“ทะ...ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกชื่อพระสวามีด้วยความตกใจกำชายผ้าห่มแน่น “เจ้าไปสั่งให้เด็กยกสำรับมาที่ห้องของข้ากับพระชายา เห็นทีข้าต้องอยู่กับพระชายานานๆ เพื่อที่พระชายาของข้าจะได้คุ้นเคยกับข้า แต่เมื่อคืนเราก็คุ้นเคยกันแล้วมิใช่รึชู่เอ๋อ” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ยพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มให้พระชายาคนงามพร้อมเดินมานั่งเบียดหญิงสาวบนเตียง ส่วนหลันหลงก็รีบออกไปทำตามคำสั่งท่านอ๋องตู้ทันที “เจ้ายังมิคุ้นเคยกับข้าอีกรึพระชายาของข้า” น้ำเสียงทุ้มพร่าเอ่ยราวกระซิบเมื่อเหลือกันเพียงลำพัง เขาสั่งให้ทหารและคนรับใช้ในจวนทำความสะอาดพื้นหน้าห้องที่เปื้อนไปด้วยเลือดคนร้ายให้สะอาดทำเหมือนว่าไม่ได้มีนักฆ่าบุกรุกเข้ามาในจวน ตู้เหลียงเฉิงไม่ต้องการให้ชู่เอ๋อเป็นกังวล “ทะ...ท่านอ๋องตู้ขยับไปหน่อยได้ไหมเจ้าคะ หม่อมฉันยังไม่ได้แต่งตัวเลย” นางบอกพร้อมดันไหล่เขาเบาๆ ให้ถอยห่างตัวเองไปสักนิด หึหึ นางช่างน่าเอ็นดูนัก ความอ่อนเดียงสาของชู่เอ๋อทำให้เขายิ้มแบบไม่รู้ตัว ปกติแล้วเขาจะหน้านิ่งขรึมตลอดเพลา แต่ตั้งแต่เจอนาง ตู้เหลียงเฉิงกลับเป็นคนยิ้มง่าย พูดจาอ่อนหวาน และตอนนี้เขาเองก็เพ
ค่ำคืนแรกที่ค่ายทหารด่านนอก ชู่เอ๋อนั่งบนหลังม้ามากว่าจะถึงก็เกือบจะค่ำ พอมาถึงก็อยากอาบน้ำนอนพักผ่อน แต่หาได้เป็นอย่างที่คิดไม่ เมื่อกินข้าวอาบน้ำเสร็จล้มตัวลงนอนบนเตียง ตู้เหลียงเฉิงก็ตามมานอนด้วยทั้งๆ ที่บอกนางตอนทานข้าวด้วยกันว่าจะออกไปดื่มเหล้ากับทหารที่ลานกว้างกลางค่าย “ไหนท่านอ๋องตู้บอกจะไปดื่มเหล้ากับทหารไงเจ้าคะ?” นางถามเมื่อเห็นท่านอ๋องปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกรวดเร็วพร้อมกระโดดขึ้นมาบนเตียงเดียวกับตนเอง “หากข้าไปดื่มกลับมาเจ้าหลับแล้วข้าจะนอนหลับได้ยังไงชายาข้า” “แต่ทหารรออยู่นะเจ้าคะ” นางบอกเขาพร้อมกับเบือนหน้ามองไปทางอื่นแทนหน้าอกกำยำของพระสวามีรูปงามตัวเอง แม้ว่าหน้าอกและร่างกายของตู้เหลียงเฉิงจะเต็มไปด้วยแผลเป็น แต่มันก็หาได้น่าเกลียดไม่ มันกลับน่ามองและน่าค้นหามากกว่าสำหรับชู่เอ๋อ “ใครรอข้าไม่สำคัญเท่าเจ้านอนรอข้าบนเตียงหรอกชู่เอ๋อ มากันเถอะ คืนแรกที่ค่ายทหารของเราจะต้องสะเทือนกระโจมชายาข้า” มือใหญ่หยาบกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียน แต่มือเล็กปัดออกพร้อมเบือนหน้ามองไปด้านข้างแทน “เมื่อคืนท่านอ๋องตู้ก็...แบบนั้นไปแล้วนะเพคะ ให้หม่อมฉันได้พักบ้างเ
