3
ไอ้เวร & ไอ้ตีน
“นึกว่าจะไปฟ้องพ่อ” เวลายิ้มให้เด็กน้อย กวาดตามองคนที่ถูกพามาอย่างสำรวจ
ชายหนุ่มในชุดนักศึกษา เสื้ออยู่ในกางเกงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ใส่รองเท้าหนัง ผมสีน้ำตาลเข้มทรงทูบล็อกแสกกลาง ตาสีน้ำตาลอ่อน สวมแว่นเหมือนเด็กเนิร์ด แต่หน้าตาดูไม่เนิร์ดเลยสักนิด
แม่งงง หล่อกว่าเขาอีก ไม่สิ หล่อกันคนละแบบ เขาน่ะ หล่อแบดๆ ขณะเจ้านั่นดูหล่อแบบสุขุมนุ่มลึก
คงจะเป็นพวกเด็กภาคคอม ไม่ก็ปิโตร
“พี่ครับ พี่คนนี้เขาทำผิดกฎหมาย ไม่ยอมดับบุหรี่สักทีด้วย” เจ้าเด็กนั่นเห็นว่าตัวเองมีแบ็กแล้วก็รีบฟ้องทันที
“...” แรกๆ ก็เอ็นดูหรอกนะ ตอนนี้เริ่มคิ้วกระตุก อยากจะตบหัวมันสักป๊าบ
“เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง น้องไปที่อื่นเถอะ อยู่ใกล้ควันบุหรี่มากๆ มันไม่ดี” คนมาใหม่โน้มตัวลงบอกเด็กชาย ก่อนจะดันหลังให้เขาออกไปจากบริเวณนี้
“ช่วยสั่งสอนพี่เขาให้ด้วยนะครับ” ขณะที่เดินจากไปอย่างลังเล ก็ไม่วายที่จะหันหน้ากลับมากำชับพี่นักศึกษาที่เขาเป็นคนพามาช่วยจัดการ
“ไม่ต้องห่วง พี่จัดการเรียบร้อยแน่นอน”
“สู้ๆ นะครับพี่” เด็กนั่นทิ้งท้ายก่อนที่ร่างจะหายลับไปจากสายตา
“หึ จะจัดการอะไรกูล่ะ”
เวลาพ่นควันไปทางไอ้เด็กเนิร์ดอย่างไม่ยินดียินร้าย ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด
“เปล๊า จะทำร้ายสุขภาพตัวเองยังไงมันก็เรื่องของนาย แต่ทีหลังเวลาดูดก็ช่วยดูดีๆ หน่อยว่า มีคนอยู่หรือเปล่า จะได้ไม่มีใครโดนควันบุหรี่มือสอง”
“ใครจะไปคิดว่า ที่รกร้างจนไม่มีใครเดินผ่านมาขนาดนี้ จะมีเด็กบ้าหลงมาล่ะวะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาหาเรื่องอะไร เวลาจึงเลิกสูบ บี้บุหรี่ลงบนพื้นผิวดำๆ ของม้าหินอ่อน
“เออ เราว่าเราเข้าใจอยู่”
“มึงอยู่ชั้นปีไหน”
“ปีสอง”
“ไม่ต้องมาพูดเราเริวอะไรเลย ขนลุก ปีเดียวกัน เรียกกูว่า เวลา แล้วกัน”
“กูชื่อติน ไม่ใช่ตีนล่ะ เรียกให้ถูก”
เจอประโยคดักคอเข้าไป เวลาถึงกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“เออ กูมีเรียนแลป ไปก่อนนะ ตีน...”
ชายหนุ่มผมดำในเสื้อนักศึกษาเยินๆ เดินจากไปพร้อมกับหัวเราะร่า
ในที่สุดก็มีคนโดนล้อชื่อเล่นเหมือนกับเขาสักที
ใครจะไปนึกว่าคนที่เขาเพิ่งเจอ จะมาเรียนแลปด้วยกัน
เพราะสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะเปิดเทอม ตอนนั้นจึงยังเป็นช่วงแนะนำประมวลรายวิชา (Course Syllabus) พวกรายละเอียดหัวข้อที่จะเรียน การสอบ การตัดเกรด และเอกสารการเรียนต่างๆ
ซึ่งแน่นอนว่า เวลาไม่ได้เข้าเรียน ได้แต่ฝากเพื่อนเก็บเอกสารมาให้ ก็เลยไม่รู้ว่ามีพวกเด็กคณะวิทยาศาสตร์ ภาคเคมีเทคนิคมาเรียนด้วย
และเจ้าแว่นนั่นก็ดันบังเอิญอยู่ในพวกที่มาร่วมเรียนกับภาคเขาเสียด้วยสิ
ได้ข่าวว่าปกติแล้วเวลาตัดเกรดรวมกัน วิศวะมักจะได้คะแนนดีกว่า ถ้าเทอมนี้เขาดันแพ้พวกเด็กวิทยา เห็นทีว่าจะได้อับอายขายขี้หน้า
เพราะมัวแต่ไปเถลไถล นั่งเปิดดูของแจกจากระบบที่ได้มาที่ล็อกเกอร์ในห้องภาค กว่าเขาและเพื่อนๆ จะเข้ามาถึงห้องแลป ก็ใกล้เวลาเริ่มเรียนพอดี
เวลาจ้องหน้าตินที่อยู่รวมกลุ่มกับพวกแก๊งเด็กวิทยาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไม่แปลกใจเลยที่มันจะเนิร์ดแบบภูมิฐาน เป็นพวกนักวิทยาศาสตร์นี่เอง
“เอาละ แต่ละโต๊ะจะแปะรหัสนักศึกษาของพวกคุณไว้ ไปประจำโต๊ะแล้วเตรียมเริ่มการทดลองได้ สงสัยอะไรก็เรียกทีเอได้ทั้งสองคนล่ะ” หลังจากบรรยายขั้นตอนการทดลองคร่าวๆ ที่จะทำกันวันนี้เสร็จ อาจารย์ก็บอกให้นักศึกษากระจายตัวไปตามโต๊ะต่างๆ ส่วนพี่ทีเอที่พูดถึงก็คือผู้ช่วยอาจารย์ที่เป็นนักศึกษาปริญญาโทของคณะ
