นว่าท่านอ๋องยังมาที่ตาเฒ่าอู๋ทางนี้ จึงรู้สึกกังวลขึ้นหน่อยๆ"อืม ดังนั้นหวังว่าจาวหนิงจะค้นคว้ายาที่สามารถสะกดอาการป่วยนี้ออกมาได้ ไม่ให้มันระบาดต่อไปอีก ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากจะคิด"เซียวหลันยวนถึงแม้จะปวดในที่ฟู่จาวหนิงอยู่ที่นี่ แต่เขาก็เข้าใจดี ตอนนี้เมืองเจ้อต้องการนางจริงๆไม่ใช่แค่เมืองเ
"ท่านเองก็ลองดูสิ" นางส่งคืนกลับให้เขาเขายังไม่ทันได้ดูเลยน กลับส่งให้นางดูก่อนเสียแล้วเซียวหลันยวนรับมา หยิบไปวางไว้ตรงหน้าในใจเขาเองก็สั่นสะเทือนเช่นกันนี่มันยอดเยี่ยมมาก"เครื่องพยากรณ์นี้ ในตงฉิงถือได้ว่าเป็นสมบัติเลยกระมัง?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"อืม" เซียวหลันยวนวางเครื่องพยากรณ์ลง พยักหน้า "ราชครูจะสืบทอดต่อให้เป็นรุ่นๆ ถ้าหากบนมือไม่มีเครื่องมือพยากรณ์ ราชครูก็จะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างชอบธรรม ยิ่งไปกว่านั้น คนตงฉิงก็ยังเชื่อว่า ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ออกมาจากการคาดการณ์ของเครื่องมือพยากรณ์ ล้วนไม่แม่นยำทั้งสิ้น""นั่นเท่ากับเป็นสิ่งที่เครื่องพยากรณ์สิบห้าปีใหม่คำนวณออกมาใช่ไหม? แล้วเก่ากว่านั้นล่ะ""ที่เก่ากว่านั้นจะถูกประทับตราเป็นของไม่ใช้งานแล้ว แล้วปิดผนึกไว้ในสุสานจักรพรรดิ"หรือก็คือ ขอแค่ไม่มีชิ้นใหม่ออกมา บนโลกนี้ก็จะมีแค่เครื่องพยากรณ์ที่กำลังใช้งานอยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น"แล้วลุงหวังคนนั้น คงจะไม่ใช่รุ่นหลังของราชครูตงฉิงหรอกกระมัง?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นเซียวหลันยวนนิ่งงันไปพักหนึ่ง ตอบว่า "อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็คาดเดามาตลอด เจ้าอารามต่างหากที่น่าจะเป็น"ฟู่