“หลบไป ข้าจะไปหาท่านพี่อ๋องตู้” เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นหน้ากระโจมทำให้ตู้เหลียงเฉิงต้องขยับพลิกตัวไปมาไล่ความเมื่อยล้าพร้อมเปิดเปลือกตาตื่นขึ้นมารับแสงอรุณในเช้านี้ และเมื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงที่ลอดผ่านเข้ามาในกระโจมได้ก็รีบคว้าผ้าห่มมาห่มคลุมร่างของพระชายาที่ยังคงขี้เซานอนหลับสนิทไม่ไหวติง เขาเข้าใจว่านางอ่อนเพลียจึงไม่อยากปลุก“ท่านพี่อ๋องตู้เจ้าคะ ท่านพี่อ๋องตู้เจ้าคะ” เสียงร้องตะโกนเรียกชื่อเขาอยู่หน้ากระโจมทำให้เขาขมวดคิ้วตึงเป็นปม ไม่พอใจทันทีด้วยกลัวว่าเสียงนั้นจะทำให้แม่ยอดเสน่หาของตัวเองตื่นนอน จึงรีบลุกขึ้นคว้าหยิบชุดมาแต่งเร็วๆ ให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปเลิกม่านเปิดกระโจมแล้วแทรกตัวออกไป“ท่านพี่อ๋องตู้ ฟ่านตงไม่ให้น้องเข้าไปหาท่านพี่อ๋องตู้” ทันทีที่เห็นท่านพี่ ท่านหญิงหมิงเทียนก็โถมกายเข้าไปหากอดท่อนแขนแข็งแรงซบหน้าออดอ้อนทันที แต่ก็ทำได้ไม่นานเมื่อมือใหญ่ของตู้เหลียงเฉิงแกะออกและดันนางออกห่างพร้อมตวัดสายตาตำหนิให้นาง“หมิงเทียนขอโทษเจ้าค่ะท่านพี่อ๋องตู้”“เจ้ารู้รึว่าเจ้าผิดเรื่องอันใด แล้วเจ้ามาทำอะไรที่ค่ายทหารท่านหญิง”“น้องมาหาท่านพี่อ๋องตู้เจ้าค่ะ” นางตอบพลางก้ม
ในค่ำคืนกลางดึก ระหว่างที่พระสวามีอย่างตู้เหลียงเฉิงออกไปเฝ้าระวังภัยข้างนอกกับเหล่าทหารของเขานั้น ชู่เอ๋อกับหลันหลงสาวใช้คนสนิทก็ได้แต่งตัวด้วยชุดของทหาร หลันหลงพยายามห้ามคุณหนูของตัวเองแล้วว่าไม่ควรทำเช่นนี้ แต่เมื่อคุณหนูคิดดีแล้ว นางก็ได้แต่ยอมทำตามและสนับสนุนสิ่งที่คุณหนูของตนเลือก “คุณหนูแน่ใจแล้วรึเจ้าคะว่าจะไปแบบนี้” “แน่ใจแล้วหลันหลง ไม่มีอะไรทำให้ข้าแน่ใจได้เท่านี้อีกแล้ว ข้ามาอยู่ที่ค่ายทหารด่านนอกกับอ๋องตู้นานแล้ว และข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงบนเตียงของท่านอ๋องตู้ ข้าไม่เคยรู้สึกว่าเขาจักมีใจให้ข้าเลยสักนิด ข้าไม่อาจทนอยู่กับชายผู้นี้ได้อีกแล้วหลันหลง เจ้าเข้าใจข้านะ” ชู่เอ๋อบอกสาวใช้ที่เป็นเหมือนครอบครัวตัวเอง หลันหลงได้แต่พยักหน้าเมื่อได้เห็นแววตาเจ็บปวดของคุณหนูตัวเองในตอนนี้ “คุณหนูว่าเช่นไร หลันหลงก็ว่าตามนั้นเจ้าค่ะ เดี๋ยวหลันหลงจะออกไปก่อน คุณหนูออกทางหลังกระโจมนะเจ้าคะ”&n
ด้วยความเกรี้ยวโกรธ ตู้เหลียงเฉิงควบม้ามาด้วยความเร็ว ไม่สนใจว่าทหารที่ควบม้าตามมาจะตามตัวเองทันไหม ด้วยกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะตามแม่คนดื้อของตัวเองไม่ทัน ว่าแล้วเชียวลางสังหรณ์ของเขามันไม่เคยผิดและก็จริง ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง“ชูว์! หยุด!”ฮี่ๆๆเสียงสั่งม้าให้หยุดเมื่อเห็นฝูงม้ากำลังมุ่งหน้ามาทางตนและก็มาใกล้มากแล้ว หากไปต่อมีปะทะกันแน่นอน ตู้เหลียงเฉิงสั่งม้าตัวเองหยุดมองกลุ่มฝูงม้าที่ควบมาหยุดตรงหน้าของตัวเองเข่นกัน พร้อมกับทหารที่ติดตามเขามาก็สั่งม้าให้หยุดเช่นกันหึหึด้านคนที่อยู่ในชุดดำมีผ้าคลุมปิดหน้ายกยิ้มขำทันทีเมื่อคนที่ต้องการจะปลิดชีพมาอยู่ตรงหน้าตัวเอง มู่เหลียงเฉิงตะโกนสั่งคนของตัวเองทันที“ฆ่ามัน!”อ๊าก!กลุ่มชายชุดดำมุ่งตรงไปยังตู้เหลียงเฉิงพร้อมกับตวัดดาบฟาดฟันเข้าหา และด้วยความชำนาญในการรบทำให้เขารับมือได้อย่างรวดเร็ว เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันหนักหน่วงพร้อมกับทหารที่ตามมาก็ควบม้ามาสู้เคียงข้างท่านอ๋องของตนเองฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
กุก กุดุดุก กุดุเสียงม้าเริ่มเบาลงเรื่อยๆ เมื่อคนที่บังคับควบม้านั้นเริ่มอ่อนเพลียหน้าซีดเซียวเมื่อแผลที่โดนคมดาบของมู่เหลียงเฉิงเลือดไหลออกเยอะมากและไหลไม่ยอมหยุดจนทำให้ตู้เหลียงเฉิงเริ่มทนไม่ไหว ม้าคู่ใจจึงเริ่มอ่อนฝีเท้าหยุดวิ่งทันที และเขาก็แน่ใจว่ามู่เหลียงเฉิงไม่ได้ตามมาแน่นอน เพราะไม่ได้ยินเสียง“อ่ะ...ตุ้บ!” แล้วอ๋องตู้ก็หมดสติตกหลังม้ากลิ้งไปยังโพรงหญ้า“เสียงอะไรหลันหลง” คนที่นอนไม่หลับถามสาวใช้เมื่อได้ยินเสียงดังนอกโพรงหญ้าที่นอนอยู่ แต่ก็เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เพราะหลันหลงได้หลับไปแล้วอือ!เสียงครางพึมพำจากด้านนอกโพรงหญ้าที่ซ่อนตัวอยู่ดังเข้ามาให้ได้ยิน ด้วยความซุกซนอยากรู้อยากเห็นทำให้ชู่เอ๋อขยับตัวลุกขึ้นคลานออกจากโพรงหญ้ามาข้างนอกเพื่อดูว่ามันเสียงอะไร แต่พอคลานออกมาก็เห็นคนนอนสลบอยู่“นั่นใครน่ะ? ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร?” ชู่เอ๋อยังคงถามพร้อมกับลุกขึ้นยืนใช้เท้าเขี่ยอีกฝ่ายให้ตื่นอือ!มีเพียงเสียงครางเล็ดลอดตอบกลับมาเท่านั้นพร้อมกับที่ร่างที่นอนหันหลังให
ด้วยความเป็นห่วงคนบาดเจ็บ ชู่เอ๋อแทบไม่ได้นอนตลอดคืน นางคอยเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อของตู้เหลียงเฉิงด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีไข้แทรกซ้อน แต่โชคดีนักเขาไม่มีไข้แทรกซ้อน มีเพียงครางละเมอปวดแผลที่หัวไหล่ด้านขวา นางเป็นห่วงบุรุษที่นอนหลับนิ่งครางละเมอหนุนตักตัวเองตลอดทั้งคืน ตอนนี้ไม่มีเสียงละเมอแล้วและก็เช้าแล้วเช่นกัน“ท่านโดนชายชุดดำพวกนั้นทำร้ายใช่รึไม่ท่านอ๋องตู้”นางพึมพำลูบไล้แก้มเนียนชื้นเหงื่อของคนที่ยังหลับสนิทอยู่ ด้านหลันหลงเมื่อตื่นนอนแล้วก็ได้แต่แอบลอบยิ้มมองคุณหนูตัวเองที่แสดงความเป็นห่วงต่อท่านอ๋องตู้ สาวใช้ปลีกตัวออกจากบริเวณโพรงหญ้าออกไปเงียบๆ เพื่อปล่อยให้เจ้านายทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง หลันหลงมองออกว่าตอนนี้คุณหนูตัวเองได้มีใจให้กับท่านอ๋องตู้แล้ว แต่ก็ยังดื้อดึงที่จะหนีใจตัวเอง“เจ็บมากไหมท่านอ๋องตู้” นางพึมพำถามคนที่กำลังแกล้งหลับพร้อมกับจับที่แผลที่ตัวเองทำแผลให้ชายหนุ่ม“ถ้าไม่อยากให้ข้าเจ็บ เจ้าก็อย่าหนีข้าแบบนี้อีกชู่เอ๋อ” น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วออกมาจากริมฝีปากหนาแต่ทว่าหนักแน่นชัดเจนจนทำให้เธอรีบชักดึงมือตัวเองที่จับผ้าพันแ
ยิ่งความเป็นสาวของพระชายาตอดรัดแรงหนักหน่วง ตู้เหลียงเฉิงก็ยิ่งทิ้งแรงกระแทกเอวหนาของตัวเองเร็วถี่ขึ้นเพื่อจะส่งตัวเองและแม่ยอดสวาทใต้ร่างที่ตวัดแขนทั้งสองข้างโอบกอดรัดลำคอหนาตัวเองรั้งไว้ สองเต้าปทุมคู่งามก็แอ่นเด้งเบียดกับหน้าอกแข็งแรงของเขาเช่นกัน“อ่า...ไม่ไหวแล้ว หม่อมฉันไม่ไหวแล้วท่านอ๋องตู้ อ่า...ชู่เอ๋อ อ่า...ชูว์”พั่บ! พั่บ! พั่บ!เสียงครางหวานเร่ารัญจวนใจดังตลอดที่โหมตัวสอดลึกเข้าในกายของพระชายาจอมซนของตัวเอง ท่อนแขนใหญ่โอบกอดรัดร่างน้อยยกขึ้นหาตัวเองด้วยกลัวว่านางจะโดนใบไม้ใบหญ้าบาดที่หลังเนียนขณะที่เอวสอบยังคงทำงานต่อไม่หยุดพัก“โอว์...ยอดสวาทของข้า อยากหย่าใช่ไหม อ่ะ...อื้อ” ยิ่งคิดถึงคำขอหย่าก็ยิ่งทำให้ไฟราคะของเขามันเพิ่มพูนขึ้นผสมกับความเดือดดาลที่ลุกโชนในอกยิ่งทำให้ตู้เหลียงเฉิงควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่สนใจว่าแผลจะปริฉีกมีเลือดไหลออกมาอีกครั้งในตอนนี้“อ่ะ...เลือดท่าน...ท่านอ๋องตู้ ยะ...หยุดก่อน” นางบอกสั่งให้คนตัวใหญ่หยุดเคลื่อนไหวเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นของเลือดที่ไหล่ขวาของพระสวามีที่กำลังบรรเลงเพลงดาบราคะเข้าหา
เมื่อบ้านเมืองสงบ หน้าด่านนอกก็สงบ ตอนนี้ชู่เอ๋อก็ตั้งครรภ์ได้สามเดือน และท่านหญิงหมิงเทียนก็เช่นกัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นมา ท่านหญิงหมิงเทียนก็แวะเวียนมาที่จวนอ๋องตู้บ่อยๆ “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อเอ่ยเรียกพระสวามีที่เพิ่งกลับมาจากด่านหน้าเมือง และคล้อยหลังตู้เหลียงเฉิงก็คือบิดาของนาง “ท่านพ่อ” “ชู่เอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ท่านอ๋องตู้บอกว่าเจ้าแพ้ท้องยังมิหาย” ชู่เว่ยเอ่ยถามบุตรสาวที่ตอนนี้อวบอิ่มกว่าแต่ก่อนเพราะเจ้าตัวเล็กในครรภ์ “ก็เพลียเจ้าค่ะท่านพ่อ กินอะไรก็อาเจียน” นางเอ่ยตอบบิดาของนางที่เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ นาง “ก็อย่างที่ท่านอาจารย์เห็นนั่นแหละ ข้าล่ะสงสารชู่เอ๋อที่ต้องมาลำบากเพราะลูกของข้า หากเป็นไปได้ข้าอยากแพ้ท้องแทนนาง” ตู้เหลียงเฉิงเอ่ย “ท่านอ๋องตู้ก็...มิลำบากหรอกเพคะ หม่อมฉันทนได้
“ชู่เอ๋อ”ตู้เหลียงเฉิงรีบวิ่งไปหาพระชายาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นทันที พร้อมกับผลักทหารสองนายที่ยืนขนาบข้างนางออก “ชู่เอ๋อ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” อ๋องหนุ่มรีบแก้มัดที่มือและผ้าที่ปิดปากนางออกอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไม่ทำโทษพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าทำตามคำสั่งของท่านหญิง ไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะตัดหัวพวกเจ้า” เมื่อให้อิสระแม่ยอดดวงใจแล้วเขาก็หันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทหาร และทหารทั้งสองก็รีบไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ดีว่าท่านอ๋องตู้เป็นคนเลือดเย็น “ท่านอ๋องตู้” ชู่เอ๋อโอบกอดชายคนรักแน่น “ปลอดภัยแล้ว ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน จักไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกชู่เอ๋อของพี่” เขาดันนางออกห่างพร้อมพรมจูบดวงหน้างามแล้วมาหยุดที่แก้มนวลเนียนที่ฟกช้ำ “ใครทำเจ้าชายาข้า” “หม่อมฉันโดนท่านหญิงหมิงเทียนตบเพคะ” นางตอบเสีย
ภาพที่ตู้เหลียงเฉิงตวัดดาบตัดหัวของมู่เหลียงเฉิงทำให้หลิงหลิงสาวใช้ของท่านหญิงหมิงเทียนแทบก้าวขาไม่ออก ความโหดเหี้ยมของท่านอ๋องตู้นั้นสังหารพี่ชายเพียงดาบเดียว หลิงหลิงก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อนของตัวเองเดินเข้าไปหาท่านอ๋องตู้ที่กำลังจะเดินไปทางม้าของท่านอ๋อง “เจ้าหลิงหลิง คนของท่านหญิงหมิงเทียนนี่” เขามองไปทางคนที่เดินตัวสั่นมาทางตนเองพร้อมเอ่ยถาม “เพคะท่านอ๋องตู้ หม่อมฉันมาส่งข่าวเพคะ” “ข่าวอะไรของเจ้า” “ท่านหญิงหมิงเทียนให้หม่อมฉันมาทูลท่านอ๋องตู้ว่าตอนนี้พระชายาชู่เอ๋อนั้นอยู่กับท่านหญิงที่ตำหนักเพคะ” นางเอ่ยเสียงสั่นเบาในลำคอ “ขอบใจเจ้าที่มาบอกข้า หากเจ้าไม่มาบอก ข้าคงตามหาพระชายาแบบไร้จุดหมาย” น้ำเสียงเข้มห้าวเอ่ยพร้อมกับเหวี่ยงตัวโหนขึ้นหลังม้า “ฟ่านตง เจ้าเข้าไปในวังหลวงก่อน เราจะไปหาพ
ฮือ!เสียงหอบเหนื่อยของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกับสองเท้าหยุดวิ่งเมื่อคิดว่าหนีมาไกลจนปลอดภัยแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อมีดาบยื่นมาจากด้านหลังจ่อที่ลำคอของนาง“คิดเหรอว่าจะหนีรอด หากไม่มีเจ้า ท่านพี่อ๋องตู้ก็คงเลือกข้าเป็นพระชายา” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับเจ้าของต้นเสียงเดินมาหยุดตรงหน้านาง ชู่เอ๋อมองเจ้าของน้ำเสียงเล็กแหลมน่าเกลียดด้วยความเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อที่คอมีดาบจ่ออยู่“ทหารจับตัวมันไป” ท่านหญิงหมิงเทียนเอ่ยสั่งทหารของตนเองให้จับชู่เอ๋อและหลันหลงพร้อมสั่งมัดมือมัดปากของทั้งสองก่อนจะพาขึ้นรถม้าตัวเอง“อือ...ยัยท่านหญิง อ่ะ...อื้อ” แล้วเสียงชู่เอ๋อก็หลุดหายไปในลำคอเมื่อมีผ้าปิดปากเผียะ!“ตอนนี้ชีวิตของเจ้าอยู่ในกำมือข้า นังชู่เอ๋อ” มือเล็กตวัดตบหน้าของชู่เอ๋อก่อนจะเดินขึ้นรถม้าตัวเองไปแล้วชู่เอ๋อและสาวใช้ก็ถูกทหารของนางลากดึงขึ้นรถม้าตามหลังไป และทันทีที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว รถม้าก็เคลื่อนตัวไปทันที“หลิงหลิง เจ้าไปดักรอที่หน้าจวนอ๋องตู้เพื่อส่งข่
“ลุย!” ตู้เหลียงเฉิงร้องสั่งทหารของตัวเองและเหล่าแม่ทัพของตัวเองให้บุกโจมตีกบฏในยามเช้ามืดเฮ!เสียงทหารและเสียงม้าศึกได้วิ่งควบบุกเข้าโจมตีค่ายของกบฏด้วยความห้าวหาญ เสียงดาบดังกระทบกันหนักหน่วงพร้อมเสียงร้องโหยหวนของกบฏและทหารที่พลาดพลั้งเสียท่าเพล้ง! ฉัวะ! เพล้ง! ฉัวะ! เสียงคมดาบกระทบกระทั่งกันพร้อมเสียงร้องทรมานของผู้เสียท่า“ท่านอ๋องตู้มิต้องห่วงทางนี้ ท่านนำทหารของเราไปในเมืองจับกุมท่านอ๋องมู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เสียงเข้มทุ้มของแม่ทัพใหญ่ชู่เว่ยเอ่ยดังขึ้น“งั้นทางนี้ข้าฝากท่านอาจารย์ด้วย ข้ากับฟ่านตงจักไปจับท่านอ๋องมู่ก่อนที่ทางนั้นจะไหวตัวทัน”“พ่ะย่ะค่ะ” ชู่เว่ยรับคำแล้วควบม้าไปร่วมต่อสู้กับทหารคนอื่น“ตามข้ามาฟ่านตง และพวกเจ้าด้วย” เสียงเข้มเอ่ยเหี้ยมพร้อมควบม้าวิ่งไปอีกทางทันที โดยมีฟ่านตงและเหล่าทหารศึกควบม้าวิ่งตามเขาไปกุก กุดุดุก กุดุมู่เหลียงเฉิงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ค่ายลับของตัวเองได้ถูกตู้เหลียงเฉิงปราบ
ปึก! เสียงประตูปิดแนบสนิทพร้อมกับเพลิงกามสวาทได้เริ่มบรรเลงขึ้น เมื่อเสื้อผ้าอาภรณ์ของชู่เอ๋อถูกปลดเปลื้องออกด้วยมือของพระสวามี ตู้เหลียงเฉิงปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางยอดรักและของตนออกทิ้งแล้วอุ้มนางไปยังเตียงนอนนุ่มที่อยู่ห่างจากหน้าประตูมิไกลนัก “อ่ะ...อื้อ ท่านอ๋องตู้ ท่าน...อ่า...ท่านกำลังแกล้งหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” ตอนนี้ชู่เอ๋อรู้แล้วว่าแท้จริงแล้วพระสวามีหาได้เกรี้ยวโกรธตัวเองไม่ “หึหึ...ข้าแกล้งอันใดเจ้ายอดรักของข้า” ปากหนาที่เคลื่อนไล้จูบขบเม้มลำคอระหงผละออกมาเอ่ยถามนางในดวงใจ “ก่อนหน้านี้ท่านมิได้โกรธหม่อมฉันใช่รึไม่เพคะ” หึหึ เขาทำเพียงขำตอบ และนั่นก็ยิ่งทำให้ชู่เอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อโดนอ๋องตู้ร้อยเล่ห์หลอกอีกครั้ง “ท่านมันคนร้อยเล่ห์”&nbs
ชู่เอ๋อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ วนไปวนมาด้วยความคิดถึงเจ้าของจดหมาย และวันนี้นางก็เฝ้ารอม้าเร็วมาส่งจดหมายของพระสวามี แต่ชะเง้อคอมองประตูของจวน มองแล้วมองอีกก็ยังคงเงียบไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้ใดมาเยือนจวนสักคน“คุณหนูไปกินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ หลันหลงเตรียมมื้อเช้าเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หลันหลงเห็นคุณหนูตัวเองตื่นเช้ามารอจดหมายรักจากท่านอ๋องตู้ก็นึกสงสาร เพราะนี่ก็เริ่มสายแล้ว แต่ม้าเร็วยังมินำจดหมายมาส่งสักที“เราไม่หิวหลันหลง เจ้าไปกินเถอะ ไม่ต้องห่วงข้า”“แต่...”“ไม่มีแต่ ไปเถอะหลันหลง ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน”“เจ้าค่ะ งั้นหลันหลงไปนำขนมและน้ำชามาให้คุณหนูนะเจ้าคะ”“อือ...ไปเถอะหลันหลง”นางตอบโดยมิสนใจจะมองสาวใช้ นางหยิบจดหมายฉบับเมื่อวานขึ้นมาอ่านวนซ้ำอีก และตั้งแต่เช้าก็อ่านหลายรอบแล้ว อ่านจนจำเนื้อความในจดหมายได้ขึ้นใจ ด้านหลันหลงมองคุณหนูของตัวเองแล้วก็เดินไปจัดเตรียมขนมน้ำชามาให้คุณหนูเฮ้อ!ผ่านไปนานจนแน่ใจแล้วว่าวันนี้ไม่มีจดหมายจากตู้เหลียงเฉิงแน่นอน นางก็ลุ
“เจ้ามาหาข้าเองชายาข้า จะวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ เจ้าก็เป็นของข้าอยู่ดีท่านหญิง มิมีใครมาแย่งเจ้าไปจากข้าได้หรอกทูนหัว อ่ะ...อื้อ” พูดจบเขาก็รั้งท้ายทอยเล็กให้แหงนเงยขึ้นพร้อมทาบทับประกบริมฝีปากหนาบดจูบคลอเคลียกลีบปากอวบฉ่ำสีระเรื่อ“อ่ะ...อื้อ” ริมฝีปากหนาบดเร่าดูดกลืนกลีบปากอ่อนนุ่มของท่านหญิง พร้อมกับมือใหญ่สากกร้านจากการทำศึกจับดาบก็ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหญิงงามในดวงใจไปด้วย“อ่ะ...อ่อย” แข้งขาของท่านหญิงอ่อนระทวยแทบจะยืนทรงตัวอยู่มิไหวจนต้องจับไหล่หนารั้งร่างตัวเองไว้ เพลานี้นางไม่อาจต่อต้านได้เลย นางทำตัวไม่ถูก และนางก็เกลียดตัวเองยิ่งนักที่เผลอแอ่นเด้งตัวเสียดสีไปกับร่างใหญ่ของมู่เหลียงเฉิง และร้องครางเผลอไผลไปกับจูบน่ารังเกียจ“อ่า...เห็นรึไม่ว่าเจ้าตอบสนองข้าดีแค่ไหนท่านหญิง” ปากหนาผละจูบออกมาเอ่ยเย้ยหยันพร้อมกับช้อนอุ้มนางเดินไปยังเก้าอี้ตัวที่นั่งก่อนหน้านี้แล้วดันร่างน้อยเพรียวระหงของท่านหญิงให้นั่งไปกับเก้าอี้“หม่อมฉันเกลียดท่านอ๋องมู่”“ข้ารู้ว่าในใจเจ้ามีเพียงไอ้อ๋องตู้ แต่เพลานี้ร่างกายของเจ้าเป็นของพี่คนเดียวท่านหญิง” เขาตอบสวนกลับพ
ไม่เคยต้องแยกห่างกันเช่นนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้เหลียงเฉิงต้องแยกห่างจากพระชายายอดรักของตนเอง เพราะหน้าที่และความปลอดภัยของนางและของทุกคนในแคว้นเฉิง เขาจึงจำเป็นต้องไปอยู่ที่ค่ายทหาร จนกว่าจะปราบกลุ่มกบฏของมู่เหลียงเฉิงได้ “คิดถึงข้าบ้างนะดวงใจข้า” มือใหญ่สากกร้านลูบไล้แก้มนวลเนียนของพระชายาคนงามที่เดินมาส่งตนเองหน้าจวนอย่างอ้อยอิ่ง “หม่อมฉันจะคิดถึงท่านอ๋องตู้เพคะ” นางตอบอย่างใสซื่อพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า และตู้เหลียงเฉิงก็อดจะโน้มหน้าลงมาทาบทับริมฝีปากหนากับริมฝีปากอวบอิ่มแสนหวานของนางในดวงใจเสียมิได้ “อ่ะ...อื้อ” เหล่าทหาร สาวใช้ต่างพากันก้มหน้ามองเท้าตัวเองเมื่อนายกำลังสั่งลากันด้วยจูบดูดดื่ม “ท่านอ๋องตู้” นางทุบตีอกของพระสวามีไม่จริงจังนักเมื่ออีกฝ่ายผละจูบออกห่าง “ก็ข้าคิดถึงเจ้านี่ชู่เอ๋อ ไม่รู้ว่าไปคราวนี้จะได้