เมื่อหาโต๊ะของตนเจอ เวลาจึงได้รู้ว่าแลปนี้จัดโต๊ะแบบคละคณะ ให้วิศวะสลับกับวิทยา และไอ้คนที่มาอยู่ข้างๆ เขา ดั๊นเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกัน
โชคดีที่แลปนี้เป็นแลปเดี่ยว ไม่ต้องทำงานร่วมกัน
“เจอกันอีกแล้วนะ เวร”
“เพิ่งรู้จักกันก็ด่ากันเชียวนะ” คำทักทายของเด็กวิทยา ทำให้เวลาคิ้วกระตุก เขาวางสมุดบันทึกผลแลปและปากกาลงบนโต๊ะ
“ชื่อมึงมันยาวไป เรียกสั้นๆ แบบนี้แหละ ง่ายดี”
เวลาส่งนิ้วกลางไปให้ตินพร้อมกับทำปาก คอวอยอ แบบไม่มีเสียง ก่อนจะหันมาสนใจอ่านขั้นตอนการทำแลปที่ระบุไว้ในหนังสือโดยละเอียด
วิชาปฏิบัติการทางเคมีสำหรับเคมีวิศวกรรม แอดวานซ์กว่าวิชาปฏิบัติการทางเคมีตอนปีหนึ่งขึ้นมาหน่อย แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กัน เลยไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก
น่าเบื่อก็ตรงต้องจดผลการทดลองและวิเคราะห์ผลนี่แหละ
[ระบบดีใจที่เห็นโฮสต์ตั้งใจเรียน]
=*=
[ยินดีด้วยที่ทำภารกิจที่หนึ่งสำเร็จลุล่วงมาด้วยดี ระบบขอมอบภารกิจที่สอง อ่านหนังสือเตรียมความพร้อมก่อนเรียน ให้แก่โฮสต์ ของรางวัลคือแต้ม 20 แต้มต่อการเตรียมการวิชาเรียนหนึ่งวัน บทลงโทษคือ ถูกหักอายุขัย 2 ปีต่อการขาดการเรียนรู้ล่วงหน้าหนึ่งวัน]
หลังจากจบคาบแลปสูบพลังวิญญาณ ระบบก็ไม่เว้นช่วงให้เขาได้พักหายใจ จัดการให้แต้มสิบแต้ม และส่งต่อภารกิจใหม่ให้ทันที
โอ๊ยยย กะจะไม่ให้เขาได้ไปเที่ยว ไปสังสรรค์กับเพื่อนเลยหรือไง!
[โฮสต์เที่ยวมาเยอะแล้ว ถึงเวลาจริงจังกับการเรียนสักที]
สุดท้ายก็จบลงตรงที่นักศึกษาหนุ่มคณะวิศวะปีสองกลับถึงบ้านไวกว่าปกติ ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก พ่อแม่ยังไม่กลับบ้านจากการทำงานประจำ
หดหู่ หดหู่ หดหู่จนจู๋หดแล้วโว้ยยย
นั่งมองอุปกรณ์การเรียนที่ระบบมอบให้ พร้อมกับกองชีตแล้ว ก็ได้แต่นั่งเล่นหำตัวเองอย่างหดหู่
เกิดมายังไม่เคยอ่านหนังสือล่วงหน้าเลย พึ่งแต่วันไนต์มิราเคิลมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนจึงจะผ่านพ้นมันไปได้
“ระบบ ภารกิจนี้มันต้องอ่านแค่ไหนถึงจะผ่าน อ่านรอบเดียวก็พอใช่มั้ย”
[โฮสต์ต้องอ่าน เข้าใจ และสามารถจำได้ จนถึงคาบเรียนเริ่มในวันพรุ่งนี้ จึงจะถือว่าสำเร็จ]
“ถ้าอ่านแล้วเข้าใจง่ายแบบนั้น จะมีอาจารย์ไปไว้ทำไมกัน ไม่ต้องเข้าเรียนกันแล้วม้างงง”
[เข้าใจในกรณีนี้คืออ่านแล้วจับใจความได้ พอเห็นภาพ ไม่จำเป็นต้องบรรลุขนาดนั้น หากโฮสต์อ่านจนผ่านเงื่อนไขแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนให้เอง]
“เฮ้อ...”
ได้ยินดังนั้น เวลาก็ถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ใจปนกับโล่งใจ ใช้นิ้วเขี่ยๆ ชีตเรียนของวันพรุ่งนี้พร้อมกับเปิดไอแพดดูไปด้วย
ทั้งไอแพด ปากกา ไฮไลต์ ไม้บรรทัด สมุดจด เครื่องพรินต์ขนาดพกพา ล้วนถูกบรรจุอยู่ในชุดอุปกรณ์การเรียนที่ระบบมอบให้
เพราะไม่ได้อ่านหนังสือมานาน สมาธิจึงค่อนข้างจะไม่คงที่ ว่อกแว่กหยิบมือถือมาไถไปมาบ้าง แต่ความเงียบ บวกกับเสียงพลิกหน้ากระดาษ และเสียงขีดเขียน ทำให้แม่ที่เพิ่งกลับบ้านมา และย่องมาดูลูกที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะกลับบ้านก่อนเธอต้องตกใจ
เธอปล่อยประตูให้เปิดแง้มไว้อย่างนั้น ก่อนจะวิ่งตึงตังลงไปหาสามี และโวยวายด้วยเสียงอันดังลั่น
“พ่อๆ โลกจะแตกแล้ว ลูกเรามันอ่านหนังสือ!!”
“หนังสือการ์ตูนอะนะ?”“หนังสือเรียนนี่แหละ ชีตเรียน แถมยังไฮไลต์อีก น้ำต้องท่วมแน่ๆ” กมลฉันท์ หญิงวัยสี่สิบห้าที่หน้าเด็กและยังสวยเหมือนคนอายุไม่ถึงสามสิบตาเบิกกว้าง มือลูบหน้าอกตัวเองอย่างใจหายใจคว่ำ
“ก็คงจะมีควิซไม่ก็สอบย่อยแหละมั้ง”
“ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ก็ขึ้นไปดูเองเลยสิ” เธอเริ่มโวย “ลูกเราขยันขึ้นจริงๆ”
“ผมเชื่อคุณอยู่แล้ว” ธัชพล พ่อของเวลาทำเสียงอ่อย ปลอบให้คนรักเลิกของขึ้น ไม่งั้นเกรงว่าจะอดกินข้าวเย็น “ลูกเราตั้งใจเรียนก็ดีแล้ว เราก็อย่าไปกวนเขาเลย”
ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะทำหน้าที่ของตนไปเงียบๆ ไม่ทำเสียงดังรบกวนลูกชายที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสืออีก สงสัยคงเพราะเกรดที่ทำให้เขาเกือบจะถูกรีไทร์ จึงหันมาฮึดสู้ได้ในท้ายที่สุด
เวลา ลูกของพวกเขาเคยเป็นเด็กที่เรียนค่อนข้างจะเก่งมาโดยตลอด แม้จะเกเร ชอบไปนอนค้างบ้านเพื่อน ไปเที่ยวเตร่อยู่บ่อยๆ แต่ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ไปลงติวเข้ม ติวข้อสอบเสียมากมาย จนสอบเข้าในคณะที่มีคะแนนสูงได้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะวิชาเรียนในมหาวิทยาลัยมันยากเกินไป หรือเพราะอะไรกันแน่ ลูกชายของตนจึงได้เกรดตกต่ำลงถึงเพียงนี้ จะให้พวกเขาโทษลูกตัวเองเสียทีเดียวก็ไม่ถูก เพราะได้ยินกิตติศัพท์ความยากของมหาวิทยาลัยนี้อยู่เหมือนกัน มีคนต้องดร็อปเรียน หรือเรียนไม่จบก็หลายคน
ได้เห็นลูกของตนขยันขึ้นมาบ้าง ก็ได้แต่หวังว่าจะช่วยให้เขารอดพ้นจากการรีไทร์ได้ละนะ...
คู่สามีภรรยาคิด โดยหารู้ไม่ว่า... ที่ลูกของตนขยันน่ะ เพราะถูกระบบเด็กเรียนบีบบังคับต่างหากล่ะ
4วันพิเศษ โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันมหัศจรรย์มาก!!! เวลาอุทานในใจไม่หยุดตั้งแต่เริ่มเรียนคาบแรกยันคาบสุดท้ายของวัน จากที่เคยคิดว่าจะง่วง ต้องคอยถ่างตาฟังอาจารย์สอนแบบเมื่อวาน... วันนี้กลับเข้าใจเนื้อหาเกือบจะทุกอย่างได้จนไม่ง่วงอีกต่อไป แถมยังรู้สึกสนุกไปกับการจดเลกเชอร์อีก สิ่งนี้มันสุดยอด! แต่ถ้าให้เลือกระหว่างต้องอ่านหนังสือล่วงหน้าทุกวิชา กับมาเรียนเอาทีเดียวในห้องเรียน เขาขอเลือกอย่างหลังจะดีกว่า เพราะจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น อย่างเช่น... “ปะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปแดกก๋วยเตี๋ยวกัญชา แล้วไปร้านเหล้าหลังมอกัน” ธีโอเสนอ “จัดไปพวก” ภูเขาตอบรับโดยไม่ต้องคิด “ไม่เอาร้านชิลลี่โฮมแล้วนะ กูไม่ชอบนักดนตรี” คิขุว่า “โดนเขาหักอกมาก็อย่าพาลดิวะ” ธีโอพูดอย่างคนรู้ลึกรู้จริง ซึ่งเรื่องนี้คนเขารู้กันไปทั้งภาคแล้วว่า ยายคิขุแอบชอบมือกลอง แต่ไม่กล้าจีบ สุดท้ายเลยโดนสาวคณะเศรษฐศาสตร์คาบไปแดก “ก็กู-ไม่-ชอบ” “กูไปด้วยดิ” เหล่าเพื่อนร่วมภาคที่นั่งอยู่ข้างหลังเสนอหน้ากันมา โดยไม่สนใจบรรยากาศอันมาคุเล
5วีรกรรมชมดาว เปเป้ที่ตอนนี้เดินขาเป๋สมกับฉายาก็ช่างซ่าเหลือเกิน ยื่นแก้วเข้าไปกลางวงจนน้ำกระฉอกกระจายไปทั่ว ทำเอาคนที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นหนี แตกกระเจิงกันไปหมด “เพื่อนมึงท่าจะเมาหนักแล้วนะ” ติน ชายหนุ่มที่วันนี้อยู่ในชุดลำลอง ดูไม่เป็นเด็กเรียนแบบที่เคย หันมาพูดกับเวลาที่ดูจะตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน “เออ ช่วยจัดการมันหน่อยดิ กูก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” เพราะดื่มมาตั้งแต่ห้าโมงเย็น จนเบียร์หมดไปหลายโหลแล้ว หนุ่มวิศวะจึงเริ่มคุมสติตัวเองไม่ค่อยอยู่ ได้แต่พยายามส่ายหัวให้ภาพเบลอๆ ตรงหน้าจางหายไป แม่งงง ง่วงฉิบหาย “เฮ้อ... เดี๋ยวกูจัดการให้” หนุ่มแว่นไม่พูดอะไรมาก เขาเรียกเพื่อนมาช่วย ก่อนจะพาเด็กวิศวะทั้งสองคนกลับไปที่โต๊ะ “พวกนายน่าจะกลับกันได้แล้วนะ” ตินส่ายหัวเมื่อเห็นสภาพของแต่ละคนในโต๊ะนั้น “ขอบใจมาก เดี๋ยวพวกกูก็กลับแล้วแหละ กำลังเช็คบิล” เพื่อนวิศวะคนหนึ่งตอบเสียงอ้อแอ้ ถึงแม้จะเมายังไง ก็ยังมีสติตอบกลับ “งั้นกูไปก่อนนะ กลับกันดีๆ ล่ะ” ตินบอกลาทุกคน โดยไม่ลืมหันมาบอกกับคนที่เพิ่งนั่งคอพับคอ
6เสื้อช็อปใคร “ช่วยด้วยๆ ช่วยลูกช้างด้วย” ร่างสูงของหนุ่มตี๋ขาวในชุดเสื้อกล้ามสีขาวเน่าๆ กางเกงบ็อกเซอร์ วิ่งใส่ตีนหมา โกยแน่บลงมาจากหอพักชั้นสี่ ทำให้คนที่บังเอิญเดินผ่านสับสนงุนงงไปหมด “ไฟไหม้ๆๆๆ หนีก่อน หนีๆๆ” แต่พอได้ยินเสียงร้องโวยวายว่าไฟไหม้ คนเดินผ่านก็เริ่มตกใจตาม ส่วนพวกที่อยู่ห้องข้างเคียงหรือห้องที่ชายหนุ่มวิ่งผ่าน ก็มีเปิดประตูออกมาดูบ้างประปราย สงสัยว่าจะไฟไหม้ได้ยังไง ในเมื่อไม่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังเลยสักแอะ เวลาไม่รีบร้อนตามไป เขาคว้าเสื้อและกางเกงนักศึกษาของเพื่อนในตู้เสื้อผ้า เข็มขัด รองเท้าผ้าใบเน่าๆ พร้อมกับกระเป๋าคาดเอวที่บรรจุของใช้ส่วนตัวของภูเขามา ปิดไฟปิดแอร์ หยิบกุญแจ ปิดล็อกประตูห้อง ก่อนจะเดินตามไปอย่างชิลๆ เดินหล่อๆ หนีบกระเป๋าหนังของตนไปด้วย และคอยบอกคนที่ชะเง้อหน้าออกมามองว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนเขาเพียงแค่ตื่นตูมไปเองเท่านั้น ตามลงไปจนถึงข้างหน้าหอ จึงได้เห็นเพื่อนของตนที่นั่งแผ่หลาอ้าขาโชว์ไข่หอบแฮ่กอยู่บนพื้น “ไอ้เวร มึงหลอกกู” เหนื่อยแทบตายก็ยังมีแรงยกนิ้วชี้หน้าด่าเพื่อนทรยศ เพื่
7เรียนดี กิจกรรมเด่น เด็กหนุ่มที่เข้ามาทักมีผิวขาว ตัดผมรองทรง และแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนพวกลูกคุณหนูส่วนใหญ่ในโรงเรียนเอสเค แต่อย่าให้ภาพลักษณ์ภายนอกหลอกลวงเชียวล่ะ เพราะเด็กโรงเรียนนี้ก๋ากั่น และทันโลกแบบสุดๆ ดูได้จากเพื่อนเขาหลายๆ คนเป็นตัวอย่าง แล้วนี่อะไร ไอ้เด็กนี่ใส่กางเกงนักเรียนขาอย่างสั้น หน้าขาวๆ นั่นก็มีแก้มป่องอมชมพูซะน่าหยิก ปากก็แวววาวด้วยลิปกลอส ดูน่ารักยิ่งกว่าผู้หญิงหลายๆ คนอีก ทรงอย่างนี้ ท่าทางจะฮอตในหมู่ผู้ชายน่าดู เสียดายที่เขาไม่ชอบเด็ก “ไปตามเพื่อนๆ น้องมาสิ พี่จะได้พาดูทีเดียว” ก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอก แต่ภารกิจมันค้ำคอ ไหนๆ ก็จะพาทัวร์ภาควิชาแล้ว ควรพาไปหลายๆ คน จะได้ได้แต้มเยอะๆ “ผมอยากไปกับพี่แค่สองคนนี่ครับ” ชีต้าพูดเสียงแผ่ว แล้วก็ช้อนขนตางอนๆ ขึ้นมองเขา ไอ้เด็กนี่มันร้ายวุ้ย! “น้องคิดว่า ตัวเองมีสิทธิ์เลือกงั้นเหรอ?” เวลาเอ่ยถ้อยคำเย็นชาใส่ ก่อนจะหันไปตะโกนทางอื่นเสียงดัง “น้องคนไหนอยากชมภาควิชาเคมี มารวมกันตรงนี้เร็ว ทัวร์จะออกในอีกห้านาที” หารู้ไม่ว่า ท่าทางไม่สนใจของเขานั้น ทำให้เด็
8แลกสร้อย ทัศนียภาพของคณะวิทยาศาสตร์เป็นอะไรที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความที่มีภาควิชาและนักศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำให้คณะวิทยาศาสตร์มีพื้นที่ใหญ่พอๆ กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ และมีตึกสูงมากมาย ทั้งตึกเก่าและตึกใหม่ อยู่มหาวิทยาลัยนี้มาปีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเหยียบคณะนี้เลย “นายๆ ภาควิชาเคมีเทคนิคไปทางไหนเหรอ” เวลาสุ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอยู่ข้างใต้ตึกที่สูงที่สุดของคณะวิทยา “อยู่ทางโน้น เลยตึกเก่าๆ นั่นไปอีก อธิบายค่อนข้างยากแฮะ เดี๋ยวเรานำทางให้ก็แล้วกัน” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอ็นดูคนตัวโตที่ยืนนิ่งแอ็กท่าอยู่นาน เพราะไม่รู้จะเดินต่อไปทางไหนดีหรือเปล่า ก็เลยเป็นคนเสนอตัวช่วยนำทางให้ “ขอบใจมาก” เวลาไม่คิดจะปฏิเสธความหวังดีแต่อย่างใด ระหว่างที่เดินไปกับนักศึกษาชายคนนั้น เขาก็ถามเรื่องราวเกี่ยวกับคณะที่ไม่เคยคิดจะสนใจคณะนี้ไปด้วย “...คณะนี้มีชมรมอยู่สี่ชมรม บางชมรมก็ซ้ำกับของมหาวิทยาลัย ก็เลยไม่ค่อยมีคนในคณะนี้ไปเข้าร่วมเท่าไร เช่น พวกชมรมค่ายอาสา ชมรมอนุรักษ์ อะไรงี้” “อ่าฮะ” เวล
9ระบบจับคู่? คนที่หลับตาเดินได้ทุกซอกทุกมุมคณะวิศวะ พอได้มาเดินในหอสมุดกลางก็เหมือนกับคนแปลกถิ่นที่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง จะมองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยไปเสียหมด ด้วยความที่เวลาใกล้สอบ เขามักจะขลุกอยู่แต่ในคณะตัวเองกับห้องเพื่อน จึงไม่เคยได้มาสัมผัสบรรยากาศแปลกๆ ของหอสมุดกลางแห่งนี้ ทั้งที่มีนักศึกษานั่งอยู่ตามโซนต่างๆ มากมาย แต่กลับเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ เสียงขีดเขียน และเสียงพลิกหน้ากระดาษเท่านั้น จุดที่ตินนัดเขาไว้คือชั้นสี่ของอาคารซึ่งมีทั้งหมดเก้าชั้นหลังนี้ เนื่องจากชั้นสี่เป็นโซนที่สามารถใช้เสียงได้ และมีห้องขนาดเล็กจำนวนมากพร้อมกระดานไวท์บอร์ดไว้ให้จอง เพื่อใช้ในการประชุมหรือจัดติวข้อสอบ แต่ตินก็ไม่ได้จองห้องส่วนตัวไว้หรอกนะ... มันคงจะพิลึกน่าดูถ้าจองห้องเพื่อติวกันแค่สองคน หลังจากแตะบัตรนักศึกษา เดินขึ้นลิฟต์มายังชั้นสี่แล้ว เวลาก็เลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆ พร้อมกับมองหาโต๊ะที่ติวเตอร์ส่วนตัวน่าจะนั่งอยู่ไปด้วย เนื่องจากเป็นชั้นที่ใช้เสียงได้ บรรยากาศจึงค่อนข้างจะคึกคักอยู่หน่อยๆ เพราะบางคนก็มานั่งเล่
10คนติวส่วนตัวเท่านั้น “เอาสิ ถ้าอยากติว ก็มาติวด้วยกันได้” ยังไม่ทันที่เวลาจะได้พูดในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจออกไป คนที่ทำท่าเหมือนไม่สนใจเรื่องที่พวกเขาคุยกัน ก็เป็นฝ่ายตอบตกลงเสียก่อน พ่อคนดี พ่อคนมีน้ำใจ... “จริงดิ ขอบใจมากเว้ยเพื่อน เดี๋ยวกูไปขนของมาก่อน” เวลาคว้าตัวบิวไว้ทัน ก่อนที่เขาจะผละออกไป “โทษที กูเรียนอ่อนมาก เลยจำเป็นต้องมีคนติวส่วนตัว จะให้ติวรวมคงไม่ถนัด ถ้ามึงอยากติวนัก คงต้องขอให้ตินติวแยกให้แล้วแหละ” ไม่รู้ว่าเผลอใส่แรงมากไปหน่อยหรือทำเสียงดุเกินไปหรือเปล่า ตอนที่ปล่อยมือออก บิวถึงได้ลูบข้อมือตัวเองพร้อมกับเหล่มองเขาอย่างเกรงๆ “เออ กูไม่ขัดพวกมึงก็ได้ มีอะไรดีๆ ก็มาติวกูต่อด้วยแล้วกัน” จากนั้นเพื่อนร่วมภาคตัวเล็กกว่าก็รีบถือถ้วยบะหมี่ที่เส้นน่าจะอืดแล้วเดินจากไปอย่างง่ายดาย โดยไม่คิดจะถามหาช่องทางติดต่อของตินแต่อย่างใด “จากที่ติวมึงมา มึงก็ไม่ใช่คนที่ตามเนื้อหาไม่ทันนี่ ทำไมไปปฏิเสธเพื่อนเสียอย่างนั้นล่ะ” หนุ่มแว่นถาม “ก็กูเคยบอกแล้วไงว่า จะติวกับมึงแค่ตัวต่อตัว”
11ระบบเด็กเกรียน การออกกำลังกายกลางแจ้งยามดึกเป็นกิจกรรมที่คนไทยหลายๆ คนโปรดปราน... ไม่เว้นแม้แต่เขา ก็อากาศเมืองไทยมันร้อน เล่นกีฬาตอนกลางคืนนี่แหละกำลังสบาย เหงื่อออกพอเป็นพิธี ไม่ได้เหงื่อท่วมตัวเหมือนช่วงกลางวัน “มึงซิ่วมาคณะวิศวะเลยดีมั้ย” เวลาเหน็บคนต่างคณะที่โผล่มาเล่นบาสอยู่ที่สนามบาสของคณะเขาได้ยังไงก็ไม่รู้ “ไม่ละ ไม่อยากดึงมีนคณะ เดี๋ยวมึงจะต้องถอนซะเปล่าๆ” ตินทำหน้ากวน “แหวะ อยากจะอ้วก ไอ้คนหลงตัวเอง” รู้อยู่หรอกว่ามันเรียนเก่ง มีดีให้หลง แต่เขารับไม่ได้จริงๆ “แพ้ท้องลูกใครล่ะ กูไม่รับเลี้ยงนะ” “ห้วย!!” อยากจะด่าเป็นอวัยวะเพศชาย แต่เดี๋ยวไม่ผ่านกองเซ็นเซอร์ “มึงสิท้อง” เขาน่ะเป็นผู้ชายสายรุก จะไปท้องได้ไงล่ะ ปัญญาอ่อน “ถ้ากูท้อง มึงต้องรับผิดชอบแล้วแหละ” ตินต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว “พอเลยพวกมึง จะเล่นมั้ยน่ะบาส หยอดกันไปหยอดกันมาไม่ได้ทำให้ท้องได้หรอกนะ ไว้ค่อยไปทำในที่ลับตาคนโน่น” ไอ้พี่วิคเตอร์ก็เอาอีกคน ตอนต้นห้าม แต่ตอนหลังยุยงเต็มที่ นี่มันไม่ใช่โลกที่ผู้ชายท้องได้โว
บทส่งท้าย ภาคเรียนที่สองผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ช่วงที่ผ่านมา ชีวิตประจำวันของเวลาดำเนินไปคล้ายๆ กับภาคเรียนที่หนึ่ง ต่างกันแค่มีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น ภารกิจของระบบเด็กเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะซ้ำๆ ไม่ได้แปลกแหวกแนวให้เขาต้องไปกู้โลกอะไร ส่วนระบบเด็กเกรียนนั้น ได้โผล่ออกมาอีกสองครั้งสั้นๆ แต่ก็ทำให้เขาได้แลกยันต์เพิ่มโชคลาภมาได้ครบห้าอัน และใช้มันเพื่อให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่สองเป็นที่เรียบร้อย หากไปบอกใครเข้า เขาก็คงงงว่า ทำไมแค่แกล้งคน ก็ได้เงินด้วย ได้ตั้งสองแสนบาทแน่ะ ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับตินก็ราบรื่นดี มีงอนกันบ้างนิดหน่อย แต่ง้อบนเตียงก็หาย ถ้าเป็นเรื่องที่หนักๆ หน่อย ก็เคลียร์ใจกันทั้งวันทั้งคืนเอา “ปิดเทอมใหญ่ไปเที่ยวไหนกันวะ” ธีโอถามเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังเคลียร์ของในล็อกเกอร์ที่ห้องภาคกันอยู่ “กูจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นเรียบร้อย” คิขุว่า “ไม่ไปไหนอะ กิน ขี้ ปี้ นอน แดกเหล้าพอ” ภูเขาตอบ “แล้วมึงอะ ไอ้เวร” ธีโอหันมาถามคนที่กำลังพิมพ์แชทในมือถืออยู่ “ก็คงเที่ยวในประเทศนี
32อวดผัวแม้แต่กับเด็ก วันต่อมา วิธีของเวลาใช้ได้ผลกับแค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนที่สามที่เขานำวิธีนี้ไปใช้ด้วย ถึงกับลุกหนี และไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรต่อ เวลาลองต่ออีกสองคน โดยพยายามหาวิธีใหม่ๆ แต่ก็คว้าน้ำเหลว ส่วนคนสุดท้ายนั้น ยอมรับยาของเขาไป แต่ยังไม่ได้ใช้ต่อหน้า และไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนหรือเปล่า แต่เขาไม่ห่วงเรื่องยาวิเศษจะถูกเอาไปตรวจสอบหรอกนะ เพราะว่าของจากระบบ หากถูกขโมยไป หรือถูกนำไปใช้โดยคนที่เวลาไม่ได้มอบให้ ก็จะสลายหายไป [เมื่อวานโฮสต์ทำสำเร็จไปสามราย ยินดีด้วยนะโฮสต์] หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ระบบก็แจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ ซึ่งหมายความว่า คนสุดท้ายได้ลองกินยาของเขาเรียบร้อยแล้ว T.Tin: วันนี้ก็จะไปอีกแล้วเหรอ Vaela: อื้อ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะรีบไปหาที่คอนโดเลย T.Tin: รีบๆ มาล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนด้วยกัน เพียงแค่อ่านข้อความไลน์ เวลาก็จินตนาการภาพของหมาขี้อ้อนขึ้นมาได้ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมแล้ว เขาจึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่า ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนได้อีก ถึงแม้เขา
31ภารกิจกู้โลก [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ผ่านการสอบปลายภาคมาได้ด้วยดี ไม่ตายไปเสียก่อน ระบบขอมอบภารกิจที่เจ็ด ซึมเศร้าฝังลึก เปลี่ยนเด็กซึมให้กลับมาเป็นเด็กเรียน ของรางวัลคือแต้ม 40 แต้มต่อการช่วยเหลือคนหนึ่งคน บทลงโทษคืออายุขัยสั้นลง 2 ปี และถูกจั๊กจี้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ติดกัน 7 วัน] [เนื่องจากภารกิจนี้มีความยากค่อนข้างสูง ระบบจึงขอส่งตัวช่วยพิเศษ ผู้ช่วยส่วนตัวชั่วคราว ให้โฮสต์ได้ใช้งานเป็นเวลาทั้งสิ้นสองวันเต็ม] เวลาเปิดอ่านรายละเอียดของภารกิจหลักที่ค่อนข้างจะแปลกไปในครั้งนี้ ก่อนจะเข้าใจว่า ทำไมระบบเด็กเรียนถึงได้ปล่อยภารกิจนี้มา อัตราการฆ่าตัวตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาโรคซึมเศร้า เป้าหมายที่ระบบต้องการให้เขาไปเปลี่ยนแปลง คือนักศึกษาที่เคยเรียนเก่งมากๆ มาก่อน แต่เมื่อผลการสอบหรือเกรดผิดจากความคาดหวัง จึงเกิดการเสียศูนย์ รู้สึกกดดันจากรอบข้าง บวกกับสารในสมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด แน่นอนว่า นักศึกษาเหล่านั้นได้เข้ารับการรักษาโรคแล้ว แต่เมื่อพยายามจะออกกำลังกาย พยายามจะทำตามที่หมอบอก
30ติวสอบกันยันเช้า อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงการสอบปลายภาค ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง แน่นอนว่านักศึกษาจะต้องขยันอ่านหนังสือสอบกันเป็นอย่างมาก ยิ่งใกล้วันสอบ สภาพของแต่ละคนก็ยิ่งดูไม่ได้ หน้าไม่ได้แต่ง เสื้อไม่ได้รีด ผมไม่ได้สระ ตาโหลยิ่งกว่าหมีแพนด้า มันหน้าแผล็บเหมือนคนไม่ได้ล้าง เวลาก็เป็นไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ต่อให้ดูหล่อเถื่อนอยู่ตลอดเวลาแค่ไหน แต่ยามนี้กลับตาโหลเป็นพิเศษ หนักหน่วงเสียยิ่งกว่าช่วงสอบกลางภาค “สภาพมึงดูไม่ค่อยจะได้เลยนะ” ต้าทักเวลา เขาเป็นเพื่อนร่วมภาคที่ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็มักจะไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ “มึงสิ หนักกว่ากูเยอะ” เวลาส่ายหัวให้กับคนไม่ดูตัวเอง สภาพแม่งยิ่งกว่าซอมบี้ นี่ถ้าใส่เสื้อผ้าขาดๆ หน่อย คงไปถ่ายหนังเป็นซอมบี้ตัวประกอบได้เลย “หึ! ไฟนอลนี่แหละ จะเป็นตัวตัดสินว่า กูจะเอฟไม่เอฟ” ต้าชูกำปั้นขึ้นระดับไหล่ ตามองขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวละครในอานิเมะ ต้านี่ก็บ้าดีเดือดเหลือเกิน คะแนนต่ำก็ไม่คิดจะถอน ดันตัดสินใจสู้สุดฤทธิ์ เพราะเห็นเวลาเป็นไอดอล อยากจะทำให้ได้อ
29วิธีใช้โปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ถูกต้อง ‘ทำยังไงให้แฟนรักแฟนหลง’ ข้อความนี้ถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหาของโปรแกรมค้นหาสารพัดนึกที่ได้มาจากระบบเด็กเกรียน [โฮสต์อย่าใช้โปรแกรมแบบผิดๆ สิ] จะไปใช้กูเกิลทำไม ในเมื่อมีโปรแกรมดีๆ แบบนี้ซะอย่าง เวลาเคยลองเซิร์ชหาข้อมูลทั่วไปในการเรียน ไปยันข้อมูลที่ไม่น่าจะมีได้อย่าง รายชื่อสายลับซีไอเอ ข้อมูลเดินบัญชีลับของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง หรือแม้แต่ข้อมูลแปลกๆ อย่าง งานวิจัยลับทดลองสร้างมนุษย์โคลนเวอร์ชันหกสิบเก้า หรือวิธีทำคุณไสยแบบโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย [แต่พวกที่เป็นฮาวทู เป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต่อให้ค้นหาในโปรแกรมนี้ มันก็เชื่อไม่ค่อยจะได้นะโฮสต์] เอาน่า แค่อ่านเล่นเฉยๆ ไม่ได้จะทำตามสักหน่อย บอกปัดระบบเสร็จ เวลาก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อมูลที่ตนได้มาจากการเซิร์ชอย่างรวดเร็ว กวาดตาเก็บทุกรายละเอียดฝังลึกไว้ในหัวเสียยิ่งกว่าตอนอ่านหนังสือสอบ อะแฮ่มๆ ลืมบอกไปเสียสนิทว่าเขากับตินน่ะ... เป็นแฟนกันแล้วววว หลังจากที่สารภาพแล้วเดินหนีไปหาเปเป้ พวกเขาก็ไม่ได
28คำอธิษฐานที่อยากบอก คนที่ยึดถือเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่ทำร้ายแม่น้ำเด็ดขาด ตอนนี้กำลังกลับคำพูด เวลามองบ่อน้ำของมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยกระทงหลากหลายรูปแบบลอยละล่องอยู่เต็มไปหมดอย่างใจลอย ลอยกระทงเป็นเทศกาลที่ไม่ควรจะมาลอยคนเดียวจริงๆ เพราะมีแต่คู่รักเต็มไปหมด ทั้งเด็กมอปลาย ทั้งเด็กมหาวิทยาลัย เห็นแล้วมันช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน แต่ปีนี้เวลาไม่อิจฉาหรอก เพราะเขาก็มีคนมาลอยด้วยเหมือนกัน ไม่นึกว่าการแค่ชอบใครคนหนึ่ง จะทำให้รู้สึกใจพองฟูได้มากขนาดนี้ หลังจากจบเหตุการณ์รับน้องของภาควิชา เขากับตินก็ได้เจอกันแค่ในแล็บ กับในสนามบาสของคณะวิศวะเพียงบางครั้งเท่านั้น วันๆ ของเขาหมดไปกับการทำภารกิจตั้งใจเรียนของระบบ สิ่งที่เยียวยาจิตใจได้เพียงอย่างเดียว เห็นจะเป็นการแชร์คลิปตลกๆ คลิปสัตว์เลี้ยงน่ารักให้ตินได้ดู และเห็นอีกฝ่ายกดรีแอ็กชันหัวเราะหรือหัวใจตอบกลับมา การสังสรรค์ในวงเหล้ากับเพื่อนก็ไม่สนุกเท่าเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะในใจเอาแต่คิดถึงคนที่ตัวเองชอบ แม่งเอ๊ย! เข้าใจแล้วว่า ทำไมคนมีความรักถึงรู้สึกว่าโลกทั้ง
