เคยเจอนิยายที่เปิดมาก็มีฉากอื้ออ๊าไหม?
อื้อ...เขาก็เคยเจอ น้องสาวเปิดให้อ่านน่ะ มันแปลกๆ กับนิยายที่...เปิดด้วยฉากเนื้อแนบเนื้ออย่างนั้น จำได้น้องสาวหันมาถามเขาว่า ถ้าเป็นชีวิตรักของพี่ล่ะ พี่จะอยากเปิดด้วยฉากแบบไหน? เขาตอบน้องกลับไปทันทีว่า...แบบไหนก็ได้ ฉากเนื้อแนบเนื้อมันก็ดีนะ หรือจะแบบเดินชนกันแล้วสบสายตาปิ๊งๆ ผมช่วยเก็บของนะครับ จากนั้นชวนไปทานข้าว สานต่อความสัมพันธ์อะไรเถือกนั้น แค่คิดว่าฉากเปิดตัวเรื่องรัก...มันไม่ควรเป็นฉากที่เลือดสาด เอาเป็นว่า...ไม่เจอตอนเธอกำลังฆ่าหั่นศพสามีเก่าก็พอแล้วล่ะ
ตอนน้องสาวได้ฟังเขาพูดแบบนั้น น้องสาวของเขาหัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ พี่นี่เป็นคนง่ายๆ จริงนะ...แต่ถ้าเธอต้องเจอกับสามีในอนาคตกำลังชำแหละร่างของภรรยาเก่าอยู่ เธอก็ไม่ไหวเหมือนกัน ดังนั้นสองพี่น้องก็เลยลงความเห็นว่า...ฉากแนบเนื้อก็ไม่เลวร้ายเสมอไป
ตอนคิดแบบนั้น ภาพในหัวมันคือผู้หญิงไง...ต้องเป็นหญิงสาวที่มีสถานะหรือชนชั้นไล่เลี่ยกัน อาจเป็นเพื่อนร่วมงานสักคนหรือลูกค้าจากอีกบริษัทที่เกิดคุยกันแล้วถูกอกถูกใจพากันไปสานต่ออะไรๆ บนเตียง ที่ริมระเบียง ห้องครัวห้องน้ำอะไรก็ว่าไป
ไม่ใช่...แบบนี้?
“อ๊ะ...อ๊า....ทะท่านประธานหยุดนะครับ” ปากบอกหยุด แต่มือมึงอะช่วยเขารูดซิปกางเกงอยู่ไอ้ฟายยยย
“โอเมก้าอย่างนายมีหน้ามาสั่งผมเหรอ” น้ำเสียงนั้นช่างข่มขู่และกดดันเสียเหลือเกิน เออ...รู้ว่าเป็นอัลฟ่าชั้นสูงแล้วมันมีอำนาจในการควบคุมชนชั้นอื่นๆ แต่ตอนนี้อะนะ ต่อให้น้ำเสียงนั้นบ้าอำนาจขนาดไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งความต้องการได้
ร่างกายของเขาโดนดันติดอยู่กับผนังลิฟต์โดยมีร่างใหญ่ของท่านประธานบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่นัวเนียไม่ห่าง เสื้อของเขาหลุดลุ่ยเต็มที เรียกหลุดลุ่ยได้ไหม...กางเกงหายไปแล้วอะ? เอาเป็นว่า...ตอนนี้เขาโป๊ และสภาพก็พร้อมสำหรับสงครามช้างชนช้างในลิฟต์นี้แบบเต็มเปี่ยม
เกิดอะไรขึ้นกับเบต้าอย่างเขา...
ย้อนกลับไปหนึ่งนาทีก่อน...เดี๋ยว นั่นมันน้อยไป!
เอาใหม่...ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อน เขาซึ่งเป็นเบต้าตัวน้อยๆ น่าตาน่ารักและเป็นมิตรกับทุกคนถูกหัวหน้าผู้โหดเหี้ยมสั่งให้ลงไปเอาเอกสารที่แล็บ มันอยู่ชั้นใต้ดิน มีลิฟต์เฉพาะแล็บหนึ่งตัวเท่านั้น อาจจะมีอีกแต่เขาเป็นเซลล์ พนักงานขายจำเป็นต้องรู้อะไรเกี่ยวกับห้องแล็บไหม? อันนี้ก็ไม่แน่ใจ เอาเป็นว่าเขาไม่รู้ก็แล้วกัน
อะ...เขาผู้เป็นพนักงานดีเด่นที่โดนด่าอยู่ร่ำไปก็เดินต้อยๆ ไปยังลิฟต์ขนาดใหญ่ กด รอ ลิฟต์มาก็เข้าไป ทุกอย่างดูปกติดี ไม่มีอะไรผิดแปลกเลย จนกระทั่งผ่านไปราวๆ หนึ่งนาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออก ผู้ชายผู้โดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ ในบริษัทผลิตยาแห่งนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขา โอ้พระเจ้า...นั่นรูปปั้นเดินได้
ความหล่อของท่านประธานช่างแสบตาเขายิ่งนัก ไม่ใช่...เขาแค่ไม่กล้ามองหน้า สัญชาตญาณบางอย่างในตัวลั่นระฆังบอกให้เขาก้มหน้าซะ อย่าทำหน้าสู่รู้ใส่อัลฟ่าชั้นสูง ถ้าไม่อยากเดือดร้อน เขาเป็นแค่เบต้า...เป็นแค่คนธรรมดาเดินดิน กินข้าวแกงจานละสี่สิบห้าไม่เคยอิ่มต้องสำเนียกตัวเองเอาไว้ เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง เขาอยู่กับท่านประธานสองต่อสอง
ขอร้องโอ้โหในใจดังๆ...แม่งกดดันฉิบผายเลย
ความเป็นผู้นำ ความเป็นจ่าฝูงของสายพันธุ์อัลฟ่าที่เข้มข้นนี้ทำให้คนใกล้ชิดรู้สึกกดดัน และกลายเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนได้แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ปลายตามามองเลยก็ตาม เหงื่อเย็นไหลซึมตามไรผม ตัวเขาเล็กกว่าอีกฝ่ายค่อนข้างมาก เขาเห็นแค่ผมสีดำขลับเป็นเงา และถ้าจำไม่ผิด...ดวงตาของท่านประธานเป็นสีฟ้า เขายืนเกร็งทนต่อความตึงเครียดนั้นจนกระทั่งลงมาถึงชั้นล่างที่เป็นห้องแล็บ แต่...
กลิ่นอะไรวะ?
เหมือนมีสารเคมีรั่ว ประตูลิฟต์ไม่เปิดและเขาก็ไม่กล้าเงยหน้า ยืนกุมมือนิ่งอยู่ข้างหลังโดยไม่รู้เลยว่าไอ้ท่อระบายแอร์หรือระบายอากาศสักอย่างเนี่ยมันอยู่ตรงหัวเขา กลิ่นมันเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามจะเอามือปิดจมูก แต่ร่างกายกลับร้อนผ่าวไปหมด...เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่แอร์มันยังทำงานดี เรียกว่าดีมากเพราะเอาเคมีเข้ามาถมที่หัวเขาไม่หยุดเลย
“นาย...เป็นโอเมก้าเหรอ?” จู่ๆ ท่านประธานบ้านั่นก็เอ่ยเสียงเข้ม เขาไม่ได้ตั้งใจจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลย...แค่ตกใจที่บอกว่าเขาเป็นโอเมก้า บ้า เขาเป็นเบต้า เป็นเบต้ามาตั้งแต่เกิดเลยนะเฟ้ย!!!
“เปล่านะครับ...ผมเป็นเบต้า” คิ้วเขาเริ่มขมวด หน้าแดงก่ำปากฉ่ำน้ำ...
เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหน้าตาตัวเองตอนนี้น่าจับกินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัวเป็นที่สุด แต่ด้วยความที่ฟีโรโมนฟุ้งๆ นั้นยังไม่มากพอที่จะทำให้ยาต้านในตัวประธานหมดไป ร่างสูงจึงเงยหน้าสำรวจตรงท่อระบายอากาศที่มีเคมีเข้ามา นี่มันเป็นความผิดพลาดของระบบไหนกันนะ พยายามจะกดเปิดลิฟต์หรือกดลำโพงเพื่อเรียกใครสักคน ครั้นจะใช้มือถือก็ดันไม่ได้หยิบมา
เขามองไปที่ประธาน...ส่งสายตาหวานๆ และร่างกายก็บิดไปมาด้วยความหยากกระหาย มึงเป็นอารายยยย ตัวกูมันเป็นอะไรไปแล้ว! เขาโอดครวญอยู่ในใจ พร่ำด่าตัวเองว่าเฮ้ยมึงอย่างมายั่วเขา มึงชอบผู้หญิงและมึงต้องการแค่ผู้หญิง แต่แบบ...ตอนนี้อยากได้ร่างใหญ่ของท่านประธานจังเลยเนอะ อ๊ากกกก
ความสับสนอลหม่านในใจนี้อย่าให้ใครได้รู้เชียว รู้สึกเสียภาพลักษณ์เบต้าผู้ดูดีที่สุดในแผนกหมด เขายอมไม่ได้จริงๆ เคมีหยุดรั่วไหล เขาเงยหน้ามองมันอีกครั้ง...เขาคิดว่าเขามองไปข้างบนนะ แต่ทำไมหน้าประธานมันอยู่ใกล้
เอ๊ะ...นี่ประธานคลุกวงในผมหรือเปล่า!!!
แล้วเขาก็ยกแขนคล้องคอล่ำสันนั้นเอาไว้ กล้ามเนื้อแน่นเต่งตึงและเร้าอารมณ์เป็นบ้า กลิ่นกายหอมหวานจนเขาอดเลียไม่ได้ ประธานเองก็กำลังซุกไซ้ลำคอของเขาอยู่ เสื้อผ้าถูกปลด...ฉากเนื้อแบบเนื้อแบบนี้มัน
แล้วนี่คือยี่สิบนาทีต่อมา...ร่างทั้งสองลงไปกองอยู่กับพื้นลิฟต์ ขาทั้งสองข้างของเขาวางอยู่บนข้อพับแขนใหญ่ๆ ของท่านประธานที่ใครๆ ก็อยากเอื้อมมือไปคว้ามาครอง เขามีความอยากขั้นสุดเหมือนอาการฮีตทั้งที่เขาเป็นเบต้า
เขาเป็นเบต้าจริงนะเว้ย!
“อื้มมมมม” ใบหน้าฉ่ำอารมณ์เชิ่ดขึ้นเล็กน้อยเมื่อความแข็งแรงดุดันนั้นเข้ามาในตัวของเขา ร้อนระอุประดุจหม้อไฟชาบู...เปล่าหิว ตอนนี้เขาเปล่าหิว แค่ไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี ก็ไม่เคยโดนเสียบแบบที่กำลังโดนอยู่
“โอเมก้าอย่างนายมันรังเกียจสิ้นดี” เสียงนั้นด่าทอเขา และเสียงนั้นก็สั่นเครืออยู่ในที...มีอารมณ์อยู่ไม่ใช่เหรอ เอ...หรือว่าท่านประธานซาดิสม์ ชอบด่าคู่นอนไปด้วยงี้หรือเปล่านะ
“อื้อ เข้ามาอีกสิครับ...อ่าห์....” แล้วแทนที่จะด่ากลับ ไปครางรับทำไมละเว้ยยยยยย
โอ้พระเจ้า....ฉากเนื้อแนบเนื้อเปิดตัวนี้ช่างต่างกับจินตนาการของเขาเสียเหลือเกิน เขาคิดถึงร่างกายนุ่มๆ แต่ได้ร่างกายแข็งแกร่งและดุดัน เขาคิดถึงผิวกายอ่อนๆ แต่ได้กล้ามหมัดเป็นลอนๆ ถูไถความเป็นชาย เขาคิดถึงอกดูมๆ เด้งดึ๋ง...แต่ได้นมแข็งๆ มาแทน เขา…เขาอยากได้ผู้หญิงมาเป็นฉากเปิดตัว อยากได้เนื้อนมไข่แบบเน้นๆ
นี่ก็…เนื้อนะ…เนื้อเป็นแท่ง นมเป็นหมัด และไข่สองลูก!!!
.
.
.
ฝันไป....นั่นแม่งเป็นฝันร้ายแน่ๆ เลย!“เฮือก!” ภูริสะดุ้งเด้งตัวลุกขึ้นมาจากที่นอน ดวงตาคู่คมทั้งสองข้างเบิกโพลงราวกับเมื่อสักครู่นี้เขาได้ฝันเห็นผีผู้หญิงชุดขาวผมยาวลากพื้น แต่ไม่...สิ่งที่เขาฝันเห็นนั้นมันเลวร้ายกว่าผีหน้าซีดนั่นแน่นอน เพราะผู้ชายอย่างเขาดันฝันว่า...ตัวเองไปมีอะไรกับผู้ชายน่ะ!โอ้ไม่นะ พระเจ้าไม่ได้เป็นคนตลกขนาดนั้นหรอกใช่ไหม ไม่แกล้งให้เบต้าตัวน้อยๆ อย่างเขาให้กลายเป็นโอเมก้าที่โดนปลุกปล้ำอยู่ในลิฟต์นั่นแน่ๆ เอ้า การเป็นเบต้าเนี่ยมันไม่ได้เป็นโรคนะ มันเป็นพันธุกรรม…เป็นมาแต่เกิด มันเปลี่ยนไม่ได้เหมือนคุณไม่สามารถเปลี่ยนกรุ๊ปเลือดของตัวเองได้นั่นแหละใช่...ต้องฝันไปแน่ๆ ที่นอนก็นุ่มขนาดนี้ไม่น่าจะฝันร้ายได้เนาะ ถ้านอนพื้นปูนก็ว่าไปอย่าง...เดี๋ยวนะ? เดี๋ยว...เดี๋ยวและเดี๋ยวเลย! ที่นอนนิ่มเนี่ยนะ ภูริตาเหลือกตาลานอีกครั้งหลังมึนเบลอกับภาพฝันอันทะลึ่งตึงตังมามองรอบด้าน เตียงสีครีมแบบนี้...นุ่มแบบนี้ ไฟสลัวแบบนี้และกลิ่นหอมของอะไรสักอย่างแบบนี้เนี่ยมันไม่น่าจะเป็นห้องของเขาได้!ภูริเป็นเพียงพนักงานบริษัท อยู่แผนกเซลล์ของบ
กว่าจะออกมาจากห้องไอ้ท่านประธานบ้านั่นได้เล่นเอาภูริเครียดไปเลยจริงๆ ช็อตแรกเปิดประตูมาก็เจอระเบียง ไอ้ส่วนนี้เขาเห็นมันตั้งแต่แอบแง้มประตูฟังแล้วล่ะ ตอนนั้นคิดว่านี่เป็นบ้านสองชั้นทั่วๆ ไป ตกแต่งหรูหน่อยเพราะมีเงินไง ที่ไหนได้...มันไม่ใช่บ้านมันเป็นคอนโด...ใช่ มันเป็นคอนโดที่มีสองชั้น? เกิดมาเพิ่งเจอ ทำไมต้องคอนโดสองชั้น ทำไมไม่ซื้อบ้านสองชั้นแทน ภูริปวดหัวตึบๆ แทบจะเอายาเม็ดหลายสิบแผงนั้นประคบหัวตัวเองเผื่อมันจะดีขึ้นกว่าจะหาลิฟต์เจอ กว่าจะเดินออกมาจนถึงหน้าปากซอยโดยที่ไม่รู้ว่าเขามีรถเอาไว้รับส่ง กว่าจะโบกแท็กซี่ได้...โบกกี่คันแม่งบอกส่งรถ เติมแก๊สตลอด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาพี่แท็กซี่ใจดีสักคันมารับผู้โดยสารไปส่งบ้าน แล้วถ้ารู้ว่าตรงที่ยืนอยู่นี่คือที่ไหนเขาก็ไม่โบกแท็กซี่หรอก ประเด็นคือภูริไม่รู้ว่าเขากำลังอยู่ที่ไหนแล้วจะนั่งรถสายอะไรถึงบ้านได้ในความเอ๋อมีความเอ๋อ เลยมาจากที่รอรถแท็กซี่เมื่อครู่นี้แค่ไม่เกินหนึ่งกิโลก็เจอกับสถานนีรถไฟฟ้า ภูริอยากจะร้องไห้ หยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ออกมาดูยิ่งชอกช้ำระกำใจเข้าไปใหญ่ นี่ต้นเดือน...เขาเหลือเงินติดตัวไ
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา เป็นการเปลี่ยนแปลงที่โคตรยากจะทำใจยอมรับและมีผลต่อสภาพจิตใจประมาณหนึ่ง แต่ชีวิตต้องดำเนินโดยมีเงินเป็นปัจจัยหลัก เพราะงั้นภูริก็ต้องไปทำงาน...หลังกินมื้อเช้ากับแม่และน้อง ภูริเดินเท้าออกมาขึ้นรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ส่วนน้องสาวเขานั่งวินมอเตอร์ไซก์ไปเรียน มันใกล้กว่าเลยไม่ต้องกลัวรถติด เขาดิ...อยากนั่งรถเมล์เหมือนกันเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ทว่ารถในเมืองกรุงแม่งติดยิ่งกว่าอะไรดี รถไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวร้ายนักถ้าไม่นับว่าคนช่วงเวลานี้โคตรจะเยอะเลยให้ตาย เข้าไปเบียดเสียดจนเกือบได้เมียมาหลายรอบและแน่นอนว่าก่อนเขาจะออกมาจากบ้าน เขาได้มีการกรอกยาเข้าปากไปเป็นที่เรียบร้อย มันจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตของเขาหลังจากนี้ ภูริไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนเป็นโอเมก้าของตัวเองจะส่งผลอย่างไรบ้างในอนาถคต เขาคิดไปหลายทางมาก แต่มันเป็นแค่การคิดไปก่อน ต้องเจอจริงๆ ถึงรู้ว่าจะจัดการอย่างไรลงรถไฟฟ้าแล้วเดินต่ออีกห้านาทีจะถึงบริษัท ก่อนจะเดินเข้าที่ทำงานขนาดใหญ่ ภูริแวะซื้อน้ำจากร้านริมทาง ใกล้ๆ กันจะเ
เขาเกลียดโอเมก้า!ครั้งแรกที่อีธานรู้จักกับโอเมก้าคือตอนอายุสิบสาม ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้พาเขาไปเที่ยวที่ที่หนึ่ง ที่นั่นเขาบอกว่ามันเป็นสวรรค์ของเหล่าอัลฟ่าชั้นสูงเลยก็ว่าได้ อีธานเป็นเด็กวัยรุ่นที่อยากรู้อยากเห็น อยากลองไปหมดทุกสิ่งอย่างเขาถูกเลี้ยงมาท่ามกลางวงล้อมของอัลฟ่า แม่บ้านทุกคน คนใช้ทุกคนเป็นอัลฟ่าหมด โรงเรียนที่เขาเรียนก็เป็นโรงเรียนเฉพาะที่รับแต่พวกตระกูลดังๆ อัลฟ่าเลือดเข้มข้นเท่านั้นจึงจะสามารถเรียนที่นี่ได้ เป็นสังคมชั้นสูง...ที่สูงจนคนธรรมดาไม่อาจเข้าใจดังนั้นอีธานไม่เคยเจอโอเมก้าตัวเป็นๆ มาก่อน ไอ้แค่ออกข่าว ออกทีวี หนังละครอะไรพวกนี้มันค่อนข้างห่างตัวเขาพอสมควร เมื่อลูกพี่ลูกน้องพาไปเขาเลยคาดหวังที่จะเห็นอะไรที่สวยงาม เวลาเขาเห็นโอเมก้าในทีวี พวกนี้จะมีเสน่ห์มาก ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตามทว่าสิ่งที่อีธานได้เจอ...มันผิดกับที่เขาคาดหวัง“นี่แหละตัวตนของโอเมก้า” พี่คนนั้นผายมือให้อีธานได้เห็น ตอนนั้นอยู่ชั้นสอง...มองไปข้างล่างเจอแต่โอเมก้ากำลังปรนเปรอผู้ชาย ในคนเหล่านั้นมีทั้งหญิงและชาย กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงจนน่าเวียนหัว“เราไป
“ขออนุญาตครับ” ประตูถูกเปิดด้วยน้ำมือของผู้มาใหม่ อลันเป็นมือขวาของอีธาน ทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัวเมื่อครั้งก่อนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในลิฟต์ อีธานพยายามตั้งสติอยู่ช่วงเวลาหนึ่งเพื่อจะกดลิฟต์ให้เคลื่อนขึ้นไปยังชั้นบนสุด ชั้นนั้นเป็นชั้นทำงานของเขา เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกออลันก้เป็นคนเข้ามาช่วยเหลือทั้งคู่ที่สภาพดูแทบไม่ได้ ทั้งฟีโรโมนของโอเมก้าคนนี้ก็รุนแรงจนแม้แต่อลันที่กินยาต้านแล้วยังเกิดการตื่นตัวอลันเป็นคนจัดการพาทั้งท่านประธานและพนักงานฝ่ายขายคนนี้มาส่งที่คอนโดอีธาน สัญชาตญาณของอีธานได้บอกเจ้าของมันแล้วว่านี่คือคู่แห่งโชคชะตา แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคู่แห่งโชคชะตาคนนี้ อีธานสั่งให้อลันนำข้อมูลส่วนตัวที่มีในเอกสารสมัคงานของภูริมามอบให้แก่ตน ระหว่างนั้นภูริก็หลับไม่ได้สติอยู่ในห้องหับมิดชิดเพราะเวลาที่อีธานเห็นภูริ...ได้กลิ่นของภูริ...เขาจะมีความต้องการเกิดขึ้นอีกทั้งที่ใช้ยาต้านชนิดรุนแรงพอรู้ว่าภูริเป็นเบต้า เขาไม่อยากจะเชื่อในข้อมูลเพราะยังไงซะเบต้าก็ไม่มีทางเกิดการฮีตและปล่อยฟีโรโมนฟุ้งขนาดนี้ได้ มันดูตลกเกินไป...คู่แห่งโชคชะตาเ
ภูริอยากจะเกาหัวจนหนังหัวหลุดออกมาเพราะคำพูดคำจาของท่านประธาน แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวโดนหาว่าไม่มีมารยาทและทำตัวน่าเกลียดอีก แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านประธานต้องมาดุเขาแบบนั้นด้วยน่ะ เขาทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? ครั้นจะถามก็ไม่กล้าเช่นเดิม ท่าทางน่ากลัวแบบนั้นใครจะกล้าพูดอะไรเล่า นอกจาก...ครับขานรับไปแล้วก็ยังต้องนั่งตัวลีบ หางลู่หูตกไปอีกพักหนึ่งเพราะอีธานยังจ้องเขาไม่ไปได้ ทำอย่างกับจ้องมากๆ แล้วเขาจะหายไปจากตรงนี้ อันที่จริง ให้เขาไปทำงานซะมันก็จบเรื่องแล้วแท้ๆ ช่างเถอะ พออีธานเดินกลับไปนั่งโต๊ะ คงสบายใจที่ได้ใส่อารมณ์กับตนแล้วมั้ง ภูริก็หยิบเอาเอกสารมานั่งอ่านโอ้...ภูริเป็นคนขยัน!เปล่า กูไม่มีไรทำภูริคิดแล้วก้เถียงกับตัวเองขำๆ ระหว่างนั่งอ่านกฎการปฏิบัติตัวของโอเมก้าในที่ทำงานแห่งนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจจะอ่านมันหรอก เขาเป็นเบต้า ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์อันมากมายของเหล่าโอเมก้า ตอนนี้มันกลายร่างแล้วไง ต้องมาใส่ใจนิดหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ อ่านไปได้ราวครึ่งชั่วโมงเขาก็ไม่มีอะไรทำอีก นั่งพิงโซฟาตัวนุ่มนิ่มเอาไว้ แอร์เย็น...ท
หลังจากกินมื้อเช้ากับแม่และน้องสาวเรียบร้อยแล้ว ภูริก็เดินไปแอบกินยาต้านเงียบๆ พยายามปกปิดเรื่องที่เขาได้กลายเป็นโอเมก้าเต็มตัวแทนที่จะเบต้าธรรมดาๆ อย่างที่เคยเป็น ก็ลองนึกดูดิ ถ้าแม่กับน้องรู้ แม่กับน้องจะตกใจขนาดไหนอะ ลูกกับพี่ชายเป็นเบต้ามาตลอดนะเฮ้ย จู่ๆ มากลายพันธุ์ บ้าเถอะ ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ หรอก ขนาดตัวภูริเองที่มักเป็ฯคนคิดในแง่บวกมาตลอดยังอดนอยไม่ได้เลยเมื่อวานนี้แต่ที่ยิ่งกว่านอยอะ...แม่งคิดถึงบางคนม่ายยยย เราจะไม่ยอมรับว่าเราคิดถึงไอ้ประธานโหดนั่น มันน่าเศร้าเกินไป ผู้ชายคนนั้นบ้าๆ บวมๆ เดี๋ยวกอดเขา ฟัดเขาอย่างกับเขาเป็นคนรัก แต่แล้วก็ด่าเขาสาดเสียเทเสียอย่างกับเขาเป็นคุณโส เอาตรงๆ บางทีก็งงใจ ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับสิ่งที่ท่านประธานนั่นปฏิติบัติกับเขาเหมือนกัน“พี่ภูคะ มีใครมา...” ภูฟ้า น้องสาวแสนน่ารักน่าชังในสายตาภูริเดินเข้ามาสะกิดบอก อย่าเพิ่งว่าเขาเป็นโลลิค่อนนะเว้ย การที่อวยน้องตัวเองไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นพวกจิตไม่ปกติดีแบบนั้น“หืม?” ภูริรีบเก็บแผงยาเข้ากระเป๋าของตัวเอง แล้วดื่มตามเยอะๆ“พี่ออกไปดูไหม รถหรูเชีย
ปัง!กรี๊ด!!! ภูริถึงกับสาวแตกในใจเพราะจู่ๆ ก็มีใครบางคนมาตบโต๊ะเขาเสียงดังสนั่น เขาอยากเงยหน้าแล้วถามเหลือเกินว่า เจ็บไหม? เอ๊ะ...หรือเขาควรสนใจว่าโต๊ะทำงานของเขายังปลอดภัยอยู่กันล่ะ คำถามกวนประสาทในหัวหายไปทันทีเมื่อเขาเห็นว่าคนที่ตบโต๊ะนั้นเป็นใคร ร่างโปร่งรีบลุกขึ้นยืนกุมมือต่ำ ก็คนคนนี้เป็นหัวหน้าเขานี่หว่า“เมื่อวานคุณหายไปไหนมา” ตาบอดเหรอตอนท่านประธานลากเขาไปที่ลิฟต์น่ะ ภูริล่ะอยากจะตอบแบบนี้กลับไปจริงๆ ให้ตายเถอะ“ท่านประธานใช้งานครับ” พอบอกออกไปอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ใช้สายตาสำรวจร่างกายของเขาท่านที เห็นนะเว้ย สายตานั้นละลาบละล้วงมาก ถึงหัวหน้าจะหล่อ แต่ขอโทษ...อีธานหล่อกว่าและสายตาเร่าร้อนกว่าเยอะเดี๋ยวนะ เราเปรียบเทียบเพื่อ? หัวหน้าไม่ได้จะแดกเขาเสียหน่อย คิดอะไรบ้าบอจริงเชียว สมองนี่ก็น้า...ทำไมยังคงทำงานวนเวียนอยู่กับอีธานก็ไม่รู้ เพิ่งจะห่างกันได้ไม่นานนี่เองด้วยซ้ำ“นายเป็นนายบำเรอให้คุณอีธานล่ะสิ ที่บอกว่าเป็นเบต้านี่โกหกใช่ไหม เมื่อวานนี้กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งมาก มึงต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ” เกลียดสัญชาตญาณอั
บริษัทยายักษ์ใหญ่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เรื่องการบริหารจัดการกับเหล่าผู้คนที่แตกต่างด้านเพศสภาพ อีธานถูกยกย่องให้เป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงที่มีทัศนะคติดี มองการไกลและให้ความเท่าเทียมกับอัลฟ่า เบต้า หรือแม้กระทั่งชนชั้นที่ต่ำสุดอย่างโอเมก้า ชื่อของบริษัทถุกยกย่องให้เป็นบริษัทต้นแบบในการบริหารผู้คนที่แตกต่าง และจัดการกับการเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมในหน้าสัมภาษณ์ อีธานกล่าวว่า...ทุกชนชั้นล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ละคนมีความสามารถที่อาจจะด้อยกว่ากันบ้างในบางเรื่อง แต่มีเรื่องด้อยก็ต้องมีเรื่องเด่น เพราะงั้นจะแค่มุมด้อยของเขามาตัดสินมันทั้งชนชั้นไม่ได้ คุณต้องมองมันให้เป็นรายบุคคลและเข้าใจถึงธรรชาติของชนชั้นนั้นๆด้วยความเป็นอัลฟ่าระดับสูง รูปร่าง หน้าตาและฐานะ อีธานกลายเป็นที่จับตามองของสาวน้อยสาวใหญ่ ความสุขุมและเบดกายของเขากลบคำที่ว่าผู้บริหารบริษัทยามันต้องเนิร์ด สวมแว่นและดูแก่หงำเหงือกไปอย่างสิ้นเชิงหญิงสาวหรือแม้แต่ชายหนุ่มที่อ่านข่าวนล้วนจับตามองถึงเรื่องคู่ครอง อีธานกล่าวว่าตัวเขานั้นยังไม่มีใคร ยังไม่เจอคู่แท้ และยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ ตอนนี้
เรื่องราวระหว่างคนสองคนที่เกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาถึงจุดสุดท้าย...แรกเริ่มเดิมทีอีธานก็ไม่ได้ต้องการมีคู่แห่งโชคชะตาอยู่แล้ว การตัดสินใจมันเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาสั่งให้ทีมวิจัยค้นคว้าตัวยาเพื่อแก้คู่แท้ วันที่รู้ว่าตัวเองจะมีคู่ครอง...เขาไม่โอเคกับมันจริงๆ ที่ผ่านมาภูริแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเองไม่ได้แย่ถึงขนาดเป็นคู่ครองของใครไม่ได้ แต่อีธานก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองอยู่ดีอุดมการณ์เขามั่นคงพอๆ กับการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง อีธานไม่ได้รักภูริ เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนร่วมเตียง มีเซ็กซ์กัน ไปทำงานด้วยกัน กินข้าวเช้า กลางวันเย็นด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน การดูแลเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรามันเป็นเพียงไมตรีจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งเมื่อหนังผีเรื่องนั้นจบลง อีธานและภูริก้เดินออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป ภูริน่ะตื่นเต้นกับหนัง ดูก็รู้ว่าเขาแฮปปี้กับช่วงเวลาชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมามากแค่ไหน เขาไม่ค่อยได้มาดูหนังนี่นะ พอเจอหนังดีโดนใจก็เลยปลื้มปริ่ม แต่คนที่คิดว่าจะพามาตกใจเล่นกลับเอาแต่นั่งกอดเขานิ่ง ไม่สะดุ้งกับหนังเลยแม้แต่นิดเดียว...อีธานมองหน้าภูร
“วันนี้เงินเดือนออกหนิ” อีธานเอ่ยขึ้นขณะต่างคนต่างลงจากรถหลังการปรับเปลี่ยนกฎและโยกย้ายตำแหน่งพนักงานได้ไม่กี่วัน ภูริก็กลับมาทำงานทั้งที่ยังไม่หายดี เขามีรอยช้ำอยู่ตามตัวแต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร การนอนอยู่ห้องอีธานเฉยๆ คอยทำความสะอาด จัดนู้นจัดนี่แล้วก็ดูทีวีไปวันๆ มันก็ดี แต่เขาก็กลัวว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้เลยรีบกลับมาทำงานอีธานไม่พอใจใหญ่เลย ไม่พอใจที่เขาดื้อไม่ฟัง อีธานบอกให้เขารักษาตัวเองให้หายดีก่อน เขาไม่หายดีตรงไหน? ขึ้นโยกได้นี่ก็ถือว่าร่างกายแข็งแรงสุดๆ แล้ว เพราะงั้นคำบ่นอีธานจึงตกไปเมื่อภูริมีเป้าหมายที่ชัดเจนพอกลับมาทำงาน ด้วยไม่มีใครมาขัดขวางเหมือนเมื่อก่อน ภูริจึงออกงานนอกเยอะขึ้น เขาสามารถทำยอดได้เกินเป้าในทุกๆ การขาย ด้วยรอยยิ้ม ด้วยไมตรี เมื่อก่อนภูริขายของเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ได้โชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ขึ้นไปอีก ไม่แปลกเลยที่ผลการทำงานในเดือนนี้ของเขาจะดีเกิดคาดไปไกลอีธานยังแปลกใจเลยคิดดูเถอะ ไอ้กระจอกคนนี้ไม่กระจอกนะเว้ย เพื่อปากท้องทั้งสาม ของตัวเอง แม่และน้อง ทำให้ภูริเป็นคนขยัน อืม...เขาขยันเป็นเรื่องปกตินะ เมื่อก่อนก็ขยัน ตอนน
ภูริอุ่นอาหาร เทมันใส่จานแล้วก็เอามาเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ เป็นการปิดท้ายก่อนเดินมานั่งข้างๆ แล้วเริ่มทานมื้อเที่ยง ภูริไม่ได้ถาม ไม่ได้ชวนคุยอะไร ต่างคนต่างกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมดบอกความจริงให้หนึ่งอย่าง...ภูริไม่ได้มารยาทดีแต่โคตรหิว!คือเมื่อเช้ามันตื่นไมไหวก็เลยนอนลากยาวมานี่แหละเที่ยงวัน น้ำท่าก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย กินยาก่อนอาหาร ยาระงับฟีโรโมนแล้วถึงมาอุ่นข้าว ท้องเขาแม่งถือป้ายร้องประท้วงกันเย้วๆ ตอนที่กลิ่นอาหารแม่งลอยออกมาจากตู้อบ อารมณ์แบบ...กินเลยไม่รอร้อนได้ไหมวะ แต่จะให้กินอาหารเย็นๆ มันก็ไม่อร่อย ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีเขาต้องรออีกนิสสสสแล้วพอกำลังจะอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเที่ยงควบมื้อเช้าอีธานก็ดันโพล่มา ด้วยการเป็นคนดีโลกจดจำ ภูริก็เลยต้องบริการอุ่นและเสิร์ฟอาหารให้เจ้าของห้อง เคยได้ยินไหม อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ แค่อีธานไม่มีลูก ภูริเลยไม่ได้โชว์สกิวปั้นดินที่แสนจะห่วยแตกสมัยเรียนอาจารย์วิชาศิลปะนี่กุมขมับเลยนะ เพราะให้ทำอะไรก็เละเทะไม่มีชิ้นดี
เช้าวันนี้อีธานตื่นเร็วกว่าปกติ เขามีการประชุมใหญ่รออยู่ในช่วงเช้าเพราะหัวหน้าของหลายแผนกถูกจับ โดยเฉพาะหัวหน้าแผนกที่มีความสำคัญมากอย่างเซลล์ ซีอีโอบางคนก็หลุดออกจากตำแหน่งไปเตรียมตัวขึ้นศาลข้อหาฉ้อโกงเรียบร้อย เรียกว่าวันนี้งานอีธานค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เพราะงั้นจึงสายไม่ได้ร่างสูงค่อยๆ ลุกจากที่นอนเพื่อไม่ให้ภูริตื่น ที่จริงแล้วภูรินอนพื้นนั่นแหละ แต่อีธานอุ้มขึ้นมานอนด้วยกันตอนอีกฝ่ายหลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภูริบาดเจ็บอยู่ เขาอยากให้ภูรินอนอย่างสบายบ้างก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆไม่ได้ชอบการนอนกอดภูริเลยแม้แต่นิดเดียว!ก็นะ...นั่นเป็นข้ออ้างที่เขาพยายามยัดมันใส่หัวตัวเอง เพื่อปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริง ภูริทำให้อีธานได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมันก็ใช่ แต่ความตั้งใจเดิมของอีธานไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังไม่อยากมีคู่เป็นโอเมก้าอยู่ดีนี่มันอยู่คนละส่วนกับการดูถูกชนชั้นอื่น เป็นแค่ความต้องการส่วนตัวที่ฝังรากลึกมานานเป็นสิบปี ระยะเวลาเหล่านั้นมันพังครืนลงไม่ได้ง่ายนัก ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้โอเมก้าแต่กำเนิดก็ตามที“เหวย...วันนี้ตื่นก
ปลายกระบอกมือสีเงินแวววาวจรดลงที่ขมับของอัลฟ่าผู้คร่อมทับร่างภูริ อีธานโพล่มาถึงตรงนี้ได้โดยที่คนอื่นไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้พวกนี้รู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ก็ตอนที่เอาปืนจ่อหัวพวกเรียบร้อยพลังควบคุมคนตามธรรมที่อีธานมีนั้นเขาสามารถควบคุมมันได้ จะใช้มากใช้น้อยหรือไม่ใช้เลยเขาก็ทำได้ อย่างตอนเดินเข้ามาก็ไม่ใช้...ค่อยๆ ย่องประชิดเพื่อไม่ให้ใครไหวตัวทัน และตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะใช้ความสามารพิเศษทางสายเลือดของตัวเองกดดันพวกปลายแถวเหล่านี้ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบคอเอาไว้ อัลฟ่าชั้นล่างทั้งสี่ต่างไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้ว่าจะยังไม่เห็นปืนกระบอกงามในมือของอีธานด้วยซ้ำ ความหวาดกลัวที่เอ่อท้นขึ้นมานี่คงไม่ต่างอะไรกับการยืนเผชิญหน้าจ่าฝูงผู้แข่งแกร่งเท่าไหร่นัก“ลุกออกมา” อีธานเอาปลายกระบอกปืนดันหัวคนที่คร่อมภูริอยู่ มันค่อยๆ ขยับแล้วออกมาคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างโปร่งพอเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นอีธาน ภูริก้รีบลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ เข้งขาไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ทั้งยังขวัญหนีดีฟ่อจากการที่โดนจู่โจม นัยน์สีดำคู่นั้นเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ...ภูริดึงผ้าที่อุดปากตัวเองออกแล้ว
จนแล้วจนรอดอีธานก็ไม่ได้ให้นาฬิกากับภูริ ในเมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนไม่คิดอะไรเขาก็จะทำบ้าง พาไปเลี้ยงข้าว กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วก็แยกย้ายกันนอน ซึ่งก่อนนอนก็มักมีกิจกรรมที่เสื้อผ้าไม่เกี่ยวเกิดขึ้นมันเป็นแบบนั้นเสมอ...แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนที่ใครที่มันจากแผนที่อีธานขอให้วิชุตาช่วยเหลือ ในที่สุดก็มาถึงได้เสียที หลัจากปล่อยให้เหตุการณ์อันย่ำแย่ในออฟฟิตของเขาดำเนินต่อมาอีกหลายวัน เมื่อวานนี้เงินภูริออก อีธานได้ขอก๊อปปี้สลิปเงินเดือนมาจากอลันภูริมีโอทีแค่ห้าชั่วโมงทั้งที่ทำโอแม่งเกือบทุกวัน ค่าคอมพ์มีแต่น้อยกว่าที่คาด ก็คงไม่มีอะไรให้เถียงสำหรับค่าคอมพ์ ภูริเพิ่งออกงานนอกตอนเลยกลางเดือนมาแล้วและแค่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น โดยรวมภูริก็ได้เงินไม่มากอยู่ดีหลังเลิกงานอีธานมีนัดกับวิชุตาเพื่อดูของที่เธอได้รับจากการสั่งซื้อด่วนเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาให้ภูริไปรอที่ห้างสรรสินค้าใกล้ๆ เสร็จธุระแล้วถึงจะไปรับ ภูริเป็ฯคนง่าย...อะไรก็ได้จึงยอมไปไม่ใช่อะไร...มีหนี้ต้องเคลียร์ใบออเดอร์และของอยู่ตรงหน้าเขา ข้างซ้ายมีวิชุตาและข้างขวาเป็นอลัน พวกเขากำลังตรวจสอบนัมเบ
ออกมาจากบริษัทตอนเก้าโมงกว่า เจอลูกค้าตอนสิบโมงครึ่งจนตอนนี้เที่ยงสิบห้างานเพิ่งเสร็จ ภูริปิดการขายได้อย่างสวยงามและยอดขายรอบนร้ก็เป็นที่น่าภูมิใจสุดๆ นึกถึงคำพูดอีธานตอนแรกๆ ที่เจอกันขึ้นมาเลยแฮะ ที่หาว่าเขาเป็นคนไร้มารยาท ทำตัวแบบนี้เป็นเซลล์ไดยังไง หึหึ อยากให้มาเห็นผลงานเขาหน่อยจะได้ถอนคำพูดพวกนั้นทิ้งไป เขามีความเป็นนักขายนะเว้ย แต่แค่...เลือกปฏิบัติต่อคนอะนะในห้างสรรพสินค้าที่ลูกค้านัดมานั้นมาของกินเยอะแยะมากมาย เหมือนมีการจัดบูธขายอาหารไทยมากมาย เรียงกันเป็นตับ เห็นแล้วท้องร้องหนักมาก ร้องว่าจะกินจะกินจะกิน ติดอย่าง...ติดเงินภูริได้ค่าน้ำมันมาห้าร้อย เขาเติมทั้งห้าร้อยเลยเพราะว่าใบเสร็จนี่ต้องส่งกลับให้บริษัท เคยได้ยินมาว่ามันโกงค่าน้ำมันได้ อย่างเติมสามร้อยแล้วให้เขาออกใบเสร็จเป็นห้าร้อยแลกกับทิปเล็กๆ น้อยๆ แต่ภูริไม่เคยทำ แค่ได้ยินเขาเล่าๆ กัน ส่วนใบเซอร์นี่ก็โกงได้...แค่อันตรายหน่อยหากโดนจับได้ล่ะนะเรื่องโกงกินอะไรพวกนี้ตัดออกไปจากหัวภูริได้เลย สมองเขาคิดแค่จะหมุนเงินยังไงให้มันชนเดือนโดยไม่ต้องไปหยิบยืมใครเขา การเป็นหนี้มันเป็นลาภอันประเสริฐนะ ถ้า
คำว่าน้อยใจของภูริมีผลต่ออีธานมากกว่าที่ภูรินึกเอาไว้...พอกลับมาที่ห้องแล้วอีธานก็สั่งให้ภูริไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สบายๆ สักตัว เป็นชุดนอนปกติของตัวเองก็ได้แล้วมานอนที่เตียง หมอเพิ่งให้กินยาก็ต้องนอนพักผ่อน ซึ่งการที่อีธานให้นอนเตียงเนี่ยทำเอาภูริยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายไปเป็นนาที“ผีเข้าปะ?” คิดออกแค่นั้นอีธานทำเหมือนคำพูดของภูริมันไร้สาระเกินกว่าจะตอบ เดินหนีไปอาบน้ำอาบท่าปล่อยให้ภูริเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอน ออกมาก็เจอภูรินอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม หลับตาพริ้มดูมีความสุข น่าแปลก...เห็นภูริมีความสุขแล้วอีธกานก็พลอยมีความสุขไปด้วยอีธานขึ้นนอนข้างๆ ภูริ ต่างคนต่างนอนหลับไปทั้งที่มันเพิ่งจะเป็ฯเวลาเที่ยงวัน นอไปนอนมาภูริก็คว้าเอวอีธานมากอด ซุกแขนล่ำๆ นั้นแล้วหลับน้ำลายยืด คนรู้สึกตัวไวแอบลืมตามก่อนจะหลับไปโดยไม่ว่าหรือไล่ให้เอาหน้าออกไปจากแขนตนบ่ายอีธานทำอาหารให้ภูริกิน แต่ภูริอยากจะเอาอาหารเมื่อวานนี้ไปอุ่น ไม่มีคำอธิบายหรอก แล้วก็รู้ว่าอีธานไม่ยอมทำก็เลยเอาเข้าไมโครเวฟเอง เผอิญว่าเตาอบของอีธานนั้นเป็นเตาอบเครื่องใหญ่ ไม่ใช่ไ