หน้าหลัก / LGBTQ+ / อินกินหมี่ / บทที่ 1 ผมชอบหมี่ (5/6)

แชร์

บทที่ 1 ผมชอบหมี่ (5/6)

ผู้เขียน: ภุมโม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-17 20:15:20

ภายในเวลาไม่กี่นาทีนักศึกษาปีหนึ่งที่มีป้ายชื่อสีเขียวก็มารวมตัวกันตรงนี้ ภาพของผู้คนดูบางตากว่าตอนแรกไปมากเพราะเด็กปีหนึ่งถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ซึ่งตอนนี้รุ่นพี่หลายคนก็เริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำกิจกรรมจนพร้อม และแล้วก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งหยิบโทรโข่งขึ้นพร้อมอธิบายรายละเอียดกิจกรรม

“สวัสดีค่าาา ยินดีต้อนรับน้อง ๆ ปีหนึ่งอีกครั้งนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพี่ขออธิบายกิจกรรมแรกของกลุ่มสีเขียวเลยนะ กิจกรรมนี้มีชื่อว่าเต้นแร้งเต้นกาพาเพลิน~” เมื่อรู้ชื่อกิจกรรม เสียงโห่ร้องของเหล่ารุ่นพี่และน้อง ๆ ปีหนึ่งก็ดังขึ้นด้วยความครื้นเครง

“กิจกรรมนี้ง่ายมาก ทุกคนแค่เต้นไปตามจังหวะเพลงที่พี่สตาฟเปิดให้ฟังนะคะ เต้นไปเรื่อย ๆ ถ้าน้องเต้นดี! เด้งแรง! ท่าโดนใจ! กิจกรรมก็จะสิ้นสุดลงทันที ถ้าพร้อมแล้วขอเชิญพี่ทีมสันทนาการร่วมเต้นกับน้องปีหนึ่งด้วยค่าาา” สิ้นเสียงอธิบายกิจกรรมจากรุ่นพี่คนสวย อินก็ยืนแน่นิ่งพร้อมเหงื่อเม็ดใหญ่ที่เริ่มผุดขึ้นมาตรงขมับ ให้ตายสิ กิจกรรมแรกต้องเต้นเหรอ เขาเต้นเป็นที่ไหนกัน!

“นี่! ทำไมไม่เต้นล่ะ เดี๋ยวไม่ผ่านกิจกรรมนะ” เสียงเล็กแหลมของคนที่เจอกันก่อนหน้านี้ดังมาเข้าหูแต่อินเลือกที่จะไม่สนใจ

“...”

“หรือมึงเต้นไม่เป็น แค่ทำท่าตามที่พี่เค้าสอนเองนะ ง่ายจะตายไป” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็หยุดเต้นและยืนเท้าสะเอวพลางขมวดคิ้วจ้องเขม็งมาทางเขา

“อืม” เสียงตอบกลับของเด็กหนุ่มดังทุ้มในลำคอเพราะการยอมรับว่าตัวเองมีเรื่องที่ทำไม่ได้ก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรแต่สิ่งนี้กลับถูกใจคนตัวเล็ก

“ฮ่าฮ่าฮ่า! คนอะไรวะแค่กางแขนกางขาเต้นแบบนี้ก็ทำไม่เป็น มา! กูช่วยเอง” อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังลั่นและหันมาฉีกยิ้มกว้างหลังพูดจบ

รอยยิ้มนั้นทำเอาเด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยพลางคิดในใจว่าคนอะไรจะร่าเริงได้ขนาดนี้ สงสัยอีกฝ่ายคงใช้ชีวิตมาอย่างดีตรงกันข้ามกับคนมืดมนแบบเขา จังหวะนั้นเองที่สายตาของอินเหลือบมองป้ายชื่อสีเขียวของอีกฝ่าย ชื่อ ‘หมี่’ งั้นเหรอ หึ เหมาะสมกับเจ้าตัวจริง ๆ

มือเล็กของอีกฝ่ายคว้าจับมือหนาของเขาไว้และชูขึ้นสูงจนสุดแขนพร้อมโยกไปโยกมา ตามด้วยการจัดท่าทางให้เขาเต้นท่าแร้งตามที่รุ่นพี่สอน วินาทีนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายที่สุดที่อินเคยเจอ ทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงความสุขและความสนุกอีกครั้งในรอบหลายปี...

“เป็นไงมึง เต้นสนุกใช่มั้ยล่ะ” สิ้นสุดกิจกรรมเต้นแร้งไปได้ด้วยดี คนตัวเล็กก็หันมายิ้มยิงฟันพร้อมเหงื่อที่ไหลไปตามกรอบหน้า

“อืม ก็ดี” คำตอบแสนสั้นจากเด็กหนุ่มบวกกับเบ้าหน้าฟ้าประทานทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหมั่นไส้ในความขี้เก๊กขึ้นมาเล็กน้อยจนอดไม่ได้ ต้องขอพูดจาเหน็บแนมไอ้ยักษ์นี่สักหน่อย

“กูอยากจะแหม~ มาจากดาวอังคาร ก่อนหน้านี้มึงยังเด้งเอวอยู่เลย ทำมาพูด อืม ก็ดี จะทำเข้มเพื่อ? กิจกรรมต่อไปจะเริ่มแล้ว ร่าเริงไว้นะเพื่อนอย่าทำตัวซังกะตาย เป็นแบบนี้มีหวังไม่ผ่านกิจกรรมกันพอดีอ่ะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูผ่านเรื่องนี้ไปได้” คนตัวเล็กหันมาจ้องเขาพลางยกมือลูบคางตัวเอง ก่อนจะหรี่ตามองอย่างมีพิรุธจนอินทำตัวไม่ถูก

“ไม่อ่ะ กูตัดสินใจละ มึงอยู่กับกูไว้นะเดี๋ยวกูช่วยมึงเอง” เมื่ออีกฝ่ายพูดจบอินก็อึ้งและนิ่งงันไปเล็กน้อย...เขาคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ดี

‘มึงเป็นอย่างนี้ตลอดเลยไอ้อิน เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวหม่นหมองสักที เฮ้อ! มึงอยู่ใกล้กูไว้นะเดี๋ยวกูจะพามึงร่าเริงเอง’

“มึงได้ยินป่ะเนี่ย!” เสียงเล็กตะโกนถามเพราะจู่ ๆ ก็เห็นคนร่างยักษ์นิ่งเงียบไป

“ขอบใจ” อินตอบกลับไปเสียงเบา ทว่ามันกลับดังชัดสำหรับคนฟัง

“ขะ..ขอบใจอะไรกันเล่า! เรื่องคะ..แค่นี้เอง!” คนตัวเล็กหูแดงขึ้นมาทันทีเพราะได้รับคำขอบคุณจากอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะหันหน้าหนีเพื่อเก็บอาการเขินอาย อินเห็นแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยและคิดทบทวนว่าเมื่อครู่เขาทำอะไรลงไป ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมถัดไป

“กิจกรรมที่สองคือสามัคคีตีลังกา ให้น้อง ๆ แบ่งทีมกันนะคะ แล้วคัดเลือกตัวแทนสองคนออกมาแข่งขันกับทีมอื่น กติกาง่าย ๆ คือให้คนหนึ่งตีลังกาไปคาบขนมจากอีกฝั่งและตีลังกากลับมา มอบขนมให้อีกคนที่รออยู่ คนที่ได้รับขนมก็ต้องรีบกินขนมให้หมด ทีมไหนกินขนมเสร็จก่อนถือว่าชนะและจะได้รับขนมเป็นของรางวัล เอาไปกินกันทั้งทีม!!!”

วู้ววว!!!

“พร้อมแล้วก็แยกย้ายกันแบ่งกลุ่มได้เลยค่าาา” นักศึกษาต่างพากันหันมองและพูดคุยกับเพื่อนที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อหากลุ่มให้เร็วที่สุด หมี่ก็พาอินไปจับกลุ่มกับเพื่อนใหม่ได้สำเร็จ ก่อนจะเริ่มมีการปรึกษากันว่าใครจะเป็นตัวแทนออกไปแข่งขัน

“อะแฮ่ม! คือเราไม่อยากจะพูดอย่างนี้เลยนะเพราะเดี๋ยวจะหาว่าคุย แต่เรากินเก่งมาก ฉะนั้นเราขอเสนอตัวเองเป็นหนึ่งในตัวแทนเพื่อไปช่วงชิงรางวัลอันแสนล้ำค่าที่ล่อตาล่อใจนั่นมาเอง!” เพื่อน ๆ หน้าเหวอกันเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เจ้าตัวพูดออกมา ขนมเนี่ยนะรางวัลอันล้ำค่า?

“เยี่ยม!”

“ได้เลย!”

“ทำให้เต็มที่นะ!”

“แหม~ ทุกคนช่วยเชียร์กันขนาดนี้ ก็ต้องขอขอบคุณมากเลยนะ~” ซึ่งเสียงสมาชิกส่วนใหญ่ก็พร้อมเพรียงกันเห็นดีเห็นงามที่มีคนเสนอตัวเองเข้าแข่งขัน คนตัวเล็กยืนเกาท้ายทอยและบิดตัวไปมาแก้เขิน

“แล้วอีกคนจะเป็นใครล่ะ การตีลังกาไปกลับพร้อมคาบขนมไว้ด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ” เสียงหนึ่งในสมาชิกถามขึ้นอย่างกังวล หมี่หันมองอินทันทีและตัดสินใจพูดสิ่งที่คิดออกมา

“อะแฮ่ม! ในเมื่อเวลาสำหรับการคัดเลือกผู้กล้านั้นมีจำกัด เราจึงขอเสนอเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอกันแต่ดูมีแววน่าสนใจ ร่างกายแข็งแรงสมส่วน แขนขาที่ยาวกว่าคนอื่น ๆ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขัน คนนี้เลย!” พูดจบก็ผายมือไปทางอินที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ

“อะไรของมึง กูไม่ไป” อินตอบกลับเสียงแข็ง

“โถ่ ร่างกายเหมาะจะเป็นนักกีฬาขนาดนี้กะอีแค่ตีลังกาสองสามทีคงไม่คณามือมึงหรอก...หรือมึงจะบอกว่าตีลังกาไม่เป็น!” คนตัวเล็กแสร้งทำท่าทางตกใจจนเกินเหตุและนั่นทำให้เริ่มมีคนหันมาสนใจเขา

“เป็น” เด็กหนุ่มเลือกตอบความจริงไปเพราะจะให้เขาโกหกอีกฝ่ายว่าตีลังกาไม่เป็นก็ทำไม่ได้อีก ศักดิ์ศรีมันค้ำคอซะขนาดนี้ อีกอย่างคือถ้าบอกไปว่าทำไม่เป็นมีหวังโดนอีกฝ่ายล้อยันเรียนจบแน่ ๆ ซึ่งคำตอบของอินนั้นก็เข้าทางคนตัวเล็กอย่างจัง

“นั่นไง! มึงตีลังกาเป็นเพราะงั้นช่วยหน่อยนะ รางวัลเป็นขนมเลยนะ คุ้มค่าให้ทุ่มเทจะตายไป” เสียงเล็กแหลมของหมี่นั้นฟังดูออดอ้อนกว่าทุกที มือเล็กยกโบกไปมาเพื่อให้รู้ว่าของรางวัลที่จะได้มานั้นมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน

“ยังไงพวกเราก็เป็นคนลงแข่งนะ ต้องได้ขนมมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว มึงเชื่อกู! มีแต่คุ้มกับคุ้ม!” จู่ ๆ คนตัวเล็กก็เกาะไหล่เขาและเขย่งขาขึ้นมากระซิบกระซาบข้างหูเพื่อโน้มน้าวอีกครั้งในจังหวะที่เด็กหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงได้ฟังคำพูดของอีกฝ่ายและเห็นว่าความคิดนั้นตลกดีก็ยอมตอบตกลง

“ก็ได้”

“มึงนี่เห็นแก่กินเหมือนกันนะ ดีเลย เราพวกเดียวกัน!”

เมื่อได้ตัวแทนในการลงแข่งเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็มายืนอยู่ตรงจุดเริ่มต้นการแข่งขัน และเนื่องจากชุดนักศึกษาค่อนข้างพอดีตัวสำหรับอิน เขาจึงต้องดึงกางเกงและเสื้อให้ร่นขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อป้องกันเสื้อผ้าฉีกขาดจากการฉีกแข้งฉีกขาตีลังกา

ส่วนคนตัวเล็กก็ยกมือบางขึ้นนวดแก้มเบา ๆ และอ้าปากกว้างเพื่อวอร์มกรามเตรียมพร้อมเคี้ยวขนมด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ รอเพียงไม่กี่อึดใจเสียงเป่านกหวีดก็ดังขึ้นเป็นสัญญานเริ่มต้นการแข่งขัน แขนขาที่เหยียดยาวของอินทำให้เขาตีลังกาเพียงสามครั้งเท่านั้นก็ไปถึงจุดที่วางขนมไว้

เด็กหนุ่มก้มหน้าลงไปคาบขนมตรงหน้าขึ้นมาหนึ่งซองและตีลังกากลับมาที่กลุ่มพร้อมแกะขนมยื่นให้คนตัวเล็กที่รออยู่ เมื่อได้รับขนมมาแล้วก็ไม่รอช้า หมี่เทขนมทั้งซองเข้าปากทันทีพร้อมชูซองขนมที่ว่างเปล่าขึ้นสูงและโบกพัดไปมา

“ได้ทีมที่ชนะแล้วค่าาา!” เสียงของรุ่นพี่คนสวยประกาศดังลั่นผ่านโทรโข่งพร้อมผายมือมาทางพวกเขา เสียงรุ่นพี่สตาฟตีกลองรัวดังกึกก้องพร้อมเสียงปรบมือจากเหล่านักศึกษาที่คอยเป็นกองเชียร์ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโห่ร้องดีใจของสมาชิกในทีม

เย้!!!

“อีมเอาอะอ๊ะ!” คนตัวเล็กหันมาพูดทั้งที่ยังเคี้ยวขนมอยู่เต็มปาก

“กลืนก่อนค่อยพูด” เสียงทุ้มเข้มพูดดุ ทำเอาอีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้นรีบกลืนขนมลงคอทันที

“อึก! ทีมเราชนะ!”

“หึ” อินเผลอยกยิ้มมุมปากอีกครั้งอย่างลืมตัว เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเขย่าแขนแกร่งของเขาไปมาพร้อมมีท่าทีดีใจขนาดไหน

“ทีมที่ชนะ! ส่งตัวแทนมารับของรางวัลจากพี่สตาฟตรงนี้นะคะ!” สิ้นเสียงนั้น คนตัวเล็กก็หายวับไปอยู่หน้าจุดรับขนมทันทีอย่างกับนินจา ก่อนจะนำขนมที่ได้มาแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ

“เอาล่ะกิจกรรมที่สามคือสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว น้อง ๆ สามารถอยู่ทีมเดิมได้เลยนะคะ แล้วคัดเลือกตัวแทนเพื่อลงแข่งสองคนเช่นเดิม จะเป็นคู่เดิมหรือคู่ใหม่ก็ได้ค่ะ” พี่คนสวยอธิบายเรื่องการแบ่งทีมเสร็จเรียบร้อย หมี่ก็หันไปบอกเพื่อน ๆ ในทีมพร้อมกับชูกำปั้นขึ้นฟ้าราวกับจะไปออกรบ

“งั้นทีมเราเอาคู่เดิมเลยนะ! ทุกคนไม่ต้องห่วงเราจะแบกความหวังของทุกคนไว้และเอาคว้าชัยชนะเกมนี้มาให้ได้ ไว้ใจได้เลย!” พูดจบก็เดินไปยังจุดเตรียมตัวเริ่มแข่งโดยมีอินเดินตามไปเงียบ ๆ

“กติกาของเกมนี้ง่ายมาก ให้แต่ละคู่ใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของใบหน้าหนีบลูกบอลไว้ด้วยกันและนำลูกบอลไปใส่ในขวดโหลที่อยู่ทางด้านนั้นค่ะ” ได้ยินคำอธิบายกิจกรรมนี้ คนตัวเล็กถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจและขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพราะกำลังใช้ความคิด

“แต่ละคู่จะใช้ส่วนไหนของใบหน้าและวิธีการหนีบลูกบอลแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นนะคะ คู่ไหนนำลูกบอลลงขวดได้ก่อน ถือว่าชนะไปเลยค่ะ!” เสียงเชียร์ดังขึ้นจากทั่วสารทิศยิ่งสร้างความกดดันให้คนตัวเล็ก

“แย่แล้ว! นี่ไอ้ยักษ์ก้มลงมาอีกหน่อยได้มั้ย!” เสียงบ่นดังขึ้นเป็นระยะเพราะทั้งคู่กำลังทดลองหาวิธีการหนีบบอลกันอยู่

“เขย่งขาขึ้นมาสิ” แต่ยิ่งคุยกันก็เหมือนจะยิ่งทำให้หงุดหงิด หึ้ย! ใครจะไปยอมกันล่ะ!

“กูเขย่งจนสุดขาแล้วเนี่ย! มึงอ่ะก้มลงมา!”

“ก้มมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ปวดหลัง”

“โว๊ะ! ไอ้ยักษ์แก่! ก้มแค่นี้ทำมาเป็นบ่นปวดหลัง ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องชนะเกมนี้ไปให้ได้นะเว้ย มึงดูแววตาของเพื่อนในทีมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังนั้นสิ มึงจะมาทำลายจิตใจของทุกคนตอนนี้ไม่ได้นะ!”

หมี่พูดพลางกุมมือทั้งสองเข้าหากันและส่งสายตาวิ้งวิ้งมาทางเขาราวกับกำลังอ้อนวอน เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหัวเอือมระอาให้กับการกระทำนั้นและคิดว่าการที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้ดูน่ารักไปมากกว่าเดิมหรอก..

“แน่ใจนะว่าตอนชนกู หัวมึงไม่ได้กระทบกระเทือน”

“หะ? หัวกระเทือนอะไรของมึง อย่าเพิ่งมานอกเรื่อง! ช่วยกันคิดหาวิธีชนะเกมนี้ก่อน” หมี่ได้แต่ยืนเกาหัวด้วยความงุนงง เขาไม่ได้หัวกระเทือนอะไรสักหน่อย ไอ้ยักษ์นี่พูดบ้าอะไรกัน

“กูมีวิธีแล้ว” ได้ยินคำนี้คนตัวเล็กถึงกับหูผึ่ง หันควับมาถามทันที

.

.

.

รี้ดที่น่ารักอยากซื้อขนมให้ผมก็โดเนทได้เลยนะฮะ ผมจะกินให้เกลี้ยงเล้ยยยยย//หมี่

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อินกินหมี่   บทที่ 1 ผมชอบหมี่ (6/6)

    “วิธีอะ- ว๊ากกกก” หมี่ยังพูดคำถามไม่ทันจบก็ถูกอินอุ้มขึ้นซะก่อน คนตัวเล็กส่งเสียงหวีดร้องน่ากลัวอินเอาลูกบอลที่ได้มา วางแนบไว้ข้างแก้มตัวเองและดันบอลให้ติดกับแก้มของคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน ความจริงแล้วอินคิดหาวิธีชนะเกมนี้ตั้งแต่ได้ยินกติกาแล้ว และหลังจากที่เขาคิดวิเคราะห์อยู่นานก็ได้คำตอบว่าวิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด“หนีบบอลไว้ให้แน่น ๆ ล่ะ กูจะวิ่งไป” อินพูดจบ เสียงเป่านกหวีดเริ่มแข่งขันก็ดังขึ้น ร่างสูงวิ่งตรงไปยังโต๊ะที่มีขวดโหลวางอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับอุ้มร่างนักศึกษาชายของหมี่ไปด้วยคนตัวเล็กที่ถูกอุ้มนั้นก้มหน้างุดเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี นี่เขาเป็นผู้ชายนะ!ทำไมไอ้ยักษ์อุ้มราวกับว่าเขาตัวเบาแบบนี้!แถมยังวิ่งไปอีก โอ๊ยตายแล้ว! จบกันชีวิตสุดหล่อในรั้วมหาลัยฯ ของไอ้หมี่!แต่ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กจะเขินจนตัวแดงขนาดไหนก็ยังแนบใบหน้าหนีบลูกบอลไว้อย่างดีพร้อมกอดคออินเอาไว้แน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (1/6)

    เสร็จจากกิจกรรมรับน้อง ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทางกลับหอพัก บางคนกลับบ้านเช่าใกล้ ๆ มหาลัยฯ บางคนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งอินก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่างสูงของเด็กหนุ่มยืนรอโบกรถโดยสารเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้แม่ไม่อยู่และนั่นแปลว่าที่บ้านไม่มีอะไรกิน เขาจึงเดินออกมาจากจุดรอรถและเดินหาร้านค้าที่อยู่ละแวกนั้นแทนครืดดด ครืดดด“ดีขึ้นยัง” ทันทีที่รับสายอินก็ถามไถ่อาการอีกฝ่ายแต่เสียงของกันต์ที่ตอบกลับมานั้นเบาหวิวจนเด็กหนุ่มเกือบไม่ได้ยิน สงสัยอีกฝ่ายน่าจะยังปวดหัวอยู่“กูหิว”“จะกินไร เดี๋ยวกูซื้อไปให้” อินถามพลางหันมองรอบข้าง เขาเองก็ไม่เคยใช้ชีวิตแถวนี้ เลยไม่แน่ใจว่ามีร้านอาหารตามสั่งหรือร้านสะดวกซื้อตรงไหนบ้าง คิดว่าวันนี้เขาคงได้รู้เพราะต้องซื้อข้าวไปให้คนในสายนี่แหละ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะสำรวจรอบรั้วมหาลัยฯ“อะไรก็ได้” คิ้วเข้มของอินย่นขมวดเข้าหากันเพราะเมนูอะไรก็ได้นับเป็นปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่ง ทันใดนั้นเองสายตาคมของเขาก็หันไปเห็นร้านค้าที่น่าสนใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (2/6)

    สิ่งที่ทำให้อินขมวดคิ้วแน่นคือชั้นล่างที่ตอนนี้มืดสลัวไปหมดเพราะหลอดไฟถูกปิดไว้ทั้งบ้าน อินเลยเดินไปเปิดสวิตช์ให้บ้านสว่างขึ้น ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่น่าจะนอนอยู่ชั้นบนให้ลงมากินข้าว“ไอ้กันต์ตื่นอยู่มั้ย! ลงมากินก๋วยเตี๋ยวก่อน” และเพราะแปลนบ้านที่ใกล้เคียงกับบ้านของตัวเอง อีกทั้งอินก็เดินเข้าออกบ้านนี้ตั้งแต่เด็กจึงทำให้รู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านนี้เป็นอย่างดี สองขายาวตรงดิ่งเข้าไปในครัวและหยิบหม้อที่แขวนอยู่ในตู้มาอุ่นก๋วยเตี๋ยว“กำลังไป!” ผ่านไปไม่นานเสียงเพื่อนสนิทก็ตะโกนดังมาจากชั้นสองพร้อมเสียงดังตึงตังเหมือนกับอีกฝ่ายกำลังรีบวิ่งลงมา ทว่าอินไม่สนใจสักนิด เขายังคงอุ่นก๋วยเตี๋ยวต่อไปจนรู้สึกว่าอาหารร้อนได้ที่แล้วก็เทใส่ชามใบโตและยกไปวางบนโต๊ะกินข้าว“หมี่พิเศษอีกรึเปล่า” กันต์ถามทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ“อืม”“คงมีแต่หวยอ่ะที่กูซื้อไม่ถูก” เด็กหนุ่มผิวแทนบ่นพลางยกมือขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด ทั้งสองนั่งลงและแกะเครื่องปรุงใส่ในก๋วยเตี๋ยว“กิน ๆ เข้าไปเถอะ” อินยื่นช้อนและตะเกียบให้อีกฝ่าย ก่อนจะคีบก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (3/6)

    “ดีนะที่เริ่มเรียนพรุ่งนี้ วันนี้มึงนอนพักเยอะ ๆ ล่ะ” อินพูดพร้อมเดินเข้าไปในตัวอาคารเพราะหลังจากนี้ทั้งคู่จะแยกย้ายกลับห้องพักตัวเอง“โอเค” กันต์พยักหน้างึกงักตามประสา“มีอะไ-” อินพูดไม่ทันจบก็มีเสียงอีกฝ่ายแทรกขึ้นมา“จะโทรไป” ซึ่งคำพูดนั้นคือประโยคที่เขาจะบอก กันต์ชูมือถือและเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม ขณะเดียวกันอินก็เดินมาหยุดนิ่งอยู่หน้าห้องตัวเอง ไม่ยอมเปิดเข้าไปสักที คงเป็นเพราะเสียงที่ดังโครมครามมาจากด้านใน...กึกกัก! ตึง!เคร้งงง!!“เสียงอะไรวะ” รู้สึกว่าช่วงนี้จะมีแต่สถานการณ์ที่ทำให้คิ้วของเขาต้องขมวดเข้าหากันจนรู้สึกปวดหัวไปหมด แล้วครั้งนี้เขาต้องเจอกับเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย‘ห้องสองศูนย์ห้า...เพื่อนร่วมห้องติดต่อมาว่าจะขอย้ายของเข้าหลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องนะครับ’“หรือจะย้ายเข้ามาแล้ว” เสียงของอาจารย์หอที่ดังขึ้นในหัวทำให้อินนึกถึงเรื่องของเพื่อนร่วมห้องคนนี้ได้ทันที นายภูริวัฒน์คนนั้นมาแล้วสินะมือหนาของอินหมุนลูกบิดประตูและชะเง้อมองส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (4/6)

    “อะ...อื้ออ~...เฮ้ย!เริ่มมืดแล้วนี่!กี่โมงแล้ว!” เสียงบิดขี้เกียจดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายตามเอกลักษณ์ของเจ้าตัว“สองทุ่มสิบสามนาที” อินที่กำลังวิดพื้นอยู่ข้างเตียงตอบกลับทันทีเพราะตอนนี้เขาจับเวลาในออกกำลังกายอยู่“...สะ...สองทุ่ม!!!” ตะโกนอีกแล้ว ตอนเด็กกินโทรโข่งเข้าไปรึไงนะถึงได้ตะเบ็งเสียงเก่งขนาดนี้ อยากถามจริง ๆ ว่าไม่รู้สึกเจ็บคอบ้างเลยเหรอ“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย มันรบกวนข้างห้อง” หมี่ลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงมาหาเด็กหนุ่ม“ก็คุยกันแล้วนี่!ว่าจะไปซื้อเห-” อินรีบพุ่งตรงไปปิดปากคนตัวเล็กในเสี้ยววินาทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดคำว่าเหล้าออกมาเพราะกลัวว่าข้างห้องอาจได้ยินเสียงของพวกเขา ด้วยแรงที่อินพุ่งหาหมี่บวกกับน้ำหนักตัวของอินทำให้คนตัวเล็กไม่อาจต้านทานไว้อยู่จนทั้งคู่เซล้มไปบนเตียง“ชู่ว!อย่าพูดคำนั้นออกมานะ” โชคดีที่อินพลิกตัวทันเลยใช้ร่างกายของตัวเองรองรับแรงกระแทกแทนหมี่ มือขวาก็เผลอคว้าเอวอีกฝ้ายไว้แน่น“อื้ออ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 5 หมี่พิเศษ (5/6)

    อุก อ้วกกกกก!!!!“เฮ้ย!” ชัดเจน สิ่งที่พวยพุ่งออกมาจากปากของคนตัวเล็กถือเป็นคำตอบอย่างดีให้กับคำถามของเขาเศษอาหารที่หมี่อาเจียนออกมานั้นทำให้รู้เลยว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายกินอะไรเข้าไปบ้าง แถมตอนนี้สิ่งพวกนั้นก็เปรอะเปื้อนไปทั่วเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวตัวโปรดของเขาอีกด้วย โอ้โห กลิ่นก็สุดจะบรรยายทำเอาอินหลุดสบถออกมาอีกจนได้“ไอ้หมี่! มึงนี่มันตัววุ่นวายของจริงเลยว่ะ ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้จากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วยวะ” ถึงแม้ว่าหมี่จะอ้วกใส่แต่อินก็ไม่ปล่อยมือที่โอบเอวบางไว้ เด็กหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นเสยผมเผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตรงขมับท้ายที่สุดแล้วอินก็พาหมี่ไปอ้วกในห้องน้ำได้สำเร็จและรีบออกมาเช็ดอ้วกที่เลอะเทอะหน้าประตูห้องน้ำ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถือวิสาสะถอดเสื้อเปื้อนอ้วกของอีกฝ่ายออกและหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดไปตามเนื้อตัวของคนตัวเล็ก วินาทีที่ความเย็นจากผ้าขนหนูอันเปียกชุ่มสัมผัสร่างกายสีขาวอมชมพูก็ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมขนลุกชูชันมือหนาลูบไล้ผ้าเปียกไปตามส่วนต่าง ๆ พลางสอดส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (6/6)

    ...“โอ๊ยยย ปวดหัวจัง” หมี่ตื่นขึ้นมาในเช้าที่แสนสดใสพร้อมกับร่างกายที่แสนปวดร้าว นี่เมื่อคืนเขากินเบียร์ไปมากขนาดไหนถึงได้ปวดหัวจะเป็นจะตายขนาดนี้ จังหวะที่หมี่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็เห็นร่างใหญ่โตของรูมเมทนอนฟุบอยู่ข้างเตียง“เฮ้ย!ทำไมมึงมานั่งหลับอยู่ตรงนี้เนี่ย” เสียงเล็กแหลมอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อเบาเสียงลง“เอ๊ะ! นั่นกระเป๋าตังไอ้อินเหรอ...” ขณะที่หมี่เริ่มมีอาการเลิ่กลั่ก สายตาดันเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่หล่นอยู่ข้างตัวอีกฝ่าย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ มือเล็กก็เอื้อมไปหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างช้า ๆ และระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกระเป๋าสตางค์สีดำสนิทที่หมี่คิดเองเออเองว่าน่าจะเป็นหนังแท้มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปปีกนางฟ้าสีเงินวาววับมุมขวาล่าง เปิดออกปุ๊บก็เห็นบัตรประจำตัวประชาชนของอีกฝ่ายที่เสียบไว้ในช่องขวามือ หมี่เลยถือวิสาสะหยิบบัตรออกมาดู“เกิดวันที่หนึ่งกันยายน เห้ย!ไอ้ยักษ์อายุน้อยกว่ากูอีกเหรอเนี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (1/6)

    เดือนแรกของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งในรั้วมหาลัยฯ ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเรื่องโกหก หมี่ที่ทำการเปิดตัวด้วยความอลังการจากสโลแกนและท่ากระตุกเป้าเขย่าไข่ในวันงานกิจกรรมรับน้องก็มีเพื่อนนักศึกษาและรุ่นพี่มากหน้าหลายตาให้ความสนใจและเข้ามาทำความรู้จักเป็นจำนวนมากซึ่งปรากฎการณ์นี้เจ้าตัวก็ชอบอกชอบใจ เขาคิดไปเองว่าทุกคนเข้าหาเพราะเบ้าหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง แต่ความจริงคือทุกคนเข้าหาเพราะความร่าเริงแจ่มใสและความตลกเฮฮาของหมี่ต่างหากอีกด้านหนึ่ง อินที่อยากใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย สบาย ๆ และไม่อยากเป็นดาวเด่นหรือเป็นที่สนใจของใครทั้งนั้น กลับไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขตามที่คาดหวังไว้เพราะเหตุการณ์จากวันงานกิจกรรมรับน้องเช่นเดียวกันในทุกวันเด็กหนุ่มจะตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อออกมายืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกายและเริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้มหาลัยฯ เมื่อมาถึงสระน้ำกลางสวนก็พักยืดเหยียดแขนขาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มวิ่งกลับและแวะซื้อมื้อเช้ากลับไปกินที่ห้องกว่าจะถึงห้องก็ราว ๆ หกโมงกว่าเพราะต้องรอข้าวอยู่หลายนาที ร้านข้าวมันไก่เจ้านี้คนแน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21

บทล่าสุด

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (6/6)

    อ๊ากกกกกก!!!“เป็นอะไรหมี่!” อินได้ยินเสียงคนตัวเล็กตะโกนดังแต่เช้าก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ“ผีหลอก!!!!” หมี่ยังคงส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจเพราะตื่นมาก็เห็นแขนของใครไม่รู้พาดอยู่ตรงเอวบางของตน“ผีอะไร!” อินถึงกับคิ้วขมวด เขาไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กกำลังพูดถึงเรื่องอะไร“ขะ...ขะ...แขนใครไม่รู้!...ฮือออ” หมี่หลับตาปี๋และชี้นิ้วไปตรงเอวของตัวเอง“แขนอะไร?” อินยิ่งงงเข้าไปใหญ่เพราะแขนแกร่งของเขาที่กอดเอวอีกฝ่ายก็ยังปกติดี“เอ๊ะ!เดี๋ยวนะ!” เสียงกรีดร้องแปรเปลี่ยนเป็นความฉงน หมี่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และมองเจ้าของเสียงที่ตนสนทนาด้วย“ไอ้ยักษ์!” ก่อนจะยกกำปั้นและออกแรงทุบไปที่ต้นแขน ของอีกฝ่าย“โอ๊ย!ตีกูทำไมเนี่ย” เมื่อรับรู้ว่าแขนปริศนามีเจ้าของและไม่ได้โดนผีหลอก หมี่ก็ขยี้หัวระบายความหงุดหงิด“ฮืออ...กูนึกว่าผีหลอกกู!ไอ้บ้าเอ๊ย!”“ผีอะไรจะมาหลอกมึงตอนเช้าแบบนี้”

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (5/6) nc เบา ๆ

    อินวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอน ก่อนจะดึงร่นกางเกงนอนลงเพื่อให้แท่งเนื้อที่กำลังผงาดอย่างแข็งขืนได้โผล่ออกมาเจอโลกภายนอก วินาทีที่อวัยวะส่วนที่อ่อนไหวที่สุดกระทบความเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็สร้างความเสียวซ่านขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มือหนาเลื่อนลงไปกอบกุมแท่งเนื้อที่ตอนนี้กลายเป็นแท่งร้อนเพราะเลือดที่สูบฉีดทั่ว“อ่าาา~” เสียงแห่งความสุขสมเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเล็กน้อย ผ่านไปแล้วสิบนาที มือหนาก็ยังคงชักรูดแท่งนั้นขึ้นลงอย่างคล่องแคล่วและไม่ผ่อนความเร็วลงแม้แต่น้อยจนน้ำเมือกที่เป็นสารหล่อลื่นเริ่มปริ่มออกมาผ่านไปอีกสามสิบนาที ความร้อนในร่างกายก็พุ่งสูงขึ้นตามอารมณ์ความใคร่ที่กำลังปะทุอยู่ นิ้วหัวแม่มือก็ลูบวนรอบส่วนหัวแท่งเนื้อเมามันพลางขบกรามแน่นเป็นระยะ มือสากของตัวเองยังทำให้รู้สึกดีมากขนาดนี้แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายจะรู้สึกดีขนาดได้“หมี่~ ฮึ่มม” เสียงเรียกชื่อคนตัวเล็กที่ออกมาจากปากของตัวเอง ทำไมฟังดูกระเส่าเย้ายวนขนาดนี้ มันยิ่งทำให้ความอยากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวซึ่งเด็กหนุ่มก็เคลิบเคลิ้มไปในโลกที่ตัวเอ

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (4/6)

    ครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ! ทำยังไงดีไอ้ยักษ์โทรมา!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมอาการลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกเราสองคนไม่เคยต้องโทรหากันตอนกลางคืนเลยเพราะปกติก็นอนด้วยกันตลอด ถ้าต้องโทรคุยกันน่าจะรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน คนตัวเล็กนอนจับมือถือพลิกไปพลิกมาบนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดรับในที่สุด ทว่าสายตัดไปแล้ว...“อ้าว!วางไปแล้ว” หมี่ถึงกับเหวอจนนิ่งค้างไปชั่วขณะ“เอาไงดีเนี่ย โทรกลับไปดีมั้ย แล้วจะคุยอะไรล่ะ โอ๊ยยย!จะบ้า!” ด้วยความตื่นเต้นบวกกับความเขินอายเลยทำให้หมี่ไม่ได้กดโทรกลับไปหาอีกฝ่ายสักทีครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ!โทรกลับมาแล้ว อะแฮ่ม!” หมี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง ก่อนจะกระแอมเสียงและกดรับสาย“หมี่” เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปลายสายหัวใจของหมี่ก็พองโตอย่างไม่มีสาเหตุ อะไรจะเสียงหล่อปานนั้นพ่อคู๊ณณณณ“โทรมามีไร” ทว่าเจ้าตัวต้องพยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองกำลังตื่นเต้นและเลิ่กลั่กมากขนาดไหน“ทำอะไรอยู่” “กำลังจะนอน” หมี่ซุกหน้าเข้าหาผ้าห่มผืนหนาก่อนตอบ“กูโทรมากวนรึเปล่า นอนเลยมั้ย” ได้ยินประโยคนี้ก็ถึงกับดีดหน้าออกจากผ้าห่มด้วยความลืมต

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (3/6)

    หลังจากที่ไปส่งอินขึ้นรถหน้ามหาลัยฯ หมี่ก็เริ่มคิดอย่างจริงจังเรื่องการไปเจอพ่อแม่ของอีกฝ่าย ครอบครัวอินดูแลลูกชายให้เติบโตมาเป็นคนดีขนาดนี้ เด็กน้อยแบบเขาาจะคู่ควรกับอีกฝ่ายจริง ๆ เหรอคิดไปคิดมาก็เริ่มหดหู่ใจ เมื่อสมองถูกใช้งานมากเกินไปก็ชักจะหิวหมี่เลยขอหยุดนึกถึงเรื่องนี้ก่อนและเดินลงไปชั้นล่างเพื่อจะซื้อของที่ร้านค้าสวัสดิการของหอพัก จังหวะนั้นเองก็บังเอิญเจอเข้ากับอาจารย์หอพอดี“สวัสดีครับอาจารย์” คนตัวเล็กเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส“อ๊ะ สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้าง” อาจารย์พิทักษ์มีท่าทีตกใจเล็กน้อยแต่ก็ทักทายกลับมา“ทำไมเรียนทำอาหารถึงเหนื่อยแบบนี้ครับ ผมล่ะอยากจะร้องไห้” พูดพลางปั้นหน้ามู่ทู่น่าเอ็นดูจนคนมองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า!นั่นสินะ การเรียนก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละแต่ผลตอบรับที่ได้กลับมาย่อมคุ้มค่า” คนเป็นอาจารย์ก็ทำได้เพียงปลอบใจเหล่านักศึกษาที่กำลังท้อแท้แบบนี้แหละและคอยเฝ้ามองลูกศิษย์ค่อย ๆ เติบโต“ครับ...ว่าแต่อาจารย์ไปทำอะไรในห้องนั้นครับ มันดูอับมากเลย” หมี่ถามด้วยความอยากรู้เพราะเท่าที่เห็นคือห้องด้านหลังร้านค้าสวัสดิการเป็นห้องที่ไม่น่

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (2/6)

    หลังจากได้เคลียร์ปมปัญหาที่ติดแน่นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจออกไปและได้กินข้าวร่วมกับพ่อแม่ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็ทำให้อินเริ่มยิ้มมากขึ้น พูดคุยมากขึ้นและเป็นตัวเองมากขึ้นเด็กหนุ่มจัดเก็บจานชามและโต๊ะกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งคุยกับพ่อแม่ต่อที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะมีเสียงหยอกล้อของคนในบ้านและตามมาด้วยเสียงหัวเราะเป็นระยะ ตอนนี้บรรยากาศในบ้านไม่อึมครึมอีกต่อไปแล้ว“เอ่อ...พ่อครับ แม่ครับ” อินที่คิดว่าเวลานี้คงเหมาะที่จะคุยถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องก็เอ่ยขึ้น“หืมม มีอะไรลูก” พ่อตอบรับอย่างอารมณ์ดี“พ่อกับแม่รักกันได้ยังไงครับ” เมื่อได้ยินคำถามแบบนี้จากลูกชาย คนเป็นพ่อแม่ก็ถึงกับหันมองหน้ากันทันที“จู่ ๆ มาถามเรื่องแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าลูก” แม่ถามไถ่ลูกชายด้วยความเป็นห่วง ขณะที่พ่อส่งเสียงแซวดังลั่น“จะมีอะไรอีกล่ะคุณ ลูกชายเรากำลังจะเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ไม่ว่าเปล่าแต่กลับหัวเราะจนท้องเข็ดท้องแข็งอีกด้วย“โธ่พ่อ! อย่าแซว” เด็กหนุ่มเขินอายเล็กน้อยแต่ยังไงเขาก็ต้องคุยกับทั้งคู่ให้รู้เรื่องเลยพยายามเก๊กขรึมไว้“สมัยนั้นพ่อไปฉุดแม่มาน่ะ ก็อย่างว่าพ่อมันคนร้

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (1/6)

    เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก็เดินทางกลับหอพักและใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากค่ำคืนนั้นอินก็พยายามหาวิธีหลอกล่อคนตัวเล็กให้ติดกับ แต่ดูเหมือนเขาจะทำไม่ได้เลยเพราะโกหกไม่เป็นและอีกฝ่ายก็รู้ทันตลอดครืดดดด ครืดดดด“ครับแม่” เด็กหนุ่มกดรับสายเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาคือ ‘แม่’ จะว่าไปช่วงนี้เขาไม่ได้โทรหาคนที่บ้านเลย สงสัยพ่อแม่คงอยากให้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างแล้ว“อิน วันก่อนที่ลูกแข่งขันว่ายน้ำได้เหรียญเงินมา พวกเรายังไม่ได้ฉลองกันเลยนะลูก” จริงสิ ช่วงนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมายจนลืมเรื่องนี้ไปเลย ไหนจะยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นอีก ตอนนี้คงถึงเวลาที่เขาต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวแล้วสินะ“ครับ”“จริง ๆ แม่ว่าจะโทรถามเรื่องนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอินว่างช่วงไหนบ้างเลยไม่อยากโทรไปกวน” เด็กหนุ่มอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เขาละเลยหน้าที่ของการเป็นลูก“ขอโทษครับแม่ ช่วงนั้นอินมีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะแยะเลยไม่ค่อยมีเวลาว่างเพื่อกลับบ้านสักเท่าไหร่ แถมยังไม่ได้โทรหาพ่อกับแม่ด้วย” น้ำเสียงหดหู่ปนเศร้าใจถูกส่งผ่านไปยังผู้เป็นแม่“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่คิดว่าตอนนี้ทุกอย่างค

  • อินกินหมี่   บทที่ 6 อิน อัน กันต์ (6/6)

    หมี่พาอินไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยท่าทีเขินอาย คือถ้าเป็นการค้างแรมแบบเพื่อนคนตัวเล็กคงไม่เขินขนาดนี้ แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นคนที่กำลังดูใจกันอยู่เลยรู้สึกใจเต้นแรงแปลก ๆทางด้านของอินเมื่อได้ก้าวเข้ามาในห้องของคนตัวเล็กก็ต้องกัดฟันยับยั้งชั่งใจให้อยู่หมัด ห้องอะไรหอมชะมัด ก่อนจะได้ยินหมี่บอกให้อาบน้ำในห้องนี้ได้เลย ส่วนตัวเองจะไปอาบน้ำที่ห้องพี่จะได้ไม่ต้องมานั่งรอกันทันทีที่คนตัวเล็กออกไป อินก็เดินสำรวจรอบห้อง เตียงนอนขนาดกลางเต็มไปด้วยตุ๊กตาเยอะแยะมากมาย มองดูก็รู้ว่าตู้เสื้อผ้า โต๊ะหรือแม้กระทั่งสิ่งของเครื่องใช้ภายในห้องถูกดูแลเป็นอย่างดีและจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ถึงแม้ว่าของจะเยอะแต่ก็จัดเก็บไว้ได้อย่างลงตัวมือหนาหยิบผ้าขนหนูที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ขึ้นมาดู ลายบนผ้าผืนนี้ก็น่ารักสมกับเจ้าของห้อง แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำก็แทบจะเสียสติเพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่เหลวที่หมี่ใช้ประจำตลบอบอวลอยู่ภายในห้องนี้อินรีบปิดน้ำจากฝักบัวรดหัวให้หายฟุ้งซ่าน ทว่าสีหน้าและแววตาของพี่แมนก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง...หรือพี่แมนต้องการให้เขาและหมี่ได้ใกล้ช

  • อินกินหมี่   บทที่ 6 อิน อัน กันต์ (5/6)

    “ไหนใครบอกว่าจะไปซื้อน้ำผลไม้” อินเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างอาคารผู้ป่วยก็พูดทัก“อ๊ะ! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมด” เมื่ออีกฝ่ายหันมา อินก็เห็นว่ามีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี“เป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาไม่ค่อยดีเลย” เด็กหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ และสอดส่องใบหน้าของคนตัวเล็ก“เปล่า” เปล่าอะไรหน้าหงอยขนาดนั้น“จะบอกดี ๆ มั้ย” เมื่อโดนอินดุก็จำยอมต้องบอกความในใจ“เมื่อกี้จู่ ๆ กูก็รู้สึกแปลกแยกอ่ะ กูเลยอยากออกมาอยู่ข้างนอก” เด็กหนุ่มคิดตามอีกฝ่าย หรือความจริงแล้วหมี่ไม่สบายใจเพราะยังไม่ได้รู้จักพ่อแม่ของเขากันนะ“งั้นบอกพ่อกับแม่ดีมั้ย” คนตัวเล็กตาโต ไม่คิดว่าอินจะพูดแบบนี้“บอกเรื่องอะไร” ปากสวยได้รูปขยับถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เรื่องของเราไง” อินเอื้อมไปจับมือหมี่และลูบเบา ๆ“แต่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ...กูหมายถึงตอนนี้เราแค่ทดลองดูใจกันอยู่รึเปล่า” หมี่พูดออกมาตามตรง ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคู่รับ

  • อินกินหมี่   บทที่ 6 อิน อัน กันต์ (4/6)

    อินอาบน้ำแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า หมี่เห็นแบบนั้นก็พิมพ์ข้อความส่งไปหากันต์ที่ยังอยู่โรงพยาบาลว่าอินได้ที่สอง ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับมาเป็นสติกเกอร์รูปนิ้วมือแบบธรรมดา การเป็นคนป่วยไม่ได้ทำให้กันต์กวนบาทาน้อยลงเลยคนตัวเล็กหันมองรูมเมทที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตายินดีพลางคิดว่าหลังจากนี้ก็ขอให้มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขานะ ก่อนจะเริ่มเตรียมแผนการสำหรับฉลองที่อินได้เหรียญเงินในการแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกคิดไปคิดมา เขียนไปเขียนมาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงจนตะวันตกดิน หมี่ที่เป็นกังวลว่าอินยังไม่ตื่นก็เดินไปปลุกเพราะถึงเวลาต้องหาอะไรกินแล้ว เด็กหนุ่มที่ถูกปลุกก็ลุกขึ้นมานั่งด้วยหน้าตาสะลึมสะลือ ก่อนจะตรงไปอาบน้ำเพื่อสลัดความง่วงทิ้ง“ครั้งนี้ฉลองด้วยอะไรดี” เสียงเล็กของหมี่ถามขึ้นอย่างตื่นเต้นทันทีที่อินเดินออกมาจากห้องน้ำ“ตามใจมึงเลย” เขากินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ความจริงแล้วตอนนี้ยงไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ“อืมม งั้นทำอะไรอร่อย ๆ กินกันดีมั้ย” เมื่อเห็นคนตัวเล็กทำหน้าครุ่นคิดว่าจะฉ

DMCA.com Protection Status