ฟู่จาวหนิงตะลึงไป "ได้สิ"เซียวหลันยวนกอดผ้าห่มเดินออกไปวางยังแคร่นิ่มที่ไม่ห่างออกไปนัก"ข้าจะนอนที่นี่แล้วกัน ไม่รบกวนเจ้าแล้ว" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเหอะๆ"เอาสิ" ฟู่จาวหนิงกลอกตาขาว "ดับเทียนเสียด้วย""ได้"เซียวหลันยวนปรบมือ ดับไฟเทียนลงมาในห้องตกอยู่ในความมืดมิด หน้าต่างกระดาษมีเพียงแสงจันทร์ลอดเข้ามารางๆฟู่จาวหนิงนอนอยู่บนเตียง ได้ยินการเคลื่อนไหวของเขาทางนั้น เหมือนว่าจะนอนลงไปแล้ว"หน้ากากของท่านไม่ปลดลงมาหรือ?"เซียวหลันยวนคิดไม่ถึงว่าหูของนางจะไวขนาดนี้ ขนาดไม่หลดหน้ากากลงมาก็ยังฟังออก"จะปลดตอนนี้นั่นล่ะ""ข้าไม่ได้บังคับท่านให้ถอดนะ ท่านไม่ถอดก็เรื่องของท่าน"ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของนางอยู่แล้วเซียวหลันยวนปลดหน้ากากลงมาเงียบๆเขานอนลงไป ยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าตนเองเบาๆ ตอนโดนมือก็เหมือนจับเข้ากับคางคกที่เป็นปีศาจไปแล้ว สัมผัสมือทำเอาขยะแขยงรู้สึกหมดอาลัยตายอยากไปขณะหนึ่งเลยจริงๆฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าแรงกดดันในห้องลดลงมาแล้วอย่างประหลาดพอคิดแล้วนางจึงถามออกมา"หน้าของท่าน มันแย่ลงใช่ไหม?"ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ยินเสียงตอบของเซียวหลันยวน "ใช่"เขาไม่อย
ในวังจักรพรรดิตำหนักจิ้งฉีที่นี่คือวังบรรทมขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแม้จะกลับมาน้อยครั้ง ช่วงสิบปีนี้วันที่มายังตำหนักจิ้งฉีใช้นิ้วนับได้เลย แต่เหล่าสาวใช้วังของตำหนักจิ้งฉีก็อยู่ที่นี่มาตลอดทั้งปี คอยเก็บกวาดเป็นอย่างดี จัดการตัดแต่งต้นไม้ใบหญ้าดังนั้นตำหนักจิ้งฉีจึงสะอาดสะอ้านมาโดยตลอดเดิมทีองค์จักรพรรดิยังจะจัดเลี้ยงเชิญองค์หญิงใหญ่อยู่ แต่เพราะเรื่องลอบสังหารในวันนี้ งานเลี้ยงจึงยกเลิก องค์จักรพรรดิฮองเฮาพอเจอกับนาง ก็เข้าปลอบประโลมไปไม่กี่คำ จากนั้นจึงให้นางไปพักผ่อนยังวังบรรทมองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถูกปรนนิบัติอาบน้ำอาบท่า ตอนที่แช่อยู่ในน้ำร้อนให้สาวใช้วังค่อยๆ ขัดสีฉวีวรรณ ไม่รู้เพราะอะไรจึงคิดถึงคนเหล่านั้นที่พบในวันนี้ในสมองนางคนที่คิดถึงก่อนคือซือถูไป๋คุณชายเปล่งปลั่งที่เหมือนพระจันทร์คนนั้น ชุดคลุมผ้าไหมสีขาวพออยู่ในกลุ่มคนดูแล้วก็เหมือนมีแสงสว่างขาวนวลชั้นหนึ่งแผ่ออกมาพริบตานั้น นางกระทั่งรู้สึกว่าตนเองในช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว สิ่งที่คอยวาดฝันอยู่ตลอด ชายหนุ่มที่สามารถมายืนอยู่ข้างกายตนเองได้ ต้องมีหน้าตาแบบนี้นั่นล่ะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยื่นมือ
"โอ้ องค์หญิงใหญ่หมายถึงคนที่ใส่ชดสีดำ แล้วสวมหน้ากากประหลาดๆ คนนั้นใช่ไหม?""อืม คนนั้นนั่นล่ะ""นั่นน่าจะเป็นคนแปลกๆ กระมัง?" เฉินเซ๊ยงคิดถึงคนคนนั้น ก็รู้สึกขลาดขึ้นหน่อยๆ ไม่รู้เพราะอะไรหรือมีอะไรต้องกลัว แต่มันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับตอนที่มองเห็นคนอื่น"ทำไมถึงมีคนประหลาดแบบนี้ด้วย?""สวมหน้ากากไว้ก็ประหลาดแล้วนี่นา ไม่เห็นหน้าเลยสักนิด องค์หญิงใหญ่กลับเมืองหลวง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คนทั้งหมดล้วนจัดการตนเองให้เรียบร้อยแล้วออกมาหาท่าน เพื่อให้ท่านจดจำ เขาจะสวมหน้ากากแบบนั้นไว้ทำไมกัน?""บางทีอาจจะไม่อยากให้คนจำตนเองได้กระมัง""อาจจะหน้าตาอัปลักษณ์ก็ได้นะ" เฉินเซ๊ยงเอ่ยขึ้น "ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครหน้าตาดีกว่าคุณชายพระจันทร์ขาวคนนั้นแล้วกระมัง?"นั่นก็ใช่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็รู้สึกเหมือนกัน น่าจะไม่มีใครดีกว่าเขาแล้วกระมังแต่ในใจนางก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นกับผุ้ชายสวมหน้ากากคนนั้นมาก"ฝ่าบาทส่งคนออกไปสืบจับนักฆ่าแล้ว องค์หญิงใหญ่เองก็รีบพักผ่อนเถิด"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพยักหน้านางเองก็เหนื่อยแล้วพรุ่งนี้เองก็อยากรีบไปถามด้วยว่าหาคุณชายคนนั้นเจอแล้ว
"หรือว่าเสิ่นฉยงจะเป็นตัวการสำคัญในเมืองหมาน? แล้วคิดจะส่งคนกลับมาล้างแค้น?"ตอนนั้นเขาไม่ฟังคำอธิบายของเสิ่นฉยงกับคนตระกูลเสิ่น ฝืนส่งเสิ่นฉยงไปที่เมืองหมาน สำหรับบ้านตระกูลเสิ่นแล้ว ก็น่าจะเป็นความแค้นจริงๆดังนั้นเสิ่นฉยงกลับมาแก้แค้นหรือ?"เขามีความสามารถนี้ด้วยหรือ?""ฝ่าบาท ต่อให้เสิ่นฉยงจะไม่มีความสามารถนี้ ก็ไม่ใช่ว่ายังมีเสิ่นเสวียนอยู่หรือ?""เสิ่นเสวียน?""เสิ่นเสวียนปีที่แล้วออกจากต้าชื่อไปเกือบปี จะบอกว่าเขาไม่ได้ไปที่เมืองหมานเพื่อวางแผนอะไรกับพี่ใหญ่ของเขาหรือ?"หน้าขององค์จักรพรรดิขรึมลงมา"ปีที่แล้วตอนนั้น เสิ่นเสวียนป่วยจนจะตายอยู่แล้ว ตอนนั้นข้าส่งหมอไปตรวจตั้งหลายคน ไม่ผิดแน่นอน"ถ้าไม่ใช่เขาหาคนมายืนยันแล้ว เขาเองก็ไม่มีทางปล่อยให้เสิ่นเสวียนออกไปหาหมอจากที่อื่นๆ แน่องค์จักรพรรดิตอนนั้นยังรู้สึกว่าเสิ่นเสวียนต่อให้ออกจากบ้านไปหาหมอก็คงไม่ทันการแล้วแน่ๆ เขาต้องตายอยู่ข้างนอกแน่นอนให้เสิ่นเสวียนไปไปตายที่ต่างบ้านต่างเมือง มีจุดจบน่าเวทนา เขาเองก็ยินดีที่จะได้เห็นแต่คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเสวียนจะยังไม่ตาย ซ้ำยังกลับมาอีกตอนนี้นักฆ่ายังพูดชื่อเมืองหมานออกมา
หรือว่าพวกเขาไม่เกรงกลัวความตายกัน?องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นั่นเป็นคนที่พระพุทธเจ้าปกป้องเลยนะ!ยังมีคนบางส่วน ที่คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ ซึ่งก็คือคนที่เกิดเรื่องเหยียบกันขึ้นมาในวันนี้นั่นเองครั้งนี้บาดเจ็บไปยี่สิบเอ็ดคน ตายไปแล้วสองคน ยังเหลืออีกเจ็ดคนบาดเจ็บหนักจวนทางการแน่นอนว่าต้องเข้ามาดูแลคนเหล่านี้ ตอนนี้คนเหล่านี้ทั้งหมดรับไปอยู่ในโรงหมอที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ส่งหมอใหญ่ที่ดีหน่อยไปคอยดูแลในโรงหมอเองก็หลับกันไม่ลงคนเหล่านี้ไม่ค่อยพูดถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ที่พวกเขาพูดกันมากหน่อยคือคนที่ช่วยชีวิตพวกเขาวันนี้"ข้าตอนนั้น ข้าตอนนั้นรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายแล้ว ต่อมาแม่นางคนนั้น คนที่สวมหน้ากาก นางก็ประคองข้าขึ้นมา ใช้เข็มแทงไปที่หน้าอกข้าสองเข็ม แล้วก็เหมือนลมมันระบายออกทันที ข้าถึงหายใจได้ขึ้นมา!"มีประชาชนที่เจ็บน้อยหน่อยบอกสถานการณ์ตอนนั้นกับคนที่บ้านพวกคนที่เจ็บน้อยหน่อยล้วนอยู่ในห้องเดียวกัน เตียงหลายเตียงรวมอยู่ด้วยกัน นอนกันไม่หลับ เอาแต่พูดคุยกับคนในบ้านที่ได้รับแจ้งให้มาดูแล"ใช่ใช่ใช่ ข้าเองก็ด้วย ข้าตอนนั้นคอข้าบิด ถูกคนทับล
ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดว่าตนเองจะตื่นไว ถึงอย่างไรก็ห่างกันไปครึ่งปีแล้วเพิ่งกลับมานอนร่วมห้องกับเซียวหลันยวน ดังนั้นจะอย่างไรก็คงหลับไม่ลึกนักคิดไม่ถึงว่าตอนนางลืมตาขึ้นมา ด้านนอกฟ้าก็สว่างโล่งเสียแล้วนอนหลับแบบนี้ลึกกว่าที่นางนอนตามปกติเสียอีกนางเหมือนคิดอะไรออก ลุกลงจากเตียงทันที เหลือบมองไปยังแคร่นิ่มทางนั้นผ้าห่มถูกพับไว้อย่างดีตรงนั้น เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ไม่เห็นเงาเซียวหลันยวนเลยฟู่จาวหนิงร้องเรียกขึ้นมา "เสี่ยวชิ่น?"เสี่ยวชิ่นผลักประตูเข้ามาทันที"คุณหนู ท่านตื่นแล้ว?""เขาล่ะ?""อ๋องเจวี้ยนหรือ? ข้าน้อยก็ไม่รู้ ข้าน้อยตอนเช้าตรูเข้ามา ท่านอ๋องก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว"นางรู้ว่าเซียวหลันยวนไม่อยู่ในห้อง เพราะประตูแง้มไว้อยู่ นางมองเข้าไปด้านใน ขณะที่กำลังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้านในไหม สืออีก็เข้ามาบอกว่า ท่านอ๋องตื่นแล้วนางเองก็ไม่กล้าถามอะไรมากเช่นนั้นเมื่อคืนนี้อ๋องเจวี้ยนก็น่าจะนอนอยู่ในห้องคุณหนูกระมังเสี่ยวชิ่นเห็นผ้าห่มบนแคร่นิ้ม ก็คาดเดา อ๋องเจวี้ยนเมื่อคืนคงไม่ได้นอนอยู่บนแคร่นิ่มนี้ใช่ไหม? อ๋องเจวี้ยนตัวสูงเสียขนาดนั้น แคร่นี้ก็ไม่ได้ยาวนัก ถ้าเขานอนท
ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เสิ่นฉยงก็จะยิ่งลบความผิดได้ยากขึ้นน่ะสิ แล้วกลับมาที่บ้านตระกูลเสิ่นได้ยากขึ้นไปอีกมิน่าเสิ่นเสวียนวันนี้สีหน้าถึงปั้นยากนัก"ใช่แล้ว"เสิ่นเสวียนคีบซาลาเปาลูกหนึ่งให้นาง "ยังไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น เรื่องนี้มีข้าอยู่นะ เจ้ากินข้าวเช้าไปก่อนเถอะ""จากที่ท่านลุงเห็น ลุงคนโตเป็นไปได้ไหม...""ไม่มีทาง"เสิ่นเสวียนยังไม่ฟังนางพูดจนจบ ก็ปฏิเสธออกมาแล้ว"ข้าเองก็ไม่ได้จะบอกว่าท่านลุงคนโตจะทำเรื่องอะไร แต่จะบอกว่าเขามีแผนการจะช่วยตัวเองหรือเปล่า เข้าน่าจะอยากกลับบ้านตระกูลเสิ่นมากกระมัง"ถ้าหากเสิ่นฉยงทำเรื่องอะไรไป แม้จะไม่ใช่เพื่อรับมือกับองค์จักรพรรดิ แต่แค่จะเพื่อลบล้างความผิด ทว่าหากลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิ ก็เป็นไปได้มากว่าจะถูกมองเป็นความผิดนักฆ่าพูดชื่อเมืองหมานออกมา ถ้าหากมีปฏิบัติการอะไรที่เชื่อมเข้ากับเสิ่นฉยงขึ้นมา เช่นนั้นเสิ่นฉยงก็จะยิ่งล้างความผิดไม่ได้อีกถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิเดิมทีก็ไม่อยากให้เขากลับมาอยู่แล้วเป็นไปได้มากว่าตอนนั้นกระทั่งชีวิตก็คงจะหาไม่ด้วย"เข้าไม่ทำหรอก" เสิ่นเสวียนส่ายหัว "เจ้าไม่เข้าใจตัวลุงคนโตของเจ้า เขาไม่ใช่คนเช่นนั้
คำพูดที่เสิ่นเสวียนบอก ฟู่จาวหนิงก็ฟังอยู่แต่ว่าตอนนี้ความคิดนางไม่ได้อยู่ที่นี่ เซียวหลันยวนถ้ายังคิดจะหลบหน้าต่อ นางก็จะตัดขาดกับเขาเสีย บอกขอหย่ากับเขาไปเลยตรงๆเพียงแต่ในฐานะหมอคนหนึ่ง นางก็อยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้พบ จัดการขจัดพิษให้เขาเสียก่อน ให้เขาได้หายดีนี่เป็นความรับผิดชอบต่อคนไข้ของนางและมีเพียงการขจัดพิษของเขาให้หมดเท่านั้น หลังจากนี้หากนางจะจากไปถึงจะจากไปได้อย่างไม่ต้องกังวล การรักษาครึ่งๆ กลางๆ ไม่ใช่ลักษณะของตัวนางกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฟู่จาวหนิงจะกลับไปสกัดยาต่อแล้วนางเริ่มค้นคว้าเรื่องการกำจัดรอยแผลเป็นยังดีที่มีคลังข้อมูลที่สุดยอดอยู่ในห้องเภสัช นางสามารถนำวิทยานิพนธ์กับการค้นคว้าของหมอมีชื่อเสียงด้านนี้ในอดีตมาพลิกอ่านได้ แล้วยังสามารถหาข้อมูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในด้านนี้ได้ด้วยเท่ากับว่านางเริ่มค้นคว้าข้อมูลอีกด้านขึ้นมาแล้วเพื่อเซียวหลันยวนพอเข้าไปในทะเลการค้นคว้า เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วพอถึงช่วงกลางวันที่เสี่ยวชิ่นเข้ามาเรียกนางไปทานข้าวเที่ยว ฟู่จาวหนิงจึงเงยหน้าขึ้นมา และออกมาจากห้องเภสัช ยืดเส้นยืดสายร่างกายเสียหน่อยนั่งมาตลอดทั้งเช้า ร่างกาย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้