นายท่าน คำพูดที่คิดจะแยกอ๋องเจวี้ยนกับคุณหนูออกจากกันนี่มันอะไรกัน?ถ้าเผื่อคำพูดเขาเมื่อครู่ ทำให้เสิ่นเสวียนเกิดความคิดที่จะแยกอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาออกมาจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ทำผิดมหันต์ไปเสียแล้ว"ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ น่าจะเพราะเฮยอวิ๋นขี้ขลาดไปหน่อย" หลิวหั่วรีบเอ่ยขึ้นเสิ่นเสวียนเหล่มองเขาอีกไม่พูดจาหลิวหั่วไม่กล้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อยอีกแล้วเซียวหลันยวนเจอแต่ซือถูไป๋ แต่หาฟู่จาวหนิงไม่เจอ กลิ่นอายทั้งตัวจึงเย็นเยียบ กลับมานั่งลงในห้องชิ่งอวิ๋นเซียวมองเขาสองวันนี้เขารู้สึกเหมือนกับเฮยอวิ๋น อ๋องเจวี้ยนกลิ่นอายเย็นเยียบไปหมด เหมือนจะหักคอคนทิ้งได้ตลอดเวลาเลยเขาไม่กล้าอยู่ใกล้เซียวหลันยวนนัก"ท่านอ๋อง ส่งคนออกไปหาพระชายาแล้ว วันนี้คึกคักขนาดนี้ ท่านเสิ่นจะต้องพานางออกมาชมแน่"หาเจอแล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะ?เซียวหลันยวนคิดในใจ รู้สึกหมดเรี่ยวแรงกับงุนงงขึ้นมาทันทีเขาเองก็ไม่รู้ว่าหาฟู่จาวหนิงพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ เขาจะไปมัดนางมาอยู่ข้างกาย หรือก็คือ เขาสามารถปลดหน้ากากลงมาเผชิญหน้ากับนางดีดีได้ไหม?จะอธิบายกับนางได้ไหมว่าตอนนี้เขามีความคิดอย่างไร?"ช่างเถอะ ไม่ต้องหาแล้ว" เ
ในวังจักรพรรดิ องค์จักรพรรดิต้าชื่ออยู่ในชุดมังกรเหลืองสว่าง กำลังรอให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าวัง"ถึงไหนแล้ว?""ใต้ฝ่าพระบาท เพิ่งจะเข้ามายังถนนหลวง ประชาชนกำลังล้อมออแน่นขนัด ขบวนพิธีขององค์หญิงใหญ่น่าจะเคลื่อนตัวได้ช้าสักหน่อย" คนในวังรายงาน"อืม ก็เป็นเรื่องปกติ ให้เหล่าประชาชนได้อธิษฐานความสุขเสียบ้าง พวกเขาล้วนเป็นประชาชนของข้า ถ้าพวกเขาดี ข้าก็ดีด้วย" องค์จักรพรรดิแสดงว่าความใจกว้างของตนเองออกมา และยังดูอ่อนโยนมีเมตตาธรรมด้วย"ฝ่าบาท" ฮองเฮาที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่น "องค์หญิงใหญ่กลับมาครั้งนี้ ดูฝ่าบาทกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษเลยนะ""แล้วไม่ใช่หรือไรกัน?" องค์จักรพรรดิหัวเราะร่าขึ้นมา "ฝูอวิ้นนางเป็นโชควาสนาของข้ามาตลอดเลย"พูดขึ้นมาก็น่าประหลาด องค์จักรพรรดิเมื่อเดือนก่อนรู้สึกว่าร่างกายเชื่องช้าไปหน่อย กินก็ไม่ดีนอนก็ไม่ค่อยจะหลับ หัวเองก็ปวดๆ มึนๆ เป็นระยะ หมอหลวงก็มาตรวจไปไม่รู้กี่ครั้ง กลับยังตรวจไม่เจอว่าเขาป่วยเป็นอะไรเหมือนว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่องค์จักรพรรดิเองก็รู้สึกว่าไม่สบาย ไม่ผ่อนคลาย ใจก็กระสับกระส่าย กลัวมากว่าจะป่วยเป็นโรคแฝงอะไร แล้วหมอหลวงตรวจ
พวกถุงหอม ผ้าเช็ดมือ แถบผ้าแดง พู่ห้อยอะไรพวกนั้น ก็ทยอยกันถูกขว้างไปยังรถลากด้านหน้าและหลังขององค์หญิงใหญ่ราวกับเป็น "สายฝน" พร่างฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ดูแล้วละลานตาไปหมดเสาทั้งสี่ของรถลากองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีผ้าแพรติดอยู่ ผ้าแพรบางมาก มองเห็นคนที่นั่งอยู่ด้านใน แต่มองไม่เห็นใบหน้าจริงคนที่นั่งด้านในอยู่ในชุดหรูหรา ปิ่นไข่มุกพู่ระย้าโยกไหวเบาๆ ยืดตัวไหล่ตรง นั่งอย่างสวยงามเพียบพร้อมแค่เห็นโครงร่าง ก็รู้สึกว่าต้องสง่างามไร้เทียมทานแน่ๆทุกคนในที่สุดก็ได้เห็นองค์หญิงใหญ่แล้ว จึงยิ่งฮือฮาขึ้นไปอีกประชาชนที่โยนของชิ้นเล็กอธิษฐานเรียบร้อยก็คุกเข่าลงกันพรึบพรับ"ขอองค์หญิงใหญ่โปรดประทานโชค!"ขบวนพิธีเคลื่อนที่ไป สองข้างทางก็โยนของเข้ามาพลางกราบกราน ราวกับกระแสน้ำขึ้นอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ชั้นสองมองฉากนี้แล้วรู้สึกเปิดโลกทัศน์พลังนี้ขององค์หญิงใหญ่ช่างน่าซาบซึ้งจริงๆองค์หญิงใหญ่แค่นั่งอยู่บนรถลากพยักหน้าเป็นบางจังหวะ ยกมือส่งสัญญาณ เสียงโห่ร้องของประชาชนก็ยิ่งดังมากขึ้นตอนนี้เป็นช่วงแสงแดดแรงกล้านะ แต่ไม่รู้เพราะอะไร จู่ๆ ท้องฟ้าก็ย้อมไปแสงส่องทอเมฆ สายฝนยามแดดอ
ในกลีบดอกไม้แดงพร่างฟ้า คุณชายสะโอดสะองข่าวผ่องคนหนึ่งราวกับเป็นจันทร์กระจ่างแขวนอยู่บนฟ้าสูงซือถูไป๋ก้มหน้าลง เขาเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วเครื่องประดับหน้าผากราวกับเมฆดำครอบอยู่บนหน้าผากขาวสว่าง ใบหน้าสวยพราวสง่างาม ดวงตาใส่กระจ่างราวสายน้ำ สีหน้าอ่อนโยนประดุจเมฆปุยฝ้ายสายตาทั้งสองประสานกัน คั่นไว้ด้วยกลีบดอกไม้สีแดงปลิวไสวอาเพียนที่ยืนโปรยกลีบดอกไม้บนหลังคาพอเห็นฉากนี้ ก็ดีอกดีใจจนเกือบจะลื่นตกลงมาด้านล่างหลายวันนี้คุณชายไม่พาเขาไปไหนเลย แต่เขาเดิมทีก็ได้รับการกำชับจากนายท่านมา ว่าถึงอย่างไรก็ต้องให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นคุชาย ตอนนี้ภารกิจของเขาถือว่าสำเร็จแล้วกระมัง?ด้วยการแต่งกายที่เหนือคนทั่วไปและใบหน้าที่หล่อเหลาเช่นนี้ ขอแค่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเห็น จะต้องจดจำเขาไว้ในใจแน่นอนตอนที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเห็นซือถูไป๋ ซือถูไป๋ก็ได้สติกลับมา จู่ๆ ก็มองไปฝั่งตรงข้าม ประสานมือคารวะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นงงงัน เอียงหน้ามองตามสายตาของเขาไปโดยสัญชาตญาณผลคือพอมองไป ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มในชุดสีดำทั้งตัวคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ริมระเบียงในมาดเคร่งขรึม หน้ากากชิ้นหนึ่งบดบังความเป็นไ
