"ท่านวางข้าลงได้แล้ว ข้าเดินเองได้แล้ว"ฟู่จาวหนิงบอกกับเซียวหลันยวน อุ้มนางมาตลอดทางแบบนี้ พอกลับมาถึงยังไม่วางลงอีก?เซียวหลันยวนพูดกับเสี่ยวชิ่นว่า "นำทาง"เสี่ยวชิ่นรีบไปนำทางด้านหน้า"เซียวหลันยวน อีกเดี๋ยวมือเป็นตะคริวอย่ามาโทษข้านะ" ฟู่จาวหนิงบีบเสียงต่ำ"วางใจ ไม่โทษเจ้าหรอก ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นเสียด้วย""อ๋องเจวี้ยน คุณหนูของพวกเราพักอยู่ที่นี้ ข้าน้อยจะไปชงชามาให้"เสี่ยวชิ่นพูดจบก็รีบถอยออกไปนางตอนนี้ยังคงกลัวเซียวหลันยวนอยู่ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถเผยความหวาดกลัวต่อหน้าเขาได้ เพื่อไม่ให้นางต้องถูกเขาโยนออกไปอีกต่อให้ที่นี่จะเป็นสถานที่ของเสิ่นเสวียนก็ตามพอเห็นท่าทางเสี่ยวชิ่นเหมือนหนีไปแบบนี้ ฟู่จาวหนิงก็ถลึงตามองเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนวางนางลงบนเก้าอี้"เท้าเคล็ดหรือเปล่า? ขอข้าดูหน่อย""ไม่ต้อง ข้าบอกไปแล้วว่าก่อนหน้านี้วิ่งเร็วไปหน่อยจนไม่มีแรง ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว...เซียวหลันยวน!!"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนอย่างตกตะลึงเขาคุกเข่าลงตรงหน้านาง จับข้อเท้านาง ให้นางวางเท้าไว้บนหัวเข่า มืออีกข้างก็ช่วยนางถอดรองเท้า"อย่าขยับ ให้ข้าดูหน่อย"เซียวหลันยวนดึ
"มีอะไรก็พูดมา""เช่นนั้นข้าน้อยขอถามท่านหน่อย? คืนนี้ท่านจะนอนพักในห้องพระชายาไหม? พระชายาจะให้ท่านออกมาหรือเปล่า?" ชิงอีถามขึ้นอย่างคาดหวังเซียวหลันยวนชะงักไปที่ถามแบบนี้ เหมือนว่าเขากลายเป็นพวกกาฝาก จนต้องอ้อนวอนให้ฟู่จาวหนิงเก็บเอาไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้นอย่าคิดว่าเขาฟังไม่ออก ชิงอีกำลังถามว่าเขาจะถูกฟู่จาวหนิงเตะออกมาหรือเปล่าใช่ไหม แล้วถ้าถูกเตะออกมาจริงๆ เกียรติของเขาในบ้านตระกูลเสิ่นคงหมดสิ้นป่นปี้พอดีถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นสถานที่ของเสิ่นเสวียนถึงตอนนั้นถ้าอาเขยท่านอ๋องคนนี้ไม่ยอมรับขึ้นมา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน?ปัญหาก็คือ เซียวหลันยวนตอนนี้เองก็ไม่กล้ายอมรับ ว่าคืนนี้ฟู่จาวหนิงจะเตะเขาออกไปหรือไม่"ท่านอ๋อง พวกของไป๋หู่จัดห้องหับให้ข้าน้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยกับพวกหลานหรงจะเว้นเตียงไว้เตียงหนึ่งแล้วกัน เผื่อคืนนี้พระชายาไม่ให้ท่านอยู่ด้วย ท่านก็แอบไปที่ห้องของพวกข้าน้อยก็ได้" ชิงอีเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังอากาศก็เย็นแล้ว ถ้าตอนกลางคืนท่านอ๋องถูกพระชายาถีบออกมา คงไม่ค่อยดีถ้าจะให้บ้านตระกุลเสิ่นจัดห้องนอนอีกห้องให้ แล้วถ้าไม่มีผ้านวมกับเตาถ่าน ท่านอ๋องก็อยู่ไม
เซียวหลันยวนลังเลว่าจะไปช่วยนางเช็ดผมดีหรือไม่ ฟู่จาวหนิงเช็ดไปครู่หนึ่งก็ขี้เกียจเสียแล้ว จึงลุกขึ้นไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีกันด้านใน ใจของเซียวหลันยวนก็เหมือนถูกขนนกมาสะกิดเบาๆนางเหมือนไม่ได้เลี่ยงเขา ขนาดเขาอยู่ในห้อง นางก็ยังเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย..."เจ้าเช็ดผมให้แห้งสิ ประเดี๋ยวลมกลางคืนพัดมาจะเป็นหวัดเอานะ" เขาพูดไปด้านในห้องฟู่จาวหนิงยังไม่ตอบเขาขี้เกียจจะพูดแล้วฟู่จาวหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็ออกมา เซียวหลันยวนพอมองไปก็พบว่านางดันใส่เสื้อผ้าของผู้ชายไปเสียแล้ว"นี่เจ้า?""ท่านลืมคำพูดของท่านลุงข้าแล้วหรือ? ไม่ใช่บอกว่าให้แปลงโฉมง่ายๆ หรือ? ข้าตอนนี้ก็แค่จะแต่งหญิงเป็นชายท่านมองไม่ออก?"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา น่าจะรอให้พวกทหารเข้ามาตรวจก่อนแล้วค่อยอาบน้ำ แต่เมื่อครู่นี้นางก็สกปรกจนทนไม่ไหวเหมือนกันสายตาเซียวหลันยวนตกอยู่ที่หน้าอกนาง แค่เหลือบผ่านไป ใบหูก็ร้อนวาบขึ้นมาเดิมทีนางก็พอมีขนาดอยู่นะ ตอนนี้ทำไมถึงราบลงไปตั้งขนาดนี้? ดูท่าจะพันไว้แน่นมาก หายใจออกหรือ?"ท่านสวมชุดแบบนี้ แล้วยังสวมหน้ากากอีก แค่มองมาคนก็จำได้แล้ว
"อีกเดี๋ยวถ้านายท่านเองจะต้องตกใจสะดุ้งโหยงแน่" เสี่ยวชิ่นเอ่ยขึ้น "นายท่านเชิญคุณหนูกับท่านอ๋องไปทานข้าวเจ้าค่ะ""ได้ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ"ฟู่จาวหนิงโบกไม้โบกมือ "มาช่วยข้ามัดผมหน่อย""เจ้าค่ะ"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นตอนที่พวกนางกำลังจะออกประตูไป "ข้าไม่ไปแล้วกัน ให้คนส่งอาหารอ่อนๆ มาให้ก็พอ"เสี่ยวชิ่นตกตะลึงฟู่จาวหนิงหันไปมองหน้ากากของเขา โมโหขึ้นมาทันที"ได้ แล้วแต่ท่านเลย"นางพาเสี่ยวชิ่นเดินออกประตูไประหว่างทางเท้าก็เหยียบตึงๆๆ เหมือนจะระบายอารมณ์หน่อยๆเสี่ยวชิ่นรีบตามมา แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก นางแค่มองก็รู้ ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่อยากจะปลดหน้ากากลงมากินข้าวนางกระทั่งรู้สึกว่าทำแบบนี้คือถูกต้องแล้วด้วยซ้ำ เพราะถ้าเดี๋ยวนายท่านเห็นหน้าของอ๋องเจวี้ยนเข้า อาจจะกินไม่ลงก็ได้นางเองก็ไม่รู้ว่านายท่านกับคุณหนูเคยเห็นใบหน้าใต้หน้ากากอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง"เสี่ยวชิ่น"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็เรียกนางเสี่ยวชิ่นสะดุ้งโหยง เสียงสั่นขึ้นมา "อ๋า? คุณหนู?"เพราะว่ากังวล นางกลัวว่าฟู่จาวหนิงจะมองออกว่าตนเองกำลังคิดอะไรฟู่จาวหนิงเดิมทีโมโหจนรีบเดิน ตอนนี้ฝีเท้าช้าลงหน่อยแล้วทำไมนางพอเจอเซ
"ไม่ใช่ ข้าเป็นคนที่แต่งงานกับเขาเอง""แต่งกับเขาเอง?""ใช่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเดิมทีก็ไม่ได้หน้าตาเช่นนี้ แต่เป็นเพราะเขาโดนพิษเล่นงานมา ดังนั้น หลังจากนี้เจ้าห้ามพูดถึงใบหน้าเขากับคนอื่นนะ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องแสดงท่าทีให้เป็นปกติมากที่สุด แล้วห้ามมาพูดกับข้าเรื่องไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรนี่ด้วย เข้าใจไหม?"ฟู่จาวหนิงฟังความหมายของเสี่ยวชิ่น ก็เหมือนพูดว่านางแต่งกับเซียวหลันยวนแล้วน่าเวทนาน่าสงสารมากเสียอย่างนั้น แล้วยังรู้สึกว่านางทุกคนอยู่กับเซียวหลันยวนคงจะหวาดกลัวมาก จึงรีบกำชับกับเสี่ยวชิ่นอย่างเข้มงวดขึ้นมาเสียรอบหนึ่ง"เจ้าค่ะ ข้าน้อยทราบแล้ว"เสี่ยวชิ่นยังกล้าเสียที่ไหนยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูหลังจากฟังการบรรยายของนางแล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณหนูสมแล้วที่เป็นคุณหนู ถ้าเป็นนางคงจะทำไม่ได้แน่ๆพอมาถึงเรือนหน้า เสิ่นเสวียนเห็นแค่นางเข้ามา จึงเผยสีหน้าเข้าใจ"ส่งอาหารค่ำของอ๋องเจวี้ยนเข้าไป" เขาบอกกับคนใช้"ขอรับ"ฟู่จาวหนิงนั่งลงตรงข้ามเสิ่นเสวียน "ท่านลุง ท่านเดาไว้แล้วใช่ไหมว่าเขาจะไม่มากินข้าว?"นี่เตรียมการไว้แล้วอย่างเห็นได้ชัด"มองออกน่ะ" เสิ่
ฟู่จาวหนิงเองก็ถลึงตาโตอ้าปากค้างเช่นกันมิน่าเมื่อครู่เสิ่นเสวียนตอนที่เห็นนางถึงมีปฏิกิริยาปกติแบบนั้น ที่แท้เขาเองก็เป็น "นักแสดงยอดเยี่ยม" คนหนึ่งเหมือนกันมองไม่ออกถึงร่างเสิ่นเสวียนคนเดิมเลยยิ่งไปกว่านั้นคนในที่ว่าการยังถามว่าเขาใช่ซ่งเป่าซานไหม แสดงว่าเขาแต่งตัวแสดงเป็นคนนี้จนมีตัวตนขึ้นมาแล้วหรือ?"ก็ไม่ค่อยได้ยินพวกเจ้าทำผิดอะไรอีกเท่าไรนั่นล่ะ คราวที่แล้วโดนปรับเงินไปหลายอยู่เลยว่าง่ายขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ?"คนในที่ว่าการคุยสนทนากับเสิ่นเสวียนขึ้นมาเสียอย่างนั้น"ก็ไม่ใช่หรือไรกัน? ปวดใจเสียเหลือเกิน!" เสิ่นเสวียนทำหน้านิ้วถอนใจเสียงขมขื่นทหารทางการคนนั้นหัวเราะร่าขึ้นมา ตบลงไปบนบ่าเขา "ก็ต้องทำให้เจ้าปวดใจสิ! พวกเจ้าตอนนั้นก่อเรื่องไว้ตั้งขนาดไหน? วันดีคืนดีก็ไปทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านสาดเสียเทเสียใส่กัน! ประเดี๋ยวประด๋าวก็ขึ้นไปประท้วงบนถนนอีก หญิงรับใช้ของบ้านเจ้าพวกนั้นก็ด้วย สบถคำหยาบกันร้ายกาจเหลือเกิน สบถกันจนพวกพ่อค้าที่มาจากแคว้นเจาคิดว่าเมืองหลวงจักรพรรดิของเราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกันไปแล้ว!"พรืด!ฟู่จาวหนิงตกตะลึงขึ้นไปอีกมีเรื่องแบบนี้ด้วย?"ใช่ใ
ระหว่างทางกลับฟู่จาวหนิงกำลังคิด ความหมายของท่านลุง น่าจะไม่ใช่ให้เซียวหลันยวนกับนางพักอยู่ห้องเดียวกันกระมัง!อันที่จริงนางก็รู้ว่าเรือนแห่งนี้ห้องว่างมีไม่มากที่แท้ก็มีคนบางส่วนพักอยู่แล้ว ถ้าแสดงเป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ ร่องรอยก็จะต้องมีแน่นอนเซียวหลันยวนคนนั้น ถ้านอนบนเตียงคนอื่นก็เหมือนจะไม่ชินเสียด้วย นอกเสียจากเครื่องนอนทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ตอนที่ออกไปพวกเขายังเอารถม้าไปด้วย ตอนไปถึงโรงเตี๊ยมก็จะเอาสิ่งที่ตัวเขาใช้ไปปู พิถีพิถันสุดๆถ้าหากไม่ได้ตามเงื่อนไข เขาอยู่แค่สองชั่วยามพอถูไถ แต่มีทางได้นอนจริงๆ แน่ฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็อยากจะบอกว่าเขามีปัญหา แต่ถ้าเขาไม่เปลี่ยนแล้วจะทำอะไรได้พวกเขาอาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน แล้วจะให้เขาอยู่แค่พอถูไถไปตลอดหรือ? ทุกคนต้องมานอนพิงแค่ได้ครู่เดียวแบบนั้น?ตอนนางกลับไปถึงห้องตนเอง ชิงอีกำลังเก็บกวาดถาดชามบนโต๊ะฟู่จาวหนิงเหลือบมองผาดหนึ่งอาหารที่ส่งมา กินไปแค่ไม่กี่คำเท่านั้น"ทำไมล่ะ ไม่อร่อยหรือ?" นางถามขึ้นคำหนึ่งเซียวหลันยวนนั่งอยู่ข้างๆ หน้ากากยังคงสวมไว้ดิบดี"ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ไม่อยากอาหาร"
ฟู่จาวหนิงตะลึงไป "ได้สิ"เซียวหลันยวนกอดผ้าห่มเดินออกไปวางยังแคร่นิ่มที่ไม่ห่างออกไปนัก"ข้าจะนอนที่นี่แล้วกัน ไม่รบกวนเจ้าแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเหอะๆ"เอาสิ" ฟู่จาวหนิงกลอกตาขาว "ดับเทียนเสียด้วย""ได้"เซียวหลันยวนปรบมือ ดับไฟเทียนลงมาในห้องตกอยู่ในความมืดมิด หน้าต่างกระดาษมีเพียงแสงจันทร์ลอดเข้ามารางๆฟู่จาวหนิงนอนอยู่บนเตียง ได้ยินการเคลื่อนไหวของเขาทางนั้น เหมือนว่าจะนอนลงไปแล้ว"หน้ากากของท่านไม่ปลดลงมาหรือ?"เซียวหลันยวนคิดไม่ถึงว่าหูของนางจะไวขนาดนี้ ขนาดไม่หลดหน้ากากลงมาก็ยังฟังออก"จะปลดตอนนี้นั่นล่ะ""ข้าไม่ได้บังคับท่านให้ถอดนะ ท่านไม่ถอดก็เรื่องของท่าน"ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของนางอยู่แล้วเซียวหลันยวนปลดหน้ากากลงมาเงียบๆเขานอนลงไป ยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าตนเองเบาๆ ตอนโดนมือก็เหมือนจับเข้ากับคางคกที่เป็นปีศาจไปแล้ว สัมผัสมือทำเอาขยะแขยงรู้สึกหมดอาลัยตายอยากไปขณะหนึ่งเลยจริงๆฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าแรงกดดันในห้องลดลงมาแล้วอย่างประหลาดพอคิดแล้วนางจึงถามออกมา"หน้าของท่าน มันแย่ลงใช่ไหม?"ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ยินเสียงตอบของเซียวหลันยวน "ใช่"เขาไม่อย
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม