แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา เป็นการเปลี่ยนแปลงที่โคตรยากจะทำใจยอมรับและมีผลต่อสภาพจิตใจประมาณหนึ่ง แต่ชีวิตต้องดำเนินโดยมีเงินเป็นปัจจัยหลัก เพราะงั้นภูริก็ต้องไปทำงาน...
หลังกินมื้อเช้ากับแม่และน้อง ภูริเดินเท้าออกมาขึ้นรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ส่วนน้องสาวเขานั่งวินมอเตอร์ไซก์ไปเรียน มันใกล้กว่าเลยไม่ต้องกลัวรถติด เขาดิ...อยากนั่งรถเมล์เหมือนกันเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ทว่ารถในเมืองกรุงแม่งติดยิ่งกว่าอะไรดี รถไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวร้ายนักถ้าไม่นับว่าคนช่วงเวลานี้โคตรจะเยอะเลยให้ตาย เข้าไปเบียดเสียดจนเกือบได้เมียมาหลายรอบและ
แน่นอนว่าก่อนเขาจะออกมาจากบ้าน เขาได้มีการกรอกยาเข้าปากไปเป็นที่เรียบร้อย มันจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตของเขาหลังจากนี้ ภูริไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนเป็นโอเมก้าของตัวเองจะส่งผลอย่างไรบ้างในอนาถคต เขาคิดไปหลายทางมาก แต่มันเป็นแค่การคิดไปก่อน ต้องเจอจริงๆ ถึงรู้ว่าจะจัดการอย่างไร
ลงรถไฟฟ้าแล้วเดินต่ออีกห้านาทีจะถึงบริษัท ก่อนจะเดินเข้าที่ทำงานขนาดใหญ่ ภูริแวะซื้อน้ำจากร้านริมทาง ใกล้ๆ กันจะเป็นร้านกาแฟยี่ห้อดัง ในนั้นคนเยอะมาก...เข้าแถวกันยาว คาดว่าคิวสุดท้ายในแถวน่าจะเข้างานทันในเวลาแปดโมงห้าสิบเก้านาที สลับมาทางนี้...ร้านข้างทางนี้กลับมีคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
“เอาเหมือนเดิมใช่ไหมจ้ะ” ป้าคนขายเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา ภูริเป็นลูกค้าประจำของเธอ เพราะนอกจากจะราคาถูกสบายกระเป๋าแล้วมันยังเข้มข้นถึงใจมากอีก
“ครับป้า” รอแค่ไม่นานกาแฟโบราณในถุงกระดาษก็ถูกส่งมาให้ ภูริจ่ายให้ป้าแม่ค้าสามสิบบาท...เป็นราคาของกาแฟที่จะอยู่กับภูริไปทั้งวัน
ร่างโปร่งเดินดูดกาแฟในถุงพลางทักทายเพื่อนร่วมงาน เขาเป็นที่รู้จักของคนในบริษัท ด้วยนิสัยเป็นคนง่ายๆ ติดซื่อ ยิ้มเก่ง เป็นมิตรของเขาทำให้สาวๆ ต่างก็ชื่นชอบ หรือแม้แต่พวกผู้ชายเบต้าและโอเมก้าก็ชอบเขา น่าแปลกที่เป็นอัลฟ่าเสียส่วนใหญ่ที่เกลียดขี้หน้าของภูริ
ภูริก็เคยสงสัยนะว่าทำไมพวกนั้นถึงไม่ชอบเขา แต่เขาก็ไม่เคยไปหาคำตอบของคำถามคาใจ ถือว่าเขาไม่ชอบเราก็ปล่อยเขาไป เราทำหน้าที่เราไปก็พอแล้ว ยื่นไมตรีให้เป็นมารยาท อีกฝ่ายรับไหมมันก็อีกเรื่อง ภูริไม่ค่อยสนใจคนที่เมินตนเอง หรือให้ค่ากับคนที่มองเขาเป็นอริ ก็ไม่รู้ว่าสนใจมากเกินไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา...ภูริไม่รู้เหตุผล จะให้เดินไปถามว่า เฮ้ย...ไมมึงไม่ชอบกูวะ แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง
“วันนี้ใส่น้ำหอมเหรอ...กลิ่นน่ากินจัง” อัลฟ่าสาวหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อเข้ามาทักทาย ระยะร่างของเธอแทบจะประชิดตัวเขาอยู่ ภูริส่งยิ้มหวานละไมให้กับเธอ
“ผมก็ใส่น้ำหอมกลิ่นเดิมนั่นแหละ กลิ่นที่พี่ปุ้ยบอกว่าชอบไง...” น้ำเสียงนุ่มทุ้มแฝงความเจ้าชู้นิดๆ ไม่ได้อ่อยไปทั่วนะ...แต่เธอคนนี้เป็นคนคุ้นเคย หรือจะพูดให้ถูกก็คือคนที่เคยนอนจับมือกันบนเตียง
ด้วยสังคมที่ไม่ได้คัดแยกคนจากหน้าตาหรือฐานะทางการเงินเท่านั้น มีการคัดแยกเข้าไปยังส่วนของเพศที่สองอีก ทำให้เหล่าอัลฟ่าผู้หยิ่งยโสเลือกคู่ครองที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกัน พวกเขามองเบต้าและโอเมก้าเป็นชั้นต่ำกว่า เบต้าเปรียบเหมือนแรงงาน กรรมกรทำงานหนัก ส่วนโอเมก้าก็กลายเป็นที่บำเรอของคนชั้นสูง ดังนั้น...เหล่าอัลฟ่ามักจะถูกกำหนดให้คู่กับอัลฟ่าด้วยกันเองตั้งแต่ตอนตรวจเพศที่สองแล้ว
การกำหนดคู่โดยคนไม่ใช่โชคชะตานั้นเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดในทุกๆ ชนชั้น และที่โดนหลักก็เป็นอัลฟ่านั่นเอง พวกนี้มักจะมีพฤติกรรมเสพเซ็กส์อย่างอิสระ...คล้ายระบายความเครียด คู่ครองไม่ต้องหา ไม่ต้องศึกษาดูใจอะไรกับใครทั้งนั้น ถึงเวลาก็ต้องแต่งงาน แค่นั้นเอง เบต้ากลายเป็นตัวเลือก...เป็นของเล่นของอัลฟ่า ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพราะแม้แต่อัลฟ่า...ก็ยังเหยียดอัลฟ่าด้วยกันเอง
ภูริ...เป็นหนึ่งในเบต้าตัวเลือกของที่นี่
ด้วยปัจจัยที่เขาเป็นมิตรกับทุกคน นิสัยดี ชอบช่วยเหลือและมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ภูริเป็นคนง่ายๆ ซื่อๆ ไม่เรื่องเยอะ ชวนไปสนุกด้วยกันก็ไป ไม่ผูกมัดยังไงก็ได้ ในขณะที่อัลฟ่ามีหน้ามีตาในบริษัทมักผยองใส่กัน คิดว่าตัวเองดีเด่กว่าระดับอื่นๆ ไม่ได้รู้เลยว่า การที่มีอีโก้สูงเสียดฟ้าขนาดนั้นเนี่ย มันเป็นที่เอือมระอามากกว่าน่าสรรเสริญ
“น่ารักที่สุด แบบนี้...พี่อยากให้รางวัลเลยล่ะ ถ้าภูริของพี่ว่างน่ะนะ” พวกเขาแค่ส่งสายตา หว่านคำหวานไม่ถึงเนื้อถึงตัวแต่เข้าใจได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
“ผมอยากว่างเลย งั้นตอนเย็น...ผมทักไปนะ”
“จ้ะ” หญิงสาวแตะไหล่ภูรินิดหน่อย เธอก้าวยาวๆ และนำหน้าเขาไป
ภูริเดินช้า เป็นคนเดินด้วยจังหวะที่ไม่เร่งรีบอะไรกับชีวิต นี่เป็นช่วงเวลาก่อนเข้างานเขาอยากจะสบายๆ บ้าง เพราะถ้าเข้างานเมื่อไหร่เขาจะโดนหัวหน้าใช้ทำนั่นทำนี่เยอะมาก ต้องรีบหยิบนั่น จัดนี่ เดินไปตรงนั้น เอาของมาตรงนี้ เป็นแบบนั้นทุกวัน ทั้งที่งานฝ่ายขายมันไม่ได้ใช้แรงอะไรเยอะ...แต่ภูริล้าทุกวันเลย
ขึ้นมาถึงแผนกของตัวเอง ซึ่งในชั้นนี้จะมีสองแผนก แบ่งฝั่งซ้ายและขวา ฝ่ายขายจะอยู่ฝั่งซ้ายและขวาเป็นฝ่ายจัดซื้อ หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อเป็นผู้หญิงที่ทักทายเขา ส่วนหัวหน้าฝ่ายขายนั้นเป็นผู้ชาย และไม่ชอบขี้หน้าของเขาเลย
บางทีภูริก็เรียกผู้จัดการตัวเองว่า...เจ้ากรรมนายเวร
ภูริกล่าวทักทายเพื่อนร่วมงาน ทั้งหญิงและชาย ทั้งชอบหน้าเขาและไม่ชอบหน้าเขา โต๊ะของเพื่อนร่วมงานแทบทุกคนจะมีแก้วกาแกฟาของร้านดังข้างล่างบริษัทตั้งอยู่ ข้าวของเครื่องประดับกายเองก็หรูหรา ผู้หญิงอวดกระเป๋า ผู้ชายอวดนาฬิกา แถมเดี๋ยวนี้ชอบมีมุกยืมเพื่อนมาเปล่าเนี่ย เล่นกันในบริษัทด้วย ภูริอาจจะเป็นเพียงไม่กี่คนในที่นี้ที่กินกาแฟถุงละสามสิบ พกมาม่าเป็นมื้อกลางวันและใช้เพียงเป้แบรนด์รองเท้ายี่ห้อหนึ่งซึ่งธรรมดามาก
เขาก็อยากจะมีของพวกนั้นเอาไว้อวดคนอื่นๆ เหมือนที่ทุกคนทำ อยากจะซื้อมือถือใหม่ทุกครั้งที่มีรุ่นใหม่ออก อยากได้นาฬิกาหรูๆ เรือนละเหยียบหมื่น อยากจะเข้าฟิตเน็สที่มีค่าสมาชิกแพงๆ อยากจะกินมื้อเที่ยงในร้านอาหารดีๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ภูริไม่อยากทำตามคือกาแฟ...นั่นมันแพงเกินไป
กาแฟ...เป็นสิ่งเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับของอื่นๆ ที่กล่าวมา แต่กาแฟเป็นตัวที่ทำให้ภูริคิดได้ว่า...เขาไม่เห็นต้องทำตามเพื่ออวดใครเลย เพราะคำว่า ‘แพงเกินไป’ ภูริกินกาแฟถุงละสามสิบบาท รสชาติเข้มข้น อยู่ทน ตาสว่างไม่ต่างอะไรกับกาแฟแก้วละร้อยห้าสิบ มันอาจผิดกันที่วัตถุดิบและแบรนด์ แต่การใช้สอยเหมือนกันเลยนะ...นาฬิกาที่เขาใส่เรือนละสี่ร้อยเก้าสิบ มันก็บอกเวลาได้ กันน้ำได้ และอยู่ได้เป็นปีๆ เหมือนกับเรือนละหลายหมื่น กระเป๋าของเขาใบละเก้าร้อยกว่า...มันก็ใส่ของได้และอาจใส่ได้มากกว่าพวกนั้นที่ใช้ใบละเกือบหมื่น
เอาจริงๆ...ความจริงไม่เฟกคือ...
เขาไม่มีเงิน!
ไหนจะค่าเทอม ค่ารักษาพยาบาลแม่กับน้อง ภาระที่เขาต้องแบกรับเอาไว้นี่แหละที่ทำให้ภูริกลายเป็นคนประหยัด อะไรละได้ก็ละทิ้งมันซะ ขืนใช้ชีวิตตามคนอื่นเขาต้องแกลบมากแน่ๆ เลย ดีไม่ดีนะน้องเขาก็จะไม่มีเงินไปเรียน ไม่มีค่าเทอม ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ทุกบาทุกสตางค์ของเขาก็เลยมีไว้เพื่อครอบครัวอย่างเดียว
“คุณภูริ” ร่างโปร่งเพิ่งจะวางกาแฟถุงลงบนโต๊ะทำงาน ข้าวของที่เหลือทิ้งเอาไว้จากวันก่อนนั้นยังคงค้างคาอยู่ที่เดิม อาจมีปากกาหรือลิขวิดเปลี่ยนที่บ้างก็พอเข้าใจได้ คงมีใครสักคนมาแอบใช้ของเขานั่นแหละ
“ครับหัวหน้า” เขารีบยืนในท่าทางสุภาพ ยืนกุมมือต่ำมองใบหน้าเต็มด้วยความไม่พอใจของหัวหน้า คุณพิชัยมีเพศที่สองเป็นอัลฟ่า ก็นะ...ส่วนใหญ่หัวหน้าเป็นอัลฟ่ากันหมดนั่นแหละ ไม่รู้วัดจากความสามารถหรือเพศที่สอง เขาอายุสามสิบปลายๆ แก่กว่าภูริเกือบสิบปี
“เมื่อวานนี้คุณหายไปไหนมา ผมสั่งให้คุณไปเอาเอกสารในแล็บ...แล้วทำไมไม่เอามาให้ผม!” น้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้นั้นดุดัน แต่ภูริเจอคนที่ดุดันกว่ามาแล้วเขาก็เลยไม่รู้สึกกลัวพิชัยมากมายนัก
แต่ว่า...เขาควรบอกสาเหตุที่หายไปว่ายังไง?
“ผมถามคุณได้ยินไหมเนี่ย” โอย ยืนห่างกันแค่ไม่ถึงเมตรเองเถอะ มันก็ต้องได้ยินไหม เขาไม่ได้พิกกลพิการด้านการฟังนะเว้ย แค่...คิดไม่ออกว่าจะบอกว่าไงเนี่ย
“คือ...ผมได้ยินครับ”
“ได้ยินก็ตอบผมมาสิว่าคุณหายไปไหนมา ผมให้คุณเอาเอกสารในแล็บ มันอยู่ในบริษัทเราแค่นี้เอง...แล้วมันต้องไปเป็นวันไหมหืม นี่คุณรู้บ้างไหมว่าการที่คุณหายไปเนี่ยมันสร้างความเดือดร้อนให้แผนกเราแค่ไหน ใบเสนอราคาที่คุณต้องส่งให้ลูกค้าสามรายคุณก็ยังไม่ได้ส่ง เอกสารบนโต๊ะก็ไม่กลับมาเคลียร์ นี่ที่ทำงานนะคุณ ไม่ใช่สนามเด็กเล่น จะเข้าจะออกตอนไหนก็ได้เหรอไงฮะ!” โอ้โห....บ่นเป็นแม่กูเลย ภูริเผลอถอนหายใจกับความเกี้ยวกราดของหัวหน้า
“นี่คุณถอนหายใจใส่ผมเหรอคุณภูริ!” เอา เอาเข้าไป...
“ขอโทษครับ”
“เห็นสนิทกับหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อ สงสัยจะคิดว่าทำตัวยังไงก็ได้มั้งครับหัวหน้า...” นิรันดร์เป็นมือขวาของพิชัย เพศสองคืออัลฟ่า...เข้ากันดีกับหน้าเป็นปีเป็นขลุ่ยเรื่องการหาเรื่องภูริ
“นั่นสิ หึ…เหิมเกริมใหญ่งั้นสิ ถ้าคิดว่าตัวเองต้องสบายขนาดนั้นทำไมไม่ออกจากงานไปเกาะหัวหน้าแผนกนั้นเลยล่ะ” พิชัยว่าแดกดัน แล้วภูริก็ไม่รู้จะเถียงกับคนพาลพวกนี้ยังไงดี มันดูเริ่มห่างไกลจากการบ่นเพราะงานไปพอสมควร
เขาจะสนิทกับใคร...จะนอนกับใคร มันไม่ได้เกี่ยวกับคนพวกนี้เลยนี่ มันเป็นเรื่องระหว่างเขากับหญิงสาวเว้ย แล้วหัวหน้าแผนกนั้นเขาก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรกับส่วนนี้ คนที่คิดว่าเกาะหัวหน้าคนหนึ่งได้แล้วจะกร่างเนี่ยคงไร้จิตสำนึกน่าดู
“พูดอะไรให้เกียรติฉันบ้างนะคะคุณพิชัย” คุณปุ้ย หัวหน้าแผนกฝ่ายจัดซื้อเดินเข้ามาสมทบอีกคน เธออยู่ห่างก็จริง แต่เสียงตวาดของพิชัยดังพอจะทำให้เธอได้ยิน
“ผมกำลังดุลูกน้องของผม มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนะคุณปุ้ย”
“แต่คุณพูดถึงดิฉัน มันก็ต้องเกี่ยวกับดิฉันไหมคะ แล้วการที่ภูริหายไป...อาจจะเพราะเขาไม่สบายก็ได้” คุณปุ้ยเข้าข้างผู้ชายที่เธอเคยนอนจับมือ
“ไม่สบาย? จู่ๆ ก็ไม่สบายจนหายไป...เหอะ ผมว่าที่เป็นไปได้มากที่สุดคงเป็นมันไปนอนกับคุณจนกลับมาทำงานไม่ได้มากกว่า”
“คุณพิชัย!!!” คำพูดถากถางจากฝ่ายชายทำให้อัลฟ่าสาวโกรธ เธอตวาดเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังลั่นชั้น ทุกสายตาจึงยิ่งโฟกัสมาที่นี่มากขึ้น บ้างก็เข้าข้างภูริ...ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่มีอคติกับเขา จึงเห็นว่าเขาเป็นพนักงานที่ทำงานดีมากคนหนึ่ง ผู้ชายหลายคนก็ชอบที่ภูริเป็นกันเองทั้งยังคอยช่วยงานเท่าที่ช่วยได้อีก
แต่มีคนเข้าข้าง...ก็มีคนสมน้ำหน้าเหมือนกัน
“จี้ใจดำเหรอคุณ” พิชัยลอยหน้าลอยตา ไม่สนใจอาการโกรธของหญิงสาวตรงหน้า เพราะเธอคงทำอะไรเขาไม่ได้มากนัก
“ฉันกับภูริเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และเราก็ไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างว่ากัน คุณให้เขาไปเอาของที่แล็บ คุณก็รู้ว่าที่แล็บมีปัญหาเมื่อวานนี้ ดีไม่ดี ภูริคงจะโดนสารเคมีที่รั่วไหลนั่นเข้าก็เลยป่วยจนมาทำงานไม่ได้ หัวหน้าที่ไม่เคยเข้าใจลูกน้องอย่างคุณนี่มาเป็นหัวหน้าได้ยังไง...อ๋อ เพราะคุณเป็นญาติกับซีอีโอสินะ พวกใหญ่แต่ไร้ความสามารถ!” ปุ้ยโต้เถียงกลับเสียงดังและเจ็บแสบ พิชัยกำหมัดแน่น...เรื่องที่ลับหลังมีคนว่าเขาใช่ว่าเขาไม่รู้ หาว่าเขาไร้ความสามารถ ใช้เส้นเข้ามาทำงานกระฉ่อนบริษัทพอๆ กับที่คนพูดถึงการทำงานอย่างไร้ที่ติของภูรินั่นแหละ
ผู้ชายมักเป็นประเภทฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ แล้วการที่มีคนเอาเรื่องนี้ไปพูด เอาพิชัยและภูริมาเปรียบเทียบนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้พิชัยหงุดหงิดมากที่สุด เขาเกลียดมัน...มันที่เป็นแค่เบต้าแต่เสือกมีผลงานดีเกินหน้าเกินตา บางคนว่าเขามันทำงานแย่กว่าลูกน้อง บ้างก็ว่าการเป็นอัลฟ่าของเขามันเปล่าประโยชน์ คนที่ควรเป็นอัลฟ่าและหัวหน้าน่าจะเป็นภูริมากกว่า
“คุณจะมากล่าวหาผมแบบนี้ไม่ได้นะคุณปุ้ย!”
“แล้วใครที่มันกล่าหาฉันก่อนคะ!” หัวหน้าทั้งสองแผนกต่างตะคอกใส่กันแบบไม่ยอมลงให้กัน
ภูริอยากจะเกาหัวกับความน่าปวดหัวนี้ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวหน้ามาตวาดหรือต่อว่าเขา ต่อให้เขาทำดีแค่ไหน ทำงานไม่เคยพลาดหัวหน้าก็หาเรื่องด่าเขาได้อยู่ดี ด่าแม้กระทั่งฟาแกที่เขาชอบดื่ม จะว่าชินกับสิ่งที่พิชัยเป็นมันก็ได้แหละ...แต่เหตุการณ์ที่หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อเข้ามาต่อปากต่อคำจนเป็นเรื่องราวขนาดนี้นี่คือครั้งแรก และเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
“เสียงดังอะไรกัน” เสียงทุ้มทรงอำนาจเสียงใหม่ดังขึ้นห่างจากลิฟต์ชั้นสิบแปดแค่ไม่มาก
ทว่า...อำนาจที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์เอาไว้นั้นทำให้เสียงนี้ทรงพลังกว่าเหล่าอัลฟ่าในชั้นนี้รวมกัน ‘อีธาน’ เป็นประธานบริหารคนใหม่ที่เข้ามารับหน้าที่นี้ต่อจากพ่อ ซึ่งพ่อของเขาขอวางมือกลับไปอยู่ประเทศบ้านเกิดกับแม่ของเขา ดวงตาสีฟ้ากระจ่างแต่คมกริบกวาดมองทุกคน
การปรากฏตัวของคนที่ไม่คาดหมายทำให้ทั้งชั้นเกิดความเงียบ ถ้ามีเข็มตกตอนนี้ เสียงเข็มกระทบพื้นนั้นก็คงจะดังกังวานทั่วทั้งชั้น ภูริอยากจะอุทานดังๆ ว่าโอ้โห....แต่เขาไม่ได้ทำ ขืนทำสิ มันจะเป็นการเสียมารยาทมากๆ ผู้หลักผู้ใหญ่เขากำลังตีกันอยู่ ผู้น้อยต้องอยู่ยืนมองและคอยให้กำลังใจ
อีธานสาวเท้าเข้ามาในวงสนทนาขนาดย่อม ราวกับนี่เป็นการประชุมการทำงานของทั้งสองแผนกซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย หัวหน้าทั้งสองจากที่ฉุนเฉียวพร้อมตีกันเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นสงบเสงี่ยม ภูริแอบชื่นชมพลังของท่านประธาน เปลี่ยนจากหมาบ้าเป็นหมาบ้านได้ภายในเวลาเสี้ยววินาทีจริงๆ
“ผมถามว่าเสียงดังอะไรกัน” เมื่อเข้ามาใกล้พอ อีธานยิงคำถามที่ไม่ได้คำตอบเมื่อครู่นี้อีกครั้ง
หัวหน้าภูริตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับภูริก่อนหน้านี้เด๊ะ โคตรอยากหัวเราะอัดหน้า เป็นไงล่ะ เข้าใจความรู้สึกของผู้น้อยบ้างหรือยัง ตวาดๆ อยู่ได้ คนกำลังคิดคำตอบก็ยังจะมาเร่ง เร่งไม่พอมาด่ากันอีก ภูริเชียร์ให้อีธานด่าหัวหน้าเขาแบบที่หัวหน้าเขาด่ามาก เชื่อว่าพิชัยกำลังครุ่นคิดหาคำตอบให้ท่านประธานอย่างเคร่งเครียดแน่นอน
“ไม่มีใครตอบผมได้เหรอ ว่าไง...คุณภูริ” อ่าว ไมไม่ถามคุณพิชัยอะ คุณพิชัยเป็นหัวหน้านะ เป็นคนส่งเสียงดังด้วยไม่ใช่เขาเลย!
“คือ...”
“พูดกับผมก็มองหน้าผม” อัลฟ่าสองหน่อนั่นยังไม่กล้ามองหน้าเลย เขาเป็นใคร...เขาเนี่ยนะจะกล้า
แต่ถ้าไม่มอง...ปัญหาอาจตามมา
“ครับ” ภูริตัดสินใจเงย สบสายตาคมกล้าสีฟ้าอ่อนนั้น...โคตรสวย
เพียงตาสบตา ยาที่กินเอาไว้เพื่อต้านสัญชาตญาณพลันหมดประสิทธิภาพลงอย่างน่าประหลาด ใบหน้าของภูริเริ่มเห่อร้อนและมีเลือดวิ่งพล่านขึ้นมา ในหัวมันไม่มีแล้วความกลัวท่านประธานอะ มันมีแต่เฮ้ย...เฮ้ยๆ ไม่นะเฮ้ย เพราะเขารู้ว่าอาการฮีตกำลังเริ่มขึ้นในตัวของเขา
และเมื่อโอเมก้าฮีต...ฟีโรโมนก็กำจายไปทั่วทิศทาง
สายตาของผู้คนจากที่เคยโฟกัสไปยังปลายเท้าตัวเองเริ่มเหลือบมองซ้ายขวาเพื่อหาต้นตอของฟีโรโมน พิชัยและปุ้ยมองที่ภูริ ด้วยความอยู่ใกล้ก็เลยได้กลิ่นที่ชัดเจนกว่า มันไม่เพียงออกมาจากภูริเท่านั้น...แต่กลิ่นอันยั่วเย้าอีกกลิ่นก็ลอยเข้าจมูกของพวกเขา
นั่นคืออีธาน...
“ภูริ...นายเป็นโอเมก้า” มีใครคนหนึ่งเปรยขึ้นมาด้วยความตกใจ ทุกคนรู้ดีว่าภูริเป็นเบต้า เขาทำงานที่นี่มาหลายปีและไม่เคยมีอาการฮีตใดๆ เกิดขึ้น ในกระเป๋าเป้สะพายหลังนั่นก็ไม่มียาระงับอาการฮีต
ราวกับทุกคนหิวกระหายอะไรบางอย่าง...ภูริขนลุกวูบวาบเพราะพวกนั้นจ้องเขา เฮ้ เขาเป็นคนนะไม่ใช่ของกิน อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นสิ เจ้าตัวกวาดตามองผู้คนรอบด้าน เงยหน้ามาอีกทีอีธานก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว และสีหน้าที่ภูริได้เห็นก็สีหน้าเดียวกับในลิฟต์วันนั้น
พออยู่ใกล้กันขนาดนี้ อาการฮีตที่เกิดขึ้นก็รุนแรงหนักข้อเข้าไปอีก...สีหน้าภูริยั่วยวนชายร่างใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว มือของเขากำลังเอื้อมไปแตะมือขาวกระจ่างของอีกฝ่าย อีธานไม่ได้ชักมือกลับ...ปล่อยให้ภูริเอานิ้วมาเกี่ยวนิ้วตัวเองเอาไว้
ราวกับฟีโรโมนของผู้ชายคนนี้สะกดอัลฟ่าอย่างเขาได้อยู่หมัด...
“ผมสั่งให้คุณกินยา!” อีธานตวาดเสียงต่ำ เขาดึงนิ้วออกเปลี่ยนเป็นจับข้อมือของภูริแทน
ร่างโปร่งโดนลากไปยังลิฟต์อีกครั้ง...ลิฟต์อีกแล้วเหรอ ไม่เอาในลิฟต์ได้เปล่าอะ มันแข็ง...ไม่ๆ มันต้องไม่ใช่แบบนั้น เราต้องไม่มีอะไรกันดิ แค่กินยาแล้วมันก็จะดีขึ้นไม่ใช่เหรอ ภูริพยายามสั่งให้ตัวเองห้ามอาการอยาก ทว่ามันยากมาก...อยู่กันสองคนแบบนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เขานึกถึงวันก่อน...นึกถึงกิจกรรมเข้าจังหวะอันดุเด็ดเผ็ดมันนั้น และอยากให้มันเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้
“ทำไมลิฟต์ช้าวะ!”
“ทนไม่ไหวก็ทำก่อนสิครับ” ไม่!!! ไอ้ภู...มึงต้องไม่พูดแบบนั้น! พูดออกไปแล้วจิตวิญญาณก็ร่ำร้องว่าสิ่งที่ได้พูดออกไปนั้นมันไม่ถูกไม่ควร เขาไม่น่าไปเปิดทางยั่วยุท่านประธานอะ ควรจะบอกให้ท่านประธานปล่อยเขาไปกินยาเสียมากกว่า
อีธานมองมาที่เขา...สายตาเร่าร้อนแผดเผาเสื้อผ้าจนหายไปในพริบตาเดียว อย่างกับเปลือยกายอยู่ด้วยกัน และร่างกายก็เป็นแม่เหล็กคนละขั้ว...เป็นแม่เหล็กไฟฟ้าด้วยนะ ไฟแรงสูงเชียวแหละ
แต่อีธานก็ทน!
ไม่ถึงสองนาทีแต่นานหลายชั่วอึดใจ กลืนน้ำลายลงคอกันรอบแล้วรอบเล่าจนจะอิ่มน้ำลายกันอยู่แล้ว ในที่สุดก็มาถึงชั้นบนสุดของบริษัท ลิฟต์เปิดปุ้บ ท่านประธานก็ลากเขาลิ่วๆ ไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกล เลขาหน้าห้องลุกขึ้นยืนเตรียมจะทำความเคารพ ทว่า...พวกเขาเร่งรีบกันเกินจะสนใจ
“อื้อ...” ประตูห้องทำงานปิดลง พร้อมกับปากสีนู้ดสุขภาพดีของภูริโดนประกบปิด เขากำลังโดนอีกฝ่ายจู่โจมด้วยความรวดเร็ว
อีธานพยายามจะเปลื้องผ้าราคาถูกของภูริ เช่นเดียวกับที่ภูริจับเสื้อสูทราคาแพงของอีธานปาทิ้งลงพื้น การต้องยืนอดทนรอไม่ทำอะไรกันในลิฟต์หลายนาทีนั้น ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครอยากรออีกต่อไปแล้ว เสื้อผ้าหล่นเรี่ยราดตามลายทาง อย่างกับสองพี่น้องฮัลเซลกับเกรเทลทิ้งเศษหินเอาไว้เพื่อกลับบ้าน
เมื่อร่างโปร่งของภูริโดนจับวางบนโต๊ะทำงานทำจากไม้เนื้อดี เขาก็ไม่เหลือเสื้อผ้าติดกายเอาไว้ซักชิ้นเดียว อีกทั้งตอนนี้...อีธานก็กำลังเข้ามาในตัวของเขา มันควรเป็นเรื่องที่ผู้ชายซึ่งกินแต่ผู้หญิงมาตลอดรับไม่ได้ ทว่า...ภูริรู้สึกดีมาก...รู้สึกดีที่เป็นอีธาน...รู้สึกดีที่เป็นคนคนนี้จริงๆ
สองมือของภูริประกบเข้าที่แก้มทั้งสองของอีกธาน จากนั้น...เขาก็แนบปากตัวเองลงไปด้วยความเคลิบเคลิ้มอย่างที่สุด
.
.
.
