Home / LGBTQ+ / อินกินหมี่ / บทที่ 2 หมี่พิเศษ (4/6)

Share

บทที่ 2 หมี่พิเศษ (4/6)

last update Last Updated: 2024-11-20 10:15:03

“อะ...อื้ออ~...เฮ้ย! เริ่มมืดแล้วนี่! กี่โมงแล้ว!” เสียงบิดขี้เกียจดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายตามเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

“สองทุ่มสิบสามนาที” อินที่กำลังวิดพื้นอยู่ข้างเตียงตอบกลับทันทีเพราะตอนนี้เขาจับเวลาในออกกำลังกายอยู่

“...สะ...สองทุ่ม!!!” ตะโกนอีกแล้ว ตอนเด็กกินโทรโข่งเข้าไปรึไงนะถึงได้ตะเบ็งเสียงเก่งขนาดนี้ อยากถามจริง ๆ ว่าไม่รู้สึกเจ็บคอบ้างเลยเหรอ

“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย มันรบกวนข้างห้อง” หมี่ลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงมาหาเด็กหนุ่ม

“ก็คุยกันแล้วนี่! ว่าจะไปซื้อเห-” อินรีบพุ่งตรงไปปิดปากคนตัวเล็กในเสี้ยววินาทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดคำว่าเหล้าออกมาเพราะกลัวว่าข้างห้องอาจได้ยินเสียงของพวกเขา ด้วยแรงที่อินพุ่งหาหมี่บวกกับน้ำหนักตัวของอินทำให้คนตัวเล็กไม่อาจต้านทานไว้อยู่จนทั้งคู่เซล้มไปบนเตียง

“ชู่ว! อย่าพูดคำนั้นออกมานะ” โชคดีที่อินพลิกตัวทันเลยใช้ร่างกายของตัวเองรองรับแรงกระแทกแทนหมี่ มือขวาก็เผลอคว้าเอวอีกฝ้ายไว้แน่น

“อื้ออ อื้ออ” หมี่เบิกตากว้างเพราะตกใจและเริ่มดิ้นไปมาภายใต้ท่อนแขนที่โอบรัดรอบเอวบางของตัวเอง

“ไปซื้อตอนนี้ก็ยังทันน่า จะโวยวายทำไม” อาจเป็นเพราะตอนนี้ร่างกายของเด็กหนุ่มทั้งสองคนแนบชิดกันมากกว่าปกติทำให้หมี่ได้ยินเสียงทุ้มเข้มของอินดังใกล้หูมาก...มากจนคนตัวเล็กต้องยอมรับว่านอกจากจะหน้าตาหล่อแล้ว เสียงไอ้ยักษ์ก็ยังหล่อมากอีกด้วย

“อื้ออ! อื้อออ!” ทว่าสิ่งที่แย่ที่สุดในตอนนี้คือหมี่กำลังจะหมดอากาศหายใจ มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างจิกดึงมือหนาที่ปิดหน้าตัวเองออกอย่างสุดแรง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้กำปั้นทุบแขนของอีกฝ่าย อินที่รับรู้แล้วว่าคนตัวเล็กอยากให้ปล่อยมือก็ยื่นข้อเสนอเพื่อขอสงบศึก

“จะปล่อยมือแล้วนะ อย่าเสียงดังล่ะ”

“เฮือก! แฮ่กก แฮ่กก” หมี่สูดลมหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้เป็นอิสระและดีดตัวขึ้นมานั่งเพื่อให้ตัวเองกลับมาหายใจอย่างปกติ อินที่เห็นอีกฝ่ายนั่งหอบจนหน้าแดงก็อดรู้สึกผิดไม่ได้และตั้งใจว่าครั้งถัดไปเขาจะเบามือกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ (?)

“กูกะว่าจะปิดแค่ปากแต่มือกูใหญ่เลยดันปิดจมูกไปด้วย โทษที” อินก้มหัวเล็กน้อยพลางยกมือเกาท้ายทอยขณะพูดขอโทษอีกฝ่าย

“ไม่ใช่แค่ปากกับจมูก...แต่มือมึงปิดทั้งหน้ากูเลย!” หมี่หันกลับไปมองอินหมายจะด่าทอต่ออีกสักหน่อยให้สาแก่ใจแต่กลับต้องหยุดชะงักทันทีเพราะตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น

ก่อนหน้านี้อินออกกำลังกายโดยไม่ใส่เสื้อทำให้ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ตามเนื้อตัวก็มีเหงื่อหลงเหลืออยู่ กล้ามเนื้อแขนและช่วงอกที่สมกับเป็นนักกีฬานั้นเผยให้คนตัวเล็กได้เห็นอย่างเต็มตา ไหนจะมัดกล้ามเนื้อตรงช่วงท้องที่เป็นลอนราวกับก้อนขนมปังนั่นอีก หมี่ที่นั่งอยู่ตรงหว่างขาของอินพอดิบพอดีก็เป็นอะไรที่ล่อแหลมเกินจะรับไหว

“ขอโทษ” อีกครั้งแล้วที่อินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มพร้อมโน้มตัวลงมาหาคนตัวเล็กเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน จนจมูกของทั้งสองคนเกือบจะชนกันอยู่แล้ว ซึ่งอินไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจของคนตรงหน้าเริ่มใจสั่น

ตึกตัก~ ตึกตัก~

เสียงอะไรน่ะ

อินที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นก็อดนึกสงสัยไม่ได้ ทว่าเขาไม่ทันจะได้เงียบฟังหรือมองหาต้นตอของเสียงก็พบว่าคนตัวเล็กเริ่มหน้าแดงอีกครั้งและขยับตัวยุกยิกไปมา จนอินเผลอเอื้อมมือออกไปเพื่อจะแตะตัวอีกฝ่าย

“คะ...คือ รีบไปซื้อเห- เอ่ออ รีบไปร้านค้ากันดีกว่า!” เสียงเล็กแหลมของหมี่ที่เอ่ยชวนไปซื้อของทำให้ทั้งคู่หลุดออกจากสถานการณ์อันตรายครั้งนี้ไปได้และเรียกสติของอินให้กลับมาด้วย

เด็กหนุ่มรีบลงจากเตียงของคนตัวเล็กทันทีพลางคิดทบทวนว่าเมื่อกี้เขาตั้งใจจะทำอะไรกับอีกฝ่ายกันแน่ วินาทีนั้นเขามองว่าใบหน้าขาวอมชมพูของอีกฝ่ายกลายเป็นสีแดงระเรื่อดูน่ารักดีเลยเผลอยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว บ้าแล้ว นี่เขาเป็นอะไรไป!

ทางด้านหมี่ที่รู้ตัวว่าเผลอหวั่นไหวให้กับการกระทำของอินก็สับสนและลนลานไปหมดจนต้องรีบยกเรื่องซื้อเหล้าขึ้นมาอ้าง ในใจก็ได้แต่หวังว่าไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของเขาเมื่อกี้นี้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมไอ้ยักษ์ถึงทำให้เขาใจเต้นแรงได้ขนาดนี้!

.

.

.

กว่าที่เด็กหนุ่มทั้งสองจะเดินจากห้องพักไปถึงร้านค้าก็เสียเวลาไปหลายนาที แถมยังมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกด้วย เรื่องแรกคือแม่ค้าขอดูบัตรประชาชนของหมี่เพราะไม่เชื่อว่าเขาอายุถึงเกณฑ์ที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อแอลกอฮอล์แล้ว นั่นทำให้หมี่หัวเสียเล็กน้อยเพราะเกือบไม่ได้ซื้อเหล้าเบียร์แต่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่แม่ค้ามองว่าเขาหน้าเด็ก

อินกลัวว่าจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ก็เดินมาเจรจาจนสำเร็จและนี่คือเรื่องไม่คาดฝันที่สอง แม่ค้ารีบหยิบเบียร์ทั้งหมดใส่ถุงพร้อมแถมกับแกล้มให้ ก่อนจะพูดตบท้ายว่า ‘ไอ้หนู เอ็งโดนพี่ชายบังคับให้มาซื้อก็ไม่บอก ส่วนเอ็งโตเป็นพี่คนแล้วทีหลังก็มาซื้อเองสิ’ ทำเอาทั้งคู่หน้าเหวอไปตาม ๆ กัน

การเดินมาซื้อเบียร์ไม่ยากเท่าการเอาเบียร์กลับห้อง อินรู้สึกขนลุกและเสียวสันหลังกับการทำผิดครั้งแรกในชีวิตจนเผลอสะดุดขาตัวเองไปบ้าง เดินชนขอบประตูทางเข้ามหาลัยฯ ไปบ้างแต่ก็ยังเก๊กขรึมไว้ได้อยู่ ต่างจากคนตัวเล็กที่เดินตัวปลิวและตอนนี้กำลังกลั้นขำจนไหล่สั่น

ถึงห้องแล้ว หมี่ไม่ลังเลที่จะล็อกประตูและรีบเดินไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางห้อง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพร้อมโยกตัวไปมาอย่างกับเด็กที่มีความสุข อินทำได้แค่นั่งตามและเปิดกระป๋องเบียร์ยื่นให้อีกฝ่าย

กินหมดไปเพียงแค่กระป๋องเดียวเท่านั้น คนตัวเล็กก็เริ่มแปรสภาพจากคนกลายเป็นงู นอนเลื้อยไปเลื้อยมา พูดจาไม่ได้สติ อินถึงกับกุมขมับและส่ายหัวให้ความดันทุรังของอีกฝ่าย

“มึงเคยกินแอลกอฮอล์มั้ยเนี่ย” อินที่เห็นสภาพของหมี่ก็ถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเพราะตอนนี้คนตัวเล็กกินเบียร์หมดไปสองกระป๋องแล้วจากทั้งหมดสี่กระป๋อง

“กูเพิ่ง...อึก...เคยกินเบียร์...เอิ้ก...ครั้งแรกก...” น้ำเสียงปนสะอึกของคนตัวเล็กที่ตอบกลับมายิ่งทำให้เด็กหนุ่มปวดหัวเข้าไปใหญ่

“เวรละ” ก่อนจะเผลอสบถออกมาเมื่อเห็นมือเล็กเอื้อมมาหยิบเบียร์ของเขาไปและยกขึ้นดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย

“มึงอ่ะ...อึก...กระดกเข้...อึก...เข้าไปเซ้!” ทว่าคนตัวเล็กดูเหมือนจะไม่กังวลเลยว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสภาพไหนแถมยังมีการเชิญชวนให้อินดื่มต่ออีกต่างหาก

“อย่าเสียงดังสิ...มึงเมาแล้วนะ” อินห้ามปรามคนตัวเล็กเสียงเบา ก่อนจะเตือนอกฝ่ายให้กลับมามีสติ

“ไม่มาวว ยังด้ายอยู่วว” คนเมาย่อมบอกว่าตัวเองไม่เมา อินเพิ่งได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ก็วันนี้แหละ

“พอเถอะ นี่กระป๋องที่สามแล้วนะ” พูดจบอินก็คว้าเบียร์ที่อยู่ในมืออีกฝ่ายออก เด็กหนุ่มไม่อยากให้สถานการณ์เกินความควบคุมไปมากกว่านี้

“มึง...อึก...มะ...มีน้องใช่ม้ายยย...อึก!” จู่ ๆ คนตัวเล็กก็พูดโพล่งขึ้นมา ประโยคนั้นทำให้อินหยุดชะงักไป นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแสนดุดันเริ่มวูบไหวและหม่นหมองลง

“เงียบทำมายยย~” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปหมี่ก็เริ่มเลื้อยไปหา ก่อนจะคืบคลานขึ้นไปบนตักแกร่ง แต่ด้วยความมึนเมาจึงทำได้เพียงไถหัวตัวเองไปต้นขาของอีกฝ่ายเท่านั้น

อินเผลอสะดุ้งเล็กน้อยที่คนตัวเล็กเลื้อยมานอนหนุนตักเขาทำเอาไม่กล้าขยับตัวเลย เด็กหนุ่มทำได้แค่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นแข็งทื่ออยู่ตรงนี้ จังหวะที่อินกำลังจะก้มลงไปบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้น คนตัวเล็กก็เงยหน้ามามองเขาพอดีพร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มแถมยังยิ้มกว้างพลางหัวเราะชอบใจ

ในเมื่ออีกฝ่ายชอบทำตัวแบบนี้เป็นใครมาเห็นก็คงปฏิเสธไม่ลงหรอก เด็กหนุ่มเก็บความคิดนี้ที่ผุดขึ้นมาในสมองไว้ในใจ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นคำถามหรือการนอนหนุนตัก เขาก็คงคัดค้านอะไรอีกฝ่ายไม่ได้...

“อืม กูมีน้องชาย”

“ว่าแล้ว! อึก...มึงอ่ะ...อึก!...ชอบทำตัวเหมือนพี่ชาย” คนตัวเล็กพูดเสียงดัง ก่อนจะชี้นิ้วใส่อินและจิ้มไปที่ต้นแขนแกร่งของเขาราวกับเด็กน้อยที่ดีใจเมื่อคาดเดาอะไรบางอย่างถูกต้อง

“เดี๋ยวกูพาไปล้างหน้าดีกว่าจะได้สร่างเมา” อินที่เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีสติและอาจจะเผลอพูดอะไรที่ตัวเองไม่อยากพูดออกมาจึงเสนอวิธีช่วยให้อีกฝ่ายสร่างเมาเพื่อควบคุมสติไว้

“กูก็...อึก...มีพี่ชาย” แต่คงไม่ทันแล้วเพราะต่อให้พาไปคนตัวเล็กล้างหน้า อีกฝ่ายก็คงพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดออกมาอยู่ดี

“...” อินเลือกที่จะไม่ตอบอะไรเพราะเขาจะถือว่าตัวเองไม่ได้ยินและไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรจากอีกฝ่ายทั้งนั้น แขนแกร่งของเขาพยุงร่างกายของคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นและตรงไปห้องน้ำ

“พี่อ่ะ...ชอบทำหน้าเครียด! อึก...เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียว!...เหมือนมึง...เลย...” คนตัวเล็กที่อยู่ภายในวงแขนยังคงระบายเรื่องราวในใจออกมา ขณะเดียวกันก็เดินเซจนเกือบจะล้ม

“ยืนดี ๆ ใกล้ถึงห้องน้ำแล้ว” อินอดไม่ได้ที่จะเอ็ดใส่คนตัวเล็กและกระชับวงแขนที่โอบรอบเอวบางให้แน่นขึ้น พลางคิดว่าถ้าทำลูกเค้าล้มลงหัวแตกตอนนี้ตัวเองอาจจะลำบากในภายภาคหน้า

“มีอะไรในใจ...อึก...ก็ไม่เคยพูด...ใครมันจะไปเข้าใจวะ!”

“...” อินไม่รู้แล้วว่าประโยคที่คนตัวเล็กพูดออกมานั้นหมายถึงพี่ชายหรือหมายถึงเขากันแน่ ก่อนจะได้ยินเสียงพูดพึมพำจากอีกฝ่าย

“กูจะ...อุบ!...”

“อะไรนะ” อินได้ยินไม่ชัดเลยย่อตัวลงและยื่นหน้าเข้าไปฟังใกล้ ๆ

อุก อ้วกกกกก!!!!

Related chapters

  • อินกินหมี่   บทที่ 5 หมี่พิเศษ (5/6)

    อุก อ้วกกกกก!!!!“เฮ้ย!” ชัดเจน สิ่งที่พวยพุ่งออกมาจากปากของคนตัวเล็กถือเป็นคำตอบอย่างดีให้กับคำถามของเขาเศษอาหารที่หมี่อาเจียนออกมานั้นทำให้รู้เลยว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายกินอะไรเข้าไปบ้าง แถมตอนนี้สิ่งพวกนั้นก็เปรอะเปื้อนไปทั่วเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวตัวโปรดของเขาอีกด้วย โอ้โห กลิ่นก็สุดจะบรรยายทำเอาอินหลุดสบถออกมาอีกจนได้“ไอ้หมี่! มึงนี่มันตัววุ่นวายของจริงเลยว่ะ ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้จากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วยวะ” ถึงแม้ว่าหมี่จะอ้วกใส่แต่อินก็ไม่ปล่อยมือที่โอบเอวบางไว้ เด็กหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นเสยผมเผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตรงขมับท้ายที่สุดแล้วอินก็พาหมี่ไปอ้วกในห้องน้ำได้สำเร็จและรีบออกมาเช็ดอ้วกที่เลอะเทอะหน้าประตูห้องน้ำ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถือวิสาสะถอดเสื้อเปื้อนอ้วกของอีกฝ่ายออกและหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดไปตามเนื้อตัวของคนตัวเล็ก วินาทีที่ความเย็นจากผ้าขนหนูอันเปียกชุ่มสัมผัสร่างกายสีขาวอมชมพูก็ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมขนลุกชูชันมือหนาลูบไล้ผ้าเปียกไปตามส่วนต่าง ๆ พลางสอดส

    Last Updated : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (6/6)

    ...“โอ๊ยยย ปวดหัวจัง” หมี่ตื่นขึ้นมาในเช้าที่แสนสดใสพร้อมกับร่างกายที่แสนปวดร้าว นี่เมื่อคืนเขากินเบียร์ไปมากขนาดไหนถึงได้ปวดหัวจะเป็นจะตายขนาดนี้ จังหวะที่หมี่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็เห็นร่างใหญ่โตของรูมเมทนอนฟุบอยู่ข้างเตียง“เฮ้ย!ทำไมมึงมานั่งหลับอยู่ตรงนี้เนี่ย” เสียงเล็กแหลมอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อเบาเสียงลง“เอ๊ะ! นั่นกระเป๋าตังไอ้อินเหรอ...” ขณะที่หมี่เริ่มมีอาการเลิ่กลั่ก สายตาดันเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่หล่นอยู่ข้างตัวอีกฝ่าย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ มือเล็กก็เอื้อมไปหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างช้า ๆ และระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกระเป๋าสตางค์สีดำสนิทที่หมี่คิดเองเออเองว่าน่าจะเป็นหนังแท้มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปปีกนางฟ้าสีเงินวาววับมุมขวาล่าง เปิดออกปุ๊บก็เห็นบัตรประจำตัวประชาชนของอีกฝ่ายที่เสียบไว้ในช่องขวามือ หมี่เลยถือวิสาสะหยิบบัตรออกมาดู“เกิดวันที่หนึ่งกันยายน เห้ย!ไอ้ยักษ์อายุน้อยกว่ากูอีกเหรอเนี

    Last Updated : 2024-11-21
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (1/6)

    เดือนแรกของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งในรั้วมหาลัยฯ ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเรื่องโกหก หมี่ที่ทำการเปิดตัวด้วยความอลังการจากสโลแกนและท่ากระตุกเป้าเขย่าไข่ในวันงานกิจกรรมรับน้องก็มีเพื่อนนักศึกษาและรุ่นพี่มากหน้าหลายตาให้ความสนใจและเข้ามาทำความรู้จักเป็นจำนวนมากซึ่งปรากฎการณ์นี้เจ้าตัวก็ชอบอกชอบใจ เขาคิดไปเองว่าทุกคนเข้าหาเพราะเบ้าหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง แต่ความจริงคือทุกคนเข้าหาเพราะความร่าเริงแจ่มใสและความตลกเฮฮาของหมี่ต่างหากอีกด้านหนึ่ง อินที่อยากใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย สบาย ๆ และไม่อยากเป็นดาวเด่นหรือเป็นที่สนใจของใครทั้งนั้น กลับไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขตามที่คาดหวังไว้เพราะเหตุการณ์จากวันงานกิจกรรมรับน้องเช่นเดียวกันในทุกวันเด็กหนุ่มจะตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อออกมายืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกายและเริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้มหาลัยฯ เมื่อมาถึงสระน้ำกลางสวนก็พักยืดเหยียดแขนขาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มวิ่งกลับและแวะซื้อมื้อเช้ากลับไปกินที่ห้องกว่าจะถึงห้องก็ราว ๆ หกโมงกว่าเพราะต้องรอข้าวอยู่หลายนาที ร้านข้าวมันไก่เจ้านี้คนแน

    Last Updated : 2024-11-21
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (2/6)

    การเรียนและการสอบย่อยในรายวิชาต่าง ๆ ค่อนข้างถาโถมรุมเร้าแต่อินและกันต์ก็ผ่านมาได้ จนกระทั่งมาถึงวันเสาร์ที่พวกรุ่นพี่ตั้งตารอคอยเพราะวันนี้เป็นวันรับน้องสายรหัสของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา งานนี้เป็นงานเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นในห้องวีไอพีของร้านเหล้า YY ซึ่งเป็นห้องคาราโอเกะที่อยู่ลึกเข้าไปในร้าน หลบเลี่ยงเสียงครื้นเครง เสียงดนตรีและกลิ่นบุหรี่ได้ดีเด็กหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในร้านก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของทางร้าน ด้วยความเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่เคยมาร้านนี้อินก็เข้าไปสอบถามเรื่องห้องวีไอพีที่รุ่นพี่บอกมาทันที เมื่อได้คำตอบว่าห้องอยู่ตรงไหนก็เดินตรงไปทางนั้นอย่างไม่ลังเลก๊อก! ก๊อก!!อินเคาะประตูตามมารยาท ก่อนจะมีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาเปิดประตู รุ่นพี่คนนี้ชื่อโชนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สามและเป็นพี่สายรหัสของไอ้กันต์ มองเข้าไปในห้องก็เห็นรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนนั่งเสียบสายลำโพงและไมโครโฟนอยู่ไม่ไกล พี่คนนั้นชื่อแต้มและนั่นคือพี่สายรหัสของอิน“มาาา นั่งกันตามสบายเลย มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย” พ

    Last Updated : 2024-11-22
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (3/6)

    ก๊อก! ก๊อก!ถึงแม้ว่าในวินาทีแรกกันต์จะคิดสงสัยว่าหมี่คือใครแต่ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องพักก็แปลว่าอีกฝ่ายคงเป็นรูมเมทของไอ้อินแหละ ชื่อหมี่เหรอ จะเป็นคนแบบไหนนะ ทว่าไม่ทันได้คิดอะไรต่อ คิ้วเข้มก็เริ่มย่นเข้าหากันเพราะผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาเปิดประตูก๊อก!!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!กันต์ที่เริ่มหงุดหงิดเพราะเขาทั้งหนัก ทั้งเหนื่อยแถมยังมีอาการกรึ่มเมาเล็กน้อยก็ออกแรงทุบประตูหนัก ๆ ไปอีกสามทีเผื่อที่เคาะไปก่อนหน้านี้คนในห้องจะไม่ได้ยิน ในที่สุดก็มีเสียงขานรับมาจากในห้อง“กำลังไปค้าบบบ...ใครมาเคาะประตูเอาป่านนี้วะ” ขานรับไม่พอยังมีเสียงบ่นอุบอิบเล็ดลอดมาให้ได้ยินอีกต่างหาก“อ้าว ไอ้ยักษ์” ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งชี้นิ้วมาที่ไอ้อินพร้อมชื่อเรียกที่ทำให้กันต์ได้แต่งุนงง“เปิดประตูกว้างหน่อย มันหนัก” เด็กหนุ่มผิวแทนผู้ซึ่งไม่ชอบการพูดคุยกับคนแปลกหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลือกพูดจุดประสงค์ของตัวเองให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายที่สุด จะได้ไม่ต้องต

    Last Updated : 2024-11-22
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (4/6)

    “กูคิดถึงมึง ถ้าตอนนี้มีมึงอยู่...คงดีกว่านี้” การที่ใครสักคนจะพูดประโยคนี้ออกมาในช่วงที่เขากำลังขาดสติอยู่นั้น แปลว่าเขาเจ็บปวดมากแต่ไม่สามารถพูดสิ่งนี้ขณะที่ยังมีสติอยู่ได้“กูไม่อยากโตเลย ชีวิตวัยเด็กที่มีมึง กูมีความสุขมาก” สีหน้าของอินเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้นตันใจ เขาไม่เคยได้ระบายตะกอนที่จมลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจดวงนี้ให้ใครได้รับรู้“กูจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเพื่อมึงนะ...อัน...” ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกปวดหนึบไปในอกเพราะมันทำให้รู้ว่าเด็กหนุ่มไม่เคยทำเพื่อตัวเองเลย เขาใช้ชีวิตเพื่อน้องชายเสมอมา...และจะทำแบบนี้ตลอดไป“มันยังละเมออยู่อีกเหรอวะเนี่ย” หมี่ที่เห็นว่าอินนอนขยับปากเหมือนกำลังพูดอะไรสักอย่างก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะยกเท้าถีบไปที่ต้นขาหนาของอิน“เห้ย! ไอ้ยักษ์มีสติยัง ไหนบอกคอแข็งไง”“หมี่~” คนตัวเล็กหัวใจเต้นรัวเพราะรู้สึกแปลกที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ไม่แน่บางทีเขาอาจจะเมากลิ่นเหล้าที่ติดตัวไอ้ยักษ์มา...หัวใจเลยเต้นแรงแบบนี้&ld

    Last Updated : 2024-11-23
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (5/6)

    “แล้วสรุปเรื่องเราคุยกันวันก่อน มึงว่าไง” จู่ ๆ อินก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมา หมี่ที่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ก็ถึงกับงง“หะ?”“หะ อะไร” เด็กหนุ่มมองอีกฝ่าย นี่อย่าบอกนะว่าหมี่ลืมเรื่องวันนั้นไปแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเราจะขี้ลืมได้ง่ายขนาดนี้“คุยเรื่องอะไรวะ” นั่นไง สีหน้าเหรอหรานั่นเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าคนตัวเล็กลืมเรื่องนั้นไปแล้วจริง ๆ“เรื่องที่มึงบอกว่าเราต้องหากิจกรรมทำร่วมกันบ้าง ทำขนมกินกัน ไม่ก็ไปเดินเล่น ไปเที่ยวห้างดูหนังอะไรสักอย่าง” ลำบากอินต้องมานั่งรื้อฟื้นความทรงจำให้ใหม่อีก“อ๋อออ เรื่องนั้นเอง~”“ไม่ต้องมาอ๋อเลย เรื่องนั้นมึงเป็นคนเปิดหัวข้อมาเองนะ สรุปว่าไง” เด็กหนุ่มเฝ้ารอคำตอบจากคนต้นคิด“ก็นั่นแหละ แบบว่าเราอยู่ห้องเดียวกันแต่ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาหรือช่วงก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย กูรู้สึกเหมือนกูอยู่ตัวคนเดียวอ่ะ กูไม่ชอบความรู้สึกนั้น” อินรู้สึกเจ็บในอกเล็กน้อยเพราะเขาก็เคยรู้สึกแบบนี้ตอนอยู่ที่บ้

    Last Updated : 2024-11-23
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (6/6)

    และแล้วเวลาก็ผ่านล่วงเลยมาจนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ที่อินรอคอย หมี่บอกว่าจะสอนทำขนมจีนน้ำเงี้ยว เด็กหนุ่มที่ไม่ได้กินเมนูนี้มานานแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น พวกเขานั่งรถบัสไปห้างสรรพสินค้า AA เหมือนเดิมเพื่อเลือกซื้อวัตถุดิบสำหรับเมนูแสนอร่อย“ต้องซื้อของเยอะมั้ย”“ไม่เยอะนะ กูจดมาละ” มือบางล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงและหยิบเศษกระดาษแสนยับยู่ยี่ขึ้นมาคลี่ออก ก่อนจะยื่นให้เด็กหนุ่มอ่าน ทันทีที่เห็นตัวอักษรขยุกขยิกราวไก่เขี่ย อินก็หันมองหน้าคนตัวเล็กพร้อมความคิดที่แทรกเข้ามาในสมองสองอย่างอย่างแรกคือลายมืออะไรของมัน อ่านไม่ออกเลยสักนิด แม้จะเพ่งสายตาก็มองไม่ออกว่าอักษรตัวนี้เป็น ก.ไก่ หรือ ท.ทหาร แล้วตัวนั้นอีกล่ะ เขาต้องอ่านเป็น น.หนู หรือ บ.ใบไม้ส่วนอย่างที่สองคือไอ้คำว่า ‘ไม่เยอะนะ’ ของอีกฝ่ายนี่หมายความว่ายังไงเพราะเท่าที่เด็กหนุ่มมองรายการส่วนผสมทั้งหมดที่เขียนไว้ในกระดาษแบบผ่านตาก็น่าจะราว ๆ เกือบสามสิบอย่างแล้ว“อันนี้คือไม่เยอะเหรอ”“ช่ายยยย เมนูอื่นที่ใช้วัต

    Last Updated : 2024-11-24

Latest chapter

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (6/6) - ตอนจบ -

    ...ท่ามกลางบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่น ช่วงก็เวลาล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทว่าทั้งคู่ก็ยังสามารถประคับประคองความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยมนอกเหนือจากเรื่องความรักของอินและหมี่ ก็มีเรื่องของคนตัวเล็กและพี่ชายที่นับวันจะยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น ตอนนี้พี่แมนเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะมากและดูเหมือนว่าพี่จะมีแฟนด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นพี่ชายในมุมคลั่งรักใครสักคนทางด้านครอบครัวของอิน นับตั้งแต่มีการคุยเปิดอกกันในตอนนั้น ทุกคนก็มีความสุขตลอดมาและมีการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความทรงจำที่ดีเช่น การให้พ่อและอินเป็นเชฟทำกับข้าวในช่วงวันหยุด โดยมีแม่และหมี่คอยยืนดูพร้อมทั้งเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ หรือกิจกรรมไปเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าหมี่ก็ติดสอยห้อยตามไปทุกที่เพิ่มเติมคือตอนนี้น้าเกดกลับจากการทำงานต่างประเทศและได้มาดูแลลูกชายอย่างเต็มที่แล้ว กันต์เองก็เข้ารับการรักษาต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว แถมยังมาบ้านอินบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วยและวันนี้ก็เช่นกันวันนี้เป็นวันครบรอบการจากไป

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (5/6) NC

    “หมี่” เสียงเรียกชื่อจากคนรักเบาบางจนเกือบไม่ได้ยิน ทว่าร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดติดกันมากพอที่จะทำให้ทั้งคู่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน“เรามีความสุขด้วยกันได้ จริงมั้ย” รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้เด็กหนุ่มเหมือนอย่างเคย“ดีจริง ๆ ที่เป็นมึง” อินขยับตัวเข้าหาเจ้าของรอยยิ้มเพื่อแบ่งปันไออุ่นจากร่างกายของกันและกันแต่มือเล็กกับดันตัวเขาไว้พร้อมเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา“นี่ ๆ ลองทำอันนี้กัน”“อะไร” กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่เลยเชียว ถึงเขาจะรู้สึกเสียดายแต่ไม่เป็นไร หลังจากนี้เขามีเวลาได้ใกล้ชิดกันอีกเยอะ“วิธีที่ทำให้รักกันยืนยาว มันเป็นคำถามอ่ะ คำถามที่จะทำให้คุณรู้จักคนรักมากขึ้น” ดวงตากลมโตแป๋วแหว๋วมองตรงที่หน้าจอและขยับปากอ่านตามตัวอักษรในนั้น“ไปหาอะไรแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”“กูก็หาไปเรื่อยอ่ะ ว่าไง สนใจลองตอบคำถามดูมั้ย”“ลองดู เผื่อเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น”ระหว่างที่ผลัดกันถา

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (4/6)

    ทางด้านของอินที่กำลังเดินหิ้วถุงขยะในบ้านออกมาทิ้งหลังจากกินข้าวเสร็จก็เห็นพ่อเดินตามหลังมาเลยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะปกติเวลากินข้าวเสร็จ พ่อจะชอบนั่งดูรายการข่าวทางโทรทัศน์“วันนี้พ่อไม่ดูข่าวเหรอครับ ถ้าจะทิ้งขยะก็ฝากมากับอินได้นะ เดี๋ยวอินเอามาทิ้งให้” ทว่าคำถามนี้กลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ เพราะคนเป็นพ่อเดินมากอดคอเขาแทน“พ่อออกมาเพราะอยากปล่อยให้สองคนนั้นเค้าคุยกันน่ะ” พูดพลางบุ้ยคางไปในบ้าน ซึ่งสองคนที่ว่าก็คือแม่กับหมี่สินะ“ครับ”“ส่วนเราเองอ่ะ จริงจังกับคนนี้มากถึงขั้นพามาให้พ่อแม่รู้จักแล้วก็อย่าเปลี่ยนคนซะล่ะ พ่อขี้เกียจมานั่งทำความรู้จักกับคนใหม่อีก” อินยิ้มเล็กน้อยและทิ้งขยะลงถังหน้าบ้าน“อินก็ไม่รู้ว่าจะเดินร่วมทางกับหมี่ไปได้ไกลขนาดไหนแต่จะพยายามประคับประคองความสัมพันธ์ไปเรื่อย ๆ ครับพ่อ” ก่อนจะเอ่ยปากรับคำคนเป็นพ่อ“ดีแล้ว เห็นอินได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ไปพร้อมกับใครสักคน พ่อก็ดีใจ” พ่อยิ้มแป้นยกมือกอดอก“อินก็ดีใจท

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (3/6)

    เมื่อทุกคนก็กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาทำความสะอาดโต๊ะอาหารและจานชาม อินลุกขึ้นเก็บรวบรวมจานไปไว้ในอ่างล้างจานอย่างที่เคยทำ ส่วนหมี่ก็ช่วยคุณป้าเก็บเมนูกับข้าวที่เหลือใส่ในตู้กับข้าวจนกระทั่งเห็นว่าอินไม่ได้ล้างจานแต่กลับเดินไปที่ถังขยะและยกถุงขยะออกมาเพื่อจะเอาไปทิ้งหน้าบ้าน หมี่เลยอาสาเดินไปจัดการให้เอง เรื่องนี้หมี่ถนัด! ระหว่างที่กำลังเทเศษอาหารในจานใส่ถุงใหม่ก็ได้ยินเสียงคุณป้าดังขึ้นมา“ขอบคุณมากนะ สงสัยต้องเป็นเพราะลูกหมี่แน่ ๆ เลย ช่วงนี้พี่อินดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด”“เหรอครับ ผมว่าตอนนี้อินก็ยังชอบปั้นหน้ายักษ์อยู่นะ” หมี่พูดจากใจจริงเลยนะเนี่ย เขาไม่รู้หรอกว่าในสายตาของผู้ใหญ่มองไอ้อินเป็นยังไงแต่สำหรับเขา มันคือไอ้ยักษ์!“ฮ่าฮ่าฮ่า!อันนั้นคือปกติของเขาแหละแต่แม่ที่จะบอกคือตอนนี้พี่อินยิ้มเยอะขึ้นจริง ๆ”“เรื่องนั้นผมก็รู้สึกได้ครับ เมื่อก่อนนะมันชอบปั้นหน้าเป็นตูดลิงจนไม่มีใครกล้าคุยด้วยเลยครับ” หมี่อดไม่ไหวที่จะพูดถึงเรื่องนี้พลางนึกถึงวันแรก

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (2/6)

    รูปเด็กผู้ชายแสนธรรมดาที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับโลกทั้งใบของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะและ ความสุขพลางคิดว่านี่สินะดวงใจของบ้านหลังนี้ วินาทีนั้นเอง หมี่ก็รู้สึกปวดหนึบตรงหัวใจขึ้นมา...เพราะหมี่รู้ดีว่ากว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกมันเป็นยังไง“อัน คนนี้เป็นเพื่อนพี่อินนะลูก เขาชื่อหมี่ เขาอยากมาทักทายอันน่ะ” แม่พูดแนะนำแขกให้คนในรูปได้รู้จักและยิ้มอ่อน“อะ...เอ่อ...หวัดดี ได้ยินเรื่องของมึงจากไอ้อินเยอะเลย หวังว่าอยู่ทางนั้นจะสบายดีนะ” หมี่เลยเอ่ยคำทักทายตามปกติ ทว่าตัวเขาไม่ค่อยได้คุยกับคนที่จากไปแล้วสักเท่าไหร่เลยพูดแบบติด ๆ ขัด ๆ ไปบ้างแต่ก็พยายามพูดคุยตามปกติ“กูเป็นรูมเมทไอ้อินนะ ตอนแรกที่ได้เจอกัน หน้าตามันตึงเครียดสุด ๆ กูกลัวมากเลย...แต่ตอนนี้ทุกอย่างโอเคขึ้นแล้ว” พูดไปพลางยกมือยกไม้ทำหน้าท่าทางเลียนแบบบุคคลที่ถูกพาดพิงอย่างอินได้แบบออกรส“มันพูดเยอะขึ้น ไม่คิ้วขมวดปั้นหน้าเป็นยักษ์แถมยังใช้ชีวิตไร้สาระมากขึ้นด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงกูจะรู้สึกไม่ดีที่ชวนมันทำเรื่องเหลวไหลก็เถอะแต

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (1/6)

    “ขนอะไรไปเยอะแยะ” เมื่อถึงวันเสาร์อาทิตย์ที่นัดกันไว้ อินก็พาหมี่ไปแนะนำตัวกับพ่อแม่แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ขึ้นรถกันเลยเพราะคนตัวเล็กมัวแต่เตรียมของฝาก กว่าจะได้ออกจากห้องพักก็กินเวลาไปนานทีเดียว“ของฝากติดไม้ติดมือไง” ริมฝีปากบางขยับตอบยุกยิก ขณะที่มือทั้งสองข้างถือถุงผ้าที่เต็มไปด้วยของกินมากมาย“หืม เมนูมัดใจอะไรนั่นเหรอ” อินเลิกคิ้วถามและเอื้อมมือไปช่วยถือ“ใช่แล้ว มีขนม นมและผลไม้ด้วยนะ” หมี่หันมายิ้มแป้นแบบภาคภูมิใจสุด ๆ ที่ได้ซื้อของดีไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ กลับกันอินที่เห็นของทั้งหมดก็เผลอขมวดคิ้ว“เยอะเกินไปรึเปล่า แค่ทำกับข้าวไปฝากก็พอแล้ว”“คือจู่ ๆ กูก็กลัวว่าเมนูมัดใจจะไม่อร่อยอ่ะ เลยคิดว่าซื้อของฝากอย่างอื่นติดมือไปด้วยดีกว่า” คนตัวเล็กตอบเสียงเบาพลางหลบตาและเม้มปากอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“อย่าคิดมาก ยังไงแม่กูก็ทำกับข้าวไว้ให้อยู่แล้ว”“หมายความว่ายังไง! นี่จะบอกว่ากับข้าวกูไม่อร่อยเหรอ” เสียงโวยวายจากเจ้าของอาหารดังขึ

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (6/6)

    อ๊ากกกกกก!!!“เป็นอะไรหมี่!” อินได้ยินเสียงคนตัวเล็กตะโกนดังแต่เช้าก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ“ผีหลอก!!!!” หมี่ยังคงส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจเพราะตื่นมาก็เห็นแขนของใครไม่รู้พาดอยู่ตรงเอวบางของตน“ผีอะไร!” อินถึงกับคิ้วขมวด เขาไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กกำลังพูดถึงเรื่องอะไร“ขะ...ขะ...แขนใครไม่รู้!...ฮือออ” หมี่หลับตาปี๋และชี้นิ้วไปตรงเอวของตัวเอง“แขนอะไร?” อินยิ่งงงเข้าไปใหญ่เพราะแขนแกร่งของเขาที่กอดเอวอีกฝ่ายก็ยังปกติดี“เอ๊ะ!เดี๋ยวนะ!” เสียงกรีดร้องแปรเปลี่ยนเป็นความฉงน หมี่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และมองเจ้าของเสียงที่ตนสนทนาด้วย“ไอ้ยักษ์!” ก่อนจะยกกำปั้นและออกแรงทุบไปที่ต้นแขน ของอีกฝ่าย“โอ๊ย!ตีกูทำไมเนี่ย” เมื่อรับรู้ว่าแขนปริศนามีเจ้าของและไม่ได้โดนผีหลอก หมี่ก็ขยี้หัวระบายความหงุดหงิด“ฮืออ...กูนึกว่าผีหลอกกู!ไอ้บ้าเอ๊ย!”“ผีอะไรจะมาหลอกมึงตอนเช้าแบบนี้”

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (5/6) nc เบา ๆ

    อินวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอน ก่อนจะดึงร่นกางเกงนอนลงเพื่อให้แท่งเนื้อที่กำลังผงาดอย่างแข็งขืนได้โผล่ออกมาเจอโลกภายนอก วินาทีที่อวัยวะส่วนที่อ่อนไหวที่สุดกระทบความเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็สร้างความเสียวซ่านขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มือหนาเลื่อนลงไปกอบกุมแท่งเนื้อที่ตอนนี้กลายเป็นแท่งร้อนเพราะเลือดที่สูบฉีดทั่ว“อ่าาา~” เสียงแห่งความสุขสมเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเล็กน้อย ผ่านไปแล้วสิบนาที มือหนาก็ยังคงชักรูดแท่งนั้นขึ้นลงอย่างคล่องแคล่วและไม่ผ่อนความเร็วลงแม้แต่น้อยจนน้ำเมือกที่เป็นสารหล่อลื่นเริ่มปริ่มออกมาผ่านไปอีกสามสิบนาที ความร้อนในร่างกายก็พุ่งสูงขึ้นตามอารมณ์ความใคร่ที่กำลังปะทุอยู่ นิ้วหัวแม่มือก็ลูบวนรอบส่วนหัวแท่งเนื้อเมามันพลางขบกรามแน่นเป็นระยะ มือสากของตัวเองยังทำให้รู้สึกดีมากขนาดนี้แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายจะรู้สึกดีขนาดได้“หมี่~ ฮึ่มม” เสียงเรียกชื่อคนตัวเล็กที่ออกมาจากปากของตัวเอง ทำไมฟังดูกระเส่าเย้ายวนขนาดนี้ มันยิ่งทำให้ความอยากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวซึ่งเด็กหนุ่มก็เคลิบเคลิ้มไปในโลกที่ตัวเอ

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (4/6)

    ครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ! ทำยังไงดีไอ้ยักษ์โทรมา!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมอาการลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกเราสองคนไม่เคยต้องโทรหากันตอนกลางคืนเลยเพราะปกติก็นอนด้วยกันตลอด ถ้าต้องโทรคุยกันน่าจะรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน คนตัวเล็กนอนจับมือถือพลิกไปพลิกมาบนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดรับในที่สุด ทว่าสายตัดไปแล้ว...“อ้าว!วางไปแล้ว” หมี่ถึงกับเหวอจนนิ่งค้างไปชั่วขณะ“เอาไงดีเนี่ย โทรกลับไปดีมั้ย แล้วจะคุยอะไรล่ะ โอ๊ยยย!จะบ้า!” ด้วยความตื่นเต้นบวกกับความเขินอายเลยทำให้หมี่ไม่ได้กดโทรกลับไปหาอีกฝ่ายสักทีครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ!โทรกลับมาแล้ว อะแฮ่ม!” หมี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง ก่อนจะกระแอมเสียงและกดรับสาย“หมี่” เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปลายสายหัวใจของหมี่ก็พองโตอย่างไม่มีสาเหตุ อะไรจะเสียงหล่อปานนั้นพ่อคู๊ณณณณ“โทรมามีไร” ทว่าเจ้าตัวต้องพยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองกำลังตื่นเต้นและเลิ่กลั่กมากขนาดไหน“ทำอะไรอยู่” “กำลังจะนอน” หมี่ซุกหน้าเข้าหาผ้าห่มผืนหนาก่อนตอบ“กูโทรมากวนรึเปล่า นอนเลยมั้ย” ได้ยินประโยคนี้ก็ถึงกับดีดหน้าออกจากผ้าห่มด้วยความลืมต

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status