หน้าหลัก / LGBTQ+ / อินกินหมี่ / บทที่ 2 หมี่พิเศษ (1/6)

แชร์

บทที่ 2 หมี่พิเศษ (1/6)

ผู้เขียน: ภุมโม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-18 20:15:39

เสร็จจากกิจกรรมรับน้อง ทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทางกลับหอพัก บางคนกลับบ้านเช่าใกล้ ๆ มหาลัยฯ บางคนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งอินก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่างสูงของเด็กหนุ่มยืนรอโบกรถโดยสารเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้แม่ไม่อยู่และนั่นแปลว่าที่บ้านไม่มีอะไรกิน เขาจึงเดินออกมาจากจุดรอรถและเดินหาร้านค้าที่อยู่ละแวกนั้นแทน

ครืดดด ครืดดด

“ดีขึ้นยัง” ทันทีที่รับสายอินก็ถามไถ่อาการอีกฝ่ายแต่เสียงของกันต์ที่ตอบกลับมานั้นเบาหวิวจนเด็กหนุ่มเกือบไม่ได้ยิน สงสัยอีกฝ่ายน่าจะยังปวดหัวอยู่

“กูหิว”

“จะกินไร เดี๋ยวกูซื้อไปให้” อินถามพลางหันมองรอบข้าง เขาเองก็ไม่เคยใช้ชีวิตแถวนี้ เลยไม่แน่ใจว่ามีร้านอาหารตามสั่งหรือร้านสะดวกซื้อตรงไหนบ้าง คิดว่าวันนี้เขาคงได้รู้เพราะต้องซื้อข้าวไปให้คนในสายนี่แหละ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะสำรวจรอบรั้วมหาลัยฯ

“อะไรก็ได้” คิ้วเข้มของอินย่นขมวดเข้าหากันเพราะเมนูอะไรก็ได้นับเป็นปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่ง ทันใดนั้นเองสายตาคมของเขาก็หันไปเห็นร้านค้าที่น่าสนใจ

“โอเค” อินตัดบทและกดวางสายทันที เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้ออะไรกลับไป มือหนาเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงไว้ตามเดิมและรีบสาวเท้าพุ่งตรงไปยังร้านเป้าหมายด้วยความรวดเร็ว

มองจากสภาพหน้าร้านที่มีลูกค้าแออัดคับแน่นขนาดนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า หากเป็นช่วงเวลาปกติเด็กหนุ่มจะไม่เดินเข้าไปซื้ออะไรกินอย่างแน่นอน ทว่าสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาคือเมนูอาหารที่เด่นหราอยู่ในป้ายชื่อ

‘ก๋วยเตี๋ยวเจ๊ฟ้า’

อินเลี้ยวเข้าไปในร้านทันทีเพียงเพราะที่นี่ขายก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่ทันจะได้สั่งเมนูโปรดก็ดันเห็นคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังยืนเลิ่กลั่กหันไปซ้ายทีขวาทีพร้อมยกมือขึ้นปาดเหงื่ออยู่ในร้าน เด็กหนุ่มพยายามละสายตาจากอีกฝ่ายและเดินเลี่ยงไปทางอื่นเพื่อจะหลีกหนีคนตัวเล็ก

“อ๊ะ! ไอ้ยักษ์!” ทว่าเสียงเล็กแหลมแสนคุ้นเคยที่ตะโกนเรียกเขานั้นทำเอาเขาแทบยกมือขึ้นกุมขมับ ทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้างเขาในเรื่องนี้บ้าง

“กูโชคดีจริง ๆ ที่มาเจอมึงในร้านนี้เนี่ย” ท่าทางดีใจของคนตัวเล็กทำให้อินใจอ่อนยวบลงทันทีและไม่สามารถเมินอีกฝ่ายต่อไปได้

“มีอะไรรึเปล่า” มือหนายกขึ้นเสยผมด้านหน้าขณะถาม พลางมองคนตัวเล็กด้วยสายตาเรียบนิ่ง ในใจก็คิดว่า เอาวะ วันนี้ก็เจอกันทั้งวันแล้ว คุยด้วยอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก

“คือกูมากินก๋วยเตี๋ยวแต่ลืมเอากระเป๋าตังมาอ่ะ แหะ ๆ กูขอยืมตังมึงก่อนได้ป่ะ” คนตัวเล็กกระซิบเสียงเบาพลางหัวเราะแก้เขิน เมื่อได้ยินปัญหาของอีกฝ่ายคิ้วเข้มก็เลิกขึ้นอัตโนมัติ นี่มันปล่อยให้ตัวเองเจอปัญหาอะไรแบบนี้ได้ไงเนี่ย ไร้สาระจริง ๆ

“กูจนอ่ะ ไม่มีให้ยืม” อินปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเพราะสัญชาตญาณของเขาบอกว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปรู้จักสนิทสนมกับคนแบบนี้เลย อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่สดใสร่าเริงขนาดนั้น...ไม่เหมาะให้เขารู้จักหรอก

“โห มึงโกหกได้หน้าตายมาก มึงช่วยกูหน่อยเหอะ นะ!” คนตัวเล็กโผเข้าเกาะต้นแขนแกร่งของอินและออกแรงเขย่าไปมา ก่อนจะส่งสายตาปริบปริบเรียกร้องความเห็นใจ

“สรุปว่าไงคะคุณน้องทั้งสอง เจ๊ต้องไปลวกก๋วยเตี๋ยวต่อแล้วค่ะ” เสียงเจ๊เจ้าของร้านดังขึ้นเรียกสติเด็กหนุ่มทั้งสองคน อินจึงรีบตอบออกไปตามความคิดแรกที่แว๊บเข้ามาในสมอง

“หมี่พิเศษครับ” เสียงเรียบนิ่งของอินพูดออกไปตามปกติ

“หะ?” เสียงตกใจแรกเป็นของคนตัวเล็กที่ยืนเบิกตากว้างอยู่ข้าง ๆ เพราะงงงวยในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูด

“หะ?” เสียงตกใจที่สองเป็นของเจ๊เจ้าของร้านที่กำลังยืนเท้าสะเอวรอคำอธิบายจากเขาอยู่

แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า คนที่ตกใจมากที่สุดในสถานการณ์นี้คือเจ้าตัว เด็กหนุ่มคิดทบทวนว่าเมื่อครู่เขาเผลอพูดอะไรผิดไปรึเปล่า เขาก็แค่สั่งก๋วยเตี๋ยวไปตามปกติเหมือนทุกทีนี่ แล้วทำไมคนตัวเล็กกับเจ้าของร้านถึงได้ทำหน้างงขนาดนั้น

“เอ่อ...ผมสั่งหมี่พิเศษสองถุงครับ ส่วนของคนนี้คิดเงินรวมเลยครับ เดี๋ยวผมจ่ายให้เอง”

“จ้ะ หมี่พิเศษสอง! กลับบ้าน!” สิ้นสุดคำอธิบายจากอิน เจ๊ก็ตะโกนบอกลูกน้องในร้าน ขณะที่คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาราวกับโล่งอกและหันมายิ้มกว้างให้เขา

“ขอบใจมากเว้ย มึงนี่ใจดีขัดกับเบ้าหน้ามากเลยว่ะ” นี่ถือเป็นคำชมใช่มั้ย ยิ่งคุยกับอีกฝ่าย อินก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยสมอง

เด็กหนุ่มเดินไปนั่งเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าร้านเพื่อรอรับก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไป ในใจนึกอยากให้คนตัวเล็กแยกย้ายกลับไปเลยเพราะเขาบอกแล้วว่าจะจ่ายเงินให้ ฉะนั้นอีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ร้านอีกต่อไป แต่ดูเหมือนหมี่จะไม่ได้คิดแบบนั้น หมี่นั่งลงและเริ่มชวนคุยตามประสาคนอัธยาศัยดี

“สั่งก๋วยเตี๋ยวไปตั้งสองถุง มึงกินเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” มือเล็กของหมี่ค้ำบนพื้นที่ว่างของเก้าอี้ตรงระหว่างขาที่อ้าออกและแกว่งขาไปมาราวกับเด็กวัยห้าขวบกำลังนั่งรอผู้ปกครอง

“อีกถุงนึงกูซื้อไปฝากเพื่อนน่ะ” อินตอบตามปกติแต่จู่ ๆ คนตัวเล็กก็ชะโงกหน้าและเอียงตัวมาทางเขา ทำเอาเด็กหนุ่มเอนตัวจนชิดพนักพิงเพื่อหลบอีกฝ่าย

“หืม? เพื่อนหรือแฟนครับผมมม ซื้อของกินไปให้ขนาดนี้ไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดาแล้วม้างงง” ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของหมี่จะฟังดูติดเล่นติดตลกแต่ดวงตากลมโตแสนแป๋วแหว๋วที่มองตรงมาทางเขาพร้อมแสดงท่าทีสงสัยนั้นทำให้อินเผลออธิบายออกไป

“อืม เราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ตอนนี้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวกูไปแล้ว” เด็กหนุ่มตอบไปตามตรงพลางคิดในใจว่าไอ้กันต์ก็ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาจริง ๆ แหละ ก่อนจะเดินไปรับก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไว้และจ่ายเงิน

“อะไรวะ อยู่ดี ๆ ก็ดึงดราม่า” คนตัวเล็กเกาหัวแกรก ๆ และบ่นอุบอิบเสียงเบา ก่อนจะเห็นอินมุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์และด้วยความอยากรู้จึงอดไม่ได้ที่จะเดินตามพร้อมถามสิ่งที่ตัวเองสงสัย

“นี่ ไม่กลับหอเหรอหรือเช่าห้องอยู่นอกมอ หรือบ้านมึงอยู่แถวนี้!”

“กูอยู่หอในแต่วันนี้เพื่อนป่วย เลยจะเอาก๋วยเตี๋ยวไปให้มันที่บ้าน” ตอนนี้อินเริ่มตั้งข้อสงสัยกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงต้องตอบคำถามของอีกฝ่ายด้วยนะ การกระทำพวกนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เขาจะทำกับคนแปลกหน้าเลย

“อ่าา งั้นรอกูแป๊บนึงได้มั้ย เดี๋ยวกูขึ้นหอไปเอาเงินมาให้” และแล้วคนตัวเล็กก็นึกขึ้นได้ว่าต้องคืนเงินค่าก๋วยเตี๋ยวให้เด็กหนุ่ม ก่อนที่จะแยกย้ายกันแต่อินกลับรู้สึกว่าเรื่องเงินแค่นั้นมันไม่จำเป็น

“ค่อยคืนก็ได้”

“โห พูดอย่างกับว่าจะได้เจอกันง่าย ๆ” เออก็จริง อินคิดตามคำพูดของอีกฝ่ายและเลือกที่จะตัดปัญหาด้วยสิ่งนี้

“กูเลี้ยง” ได้ยินแบบนี้ คนตัวเล็กถึงกับตกใจและเผลออุทานออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“หึ้ย! จะดีเหรอ” ถึงจะถามแบบนั้นแต่หมี่กำลังฉีกยิ้มกว้างอยู่

“อืม กูไปก่อนนะ เพื่อนรออยู่” อินพยักหน้าตอบอีกฝ่าย ก่อนจะบอกลาและรีบก้างขึ้นรถโดยสารไป

“ขอบใจมากนะเว้ย!” รถไม่ทันจะได้ออกจากจุดจอดก็มีเสียงตะโกนของคนตัวเล็กดังไล่หลังมาให้ได้ยิน เด็กหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพลางมองถุงก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในมือ...ชีวิตมหาลัยฯ เป็นแบบนี้เองสินะ

อาจเป็นเพราะวันนี้เป็นวันรับน้องทำให้รถบนท้องถนนค่อนข้างแน่นและส่งผลให้การจราจรติดขัด อินนั่งอยู่บนรถโดยสารเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่หมาย ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวที่เขาซื้อมาหายร้อนเป็นที่เรียบร้อย

อินเปิดประตูรั้วบ้านของกันต์และเดินเข้าไป ก่อนจะยกกระถางต้นไม้ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่หน้าบ้านเพื่อหยิบกุญแจสำรองที่แอบไว้ด้านล่างและไขเปิดประตู...บ้านเงียบมากแถมยังมืดมากอีกด้วย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (2/6)

    สิ่งที่ทำให้อินขมวดคิ้วแน่นคือชั้นล่างที่ตอนนี้มืดสลัวไปหมดเพราะหลอดไฟถูกปิดไว้ทั้งบ้าน อินเลยเดินไปเปิดสวิตช์ให้บ้านสว่างขึ้น ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่น่าจะนอนอยู่ชั้นบนให้ลงมากินข้าว“ไอ้กันต์ตื่นอยู่มั้ย! ลงมากินก๋วยเตี๋ยวก่อน” และเพราะแปลนบ้านที่ใกล้เคียงกับบ้านของตัวเอง อีกทั้งอินก็เดินเข้าออกบ้านนี้ตั้งแต่เด็กจึงทำให้รู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านนี้เป็นอย่างดี สองขายาวตรงดิ่งเข้าไปในครัวและหยิบหม้อที่แขวนอยู่ในตู้มาอุ่นก๋วยเตี๋ยว“กำลังไป!” ผ่านไปไม่นานเสียงเพื่อนสนิทก็ตะโกนดังมาจากชั้นสองพร้อมเสียงดังตึงตังเหมือนกับอีกฝ่ายกำลังรีบวิ่งลงมา ทว่าอินไม่สนใจสักนิด เขายังคงอุ่นก๋วยเตี๋ยวต่อไปจนรู้สึกว่าอาหารร้อนได้ที่แล้วก็เทใส่ชามใบโตและยกไปวางบนโต๊ะกินข้าว“หมี่พิเศษอีกรึเปล่า” กันต์ถามทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ“อืม”“คงมีแต่หวยอ่ะที่กูซื้อไม่ถูก” เด็กหนุ่มผิวแทนบ่นพลางยกมือขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด ทั้งสองนั่งลงและแกะเครื่องปรุงใส่ในก๋วยเตี๋ยว“กิน ๆ เข้าไปเถอะ” อินยื่นช้อนและตะเกียบให้อีกฝ่าย ก่อนจะคีบก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (3/6)

    “ดีนะที่เริ่มเรียนพรุ่งนี้ วันนี้มึงนอนพักเยอะ ๆ ล่ะ” อินพูดพร้อมเดินเข้าไปในตัวอาคารเพราะหลังจากนี้ทั้งคู่จะแยกย้ายกลับห้องพักตัวเอง“โอเค” กันต์พยักหน้างึกงักตามประสา“มีอะไ-” อินพูดไม่ทันจบก็มีเสียงอีกฝ่ายแทรกขึ้นมา“จะโทรไป” ซึ่งคำพูดนั้นคือประโยคที่เขาจะบอก กันต์ชูมือถือและเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม ขณะเดียวกันอินก็เดินมาหยุดนิ่งอยู่หน้าห้องตัวเอง ไม่ยอมเปิดเข้าไปสักที คงเป็นเพราะเสียงที่ดังโครมครามมาจากด้านใน...กึกกัก! ตึง!เคร้งงง!!“เสียงอะไรวะ” รู้สึกว่าช่วงนี้จะมีแต่สถานการณ์ที่ทำให้คิ้วของเขาต้องขมวดเข้าหากันจนรู้สึกปวดหัวไปหมด แล้วครั้งนี้เขาต้องเจอกับเรื่องอะไรอีกล่ะเนี่ย‘ห้องสองศูนย์ห้า...เพื่อนร่วมห้องติดต่อมาว่าจะขอย้ายของเข้าหลังจากเสร็จกิจกรรมรับน้องนะครับ’“หรือจะย้ายเข้ามาแล้ว” เสียงของอาจารย์หอที่ดังขึ้นในหัวทำให้อินนึกถึงเรื่องของเพื่อนร่วมห้องคนนี้ได้ทันที นายภูริวัฒน์คนนั้นมาแล้วสินะมือหนาของอินหมุนลูกบิดประตูและชะเง้อมองส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (4/6)