เขาเกลียดโอเมก้า!ครั้งแรกที่อีธานรู้จักกับโอเมก้าคือตอนอายุสิบสาม ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้พาเขาไปเที่ยวที่ที่หนึ่ง ที่นั่นเขาบอกว่ามันเป็นสวรรค์ของเหล่าอัลฟ่าชั้นสูงเลยก็ว่าได้ อีธานเป็นเด็กวัยรุ่นที่อยากรู้อยากเห็น อยากลองไปหมดทุกสิ่งอย่างเขาถูกเลี้ยงมาท่ามกลางวงล้อมของอัลฟ่า แม่บ้านทุกคน คนใช้ทุกคนเป็นอัลฟ่าหมด โรงเรียนที่เขาเรียนก็เป็นโรงเรียนเฉพาะที่รับแต่พวกตระกูลดังๆ อัลฟ่าเลือดเข้มข้นเท่านั้นจึงจะสามารถเรียนที่นี่ได้ เป็นสังคมชั้นสูง...ที่สูงจนคนธรรมดาไม่อาจเข้าใจดังนั้นอีธานไม่เคยเจอโอเมก้าตัวเป็นๆ มาก่อน ไอ้แค่ออกข่าว ออกทีวี หนังละครอะไรพวกนี้มันค่อนข้างห่างตัวเขาพอสมควร เมื่อลูกพี่ลูกน้องพาไปเขาเลยคาดหวังที่จะเห็นอะไรที่สวยงาม เวลาเขาเห็นโอเมก้าในทีวี พวกนี้จะมีเสน่ห์มาก ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตามทว่าสิ่งที่อีธานได้เจอ...มันผิดกับที่เขาคาดหวัง“นี่แหละตัวตนของโอเมก้า” พี่คนนั้นผายมือให้อีธานได้เห็น ตอนนั้นอยู่ชั้นสอง...มองไปข้างล่างเจอแต่โอเมก้ากำลังปรนเปรอผู้ชาย ในคนเหล่านั้นมีทั้งหญิงและชาย กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงจนน่าเวียนหัว“เราไป
“ขออนุญาตครับ” ประตูถูกเปิดด้วยน้ำมือของผู้มาใหม่ อลันเป็นมือขวาของอีธาน ทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัวเมื่อครั้งก่อนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดในลิฟต์ อีธานพยายามตั้งสติอยู่ช่วงเวลาหนึ่งเพื่อจะกดลิฟต์ให้เคลื่อนขึ้นไปยังชั้นบนสุด ชั้นนั้นเป็นชั้นทำงานของเขา เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกออลันก้เป็นคนเข้ามาช่วยเหลือทั้งคู่ที่สภาพดูแทบไม่ได้ ทั้งฟีโรโมนของโอเมก้าคนนี้ก็รุนแรงจนแม้แต่อลันที่กินยาต้านแล้วยังเกิดการตื่นตัวอลันเป็นคนจัดการพาทั้งท่านประธานและพนักงานฝ่ายขายคนนี้มาส่งที่คอนโดอีธาน สัญชาตญาณของอีธานได้บอกเจ้าของมันแล้วว่านี่คือคู่แห่งโชคชะตา แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคู่แห่งโชคชะตาคนนี้ อีธานสั่งให้อลันนำข้อมูลส่วนตัวที่มีในเอกสารสมัคงานของภูริมามอบให้แก่ตน ระหว่างนั้นภูริก็หลับไม่ได้สติอยู่ในห้องหับมิดชิดเพราะเวลาที่อีธานเห็นภูริ...ได้กลิ่นของภูริ...เขาจะมีความต้องการเกิดขึ้นอีกทั้งที่ใช้ยาต้านชนิดรุนแรงพอรู้ว่าภูริเป็นเบต้า เขาไม่อยากจะเชื่อในข้อมูลเพราะยังไงซะเบต้าก็ไม่มีทางเกิดการฮีตและปล่อยฟีโรโมนฟุ้งขนาดนี้ได้ มันดูตลกเกินไป...คู่แห่งโชคชะตาเ
ภูริอยากจะเกาหัวจนหนังหัวหลุดออกมาเพราะคำพูดคำจาของท่านประธาน แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวโดนหาว่าไม่มีมารยาทและทำตัวน่าเกลียดอีก แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านประธานต้องมาดุเขาแบบนั้นด้วยน่ะ เขาทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? ครั้นจะถามก็ไม่กล้าเช่นเดิม ท่าทางน่ากลัวแบบนั้นใครจะกล้าพูดอะไรเล่า นอกจาก...ครับขานรับไปแล้วก็ยังต้องนั่งตัวลีบ หางลู่หูตกไปอีกพักหนึ่งเพราะอีธานยังจ้องเขาไม่ไปได้ ทำอย่างกับจ้องมากๆ แล้วเขาจะหายไปจากตรงนี้ อันที่จริง ให้เขาไปทำงานซะมันก็จบเรื่องแล้วแท้ๆ ช่างเถอะ พออีธานเดินกลับไปนั่งโต๊ะ คงสบายใจที่ได้ใส่อารมณ์กับตนแล้วมั้ง ภูริก็หยิบเอาเอกสารมานั่งอ่านโอ้...ภูริเป็นคนขยัน!เปล่า กูไม่มีไรทำภูริคิดแล้วก้เถียงกับตัวเองขำๆ ระหว่างนั่งอ่านกฎการปฏิบัติตัวของโอเมก้าในที่ทำงานแห่งนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจจะอ่านมันหรอก เขาเป็นเบต้า ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์อันมากมายของเหล่าโอเมก้า ตอนนี้มันกลายร่างแล้วไง ต้องมาใส่ใจนิดหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ อ่านไปได้ราวครึ่งชั่วโมงเขาก็ไม่มีอะไรทำอีก นั่งพิงโซฟาตัวนุ่มนิ่มเอาไว้ แอร์เย็น...ท
หลังจากกินมื้อเช้ากับแม่และน้องสาวเรียบร้อยแล้ว ภูริก็เดินไปแอบกินยาต้านเงียบๆ พยายามปกปิดเรื่องที่เขาได้กลายเป็นโอเมก้าเต็มตัวแทนที่จะเบต้าธรรมดาๆ อย่างที่เคยเป็น ก็ลองนึกดูดิ ถ้าแม่กับน้องรู้ แม่กับน้องจะตกใจขนาดไหนอะ ลูกกับพี่ชายเป็นเบต้ามาตลอดนะเฮ้ย จู่ๆ มากลายพันธุ์ บ้าเถอะ ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ หรอก ขนาดตัวภูริเองที่มักเป็ฯคนคิดในแง่บวกมาตลอดยังอดนอยไม่ได้เลยเมื่อวานนี้แต่ที่ยิ่งกว่านอยอะ...แม่งคิดถึงบางคนม่ายยยย เราจะไม่ยอมรับว่าเราคิดถึงไอ้ประธานโหดนั่น มันน่าเศร้าเกินไป ผู้ชายคนนั้นบ้าๆ บวมๆ เดี๋ยวกอดเขา ฟัดเขาอย่างกับเขาเป็นคนรัก แต่แล้วก็ด่าเขาสาดเสียเทเสียอย่างกับเขาเป็นคุณโส เอาตรงๆ บางทีก็งงใจ ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับสิ่งที่ท่านประธานนั่นปฏิติบัติกับเขาเหมือนกัน“พี่ภูคะ มีใครมา...” ภูฟ้า น้องสาวแสนน่ารักน่าชังในสายตาภูริเดินเข้ามาสะกิดบอก อย่าเพิ่งว่าเขาเป็นโลลิค่อนนะเว้ย การที่อวยน้องตัวเองไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นพวกจิตไม่ปกติดีแบบนั้น“หืม?” ภูริรีบเก็บแผงยาเข้ากระเป๋าของตัวเอง แล้วดื่มตามเยอะๆ“พี่ออกไปดูไหม รถหรูเชีย
ปัง!กรี๊ด!!! ภูริถึงกับสาวแตกในใจเพราะจู่ๆ ก็มีใครบางคนมาตบโต๊ะเขาเสียงดังสนั่น เขาอยากเงยหน้าแล้วถามเหลือเกินว่า เจ็บไหม? เอ๊ะ...หรือเขาควรสนใจว่าโต๊ะทำงานของเขายังปลอดภัยอยู่กันล่ะ คำถามกวนประสาทในหัวหายไปทันทีเมื่อเขาเห็นว่าคนที่ตบโต๊ะนั้นเป็นใคร ร่างโปร่งรีบลุกขึ้นยืนกุมมือต่ำ ก็คนคนนี้เป็นหัวหน้าเขานี่หว่า“เมื่อวานคุณหายไปไหนมา” ตาบอดเหรอตอนท่านประธานลากเขาไปที่ลิฟต์น่ะ ภูริล่ะอยากจะตอบแบบนี้กลับไปจริงๆ ให้ตายเถอะ“ท่านประธานใช้งานครับ” พอบอกออกไปอย่างนั้น อีกฝ่ายก็ใช้สายตาสำรวจร่างกายของเขาท่านที เห็นนะเว้ย สายตานั้นละลาบละล้วงมาก ถึงหัวหน้าจะหล่อ แต่ขอโทษ...อีธานหล่อกว่าและสายตาเร่าร้อนกว่าเยอะเดี๋ยวนะ เราเปรียบเทียบเพื่อ? หัวหน้าไม่ได้จะแดกเขาเสียหน่อย คิดอะไรบ้าบอจริงเชียว สมองนี่ก็น้า...ทำไมยังคงทำงานวนเวียนอยู่กับอีธานก็ไม่รู้ เพิ่งจะห่างกันได้ไม่นานนี่เองด้วยซ้ำ“นายเป็นนายบำเรอให้คุณอีธานล่ะสิ ที่บอกว่าเป็นเบต้านี่โกหกใช่ไหม เมื่อวานนี้กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งมาก มึงต้องเป็นโอเมก้าแน่ๆ” เกลียดสัญชาตญาณอั
พอเห็นว่าเขาไม่รู้ไม่ชี้อะไร พวกนั้นก็หัวเราะกันเบาๆ กระซิบกระซาบทำเหมือนว่าเสียงจากเครื่องคาราโอเกะมันจะดังกลบทั้งหมด ภูริไม่สนหรอก เขายังคงยิ้ม ดูพวกนี้ที่หลงระเริงในแผนการของตัวเองแล้วก็ตลกดี“ผมชงเหล้าให้นะครับ” ภูริอาศัยที่ว่าแก้วเหล้าของพวกหัวหน้าพร่องไปเกินครึ่งมาเป็นจังหวะในแผนการร้ายของตัวเองโชคดีเหลือเกินที่พวกนี้มองภูริเป็นเบ๊ ก็เลยเอาถังน้ำแข็ง เหล้าและโซดาวางไว้ข้างกายเขา ส่วนพกนั้นนั่งห่างออกไปจะได้สั่งให้ภูริงเหล้าให้ได้ เมื่อภูริอาสาบริการก็ไม่มีใครปฏิเสธ ส่งแก้วเหล้าทั้งห้าใบมาให้พวกนั้นกำลังรอเวลาภูริดื่มแก้วของตัวเองจนหมด เรียกว่าถ้าเร่งเวลาผ่านช่วงเหล้าไหลลงคอไปถึงยาออกฤทธิ์ได้คงทำกันไปแล้ว เมื่อภูริหันหลังชงเหล้า พวกเขาหันไปกระซิบด่าความโง่งมของภูริอีกด่าเข้าไปเถอะ เพราะอีกไม่นานก็คงด่าอะไรไม่ออก ภูริคิดอย่างชั่วร้ายในใจ เขาคิดว่าในแก้วเหล้าเขาคงไม่ใช่ยาพิษ แต่มันก็ต้องไม่ยาที่ดีที่เอาไว้บำรุงร่างกายเขาแน่ๆ เขาค่อยๆ เทเหล้าจากแก้วของตัวเองลงแก้วอีกห้าใบเบาๆ ก่อนชงเหล้าเนียนๆ“ขอบใจ นายชงเหล้าอร่อยนะภูริ” อัลฟ่าคนสนิทพิชัยเอ่
“โอย...ฮึก” แค่ขยับตัวนิดเดียวนะเนี่ย อะไรจะปวดระบมขนาดน้าน! หรือว่า...โดนท่านประธานกระทืบข้อหาปลุกปล้ำแกวะ? ไม่น่านะ ก็เพราะเมื่อวานอีธานดูจะพออกพอใจกับการจ้วงแทงร่างกายเขาเสียพรุนบนกายมีผ้าห่มผืนบางคลุมอยู่ มันมีสีขาวและเหมือนคนคลุมต้องการทำให้เขาเหมือนศพอะ เลยคลุมมันทั้งตัวยันปลายเท้า พอภูริพยายามลุกนั่งจนสำเร็จ เขาก็พบกับร่องรอยประหลาดที่คาดว่าน่าจะโดนตัวอะไรสักตัวขบกัด เอาเป็นว่าเขารู้ว่าตัวนั้นคือตัวอะไร จะไม่เรียกร้องเอาค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอีธานป้อนน้ำให้เขาจนอิ่มตื๊อไปหมดอีกอย่าง...เขาเริ่มเอง!ข้อเนี่ยแหละที่ทำให้ไม่สามารถปริปากเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ทั้งสิ้น ต่อให้บอบช้ำไปทั้งกายและปวดระบมไปทั้งร่างก็ตาม ภูริมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ปลายเท้าเขามีกางเกง ข้างๆ ที่นอนมีเสื้อและอันเดอร์แวร์ อยากร้องโอ้โหดังๆ ความกระจัดกระจายของเสื้อผ้านี้ไม่บ่งบอกถึงความดุเดือดเมื่อคืนเท่าไหร่เลยเนอะ แล้วนอกจากเสื้อผ้าตนเองที่ตกอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง ก็ยังมีเสื้อผ้าของอีธานปะปนไปด้วยภูริลุกขึ้นด้วยท่าทางเหมือนคนอายุเจ็ดสิบปลายๆ ที่ร่างกายหมดแล้วซึ่งเรี่ยว
อีธานกินของหวานเรียบร้อยก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำอาบท่า ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระจัดกระจายอยู่ให้ภูริเก็บกวาด อยากจะให้ถามสักคำว่าเก็บกวาดไหวไหม? เห่อๆ คนอย่างอีธานคงไม่มานั่งถามหรอกว่าไหวหรือเปล่า เป็นไงบ้างจ้ะคนดี บรื้ย...คิดก็ขนลุกแล้วอะภูริตั้งสติเล็กน้อย เสื้อไม่โดนถอดแต่กางเกงมันเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเอาออกไปอะเนาะ เขาคว้ากางเกงเดินเข้าห้องน้ำ ความไม่ใส่ถุงยางนี้ช่างเลอะเทอะเสียจริงเชียว ร่างโปร่งแอบเบะปากคนเดียว นี่ต้องมาจ้วงแทงก้นตัวเองอีกแล้วเหรอ ทำใจไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย รู้สึกกระดากอายอย่างกับสาวน้อยเพิ่งหัดช่วยตัวเองครั้งแรก ไม่ดิ เทียบเป็นฝันเปียกครั้งแรกอาจจะดูดีกว่าเอ๊ะ...หรือแม่มไม่มีอะไรดูดีเลย???ช่างมันเหอะ ภูริส่ายหัวให้กับความคิดเรื่อยๆ มาเรียงๆ ของตัวเอง รีบจัดการกับร่างกายแล้วออกมาทำความสะอาดบ้านโดยไม่ต้องให้เจ้าของบ้านออกมาด่าหรือต่อว่าเขาเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่เช็ดปัดกวาดครัวอยู่ อีธานอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วลงมาในชุดกางเกงขายาวผ้าร่มกับเสื้อกล้าม กลิ่นสบู่ที่เป็นยี่ห้อเดียวกัน ทว่าพออยู่บนร่างกายที่ต่างกันกลิ่นมันก็ดันต่างกันไปด้วย
บริษัทยายักษ์ใหญ่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เรื่องการบริหารจัดการกับเหล่าผู้คนที่แตกต่างด้านเพศสภาพ อีธานถูกยกย่องให้เป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงที่มีทัศนะคติดี มองการไกลและให้ความเท่าเทียมกับอัลฟ่า เบต้า หรือแม้กระทั่งชนชั้นที่ต่ำสุดอย่างโอเมก้า ชื่อของบริษัทถุกยกย่องให้เป็นบริษัทต้นแบบในการบริหารผู้คนที่แตกต่าง และจัดการกับการเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมในหน้าสัมภาษณ์ อีธานกล่าวว่า...ทุกชนชั้นล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ละคนมีความสามารถที่อาจจะด้อยกว่ากันบ้างในบางเรื่อง แต่มีเรื่องด้อยก็ต้องมีเรื่องเด่น เพราะงั้นจะแค่มุมด้อยของเขามาตัดสินมันทั้งชนชั้นไม่ได้ คุณต้องมองมันให้เป็นรายบุคคลและเข้าใจถึงธรรชาติของชนชั้นนั้นๆด้วยความเป็นอัลฟ่าระดับสูง รูปร่าง หน้าตาและฐานะ อีธานกลายเป็นที่จับตามองของสาวน้อยสาวใหญ่ ความสุขุมและเบดกายของเขากลบคำที่ว่าผู้บริหารบริษัทยามันต้องเนิร์ด สวมแว่นและดูแก่หงำเหงือกไปอย่างสิ้นเชิงหญิงสาวหรือแม้แต่ชายหนุ่มที่อ่านข่าวนล้วนจับตามองถึงเรื่องคู่ครอง อีธานกล่าวว่าตัวเขานั้นยังไม่มีใคร ยังไม่เจอคู่แท้ และยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ ตอนนี้
เรื่องราวระหว่างคนสองคนที่เกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาถึงจุดสุดท้าย...แรกเริ่มเดิมทีอีธานก็ไม่ได้ต้องการมีคู่แห่งโชคชะตาอยู่แล้ว การตัดสินใจมันเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาสั่งให้ทีมวิจัยค้นคว้าตัวยาเพื่อแก้คู่แท้ วันที่รู้ว่าตัวเองจะมีคู่ครอง...เขาไม่โอเคกับมันจริงๆ ที่ผ่านมาภูริแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเองไม่ได้แย่ถึงขนาดเป็นคู่ครองของใครไม่ได้ แต่อีธานก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองอยู่ดีอุดมการณ์เขามั่นคงพอๆ กับการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง อีธานไม่ได้รักภูริ เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนร่วมเตียง มีเซ็กซ์กัน ไปทำงานด้วยกัน กินข้าวเช้า กลางวันเย็นด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน การดูแลเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรามันเป็นเพียงไมตรีจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งเมื่อหนังผีเรื่องนั้นจบลง อีธานและภูริก้เดินออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป ภูริน่ะตื่นเต้นกับหนัง ดูก็รู้ว่าเขาแฮปปี้กับช่วงเวลาชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมามากแค่ไหน เขาไม่ค่อยได้มาดูหนังนี่นะ พอเจอหนังดีโดนใจก็เลยปลื้มปริ่ม แต่คนที่คิดว่าจะพามาตกใจเล่นกลับเอาแต่นั่งกอดเขานิ่ง ไม่สะดุ้งกับหนังเลยแม้แต่นิดเดียว...อีธานมองหน้าภูร
“วันนี้เงินเดือนออกหนิ” อีธานเอ่ยขึ้นขณะต่างคนต่างลงจากรถหลังการปรับเปลี่ยนกฎและโยกย้ายตำแหน่งพนักงานได้ไม่กี่วัน ภูริก็กลับมาทำงานทั้งที่ยังไม่หายดี เขามีรอยช้ำอยู่ตามตัวแต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร การนอนอยู่ห้องอีธานเฉยๆ คอยทำความสะอาด จัดนู้นจัดนี่แล้วก็ดูทีวีไปวันๆ มันก็ดี แต่เขาก็กลัวว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้เลยรีบกลับมาทำงานอีธานไม่พอใจใหญ่เลย ไม่พอใจที่เขาดื้อไม่ฟัง อีธานบอกให้เขารักษาตัวเองให้หายดีก่อน เขาไม่หายดีตรงไหน? ขึ้นโยกได้นี่ก็ถือว่าร่างกายแข็งแรงสุดๆ แล้ว เพราะงั้นคำบ่นอีธานจึงตกไปเมื่อภูริมีเป้าหมายที่ชัดเจนพอกลับมาทำงาน ด้วยไม่มีใครมาขัดขวางเหมือนเมื่อก่อน ภูริจึงออกงานนอกเยอะขึ้น เขาสามารถทำยอดได้เกินเป้าในทุกๆ การขาย ด้วยรอยยิ้ม ด้วยไมตรี เมื่อก่อนภูริขายของเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ได้โชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ขึ้นไปอีก ไม่แปลกเลยที่ผลการทำงานในเดือนนี้ของเขาจะดีเกิดคาดไปไกลอีธานยังแปลกใจเลยคิดดูเถอะ ไอ้กระจอกคนนี้ไม่กระจอกนะเว้ย เพื่อปากท้องทั้งสาม ของตัวเอง แม่และน้อง ทำให้ภูริเป็นคนขยัน อืม...เขาขยันเป็นเรื่องปกตินะ เมื่อก่อนก็ขยัน ตอนน
ภูริอุ่นอาหาร เทมันใส่จานแล้วก็เอามาเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ เป็นการปิดท้ายก่อนเดินมานั่งข้างๆ แล้วเริ่มทานมื้อเที่ยง ภูริไม่ได้ถาม ไม่ได้ชวนคุยอะไร ต่างคนต่างกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมดบอกความจริงให้หนึ่งอย่าง...ภูริไม่ได้มารยาทดีแต่โคตรหิว!คือเมื่อเช้ามันตื่นไมไหวก็เลยนอนลากยาวมานี่แหละเที่ยงวัน น้ำท่าก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย กินยาก่อนอาหาร ยาระงับฟีโรโมนแล้วถึงมาอุ่นข้าว ท้องเขาแม่งถือป้ายร้องประท้วงกันเย้วๆ ตอนที่กลิ่นอาหารแม่งลอยออกมาจากตู้อบ อารมณ์แบบ...กินเลยไม่รอร้อนได้ไหมวะ แต่จะให้กินอาหารเย็นๆ มันก็ไม่อร่อย ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีเขาต้องรออีกนิสสสสแล้วพอกำลังจะอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเที่ยงควบมื้อเช้าอีธานก็ดันโพล่มา ด้วยการเป็นคนดีโลกจดจำ ภูริก็เลยต้องบริการอุ่นและเสิร์ฟอาหารให้เจ้าของห้อง เคยได้ยินไหม อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ แค่อีธานไม่มีลูก ภูริเลยไม่ได้โชว์สกิวปั้นดินที่แสนจะห่วยแตกสมัยเรียนอาจารย์วิชาศิลปะนี่กุมขมับเลยนะ เพราะให้ทำอะไรก็เละเทะไม่มีชิ้นดี
เช้าวันนี้อีธานตื่นเร็วกว่าปกติ เขามีการประชุมใหญ่รออยู่ในช่วงเช้าเพราะหัวหน้าของหลายแผนกถูกจับ โดยเฉพาะหัวหน้าแผนกที่มีความสำคัญมากอย่างเซลล์ ซีอีโอบางคนก็หลุดออกจากตำแหน่งไปเตรียมตัวขึ้นศาลข้อหาฉ้อโกงเรียบร้อย เรียกว่าวันนี้งานอีธานค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เพราะงั้นจึงสายไม่ได้ร่างสูงค่อยๆ ลุกจากที่นอนเพื่อไม่ให้ภูริตื่น ที่จริงแล้วภูรินอนพื้นนั่นแหละ แต่อีธานอุ้มขึ้นมานอนด้วยกันตอนอีกฝ่ายหลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภูริบาดเจ็บอยู่ เขาอยากให้ภูรินอนอย่างสบายบ้างก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆไม่ได้ชอบการนอนกอดภูริเลยแม้แต่นิดเดียว!ก็นะ...นั่นเป็นข้ออ้างที่เขาพยายามยัดมันใส่หัวตัวเอง เพื่อปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริง ภูริทำให้อีธานได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมันก็ใช่ แต่ความตั้งใจเดิมของอีธานไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังไม่อยากมีคู่เป็นโอเมก้าอยู่ดีนี่มันอยู่คนละส่วนกับการดูถูกชนชั้นอื่น เป็นแค่ความต้องการส่วนตัวที่ฝังรากลึกมานานเป็นสิบปี ระยะเวลาเหล่านั้นมันพังครืนลงไม่ได้ง่ายนัก ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้โอเมก้าแต่กำเนิดก็ตามที“เหวย...วันนี้ตื่นก
ปลายกระบอกมือสีเงินแวววาวจรดลงที่ขมับของอัลฟ่าผู้คร่อมทับร่างภูริ อีธานโพล่มาถึงตรงนี้ได้โดยที่คนอื่นไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้พวกนี้รู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ก็ตอนที่เอาปืนจ่อหัวพวกเรียบร้อยพลังควบคุมคนตามธรรมที่อีธานมีนั้นเขาสามารถควบคุมมันได้ จะใช้มากใช้น้อยหรือไม่ใช้เลยเขาก็ทำได้ อย่างตอนเดินเข้ามาก็ไม่ใช้...ค่อยๆ ย่องประชิดเพื่อไม่ให้ใครไหวตัวทัน และตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะใช้ความสามารพิเศษทางสายเลือดของตัวเองกดดันพวกปลายแถวเหล่านี้ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบคอเอาไว้ อัลฟ่าชั้นล่างทั้งสี่ต่างไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้ว่าจะยังไม่เห็นปืนกระบอกงามในมือของอีธานด้วยซ้ำ ความหวาดกลัวที่เอ่อท้นขึ้นมานี่คงไม่ต่างอะไรกับการยืนเผชิญหน้าจ่าฝูงผู้แข่งแกร่งเท่าไหร่นัก“ลุกออกมา” อีธานเอาปลายกระบอกปืนดันหัวคนที่คร่อมภูริอยู่ มันค่อยๆ ขยับแล้วออกมาคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างโปร่งพอเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นอีธาน ภูริก้รีบลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ เข้งขาไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ทั้งยังขวัญหนีดีฟ่อจากการที่โดนจู่โจม นัยน์สีดำคู่นั้นเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ...ภูริดึงผ้าที่อุดปากตัวเองออกแล้ว
จนแล้วจนรอดอีธานก็ไม่ได้ให้นาฬิกากับภูริ ในเมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนไม่คิดอะไรเขาก็จะทำบ้าง พาไปเลี้ยงข้าว กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วก็แยกย้ายกันนอน ซึ่งก่อนนอนก็มักมีกิจกรรมที่เสื้อผ้าไม่เกี่ยวเกิดขึ้นมันเป็นแบบนั้นเสมอ...แล้วก็แยกย้ายกันไปนอนที่ใครที่มันจากแผนที่อีธานขอให้วิชุตาช่วยเหลือ ในที่สุดก็มาถึงได้เสียที หลัจากปล่อยให้เหตุการณ์อันย่ำแย่ในออฟฟิตของเขาดำเนินต่อมาอีกหลายวัน เมื่อวานนี้เงินภูริออก อีธานได้ขอก๊อปปี้สลิปเงินเดือนมาจากอลันภูริมีโอทีแค่ห้าชั่วโมงทั้งที่ทำโอแม่งเกือบทุกวัน ค่าคอมพ์มีแต่น้อยกว่าที่คาด ก็คงไม่มีอะไรให้เถียงสำหรับค่าคอมพ์ ภูริเพิ่งออกงานนอกตอนเลยกลางเดือนมาแล้วและแค่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น โดยรวมภูริก็ได้เงินไม่มากอยู่ดีหลังเลิกงานอีธานมีนัดกับวิชุตาเพื่อดูของที่เธอได้รับจากการสั่งซื้อด่วนเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาให้ภูริไปรอที่ห้างสรรสินค้าใกล้ๆ เสร็จธุระแล้วถึงจะไปรับ ภูริเป็ฯคนง่าย...อะไรก็ได้จึงยอมไปไม่ใช่อะไร...มีหนี้ต้องเคลียร์ใบออเดอร์และของอยู่ตรงหน้าเขา ข้างซ้ายมีวิชุตาและข้างขวาเป็นอลัน พวกเขากำลังตรวจสอบนัมเบ
ออกมาจากบริษัทตอนเก้าโมงกว่า เจอลูกค้าตอนสิบโมงครึ่งจนตอนนี้เที่ยงสิบห้างานเพิ่งเสร็จ ภูริปิดการขายได้อย่างสวยงามและยอดขายรอบนร้ก็เป็นที่น่าภูมิใจสุดๆ นึกถึงคำพูดอีธานตอนแรกๆ ที่เจอกันขึ้นมาเลยแฮะ ที่หาว่าเขาเป็นคนไร้มารยาท ทำตัวแบบนี้เป็นเซลล์ไดยังไง หึหึ อยากให้มาเห็นผลงานเขาหน่อยจะได้ถอนคำพูดพวกนั้นทิ้งไป เขามีความเป็นนักขายนะเว้ย แต่แค่...เลือกปฏิบัติต่อคนอะนะในห้างสรรพสินค้าที่ลูกค้านัดมานั้นมาของกินเยอะแยะมากมาย เหมือนมีการจัดบูธขายอาหารไทยมากมาย เรียงกันเป็นตับ เห็นแล้วท้องร้องหนักมาก ร้องว่าจะกินจะกินจะกิน ติดอย่าง...ติดเงินภูริได้ค่าน้ำมันมาห้าร้อย เขาเติมทั้งห้าร้อยเลยเพราะว่าใบเสร็จนี่ต้องส่งกลับให้บริษัท เคยได้ยินมาว่ามันโกงค่าน้ำมันได้ อย่างเติมสามร้อยแล้วให้เขาออกใบเสร็จเป็นห้าร้อยแลกกับทิปเล็กๆ น้อยๆ แต่ภูริไม่เคยทำ แค่ได้ยินเขาเล่าๆ กัน ส่วนใบเซอร์นี่ก็โกงได้...แค่อันตรายหน่อยหากโดนจับได้ล่ะนะเรื่องโกงกินอะไรพวกนี้ตัดออกไปจากหัวภูริได้เลย สมองเขาคิดแค่จะหมุนเงินยังไงให้มันชนเดือนโดยไม่ต้องไปหยิบยืมใครเขา การเป็นหนี้มันเป็นลาภอันประเสริฐนะ ถ้า
คำว่าน้อยใจของภูริมีผลต่ออีธานมากกว่าที่ภูรินึกเอาไว้...พอกลับมาที่ห้องแล้วอีธานก็สั่งให้ภูริไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่สบายๆ สักตัว เป็นชุดนอนปกติของตัวเองก็ได้แล้วมานอนที่เตียง หมอเพิ่งให้กินยาก็ต้องนอนพักผ่อน ซึ่งการที่อีธานให้นอนเตียงเนี่ยทำเอาภูริยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายไปเป็นนาที“ผีเข้าปะ?” คิดออกแค่นั้นอีธานทำเหมือนคำพูดของภูริมันไร้สาระเกินกว่าจะตอบ เดินหนีไปอาบน้ำอาบท่าปล่อยให้ภูริเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอน ออกมาก็เจอภูรินอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม หลับตาพริ้มดูมีความสุข น่าแปลก...เห็นภูริมีความสุขแล้วอีธกานก็พลอยมีความสุขไปด้วยอีธานขึ้นนอนข้างๆ ภูริ ต่างคนต่างนอนหลับไปทั้งที่มันเพิ่งจะเป็ฯเวลาเที่ยงวัน นอไปนอนมาภูริก็คว้าเอวอีธานมากอด ซุกแขนล่ำๆ นั้นแล้วหลับน้ำลายยืด คนรู้สึกตัวไวแอบลืมตามก่อนจะหลับไปโดยไม่ว่าหรือไล่ให้เอาหน้าออกไปจากแขนตนบ่ายอีธานทำอาหารให้ภูริกิน แต่ภูริอยากจะเอาอาหารเมื่อวานนี้ไปอุ่น ไม่มีคำอธิบายหรอก แล้วก็รู้ว่าอีธานไม่ยอมทำก็เลยเอาเข้าไมโครเวฟเอง เผอิญว่าเตาอบของอีธานนั้นเป็นเตาอบเครื่องใหญ่ ไม่ใช่ไ