องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับเข้าเมืองหลวงในวันนี้ ทั้งเมืองหลวงล้วนคึกคักอย่างมากคนทั้งหมดแทบจะออกมาจากบ้าน คนที่พอเบียดตัวไปบนถนนได้ก็ไปกันหมด ร้านรวงสองฟากถนน ชั้นบนชั้นล่างของสถานที่ที่มีประตูหน้าต่างมองมาทางถนนได้ ล้วนเบียดเสียดแออัดกันหมดกระทั่งมีคนปีนขึ้นต้นไม้ ปีนขึ้นกำแพง ปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านด้วยซ้ำได้ยินว่าองค์จักรพรรดิเลือกทหารเอาไว้สามกอง คอยรับผิดชอบระเบียบความปลอดภัย กระทั่งคนในที่ว่าการก็ยังออกกันมา สองฟากถนนล้วนมีทหารทางการคอยกันประชาชนไว้ประชาชนที่เบียดไปด้านหน้าสุดได้ล้วนถือของไว้ในมือ และยังมีคนหิ้วตะกร้า ส่วนของที่ถือก็มีมากมายหลายแบบ แต่หลักๆ ล้วนเป็นของที่เล็กน้ำหนักเบาทั้งสิ้น"อย่าเบียดกัน!""อย่าส่งเสียงดังเอะอะ!""อีกด้วยตอนองค์หญิงใหญ่ผ่าน ถ้าใครโยนของต้องห้ามออกมามั่วซั่ว จะถูกจับขังที่คุกใหญ่ทั้งหมด!""ห้ามทำให้องค์หญิงใหญ่ตกใจเด็ดขาด!"พวกชิ่งอวิ๋นเซียวยืนอยู่ข้างระเบียงชั้นสามของโรงสุราแห่งหนึ่ง มองคนแน่นขนัดที่ด้านล่าง ฟังเสียงจอแจต่างๆ ล้วรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเอาจริงๆถ้าหากไม่ได้มาเห็นกับตา ข้าคงคิดไม่ถึงแน่!" ชิงอีจุ๊ปาก"ใช่แล้ว คิดไม่ถึงเลย
ซือถูไป๋ค่อยๆ กำมือแน่นเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าผู้ชายอย่างอ๋องเจวี้ยน จะมีหญิงสาวเข้ามาลุ่มหลงมากขนาดไหนกระทั่งว่าไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า ก็ยังต้องชายตามองเขา เขาคิดอยากจะลูบใบหน้าขาวสะอาดของตนเอง อยากจะรู้ว่าใบหน้านี้ของตน จะสู้อ๋องเจวี้ยนได้หรือไม่ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากันห่างๆและที่ชั้นล่างของเซียวหลันยวน เสิ่นเสวียนตอนนี้กำลังนั่งอยู่กับฟู่จาวหนิงในห้องชั้นสูง"เดิมทีหออันดับหนึ่งบอกว่าจะเหลือห้องหรูที่มองเห็นถนนไว้ให้ แต่ตอนนี้พวกเราไม่ไปหออันดับหนึ่งแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้แย่กว่าหออันดับหนึ่งสักเท่าไร"หลิวหั่วเองก็อธิบายกับฟู่จาวหนิงว่า "เถ้าแก่ของที่นี่มีความสัมพันธ์กับนายท่านอยู่ การจะเหลือห้องไว้สักห้องไม่ใช่ปัญหาเลย""ท่านลุงสองวันนี้คงไม่ใช่เอาแต่หาคนเพื่อจองที่หรอกใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงปลดผ้าคลุมหมวกออก ผ่อนลมหายใจเมื่อครู่พวกเขาเดินเบียดกันอยู่บนถนนอยู่นานกว่าจะเข้ามาถึงวันนี้บนถนนไม่มีรถม้าเลย ทั้งหมดเบียดแน่นจนไม่มีช่องว่าง กว่าจะเบียดเสียดเข้ามาถึงนี่ไม่ง่ายเลย"จะคอยเอาแต่มาจองที่อยู่ได้อย่างไรกัน?" เสิ่นเสวียนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ "มีเรื่องต้องไปจัดการน่ะ เรื่อง
ฟู่จาวหนิงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนอยู่ข้างบนนี้พอดีเพราะด้านนอกเอะอะกันมาก เซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้ยินเสียงที่ชั้นล่างซือถูไป๋อันที่จริงก็มีความคิดเดียวกับเซียวหลันยวน รู้สึกว่าเสิ่นเสวียนจะต้องหาที่ดีดีได้เช่นกัน ดังนั้นจึงคอยส่ายตามองไปรอบๆ ดูว่าจะหาตัวฟู่จาวหนิงพบไหมเพียงแต่พวกเขาพอเห็นอีกฝ่ายเข้าเมื่อครู่ ความสนใจจึงตกไปอยู่บนตัวฝั่งตรงข้ามแล้ว ไม่ได้มองลงมาข้างล่าง จึงพลาดร่องรอยตอนที่พวกฟู่จาวหนิงเบียดเสียดกลุ่มคนเข้าไปในร้านนี้นั่นเองหลิวหั่วพักไปครู่หนึ่ง ก็เดินไปที่ระเบียงทางนั้นด้วยเช่นกัน "ข้าลองดูหน่อยว่ามองลงไปจากชั้นสองนี่จะมีความรู้สึกอย่างไร"เขาตอนนี้เพิ่งออกไป ก็มองเห็นซือถูไป๋ที่อยู่ข้างหน้าต่างชั้นสองฝั่งตรงข้ามทันทีหลิวหั่วร้องประหลาดใจ ถอยกลับมาในห้องทันที"มีอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามหลิวหั่วชี้ไปฝั่งตรงข้าม "พวกท่านว่าบังเอิญไปไหม? ซือถูไป๋อยู่ฝั่งตรงข้าม!""บังเอิญขนาดนี้เชียว" ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกเกินคาดนี่มีวาสนากับซือถูไป๋ขนาดนั้นเลยหรือ? ถึงได้บังเอิญเจอเขาตลอดแบบนี้!เสี่ยวชิ่นเองก็มองออกไปบ้าง นางเมื่อครู่ยังไม่เห็นเลยนะ ตอนนี้พอเห็น
นายท่าน คำพูดที่คิดจะแยกอ๋องเจวี้ยนกับคุณหนูออกจากกันนี่มันอะไรกัน?ถ้าเผื่อคำพูดเขาเมื่อครู่ ทำให้เสิ่นเสวียนเกิดความคิดที่จะแยกอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาออกมาจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ทำผิดมหันต์ไปเสียแล้ว"ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ น่าจะเพราะเฮยอวิ๋นขี้ขลาดไปหน่อย" หลิวหั่วรีบเอ่ยขึ้นเสิ่นเสวียนเหล่มองเขาอีกไม่พูดจาหลิวหั่วไม่กล้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกแล้วเซียวหลันยวนเจอแต่ซือถูไป๋ แต่หาฟู่จาวหนิงไม่เจอ กลิ่นอายทั้งตัวจึงเย็นเยียบ กลับมานั่งลงในห้องชิ่งอวิ๋นเซียวมองเขาสองวันนี้เขารู้สึกเหมือนกับเฮยอวิ๋น อ๋องเจวี้ยนกลิ่นอายเย็นเยียบไปหมด เหมือนจะหักคอคนทิ้งได้ตลอดเวลาเลยเขาไม่กล้าอยู่ใกล้เซียวหลันยวนนัก"ท่านอ๋อง ส่งคนออกไปหาพระชายาแล้ว วันนี้คึกคักขนาดนี้ ท่านเสิ่นจะต้องพานางออกมาชมแน่"หาเจอแล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะ?เซียวหลันยวนคิดในใจ รู้สึกหมดเรี่ยวแรงกับงุนงงขึ้นมาทันทีเขาเองก็ไม่รู้ว่าหาฟู่จาวหนิงพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ เขาจะไปมัดนางมาอยู่ข้างกาย หรือก็คือ เขาสามารถปลดหน้ากากลงมาเผชิญหน้ากับนางดีดีได้ไหม?จะอธิบายกับนางได้ไหมว่าตอนนี้เขามีความคิดอย่างไร?"ช่างเถอะ ไม่ต้องหาแล้ว" เ
ในวังจักรพรรดิ องค์จักรพรรดิต้าชื่ออยู่ในชุดมังกรเหลืองสว่าง กำลังรอให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าวัง"ถึงไหนแล้ว?""ใต้ฝ่าพระบาท เพิ่งจะเข้ามายังถนนหลวง ประชาชนกำลังล้อมออแน่นขนัด ขบวนพิธีขององค์หญิงใหญ่น่าจะเคลื่อนตัวได้ช้าสักหน่อย" คนในวังรายงาน"อืม ก็เป็นเรื่องปกติ ให้เหล่าประชาชนได้อธิษฐานความสุขเสียบ้าง พวกเขาล้วนเป็นประชาชนของข้า ถ้าพวกเขาดี ข้าก็ดีด้วย" องค์จักรพรรดิแสดงว่าความใจกว้างของตนเองออกมา และยังดูอ่อนโยนมีเมตตาธรรมด้วย"ฝ่าบาท" ฮองเฮาที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่น "องค์หญิงใหญ่กลับมาครั้งนี้ ดูฝ่าบาทกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษเลยนะ""แล้วไม่ใช่หรือไรกัน?" องค์จักรพรรดิหัวเราะร่าขึ้นมา "ฝูอวิ้นนางเป็นโชควาสนาของข้ามาตลอดเลย"พูดขึ้นมาก็น่าประหลาด องค์จักรพรรดิเมื่อเดือนก่อนรู้สึกว่าร่างกายเชื่องช้าไปหน่อย กินก็ไม่ดีนอนก็ไม่ค่อยจะหลับ หัวเองก็ปวดๆ มึนๆ เป็นระยะ หมอหลวงก็มาตรวจไปไม่รู้กี่ครั้ง กลับยังตรวจไม่เจอว่าเขาป่วยเป็นอะไรเหมือนว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่องค์จักรพรรดิเองก็รู้สึกว่าไม่สบาย ไม่ผ่อนคลาย ใจก็กระสับกระส่าย กลัวมากว่าจะป่วยเป็นโรคแฝงอะไร แล้วหมอหลวงตรวจ
พวกถุงหอม ผ้าเช็ดมือ แถบผ้าแดง พู่ห้อยอะไรพวกนั้น ก็ทยอยกันถูกขว้างไปยังรถลากด้านหน้าและหลังขององค์หญิงใหญ่ราวกับเป็น "สายฝน" พร่างฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ดูแล้วละลานตาไปหมดเสาทั้งสี่ของรถลากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีผ้าแพรติดอยู่ ผ้าแพรบางมาก มองเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านใน แต่มองไม่เห็นใบหน้าจริงคนที่นั่งด้านในอยู่ในชุดหรูหรา ปิ่นไข่มุกพู่ระย้าโยกไหวเบาๆ ยืดตัวไหล่ตรง นั่งอย่างสวยงามเพียบพร้อมแค่เห็นโครงร่าง ก็รู้สึกว่าต้องสง่างามไร้เทียมทานแน่ๆทุกคนในที่สุดก็ได้เห็นองค์หญิงใหญ่แล้ว จึงยิ่งฮือฮาขึ้นไปอีกประชาชนที่โยนของชิ้นเล็กอธิษฐานเรียบร้อยก็คุกเข่าลงกันพรึบพรับ"ขอองค์หญิงใหญ่โปรดประทานโชค!"ขบวนพิธีเคลื่อนที่ไป สองข้างทางก็โยนของเข้ามาพลางกราบกราน ราวกับกระแสน้ำขึ้นอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ชั้นสองมองฉากนี้แล้วรู้สึกเปิดโลกทัศน์พลังนี้ขององค์หญิงใหญ่ช่างน่าซาบซึ้งจริงๆองค์หญิงใหญ่แค่นั่งอยู่บนรถลากพยักหน้าเป็นบางจังหวะ ยกมือส่งสัญญาณ เสียงโห่ร้องของประชาชนก็ยิ่งดังมากขึ้นตอนนี้เป็นช่วงแสงแดดแรงกล้านะ แต่ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ ท้องฟ้าก็ย้อมไปแสงส่องทอเมฆ สายฝนยามแดดอ
ในกลีบดอกไม้แดงพร่างฟ้า คุณชายสะโอดสะองข่าวผ่องคนหนึ่งราวกับเป็นจันทร์กระจ่างแขวนอยู่บนฟ้าสูงซือถูไป๋ก้มหน้าลง เขาเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วเครื่องประดับหน้าผากราวกับเมฆดำครอบอยู่บนหน้าผากขาวสว่าง ใบหน้าสวยพราวสง่างาม ดวงตาใส่กระจ่างราวสายน้ำ สีหน้าอ่อนโยนประดุจเมฆปุยฝ้ายสายตาทั้งสองประสานกัน คั่นไว้ด้วยกลีบดอกไม้สีแดงปลิวไสวอาเพียนที่ยืนโปรยกลีบดอกไม้บนหลังคาพอเห็นฉากนี้ ก็ดีอกดีใจจนเกือบจะลื่นตกลงมาด้านล่างหลายวันนี้คุณชายไม่พาเขาไปไหนเลย แต่เขาเดิมทีก็ได้รับการกำชับจากนายท่านมา ว่าถึงอย่างไรก็ต้องให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นคุชาย ตอนนี้ภารกิจของเขาถือว่าสำเร็จแล้วกระมัง?ด้วยการแต่งกายที่เหนือคนทั่วไปและใบหน้าที่หล่อเหลาเช่นนี้ ขอแค่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเห็น จะต้องจดจำเขาไว้ในใจแน่นอนตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นซือถูไป๋ ซือถูไป๋ก็ได้สติกลับมา จู่ๆ ก็มองไปฝั่งตรงข้าม ประสานมือคารวะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงงงัน เอียงหน้ามองตามสายตาของเขาไปโดยสัญชาตญาณผลคือพอมองไป ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มในชุดสีดำทั้งตัวคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ริมระเบียงในมาดเคร่งขรึม หน้ากากชิ้นหนึ่งบดบังความเป็นไ
ผู้คนที่ยืนอยู่ชั้นบนพอเห็นฉากนี้ก็ล้วนถลึงตาอ้าปากค้างชิ่งอวิ๋นเซียวกว่าพักหนึ่งจึงได้สติกลับมา มองไปทางเซียวหลันยวนอย่างไม่อยากเชื่อ"ไม่ใช่สิ ท่าน ท่านอ๋อง ท่านคิดว่ายอดเยี่ยมเช่นนั้นเลยหรือ?"ขาที่เดิมทีปวดมากจนนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้ วันนี้พอมาเห็นองค์หญิงใหญ่แค่ครู่เดียว ก็หายปวดเป็นปลิดทิ้งหรือ?เซียวหลันยวนมองซือถูไป๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร"เขาเดินออกมาจากริมระเบียง กลับไปนั่งในห้องชิงอีรีบรินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่งเซียวหลันยวนเลิกหน้ากากขึ้นจิบไปทีหนึ่ง ตอนที่ชิ่งอวิ๋นเซียวเข้ามาก็ดึงหน้ากากกลับลงมาแล้ว"ท่านอ๋อง ที่นี่เองก็ไม่มีใครอื่น ท่านเอาแต่สวมหน้ากากแบบนี้ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือ?"ชิ่งอวิ๋นเซียวรู้สึกว่าแปลกประหลาดหน่อยๆ นี่ขนาดจะดื่มน้ำก็ยังไม่ปลดหน้ากากลงมา ต่อให้บนหน้าจะมีแผลเป็นนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่นา ที่นี่ก็เป็นคนกันเองทั้หงมด เขาเองก็ไม่ใช่ว่าจะกลัวกับแผลเป็นแผลหนึ่งหรอกนะ มีอะไรน่ากังวลกัน?เซียวหลันยวนเหลือบมองเขา "ไม่ใช่จะไปให้องค์หญิงใหญ่ชิมสุราของพวกเจ้าหรอกหรือ? ยังไม่ไปอีก?"เรื่องนี้มันต้องไปคอยจ
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม