หน้าหลัก / LGBTQ+ / อินกินหมี่ / บทที่ 2 หมี่พิเศษ (4/6)

แชร์

บทที่ 2 หมี่พิเศษ (4/6)

ผู้เขียน: ภุมโม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-20 10:15:03

“อะ...อื้ออ~...เฮ้ย! เริ่มมืดแล้วนี่! กี่โมงแล้ว!” เสียงบิดขี้เกียจดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายตามเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

“สองทุ่มสิบสามนาที” อินที่กำลังวิดพื้นอยู่ข้างเตียงตอบกลับทันทีเพราะตอนนี้เขาจับเวลาในออกกำลังกายอยู่

“...สะ...สองทุ่ม!!!” ตะโกนอีกแล้ว ตอนเด็กกินโทรโข่งเข้าไปรึไงนะถึงได้ตะเบ็งเสียงเก่งขนาดนี้ อยากถามจริง ๆ ว่าไม่รู้สึกเจ็บคอบ้างเลยเหรอ

“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย มันรบกวนข้างห้อง” หมี่ลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงมาหาเด็กหนุ่ม

“ก็คุยกันแล้วนี่! ว่าจะไปซื้อเห-” อินรีบพุ่งตรงไปปิดปากคนตัวเล็กในเสี้ยววินาทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดคำว่าเหล้าออกมาเพราะกลัวว่าข้างห้องอาจได้ยินเสียงของพวกเขา ด้วยแรงที่อินพุ่งหาหมี่บวกกับน้ำหนักตัวของอินทำให้คนตัวเล็กไม่อาจต้านทานไว้อยู่จนทั้งคู่เซล้มไปบนเตียง

“ชู่ว! อย่าพูดคำนั้นออกมานะ” โชคดีที่อินพลิกตัวทันเลยใช้ร่างกายของตัวเองรองรับแรงกระแทกแทนหมี่ มือขวาก็เผลอคว้าเอวอีกฝ้ายไว้แน่น

“อื้ออ อื้ออ” หมี่เบิกตากว้างเพราะตกใจและเริ่มดิ้นไปมาภายใต้ท่อนแขนที่โอบรัดรอบเอวบางของตัวเอง

“ไปซื้อตอนนี้ก็ยังทันน่า จะโวยวายทำไม” อาจเป็นเพราะตอนนี้ร่างกายของเด็กหนุ่มทั้งสองคนแนบชิดกันมากกว่าปกติทำให้หมี่ได้ยินเสียงทุ้มเข้มของอินดังใกล้หูมาก...มากจนคนตัวเล็กต้องยอมรับว่านอกจากจะหน้าตาหล่อแล้ว เสียงไอ้ยักษ์ก็ยังหล่อมากอีกด้วย

“อื้ออ! อื้อออ!” ทว่าสิ่งที่แย่ที่สุดในตอนนี้คือหมี่กำลังจะหมดอากาศหายใจ มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างจิกดึงมือหนาที่ปิดหน้าตัวเองออกอย่างสุดแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้กำปั้นทุบแขนของอีกฝ่าย อินที่รับรู้แล้วว่าคนตัวเล็กอยากให้ปล่อยมือก็ยื่นข้อเสนอเพื่อขอสงบศึก

“จะปล่อยมือแล้วนะ อย่าเสียงดังล่ะ”

“เฮือก! แฮ่กก แฮ่กก” หมี่สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้เป็นอิสระและดีดตัวขึ้นมานั่งเพื่อให้ตัวเองกลับมาหายใจอย่างปกติ อินที่เห็นอีกฝ่ายนั่งหอบจนหน้าแดงก็อดรู้สึกผิดไม่ได้และตั้งใจว่าครั้งถัดไปเขาจะเบามือกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ (?)

“กูกะว่าจะปิดแค่ปากแต่มือกูใหญ่เลยดันปิดจมูกไปด้วย โทษที” อินก้มหัวเล็กน้อยพลางยกมือเกาท้ายทอยขณะพูดขอโทษอีกฝ่าย

“ไม่ใช่แค่ปากกับจมูก...แต่มือมึงปิดทั้งหน้ากูเลย!” หมี่หันกลับไปมองอินหมายจะด่าทอต่ออีกสักหน่อยให้สาแก่ใจแต่กลับต้องหยุดชะงักทันทีเพราะตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

ก่อนหน้านี้อินออกกำลังกายโดยไม่ใส่เสื้อทำให้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ตามเนื้อตัวก็มีเหงื่อหลงเหลืออยู่ กล้ามเนื้อแขนและช่วงอกที่สมกับเป็นนักกีฬานั้นเผยให้คนตัวเล็กได้เห็นอย่างเต็มตา ไหนจะมัดกล้ามเนื้อตรงช่วงท้องที่เป็นลอนราวกับก้อนขนมปังนั่นอีก หมี่ที่นั่งอยู่ตรงหว่างขาของอินพอดิบพอดีก็เป็นอะไรที่ล่อแหลมเกินจะรับไหว

“ขอโทษ” อีกครั้งแล้วที่อินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มพร้อมโน้มตัวลงมาหาคนตัวเล็กเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน จนจมูกของทั้งสองคนเกือบจะชนกันอยู่แล้ว ซึ่งอินไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจของคนตรงหน้าเริ่มใจสั่น

ตึกตัก~ ตึกตัก~

เสียงอะไรน่ะ

อินที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นก็อดนึกสงสัยไม่ได้ ทว่าเขาไม่ทันจะได้เงียบฟังหรือมองหาต้นตอของเสียงก็พบว่าคนตัวเล็กเริ่มหน้าแดงอีกครั้งและขยับตัวยุกยิกไปมา จนอินเผลอเอื้อมมือออกไปเพื่อจะแตะตัวอีกฝ่าย

“คะ...คือ รีบไปซื้อเห- เอ่ออ รีบไปร้านค้ากันดีกว่า!” เสียงเล็กแหลมของหมี่ที่เอ่ยชวนไปซื้อของทำให้ทั้งคู่หลุดออกจากสถานการณ์อันตรายครั้งนี้ไปได้และเรียกสติของอินให้กลับมาด้วย

เด็กหนุ่มรีบลงจากเตียงของคนตัวเล็กทันทีพลางคิดทบทวนว่าเมื่อกี้เขาตั้งใจจะทำอะไรกับอีกฝ่ายกันแน่ วินาทีนั้นเขามองว่าใบหน้าขาวอมชมพูของอีกฝ่ายกลายเป็นสีแดงระเรื่อดูน่ารักดีเลยเผลอยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว บ้าแล้ว นี่เขาเป็นอะไรไป!

ทางด้านหมี่ที่รู้ตัวว่าเผลอหวั่นไหวให้กับการกระทำของอินก็สับสนและลนลานไปหมดจนต้องรีบยกเรื่องซื้อเหล้าขึ้นมาอ้าง ในใจก็ได้แต่หวังว่าไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของเขาเมื่อกี้นี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมไอ้ยักษ์ถึงทำให้เขาใจเต้นแรงได้ขนาดนี้!

.

.

.

กว่าที่เด็กหนุ่มทั้งสองจะเดินจากห้องพักไปถึงร้านค้าก็เสียเวลาไปหลายนาที แถมยังมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกด้วย เรื่องแรกคือแม่ค้าขอดูบัตรประชาชนของหมี่เพราะไม่เชื่อว่าเขาอายุถึงเกณฑ์ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อแอลกอฮอล์แล้ว นั่นทำให้หมี่หัวเสียเล็กน้อยเพราะเกือบไม่ได้ซื้อเหล้าเบียร์แต่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่แม่ค้ามองว่าเขาหน้าเด็ก

อินกลัวว่าจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ก็เดินมาเจรจาจนสำเร็จและนี่คือเรื่องไม่คาดฝันที่สอง แม่ค้ารีบหยิบเบียร์ทั้งหมดใส่ถุงพร้อมแถมกับแกล้มให้ ก่อนจะพูดตบท้ายว่า ‘ไอ้หนู เอ็งโดนพี่ชายบังคับให้มาซื้อก็ไม่บอก ส่วนเอ็งโตเป็นพี่คนแล้วทีหลังก็มาซื้อเองสิ’ ทำเอาทั้งคู่หน้าเหวอไปตาม ๆ กัน

การเดินมาซื้อเบียร์ไม่ยากเท่าการเอาเบียร์กลับห้อง อินรู้สึกขนลุกและเสียวสันหลังกับการทำผิดครั้งแรกในชีวิตจนเผลอสะดุดขาตัวเองไปบ้าง เดินชนขอบประตูทางเข้ามหาลัยฯ ไปบ้างแต่ก็ยังเก๊กขรึมไว้ได้อยู่ ต่างจากคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวและตอนนี้กำลังกลั้นขำจนไหล่สั่น

ถึงห้องแล้ว หมี่ไม่ลังเลที่จะล็อกประตูและรีบเดินไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางห้อง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพร้อมโยกตัวไปมาอย่างกับเด็กที่มีความสุข อินทำได้แค่นั่งตามและเปิดกระป๋องเบียร์ยื่นให้อีกฝ่าย

กินหมดไปเพียงแค่กระป๋องเดียวเท่านั้น คนตัวเล็กก็เริ่มแปรสภาพจากคนกลายเป็นงู นอนเลื้อยไปเลื้อยมา พูดจาไม่ได้สติ อินถึงกับกุมขมับและส่ายหัวให้ความดันทุรังของอีกฝ่าย

“มึงเคยกินแอลกอฮอล์มั้ยเนี่ย” อินที่เห็นสภาพของหมี่ก็ถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนี้คนตัวเล็กกินเบียร์หมดไปสองกระป๋องแล้วจากทั้งหมดสี่กระป๋อง

“กูเพิ่ง...อึก...เคยกินเบียร์...เอิ้ก...ครั้งแรกก...” น้ำเสียงปนสะอึกของคนตัวเล็กที่ตอบกลับมายิ่งทำให้เด็กหนุ่มปวดหัวเข้าไปใหญ่

“เวรละ” ก่อนจะเผลอสบถออกมาเมื่อเห็นมือเล็กเอื้อมมาหยิบเบียร์ของเขาไปและยกขึ้นดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย

“มึงอ่ะ...อึก...กระดกเข้...อึก...เข้าไปเซ้!” ทว่าคนตัวเล็กดูเหมือนจะไม่กังวลเลยว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสภาพไหนแถมยังมีการเชิญชวนให้อินดื่มต่ออีกต่างหาก

“อย่าเสียงดังสิ...มึงเมาแล้วนะ” อินห้ามปรามคนตัวเล็กเสียงเบา ก่อนจะเตือนอกฝ่ายให้กลับมามีสติ

“ไม่มาวว ยังด้ายอยู่วว” คนเมาย่อมบอกว่าตัวเองไม่เมา อินเพิ่งได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ก็วันนี้แหละ

“พอเถอะ นี่กระป๋องที่สามแล้วนะ” พูดจบอินก็คว้าเบียร์ที่อยู่ในมืออีกฝ่ายออก เด็กหนุ่มไม่อยากให้สถานการณ์เกินความควบคุมไปมากกว่านี้

“มึง...อึก...มะ...มีน้องใช่ม้ายยย...อึก!” จู่ ๆ คนตัวเล็กก็พูดโพล่งขึ้นมา ประโยคนั้นทำให้อินหยุดชะงักไป นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแสนดุดันเริ่มวูบไหวและหม่นหมองลง

“เงียบทำมายยย~” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปหมี่ก็เริ่มเลื้อยไปหา ก่อนจะคืบคลานขึ้นไปบนตักแกร่ง แต่ด้วยความมึนเมาจึงทำได้เพียงไถหัวตัวเองไปต้นขาของอีกฝ่ายเท่านั้น

อินเผลอสะดุ้งเล็กน้อยที่คนตัวเล็กเลื้อยมานอนหนุนตักเขาทำเอาไม่กล้าขยับตัวเลย เด็กหนุ่มทำได้แค่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นแข็งทื่ออยู่ตรงนี้ จังหวะที่อินกำลังจะก้มลงไปบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้น คนตัวเล็กก็เงยหน้ามามองเขาพอดีพร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มแถมยังยิ้มกว้างพลางหัวเราะชอบใจ

ในเมื่ออีกฝ่ายชอบทำตัวแบบนี้เป็นใครมาเห็นก็คงปฏิเสธไม่ลงหรอก เด็กหนุ่มเก็บความคิดนี้ที่ผุดขึ้นมาในสมองไว้ในใจ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือการนอนหนุนตัก เขาก็คงคัดค้านอะไรอีกฝ่ายไม่ได้...

“อืม กูมีน้องชาย”

“ว่าแล้ว! อึก...มึงอ่ะ...อึก!...ชอบทำตัวเหมือนพี่ชาย” คนตัวเล็กพูดเสียงดัง ก่อนจะชี้นิ้วใส่อินและจิ้มไปที่ต้นแขนแกร่งของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อคาดเดาอะไรบางอย่างถูกต้อง

“เดี๋ยวกูพาไปล้างหน้าดีกว่าจะได้สร่างเมา” อินที่เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีสติและอาจจะเผลอพูดอะไรที่ตัวเองไม่อยากพูดออกมาจึงเสนอวิธีช่วยให้อีกฝ่ายสร่างเมาเพื่อควบคุมสติไว้

“กูก็...อึก...มีพี่ชาย” แต่คงไม่ทันแล้วเพราะต่อให้พาไปคนตัวเล็กล้างหน้า อีกฝ่ายก็คงพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดออกมาอยู่ดี

“...” อินเลือกที่จะไม่ตอบอะไรเพราะเขาจะถือว่าตัวเองไม่ได้ยินและไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรจากอีกฝ่ายทั้งนั้น แขนแกร่งของเขาพยุงร่างกายของคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นและตรงไปห้องน้ำ

“พี่อ่ะ...ชอบทำหน้าเครียด! อึก...เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว!...เหมือนมึง...เลย...” คนตัวเล็กที่อยู่ภายในวงแขนยังคงระบายเรื่องราวในใจออกมา ขณะเดียวกันก็เดินเซจนเกือบจะล้ม

“ยืนดี ๆ ใกล้ถึงห้องน้ำแล้ว” อินอดไม่ได้ที่จะเอ็ดใส่คนตัวเล็กและกระชับวงแขนที่โอบรอบเอวบางให้แน่นขึ้น พลางคิดว่าถ้าทำลูกเค้าล้มลงหัวแตกตอนนี้ตัวเองอาจจะลำบากในภายภาคหน้า

“มีอะไรในใจ...อึก...ก็ไม่เคยพูด...ใครมันจะไปเข้าใจวะ!”

“...” อินไม่รู้แล้วว่าประโยคที่คนตัวเล็กพูดออกมานั้นหมายถึงพี่ชายหรือหมายถึงเขากันแน่ ก่อนจะได้ยินเสียงพูดพึมพำจากอีกฝ่าย

“กูจะ...อุบ!...”

“อะไรนะ” อินได้ยินไม่ชัดเลยย่อตัวลงและยื่นหน้าเข้าไปฟังใกล้ ๆ

อุก อ้วกกกกก!!!!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อินกินหมี่   บทที่ 5 หมี่พิเศษ (5/6)

    อุก อ้วกกกกก!!!!“เฮ้ย!” ชัดเจน สิ่งที่พวยพุ่งออกมาจากปากของคนตัวเล็กถือเป็นคำตอบอย่างดีให้กับคำถามของเขาเศษอาหารที่หมี่อาเจียนออกมานั้นทำให้รู้เลยว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายกินอะไรเข้าไปบ้าง แถมตอนนี้สิ่งพวกนั้นก็เปรอะเปื้อนไปทั่วเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวตัวโปรดของเขาอีกด้วย โอ้โห กลิ่นก็สุดจะบรรยายทำเอาอินหลุดสบถออกมาอีกจนได้“ไอ้หมี่! มึงนี่มันตัววุ่นวายของจริงเลยว่ะ ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้จากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วยวะ” ถึงแม้ว่าหมี่จะอ้วกใส่แต่อินก็ไม่ปล่อยมือที่โอบเอวบางไว้ เด็กหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นเสยผมเผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตรงขมับท้ายที่สุดแล้วอินก็พาหมี่ไปอ้วกในห้องน้ำได้สำเร็จและรีบออกมาเช็ดอ้วกที่เลอะเทอะหน้าประตูห้องน้ำ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถือวิสาสะถอดเสื้อเปื้อนอ้วกของอีกฝ่ายออกและหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดไปตามเนื้อตัวของคนตัวเล็ก วินาทีที่ความเย็นจากผ้าขนหนูอันเปียกชุ่มสัมผัสร่างกายสีขาวอมชมพูก็ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมขนลุกชูชันมือหนาลูบไล้ผ้าเปียกไปตามส่วนต่าง ๆ พลางสอดส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (6/6)

    ...“โอ๊ยยย ปวดหัวจัง” หมี่ตื่นขึ้นมาในเช้าที่แสนสดใสพร้อมกับร่างกายที่แสนปวดร้าว นี่เมื่อคืนเขากินเบียร์ไปมากขนาดไหนถึงได้ปวดหัวจะเป็นจะตายขนาดนี้ จังหวะที่หมี่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็เห็นร่างใหญ่โตของรูมเมทนอนฟุบอยู่ข้างเตียง“เฮ้ย!ทำไมมึงมานั่งหลับอยู่ตรงนี้เนี่ย” เสียงเล็กแหลมอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อเบาเสียงลง“เอ๊ะ! นั่นกระเป๋าตังไอ้อินเหรอ...” ขณะที่หมี่เริ่มมีอาการเลิ่กลั่ก สายตาดันเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่หล่นอยู่ข้างตัวอีกฝ่าย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ มือเล็กก็เอื้อมไปหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างช้า ๆ และระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกระเป๋าสตางค์สีดำสนิทที่หมี่คิดเองเออเองว่าน่าจะเป็นหนังแท้มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปปีกนางฟ้าสีเงินวาววับมุมขวาล่าง เปิดออกปุ๊บก็เห็นบัตรประจำตัวประชาชนของอีกฝ่ายที่เสียบไว้ในช่องขวามือ หมี่เลยถือวิสาสะหยิบบัตรออกมาดู“เกิดวันที่หนึ่งกันยายน เห้ย!ไอ้ยักษ์อายุน้อยกว่ากูอีกเหรอเนี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (1/6)

    เดือนแรกของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งในรั้วมหาลัยฯ ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเรื่องโกหก หมี่ที่ทำการเปิดตัวด้วยความอลังการจากสโลแกนและท่ากระตุกเป้าเขย่าไข่ในวันงานกิจกรรมรับน้องก็มีเพื่อนนักศึกษาและรุ่นพี่มากหน้าหลายตาให้ความสนใจและเข้ามาทำความรู้จักเป็นจำนวนมากซึ่งปรากฎการณ์นี้เจ้าตัวก็ชอบอกชอบใจ เขาคิดไปเองว่าทุกคนเข้าหาเพราะเบ้าหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง แต่ความจริงคือทุกคนเข้าหาเพราะความร่าเริงแจ่มใสและความตลกเฮฮาของหมี่ต่างหากอีกด้านหนึ่ง อินที่อยากใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย สบาย ๆ และไม่อยากเป็นดาวเด่นหรือเป็นที่สนใจของใครทั้งนั้น กลับไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขตามที่คาดหวังไว้เพราะเหตุการณ์จากวันงานกิจกรรมรับน้องเช่นเดียวกันในทุกวันเด็กหนุ่มจะตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อออกมายืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกายและเริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้มหาลัยฯ เมื่อมาถึงสระน้ำกลางสวนก็พักยืดเหยียดแขนขาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มวิ่งกลับและแวะซื้อมื้อเช้ากลับไปกินที่ห้องกว่าจะถึงห้องก็ราว ๆ หกโมงกว่าเพราะต้องรอข้าวอยู่หลายนาที ร้านข้าวมันไก่เจ้านี้คนแน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (2/6)

    การเรียนและการสอบย่อยในรายวิชาต่าง ๆ ค่อนข้างถาโถมรุมเร้าแต่อินและกันต์ก็ผ่านมาได้ จนกระทั่งมาถึงวันเสาร์ที่พวกรุ่นพี่ตั้งตารอคอยเพราะวันนี้เป็นวันรับน้องสายรหัสของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา งานนี้เป็นงานเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นในห้องวีไอพีของร้านเหล้า YY ซึ่งเป็นห้องคาราโอเกะที่อยู่ลึกเข้าไปในร้าน หลบเลี่ยงเสียงครื้นเครง เสียงดนตรีและกลิ่นบุหรี่ได้ดีเด็กหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในร้านก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของทางร้าน ด้วยความเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่เคยมาร้านนี้อินก็เข้าไปสอบถามเรื่องห้องวีไอพีที่รุ่นพี่บอกมาทันที เมื่อได้คำตอบว่าห้องอยู่ตรงไหนก็เดินตรงไปทางนั้นอย่างไม่ลังเลก๊อก! ก๊อก!!อินเคาะประตูตามมารยาท ก่อนจะมีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาเปิดประตู รุ่นพี่คนนี้ชื่อโชนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สามและเป็นพี่สายรหัสของไอ้กันต์ มองเข้าไปในห้องก็เห็นรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนนั่งเสียบสายลำโพงและไมโครโฟนอยู่ไม่ไกล พี่คนนั้นชื่อแต้มและนั่นคือพี่สายรหัสของอิน“มาาา นั่งกันตามสบายเลย มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย” พ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (3/6)

    ก๊อก! ก๊อก!ถึงแม้ว่าในวินาทีแรกกันต์จะคิดสงสัยว่าหมี่คือใครแต่ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องพักก็แปลว่าอีกฝ่ายคงเป็นรูมเมทของไอ้อินแหละ ชื่อหมี่เหรอ จะเป็นคนแบบไหนนะ ทว่าไม่ทันได้คิดอะไรต่อ คิ้วเข้มก็เริ่มย่นเข้าหากันเพราะผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาเปิดประตูก๊อก!!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!กันต์ที่เริ่มหงุดหงิดเพราะเขาทั้งหนัก ทั้งเหนื่อยแถมยังมีอาการกรึ่มเมาเล็กน้อยก็ออกแรงทุบประตูหนัก ๆ ไปอีกสามทีเผื่อที่เคาะไปก่อนหน้านี้คนในห้องจะไม่ได้ยิน ในที่สุดก็มีเสียงขานรับมาจากในห้อง“กำลังไปค้าบบบ...ใครมาเคาะประตูเอาป่านนี้วะ” ขานรับไม่พอยังมีเสียงบ่นอุบอิบเล็ดลอดมาให้ได้ยินอีกต่างหาก“อ้าว ไอ้ยักษ์” ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งชี้นิ้วมาที่ไอ้อินพร้อมชื่อเรียกที่ทำให้กันต์ได้แต่งุนงง“เปิดประตูกว้างหน่อย มันหนัก” เด็กหนุ่มผิวแทนผู้ซึ่งไม่ชอบการพูดคุยกับคนแปลกหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลือกพูดจุดประสงค์ของตัวเองให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายที่สุด จะได้ไม่ต้องต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (4/6)

    “กูคิดถึงมึง ถ้าตอนนี้มีมึงอยู่...คงดีกว่านี้” การที่ใครสักคนจะพูดประโยคนี้ออกมาในช่วงที่เขากำลังขาดสติอยู่นั้น แปลว่าเขาเจ็บปวดมากแต่ไม่สามารถพูดสิ่งนี้ขณะที่ยังมีสติอยู่ได้“กูไม่อยากโตเลย ชีวิตวัยเด็กที่มีมึง กูมีความสุขมาก” สีหน้าของอินเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ เขาไม่เคยได้ระบายตะกอนที่จมลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจดวงนี้ให้ใครได้รับรู้“กูจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเพื่อมึงนะ...อัน...” ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกปวดหนึบไปในอกเพราะมันทำให้รู้ว่าเด็กหนุ่มไม่เคยทำเพื่อตัวเองเลย เขาใช้ชีวิตเพื่อน้องชายเสมอมา...และจะทำแบบนี้ตลอดไป“มันยังละเมออยู่อีกเหรอวะเนี่ย” หมี่ที่เห็นว่าอินนอนขยับปากเหมือนกำลังพูดอะไรสักอย่างก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ต้นขาหนาของอิน“เห้ย! ไอ้ยักษ์มีสติยัง ไหนบอกคอแข็งไง”“หมี่~” คนตัวเล็กหัวใจเต้นรัวเพราะรู้สึกแปลกที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไม่แน่บางทีเขาอาจจะเมากลิ่นเหล้าที่ติดตัวไอ้ยักษ์มา...หัวใจเลยเต้นแรงแบบนี้&ld

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (5/6)

    “แล้วสรุปเรื่องเราคุยกันวันก่อน มึงว่าไง” จู่ ๆ อินก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมา หมี่ที่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ก็ถึงกับงง“หะ?”“หะ อะไร” เด็กหนุ่มมองอีกฝ่าย นี่อย่าบอกนะว่าหมี่ลืมเรื่องวันนั้นไปแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเราจะขี้ลืมได้ง่ายขนาดนี้“คุยเรื่องอะไรวะ” นั่นไง สีหน้าเหรอหรานั่นเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าคนตัวเล็กลืมเรื่องนั้นไปแล้วจริง ๆ“เรื่องที่มึงบอกว่าเราต้องหากิจกรรมทำร่วมกันบ้าง ทำขนมกินกัน ไม่ก็ไปเดินเล่น ไปเที่ยวห้างดูหนังอะไรสักอย่าง” ลำบากอินต้องมานั่งรื้อฟื้นความทรงจำให้ใหม่อีก“อ๋อออ เรื่องนั้นเอง~”“ไม่ต้องมาอ๋อเลย เรื่องนั้นมึงเป็นคนเปิดหัวข้อมาเองนะ สรุปว่าไง” เด็กหนุ่มเฝ้ารอคำตอบจากคนต้นคิด“ก็นั่นแหละ แบบว่าเราอยู่ห้องเดียวกันแต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหรือช่วงก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย กูรู้สึกเหมือนกูอยู่ตัวคนเดียวอ่ะ กูไม่ชอบความรู้สึกนั้น” อินรู้สึกเจ็บในอกเล็กน้อยเพราะเขาก็เคยรู้สึกแบบนี้ตอนอยู่ที่บ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (6/6)

    และแล้วเวลาก็ผ่านล่วงเลยมาจนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ที่อินรอคอย หมี่บอกว่าจะสอนทำขนมจีนน้ำเงี้ยว เด็กหนุ่มที่ไม่ได้กินเมนูนี้มานานแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น พวกเขานั่งรถบัสไปห้างสรรพสินค้า AA เหมือนเดิมเพื่อเลือกซื้อวัตถุดิบสำหรับเมนูแสนอร่อย“ต้องซื้อของเยอะมั้ย”“ไม่เยอะนะ กูจดมาละ” มือบางล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงและหยิบเศษกระดาษแสนยับยู่ยี่ขึ้นมาคลี่ออก ก่อนจะยื่นให้เด็กหนุ่มอ่าน ทันทีที่เห็นตัวอักษรขยุกขยิกราวไก่เขี่ย อินก็หันมองหน้าคนตัวเล็กพร้อมความคิดที่แทรกเข้ามาในสมองสองอย่างอย่างแรกคือลายมืออะไรของมัน อ่านไม่ออกเลยสักนิด แม้จะเพ่งสายตาก็มองไม่ออกว่าอักษรตัวนี้เป็น ก.ไก่ หรือ ท.ทหาร แล้วตัวนั้นอีกล่ะ เขาต้องอ่านเป็น น.หนู หรือ บ.ใบไม้ส่วนอย่างที่สองคือไอ้คำว่า ‘ไม่เยอะนะ’ ของอีกฝ่ายนี่หมายความว่ายังไงเพราะเท่าที่เด็กหนุ่มมองรายการส่วนผสมทั้งหมดที่เขียนไว้ในกระดาษแบบผ่านตาก็น่าจะราว ๆ เกือบสามสิบอย่างแล้ว“อันนี้คือไม่เยอะเหรอ”“ช่ายยยย เมนูอื่นที่ใช้วัต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-24

บทล่าสุด

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (6/6)

    อ๊ากกกกกก!!!“เป็นอะไรหมี่!” อินได้ยินเสียงคนตัวเล็กตะโกนดังแต่เช้าก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ“ผีหลอก!!!!” หมี่ยังคงส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจเพราะตื่นมาก็เห็นแขนของใครไม่รู้พาดอยู่ตรงเอวบางของตน“ผีอะไร!” อินถึงกับคิ้วขมวด เขาไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กกำลังพูดถึงเรื่องอะไร“ขะ...ขะ...แขนใครไม่รู้!...ฮือออ” หมี่หลับตาปี๋และชี้นิ้วไปตรงเอวของตัวเอง“แขนอะไร?” อินยิ่งงงเข้าไปใหญ่เพราะแขนแกร่งของเขาที่กอดเอวอีกฝ่ายก็ยังปกติดี“เอ๊ะ!เดี๋ยวนะ!” เสียงกรีดร้องแปรเปลี่ยนเป็นความฉงน หมี่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และมองเจ้าของเสียงที่ตนสนทนาด้วย“ไอ้ยักษ์!” ก่อนจะยกกำปั้นและออกแรงทุบไปที่ต้นแขน ของอีกฝ่าย“โอ๊ย!ตีกูทำไมเนี่ย” เมื่อรับรู้ว่าแขนปริศนามีเจ้าของและไม่ได้โดนผีหลอก หมี่ก็ขยี้หัวระบายความหงุดหงิด“ฮืออ...กูนึกว่าผีหลอกกู!ไอ้บ้าเอ๊ย!”“ผีอะไรจะมาหลอกมึงตอนเช้าแบบนี้”

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (5/6) nc เบา ๆ

    อินวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอน ก่อนจะดึงร่นกางเกงนอนลงเพื่อให้แท่งเนื้อที่กำลังผงาดอย่างแข็งขืนได้โผล่ออกมาเจอโลกภายนอก วินาทีที่อวัยวะส่วนที่อ่อนไหวที่สุดกระทบความเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็สร้างความเสียวซ่านขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มือหนาเลื่อนลงไปกอบกุมแท่งเนื้อที่ตอนนี้กลายเป็นแท่งร้อนเพราะเลือดที่สูบฉีดทั่ว“อ่าาา~” เสียงแห่งความสุขสมเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเล็กน้อย ผ่านไปแล้วสิบนาที มือหนาก็ยังคงชักรูดแท่งนั้นขึ้นลงอย่างคล่องแคล่วและไม่ผ่อนความเร็วลงแม้แต่น้อยจนน้ำเมือกที่เป็นสารหล่อลื่นเริ่มปริ่มออกมาผ่านไปอีกสามสิบนาที ความร้อนในร่างกายก็พุ่งสูงขึ้นตามอารมณ์ความใคร่ที่กำลังปะทุอยู่ นิ้วหัวแม่มือก็ลูบวนรอบส่วนหัวแท่งเนื้อเมามันพลางขบกรามแน่นเป็นระยะ มือสากของตัวเองยังทำให้รู้สึกดีมากขนาดนี้แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายจะรู้สึกดีขนาดได้“หมี่~ ฮึ่มม” เสียงเรียกชื่อคนตัวเล็กที่ออกมาจากปากของตัวเอง ทำไมฟังดูกระเส่าเย้ายวนขนาดนี้ มันยิ่งทำให้ความอยากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวซึ่งเด็กหนุ่มก็เคลิบเคลิ้มไปในโลกที่ตัวเอ

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (4/6)

    ครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ! ทำยังไงดีไอ้ยักษ์โทรมา!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมอาการลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกเราสองคนไม่เคยต้องโทรหากันตอนกลางคืนเลยเพราะปกติก็นอนด้วยกันตลอด ถ้าต้องโทรคุยกันน่าจะรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน คนตัวเล็กนอนจับมือถือพลิกไปพลิกมาบนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดรับในที่สุด ทว่าสายตัดไปแล้ว...“อ้าว!วางไปแล้ว” หมี่ถึงกับเหวอจนนิ่งค้างไปชั่วขณะ“เอาไงดีเนี่ย โทรกลับไปดีมั้ย แล้วจะคุยอะไรล่ะ โอ๊ยยย!จะบ้า!” ด้วยความตื่นเต้นบวกกับความเขินอายเลยทำให้หมี่ไม่ได้กดโทรกลับไปหาอีกฝ่ายสักทีครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ!โทรกลับมาแล้ว อะแฮ่ม!” หมี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง ก่อนจะกระแอมเสียงและกดรับสาย“หมี่” เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปลายสายหัวใจของหมี่ก็พองโตอย่างไม่มีสาเหตุ อะไรจะเสียงหล่อปานนั้นพ่อคู๊ณณณณ“โทรมามีไร” ทว่าเจ้าตัวต้องพยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองกำลังตื่นเต้นและเลิ่กลั่กมากขนาดไหน“ทำอะไรอยู่” “กำลังจะนอน” หมี่ซุกหน้าเข้าหาผ้าห่มผืนหนาก่อนตอบ“กูโทรมากวนรึเปล่า นอนเลยมั้ย” ได้ยินประโยคนี้ก็ถึงกับดีดหน้าออกจากผ้าห่มด้วยความลืมต

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (3/6)

    หลังจากที่ไปส่งอินขึ้นรถหน้ามหาลัยฯ หมี่ก็เริ่มคิดอย่างจริงจังเรื่องการไปเจอพ่อแม่ของอีกฝ่าย ครอบครัวอินดูแลลูกชายให้เติบโตมาเป็นคนดีขนาดนี้ เด็กน้อยแบบเขาาจะคู่ควรกับอีกฝ่ายจริง ๆ เหรอคิดไปคิดมาก็เริ่มหดหู่ใจ เมื่อสมองถูกใช้งานมากเกินไปก็ชักจะหิวหมี่เลยขอหยุดนึกถึงเรื่องนี้ก่อนและเดินลงไปชั้นล่างเพื่อจะซื้อของที่ร้านค้าสวัสดิการของหอพัก จังหวะนั้นเองก็บังเอิญเจอเข้ากับอาจารย์หอพอดี“สวัสดีครับอาจารย์” คนตัวเล็กเอ่ยทักอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส“อ๊ะ สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้าง” อาจารย์พิทักษ์มีท่าทีตกใจเล็กน้อยแต่ก็ทักทายกลับมา“ทำไมเรียนทำอาหารถึงเหนื่อยแบบนี้ครับ ผมล่ะอยากจะร้องไห้” พูดพลางปั้นหน้ามู่ทู่น่าเอ็นดูจนคนมองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า!นั่นสินะ การเรียนก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละแต่ผลตอบรับที่ได้กลับมาย่อมคุ้มค่า” คนเป็นอาจารย์ก็ทำได้เพียงปลอบใจเหล่านักศึกษาที่กำลังท้อแท้แบบนี้แหละและคอยเฝ้ามองลูกศิษย์ค่อย ๆ เติบโต“ครับ...ว่าแต่อาจารย์ไปทำอะไรในห้องนั้นครับ มันดูอับมากเลย” หมี่ถามด้วยความอยากรู้เพราะเท่าที่เห็นคือห้องด้านหลังร้านค้าสวัสดิการเป็นห้องที่ไม่น่

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (2/6)

    หลังจากได้เคลียร์ปมปัญหาที่ติดแน่นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจออกไปและได้กินข้าวร่วมกับพ่อแม่ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็ทำให้อินเริ่มยิ้มมากขึ้น พูดคุยมากขึ้นและเป็นตัวเองมากขึ้นเด็กหนุ่มจัดเก็บจานชามและโต๊ะกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งคุยกับพ่อแม่ต่อที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะมีเสียงหยอกล้อของคนในบ้านและตามมาด้วยเสียงหัวเราะเป็นระยะ ตอนนี้บรรยากาศในบ้านไม่อึมครึมอีกต่อไปแล้ว“เอ่อ...พ่อครับ แม่ครับ” อินที่คิดว่าเวลานี้คงเหมาะที่จะคุยถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องก็เอ่ยขึ้น“หืมม มีอะไรลูก” พ่อตอบรับอย่างอารมณ์ดี“พ่อกับแม่รักกันได้ยังไงครับ” เมื่อได้ยินคำถามแบบนี้จากลูกชาย คนเป็นพ่อแม่ก็ถึงกับหันมองหน้ากันทันที“จู่ ๆ มาถามเรื่องแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าลูก” แม่ถามไถ่ลูกชายด้วยความเป็นห่วง ขณะที่พ่อส่งเสียงแซวดังลั่น“จะมีอะไรอีกล่ะคุณ ลูกชายเรากำลังจะเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วน่ะสิ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ไม่ว่าเปล่าแต่กลับหัวเราะจนท้องเข็ดท้องแข็งอีกด้วย“โธ่พ่อ! อย่าแซว” เด็กหนุ่มเขินอายเล็กน้อยแต่ยังไงเขาก็ต้องคุยกับทั้งคู่ให้รู้เรื่องเลยพยายามเก๊กขรึมไว้“สมัยนั้นพ่อไปฉุดแม่มาน่ะ ก็อย่างว่าพ่อมันคนร้

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (1/6)

    เช้าวันรุ่งขึ้นทั้งคู่ก็เดินทางกลับหอพักและใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากค่ำคืนนั้นอินก็พยายามหาวิธีหลอกล่อคนตัวเล็กให้ติดกับ แต่ดูเหมือนเขาจะทำไม่ได้เลยเพราะโกหกไม่เป็นและอีกฝ่ายก็รู้ทันตลอดครืดดดด ครืดดดด“ครับแม่” เด็กหนุ่มกดรับสายเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาคือ ‘แม่’ จะว่าไปช่วงนี้เขาไม่ได้โทรหาคนที่บ้านเลย สงสัยพ่อแม่คงอยากให้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างแล้ว“อิน วันก่อนที่ลูกแข่งขันว่ายน้ำได้เหรียญเงินมา พวกเรายังไม่ได้ฉลองกันเลยนะลูก” จริงสิ ช่วงนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมายจนลืมเรื่องนี้ไปเลย ไหนจะยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นอีก ตอนนี้คงถึงเวลาที่เขาต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวแล้วสินะ“ครับ”“จริง ๆ แม่ว่าจะโทรถามเรื่องนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอินว่างช่วงไหนบ้างเลยไม่อยากโทรไปกวน” เด็กหนุ่มอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เขาละเลยหน้าที่ของการเป็นลูก“ขอโทษครับแม่ ช่วงนั้นอินมีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะแยะเลยไม่ค่อยมีเวลาว่างเพื่อกลับบ้านสักเท่าไหร่ แถมยังไม่ได้โทรหาพ่อกับแม่ด้วย” น้ำเสียงหดหู่ปนเศร้าใจถูกส่งผ่านไปยังผู้เป็นแม่“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่คิดว่าตอนนี้ทุกอย่างค

  • อินกินหมี่   บทที่ 6 อิน อัน กันต์ (6/6)

    หมี่พาอินไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยท่าทีเขินอาย คือถ้าเป็นการค้างแรมแบบเพื่อนคนตัวเล็กคงไม่เขินขนาดนี้ แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายเป็นคนที่กำลังดูใจกันอยู่เลยรู้สึกใจเต้นแรงแปลก ๆทางด้านของอินเมื่อได้ก้าวเข้ามาในห้องของคนตัวเล็กก็ต้องกัดฟันยับยั้งชั่งใจให้อยู่หมัด ห้องอะไรหอมชะมัด ก่อนจะได้ยินหมี่บอกให้อาบน้ำในห้องนี้ได้เลย ส่วนตัวเองจะไปอาบน้ำที่ห้องพี่จะได้ไม่ต้องมานั่งรอกันทันทีที่คนตัวเล็กออกไป อินก็เดินสำรวจรอบห้อง เตียงนอนขนาดกลางเต็มไปด้วยตุ๊กตาเยอะแยะมากมาย มองดูก็รู้ว่าตู้เสื้อผ้า โต๊ะหรือแม้กระทั่งสิ่งของเครื่องใช้ภายในห้องถูกดูแลเป็นอย่างดีและจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ถึงแม้ว่าของจะเยอะแต่ก็จัดเก็บไว้ได้อย่างลงตัวมือหนาหยิบผ้าขนหนูที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ขึ้นมาดู ลายบนผ้าผืนนี้ก็น่ารักสมกับเจ้าของห้อง แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำก็แทบจะเสียสติเพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่เหลวที่หมี่ใช้ประจำตลบอบอวลอยู่ภายในห้องนี้อินรีบปิดน้ำจากฝักบัวรดหัวให้หายฟุ้งซ่าน ทว่าสีหน้าและแววตาของพี่แมนก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง...หรือพี่แมนต้องการให้เขาและหมี่ได้ใกล้ช

  • อินกินหมี่   บทที่ 6 อิน อัน กันต์ (5/6)

    “ไหนใครบอกว่าจะไปซื้อน้ำผลไม้” อินเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างอาคารผู้ป่วยก็พูดทัก“อ๊ะ! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมด” เมื่ออีกฝ่ายหันมา อินก็เห็นว่ามีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี“เป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาไม่ค่อยดีเลย” เด็กหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ และสอดส่องใบหน้าของคนตัวเล็ก“เปล่า” เปล่าอะไรหน้าหงอยขนาดนั้น“จะบอกดี ๆ มั้ย” เมื่อโดนอินดุก็จำยอมต้องบอกความในใจ“เมื่อกี้จู่ ๆ กูก็รู้สึกแปลกแยกอ่ะ กูเลยอยากออกมาอยู่ข้างนอก” เด็กหนุ่มคิดตามอีกฝ่าย หรือความจริงแล้วหมี่ไม่สบายใจเพราะยังไม่ได้รู้จักพ่อแม่ของเขากันนะ“งั้นบอกพ่อกับแม่ดีมั้ย” คนตัวเล็กตาโต ไม่คิดว่าอินจะพูดแบบนี้“บอกเรื่องอะไร” ปากสวยได้รูปขยับถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“เรื่องของเราไง” อินเอื้อมไปจับมือหมี่และลูบเบา ๆ“แต่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ...กูหมายถึงตอนนี้เราแค่ทดลองดูใจกันอยู่รึเปล่า” หมี่พูดออกมาตามตรง ซึ่งนั่นก็ทำให้ทั้งคู่รับ

  • อินกินหมี่   บทที่ 6 อิน อัน กันต์ (4/6)

    อินอาบน้ำแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า หมี่เห็นแบบนั้นก็พิมพ์ข้อความส่งไปหากันต์ที่ยังอยู่โรงพยาบาลว่าอินได้ที่สอง ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับมาเป็นสติกเกอร์รูปนิ้วมือแบบธรรมดา การเป็นคนป่วยไม่ได้ทำให้กันต์กวนบาทาน้อยลงเลยคนตัวเล็กหันมองรูมเมทที่นอนหลับตาพริ้มด้วยสายตายินดีพลางคิดว่าหลังจากนี้ก็ขอให้มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขานะ ก่อนจะเริ่มเตรียมแผนการสำหรับฉลองที่อินได้เหรียญเงินในการแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกคิดไปคิดมา เขียนไปเขียนมาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงจนตะวันตกดิน หมี่ที่เป็นกังวลว่าอินยังไม่ตื่นก็เดินไปปลุกเพราะถึงเวลาต้องหาอะไรกินแล้ว เด็กหนุ่มที่ถูกปลุกก็ลุกขึ้นมานั่งด้วยหน้าตาสะลึมสะลือ ก่อนจะตรงไปอาบน้ำเพื่อสลัดความง่วงทิ้ง“ครั้งนี้ฉลองด้วยอะไรดี” เสียงเล็กของหมี่ถามขึ้นอย่างตื่นเต้นทันทีที่อินเดินออกมาจากห้องน้ำ“ตามใจมึงเลย” เขากินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ความจริงแล้วตอนนี้ยงไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ“อืมม งั้นทำอะไรอร่อย ๆ กินกันดีมั้ย” เมื่อเห็นคนตัวเล็กทำหน้าครุ่นคิดว่าจะฉ

DMCA.com Protection Status