27งานลอยกระทง [ยินดีด้วยกับโฮสต์ที่ทำภารกิจที่หกสำเร็จ ได้รับแต้มทั้งหมด 40 แต้ม และของรางวัลการผ่านภารกิจเป็นยาเสน่ห์อาจารย์รักอาจารย์หลง] [ติ๊ง! เนื่องจากโฮสต์ผ่านภารกิจด้วยเงื่อนไขสูงสุด ได้รับอั่งเปาพิเศษ สุ่มสินค้าจากระบบได้จำนวนสองครั้ง] ถึงแม้เสียงประกาศจากระบบจะน่าตื่นตาตื่นใจมากแค่ไหน แต่เวลาก็เลือกที่จะจดจ่ออยู่กับคนข้างกายมากกว่า หลังจากที่ตินพารุ่นน้องปีหนึ่งเดินมาถึงระยะที่ค่อนข้างปลอดภัยแล้ว รุ่นพี่ปีสี่อีกหลายคนก็รีบวิ่งลงน้ำทะเล ไปช่วยแบกร่างของทั้งคู่ขึ้นมานอนบนชายหาดที่มีคนเตรียมผ้าปูรองไว้ได้สำเร็จ โชคดีที่ฝ่ายปฐมพยาบาลรู้วิธีช่วยคนจมน้ำ ก็เลยสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้บ้าง ก่อนที่รถพยาบาลจะตามมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน คราวนี้เสียงหวอของรถพยาบาลดังทั่วรีสอร์ตจนนักศึกษาส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมาเกือบหมด พวกนักศึกษาชั้นปีสามก็เลยคอยทำหน้าที่ไปดูแลความสงบเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้น้ำทะเลอีก ส่วนเวลาก็ขับรถยนต์ของตินตามรถพยาบาลไป เพราะแค่คนจมน้ำหนึ่งคน และคนว่ายน้ำจนหมดแรงหนึ่งคนก็แน่นรถของโรงพยาบาลแล้ว
26ฮีโร่ ย้อนกลับไปสามสิบนาทีก่อนเกิดเหตุ ตินที่ไม่มีหนุ่มนักเลงอย่างเวลาคอยตามอยู่ข้างกายอีกต่อไปนั้น ดึงดูดความสนใจของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี เริ่มจากเด็กปีหนึ่งสองคนที่พากันเดินมาขอชนแก้วด้วย แต่หลังจากชนแล้วก็ไม่คิดที่จะเดินกลับไปแต่อย่างใด พวกเธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่อย่างใจกล้า “ทำไมหนูไม่เห็นพี่ตอนที่ทำกิจกรรมเลยล่ะคะ” หญิงสาวผมหน้าม้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “นี่ อย่าไปถามอะไรอย่างนั้นสิ ถามว่าพี่ตินกินอะไรถึงได้หล่อแบบนี้ดีกว่า” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เพื่อนสาวอีกคนพาเปลี่ยนเรื่อง “พอเลยพวกเอ็ง อย่าไปแซวเยอะ เดี๋ยวไอ้ตินมันเขินหมด” ธีโอรีบออกหน้าช่วยเมื่อเห็นตินเพียงยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดเหล่านั้น ในความคิดของธีโอ ตินก็เป็นเพียงเด็กเนิร์ดตั้งใจเรียนที่กินเหล้าได้นิดหน่อย วันๆ เอาแต่ทำกิจกรรมของสโมสรกับพวกค่ายต่างๆ คงไม่ชินกับการที่ถูกสาวมาเต๊าะเอาซึ่งๆ หน้า “พี่ตินไม่เขินหรอก ท่าทางดูเป็นผู้นำแบบเนี้ย น่าจะนำสาวๆ มาเยอะ” น้องผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีส้มว่า “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก พี่เป็นแค่รองประธานสโมสรนิสิตกั
25พยายามเอาใจ ร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาวกางเกงขาเท่าเข่าเหมือนหนุ่มเกาหลี แต่คีบอีแตะหนีบสไตล์ไทย โอบไหล่เวลาเบาๆ อย่างแสดงความสนิทสนม เขาส่งยิ้มไปให้เหล่าเด็กปีหนึ่งที่มองมาหน้าสลอน “พี่ต้องขอพาเพื่อนพี่ไปก่อนนะ” “อะ...เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะพี่” น้องผู้หญิงคนหนึ่งรีบละล่ำละลักออกมา หลังจากตกใจในความหล่อของหนุ่มแว่นจนตาค้าง เผลออ้าปากหวออยู่นานสองนาน “...” ตินหยุดเดิน หันกลับไปมอง เป็นสัญญาณให้เธอพูดต่อ “คือ... พี่มาร่วมวงกับพวกเราสิคะ พวกเรากำลังชวนพี่เวลาอยู่พอดี” “ขอบคุณครับ แต่ไม่รบกวนดีกว่า น้องๆ สนุกกันไปเถอะ” ตินปฏิเสธอย่างสุภาพ ยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ จากน้องผู้หญิงคนอื่นได้มากขึ้น “งั้นก็ได้ค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอคะ” ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะได้ตอบออกไป เวลาก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ไอ้หมอนี่มันชื่อติน พวกพี่ขอตัวก่อนนะ” จากนั้นก็เป็นฝ่ายลากแขนคนข้างตัวเดินออกมาแทน ที่เวลาพูดแทรก ก็เพราะไม่อยากให้ตินบอกอะไรออกไปมาก เดี๋ยวถ้ารุ่นน้องรู้ว่า ตินไม่ได้อยู่คณะวิศวะ กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาในภ