เสี่ยวชิ่นได้สติกลับมา ตกใจจนทิ้งตัวลงพื้นดังตุบ หน้าขาวซีดนางปากไวไปหน่อย คิดไม่ถึงว่าที่นี่ไม่ได้อยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น เป็นแค่ที่พักชั่วคราวเท่านั้น ยากจะป้องกันเรื่องกำแพงมีหูประตูมีช่องสีหน้าเสิ่นเสวียนยังเย็นเยียบอยู่เสี่ยวชิ่นตกใจจนตัวสั่น พวกของไป๋หู่ก็ไม่มีใครขอความเมตตาให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กถ้าหากถูกคนลืออกไป คุณหนูได้มีปัญหาใหญ่แน่มีใครยอมให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นของพวกเขาต้องโดนกดย่ำไว้บ้าง? องค์จักรพรรดิยังไม่ยอมเลย ประชาชนของต้าชื่อก็เกรงว่าจะไม่เห็นด้วย พวกเขาคงได้คิดกันแน่ว่าจะจัดการฟู่จาวหนิงทิ้งอย่างไรเพราะประชาชนของต้าชื่อแทบจะรู้สึกกันไปหมดแล้ว ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยอดเยี่ยมไร้เทียมทานในด้านโชควาสนา เป็นเหมือนเซียนหญิงในใจพวกเขา คนอื่นจะทำให้แปดเปื้อนไม่ได้"ข้าจำได้ว่าเจ้าก่อนหน้านี้ดูฉลาดดี นี่เพราะอยู่กับอวี๋อวี่เวยนานไปจนเริ่มโง่ขึ้นมาแล้วหรือ?"เสิ่นเสวียนน้ำเสียงเย็ฯชา "ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่เหมาะจะอยู่ข้างกายจาวหนิงแล้ว"เสี่ยวชิ่นตกตะลึง รีบมองไปทางฟู่จาวหนิง"นายท่าน ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว ไม่กล้าอีกแล้วจริงๆ! ให้ข้าน้อยติดตามคุณหนูเถิด
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับเข้าเมืองหลวงในวันนี้ ทั้งเมืองหลวงล้วนคึกคักอย่างมากคนทั้งหมดแทบจะออกมาจากบ้าน คนที่พอเบียดตัวไปบนถนนได้ก็ไปกันหมด ร้านรวงสองฟากถนน ชั้นบนชั้นล่างของสถานที่ที่มีประตูหน้าต่างมองมาทางถนนได้ ล้วนเบียดเสียดแออัดกันหมดกระทั่งมีคนปีนขึ้นต้นไม้ ปีนขึ้นกำแพง ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านด้วยซ้ำได้ยินว่าองค์จักรพรรดิเลือกทหารเอาไว้สามกอง คอยรับผิดชอบระเบียบความปลอดภัย กระทั่งคนในที่ว่าการก็ยังออกกันมา สองฟากถนนล้วนมีทหารทางการคอยกันประชาชนไว้ประชาชนที่เบียดไปด้านหน้าสุดได้ล้วนถือของไว้ในมือ และยังมีคนหิ้วตะกร้า ส่วนของที่ถือก็มีมากมายหลายแบบ แต่หลักๆ ล้วนเป็นของที่เล็กน้ำหนักเบาทั้งสิ้น"อย่าเบียดกัน!""อย่าส่งเสียงดังเอะอะ!""อีกด้วยตอนองค์หญิงใหญ่ผ่าน ถ้าใครโยนของต้องห้ามออกมามั่วซั่ว จะถูกจับขังที่คุกใหญ่ทั้งหมด!""ห้ามทำให้องค์หญิงใหญ่ตกใจเด็ดขาด!"พวกชิ่งอวิ๋นเซียวยืนอยู่ข้างระเบียงชั้นสามของโรงสุราแห่งหนึ่ง มองคนแน่นขนัดที่ด้านล่าง ฟังเสียงจอแจต่างๆ ล้วรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเอาจริงๆถ้าหากไม่ได้มาเห็นกับตา ข้าคงคิดไม่ถึงแน่!" ชิงอีจุ๊ปาก"ใช่แล้ว คิดไม่ถึงเลย
ซือถูไป๋ค่อยๆ กำมือแน่นเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าผู้ชายอย่างอ๋องเจวี้ยน จะมีหญิงสาวเข้ามาลุ่มหลงมากขนาดไหนกระทั่งว่าไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า ก็ยังต้องชายตามองเขา เขาคิดอยากจะลูบใบหน้าขาวสะอาดของตนเอง อยากจะรู้ว่าใบหน้านี้ของตน จะสู้อ๋องเจวี้ยนได้หรือไม่ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากันห่างๆและที่ชั้นล่างของเซียวหลันยวน เสิ่นเสวียนตอนนี้กำลังนั่งอยู่กับฟู่จาวหนิงในห้องชั้นสูง"เดิมทีหออันดับหนึ่งบอกว่าจะเหลือห้องหรูที่มองเห็นถนนไว้ให้ แต่ตอนนี้พวกเราไม่ไปหออันดับหนึ่งแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้แย่กว่าหออันดับหนึ่งสักเท่าไร"หลิวหั่วเองก็อธิบายกับฟู่จาวหนิงว่า "เถ้าแก่ของที่นี่มีความสัมพันธ์กับนายท่านอยู่ การจะเหลือห้องไว้สักห้องไม่ใช่ปัญหาเลย""ท่านลุงสองวันนี้คงไม่ใช่เอาแต่หาคนเพื่อจองที่หรอกใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงปลดผ้าคลุมหมวกออก ผ่อนลมหายใจเมื่อครู่พวกเขาเดินเบียดกันอยู่บนถนนอยู่นานกว่าจะเข้ามาถึงวันนี้บนถนนไม่มีรถม้าเลย ทั้งหมดเบียดแน่นจนไม่มีช่องว่าง กว่าจะเบียดเสียดเข้ามาถึงนี่ไม่ง่ายเลย"จะคอยเอาแต่มาจองที่อยู่ได้อย่างไรกัน?" เสิ่นเสวียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ "มีเรื่องต้องไปจัดการน่ะ เรื่อง
ฟู่จาวหนิงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนอยู่ข้างบนนี้พอดีเพราะด้านนอกเอะอะกันมาก เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้ยินเสียงที่ชั้นล่างซือถูไป๋อันที่จริงก็มีความคิดเดียวกับเซียวหลันยวน รู้สึกว่าเสิ่นเสวียนจะต้องหาที่ดีดีได้เช่นกัน ดังนั้นจึงคอยส่ายตามองไปรอบๆ ดูว่าจะหาตัวฟู่จาวหนิงพบไหมเพียงแต่พวกเขาพอเห็นอีกฝ่ายเข้าเมื่อครู่ ความสนใจจึงตกไปอยู่บนตัวฝั่งตรงข้ามแล้ว ไม่ได้มองลงมาข้างล่าง จึงพลาดร่องรอยตอนที่พวกฟู่จาวหนิงเบียดเสียดกลุ่มคนเข้าไปในร้านนี้นั่นเองหลิวหั่วพักไปครู่หนึ่ง ก็เดินไปที่ระเบียงทางนั้นด้วยเช่นกัน "ข้าลองดูหน่อยว่ามองลงไปจากชั้นสองนี่จะมีความรู้สึกอย่างไร"เขาตอนนี้เพิ่งออกไป ก็มองเห็นซือถูไป๋ที่อยู่ข้างหน้าต่างชั้นสองฝั่งตรงข้ามทันทีหลิวหั่วร้องประหลาดใจ ถอยกลับมาในห้องทันที"มีอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามหลิวหั่วชี้ไปฝั่งตรงข้าม "พวกท่านว่าบังเอิญไปไหม? ซือถูไป๋อยู่ฝั่งตรงข้าม!""บังเอิญขนาดนี้เชียว" ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาดนี่มีวาสนากับซือถูไป๋ขนาดนั้นเลยหรือ? ถึงได้บังเอิญเจอเขาตลอดแบบนี้!เสี่ยวชิ่นเองก็มองออกไปบ้าง นางเมื่อครู่ยังไม่เห็นเลยนะ ตอนนี้พอเห็น
นายท่าน คำพูดที่คิดจะแยกอ๋องเจวี้ยนกับคุณหนูออกจากกันนี่มันอะไรกัน?ถ้าเผื่อคำพูดเขาเมื่อครู่ ทำให้เสิ่นเสวียนเกิดความคิดที่จะแยกอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาออกมาจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ทำผิดมหันต์ไปเสียแล้ว"ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ น่าจะเพราะเฮยอวิ๋นขี้ขลาดไปหน่อย" หลิวหั่วรีบเอ่ยขึ้นเสิ่นเสวียนเหล่มองเขาอีกไม่พูดจาหลิวหั่วไม่กล้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกแล้วเซียวหลันยวนเจอแต่ซือถูไป๋ แต่หาฟู่จาวหนิงไม่เจอ กลิ่นอายทั้งตัวจึงเย็นเยียบ กลับมานั่งลงในห้องชิ่งอวิ๋นเซียวมองเขาสองวันนี้เขารู้สึกเหมือนกับเฮยอวิ๋น อ๋องเจวี้ยนกลิ่นอายเย็นเยียบไปหมด เหมือนจะหักคอคนทิ้งได้ตลอดเวลาเลยเขาไม่กล้าอยู่ใกล้เซียวหลันยวนนัก"ท่านอ๋อง ส่งคนออกไปหาพระชายาแล้ว วันนี้คึกคักขนาดนี้ ท่านเสิ่นจะต้องพานางออกมาชมแน่"หาเจอแล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะ?เซียวหลันยวนคิดในใจ รู้สึกหมดเรี่ยวแรงกับงุนงงขึ้นมาทันทีเขาเองก็ไม่รู้ว่าหาฟู่จาวหนิงพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ เขาจะไปมัดนางมาอยู่ข้างกาย หรือก็คือ เขาสามารถปลดหน้ากากลงมาเผชิญหน้ากับนางดีดีได้ไหม?จะอธิบายกับนางได้ไหมว่าตอนนี้เขามีความคิดอย่างไร?"ช่างเถอะ ไม่ต้องหาแล้ว" เ
ในวังจักรพรรดิ องค์จักรพรรดิต้าชื่ออยู่ในชุดมังกรเหลืองสว่าง กำลังรอให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าวัง"ถึงไหนแล้ว?""ใต้ฝ่าพระบาท เพิ่งจะเข้ามายังถนนหลวง ประชาชนกำลังล้อมออแน่นขนัด ขบวนพิธีขององค์หญิงใหญ่น่าจะเคลื่อนตัวได้ช้าสักหน่อย" คนในวังรายงาน"อืม ก็เป็นเรื่องปกติ ให้เหล่าประชาชนได้อธิษฐานความสุขเสียบ้าง พวกเขาล้วนเป็นประชาชนของข้า ถ้าพวกเขาดี ข้าก็ดีด้วย" องค์จักรพรรดิแสดงว่าความใจกว้างของตนเองออกมา และยังดูอ่อนโยนมีเมตตาธรรมด้วย"ฝ่าบาท" ฮองเฮาที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่น "องค์หญิงใหญ่กลับมาครั้งนี้ ดูฝ่าบาทกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษเลยนะ""แล้วไม่ใช่หรือไรกัน?" องค์จักรพรรดิหัวเราะร่าขึ้นมา "ฝูอวิ้นนางเป็นโชควาสนาของข้ามาตลอดเลย"พูดขึ้นมาก็น่าประหลาด องค์จักรพรรดิเมื่อเดือนก่อนรู้สึกว่าร่างกายเชื่องช้าไปหน่อย กินก็ไม่ดีนอนก็ไม่ค่อยจะหลับ หัวเองก็ปวดๆ มึนๆ เป็นระยะ หมอหลวงก็มาตรวจไปไม่รู้กี่ครั้ง กลับยังตรวจไม่เจอว่าเขาป่วยเป็นอะไรเหมือนว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่องค์จักรพรรดิเองก็รู้สึกว่าไม่สบาย ไม่ผ่อนคลาย ใจก็กระสับกระส่าย กลัวมากว่าจะป่วยเป็นโรคแฝงอะไร แล้วหมอหลวงตรวจ
พวกถุงหอม ผ้าเช็ดมือ แถบผ้าแดง พู่ห้อยอะไรพวกนั้น ก็ทยอยกันถูกขว้างไปยังรถลากด้านหน้าและหลังขององค์หญิงใหญ่ราวกับเป็น "สายฝน" พร่างฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ดูแล้วละลานตาไปหมดเสาทั้งสี่ของรถลากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีผ้าแพรติดอยู่ ผ้าแพรบางมาก มองเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านใน แต่มองไม่เห็นใบหน้าจริงคนที่นั่งด้านในอยู่ในชุดหรูหรา ปิ่นไข่มุกพู่ระย้าโยกไหวเบาๆ ยืดตัวไหล่ตรง นั่งอย่างสวยงามเพียบพร้อมแค่เห็นโครงร่าง ก็รู้สึกว่าต้องสง่างามไร้เทียมทานแน่ๆทุกคนในที่สุดก็ได้เห็นองค์หญิงใหญ่แล้ว จึงยิ่งฮือฮาขึ้นไปอีกประชาชนที่โยนของชิ้นเล็กอธิษฐานเรียบร้อยก็คุกเข่าลงกันพรึบพรับ"ขอองค์หญิงใหญ่โปรดประทานโชค!"ขบวนพิธีเคลื่อนที่ไป สองข้างทางก็โยนของเข้ามาพลางกราบกราน ราวกับกระแสน้ำขึ้นอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ชั้นสองมองฉากนี้แล้วรู้สึกเปิดโลกทัศน์พลังนี้ขององค์หญิงใหญ่ช่างน่าซาบซึ้งจริงๆองค์หญิงใหญ่แค่นั่งอยู่บนรถลากพยักหน้าเป็นบางจังหวะ ยกมือส่งสัญญาณ เสียงโห่ร้องของประชาชนก็ยิ่งดังมากขึ้นตอนนี้เป็นช่วงแสงแดดแรงกล้านะ แต่ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ ท้องฟ้าก็ย้อมไปแสงส่องทอเมฆ สายฝนยามแดดอ
ในกลีบดอกไม้แดงพร่างฟ้า คุณชายสะโอดสะองข่าวผ่องคนหนึ่งราวกับเป็นจันทร์กระจ่างแขวนอยู่บนฟ้าสูงซือถูไป๋ก้มหน้าลง เขาเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วเครื่องประดับหน้าผากราวกับเมฆดำครอบอยู่บนหน้าผากขาวสว่าง ใบหน้าสวยพราวสง่างาม ดวงตาใส่กระจ่างราวสายน้ำ สีหน้าอ่อนโยนประดุจเมฆปุยฝ้ายสายตาทั้งสองประสานกัน คั่นไว้ด้วยกลีบดอกไม้สีแดงปลิวไสวอาเพียนที่ยืนโปรยกลีบดอกไม้บนหลังคาพอเห็นฉากนี้ ก็ดีอกดีใจจนเกือบจะลื่นตกลงมาด้านล่างหลายวันนี้คุณชายไม่พาเขาไปไหนเลย แต่เขาเดิมทีก็ได้รับการกำชับจากนายท่านมา ว่าถึงอย่างไรก็ต้องให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นคุชาย ตอนนี้ภารกิจของเขาถือว่าสำเร็จแล้วกระมัง?ด้วยการแต่งกายที่เหนือคนทั่วไปและใบหน้าที่หล่อเหลาเช่นนี้ ขอแค่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเห็น จะต้องจดจำเขาไว้ในใจแน่นอนตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นซือถูไป๋ ซือถูไป๋ก็ได้สติกลับมา จู่ๆ ก็มองไปฝั่งตรงข้าม ประสานมือคารวะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงงงัน เอียงหน้ามองตามสายตาของเขาไปโดยสัญชาตญาณผลคือพอมองไป ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มในชุดสีดำทั้งตัวคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ริมระเบียงในมาดเคร่งขรึม หน้ากากชิ้นหนึ่งบดบังความเป็นไ