Home / LGBTQ+ / อินกินหมี่ / บทที่ 1 ผมชอบหมี่ (4/6)

Share

บทที่ 1 ผมชอบหมี่ (4/6)

last update Last Updated: 2024-11-17 10:15:24

ทั้งคู่เดินขึ้นบันไดมาอีกหลายสิบขั้นจนถึงชั้นสามในที่สุด ก่อนจะพบว่าหมายเลขห้องเรียงเหมือนกับชั้นสองเลย ทำให้การหาห้องของกันต์ง่ายกว่าครั้งแรกและไม่นานก็เจอห้องสามหนึ่งสาม ทว่าเมื่อกันต์จะใช้กุญแจไขเปิดประตูห้องก็มีนักศึกษาหนุ่มร่างบึกบึนคนหนึ่งเปิดประตูออกมาพอดี

“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มผิวแทนกล่าวทักทาย

“ดีครับ คนไหนพักห้องนี้เอ่ย” อีกฝ่ายซึ่งเป็นรุ่นพี่เห็นน้องใหม่ยืนอยู่หน้าห้องสองคนก็ถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“ผมครับ” กันต์ตอบกลับแบบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ก็รุ่นพี่ตรงหน้าดูน่ากลัวจะตายไป หุ่นนี่อย่างกับหมีเลย ถึงเขาจะตัวใหญ่ไม่แพ้กันแต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับรุ่นพี่ที่หุ่นเป็นนำมวยปล้ำแบบนี้

“อ่า เข้าไปจัดของได้เลย พี่จะออกไปข้างนอกหน่อย”

“ผมให้เพื่อนเข้าไปด้วยได้มั้ยครับ”

“...เอ่อ...” คำถามของกันต์ทำเอาอีกฝ่ายอึกอักเล็กน้อย อินเห็นว่ารุ่นพี่คนนั้นมีท่าทีไม่สบายใจก็พูดอธิบาย

“ผมชื่ออินครับอยู่ห้องสองศูนย์ห้าคือผมแค่อยากมาดูว่าเพื่อนอยู่ห้องเดียวกับใคร ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลยครับ” น้ำเสียงของอินฟังดูจริงจังและหนักแน่นจนทำให้รุ่นพี่ยอมใจ

“ก็ได้...ยังไงก็อย่าทำเรื่องวุ่นวายล่ะ” การกระทำดังกล่าวทำให้รุ่นพี่รู้สึกดีและมองว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนคงไม่ทำอะไรเสียหาย เลยอนุญาตและ กล่าวเตือนเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไป

“คนอะไรจะตัวใหญ่ได้ขนาดนั้น” เงาของรุ่นพี่ไม่ทันจะหายลับตา เสียงของกันต์ก็ดังพึมพำขึ้นทันที

“แต่พี่เค้าดูเป็นคนใจดีนะ ไม่งั้นคงไล่กูกลับห้องไปนานละ” อินพูดพลางคิดว่ารุ่นพี่คนนั้นดูเป็นคนใจดีจริง ๆ เพราะการที่อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวพวกเขาขนาดนี้แสดงว่าเป็นพื้นฐานก็คงเป็นคนดีอยู่ไม่น้อย

“มึงกลับห้องได้ละ” อินที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ต้องย่นคิ้วทันทีเพราะคำพูดจากเพื่อนสนิทที่ตอนนี้จัดวางสัมภาระอยู่บนเตียง ก่อนจะเอ่ยถามตามปกติเพื่อให้แน่ใจ

“ให้กูอยู่ช่วยจัดของก่อนมั้ย” คำถามนั้นทำให้กันต์หยุดมือที่กำลังจะเปิดกระเป๋าและหันหน้ามองอิน

“กูพูดจริงนะไอ้อิน กูรู้ว่าตัวเองเป็นคนขี้กลัวขี้ขลาด แต่มึงไม่ต้องดูแลกูขนาดนี้ก็ได้ แค่มึงเดินมาเป็นเพื่อนจนถึงห้องพักเนี่ย กูก็สบายใจแล้ว มึงเป็นคนพูดเองว่าต่อไปกูก็ต้องใช้ชีวิตคนเดียว ให้กูค่อย ๆ เรียนรู้ไปอ่ะ อีกอย่างคือกูไม่ใช่น้องชายมึงนะ...”

“...โอเค...งั้นกูกลับห้องก่อน มีอะไรก็โทรมา” น้ำเสียงที่ตอบกลับไปฟังดูเศร้าหมองกว่าปกติแต่อินรู้ดีว่าเพื่อนสนิทพูดด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์

“เออ แล้วมึงก็ไม่ต้องเก็บคำพูดกูไปคิดมากอีกล่ะ ที่กูพูดไปเพราะอยากให้มึงได้ใช้ชีวิตของมึงบ้างเหมือนกัน กูไม่มีอะไรในใจทั้งนั้น” กันต์แตะบ่าอินเบาๆ อย่างรู้ใจ

“เออน่า กูเข้าใจแล้ว” อินพยักหน้างึกงักและเดินกลับห้องตัวเอง

เมื่อถึงห้องพัก อินหยุดนิ่งยืนมองตัวเลขสีทองที่ติดอยู่หน้าประตู เขาหลับตาลงครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด ก่อนจะปล่อยลมหายใจออกมาพรูใหญ่ราวกับกำลังระงับความวิตกกังวลภายในจิตใจ

“หรือความจริงแล้วเป็นตัวกูเองที่ขี้กลัว”

สองขายาวก้าวเข้าห้องและทำความสะอาดเท่าที่ทำได้ ก่อนจะจัดแจงสัมภาระที่ขนมาให้เข้าที่เข้าทาง เสื้อผ้าประเภทชุดนักศึกษาถูกนำไปแขวนไว้ในตู้ล๊อกเกอร์อย่างเรียบร้อย ขณะที่เสื้อผ้าทั่วไปถูกพับเก็บและเรียงไว้ในลิ้นชักด้านล่างตู้ รวมถึงอุปกรณ์ออกกำลังกายก็ถูกจัดไว้ในซอกมุมข้างโต๊ะไม้

ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เด็กหนุ่มก็จัดสรรของทุกอย่างให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและสะดวกต่อการใช้งานได้สำเร็จ รวมถึงจัดของจิปาถะเล็กน้อย เช่น อุปกรณ์อาบน้ำหรืออุปกรณ์การเรียนให้เป็นระเบียบด้วยเช่นกัน ก่อนจะหย่อนก้นลงบนเบาะนอนแสนบางที่วางอยู่บนเตียงเหล็กสองชั้นแข็ง ๆ พลางเหม่อมองไปยังพื้นที่โล่งกว้างอีกฝั่ง

‘ภูริวัฒน์’ 

ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะเห็นชื่อนี้เพียงแค่ครั้งเดียวจากกระดานรายชื่อแต่เขาจำมันได้ขึ้นใจเพราะนั่นคือชื่อเพื่อนร่วมห้องที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยจนกว่าจะเรียนจบมหาลัยฯ คิดว่าคงเป็นอย่างนั้นถ้าอีกฝ่ายไม่ชิงย้ายหอไปเสียก่อน จะว่าไปเจ้าของชื่อนี้จะเป็นคนแบบไหนกันนะ

เราสองคนจะนิสัยเข้ากันได้รึเปล่า ถ้าเขาออกกำลังกายในห้องพักอีกฝ่ายจะบ่นเหม็นเหงื่อมั้ยนะ สงสัยคงต้องจัดตารางฝึกนอกสถานที่ซะแล้วหรือไม่ก็ต้องไปสมัครเข้าฟิตเนสแทน จริงสิ ถ้าอีกฝ่ายเป็นพวกหัวรุนแรงจะทำยังไงดีล่ะ ยิ่งคิดยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่จนต้องสะบัดหัวเพื่อสงบสติอารมณ์

ครืดดด ครืดดด

แรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์มือถือช่วยเบี่ยงเบนความคิดมากของอินได้ทันท่วงที มือหนากดรับสายและเงียบฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“จัดของเสร็จยัง” ซึ่งปลายสายก็ไม่พ้นนายกันต์นั่นเอง

“เสร็จแล้ว มีอะไรรึเปล่า”

“กูเพิ่งจัดของเสร็จเลยว่าจะเอารถกลับไปจอดไว้ที่บ้าน วันรับน้องค่อยนั่งแท็กซี่มา มึงจะกลับเลยมั้ย” อินเงียบไปและคิดตาม ถึงแม้ว่างานรับน้องจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าแต่เขาก็ยังไม่อยากนอนค้างที่หอพักวันนี้

“กลับ บอกพ่อไว้ว่าวันนี้แค่มาทำความสะอาดห้อง ไม่ได้บอกว่าจะมานอนค้าง”

“เค เจอกันข้างล่าง”

.

.

.

หลังจากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็กลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งนั่นสร้างความงุนงงแก่พ่อแม่ไม่น้อยเพราะอีกสองวันก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมของทางมหาลัยฯ แล้ว แต่ทำไมเด็กหนุ่มพวกนี้ถึงไม่นอนค้างที่หอพักเพื่อสร้างสัมพันธไมตรีกับเพื่อนคนอื่นกันนะ

จนกระทั่งวันรับน้องได้มาถึง อินนั่งรถโดยสารมาลงหน้ารั้วมหาลัยฯ เพียงคนเดียวเพราะกันต์มีอาการปวดหัวขั้นรุนแรงและป่วยหนักจนไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ เมื่อวานอินก็โทรติดต่ออาจารย์หอเพื่อขอช่วยให้ประสานงานเรื่องยกเว้นการเข้าร่วมกิจกรรมของกันต์เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้อินก็มายืนอยู่ตรงลานกว้างที่เต็มไปด้วยใครก็ไม่รู้

ณ ลานกิจกรรมของมหาวิทยาลัย XX นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งมากหน้าหลายตาต่างก็หลั่งไหลมารวมตัวกันตรงพื้นที่แห่งนี้เพื่อให้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องประจำปีการศึกษานี้ หลายคนมาด้วยกันก็จะรวมตัวเป็นกลุ่มได้เร็ว บางคนมาเป็นคู่ก็จะยืนอยู่ใกล้กัน ขณะที่รุ่นพี่จากคณะต่าง ๆ ก็มาช่วยกันคอยสอดส่องดูแลรุ่นน้อง คอยดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความราบรื่น

ท่ามกลางผู้คนมากมาย ร่างสูงของอินก็ถูกหลายสายตาจับจ้องเพราะเขาดูโดดเด่นมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตาหรือกริยาท่าทาง ทุกอย่างดูดีไปหมด เสียอย่างเดียวคือใบหน้านั้นไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นทำให้ใบหน้าคมดูดุดันจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

“เขียนชื่อเล่นนะครับ” กระดาษแข็งสีเขียวสว่างแผ่นหนึ่งถูกยื่นมาให้เขาพร้อมเชือกขาวแดหนึ่งเส้นงสำหรับทำป้ายชื่อ

อินมองหน้ารุ่นพี่ที่ส่งอุปกรณ์พวกนั้นมาให้ ก่อนจะยื่นมือออกไปรับและหันมองเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่รอบข้าง ส่วนใหญ่ก็เริ่มลงมือเขียนป้ายชื่อกันแล้ว เด็กหนุ่มรอให้เพื่อนคนหนึ่งเขียนเสร็จก่อน แล้วขอยืมปากกาต่อจากอีกฝ่าย อินเขียนชื่อเล่นและร้อยเชือกขาวแดงเพื่อให้เป็นสายคล้องคอ

“เขียนชื่อเสร็จกันรึยังครับ เขียนเสร็จแล้วรบกวนแขวนป้ายชื่อและหันมาฟังทางนี้หน่อยครับ” พี่ว้ากตะเบ็งเสียงผ่านโทรโข่งดังมากจนทำให้เหล่ารุ่นน้องสะดุ้งโหยงนั่งหลังตรงกันเป็นแถว ก่อนจะหันไปทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง

“ยินดีต้อนรับน้อง ๆ เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย XX นะครับ วันนี้ทุกคนจะได้เข้าร่วมกิจกรรมแรกพร้อมกัน ซึ่งนั่นก็คือกิจกรรมรับน้องนั่นเอง!!!” เสียงเฮของรุ่นพี่ดังลั่นพร้อมเสียงรัวกลองสร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน

“กิจกรรมวันนี้พี่ ๆ ร่วมกันจัดเตรียมไว้ให้รุ่นน้องด้วยความรักความเอ็นดูเลยนะครับ” จบประโยคพูดนี้ รุ่นพี่หลายคนที่ยืนล้อมรอบน้องปีหนึ่งต่างก็ส่งเสียงโห่แซวทันทีแต่ทำได้ไม่นาน พี่ว้ากก็ยกมือขึ้นห้ามเพื่อขอพูดต่อ

“ตอนนี้ขอให้น้อง ๆ ก้มดูป้ายชื่อของตัวเองนะครับ แต่ละคนจะได้กระดาษแข็งที่มีสีแตกต่างกัน ใครได้ป้ายชื่อสีอะไรก็ให้แยกย้ายไปตามสีนั้น ซึ่งแต่ละสีจะมีพี่เลี้ยงคอยชูป้ายบอกทางและตะโกนเรียก ขอให้แยกย้ายกันอย่างเป็นระเบียบด้วยนะครับ”

อินจำได้ว่าตัวเองรับป้ายชื่อสีเขียวมา เขาจึงหันมองรอบทิศเพื่อหาป้ายบอกทางไปยังกลุ่มสีดังกล่าว ทว่ามีเพื่อนนักศึกษาหลายคนเริ่มพากันลุกขึ้นยืนจนทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด เด็กหนุ่มเลยตัดสินใจลุกขึ้นยืนเช่นกัน ก่อนจะเห็นรุ่นพี่คนหนึ่งชูป้าย ‘สีเขียว’ อยู่ไม่ไกล

โอ๊ยยยย!

“โทษที พอดีเราโดนไอ้คนนั้นชนมาอีกทีน่ะ” เสียงเล็กแหลมของใครบางคนอุทานออกมาพร้อมคำขอโทษปนอธิบาย อินมองคนตรงหน้าและประมวลผล ตัวบางขนาดนี้ก็สมควรแล้วที่จะโดนชนจนกระเด็นมา

“ไม่เป็นไร...ว่าแต่เธอเจ็บตรงไหนรึเปล่า” อินถามไถ่อาการอีกฝ่าย นี่โชคดีนะที่มือหนาของเขาจับต้นแขนบางของอีกฝ่ายไว้ได้ทัน ก่อนจะล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“หะ!เรียกใครว่าเธอ กูเป็นผู้ชายจ้ะ ไม่เห็นเหรอว่ากูใส่กางเกงอ่ะ!” แต่ดูเหมือนคนตัวเล็กจะรู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรงและพยายามดีดตัวออกจากมือหนาที่จับตัวอยู่ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่กางเกงสแล็กสีดำของตัวเอง

“เห็นแล้วว่าใส่กางเกง แต่มึงตัวเล็กจะตายแถมดูบอบบางขนาดนี้จะให้กูไปถามว่า มึงเป็นไรมั้ยทั้งที่ยังไม่รู้จักกัน มันก็ฟังดูแปลก ๆ มั้ยล่ะ” อินพูดไปตามสิ่งที่คิดโดยไม่มีอะไรแอบแฝงเลยสักนิดแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้หน้าแดงขึ้นมาล่ะ หรือจะเขินที่โดนชมว่าเป็นคนตัวเล็ก?

“ตะ...ตัวเล็กเหรอ! ถะ...แถมยังบอบบางอีก! หึ้ย! มึงมันไอ้ยักษ์!” โอเค ที่หน้าแดงไม่ได้เป็นเพราะเขินแต่เป็นเพราะโกรธสินะ

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นกูไปล่ะ” อินเห็นว่าอีกฝ่ายเถียงกลับได้ขนาดนี้ก็คงจะไม่เป็นไรแล้วเลยขอตัว แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขาออกมาก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเล็กแหลมที่ตะโกนรั้ง

“ดะ...เดี๋ยว! มึงป้ายชื่อสีเขียวเหมือนกูเลย กูไปด้วย”

“หึ อยากไปด้วยเพราะมองทางข้างหน้าไม่เห็นเหรอ” สายตาดุดันจ้องมองร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างลืมตัว

“ใครบอกว่ากูมองทางไม่เห็น! กูแค่จะเอามึงมาบังตัวเองไว้เพราะกลัวว่าจะมีใครเดินมาชนกูอีกต่างหาก ตัวใหญ่เป็นยักษ์อย่างมึงใครชนก็คงไม่เจ็บหรอก!” ตอนนี้คนตัวเล็กหน้าดำหน้าแดงเพราะทั้งโกรธและอายจนทำตัวไม่ถูกแต่เรื่องอะไรเขาจะไปยอมอ่อนข้อให้ไอ้ยักษ์ปากเสียนี่กันล่ะ

“งั้นก็เดินตามมาให้ทันล่ะ” อินที่ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอีกต่อไปก็ขอสงบศึกไว้เพียงแค่นี้ ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปยังกลุ่มสีเขียว

.

.

.

เริ่มรู้สึกได้ถึงความวายป่วง...ว่าแต่นายภูริวัฒน์จะเป็นคนแบบไหนกันนะ

Related chapters

  • อินกินหมี่   บทที่ 1 ผมชอบหมี่ (5/6)

    ภายในเวลาไม่กี่นาทีนักศึกษาปีหนึ่งที่มีป้ายชื่อสีเขียวก็มารวมตัวกันตรงนี้ ภาพของผู้คนดูบางตากว่าตอนแรกไปมากเพราะเด็กปีหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ซึ่งตอนนี้รุ่นพี่หลายคนก็เริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำกิจกรรมจนพร้อม และแล้วก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งหยิบโทรโข่งขึ้นพร้อมอธิบายรายละเอียดกิจกรรม“สวัสดีค่าาา ยินดีต้อนรับน้อง ๆ ปีหนึ่งอีกครั้งนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพี่ขออธิบายกิจกรรมแรกของกลุ่มสีเขียวเลยนะ กิจกรรมนี้มีชื่อว่าเต้นแร้งเต้นกาพาเพลิน~” เมื่อรู้ชื่อกิจกรรม เสียงโห่ร้องของเหล่ารุ่นพี่และน้อง ๆ ปีหนึ่งก็ดังขึ้นด้วยความครื้นเครง“กิจกรรมนี้ง่ายมาก ทุกคนแค่เต้นไปตามจังหวะเพลงที่พี่สตาฟเปิดให้ฟังนะคะ เต้นไปเรื่อย ๆ ถ้าน้องเต้นดี!เด้งแรง!ท่าโดนใจ!กิจกรรมก็จะสิ้นสุดลงทันที ถ้าพร้อมแล้วขอเชิญพี่ทีมสันทนาการร่วมเต้นกับน้องปีหนึ่งด้วยค่าาา” สิ้นเสียงอธิบายกิจกรรมจากรุ่นพี่คนสวย อินก็ยืนแน่นิ่งพร้อมเหงื่อเม็ดใหญ่ที่เริ่มผุดขึ้นมาตรงขมับ ให้ตายสิ กิจกรรมแรกต้องเ

    Last Updated : 2024-11-17
  • อินกินหมี่   บทที่ 1 ผมชอบหมี่ (6/6)

    “วิธีอะ- ว๊ากกกก” หมี่ยังพูดคำถามไม่ทันจบก็ถูกอินอุ้มขึ้นซะก่อน คนตัวเล็กส่งเสียงหวีดร้องน่ากลัวอินเอาลูกบอลที่ได้มา วางแนบไว้ข้างแก้มตัวเองและดันบอลให้ติดกับแก้มของคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน ความจริงแล้วอินคิดหาวิธีชนะเกมนี้ตั้งแต่ได้ยินกติกาแล้ว และหลังจากที่เขาคิดวิเคราะห์อยู่นานก็ได้คำตอบว่าวิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด“หนีบบอลไว้ให้แน่น ๆ ล่ะ กูจะวิ่งไป” อินพูดจบ เสียงเป่านกหวีดเริ่มแข่งขันก็ดังขึ้น ร่างสูงวิ่งตรงไปยังโต๊ะที่มีขวดโหลวางอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับอุ้มร่างนักศึกษาชายของหมี่ไปด้วยคนตัวเล็กที่ถูกอุ้มนั้นก้มหน้างุดเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี นี่เขาเป็นผู้ชายนะ!ทำไมไอ้ยักษ์อุ้มราวกับว่าเขาตัวเบาแบบนี้!แถมยังวิ่งไปอีก โอ๊ยตายแล้ว! จบกันชีวิตสุดหล่อในรั้วมหาลัยฯ ของไอ้หมี่!แต่ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กจะเขินจนตัวแดงขนาดไหนก็ยังแนบใบหน้าหนีบลูกบอลไว้อย่างดีพร้อมกอดคออินเอาไว้แน

    Last Updated : 2024-11-18
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (1/6)

    เสร็จจากกิจกรรมรับน้อง ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทางกลับหอพัก บางคนกลับบ้านเช่าใกล้ ๆ มหาลัยฯ บางคนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งอินก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่างสูงของเด็กหนุ่มยืนรอโบกรถโดยสารเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้แม่ไม่อยู่และนั่นแปลว่าที่บ้านไม่มีอะไรกิน เขาจึงเดินออกมาจากจุดรอรถและเดินหาร้านค้าที่อยู่ละแวกนั้นแทนครืดดด ครืดดด“ดีขึ้นยัง” ทันทีที่รับสายอินก็ถามไถ่อาการอีกฝ่ายแต่เสียงของกันต์ที่ตอบกลับมานั้นเบาหวิวจนเด็กหนุ่มเกือบไม่ได้ยิน สงสัยอีกฝ่ายน่าจะยังปวดหัวอยู่“กูหิว”“จะกินไร เดี๋ยวกูซื้อไปให้” อินถามพลางหันมองรอบข้าง เขาเองก็ไม่เคยใช้ชีวิตแถวนี้ เลยไม่แน่ใจว่ามีร้านอาหารตามสั่งหรือร้านสะดวกซื้อตรงไหนบ้าง คิดว่าวันนี้เขาคงได้รู้เพราะต้องซื้อข้าวไปให้คนในสายนี่แหละ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะสำรวจรอบรั้วมหาลัยฯ“อะไรก็ได้” คิ้วเข้มของอินย่นขมวดเข้าหากันเพราะเมนูอะไรก็ได้นับเป็นปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่ง ทันใดนั้นเองสายตาคมของเขาก็หันไปเห็นร้านค้าที่น่าสนใจ

    Last Updated : 2024-11-18
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (2/6)

    สิ่งที่ทำให้อินขมวดคิ้วแน่นคือชั้นล่างที่ตอนนี้มืดสลัวไปหมดเพราะหลอดไฟถูกปิดไว้ทั้งบ้าน อินเลยเดินไปเปิดสวิตช์ให้บ้านสว่างขึ้น ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่น่าจะนอนอยู่ชั้นบนให้ลงมากินข้าว“ไอ้กันต์ตื่นอยู่มั้ย! ลงมากินก๋วยเตี๋ยวก่อน” และเพราะแปลนบ้านที่ใกล้เคียงกับบ้านของตัวเอง อีกทั้งอินก็เดินเข้าออกบ้านนี้ตั้งแต่เด็กจึงทำให้รู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านนี้เป็นอย่างดี สองขายาวตรงดิ่งเข้าไปในครัวและหยิบหม้อที่แขวนอยู่ในตู้มาอุ่นก๋วยเตี๋ยว“กำลังไป!” ผ่านไปไม่นานเสียงเพื่อนสนิทก็ตะโกนดังมาจากชั้นสองพร้อมเสียงดังตึงตังเหมือนกับอีกฝ่ายกำลังรีบวิ่งลงมา ทว่าอินไม่สนใจสักนิด เขายังคงอุ่นก๋วยเตี๋ยวต่อไปจนรู้สึกว่าอาหารร้อนได้ที่แล้วก็เทใส่ชามใบโตและยกไปวางบนโต๊ะกินข้าว“หมี่พิเศษอีกรึเปล่า” กันต์ถามทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ“อืม”“คงมีแต่หวยอ่ะที่กูซื้อไม่ถูก” เด็กหนุ่มผิวแทนบ่นพลางยกมือขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด ทั้งสองนั่งลงและแกะเครื่องปรุงใส่ในก๋วยเตี๋ยว“กิน ๆ เข้าไปเถอะ” อินยื่นช้อนและตะเกียบให้อีกฝ่าย ก่อนจะคีบก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากไป

    Last Updated : 2024-11-19
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (3/6)

    “ดีนะที่เริ่มเรียนพรุ่งนี้ วันนี้มึงนอนพักเยอะ ๆ ล่ะ” อินพูดพร้อมเดินเข้าไปในตัวอาคารเพราะหลังจากนี้ทั้งคู่จะแยกย้ายกลับห้องพักตัวเอง“โอเค” กันต์พยักหน้างึกงักตามประสา“มีอะไ-” อินพูดไม่ทันจบก็มีเสียงอีกฝ่ายแทรกขึ้นมา“จะโทรไป” ซึ่งคำพูดนั้นคือประโยคที่เขาจะบอก กันต์ชูมือถือและเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม ขณะเดียวกันอินก็เดินมาหยุดนิ่งอยู่หน้าห้องตัวเอง ไม่ยอมเปิดเข้าไปสักที คงเป็นเพราะเสียงที่ดังโครมครามมาจากด้านใน...กึกกัก! ตึง!เคร้งงง!!“เสียงอะไรวะ” รู้สึกว่าช่วงนี้จะมีแต่สถานการณ์ที่ทำให้คิ้วของเขาต้องขมวดเข้าหากันจนรู้สึกปวดหัวไปหมด แล้วครั้งนี้เขาต้องเจอกับเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย‘ห้องสองศูนย์ห้า...เพื่อนร่วมห้องติดต่อมาว่าจะขอย้ายของเข้าหลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องนะครับ’“หรือจะย้ายเข้ามาแล้ว” เสียงของอาจารย์หอที่ดังขึ้นในหัวทำให้อินนึกถึงเรื่องของเพื่อนร่วมห้องคนนี้ได้ทันที นายภูริวัฒน์คนนั้นมาแล้วสินะมือหนาของอินหมุนลูกบิดประตูและชะเง้อมองส

    Last Updated : 2024-11-19
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (4/6)

    “อะ...อื้ออ~...เฮ้ย!เริ่มมืดแล้วนี่!กี่โมงแล้ว!” เสียงบิดขี้เกียจดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายตามเอกลักษณ์ของเจ้าตัว“สองทุ่มสิบสามนาที” อินที่กำลังวิดพื้นอยู่ข้างเตียงตอบกลับทันทีเพราะตอนนี้เขาจับเวลาในออกกำลังกายอยู่“...สะ...สองทุ่ม!!!” ตะโกนอีกแล้ว ตอนเด็กกินโทรโข่งเข้าไปรึไงนะถึงได้ตะเบ็งเสียงเก่งขนาดนี้ อยากถามจริง ๆ ว่าไม่รู้สึกเจ็บคอบ้างเลยเหรอ“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย มันรบกวนข้างห้อง” หมี่ลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงมาหาเด็กหนุ่ม“ก็คุยกันแล้วนี่!ว่าจะไปซื้อเห-” อินรีบพุ่งตรงไปปิดปากคนตัวเล็กในเสี้ยววินาทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดคำว่าเหล้าออกมาเพราะกลัวว่าข้างห้องอาจได้ยินเสียงของพวกเขา ด้วยแรงที่อินพุ่งหาหมี่บวกกับน้ำหนักตัวของอินทำให้คนตัวเล็กไม่อาจต้านทานไว้อยู่จนทั้งคู่เซล้มไปบนเตียง“ชู่ว!อย่าพูดคำนั้นออกมานะ” โชคดีที่อินพลิกตัวทันเลยใช้ร่างกายของตัวเองรองรับแรงกระแทกแทนหมี่ มือขวาก็เผลอคว้าเอวอีกฝ้ายไว้แน่น“อื้ออ

    Last Updated : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 5 หมี่พิเศษ (5/6)

    อุก อ้วกกกกก!!!!“เฮ้ย!” ชัดเจน สิ่งที่พวยพุ่งออกมาจากปากของคนตัวเล็กถือเป็นคำตอบอย่างดีให้กับคำถามของเขาเศษอาหารที่หมี่อาเจียนออกมานั้นทำให้รู้เลยว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายกินอะไรเข้าไปบ้าง แถมตอนนี้สิ่งพวกนั้นก็เปรอะเปื้อนไปทั่วเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวตัวโปรดของเขาอีกด้วย โอ้โห กลิ่นก็สุดจะบรรยายทำเอาอินหลุดสบถออกมาอีกจนได้“ไอ้หมี่! มึงนี่มันตัววุ่นวายของจริงเลยว่ะ ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้จากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วยวะ” ถึงแม้ว่าหมี่จะอ้วกใส่แต่อินก็ไม่ปล่อยมือที่โอบเอวบางไว้ เด็กหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นเสยผมเผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตรงขมับท้ายที่สุดแล้วอินก็พาหมี่ไปอ้วกในห้องน้ำได้สำเร็จและรีบออกมาเช็ดอ้วกที่เลอะเทอะหน้าประตูห้องน้ำ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถือวิสาสะถอดเสื้อเปื้อนอ้วกของอีกฝ่ายออกและหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดไปตามเนื้อตัวของคนตัวเล็ก วินาทีที่ความเย็นจากผ้าขนหนูอันเปียกชุ่มสัมผัสร่างกายสีขาวอมชมพูก็ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมขนลุกชูชันมือหนาลูบไล้ผ้าเปียกไปตามส่วนต่าง ๆ พลางสอดส

    Last Updated : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (6/6)

    ...“โอ๊ยยย ปวดหัวจัง” หมี่ตื่นขึ้นมาในเช้าที่แสนสดใสพร้อมกับร่างกายที่แสนปวดร้าว นี่เมื่อคืนเขากินเบียร์ไปมากขนาดไหนถึงได้ปวดหัวจะเป็นจะตายขนาดนี้ จังหวะที่หมี่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็เห็นร่างใหญ่โตของรูมเมทนอนฟุบอยู่ข้างเตียง“เฮ้ย!ทำไมมึงมานั่งหลับอยู่ตรงนี้เนี่ย” เสียงเล็กแหลมอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อเบาเสียงลง“เอ๊ะ! นั่นกระเป๋าตังไอ้อินเหรอ...” ขณะที่หมี่เริ่มมีอาการเลิ่กลั่ก สายตาดันเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่หล่นอยู่ข้างตัวอีกฝ่าย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ มือเล็กก็เอื้อมไปหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างช้า ๆ และระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกระเป๋าสตางค์สีดำสนิทที่หมี่คิดเองเออเองว่าน่าจะเป็นหนังแท้มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปปีกนางฟ้าสีเงินวาววับมุมขวาล่าง เปิดออกปุ๊บก็เห็นบัตรประจำตัวประชาชนของอีกฝ่ายที่เสียบไว้ในช่องขวามือ หมี่เลยถือวิสาสะหยิบบัตรออกมาดู“เกิดวันที่หนึ่งกันยายน เห้ย!ไอ้ยักษ์อายุน้อยกว่ากูอีกเหรอเนี

    Last Updated : 2024-11-21

Latest chapter

  • อินกินหมี่   วันแต่งงาน

    ชีวิตของเด็กหนุ่มทั้งสองก็ดำเนินต่อไป ผ่านเรื่องราวสุขทุกข์แต่ก็ยังคงจับมือกันและฝันฝ่าทุกอย่างไปได้จนมาถึงวันนี้ วันที่ทั้งสองคนเรียนจบและเข้ารับปริญญาทุกคนต่างก็มีเป้าหมายและเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองเลือกกันต์เรียนจบช้ากว่าพวกเขาไปหนึ่งเทอมแต่ก็ยังโชคดีที่เด็กหนุ่มขยันและติดตามงานจนเรียนจบมาได้ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางที่เขาเลือกเดินคือการไปทำงานต่างประเทศร่วมกับแม่ เด็กหนุ่มตัดสินใจประกาศปล่อยขายบ้าน ตอนนั้นเองที่หมี่คุยกับพี่ชายของตัวเองว่าอยากให้ช่วยซื้อบ้านหลังนี้ จะได้ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ กันแมนก็กลับไปคิดทบทวนอยู่หลายวันเพราะการย้ายบ้านเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ทั้งการเดินทางและเรื่องการเงิน อีกอย่างตอนนี้เขาไม่ได้เป็นโสดแล้ว ย่อมต้องปรึกษาคนรักท้ายที่สุดแล้วแมนก็ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้นพร้อมพาแฟนมาอยู่ด้วยกัน หมี่มีความสุขมากที่เห็นพี่ชายมีคนรักที่ดี คนตัวเล็กรู้สึกชอบว่าที่พี่สะใภ้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น พี่กวางทั้งสวยทั้งน่ารัก ทำงานเก่ง นิสัยดีแถมยังชวนหมี่ทำอาหารด้วยกันบ่อยมากซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้หมี่ก็ได้เดินตามเส้นทางของตัวเองเหมือนกัน เขาไปสมัครงานที่ร้

  • อินกินหมี่   วันฮัลโลวีน NC++

    และแล้วช่วงเวลาก็ผ่านพ้นไปจนใกล้จะสิ้นปีอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนก็ใกล้จะจบการศึกษากันแล้ว ทว่ากิจกรรมที่หมี่อยากลองทำร่วมกับอินมาโดยตลอดคือการแต่งตัวในวันฮัลโลวีน“นะ มึงเบ้าหน้าดีจะตาย แต่งตัวคู่กับกูหน่อยไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงออดอ้อนแกมเว้าวอนดังมาจากหมี่“ไม่เอา” อินที่ฟังประโยคนี้มาร่วมสัปดาห์ก็เริ่มรู้สึกท้อใจแทนคนตัวเล็กแต่เขาไม่อยากแต่งตัวแฟนตาซี จะให้ทำยังไงได้“โธ่! ปีหน้าก็เรียนจบกันแล้ว ขอแค่นี้ก็ไม่ได้!” จากการอ้อนก็เปลี่ยนเป็นประชดประชัน ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างอินเหรอจะยอม“เฮ้อ ก็ได้” และใช่ เขายอม“จริงนะ!” หมี่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ สาเหตุที่เขาชวนอินทำกิจกรรมร่วมกันไว้วันนี้เป็นเพราะรู้สึกเบื่อ นี่ถ้าพ่ออาร์มกับแม่ฝันอยู่บ้านคนตัวเล็กคงอ้อนผู้ใหญ่มากกว่าชวนร่างสูงทำอะไรแบบนี้“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” อินที่ตอบตกลงก็พูดต่อ เด็กหนุ่มไม่อยากจะนับเลยว่าเขาพูดไอ้คำว่า ‘แค่ครั้งเดียว’ กับอีกฝ่ายไปกี่ล้านครั้งแล้ว ทว่าหมี่ที่เอาแต่คิดรังสรรเรื่องเครื่องแต่งกายก็ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย“แล้วเราจะแต่งไปหลอกใครดี” ปากเล็กขยับขอความคิดเห็นจากคนรักด้วยท่าทีตื่นเต้น ต่างจากอินที่คิ้วขมว

  • อินกินหมี่   วันสงกรานต์ NC++

    “ไปเล่นน้ำกันนนนน” หมี่สดใสร่าเริงแต่หัววันเพราะวันนี้เป็นวันสงกรานต์และทางมหาลัยฯ ได้จัดสถานที่สำหรับสาดน้ำไว้ให้นักศึกษาและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง“ไปเปลี่ยนชุด” ทว่าขาของคนตัวเล็กก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงทักท้วงเรื่องเครื่องแต่งกาย“เปลี่ยนทำไม ชุดนี้แหละได้แล้ว” คนตัวเล็กก้มมองชุดที่ตัวเองสวมอยู่ เสื้อยืดสีขาวเนื้อผ้าบางโปร่งโล่งสบาย กางเกงขาสั้นพร้อมลุยน้ำ สายคล้องคอสำหรับใส่มือถือกันเปียกน้ำ อุปกรณ์ก็พร้อมลุยแล้ว จะให้เปลี่ยนทำไม“จะไปเปลี่ยนเองหรือจะให้กูเปลี่ยนให้” แต่อินก็ยังคงยืนยันที่จะให้คนรักไปเปลี่ยนชุด เขาเป็นผู้ชายมากกว่าอีกฝ่ายและรู้ดีว่าชุดนี้มันล่อแหลม อันตรายมากขนาดไหน“กู! ไม่! เปลี่ยน!” หมี่ปฏิเสธเสียงแข็งและดึงดันที่จะใส่ชุดนี้ไปให้ได้ อินที่ทนไม่ไหวก็กำลังจะเอื้อมมือไปคว้าตัวอีกฝ่ายมาเปลี่ยนชุดก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“ไอ้หมี่เสร็จยัง! แห้วรออยู่ข้างล่าง!” ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงเรียกจากบั๊มดังแทรกเข้ามา“เออ! เพื่อนมารอแล้วเห็นมั้ย รีบไปปป” คนตัวเล็กฉวยโอกาสนี้ดดันร่างสูงของอินตรงไปที่ประตู“ก็ได้” เด็กหนุ่มที่รับรู้ได้ว่าหมี่คงไม่ยอ

  • อินกินหมี่   วันวาเลนไทน์ NC++

    “แห้ว เรามีเรื่องจะปรึกษา” หมี่นั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเพียงคนเดียวที่เขามีพลางกระซิบกระซาบเสียงเบาเพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องสมุดของทางมหาลัยฯ“เรื่องอะไรเหรอหมี่” หญิงสาวหันมองเพื่อนแสนแสบด้วยสายตาสงสัย“ปกติวันวาเลนไทน์ต้องซื้ออะไรให้คนรักเหรอ ไม่เอาพวกชอกโกแลตหรือของกินนะ” ได้ยินคำถามแล้วแห้วก็ยิ้มอ่อนทันที“ก็ของขวัญทั่วไปแหละ หมี่จะซื้อของให้อินเหรอ”“ใช่ คราวก่อนซื้อกำไลข้อมือไปให้ตอนปีใหม่อ่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้างึกงัก ก่อนจะหน้าแดงเมื่อพูดถึงเรื่องนั้น“ซื้อกำไลให้...แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” นั่นยิ่งสร้างความฉงนให้กับเพื่อนสาว“ก็...ช่างเถอะ แห้วล่ะ วันวาเลนไทน์นี้จะซื้อของให้บั๊มมั้ย” ในเมื่อเขาไม่อยากนึกถึงเรื่องค่ำคืนแลกของขวัญวันปีใหม่ก็มีแต่จะต้องเบี่ยงประเด็นเท่านั้น“เราทำเค้กให้น่ะ” แห้วตอบกลับแกมเขินอายพลางอมยิ้มเล็กน้อย ต่างจากหมี่ที่หน้าซีดหน้าเซียวเป็นไก่ต้ม“เค้กเหรอ ไม่เอาเค้ก!”“หมี่จะตะโกนทำไมเนี่ย เราตกใจหมดเลย” เพื่อนสาวถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะจู่ ๆ คนตัวเล็กก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น“ขะ ขอโทษ คือเรา...เราไม่อยากทำเค้กน่ะ” โอ๊ย! ให้ตายสิ สมองน้อย ๆ ของไอ้หมี่ อย่

  • อินกินหมี่   วันปีใหม่ NC++

    “หมี่ ปีใหม่นี้ไปเที่ยวกันมั้ย” เสียงทุ้มของอินเอ่ยถามคนรักอย่างแผ่วเบา ตอนนี้พวกเขากำลังจัดตกแต่งบ้านเพื่อเตรียมต้อนรับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้“เที่ยวที่ไหน” คนตัวเล็กตอบพลางแปะแผ่น ‘สวัสดีปีใหม่’ ตรงขอบประตูหน้าบ้าน“ไม่รู้ อยากไปไหนรึเปล่า” เด็กหนุ่มตอบแบบขอไปทีเพราะเขาไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย...แค่อยากลองชวนหมี่ไปเที่ยวเท่านั้น“ขี้เกียจอ่ะ” ตอบเสร็จ คนตัวเล็กก็เท้าสะเอวยืนชื่นชมผลงานของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวลงจากเก้าอี้ที่อินช่วยจับไว้ให้“ไปสวนสนุกมั้ย กูเห็นคนไปกันเยอะเลย”“ร้อนจะตาย ไม่ไป” หมี่หน้ายู่เมื่อคิดถึงสภาพอากาศที่ร้อนระอุขนาดนี้ในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด“แต่กูอยากทำกิจกรรมร่วมกับมึงไง” ดวงตาสีคาราเมลของคนตัวเล็กเบิกกว้าง ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่อีกฝ่ายพูดกับตนแบบนี้“เอ๊ะ? เมื่อก่อนกูเป็นคนพูดคำนี้นะ ทำไมเดี๋ยวนี้กลายเป็นมึงพูดแทนล่ะ” แค่คิดว่าทุกวันนี้ไอ้ยักษ์หลงตัวเองหัวปักหัวปำก็เขินจนตัวบิดเป็นเกลียว“เออน่า สรุปไปมั้ย” อินถามย้ำอีกครั้ง เขารู้ดีว่าตัวเองติดอีกฝ่ายงอมแงมมากแค่ไหนก็ยังใจแข็งไม่พูดออกไป“ไม่ไป” เมื่อได้ยินคนรักปฏิเสธเสียงแข็งก็ทำอะ

  • อินกินหมี่   วันเกิดอิน [6 กันยายน] NC++

    งานวันเกิดของหมี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือน ก็ถึงงานวันเกิดของแฝดอย่างอินและอันต่อ ซึ่งหลายคนเห็นพ้องตรงกันว่าอยากจัดงานเล็ก ๆ แบบเดิม โดยงานนี้จะมัดรวมวันเกิดของกันต์ไว้ด้วยเด็กหนุ่มผิวแทนก็ไม่บ่นอะไรเพราะวันเกิดของเขาถัดไปอีกแค่สามวันเท่านั้น ดีซะอีกที่เขาไม่ต้องทำอะไรเยอะ แค่มาช่วยงานที่บ้านลุงอาร์มป้าฝันก็พอและถึงแม้ว่างานนี้จะไม่มีอันแล้วแต่ทกุคนก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่เสมอ อินรู้สึกดีที่ได้งานวันเกิดปีนี้เขามีคนรักเพิ่มเติมมาด้วยและเขาก็รับรู้ว่าตัวเองมีความสุขมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เด็กหนุ่มยิ้มให้ภาพของแฝดน้องที่ติดอยู่บนฝาผนัง ก่อนจะเดินไปหาหมี่ในครัว“สอนกูทำเค้กหน่อย” เสียงทุ้มของอินขอความช่วยเหลือจากคนรักเด็กหนุ่มคิดมาตั้งแต่งานวันเกิดหมี่แล้วว่าเขาอยากทำเค้กให้คนสำคัญได้กิน แต่ตอนนั้นถ้าบอกให้คนตัวเล็กสอนมีหวังความลับรั่วไหลกันพอดี เลยต้องอุบเงียบเอาไว้ก่อน ทว่าตอนนี้ถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ลองแล้ว“หะ? อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย” คนตัวเล็กที่กำลังล้างจานอยู่ ถึงกับหันควับมามองหน้าแฟนหนุ่มของตน“กูอยากลองทำเค้กให้พ่อกับแม่กิน” อินตอบอย่างที่ใจคิด ถึงแม้ว่าลึก ๆ แล้วเขาเพียงแค่อยากใช

  • อินกินหมี่   วันเกิดหมี่ [4 สิงหาคม] NC++

    “พี่แมนเสร็จรึยังง” เสียงเจื้อยแจ้วของหมี่ตะโกนเรียกพี่ชายที่ยังไม่ออกมาจากตัวบ้านและปล่อยให้เขายืนรออยู่ที่รถ“เสร็จแล้ว ๆ เร่งจังเลยนะเรา” พี่ชายก็โผล่ออกมาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนเพราะน้องชายเรียกหาทุก ๆ ห้านาที“ก็หมี่ไม่อยากให้พ่ออาร์มกับแม่ฝันรอนานนี่นา ถึงหมี่จะเป็นเจ้าของงานวันเกิดแต่หมี่เองก็ต้องไปช่วยแม่เตรียมของกินนะ” ว่าพลางยกมือขึ้นเท้าสะเอวและเบ้ปากไม่พอใจ“จ้าาา ขึ้นแท่นเป็นลูกรักคนโปรดเขารึยังอ่ะ” แมนเห็นน้องชายเป็นแบบนี้ก็ขอแซวแซะไปหนึ่งกรุบ“พี่แมนพูดอะไรเนี่ย! แม่ฝันยกให้หมี่เป็นลูกรักแค่คนเดียว! ไม่ต้องแข่งกับใคร! ส่วนไอ้อันอ่ะขึ้นแท่นไปแล้วเราไม่พูดถึง” เรื่องนี้หมี่ขอมั่นหน้า หมี่จะไม่ยอมให้ใครได้เป็นลูกรักของพ่อแม่อีกต่อไปพี่ชายก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดแสนเด็กน้อยนั้น“น้องชายใครเนี่ยน่าหมั่นไส้จริง ๆ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็ขึ้นรถและมุ่งหน้าไปยังบ้านของอินความจริงแล้ววันนี้ยังไม่ถึงวันเกิดของหมี่ ทว่าเจ้าตัวเสนอจัดงานวันเกิดล่วงหน้าที่บ้านนั้นเพราะวันจริงเขาต้องไปเที่ยวกับอิน อีกทั้งยังได้โอกาสเหมาะชวนพี่แมน พี่ชายสุดที่รัก ผู้ซึ่งเป็นทั้งพ่อ แม่และพี่ชายของเขาไปบ้านอ

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (6/6) - ตอนจบ -

    ...ท่ามกลางบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่น ช่วงก็เวลาล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทว่าทั้งคู่ก็ยังสามารถประคับประคองความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยมนอกเหนือจากเรื่องความรักของอินและหมี่ ก็มีเรื่องของคนตัวเล็กและพี่ชายที่นับวันจะยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น ตอนนี้พี่แมนเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะมากและดูเหมือนว่าพี่จะมีแฟนด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นพี่ชายในมุมคลั่งรักใครสักคนทางด้านครอบครัวของอิน นับตั้งแต่มีการคุยเปิดอกกันในตอนนั้น ทุกคนก็มีความสุขตลอดมาและมีการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความทรงจำที่ดีเช่น การให้พ่อและอินเป็นเชฟทำกับข้าวในช่วงวันหยุด โดยมีแม่และหมี่คอยยืนดูพร้อมทั้งเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ หรือกิจกรรมไปเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าหมี่ก็ติดสอยห้อยตามไปทุกที่เพิ่มเติมคือตอนนี้น้าเกดกลับจากการทำงานต่างประเทศและได้มาดูแลลูกชายอย่างเต็มที่แล้ว กันต์เองก็เข้ารับการรักษาต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว แถมยังมาบ้านอินบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วยและวันนี้ก็เช่นกันวันนี้เป็นวันครบรอบการจากไป

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (5/6) NC

    “หมี่” เสียงเรียกชื่อจากคนรักเบาบางจนเกือบไม่ได้ยิน ทว่าร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดติดกันมากพอที่จะทำให้ทั้งคู่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน“เรามีความสุขด้วยกันได้ จริงมั้ย” รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้เด็กหนุ่มเหมือนอย่างเคย“ดีจริง ๆ ที่เป็นมึง” อินขยับตัวเข้าหาเจ้าของรอยยิ้มเพื่อแบ่งปันไออุ่นจากร่างกายของกันและกันแต่มือเล็กกับดันตัวเขาไว้พร้อมเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา“นี่ ๆ ลองทำอันนี้กัน”“อะไร” กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่เลยเชียว ถึงเขาจะรู้สึกเสียดายแต่ไม่เป็นไร หลังจากนี้เขามีเวลาได้ใกล้ชิดกันอีกเยอะ“วิธีที่ทำให้รักกันยืนยาว มันเป็นคำถามอ่ะ คำถามที่จะทำให้คุณรู้จักคนรักมากขึ้น” ดวงตากลมโตแป๋วแหว๋วมองตรงที่หน้าจอและขยับปากอ่านตามตัวอักษรในนั้น“ไปหาอะไรแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”“กูก็หาไปเรื่อยอ่ะ ว่าไง สนใจลองตอบคำถามดูมั้ย”“ลองดู เผื่อเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น”ระหว่างที่ผลัดกันถา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status