    “อะ...อื้ออ~...เฮ้ย!เริ่มมืดแล้วนี่!กี่โมงแล้ว!” เสียงบิดขี้เกียจดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายตามเอกลักษณ์ของเจ้าตัว“สองทุ่มสิบสามนาที” อินที่กำลังวิดพื้นอยู่ข้างเตียงตอบกลับทันทีเพราะตอนนี้เขาจับเวลาในออกกำลังกายอยู่“...สะ...สองทุ่ม!!!” ตะโกนอีกแล้ว ตอนเด็กกินโทรโข่งเข้าไปรึไงนะถึงได้ตะเบ็งเสียงเก่งขนาดนี้ อยากถามจริง ๆ ว่าไม่รู้สึกเจ็บคอบ้างเลยเหรอ“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย มันรบกวนข้างห้อง” หมี่ลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงมาหาเด็กหนุ่ม“ก็คุยกันแล้วนี่!ว่าจะไปซื้อเห-” อินรีบพุ่งตรงไปปิดปากคนตัวเล็กในเสี้ยววินาทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดคำว่าเหล้าออกมาเพราะกลัวว่าข้างห้องอาจได้ยินเสียงของพวกเขา ด้วยแรงที่อินพุ่งหาหมี่บวกกับน้ำหนักตัวของอินทำให้คนตัวเล็กไม่อาจต้านทานไว้อยู่จนทั้งคู่เซล้มไปบนเตียง“ชู่ว!อย่าพูดคำนั้นออกมานะ” โชคดีที่อินพลิกตัวทันเลยใช้ร่างกายของตัวเองรองรับแรงกระแทกแทนหมี่ มือขวาก็เผลอคว้าเอวอีกฝ้ายไว้แน่น“อื้ออ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 5 หมี่พิเศษ (5/6)

    อุก อ้วกกกกก!!!!“เฮ้ย!” ชัดเจน สิ่งที่พวยพุ่งออกมาจากปากของคนตัวเล็กถือเป็นคำตอบอย่างดีให้กับคำถามของเขาเศษอาหารที่หมี่อาเจียนออกมานั้นทำให้รู้เลยว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายกินอะไรเข้าไปบ้าง แถมตอนนี้สิ่งพวกนั้นก็เปรอะเปื้อนไปทั่วเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวตัวโปรดของเขาอีกด้วย โอ้โห กลิ่นก็สุดจะบรรยายทำเอาอินหลุดสบถออกมาอีกจนได้“ไอ้หมี่! มึงนี่มันตัววุ่นวายของจริงเลยว่ะ ทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้จากคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วยวะ” ถึงแม้ว่าหมี่จะอ้วกใส่แต่อินก็ไม่ปล่อยมือที่โอบเอวบางไว้ เด็กหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นเสยผมเผยให้เห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตรงขมับท้ายที่สุดแล้วอินก็พาหมี่ไปอ้วกในห้องน้ำได้สำเร็จและรีบออกมาเช็ดอ้วกที่เลอะเทอะหน้าประตูห้องน้ำ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถือวิสาสะถอดเสื้อเปื้อนอ้วกของอีกฝ่ายออกและหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำ เช็ดไปตามเนื้อตัวของคนตัวเล็ก วินาทีที่ความเย็นจากผ้าขนหนูอันเปียกชุ่มสัมผัสร่างกายสีขาวอมชมพูก็ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมขนลุกชูชันมือหนาลูบไล้ผ้าเปียกไปตามส่วนต่าง ๆ พลางสอดส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • อินกินหมี่   บทที่ 2 หมี่พิเศษ (6/6)

    ...“โอ๊ยยย ปวดหัวจัง” หมี่ตื่นขึ้นมาในเช้าที่แสนสดใสพร้อมกับร่างกายที่แสนปวดร้าว นี่เมื่อคืนเขากินเบียร์ไปมากขนาดไหนถึงได้ปวดหัวจะเป็นจะตายขนาดนี้ จังหวะที่หมี่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นก็เห็นร่างใหญ่โตของรูมเมทนอนฟุบอยู่ข้างเตียง“เฮ้ย!ทำไมมึงมานั่งหลับอยู่ตรงนี้เนี่ย” เสียงเล็กแหลมอุทานขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อเบาเสียงลง“เอ๊ะ! นั่นกระเป๋าตังไอ้อินเหรอ...” ขณะที่หมี่เริ่มมีอาการเลิ่กลั่ก สายตาดันเหลือบไปเห็นวัตถุสีดำที่หล่นอยู่ข้างตัวอีกฝ่าย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ มือเล็กก็เอื้อมไปหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างช้า ๆ และระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่นกระเป๋าสตางค์สีดำสนิทที่หมี่คิดเองเออเองว่าน่าจะเป็นหนังแท้มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปปีกนางฟ้าสีเงินวาววับมุมขวาล่าง เปิดออกปุ๊บก็เห็นบัตรประจำตัวประชาชนของอีกฝ่ายที่เสียบไว้ในช่องขวามือ หมี่เลยถือวิสาสะหยิบบัตรออกมาดู“เกิดวันที่หนึ่งกันยายน เห้ย!ไอ้ยักษ์อายุน้อยกว่ากูอีกเหรอเนี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (1/6)

    เดือนแรกของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งในรั้วมหาลัยฯ ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเรื่องโกหก หมี่ที่ทำการเปิดตัวด้วยความอลังการจากสโลแกนและท่ากระตุกเป้าเขย่าไข่ในวันงานกิจกรรมรับน้องก็มีเพื่อนนักศึกษาและรุ่นพี่มากหน้าหลายตาให้ความสนใจและเข้ามาทำความรู้จักเป็นจำนวนมากซึ่งปรากฎการณ์นี้เจ้าตัวก็ชอบอกชอบใจ เขาคิดไปเองว่าทุกคนเข้าหาเพราะเบ้าหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง แต่ความจริงคือทุกคนเข้าหาเพราะความร่าเริงแจ่มใสและความตลกเฮฮาของหมี่ต่างหากอีกด้านหนึ่ง อินที่อยากใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย สบาย ๆ และไม่อยากเป็นดาวเด่นหรือเป็นที่สนใจของใครทั้งนั้น กลับไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขตามที่คาดหวังไว้เพราะเหตุการณ์จากวันงานกิจกรรมรับน้องเช่นเดียวกันในทุกวันเด็กหนุ่มจะตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อออกมายืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกายและเริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้มหาลัยฯ เมื่อมาถึงสระน้ำกลางสวนก็พักยืดเหยียดแขนขาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มวิ่งกลับและแวะซื้อมื้อเช้ากลับไปกินที่ห้องกว่าจะถึงห้องก็ราว ๆ หกโมงกว่าเพราะต้องรอข้าวอยู่หลายนาที ร้านข้าวมันไก่เจ้านี้คนแน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (2/6)

    การเรียนและการสอบย่อยในรายวิชาต่าง ๆ ค่อนข้างถาโถมรุมเร้าแต่อินและกันต์ก็ผ่านมาได้ จนกระทั่งมาถึงวันเสาร์ที่พวกรุ่นพี่ตั้งตารอคอยเพราะวันนี้เป็นวันรับน้องสายรหัสของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา งานนี้เป็นงานเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นในห้องวีไอพีของร้านเหล้า YY ซึ่งเป็นห้องคาราโอเกะที่อยู่ลึกเข้าไปในร้าน หลบเลี่ยงเสียงครื้นเครง เสียงดนตรีและกลิ่นบุหรี่ได้ดีเด็กหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในร้านก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของทางร้าน ด้วยความเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่เคยมาร้านนี้อินก็เข้าไปสอบถามเรื่องห้องวีไอพีที่รุ่นพี่บอกมาทันที เมื่อได้คำตอบว่าห้องอยู่ตรงไหนก็เดินตรงไปทางนั้นอย่างไม่ลังเลก๊อก! ก๊อก!!อินเคาะประตูตามมารยาท ก่อนจะมีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาเปิดประตู รุ่นพี่คนนี้ชื่อโชนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สามและเป็นพี่สายรหัสของไอ้กันต์ มองเข้าไปในห้องก็เห็นรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนนั่งเสียบสายลำโพงและไมโครโฟนอยู่ไม่ไกล พี่คนนั้นชื่อแต้มและนั่นคือพี่สายรหัสของอิน“มาาา นั่งกันตามสบายเลย มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย” พ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • อินกินหมี่   บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (3/6)

    ก๊อก! ก๊อก!ถึงแม้ว่าในวินาทีแรกกันต์จะคิดสงสัยว่าหมี่คือใครแต่ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องพักก็แปลว่าอีกฝ่ายคงเป็นรูมเมทของไอ้อินแหละ ชื่อหมี่เหรอ จะเป็นคนแบบไหนนะ ทว่าไม่ทันได้คิดอะไรต่อ คิ้วเข้มก็เริ่มย่นเข้าหากันเพราะผ่านไปหลายนาทีแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาเปิดประตูก๊อก!!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!กันต์ที่เริ่มหงุดหงิดเพราะเขาทั้งหนัก ทั้งเหนื่อยแถมยังมีอาการกรึ่มเมาเล็กน้อยก็ออกแรงทุบประตูหนัก ๆ ไปอีกสามทีเผื่อที่เคาะไปก่อนหน้านี้คนในห้องจะไม่ได้ยิน ในที่สุดก็มีเสียงขานรับมาจากในห้อง“กำลังไปค้าบบบ...ใครมาเคาะประตูเอาป่านนี้วะ” ขานรับไม่พอยังมีเสียงบ่นอุบอิบเล็ดลอดมาให้ได้ยินอีกต่างหาก“อ้าว ไอ้ยักษ์” ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งชี้นิ้วมาที่ไอ้อินพร้อมชื่อเรียกที่ทำให้กันต์ได้แต่งุนงง“เปิดประตูกว้างหน่อย มันหนัก” เด็กหนุ่มผิวแทนผู้ซึ่งไม่ชอบการพูดคุยกับคนแปลกหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็เลือกพูดจุดประสงค์ของตัวเองให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายที่สุด จะได้ไม่ต้องต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22

บทล่าสุด

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (6/6) - ตอนจบ -

    ...ท่ามกลางบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่น ช่วงก็เวลาล่วงเลยผ่านไปวันแล้ววันเล่า ทว่าทั้งคู่ก็ยังสามารถประคับประคองความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยมนอกเหนือจากเรื่องความรักของอินและหมี่ ก็มีเรื่องของคนตัวเล็กและพี่ชายที่นับวันจะยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น ตอนนี้พี่แมนเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะมากและดูเหมือนว่าพี่จะมีแฟนด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นพี่ชายในมุมคลั่งรักใครสักคนทางด้านครอบครัวของอิน นับตั้งแต่มีการคุยเปิดอกกันในตอนนั้น ทุกคนก็มีความสุขตลอดมาและมีการทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความทรงจำที่ดีเช่น การให้พ่อและอินเป็นเชฟทำกับข้าวในช่วงวันหยุด โดยมีแม่และหมี่คอยยืนดูพร้อมทั้งเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ หรือกิจกรรมไปเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าหมี่ก็ติดสอยห้อยตามไปทุกที่เพิ่มเติมคือตอนนี้น้าเกดกลับจากการทำงานต่างประเทศและได้มาดูแลลูกชายอย่างเต็มที่แล้ว กันต์เองก็เข้ารับการรักษาต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว แถมยังมาบ้านอินบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วยและวันนี้ก็เช่นกันวันนี้เป็นวันครบรอบการจากไป

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (5/6) NC

    “หมี่” เสียงเรียกชื่อจากคนรักเบาบางจนเกือบไม่ได้ยิน ทว่าร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดติดกันมากพอที่จะทำให้ทั้งคู่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน“เรามีความสุขด้วยกันได้ จริงมั้ย” รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้เด็กหนุ่มเหมือนอย่างเคย“ดีจริง ๆ ที่เป็นมึง” อินขยับตัวเข้าหาเจ้าของรอยยิ้มเพื่อแบ่งปันไออุ่นจากร่างกายของกันและกันแต่มือเล็กกับดันตัวเขาไว้พร้อมเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา“นี่ ๆ ลองทำอันนี้กัน”“อะไร” กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่เลยเชียว ถึงเขาจะรู้สึกเสียดายแต่ไม่เป็นไร หลังจากนี้เขามีเวลาได้ใกล้ชิดกันอีกเยอะ“วิธีที่ทำให้รักกันยืนยาว มันเป็นคำถามอ่ะ คำถามที่จะทำให้คุณรู้จักคนรักมากขึ้น” ดวงตากลมโตแป๋วแหว๋วมองตรงที่หน้าจอและขยับปากอ่านตามตัวอักษรในนั้น“ไปหาอะไรแบบนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”“กูก็หาไปเรื่อยอ่ะ ว่าไง สนใจลองตอบคำถามดูมั้ย”“ลองดู เผื่อเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น”ระหว่างที่ผลัดกันถา

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (4/6)

    ทางด้านของอินที่กำลังเดินหิ้วถุงขยะในบ้านออกมาทิ้งหลังจากกินข้าวเสร็จก็เห็นพ่อเดินตามหลังมาเลยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะปกติเวลากินข้าวเสร็จ พ่อจะชอบนั่งดูรายการข่าวทางโทรทัศน์“วันนี้พ่อไม่ดูข่าวเหรอครับ ถ้าจะทิ้งขยะก็ฝากมากับอินได้นะ เดี๋ยวอินเอามาทิ้งให้” ทว่าคำถามนี้กลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ เพราะคนเป็นพ่อเดินมากอดคอเขาแทน“พ่อออกมาเพราะอยากปล่อยให้สองคนนั้นเค้าคุยกันน่ะ” พูดพลางบุ้ยคางไปในบ้าน ซึ่งสองคนที่ว่าก็คือแม่กับหมี่สินะ“ครับ”“ส่วนเราเองอ่ะ จริงจังกับคนนี้มากถึงขั้นพามาให้พ่อแม่รู้จักแล้วก็อย่าเปลี่ยนคนซะล่ะ พ่อขี้เกียจมานั่งทำความรู้จักกับคนใหม่อีก” อินยิ้มเล็กน้อยและทิ้งขยะลงถังหน้าบ้าน“อินก็ไม่รู้ว่าจะเดินร่วมทางกับหมี่ไปได้ไกลขนาดไหนแต่จะพยายามประคับประคองความสัมพันธ์ไปเรื่อย ๆ ครับพ่อ” ก่อนจะเอ่ยปากรับคำคนเป็นพ่อ“ดีแล้ว เห็นอินได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ไปพร้อมกับใครสักคน พ่อก็ดีใจ” พ่อยิ้มแป้นยกมือกอดอก“อินก็ดีใจท

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (3/6)

    เมื่อทุกคนก็กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาทำความสะอาดโต๊ะอาหารและจานชาม อินลุกขึ้นเก็บรวบรวมจานไปไว้ในอ่างล้างจานอย่างที่เคยทำ ส่วนหมี่ก็ช่วยคุณป้าเก็บเมนูกับข้าวที่เหลือใส่ในตู้กับข้าวจนกระทั่งเห็นว่าอินไม่ได้ล้างจานแต่กลับเดินไปที่ถังขยะและยกถุงขยะออกมาเพื่อจะเอาไปทิ้งหน้าบ้าน หมี่เลยอาสาเดินไปจัดการให้เอง เรื่องนี้หมี่ถนัด! ระหว่างที่กำลังเทเศษอาหารในจานใส่ถุงใหม่ก็ได้ยินเสียงคุณป้าดังขึ้นมา“ขอบคุณมากนะ สงสัยต้องเป็นเพราะลูกหมี่แน่ ๆ เลย ช่วงนี้พี่อินดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด”“เหรอครับ ผมว่าตอนนี้อินก็ยังชอบปั้นหน้ายักษ์อยู่นะ” หมี่พูดจากใจจริงเลยนะเนี่ย เขาไม่รู้หรอกว่าในสายตาของผู้ใหญ่มองไอ้อินเป็นยังไงแต่สำหรับเขา มันคือไอ้ยักษ์!“ฮ่าฮ่าฮ่า!อันนั้นคือปกติของเขาแหละแต่แม่ที่จะบอกคือตอนนี้พี่อินยิ้มเยอะขึ้นจริง ๆ”“เรื่องนั้นผมก็รู้สึกได้ครับ เมื่อก่อนนะมันชอบปั้นหน้าเป็นตูดลิงจนไม่มีใครกล้าคุยด้วยเลยครับ” หมี่อดไม่ไหวที่จะพูดถึงเรื่องนี้พลางนึกถึงวันแรก

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (2/6)

    รูปเด็กผู้ชายแสนธรรมดาที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับโลกทั้งใบของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะและ ความสุขพลางคิดว่านี่สินะดวงใจของบ้านหลังนี้ วินาทีนั้นเอง หมี่ก็รู้สึกปวดหนึบตรงหัวใจขึ้นมา...เพราะหมี่รู้ดีว่ากว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศกมันเป็นยังไง“อัน คนนี้เป็นเพื่อนพี่อินนะลูก เขาชื่อหมี่ เขาอยากมาทักทายอันน่ะ” แม่พูดแนะนำแขกให้คนในรูปได้รู้จักและยิ้มอ่อน“อะ...เอ่อ...หวัดดี ได้ยินเรื่องของมึงจากไอ้อินเยอะเลย หวังว่าอยู่ทางนั้นจะสบายดีนะ” หมี่เลยเอ่ยคำทักทายตามปกติ ทว่าตัวเขาไม่ค่อยได้คุยกับคนที่จากไปแล้วสักเท่าไหร่เลยพูดแบบติด ๆ ขัด ๆ ไปบ้างแต่ก็พยายามพูดคุยตามปกติ“กูเป็นรูมเมทไอ้อินนะ ตอนแรกที่ได้เจอกัน หน้าตามันตึงเครียดสุด ๆ กูกลัวมากเลย...แต่ตอนนี้ทุกอย่างโอเคขึ้นแล้ว” พูดไปพลางยกมือยกไม้ทำหน้าท่าทางเลียนแบบบุคคลที่ถูกพาดพิงอย่างอินได้แบบออกรส“มันพูดเยอะขึ้น ไม่คิ้วขมวดปั้นหน้าเป็นยักษ์แถมยังใช้ชีวิตไร้สาระมากขึ้นด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงกูจะรู้สึกไม่ดีที่ชวนมันทำเรื่องเหลวไหลก็เถอะแต

  • อินกินหมี่   บทที่ 8 อินกินหมี่ (1/6)

    “ขนอะไรไปเยอะแยะ” เมื่อถึงวันเสาร์อาทิตย์ที่นัดกันไว้ อินก็พาหมี่ไปแนะนำตัวกับพ่อแม่แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ขึ้นรถกันเลยเพราะคนตัวเล็กมัวแต่เตรียมของฝาก กว่าจะได้ออกจากห้องพักก็กินเวลาไปนานทีเดียว“ของฝากติดไม้ติดมือไง” ริมฝีปากบางขยับตอบยุกยิก ขณะที่มือทั้งสองข้างถือถุงผ้าที่เต็มไปด้วยของกินมากมาย“หืม เมนูมัดใจอะไรนั่นเหรอ” อินเลิกคิ้วถามและเอื้อมมือไปช่วยถือ“ใช่แล้ว มีขนม นมและผลไม้ด้วยนะ” หมี่หันมายิ้มแป้นแบบภาคภูมิใจสุด ๆ ที่ได้ซื้อของดีไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ กลับกันอินที่เห็นของทั้งหมดก็เผลอขมวดคิ้ว“เยอะเกินไปรึเปล่า แค่ทำกับข้าวไปฝากก็พอแล้ว”“คือจู่ ๆ กูก็กลัวว่าเมนูมัดใจจะไม่อร่อยอ่ะ เลยคิดว่าซื้อของฝากอย่างอื่นติดมือไปด้วยดีกว่า” คนตัวเล็กตอบเสียงเบาพลางหลบตาและเม้มปากอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ“อย่าคิดมาก ยังไงแม่กูก็ทำกับข้าวไว้ให้อยู่แล้ว”“หมายความว่ายังไง! นี่จะบอกว่ากับข้าวกูไม่อร่อยเหรอ” เสียงโวยวายจากเจ้าของอาหารดังขึ

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (6/6)

    อ๊ากกกกกก!!!“เป็นอะไรหมี่!” อินได้ยินเสียงคนตัวเล็กตะโกนดังแต่เช้าก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ“ผีหลอก!!!!” หมี่ยังคงส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจเพราะตื่นมาก็เห็นแขนของใครไม่รู้พาดอยู่ตรงเอวบางของตน“ผีอะไร!” อินถึงกับคิ้วขมวด เขาไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กกำลังพูดถึงเรื่องอะไร“ขะ...ขะ...แขนใครไม่รู้!...ฮือออ” หมี่หลับตาปี๋และชี้นิ้วไปตรงเอวของตัวเอง“แขนอะไร?” อินยิ่งงงเข้าไปใหญ่เพราะแขนแกร่งของเขาที่กอดเอวอีกฝ่ายก็ยังปกติดี“เอ๊ะ!เดี๋ยวนะ!” เสียงกรีดร้องแปรเปลี่ยนเป็นความฉงน หมี่ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และมองเจ้าของเสียงที่ตนสนทนาด้วย“ไอ้ยักษ์!” ก่อนจะยกกำปั้นและออกแรงทุบไปที่ต้นแขน ของอีกฝ่าย“โอ๊ย!ตีกูทำไมเนี่ย” เมื่อรับรู้ว่าแขนปริศนามีเจ้าของและไม่ได้โดนผีหลอก หมี่ก็ขยี้หัวระบายความหงุดหงิด“ฮืออ...กูนึกว่าผีหลอกกู!ไอ้บ้าเอ๊ย!”“ผีอะไรจะมาหลอกมึงตอนเช้าแบบนี้”

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (5/6) nc เบา ๆ

    อินวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างหมอน ก่อนจะดึงร่นกางเกงนอนลงเพื่อให้แท่งเนื้อที่กำลังผงาดอย่างแข็งขืนได้โผล่ออกมาเจอโลกภายนอก วินาทีที่อวัยวะส่วนที่อ่อนไหวที่สุดกระทบความเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็สร้างความเสียวซ่านขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มือหนาเลื่อนลงไปกอบกุมแท่งเนื้อที่ตอนนี้กลายเป็นแท่งร้อนเพราะเลือดที่สูบฉีดทั่ว“อ่าาา~” เสียงแห่งความสุขสมเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเล็กน้อย ผ่านไปแล้วสิบนาที มือหนาก็ยังคงชักรูดแท่งนั้นขึ้นลงอย่างคล่องแคล่วและไม่ผ่อนความเร็วลงแม้แต่น้อยจนน้ำเมือกที่เป็นสารหล่อลื่นเริ่มปริ่มออกมาผ่านไปอีกสามสิบนาที ความร้อนในร่างกายก็พุ่งสูงขึ้นตามอารมณ์ความใคร่ที่กำลังปะทุอยู่ นิ้วหัวแม่มือก็ลูบวนรอบส่วนหัวแท่งเนื้อเมามันพลางขบกรามแน่นเป็นระยะ มือสากของตัวเองยังทำให้รู้สึกดีมากขนาดนี้แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นมือนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายจะรู้สึกดีขนาดได้“หมี่~ ฮึ่มม” เสียงเรียกชื่อคนตัวเล็กที่ออกมาจากปากของตัวเอง ทำไมฟังดูกระเส่าเย้ายวนขนาดนี้ มันยิ่งทำให้ความอยากเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวซึ่งเด็กหนุ่มก็เคลิบเคลิ้มไปในโลกที่ตัวเอ

  • อินกินหมี่   บทที่ 7 ความสุขของอิน (4/6)

    ครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ! ทำยังไงดีไอ้ยักษ์โทรมา!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมอาการลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกเราสองคนไม่เคยต้องโทรหากันตอนกลางคืนเลยเพราะปกติก็นอนด้วยกันตลอด ถ้าต้องโทรคุยกันน่าจะรู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน คนตัวเล็กนอนจับมือถือพลิกไปพลิกมาบนเตียงครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดรับในที่สุด ทว่าสายตัดไปแล้ว...“อ้าว!วางไปแล้ว” หมี่ถึงกับเหวอจนนิ่งค้างไปชั่วขณะ“เอาไงดีเนี่ย โทรกลับไปดีมั้ย แล้วจะคุยอะไรล่ะ โอ๊ยยย!จะบ้า!” ด้วยความตื่นเต้นบวกกับความเขินอายเลยทำให้หมี่ไม่ได้กดโทรกลับไปหาอีกฝ่ายสักทีครืดดดด ครืดดดด“อ๊ะ!โทรกลับมาแล้ว อะแฮ่ม!” หมี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง ก่อนจะกระแอมเสียงและกดรับสาย“หมี่” เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อจากปลายสายหัวใจของหมี่ก็พองโตอย่างไม่มีสาเหตุ อะไรจะเสียงหล่อปานนั้นพ่อคู๊ณณณณ“โทรมามีไร” ทว่าเจ้าตัวต้องพยายามตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองกำลังตื่นเต้นและเลิ่กลั่กมากขนาดไหน“ทำอะไรอยู่” “กำลังจะนอน” หมี่ซุกหน้าเข้าหาผ้าห่มผืนหนาก่อนตอบ“กูโทรมากวนรึเปล่า นอนเลยมั้ย” ได้ยินประโยคนี้ก็ถึงกับดีดหน้าออกจากผ้าห่มด้วยความลืมต

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status