ผู้คนที่ยืนอยู่ชั้นบนพอเห็นฉากนี้ก็ล้วนถลึงตาอ้าปากค้างชิ่งอวิ๋นเซียวกว่าพักหนึ่งจึงได้สติกลับมา มองไปทางเซียวหลันยวนอย่างไม่อยากเชื่อ"ไม่ใช่สิ ท่าน ท่านอ๋อง ท่านคิดว่ายอดเยี่ยมเช่นนั้นเลยหรือ?"ขาที่เดิมทีปวดมากจนนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้ วันนี้พอมาเห็นองค์หญิงใหญ่แค่ครู่เดียว ก็หายปวดเป็นปลิดทิ้งหรือ?เซียวหลันยวนมองซือถูไป๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร"เขาเดินออกมาจากริมระเบียง กลับไปนั่งในห้องชิงอีรีบรินน้ำชาให้เขาถ้วยหนึ่งเซียวหลันยวนเลิกหน้ากากขึ้นจิบไปทีหนึ่ง ตอนที่ชิ่งอวิ๋นเซียวเข้ามาก็ดึงหน้ากากกลับลงมาแล้ว"ท่านอ๋อง ที่นี่เองก็ไม่มีใครอื่น ท่านเอาแต่สวมหน้ากากแบบนี้ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือ?"ชิ่งอวิ๋นเซียวรู้สึกว่าแปลกประหลาดหน่อยๆ นี่ขนาดจะดื่มน้ำก็ยังไม่ปลดหน้ากากลงมา ต่อให้บนหน้าจะมีแผลเป็นนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่นา ที่นี่ก็เป็นคนกันเองทั้หงมด เขาเองก็ไม่ใช่ว่าจะกลัวกับแผลเป็นแผลหนึ่งหรอกนะ มีอะไรน่ากังวลกัน?เซียวหลันยวนเหลือบมองเขา "ไม่ใช่จะไปให้องค์หญิงใหญ่ชิมสุราของพวกเจ้าหรอกหรือ? ยังไม่ไปอีก?"เรื่องนี้มันต้องไปคอยจ
ตอนที่หลิวหั่วกับไป๋รื่อกระโจนออกไป ขณะเดียวกันชั้นบนกับฝั่งตรงข้ามก็มีเงาหลายร่างบินแฉลบออกไป ไล่ตรงไปยังทิศทางวังจักรพรรดิองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้คงยังไปไม่ถึงวังจักรพรรดิ น่าจะเจอการลอบทำร้ายตรงช่วงระหว่างทางข้างหน้านี้เองฟู่จาวหนิงพุ่งออกไปด้านนอก ยื่นหน้าออกไปมอง เห็นเข้ากับร่างของซือถูไป๋และยังมี...เซียวหลันยวน!นางกตะตลึง แต่ก็ก่อนหน้าที่จะมีปฏิกิริยา ร่างกายของนางก็มีการเคลื่อนไหวนำสมองไปแล้ว ยื่นมือไปกดที่ราว กระโจนตัวปีนราวลงไป"ท่านลุงข้าจะไปดูเสียหน่อย!"ไป๋หู่กับสืออีสือซานตะลึงพรึงเพริด และรีบตามออกไปด้วย"ระวังหน่อยนะ!" เสิ่นเสวียนร้องขึ้นอย่างตกตะลึงเขาคิดไม่ถึงเลยว่าฟู่จาวหนิงเองก็จะตามออกไปด้วย นี่มันชั้นสองนะ นางเป็นคนที่ไม่มีวิชาตัวเบา แล้วทำไมถึงยังกระโดดตามออกไปแบบนี้?"คุณหนู!" เสี่ยวชิ่นตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น ยื่นหัวออกไป ฟู่จาวหนิงร่อนลงพื้นอย่างมั่นคง จากนั้นก็มุดเข้าไปในกลุ่มคนราวกับปลาหางพริ้วไหว พุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วดูท่าก่อนหน้านี้ตอนที่เบียดตัวเข้ามา คุณหนูจะยังไม่ได้สำแดงพลังที่แท้จริงของนาง"มองเห็นใครกันนะ?" เสิ่นเสวียนขมวด
"ช่วยด้วย!"มีคนไม่น้อยกรีดร้องขึ้น มีคนล้มลงไปบนพื้นถูกทับถูกเบียด ไม่สามารถปีนตัวลุกขึ้นมาได้ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเสียงกรีดร้องเหล่านี้ ใจก็เต้นผาง รู้สึกถึงความไม่ถูกต้องขึ้นทันทีคนที่ตะโกนประโยคเมื่อครู่ นางฟังเสียงไม่ออก แต่น่าจะไม่ใช่เซียวหลันยวนกับซือถูไป๋"ออกไปทางข้างๆ!" นางบอกกับสืออีตอนนี้นางจึงได้ยินเสียงของเซียวหลันยวน ใช้กำลังภายในส่งเข้ามา "ห้ามเบียดผลัก! คนทั้งหมดยืนอยู่กับที่ชั่วคราวก่อน ใครก็ห้ามเบียดทั้งสิ้น!"เซียวหลันยวนนั่นเองซือถูไป๋ตอนนี้จึงไล่ตามมาอยู่ข้างๆ องค์หญิงใหญ่ และซัดอาวุธลับเล่มหนึ่งที่พุ่งตรงมายังองค์หญิงใหญ่ได้พอดีเสียงดังเคร้งมีประกายไฟเล็กๆ แลบออกมาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลิกม่านออก มองดูเขาตาแดงก่ำ"องค์หญิงใหญ่โปรดระวังด้วย!"ซือถูไป๋โบกกระบี่ แทงไปทางคนชุดดำทีกคนหนึ่งที่กระโจนเข้ามามีคนคิดจะลอบสังหารองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นในสถานที่คึกคักขนาดนี้ด้วยหรือ!"อ๊า!" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นอาวุธลับหลายเล่มพุ่งตรงมาทางซือถูไป๋ ก็ร้องตกใจขึ้นมาทันที "ท่านระวังด้วย!"กระบี่ยาวในมือซือถูไป๋แลบประกายกระบี่แทงไปยังอาวุธลับหลายเล่มที่ตรงเข้ามาพ
นักฆ่ามีทั้งที่ถูกสังหาร มีทั้งที่หนีไป และยังมีอีกหลายคนที่ถูกจับไว้แล้วฟู่จาวหนิงมุดตัวมาถึงจุดเกิดเหตุเหยียบกัน ได้ยินเสียงร้องระงมเสียงร้องไห้ของคนมากมาย จึงรีบพาคนเข้าช่วยเหลือเซียวหลันยวนตอนนี้ถึงได้เห็นนางยังไม่เห็นหน้าของนาง แค่เห็นนางวิ่งออกไป นั่งยองลงมาสำรวจประชาชนที่ล้มลงกับพื้น เขาก็มองออกทันทีว่าเป็นนางเขารีบกระโจนตัวลงมา วิ่งไปอยู่ข้างกายนาง"กระดูกซี่โครงเขาหักแล้ว กระจายคนรอบๆ ออกไปก่อนอย่าเพิ่งขยับตัวเขา""เด็กคนนี้ขาถูกเหยียบจนบาดเจ็บ อุ้มเขาขึ้นไปยังที่ที่ปลอดภัยก่อน ลองหาพ่อแม่ของเขาดู""เดี๋ยวก่อนคุณชาย ท่านป้าคนนั้นอย่าเพิ่งไปแตะต้อง! ขอข้าดูก่อน!" ฟู่จาวหนิงเข้าไปช่วยคนโดยไม่เงยหน้าขึ้น "อวัยวะภายในฉีกขาดเสียแล้ว..."ข้างกายนาง ไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนมารวมกันตั้งแต่เมื่อไร ล้วนฟังคำพูดนางที่กำลังช่วยชีวิตคนคนเหล่านั้นเสื้อผ้าไม่ค่อยเหมือนกัน น่าจะต่างฝ่ายต่างเข้ามา"แม่นางรีบมาเร็ว ลุงคนนี้ไม่หายใจแล้ว!""แม่นาง ทางนี้!"เซียวหลันยวนยังไม่ทันมีโอกาสเข้าไปพูดกับฟู่จาวหนิง ข้างหูก็ได้ยินเสียงคนเหล่านั้นร้องเรียกฟู่จาวหนิงเขายืนอยู่ที่นั่น มองฟู่จาวหน
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้