เขาเกลียดโอเมก้า!
ครั้งแรกที่อีธานรู้จักกับโอเมก้าคือตอนอายุสิบสาม ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้พาเขาไปเที่ยวที่ที่หนึ่ง ที่นั่นเขาบอกว่ามันเป็นสวรรค์ของเหล่าอัลฟ่าชั้นสูงเลยก็ว่าได้ อีธานเป็นเด็กวัยรุ่นที่อยากรู้อยากเห็น อยากลองไปหมดทุกสิ่งอย่าง
เขาถูกเลี้ยงมาท่ามกลางวงล้อมของอัลฟ่า แม่บ้านทุกคน คนใช้ทุกคนเป็นอัลฟ่าหมด โรงเรียนที่เขาเรียนก็เป็นโรงเรียนเฉพาะที่รับแต่พวกตระกูลดังๆ อัลฟ่าเลือดเข้มข้นเท่านั้นจึงจะสามารถเรียนที่นี่ได้ เป็นสังคมชั้นสูง...ที่สูงจนคนธรรมดาไม่อาจเข้าใจ
ดังนั้นอีธานไม่เคยเจอโอเมก้าตัวเป็นๆ มาก่อน ไอ้แค่ออกข่าว ออกทีวี หนังละครอะไรพวกนี้มันค่อนข้างห่างตัวเขาพอสมควร เมื่อลูกพี่ลูกน้องพาไปเขาเลยคาดหวังที่จะเห็นอะไรที่สวยงาม เวลาเขาเห็นโอเมก้าในทีวี พวกนี้จะมีเสน่ห์มาก ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตาม
ทว่าสิ่งที่อีธานได้เจอ...มันผิดกับที่เขาคาดหวัง
“นี่แหละตัวตนของโอเมก้า” พี่คนนั้นผายมือให้อีธานได้เห็น ตอนนั้นอยู่ชั้นสอง...มองไปข้างล่างเจอแต่โอเมก้ากำลังปรนเปรอผู้ชาย ในคนเหล่านั้นมีทั้งหญิงและชาย กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงจนน่าเวียนหัว
“เราไปห้องของเราดีกว่า” ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นเดินนำไปอีกที่ อีธานยังไม่สามารถละสายตาจากภาพการเสพสังวาสอันมั่วซั่วเหล่านั้นได้
เขาเรียนรู้เรื่องการมีคู่แห่งโชคชะตา...คู่ที่เกิดมาเพื่อมาเป็นของเขา
นี่น่ะเหรอ...ชนชั้นที่จะเป็นคู่แห่งโชคชะตากับอัลฟ่าอย่างเขาน่ะ!
“มันเป็บแบบนี้ทุกคนจริงเหรอ” อีธานถาม เขาไม่มั่นใจ...แต่ที่เห็นนี่ก็สะเทือนใจไม่ใช่น้อย
“โอเมก้าเกิดมาพร้อมอาการฮีต เมื่อมีอาการ...โอเมก้าจะไม่สามารถต้านทานอาการอยากของตัวเองได้ นั่นหมายความยังไง...นายพอเข้าใจไหม” อีธานคิดตามที่อีกฝ่ายบอก
“พอเข้าใจ”
เดินไปไม่นานก็มาถึงห้องวีไอพีที่ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นได้เตรียมเอาไว้ให้ เปิดประตูเข้าไปกลิ่นฟีโรโมนอันยั่วเย้าก็โอบล้อมอีธานและอีกคนทันที เขายังสับสน เลยยืนมองลูกพี่ลูกน้องนัวเนียกับโอเมก้าอยู่กลางห้อง มีโอเมก้าหญิงสามคนและชายอีกสามคน อีกธานเห็นแต่ความโสมม...คนชั้นสูงอย่างเขาต้องมามั่วโอเมก้าแบบนี้น่ะเหรอ
แต่ก็เท่านั้น...เมื่อสัญชาตญาณโดนกระตุ้นมากเข้า อีกธานก็ลงไปมัวเมากับคนเหล่านั้น
หลังจากนั้นมุมมองที่อีธานมีต่อโอเมก้าก็เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าอีธานมารู้ทีหลังว่านั่นคือสถานที่บำเรอสุขของพวกอัลฟ่า ที่นี่จะรวบรวมโอเมก้าชั้นดีเอาไว้เพื่อบริการลูกค้ามากมาย บ้างก็ถูกขายมาจากพ่อแม่ที่ยากจน บ้างก็เสนอตัวมาทำตรงนี้เอง ไม่ต่างอะไรกับ ‘ซ่อง’ ของเหล่าไฮโซ
การเติบโตจะสอนให้เขาได้เห็นถึงแง่ทีดีและร้ายในชนชั้นล่างสุดนั้น แต่ความจริงที่เมื่อโอเมก้าฮีตแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้มันก็ไม่เปลี่ยนไป อีธานไม่ต้องการมีคนรักที่พร้อมจะเสพเซ็กส์กับใครก็ได้แบบนั้น
เขาเริ่มไม่อยากมีคู่แห่งโชคชะตา ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าถ้าอัลฟ่ากัดที่หลังคอของโอเมก้าตนนั้นๆ แล้ว โอเมก้าตนนั้นจะกลายเป็นคู่ของตนเพียงคนเดียวตลอดไป จะไม่ฮีตใส่คนอื่น จะไม่ผสมพันธุ์กับคนอื่น แต่...กว่าจะมาถึงเขาล่ะ?
สิ่งที่รอบข้างพูดถึงชนชั้นโอเมก้าล้วนเลวร้าย ซ้ำยังมีภาพติดตาจากการไปเที่ยวสถานที่เริงรมณ์แบบนั้นอีก ทำให้อีธานผู้หยิ่งผยองในความเป็นอัลฟ่าเลือดเข้มข้นของตนเองขยะแขยงชนชั้นนี้เข้าไปอีก
แล้วกลับมาดูตอนนี้สิ...คนในอ้อมแขนของเขา คนที่เขาสอดใส่ความต้องการเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนี้เป็น...โอเมก้า!
อีธานกล้าสาบานกับตัวเองว่าเขากินยาต้านฟีโรโมนชนิดที่ดีที่สุดเข้าไปแล้ว มันเป็นยาประจำกาย พกไว้เสมอ เขาไม่อยากมีอาการกระหายใคร่อยากใส่โอเมก้าที่เขาเกลียด พวกนี้มีแต่สัญชาตญาณสัตว์ ฮีตหน่อยก็ควบคุมอะไรตัวเองไม่ได้แล้ว
และเพราะเกลียดคนที่อยู่ในอ้อมแขน...เขาถึงเกลียดที่ตัวเองมัวเมาอยู่กับร่างกายนี้
แค่สบตานายภูริ...แค่ได้กลิ่นกายบางๆ...ความบ้าคลั่งในตัวเขาก็ระเบิดออกมา
เขากำลังกลายเป็นเหมือนพวกโอเมก้าหรือไง!!!
“ทำไมผมต้องเกลือกกลั้วกับพวกชั้นต่ำอย่างนายด้วย!” เขาว่าใส่หน้าภูริที่นอนหอบแฮ่กเนื้อตัวช้ำเป็นรอยดูด รอยจูบเต็มไปหมด
ก็ไม่อยากจะว่าอะไรน้า...แต่ท่านประธานฟัดเขาขนาดนี้ยังมีหน้ามาด่าเขาอีกงั้นเหรอ? ภูริมีความงง มีทั้งความเหนื่อย มีทั้งความซาบซ่านที่ยังไม่หายไป อีกฝ่ายพ่นพิษใส่ตนรอบที่เท่าไหร่ไม่ได้นับเสร็จก็ควานหายาเป็นการใหญ่ ร่างเปลือยอีกฝ่ายช่างน่าอิจฉา จ้างเทรนเนอร์มาเท่าไหร่ถึงได้บอดี้แบบนี้นะอยากรู้จัง
ภูริพยายามจะยันตัวขึ้นจากที่ที่อดีตเคยเป็นโต๊ะทำงานท่านประธาน แล้วตอนนี้ไม่ได้เป็นเหรอ ไม่ๆ มันไม่เหลือความเป็นโต๊ะทำงานอีกแล้ว...มีแต่คราบเหงื่อเป็นรอยร่างคน หยาดน้ำที่มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ไม่แน่ใจว่าเซลล์เดียวหรือสองหรือสามเซลล์กระจัดกระจายเป็นดวงๆ
“ดะ...เดี๋ยวครับ!” ยังไม่ทันตั้งสติอะไรได้สักอย่าง มือหนาใหญ่ของท่านประธานก็คว้าจับข้อมือของภูริอย่างแรง สีหน้าอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยความต้องการ ภูริมองทุกส่วนของใบหน้า...มองไปเรื่อย มองเหมือนเพ้อ มองจน...เคารพธงชาติกันตอนสิบโมงกว่าอีกรอบ
“อยู่เฉยๆ ผมไม่อยากเอาคุณนักหรอกนะ ถ้าคุณกินยาตามที่ผมสั่ง...เรื่องนี้มันก็จะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่ว่าโอเมก้าอย่างคุณคิดจะทำอะไรที่มันต่ำ” เสียงกดต่ำนั้นทรงอำนาจ ภูริเหนื่อยเพลียและหมดความกลัว
คิดว่าตอนที่ท่านกำลังเล่นโยกเยกกับภูริอยู่นี่ท่านไม่ได้พูดอะไรทำนองนี้งั้นแหละ โหย...เล่นพูดไปครางไป น่ากลัวซะไม่มีอะ จากที่เคยหวั่นใจกับคำพูดของท่านประธาน ตอนนี้เหมือนฟังแม่บ่น มันก็จะงุ้งงิ้งหน่อยๆ
แต่สิ่งที่ไม่งุ้งงิ้งเลยคือการเหยียดหยาม...ภูริรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหยียดตนหนักมากจริงๆ
“คุณคิดจะจับผมใช่ไหม...หรือคิดจะจับอัลฟ่าดีๆ สักคนมาเป็นคู่ ตัวเองจะได้สบายงั้นสิ” อีธานฉีดยาให้ภูริเสร็จก็หันไปฉีดให้ตัวเองต่อ
“นี่มันยาอะไรฮะ” อีธานคิ้วขมวด คำแรกที่อีกฝ่ายพูดนอกจากครางดันเป็นคนละเรื่องกับที่เขาบ่น
“ยาระงับอาการฮีตไง หรืออยากได้อีก...ไม่รู้จักพอใช่ไหมล่ะ”
“เปล่าครับ”
“ถ้างั้นก็ไปใส่เสื้อผ้าซะ ทุเรศ” ทุเรศจ้า...ทุเรศมากเอาทีดังตั้บๆ เลยน้า
ทั้งคู่แยกย้ายกันใส่เสื้อผ้าที่เคยใส่มา ดีไม่เปื้อนหรือเปรอะคราบจากสงครามเมื่อสักครู่นี้ ภูริเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะ มองท่านประธานกำลังทำหน้าเครียด เศษซากอารยธรรมที่ท่านได้สร้างเอาไว้นั้นช่างมโหฬารจริงๆ นะท่านว่าไหม...
“เก็บโต๊ะให้ผมหน่อย” นึกว่าจะได้เห็นท่านประธานบริษัทยาเก็บแฟ้ม สมุด ปากกาบนพื้นมาเรียงบนโต๊ะเองเสียอีก ที่ไหนได้...
“ครับ” เก็บก็เก็บ เกิดมาเป็นลูกจ้างเขา เจ้านายสั่งให้ทำอะไรก็ทำๆ ไป
ว่าแต่...มันต้องเรียงยังไงวะ?
“นั่นคือวิธีจัดโต๊ะของคุณเหรอ?” ภูริเอาของที่โดนกวาดก่อนเริ่มสงครามมาวางกองกันไว้ตรงกลางโต๊ะ คือกะว่าจะเก็บมารวมๆ กันก่อนแล้วค่อยจัดให้เป็นที่เป็นทางอีกที แต่อีธานดันทักทั้งที่น่าจะเห็นว่าเขายังไม่เสร็จ...เอ...ประธานกวนตื้ดๆ เนอะ
“ครับ โต๊ะผมก็จัดแบบนี้แหละ นี่นะท่าน...ท่านสามารถเอาแขนกวาดมากองทางนี้ เสร็จจะใช้ก็หยิบๆ ได้เลย สะดวก รวดเร็วมากครับ” ด้วยความหมั่นไส้นิดๆ ภูริจึงพูดเหมือนตอนที่เขาโทรไปเสนอยาตัวใหม่ให้กับลูกค้า สำเนียง วิธีการพูดการขายของเขาดูดี เขามั่นใจ แต่...ไม่ถูกใจท่านประธานแน่ๆ
“ผมรู้แล้วว่าทำไมผลงานของคุณถึงไม่เคยดีเลย” สายตาคมดุนั้นตำหนิภูริอย่างชัดเจน
“ขอโทษครับ...”
“ถ้าแค่จัดโต๊ะไม่ได้ ผมว่าคุณ...ออกจากงานไหม”
“จัดได้ครับท่าน สักครู่หนึ่ง...” อย่าพูดคำนั้นกับเราเลยนาย เราเศร้า ภูริเก็บความหมั่นไส้นิดๆ ลงไปแล้วก้มหน้าก้มตาจัดโต๊ะท่านประธานใหม่ให้ดียิ่งขึ้น
คือจริงๆ มันก็ต้องจัดแบบนี้แหละ แต่อีธานขัดขาก่อนไง...ก็เลยแอบกวนไปนิดหนึ่ง ลืมไปได้ยังไงว่าเขามีอำนาจในการตะเพิดคนออกได้ง่ายๆ ต่อให้งานดี ถ้าเขาอยากเอาออก...เขาก็เอาออก นี่อย่าว่างานดีเลย ผลประเมินแม่งเฉียดฉิวหวิดโดนไล่ออกมาหลายรอบแล้ว ก็ไม่รู้ว่าห่วยจริงหรือโดนแกล้ง รู้แค่ยังอยู่ที่นี่ได้ต่อก็บุญแล้วล่ะ
หลังจากภูริจัดทุกอย่างให้เข้าที่เรียบร้อย มันไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดิมอย่างที่มันควรอยู่หรอก ก็ใครจะไปจำได้ว่าตอนแรกอะไรวางตรงไหน เข้ามาก็ฟัดกันอย่างอดอยากปากแห้งกันมานานขนาดนั้น มองรอบห้องหรือก็ยังไม่ได้มองเลย ถ้าตอนนั้นมีคนมานั่งรอท่านประธานอยู่ก็คงฟัดหันต่อหน้าแขก เป็นหนังสดดูก่อนเริ่มทำงานหรือติดต่อเจรจาธุรกิจ ก็ว่าไปนั่น...
“ใช้ได้หนิ” ต้องชมว่าดีครับท่าน ผมจัดเต็มที่มากๆ เรียงแบบหยิบจับใช้สอยง่ายทุกชิ้น ทุกอย่างอยู่ในองศาของมือยาวๆ นั่นได้ ภูริคิดต่อตอบโต้เองในใจเพียงลำพัง เขายืนกุมมือต่ำมองท่านประธานนั่งลงตรงเก้าอี้หนังตัวใหญ่ เขาว่า...ที่มันใหญ่เนี่ย เพราะถ้ามันเล็กมันจะรับน้ำหนักท่านประธานไม่ได้
“เชิญนั่ง”
“ขอบคุณครับ” พอสถานการณ์มันนิ่งปุ้บ ความกดดันก็มาอีก ไหนจะไม่ฮีตแล้วด้วย...หัวเริ่มหดหน่อยๆ
“ผมสั่งให้คุณกินยา ทำไมคุณถึงไม่กินยา คุณรู้ไหมว่า...ฟีโรโมนของโอเมก้ามันไม่เป็นผลดีต่อพนักงาน เราไม่รังเกียจที่พนักงานของเราจะเป็นชนชั้นอะไร แต่คุณก็ต้องเคารพกฎของการอยู่ร่วมกันด้วย” พูดมาแบบนี้นี่ภูริอยากจะแกะยามาเคี้ยวต่อหน้าให้ดูเลย
“ผมทราบครับ”
“ทราบแล้วทำไมยังฝืนคำสั่งผม?” ความกดดันเพิ่มมากขึ้นมาอีกเลเวลหนึ่ง ภูริสูดหายใจเข้าลึก...มองหน้าอีกฝ่าย
“ผมทานแล้วครับ”
“ทานแล้ว? ถ้าทานแล้วคุณจะมาฮีตในที่ทำงานอย่างที่มันเกิดขึ้นเหรอคุณภูริ ยาผมก็ให้ ไม่ต้องไปหาซื้อด้วยซ้ำ...” พอได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ ภูริก็หันหน้าหนีไปอีกทาง..เหมือนหัวหน้าถามว่าทำไมไม่มาทำงาน พอบอกว่าไม่สบายมันก็หาว่าเราอ้างอะ
“ผมทานแล้วจริงๆ ครับ” ภูริว่าจบก็งัดเอาแผงยาออกมาจากกระเป๋ากางเกงทำงาน มันเหลือแค่สามเม็ดจากทั้งหมด
“เอาไปแบ่งใครหรือกินเอง?” อันที่จริงอีธานต่อว่าภูริไปแบบนั้นแหละ เขารู้ว่าการที่แม้แต่ตัวเองกินยาต้านมาแล้วยังจุดติดกับคนคนนี้ได้เป็นเพราะว่าคนคนนี้คือคู่แห่งโชคชะตาของตนเอง อีธานแค่ไม่อยากยอมรับมัน...เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรมาคู่กับโอเมก้าที่ต่ำชั้นกว่ามากขนาดนี้ ทว่า...พอเห็นแผงยาเกือบหมดความไม่อยากยอมรับความจริงก็หายไป เหลือเพียงความแปลกใจแทน
“ผมทานเอง แต่ว่า...ครอบครัวผมจะดื้อยาอะครับ กินยาอะไรแล้วจะไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ ในนี้ระบุว่าหนึ่งเม็ดต้านได้ราวๆ...แปดชั่วโมง แต่ผมกินแล้วครั้งแรกได้สามหรือสี่ชั่วโมง แล้วหลังจากนั้น...มันก็ได้แค่ราวๆ ชั่วโมงหรือสองชั่วโมงครับ” อย่างกับกำลังบอกอาการหมออยู่เลยว่า นี่ๆ ผมเป็นแบบนี้ แบบนี้นะ
“เวรเอ้ย...” มันเป็นคำสบถเบาๆ ที่ไม่ใช่ภาษาไทย...แต่กูฟังออกไงไอ้ประธาน!!!
อีธานปลายตาไม่พอใจมาทางเขา มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดแล้วโทรออกใครสักคน ภูริไม่ได้ฟังแล้ว...มันมีคำด่าหยาบๆ อยู่ในนั้นปนกันไป ถึงไม่ใช่ภาษาไทยเขาก็รู้ แล้วเรื่องอะไรจะต้องฟังเยอะๆ เพื่อให้คำเหล่านั้นเข้ามาทำร้ายเขาด้วยอะ ก็คนมันไม่ชอบ...มันก็ด่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ไล่เขาออกก็พอแล้ว
มองนั่นมองนี่ไปสักพักภูริเหลือบไปเห็นแท่นวางประปากกาสีเงินรูปนกอินทรีย์ ตรงนั้นเป็นชั้นหนังสือล่ะมั้ง นั่นสำคัญน้อยกว่านก...โคตรสวยเลยอะ ถ้ามีประดับไว้ในบ้านเขาบ้างมันจะงดงามประล้ำประเหลือขนาดไหนน้า โต๊ะโทรมๆ กับนกอินทรีย์เงิน...โคตรเข้ากัน
“นี่คุณ!”
“นกสวยดีครับ” ภูริตกใจ หันมาพูดสิ่งที่อยู่ในหัวใส่คนที่คิ้วขมวดเป็นปม
“นกบ้าอะไรของคุณ นอกจากดื้อยาแล้วยังบ้าด้วยใช่ไหม แล้วที่ผมได้พูดไปเมื่อครู่นี้คุณได้ฟังหรือเปล่า...หรือคุณไม่ได้ฟังอะไรที่ผมพูดเลย” อ้าปากค้างน้ำลายจะไหลไหมนะ ไอ้ที่ว่าพูดอยู่เมื่อกี้พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้ฟังจริงๆ
“เอ่อ...”
“ว่าไง เมื่อกี้ผมพูดว่าไง” ประธานบริษัทหรือคุณครูอะเนี่ยถามจริง ภูริถอนหายใจเบาๆ
“ไม่ได้ฟังครับ มองนกอยู่...นกนั่นสวย” เขาชี้ไปที่แท่นวางปากกา
“แต่คุณนั่งอยู่กับผม คุยอยู่กับผม คุณต้องสนใจคู่สนทนาของคุณสิ ไม่ใช่มองนั่นมองนี่จนไม่ได้ฟังว่าคู่สนทนาของคุณเขากำลังพูดอะไรบ้าง ใจความสำคัญคืออะไรบ้าง แบบนี้มันเสียมารยาทมากๆ ถามจริง...เรียนจบมาได้ยังไง เอาตัวเข้าแลกเกรดมาใช่ไหม”
“ฟังแล้วก็มีแต่แบบนี้” ภูริเปรยเบาๆ แล้วก้มหน้ามองมือตัวเอง
“แบบนี้มันคืออะไร ไหนคุณพูดให้มันเคลียร์ๆ” อีกฝ่ายเริ่มมีน้ำโห ภูริไม่อยากเถียงกับคนอารมณ์ไม่ดี เพราะมันจะยิ่งต่อความยาวสาวความยืดมากกว่าจะได้อะไรที่มันมีประโยชน์
“เปล่าครับ”
“เปล่าได้ยังไง เมื่อกี้นี้คุณพูดว่าฟังแล้วแบบนี้...แบบนี้คือแบบไหน แบบที่ผมบ่นคุณ ว่าคุณหรือยังไง ก็ถ้าคุณตั้งใจฟังสิ่งที่ผมพูดตั้งแต่ทีแรก ผมจะต้องมาบ่นคุณไหมคุณภูริ คุณไม่ใช่เด็กอายุเจ็ดแปดขวบแล้วนะครับ คุณยี่สิบห้าแล้ว...คนอายุยี่สิบห้าเขาปฏิบัติตัวแบบคุณกันหรือยังไง หรือว่ามันเป็นมาตรฐานจของพวกชั้นต่ำแบบคุณ” ยาวเลยเป็นไง...ปากหนอปาก ไม่น่าเลย
อยากเถียงนะ...อยากเถียงมากว่ามันไม่เกี่ยวกับชั้นต่ำหรือไม่ชั้นต่ำหรอก คุณลงไปอยู่ชั้นล่างสุดของตึกคุณก็ชั้นต่ำ ไอ้คำว่าต่ำสูงแม่งควรเป็นคำที่เอาไว้เรียกชั้นต่างๆ ของพวกตึก อาคาร บ้านเรือนไหม? ไม่น่ามาใช้กับคนหรือเปล่า หรือว่าท่านประธานแม่งอยู่แต่ชั้นบนสุดของตึกนี้ตลอดก็เลยมองพวกอื่นว่าต่ำๆ แล้วว่าคนอื่นไม่ดูคำพูดตัวเองเลย...จริงที่อีธานใช้คำที่ดี ดูสุภาพแต่มันปนคำหยาบไง
สูดหายใจเข้าลึกๆ ทำให้เนียนให้ดูเหมือนไม่ได้กำลังสงบสติอารมณ์ตัวเองแต่อย่างใด เพราะคนประเภทนี้จะไม่ชอบมากหากใครมาทำพฤติกรรมเบื่อหน่ายในคำพูดของตัวเอง ไม่ว่าจะสูดหายใจลึก ถอนหายใจ ทิ้งขา หันหนี เห็นไม่ได้...เห็นแล้วจะเป็นบ้า
“แค่ที่คุณเป็นอยู่ผมก็รังเกียจอยู่แล้ว อย่ามาทำพฤติกรรมทรามๆ อย่างการไร้มารยาทต่อหน้าผมให้ผมรังเกียจคุณมากขึ้นไปอีก ไม่งั้นผมไม่เก็บคนแบบคุณเอาไว้ให้หนักบริษัทของผมหรอก คนอยากทำงานที่นี่เยอะแยะ...ไม่มีคุณคนเดียวบริษัทผมไม่เจ๊ง” บริษัทคุณไม่เจ๊งแต่ชีวิตกูนี่เจ๊งแน่ๆ
“ผมขอโทษครับ”
“ขอโทษอย่างเดียวมันไม่พอหรอก คุณต้องสำนึกแล้วนำคำของผมไปประยุกใช้ด้วย เกลียดจริงๆ...ต่ำแล้วคิดว่าสูงนักหรือไง” อีธานมองเหยียดภูริอีกหนก่อนจะหมุนเก้าอี้หันไปด้านข้าง ทำเป็นไม่อยากมองหน้าแต่ก็แอบมองอยู่โดยไม่ให้ร่างโปร่งรู้ตัว
“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับท่านประธาน” นอบน้อมเข้าไว้ไอ้ภูริ ชีวิตขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของอีกฝ่ายอย่างเดียวเลย เฮ้อ...เหนื่อยใจ
“เดี๋ยวจะมีหมอเข้ามตรวจ ไปนั่งตรงโซฟานู้นเลย”
“ครับ” พี่สั่งไปซ้าย ผมก็จะไปซ้าย พี่สั่งผมไปขวา ผมก็จะไปขวาครับพี่ครับ ภูริก็พยายามคิดนั่นนี่ที่มันผ่อนคลายเข้าไว้ คนแบบอีธานมีเยอะมาก...แล้วเขาก็เจอมาเยอะ ต้องใช้วิธีที่ว่า ดีครับพี่ ได้เลยครับท่าน อะไรพวกนี้แหละ
แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ภูริกำลังสำรวจห้องทำงานห้องนี้อยู่ มันเป็นห้องที่กว้างขวางมาก เบื้องหน้ามีทีวีจอยักษ์ใหญ่พอๆ กับผนังห้องโถงบ้านเขาเลยนะ ถ้าได้เปิดดูทีวีที่นี่ล่ะก็...แม่งต้องมันส์มากแน่นอน เอาหนังบู๊หรือหนังผีดี คือต้องเป็นอะไรที่ระทึกๆ หน่อย โซฟาก็นุ่ม เอาน้ำ เอาขนมมาวางไว้นะ โห...ชีวิตในฝัน
อยากมีกับเขามั้งเนอะ...
อีธานลอบมองลูกน้องหนึ่งในพันของตัวเอง ใบหน้าอีฝ่ายหล่อเหลา ได้ข่าวว่าก็มีอะไรกับสาวๆ ในออฟฟิตหลายคนด้วยความเต็มใจ อีธานไม่อยากนึกถึงตรงนั้น มันหงุดหงิด มันทำให้เขารู้สึกว่าโอเมก้าแม่งก็ทรามพอๆ กันไปหมดเลย ผลประเมินเจ้านี่ก็ไม่ดี...ยิ่งมาจากแผนกตัวเองแล้วยิ่งเลวร้าย ที่รอดมาหลายครั้งก็เพราะผลประเมินจากคนในแผนกอื่น อีธานแอบคิดนะ...ที่ผลประเมินจากแผนกอื่นดีนี่เพราะว่าภูริไปปรนเปรอเขาถึงเตียงนอนมาหรือเปล่า
ร่างใหญ่มองไปก็มีแต่ความคิดด้านลบไปด้วย...ด้านดีคงมีอย่างเดียว ภูริเป็นคนที่เขานอนด้วยแล้วโคตรแฮปปี้อะ เซ็กซ์กับอีกฝ่ายจะเรียกว่าดีที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ อีธานไม่อยากยอมรับกับตัวเองนัก เพราะเขาไม่ชอบโอเมก้า...รังเกียจชนชั้นนี้แล้วก็ต้องรังเกียจทั้งหมด ไม่ใช่เว้นไว้คนหนึ่ง...
แล้วคนนั้นก็ชื่อ...ภูริ
แล้วภูริก็เป็น...คู่แห่งโชคชะตา โชคชะตาบ้าบออะไรวะ ในเอกสารบอกเป็นเบต้าไง!
.
.
.
“ขออนุญาตครับ” ประตูถูกเปิดด้วยน้ำมือของผู้มาใหม่ อลันเป็นมือขวาของอีธาน ทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัวเมื่อครั้งก่อนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในลิฟต์ อีธานพยายามตั้งสติอยู่ช่วงเวลาหนึ่งเพื่อจะกดลิฟต์ให้เคลื่อนขึ้นไปยังชั้นบนสุด ชั้นนั้นเป็นชั้นทำงานของเขา เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกออลันก้เป็นคนเข้ามาช่วยเหลือทั้งคู่ที่สภาพดูแทบไม่ได้ ทั้งฟีโรโมนของโอเมก้าคนนี้ก็รุนแรงจนแม้แต่อลันที่กินยาต้านแล้วยังเกิดการตื่นตัวอลันเป็นคนจัดการพาทั้งท่านประธานและพนักงานฝ่ายขายคนนี้มาส่งที่คอนโดอีธาน สัญชาตญาณของอีธานได้บอกเจ้าของมันแล้วว่านี่คือคู่แห่งโชคชะตา แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคู่แห่งโชคชะตาคนนี้ อีธานสั่งให้อลันนำข้อมูลส่วนตัวที่มีในเอกสารสมัคงานของภูริมามอบให้แก่ตน ระหว่างนั้นภูริก็หลับไม่ได้สติอยู่ในห้องหับมิดชิดเพราะเวลาที่อีธานเห็นภูริ...ได้กลิ่นของภูริ...เขาจะมีความต้องการเกิดขึ้นอีกทั้งที่ใช้ยาต้านชนิดรุนแรงพอรู้ว่าภูริเป็นเบต้า เขาไม่อยากจะเชื่อในข้อมูลเพราะยังไงซะเบต้าก็ไม่มีทางเกิดการฮีตและปล่อยฟีโรโมนฟุ้งขนาดนี้ได้ มันดูตลกเกินไป...คู่แห่งโชคชะตาเ
ภูริอยากจะเกาหัวจนหนังหัวหลุดออกมาเพราะคำพูดคำจาของท่านประธาน แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวโดนหาว่าไม่มีมารยาทและทำตัวน่าเกลียดอีก แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านประธานต้องมาดุเขาแบบนั้นด้วยน่ะ เขาทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? ครั้นจะถามก็ไม่กล้าเช่นเดิม ท่าทางน่ากลัวแบบนั้นใครจะกล้าพูดอะไรเล่า นอกจาก...ครับขานรับไปแล้วก็ยังต้องนั่งตัวลีบ หางลู่หูตกไปอีกพักหนึ่งเพราะอีธานยังจ้องเขาไม่ไปได้ ทำอย่างกับจ้องมากๆ แล้วเขาจะหายไปจากตรงนี้ อันที่จริง ให้เขาไปทำงานซะมันก็จบเรื่องแล้วแท้ๆ ช่างเถอะ พออีธานเดินกลับไปนั่งโต๊ะ คงสบายใจที่ได้ใส่อารมณ์กับตนแล้วมั้ง ภูริก็หยิบเอาเอกสารมานั่งอ่านโอ้...ภูริเป็นคนขยัน!เปล่า กูไม่มีไรทำภูริคิดแล้วก้เถียงกับตัวเองขำๆ ระหว่างนั่งอ่านกฎการปฏิบัติตัวของโอเมก้าในที่ทำงานแห่งนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจจะอ่านมันหรอก เขาเป็นเบต้า ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์อันมากมายของเหล่าโอเมก้า ตอนนี้มันกลายร่างแล้วไง ต้องมาใส่ใจนิดหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ อ่านไปได้ราวครึ่งชั่วโมงเขาก็ไม่มีอะไรทำอีก นั่งพิงโซฟาตัวนุ่มนิ่มเอาไว้ แอร์เย็น...ท
หลังจากกินมื้อเช้ากับแม่และน้องสาวเรียบร้อยแล้ว ภูริก็เดินไปแอบกินยาต้านเงียบๆ พยายามปกปิดเรื่องที่เขาได้กลายเป็นโอเมก้าเต็มตัวแทนที่จะเบต้าธรรมดาๆ อย่างที่เคยเป็น ก็ลองนึกดูดิ ถ้าแม่กับน้องรู้ แม่กับน้องจะตกใจขนาดไหนอะ ลูกกับพี่ชายเป็นเบต้ามาตลอดนะเฮ้ย จู่ๆ มากลายพันธุ์ บ้าเถอะ ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ หรอก ขนาดตัวภูริเองที่มักเป็ฯคนคิดในแง่บวกมาตลอดยังอดนอยไม่ได้เลยเมื่อวานนี้แต่ที่ยิ่งกว่านอยอะ...แม่งคิดถึงบางคนม่ายยยย เราจะไม่ยอมรับว่าเราคิดถึงไอ้ประธานโหดนั่น มันน่าเศร้าเกินไป ผู้ชายคนนั้นบ้าๆ บวมๆ เดี๋ยวกอดเขา ฟัดเขาอย่างกับเขาเป็นคนรัก แต่แล้วก็ด่าเขาสาดเสียเทเสียอย่างกับเขาเป็นคุณโส เอาตรงๆ บางทีก็งงใจ ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับสิ่งที่ท่านประธานนั่นปฏิติบัติกับเขาเหมือนกัน“พี่ภูคะ มีใครมา...” ภูฟ้า น้องสาวแสนน่ารักน่าชังในสายตาภูริเดินเข้ามาสะกิดบอก อย่าเพิ่งว่าเขาเป็นโลลิค่อนนะเว้ย การที่อวยน้องตัวเองไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นพวกจิตไม่ปกติดีแบบนั้น“หืม?” ภูริรีบเก็บแผงยาเข้ากระเป๋าของตัวเอง แล้วดื่มตามเยอะๆ“พี่ออกไปดูไหม รถหรูเชีย
ปัง!กรี๊ด!!! ภูริถึงกับสาวแตกในใจเพราะจู่ๆ ก็มีใครบางคนมาตบโต๊ะเขาเสียงดังสนั่น เขาอยากเงยหน้าแล้วถามเหลือเกินว่า เจ็บไหม? เอ๊ะ...หรือเขาควรสนใจว่าโต๊ะทำงานของเขายังปลอดภัยอยู่กันล่ะ คำถามกวนประสาทในหัวหายไปทันทีเมื่อเขาเห็นว่าคนที่ตบโต๊ะนั้นเป็นใคร ร่างโปร่งรีบลุกขึ้นยืนกุมมือต่ำ ก็คนคนนี้เป็นหัวหน้าเขานี่หว่า“เมื่อวานคุณหายไปไหนมา” ตาบอดเหรอตอนท่านประธานลากเขาไปที่ลิฟต์น่ะ ภูริล่ะอยากจะตอบแบบนี้กลับไปจริงๆ ให้ตายเถอะ“ท่านประธานใช้งานครับ” พอบอกออกไปอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ใช้สายตาสำรวจร่างกายของเขาท่านที เห็นนะเว้ย สายตานั้นละลาบละล้วงมาก ถึงหัวหน้าจะหล่อ แต่ขอโทษ...อีธานหล่อกว่าและสายตาเร่าร้อนกว่าเยอะเดี๋ยวนะ เราเปรียบเทียบเพื่อ? หัวหน้าไม่ได้จะแดกเขาเสียหน่อย คิดอะไรบ้าบอจริงเชียว สมองนี่ก็น้า...ทำไมยังคงทำงานวนเวียนอยู่กับอีธานก็ไม่รู้ เพิ่งจะห่างกันได้ไม่นานนี่เองด้วยซ้ำ“นายเป็นนายบำเรอให้คุณอีธานล่ะสิ ที่บอกว่าเป็นเบต้านี่โกหกใช่ไหม เมื่อวานนี้กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งมาก มึงต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ” เกลียดสัญชาตญาณอั
พอเห็นว่าเขาไม่รู้ไม่ชี้อะไร พวกนั้นก็หัวเราะกันเบาๆ กระซิบกระซาบทำเหมือนว่าเสียงจากเครื่องคาราโอเกะมันจะดังกลบทั้งหมด ภูริไม่สนหรอก เขายังคงยิ้ม ดูพวกนี้ที่หลงระเริงในแผนการของตัวเองแล้วก็ตลกดี“ผมชงเหล้าให้นะครับ” ภูริอาศัยที่ว่าแก้วเหล้าของพวกหัวหน้าพร่องไปเกินครึ่งมาเป็นจังหวะในแผนการร้ายของตัวเองโชคดีเหลือเกินที่พวกนี้มองภูริเป็นเบ๊ ก็เลยเอาถังน้ำแข็ง เหล้าและโซดาวางไว้ข้างกายเขา ส่วนพกนั้นนั่งห่างออกไปจะได้สั่งให้ภูริงเหล้าให้ได้ เมื่อภูริอาสาบริการก็ไม่มีใครปฏิเสธ ส่งแก้วเหล้าทั้งห้าใบมาให้พวกนั้นกำลังรอเวลาภูริดื่มแก้วของตัวเองจนหมด เรียกว่าถ้าเร่งเวลาผ่านช่วงเหล้าไหลลงคอไปถึงยาออกฤทธิ์ได้คงทำกันไปแล้ว เมื่อภูริหันหลังชงเหล้า พวกเขาหันไปกระซิบด่าความโง่งมของภูริอีกด่าเข้าไปเถอะ เพราะอีกไม่นานก็คงด่าอะไรไม่ออก ภูริคิดอย่างชั่วร้ายในใจ เขาคิดว่าในแก้วเหล้าเขาคงไม่ใช่ยาพิษ แต่มันก็ต้องไม่ยาที่ดีที่เอาไว้บำรุงร่างกายเขาแน่ๆ เขาค่อยๆ เทเหล้าจากแก้วของตัวเองลงแก้วอีกห้าใบเบาๆ ก่อนชงเหล้าเนียนๆ“ขอบใจ นายชงเหล้าอร่อยนะภูริ” อัลฟ่าคนสนิทพิชัยเอ่
“โอย...ฮึก” แค่ขยับตัวนิดเดียวนะเนี่ย อะไรจะปวดระบมขนาดน้าน! หรือว่า...โดนท่านประธานกระทืบข้อหาปลุกปล้ำแกวะ? ไม่น่านะ ก็เพราะเมื่อวานอีธานดูจะพออกพอใจกับการจ้วงแทงร่างกายเขาเสียพรุนบนกายมีผ้าห่มผืนบางคลุมอยู่ มันมีสีขาวและเหมือนคนคลุมต้องการทำให้เขาเหมือนศพอะ เลยคลุมมันทั้งตัวยันปลายเท้า พอภูริพยายามลุกนั่งจนสำเร็จ เขาก็พบกับร่องรอยประหลาดที่คาดว่าน่าจะโดนตัวอะไรสักตัวขบกัด เอาเป็นว่าเขารู้ว่าตัวนั้นคือตัวอะไร จะไม่เรียกร้องเอาค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอีธานป้อนน้ำให้เขาจนอิ่มตื๊อไปหมดอีกอย่าง...เขาเริ่มเอง!ข้อเนี่ยแหละที่ทำให้ไม่สามารถปริปากเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ทั้งสิ้น ต่อให้บอบช้ำไปทั้งกายและปวดระบมไปทั้งร่างก็ตาม ภูริมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ปลายเท้าเขามีกางเกง ข้างๆ ที่นอนมีเสื้อและอันเดอร์แวร์ อยากร้องโอ้โหดังๆ ความกระจัดกระจายของเสื้อผ้านี้ไม่บ่งบอกถึงความดุเดือดเมื่อคืนเท่าไหร่เลยเนอะ แล้วนอกจากเสื้อผ้าตนเองที่ตกอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง ก็ยังมีเสื้อผ้าของอีธานปะปนไปด้วยภูริลุกขึ้นด้วยท่าทางเหมือนคนอายุเจ็ดสิบปลายๆ ที่ร่างกายหมดแล้วซึ่งเรี่ยว
อีธานกินของหวานเรียบร้อยก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำอาบท่า ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระจัดกระจายอยู่ให้ภูริเก็บกวาด อยากจะให้ถามสักคำว่าเก็บกวาดไหวไหม? เห่อๆ คนอย่างอีธานคงไม่มานั่งถามหรอกว่าไหวหรือเปล่า เป็นไงบ้างจ้ะคนดี บรื้ย...คิดก็ขนลุกแล้วอะภูริตั้งสติเล็กน้อย เสื้อไม่โดนถอดแต่กางเกงมันเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเอาออกไปอะเนาะ เขาคว้ากางเกงเดินเข้าห้องน้ำ ความไม่ใส่ถุงยางนี้ช่างเลอะเทอะเสียจริงเชียว ร่างโปร่งแอบเบะปากคนเดียว นี่ต้องมาจ้วงแทงก้นตัวเองอีกแล้วเหรอ ทำใจไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย รู้สึกกระดากอายอย่างกับสาวน้อยเพิ่งหัดช่วยตัวเองครั้งแรก ไม่ดิ เทียบเป็นฝันเปียกครั้งแรกอาจจะดูดีกว่าเอ๊ะ...หรือแม่มไม่มีอะไรดูดีเลย???ช่างมันเหอะ ภูริส่ายหัวให้กับความคิดเรื่อยๆ มาเรียงๆ ของตัวเอง รีบจัดการกับร่างกายแล้วออกมาทำความสะอาดบ้านโดยไม่ต้องให้เจ้าของบ้านออกมาด่าหรือต่อว่าเขาเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่เช็ดปัดกวาดครัวอยู่ อีธานอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วลงมาในชุดกางเกงขายาวผ้าร่มกับเสื้อกล้าม กลิ่นสบู่ที่เป็นยี่ห้อเดียวกัน ทว่าพออยู่บนร่างกายที่ต่างกันกลิ่นมันก็ดันต่างกันไปด้วย
เคยเข้าใจคำว่า...ความเงียบเป็นความกดดันที่หนักหนาที่สุดไหม? ภูริไม่ค่อยเข้าใจหรอกเพราะแม่เขาไม่เคยโกรธเขาแล้วเงียบใส่ มีแต่ด่า บ่น บ่น และบ่น ภูริชินกับการด่าและบ่นเป็นนิสัย ไม่ว่าจะไปที่ไหน เรียนหรือทำงานก็จะเจอคนพวกนี้ ส่วนคนที่เอาแต่เงียบเมื่อไม่พอใจเนี่ย...ภูริห่างไกลจากคนพวกนั้นมากทีเดียว จนมาเจอนี่แหละอยากบ่นอีธานมาก อยากบอกมากว่าแค่อีธานอยู่เฉยๆ ก็มีความกดดันมากอยู่แล้ว นี่ยังมีความไม่พอใจอะไรบางอย่างแผ่กระจายออกมาอีก ถ้าความกดดันในสายเลือดอัลฟ่ามันฆ่าคนได้ เขาคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะเหลือแต่เศษซากมากกว่าร่างเนื้ออย่างตอนนี้ด่าเขายังดีกว่าเงียบอีกอะ...ภูริหันหน้าเข้ากระจกหน้าตา มองเงาตัวเองในนั้น สายตาเศร้าและปากเบะๆ นี่น่าตลกเป็นบ้า เออ...เห็นหน้าตัวเองแล้วก็ขำได้ นี่เขายังสติดีอยู่ไหมนะ เอ หรือว่าที่อีธานเงียบก็เพราะว่าไม่พอใจที่เขาเข้าไปช่วยคนคนนั้นเหรอ? แล้วที่ไม่พูดนี่คือกลัวจะอารมณ์เสียใส่เขาหรือเปล่าบ้าไปแล้ว...ไอ้ภูมึงมันหลงตัวเอง เข้าใจว่าตัวมึงมันหล่อมาก หล่อจนอัลฟ่าสาวแทบจะสยบแทบอกเลย แต่นี่ไม่ใช่อัลฟ่าธรรมดานะ ไม่มีทางมาหลงเสน่ห์ของเขาห
บริษัทยายักษ์ใหญ่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เรื่องการบริหารจัดการกับเหล่าผู้คนที่แตกต่างด้านเพศสภาพ อีธานถูกยกย่องให้เป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงที่มีทัศนะคติดี มองการไกลและให้ความเท่าเทียมกับอัลฟ่า เบต้า หรือแม้กระทั่งชนชั้นที่ต่ำสุดอย่างโอเมก้า ชื่อของบริษัทถุกยกย่องให้เป็นบริษัทต้นแบบในการบริหารผู้คนที่แตกต่าง และจัดการกับการเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมในหน้าสัมภาษณ์ อีธานกล่าวว่า...ทุกชนชั้นล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ละคนมีความสามารถที่อาจจะด้อยกว่ากันบ้างในบางเรื่อง แต่มีเรื่องด้อยก็ต้องมีเรื่องเด่น เพราะงั้นจะแค่มุมด้อยของเขามาตัดสินมันทั้งชนชั้นไม่ได้ คุณต้องมองมันให้เป็นรายบุคคลและเข้าใจถึงธรรชาติของชนชั้นนั้นๆด้วยความเป็นอัลฟ่าระดับสูง รูปร่าง หน้าตาและฐานะ อีธานกลายเป็นที่จับตามองของสาวน้อยสาวใหญ่ ความสุขุมและเบดกายของเขากลบคำที่ว่าผู้บริหารบริษัทยามันต้องเนิร์ด สวมแว่นและดูแก่หงำเหงือกไปอย่างสิ้นเชิงหญิงสาวหรือแม้แต่ชายหนุ่มที่อ่านข่าวนล้วนจับตามองถึงเรื่องคู่ครอง อีธานกล่าวว่าตัวเขานั้นยังไม่มีใคร ยังไม่เจอคู่แท้ และยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ ตอนนี้
เรื่องราวระหว่างคนสองคนที่เกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาถึงจุดสุดท้าย...แรกเริ่มเดิมทีอีธานก็ไม่ได้ต้องการมีคู่แห่งโชคชะตาอยู่แล้ว การตัดสินใจมันเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาสั่งให้ทีมวิจัยค้นคว้าตัวยาเพื่อแก้คู่แท้ วันที่รู้ว่าตัวเองจะมีคู่ครอง...เขาไม่โอเคกับมันจริงๆ ที่ผ่านมาภูริแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเองไม่ได้แย่ถึงขนาดเป็นคู่ครองของใครไม่ได้ แต่อีธานก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองอยู่ดีอุดมการณ์เขามั่นคงพอๆ กับการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง อีธานไม่ได้รักภูริ เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนร่วมเตียง มีเซ็กซ์กัน ไปทำงานด้วยกัน กินข้าวเช้า กลางวันเย็นด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน การดูแลเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรามันเป็นเพียงไมตรีจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งเมื่อหนังผีเรื่องนั้นจบลง อีธานและภูริก้เดินออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป ภูริน่ะตื่นเต้นกับหนัง ดูก็รู้ว่าเขาแฮปปี้กับช่วงเวลาชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมามากแค่ไหน เขาไม่ค่อยได้มาดูหนังนี่นะ พอเจอหนังดีโดนใจก็เลยปลื้มปริ่ม แต่คนที่คิดว่าจะพามาตกใจเล่นกลับเอาแต่นั่งกอดเขานิ่ง ไม่สะดุ้งกับหนังเลยแม้แต่นิดเดียว...อีธานมองหน้าภูร
“วันนี้เงินเดือนออกหนิ” อีธานเอ่ยขึ้นขณะต่างคนต่างลงจากรถหลังการปรับเปลี่ยนกฎและโยกย้ายตำแหน่งพนักงานได้ไม่กี่วัน ภูริก็กลับมาทำงานทั้งที่ยังไม่หายดี เขามีรอยช้ำอยู่ตามตัวแต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร การนอนอยู่ห้องอีธานเฉยๆ คอยทำความสะอาด จัดนู้นจัดนี่แล้วก็ดูทีวีไปวันๆ มันก็ดี แต่เขาก็กลัวว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้เลยรีบกลับมาทำงานอีธานไม่พอใจใหญ่เลย ไม่พอใจที่เขาดื้อไม่ฟัง อีธานบอกให้เขารักษาตัวเองให้หายดีก่อน เขาไม่หายดีตรงไหน? ขึ้นโยกได้นี่ก็ถือว่าร่างกายแข็งแรงสุดๆ แล้ว เพราะงั้นคำบ่นอีธานจึงตกไปเมื่อภูริมีเป้าหมายที่ชัดเจนพอกลับมาทำงาน ด้วยไม่มีใครมาขัดขวางเหมือนเมื่อก่อน ภูริจึงออกงานนอกเยอะขึ้น เขาสามารถทำยอดได้เกินเป้าในทุกๆ การขาย ด้วยรอยยิ้ม ด้วยไมตรี เมื่อก่อนภูริขายของเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ได้โชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ขึ้นไปอีก ไม่แปลกเลยที่ผลการทำงานในเดือนนี้ของเขาจะดีเกิดคาดไปไกลอีธานยังแปลกใจเลยคิดดูเถอะ ไอ้กระจอกคนนี้ไม่กระจอกนะเว้ย เพื่อปากท้องทั้งสาม ของตัวเอง แม่และน้อง ทำให้ภูริเป็นคนขยัน อืม...เขาขยันเป็นเรื่องปกตินะ เมื่อก่อนก็ขยัน ตอนน
ภูริอุ่นอาหาร เทมันใส่จานแล้วก็เอามาเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ เป็นการปิดท้ายก่อนเดินมานั่งข้างๆ แล้วเริ่มทานมื้อเที่ยง ภูริไม่ได้ถาม ไม่ได้ชวนคุยอะไร ต่างคนต่างกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมดบอกความจริงให้หนึ่งอย่าง...ภูริไม่ได้มารยาทดีแต่โคตรหิว!คือเมื่อเช้ามันตื่นไมไหวก็เลยนอนลากยาวมานี่แหละเที่ยงวัน น้ำท่าก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย กินยาก่อนอาหาร ยาระงับฟีโรโมนแล้วถึงมาอุ่นข้าว ท้องเขาแม่งถือป้ายร้องประท้วงกันเย้วๆ ตอนที่กลิ่นอาหารแม่งลอยออกมาจากตู้อบ อารมณ์แบบ...กินเลยไม่รอร้อนได้ไหมวะ แต่จะให้กินอาหารเย็นๆ มันก็ไม่อร่อย ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีเขาต้องรออีกนิสสสสแล้วพอกำลังจะอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเที่ยงควบมื้อเช้าอีธานก็ดันโพล่มา ด้วยการเป็นคนดีโลกจดจำ ภูริก็เลยต้องบริการอุ่นและเสิร์ฟอาหารให้เจ้าของห้อง เคยได้ยินไหม อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ แค่อีธานไม่มีลูก ภูริเลยไม่ได้โชว์สกิวปั้นดินที่แสนจะห่วยแตกสมัยเรียนอาจารย์วิชาศิลปะนี่กุมขมับเลยนะ เพราะให้ทำอะไรก็เละเทะไม่มีชิ้นดี
เช้าวันนี้อีธานตื่นเร็วกว่าปกติ เขามีการประชุมใหญ่รออยู่ในช่วงเช้าเพราะหัวหน้าของหลายแผนกถูกจับ โดยเฉพาะหัวหน้าแผนกที่มีความสำคัญมากอย่างเซลล์ ซีอีโอบางคนก็หลุดออกจากตำแหน่งไปเตรียมตัวขึ้นศาลข้อหาฉ้อโกงเรียบร้อย เรียกว่าวันนี้งานอีธานค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เพราะงั้นจึงสายไม่ได้ร่างสูงค่อยๆ ลุกจากที่นอนเพื่อไม่ให้ภูริตื่น ที่จริงแล้วภูรินอนพื้นนั่นแหละ แต่อีธานอุ้มขึ้นมานอนด้วยกันตอนอีกฝ่ายหลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภูริบาดเจ็บอยู่ เขาอยากให้ภูรินอนอย่างสบายบ้างก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆไม่ได้ชอบการนอนกอดภูริเลยแม้แต่นิดเดียว!ก็นะ...นั่นเป็นข้ออ้างที่เขาพยายามยัดมันใส่หัวตัวเอง เพื่อปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริง ภูริทำให้อีธานได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมันก็ใช่ แต่ความตั้งใจเดิมของอีธานไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังไม่อยากมีคู่เป็นโอเมก้าอยู่ดีนี่มันอยู่คนละส่วนกับการดูถูกชนชั้นอื่น เป็นแค่ความต้องการส่วนตัวที่ฝังรากลึกมานานเป็นสิบปี ระยะเวลาเหล่านั้นมันพังครืนลงไม่ได้ง่ายนัก ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้โอเมก้าแต่กำเนิดก็ตามที“เหวย...วันนี้ตื่นก
ปลายกระบอกมือสีเงินแวววาวจรดลงที่ขมับของอัลฟ่าผู้คร่อมทับร่างภูริ อีธานโพล่มาถึงตรงนี้ได้โดยที่คนอื่นไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้พวกนี้รู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ก็ตอนที่เอาปืนจ่อหัวพวกเรียบร้อยพลังควบคุมคนตามธรรมที่อีธานมีนั้นเขาสามารถควบคุมมันได้ จะใช้มากใช้น้อยหรือไม่ใช้เลยเขาก็ทำได้ อย่างตอนเดินเข้ามาก็ไม่ใช้...ค่อยๆ ย่องประชิดเพื่อไม่ให้ใครไหวตัวทัน และตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะใช้ความสามารพิเศษทางสายเลือดของตัวเองกดดันพวกปลายแถวเหล่านี้ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบคอเอาไว้ อัลฟ่าชั้นล่างทั้งสี่ต่างไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้ว่าจะยังไม่เห็นปืนกระบอกงามในมือของอีธานด้วยซ้ำ ความหวาดกลัวที่เอ่อท้นขึ้นมานี่คงไม่ต่างอะไรกับการยืนเผชิญหน้าจ่าฝูงผู้แข่งแกร่งเท่าไหร่นัก“ลุกออกมา” อีธานเอาปลายกระบอกปืนดันหัวคนที่คร่อมภูริอยู่ มันค่อยๆ ขยับแล้วออกมาคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างโปร่งพอเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นอีธาน ภูริก้รีบลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ เข้งขาไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ทั้งยังขวัญหนีดีฟ่อจากการที่โดนจู่โจม นัยน์สีดำคู่นั้นเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ...ภูริดึงผ้าที่อุดปากตัวเองออกแล้ว
จนแล้วจนรอดอีธานก็ไม่ได้ให้นาฬิกากับภูริ ในเมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนไม่คิดอะไรเขาก็จะทำบ้าง พาไปเลี้ยงข้าว กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วก็แยกย้ายกันนอน ซึ่งก่อนนอนก็มักมีกิจกรรมที่เสื้อผ้าไม่เกี่ยวเกิดขึ้นมันเป็นแบบนั้นเสมอ...แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนที่ใครที่มันจากแผนที่อีธานขอให้วิชุตาช่วยเหลือ ในที่สุดก็มาถึงได้เสียที หลัจากปล่อยให้เหตุการณ์อันย่ำแย่ในออฟฟิตของเขาดำเนินต่อมาอีกหลายวัน เมื่อวานนี้เงินภูริออก อีธานได้ขอก๊อปปี้สลิปเงินเดือนมาจากอลันภูริมีโอทีแค่ห้าชั่วโมงทั้งที่ทำโอแม่งเกือบทุกวัน ค่าคอมพ์มีแต่น้อยกว่าที่คาด ก็คงไม่มีอะไรให้เถียงสำหรับค่าคอมพ์ ภูริเพิ่งออกงานนอกตอนเลยกลางเดือนมาแล้วและแค่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น โดยรวมภูริก็ได้เงินไม่มากอยู่ดีหลังเลิกงานอีธานมีนัดกับวิชุตาเพื่อดูของที่เธอได้รับจากการสั่งซื้อด่วนเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาให้ภูริไปรอที่ห้างสรรสินค้าใกล้ๆ เสร็จธุระแล้วถึงจะไปรับ ภูริเป็ฯคนง่าย...อะไรก็ได้จึงยอมไปไม่ใช่อะไร...มีหนี้ต้องเคลียร์ใบออเดอร์และของอยู่ตรงหน้าเขา ข้างซ้ายมีวิชุตาและข้างขวาเป็นอลัน พวกเขากำลังตรวจสอบนัมเบ
ออกมาจากบริษัทตอนเก้าโมงกว่า เจอลูกค้าตอนสิบโมงครึ่งจนตอนนี้เที่ยงสิบห้างานเพิ่งเสร็จ ภูริปิดการขายได้อย่างสวยงามและยอดขายรอบนร้ก็เป็นที่น่าภูมิใจสุดๆ นึกถึงคำพูดอีธานตอนแรกๆ ที่เจอกันขึ้นมาเลยแฮะ ที่หาว่าเขาเป็นคนไร้มารยาท ทำตัวแบบนี้เป็นเซลล์ไดยังไง หึหึ อยากให้มาเห็นผลงานเขาหน่อยจะได้ถอนคำพูดพวกนั้นทิ้งไป เขามีความเป็นนักขายนะเว้ย แต่แค่...เลือกปฏิบัติต่อคนอะนะในห้างสรรพสินค้าที่ลูกค้านัดมานั้นมาของกินเยอะแยะมากมาย เหมือนมีการจัดบูธขายอาหารไทยมากมาย เรียงกันเป็นตับ เห็นแล้วท้องร้องหนักมาก ร้องว่าจะกินจะกินจะกิน ติดอย่าง...ติดเงินภูริได้ค่าน้ำมันมาห้าร้อย เขาเติมทั้งห้าร้อยเลยเพราะว่าใบเสร็จนี่ต้องส่งกลับให้บริษัท เคยได้ยินมาว่ามันโกงค่าน้ำมันได้ อย่างเติมสามร้อยแล้วให้เขาออกใบเสร็จเป็นห้าร้อยแลกกับทิปเล็กๆ น้อยๆ แต่ภูริไม่เคยทำ แค่ได้ยินเขาเล่าๆ กัน ส่วนใบเซอร์นี่ก็โกงได้...แค่อันตรายหน่อยหากโดนจับได้ล่ะนะเรื่องโกงกินอะไรพวกนี้ตัดออกไปจากหัวภูริได้เลย สมองเขาคิดแค่จะหมุนเงินยังไงให้มันชนเดือนโดยไม่ต้องไปหยิบยืมใครเขา การเป็นหนี้มันเป็นลาภอันประเสริฐนะ ถ้า
คำว่าน้อยใจของภูริมีผลต่ออีธานมากกว่าที่ภูรินึกเอาไว้...พอกลับมาที่ห้องแล้วอีธานก็สั่งให้ภูริไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สบายๆ สักตัว เป็นชุดนอนปกติของตัวเองก็ได้แล้วมานอนที่เตียง หมอเพิ่งให้กินยาก็ต้องนอนพักผ่อน ซึ่งการที่อีธานให้นอนเตียงเนี่ยทำเอาภูริยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายไปเป็นนาที“ผีเข้าปะ?” คิดออกแค่นั้นอีธานทำเหมือนคำพูดของภูริมันไร้สาระเกินกว่าจะตอบ เดินหนีไปอาบน้ำอาบท่าปล่อยให้ภูริเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอน ออกมาก็เจอภูรินอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม หลับตาพริ้มดูมีความสุข น่าแปลก...เห็นภูริมีความสุขแล้วอีธกานก็พลอยมีความสุขไปด้วยอีธานขึ้นนอนข้างๆ ภูริ ต่างคนต่างนอนหลับไปทั้งที่มันเพิ่งจะเป็ฯเวลาเที่ยงวัน นอไปนอนมาภูริก็คว้าเอวอีธานมากอด ซุกแขนล่ำๆ นั้นแล้วหลับน้ำลายยืด คนรู้สึกตัวไวแอบลืมตามก่อนจะหลับไปโดยไม่ว่าหรือไล่ให้เอาหน้าออกไปจากแขนตนบ่ายอีธานทำอาหารให้ภูริกิน แต่ภูริอยากจะเอาอาหารเมื่อวานนี้ไปอุ่น ไม่มีคำอธิบายหรอก แล้วก็รู้ว่าอีธานไม่ยอมทำก็เลยเอาเข้าไมโครเวฟเอง เผอิญว่าเตาอบของอีธานนั้นเป็นเตาอบเครื่องใหญ่ ไม่ใช่ไ